ติดตามสถานะการณ์

ทหารปฏิรูปประเทศไทย



วันที่ 16 ม.ค.58 อเมริกา และ EU เปลี้ยนไป๋..ไหงกลายเป็นลูกแมวเชื่องซะขนาดนี้
คิวบา กับ อเมริกา และ EU ยุติความสัมพันธ์กันมานมนานมากแทบครึ่งอายุคน จนเมื่อไม่นานมานี้รัสเซียจะไปตั้งฐานยิงขีปนาวุธติดหัวรบนิวเคลียร์ที่คิวบา เล่นเอาชาติตะวันตกตาเหลือก ลิ้นจุกปาก รีบคลานเข่าเข้าไปหาผู้นำคิวบา ที่เป็นลูกชาย ฟิเดล คาสโตร ผู้ไม่เคยอ่อนข้อให้ชาติตะวันตก
คิวบาจะเอาอะไร อเมริกา และ EU ยอมทุกอย่าง ยกเว้นดาวกับเดือน แต่ถ้าอยากได้จริงๆ จะส่งยานอวกาศไปสอยมาถวายใส่พานให้คิวบา อเมริกาถึงขนาดจัดเที่ยวบินโดยสารแบบฉับพลัน บินระหว่างอเมริกา กับคิวบา ระเบียบอะไรที่ขัดขวาง ยกเลิกๆๆ ให้หมดเดียวคิวบาจะโกรธ ทำให้คิวบาแอคอาท เล่นตัวขึ้นมาทันที
แต่เดิมกระบวนการเจรจาระหว่าง EU กับคิวบา เริ่มมาตั้งแต่ปีที่แล้ว 2 ครั้ง ทางคิวบาแจ้งขอยกเลิก พอกำหนดเจรจาครั้งที่ 3 ในเดือนธันวาคม 57 คิวบาก็ยกเลิกอีก ทีนี้กำหนดนัดใหม่อีกครั้งในเดือนมีนาคม 2558 ทางคิวบาก็แจ้งขอยกเลิกอีกเช่นกัน..เต๊ะจุ้ยซะงั้น
คิวบา ยื่นเงื่อนไขว่า ไม่ต้องการให้ EU ออกมาตรการที่เข้มงวด โดยเฉพาะประเด็นสิทธิมนุษยชน และสังคม...EU ลุกยืนขึ้น หน้าถมึงทึง ด้วยความโกรธ...แล้วกล่าวด้วยเสียงอันดังว่า !!
เหมียว เหมียวๆ..ดีครับท่าน เช่นนั้นครับผม..นัดหมายกันอีกทีเดือน มีนาคม 58 นะนะ...ว่าแล้ว EU ก็ค่อยๆ คลานไปคลอเคลียขาคิวบาทันที...โถ ระเบิดนิวเคลียร์นี่มันทำให้คนมะกัน กับ EU นิสัยเปลี่ยนฉับพลันทันที อย่างกับสภาพอากาศตอนนี้แน่ะ
นี่คือบทพิสูจน์ว่า ฝรั่งตะวันตก ถ้าเจอคนเอาจริงก็จะไม่สู้และยอมถอย แต่ฝรั่งจะเก่งเฉพาะคนที่ยอมหงอให้ตนก่อนเท่านั้น
@ เสธ น้ำเงิน1 : กดปุ่ม “ติดตาม” ด้านบนเพจ เพื่อรับข่าวครั้งต่อไป
http://www.facebook.com/thailandcoup

 

ทหารปฏิรูปประเทศไทย



วันที่ 16 ม.ค.58 สุดจะงง..อเมริกา ทำให้เกิดผู้อพยพซีเรีย แต่ UNHCR เรียกร้องชาวโลกช่วย
จากการที่อเมริกา และชาติพันธมิตรอีก 12 ชาติ ส่งเครื่องบินไปรุมทิ้งระเบิดใส่ซีเรีย และหนุนกลุ่มก่อร้ายสารพัดกลุ่ม ให้สู้รบกับรัฐบาลซีเรีย จนมีผู้ลี้ภัยชาวซีเรียมากกว่า 5 แสนคน หนีไปพำนักอยู่ในพื้นที่ชนบท หรือแห้งแล้งนอกเขตค่ายผู้ลี้ภัยหลัก ในจอร์แดน ท่ามกลางสภาพอากาศ ที่อยู่ในความหนาวเย็น
ผู้ลี้ภัยกลุ่มนี้ไม่มีทั้งอาหาร และไม่มีไฟฟ้าใช้ ส่วนใหญ่มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ต่ำกว่าระดับยากจนขั้นรุนแรงมีรายได้ต่อเดือนไม่ถึง 1,320 บาท ผู้ลี้ภัยจำนวนมาก ต้องแบ่งปันห้องเช่ากับอีกหลายครอบครัว ต้องทำงานหนัก เพื่อค่าแรงเพียงเล็กน้อย ขณะที่สตรีถูกบังคับให้ค้าประเวณี UNHCR จึงขอให้ร่วมกันบริจาคสนับสนุนความช่วยเหลือเพิ่มเติม
---------------------------------->
UNHCR นี่เป็นตัวตลกประจำโลก หรือเปล่า การแก้ปัญจะไปยากอะไร ก็แค่อเมริกา กับชาติพันธมิตร ถอนกำลังทหาร ไม่ทิ้งระเบิดใส่ชาวบ้าน ทั้งกว่า 5 แสนคนนี้ ไม่นานเขาก็กลับไปดินแดนบ้านเกิดเขา ที่อุดมไปด้วยน้ำมัน และพวกเขาก็จะมีรายดีขึนมาเอง การแก้ปัญหาผู้อพยพ ต้องแก้ต้นเหตุคนที่ทำให้พวกเขาต้องอพยพ ไม่ใช่ UNHCR มาเรียกร้องปลายเหตุให้คนอื่นเขาบริจาค
ที่คนที่เขาน่าสงสารแบบนี้ UNHCR กลับไม่ให้เขาลี้ภัยไป เนเธแลนด์ ออสเตรเลีย ฝรั่งเศส อเมริกา แต่ทีขบวนการล้มเจ้าในไทยทุกคน ไม่ได้ลำบากอะไรเลย รับเงินท่อน้ำเลี้ยงกันอู่ฟู่ แต่ UNHCR กลับกุลีกุจอ หาประเทศที่สามลี้ภัยให้ หาเงินให้ใช้ หาบ้านให้อยู่
องค์กร UNHCR เป็นอะไรมากหรือเปล่าเนี่ย ??
@ เสธ น้ำเงิน2 : กดปุ่ม “ติดตาม” ด้านบนเพจ เพื่อรับข่าวครั้งต่อไป
http://www.facebook.com/thailandcoup

 

ทหารปฏิรูปประเทศไทย



วันที่ 16 ม.ค.58 เมื่อหนังสือพิมพ์ล้อเลียนศาสนาอื่นวางตลาด ฝรั่งเศส และยุโรป ก็ยิงกันวุ่นไปหมด
ตำรวจฝรั่งเศส ได้เรียกตัวผู้ต้องสงสัย 12 คน ไปสอบปากคำในกรุงปารีสเมื่อคืนนี้ และซักถามคนเหล่านั้นว่า ได้ให้การช่วยเหลือทางด้านโลจิสติกส์ เช่น การจัดหาปืนหรืออาวุธต่างๆ ให้แก่คนร้ายกลุ่มนั้นหรือไม่ จากนั้น ตำรวจได้บุกเข้าตรวจค้นบ้านต้องสงสัยใน 5 ย่านของกรุงปารีส
คือ มงต์รูจ, กริกนี, ชาเตอเนย์ มาลาบรี, เอปิเนย์ซูร์แซน และเฟลรีเมโรจิส ล่าสุด มีการอพยพผู้โดยสารออกจากสถานีรถไฟใต้ดิน กา เดอ เลสต์ในกรุงปารีสในวันนี้ อย่างโกลาหล อลหม่าน หลังมีคำขู่ว่าจะมีการวางระเบิดสถานีรถไฟฟ้า
รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ได้เยือนกรุงปารีสในวันนี้ " เขาได้สวมกอดกับประธานาธิบดี ของฝรั่งเศส " ระบุว่าสหรัฐฯ รู้สึกเจ็บปวดและ " สะพึงกลัว" กับเหตุการณ์ที่ฝรั่งเศสเพิ่งประสบมา สหรัฐฯ และฝรั่งเศสจะต้องร่วมกันทำงานเพื่อแก้ไขปัญหานี้...โอ้ววว..ทำไปด้าย
--------------------------------->
ตำรวจเบลเยียม บุกจู่โจมแหล่งกบดาน ผู้ต้องสงสัยก่อการร้ายในเมืองเววิแอร์ ทางตะวันออกของประเทศ กลุ่มคนร้ายมีอาวุธครบมือ จนเกิดการยิงปะทะกันอย่างดุเดือดกับกลุ่มคนร้าย มีเสียงปืนและระเบิด ดังไม่ขาดสายใกล้ร้านขนมปังแถวสถานีรถไฟ ผสานกับเสียงและแสงไฟ จากไซเรนของรถตำรวจ
และยังเกิดเพลิงไหม้ในอาคารที่เป็นเป้าหมายด้วย ตำรวจสังหารคนร้ายได้ 2 และ และจับกุมได้อีก 1 ราย สอบสวนแล้วเป็นกลุ่มหัวรุนแรงนักรบ IS ที่เพิ่งเดินทางกลับมาจากซีเรีย , ตำรวจยังได้จับ ชายต้องสงสัยคนหนึ่ง ในเมืองชาร์เลอรัว ทางตอนใต้ ในข้อหามีอาวุธในครอบครองอย่างผิดกฎหมาย
มีส่วนเกี่ยวข้องกับนายอเมดี กูลิบาลี มือปืนที่บุกจับตัวประกันในซูเปอร์มาเก็ตย่านแวงแซนส์ ชานกรุงปารีสของฝรั่งเศส เนื่องจากเขาพยายามติดต่อขอซื้อรถจากภรรยาของนายกูลิบาลี ทำให้เบลเยียม ต้องยกระดับการเฝ้าระวังการก่อการร้ายขึ้นมาอยู่ในขั้นเกือบสูงสุด
--------------------------------->
มีพลเมืองแคนาดา 5 คน เสียชีวิตจากการสู้รบร่วมกับกลุ่ม IS ในซีเรีย รวมถึง นายจอห์น แมกไกวร์ ที่เรียกร้องให้สมาชิกกลุ่ม IS ใช้วิธีการโจมตีแบบบุกเดี่ยวในแคนาดา เขาเป็นอดีตนักศึกษามหาวิทยาลัยแห่งกรุงออตตาวา ขู่รัฐบาลแคนาดาว่า อาจจะถูกแก้แค้นจากกรณี เข้าร่วมปฏิบัติการของสหรัฐฯ และพันธมิตร เพื่อโจมตีที่มั่นกลุ่ม IS ในซีเรีย
--------------------------------->
ไม่เป็นอันทำมาหากินกันแล้วประเทศเลือกตั้งประชาธิปไตย หาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินประชาชนไม่ได้เลย เดี๋ยวเปรี้ยงที่โน่น บึ้มที่นี่ ตูมที่นั่น ขู่วางระเบิดที่โน่น อพยพประชาชนหนีตายอลหม่าน ตำรวจยืนถือปืนกันเต็มเมืองดังในภาพ ชีวิตคนยุโรปยามนี้ มันปลอดภัยกว่าไทยตรงไหน ?
ตรงข้ามประเทศอนุรักษ์นิยม แบบไทย บรูไน จีน ฯลฯ มีเหตุรุนแรงน้อยมาก และจำกัดวงแคบๆ แทบนั้น ไม่บานปลายลุกลามเหมือนยุโรป และอเมริกา ที่อยู่กันแบบบ้านป่าเมืองเถื่อน....................

@ เสธ น้ำเงิน2 : กดปุ่ม “ติดตาม” ด้านบนเพจ เพื่อรับข่าวครั้งต่อไป
http://www.facebook.com/thailandcoup

 

ทหารปฏิรูปประเทศไทย



วันที่ 16 ม.ค.58 เศรษฐอเมริกา ดิ่งเหว เริ่มปลดพนักงานตกงานถ้วนหน้าแล้ว แต่ราคาสินค้าไทยกลับจะลดลง
ประเทศสหรัฐฯ ผลิตน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นเป็น 9.19 ล้านบาร์เรลต่อวัน สต็อคน้ำมันของมะกันก็อยู่ราวๆ นี้ ล่าสุด ธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ เฟด ระบุว่า การดิ่งลงของราคาพลังงานกำลังส่งผลกระทบต่อบริษัทผู้ผลิตน้ำมัน และก๊าซของสหรัฐฯ บางบริษัทถึงกับต้องปลดพนักงาน ขณะที่บางบริษัท ก็ต้องดิ้นรนเพื่อกู้เงินมาเสริมสภาพคล่อง
ในส่วนปริมาณการผลิตน้ำมันดิบโดยเฉลี่ยของกลุ่มโอเปค จำนวน 30.20 ล้านบาร์เรลต่อวัน ส่งผลให้ภาวะการซื้อขายในตลาดน้ำมันยังคงซบเซา เนื่องจากตลาดน้ำมันโลก มีปริมาณน้ำมันส่วนเกินอยู่กว่า 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน (ปกติทัวโลกใช้ราว 29 ล้านบารเรลต่อวัน) ส่งให้ราคาน้ำมันโลก รูดลงไปอยู่ที่ 46.25 ดอลลาร์/บาร์เรล
ในปี 2558 คาดว่าปริมาณน้ำมันดิบจากโอเปค จะผลิตที่ 28.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน
----------------------------------->
ต้นทุนผลิตน้ำมันจากหิน ของอเมริกา ราว 60 US ต่อบารเรล เมื่อราคาตลาดโลก 46 US อเมริกา จะขาดทุนบักโกรกตลอดเวลา 14 US ต่อบาร์เรล จึงเป็นไปตามที่บอกไว้เมื่อหลายวันก่อนหน้านี้ ว่าตลาดหุ้นอเมริกาจะร่วง จะไล่พนักงานออก และดิ้นรนกู้เพิ่ม แต่ไม่มีเงินใช้หนี้เก่า ธนาคารในอเมริกา จะล้มกันระเนระนาด
ตลาดหุ้นในอเมริกา และ EU จะผันผวน และลดลงต่อไป ส่วนในไทยจะเพิ่มขึ้นนิดหน่อย แต่อย่าไปเชื่อข่าวลือ ข่าวสร้างภาพ จากสื่อตะวันตกให้มาก หลีกเลี่ยงการซื้อหุ้นพลังงาน เพราะไม่มีอนาคตเสียแล้ว ซื้อไปก็เจ็บตัวเปล่าๆ เพราะรอปันผลคงแห้ว และหวังเก็งกำไร ใครล่ะจะมาซื้อต่อ , ราคาทองคำคงขึ้นๆ ลงๆ แต่บวกลบคูณหารสุทธิแล้ว จะขึ้นมากกว่าลง
อเมริกา ยังมีน้ำมันสต็อค เหลืออยู่มากมหาสาล เพราะต้องเตรียมไว้สำหรับก่อสงคราม และตรึงเปโตรดอลลาร์ไว้ แต่ผลกลับเร็วร้าย เพราะยิ่งทำให้น้ำมันล้นตลาด ราคาร่วงลงตลอดเวลา ก็ทำให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนอยู่ดี เมื่อเทียบกับค่าเงินอื่นๆ เช่น ฟรั่งสวิส ฯลฯ จะยิ่งโกลาหลกันไปใหญ่ ฉุดยูโรให้ลดค่าลงไปกว่า 30 % ด้วย
ใครต้องจ่ายหนี้เป็นยูโร US หรือฟรังสวิส ก็ตายกันพอดี เพราะต้องจ่ายมากกว่าเดิม กำไรก็หด แถมตลาดก็กำลังซื้อลดลงอีก นี่กำลังฆ่านักธุรกิจรายย่อย ใน US และ EU ชัดๆ เพราะเงินมันจะไหลขึ้นไปหานายธนาคารระดับเบิ้ม และพวกยิวไซออนิสต์หมด
ในส่วนรัสเซีย ต้นทุนผลิตน้ำมันเขาราว 40 US จึงมีกำไรอีกนิดหน่อยราว 6 US ต่อบาร์เรล และโอเปค มีต้นทุน 30 US ยังมีกำไร 16 US งานนี้สรุป..อเมริกา และ EU บาดเจ็บอยู่กลุ่มเดียว ส่วนประเทศที่ใช้น้ำมัน หรือ เป็นตัวกลางขาย เช่น ญี่ปุ่น สิงคโปร์ ฯลฯ ก็ชอบอกชอบใจกันใหญ่ เพราะรายได้มากขึ้น
ในส่วนของไทยนั้น ราคาขายน้ำมันหน้าปั้ม ก็จะทะยอยลดมาอีก สินค้าอื่นๆ จะทะยอยลดตามมา เช่น น้ำมันหล่อลื่น เม็ดพลาสติก กระเบื้องมุงหลังคา เหล็กแผ่น เหล็กเส้น ปูนซีเมนต์ ปุ๋ยเคมี และอื่นๆ ก็จะลดตามมาเรื่อยๆ ดังนั้นใครทำธุรกิจพวกอู่ซ่อมรถ ขายน้ำขวด ผู้รับเหมาช่วงนี้จะกำไรเพิ่มขึ้น เพราะราคาวัสดุจะทะยอยลดลง...
ใครจะสร้างบ้าน ในช่วงนี้ให้รีบลงมือ และแนะเทคนิคเติมน้ำมันไปแล้ว ว่าให้เต็มพอใช้ครั้งละสัปดาห์ เพื่อคะเนให้รับกับราคาน้ำมัน ที่จะลดลงไปอีก ภายในไม่นาน คนไทยคงจะได้ใช้น้ำมัน 5 ลิตร 100 บาท .........................
แต่ราคาแก๊ส ต้นทุนยังสูงอยู่ ............................
@ เสธ น้ำเงิน4 : กดปุ่ม “ติดตาม” ด้านบนเพจ เพื่อรับข่าวครั้งต่อไป
http://www.facebook.com/thailandcoup

 

ทหารปฏิรูปประเทศไทย



วันที่ 16 ม.ค.58 เมื่อทุกอย่างพร้อม..ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหลาย ก็ยืนบนเวที เตรียมตัดริบบิ้นผ้าแพรเปิดงานอย่างเป็นทางการ
ว่าแล้วว่าเมื่อวานรหัสลับเลข 15 เกิดเหตุอะไร เมื่อจอร์ทโซรอร์ท พ่อมดการเงินจากมะกันบุกไปเยือนประธานาธิบดียูเครนถึงถิ่น ส่งผลให้ประธานาธิบดีที่เคยทำธุรกิจลูกกวาด จากยูเครน ลงนามในกฎหมายระดมเกณฑ์กำลังพล และเคลื่อนพลแล้ว เริ่มระรอกแรก 20 ม.ค.58 นี้
ในการเคลื่อนพล ครั้งที่ถัดไป (ถ้ายังเหลือยูเครนในแผนที่โลก) จะดำเนินการช่วงเม.ย.- มิ.ย.58 ด้านอาวุธทันสมัย เช่นปืนไรเฟิลลอบยิงระยะไกลประสิทธิภาพสูง จากมะกัน ก็ส่งถึงยูเครน เพื่อนำไปรบเป็นสงครามตัวแทนให้หนำใจเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้สนามรบตรงเมืองโดเนกต์ ชายแดนรัสเซีย ไม่มีคำไหนจะบรรยายแทนได้ นอกจากคำว่า "ยิงกันแหลก"
ส่วนหมีขาว ผู้นำรัสเซีย สั่งกองทัพ ทะยอยนำขีปนาวุธพิสัยไกลข้ามทวีป RS-12M , Topol ติดหัวรบนิวเคลียร์ ติดตั้งในภาคสนามในป่าที่ห่างไกลใกล้ชายแดนยูเครนตลอดแนวเช่นกัน เจ้ารุ่นนี้มันมีน้ำหนักมากถึง 100 ตัน ยาว 20 เมตร รัสเซียยังส่งขีปนาวุธ ครุยเซอร์ ไปทางเรือยังทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ตะวันออกกลาง เตรียมความพร้อมยันกับทัพเรือจากชาติตะวันตก ที่กำลังขนกองทัพเรือไปตรงจุดนั้น
ตอนนี้มี 7 ประเทศ ที่ตกลงปลงใจแล้ว ยกมือว่าจะร่วมเคียงบ่า เคียงไหลกับมะกันเล่นงานรัสเซียฉากหน้าคือแซงชั่น ฉากหลังคืออะไรก็รู้ๆกันอยู่ คือ ประเทศออสเตรีย , ฮังการี, อิตาลี, ไซปรัส, สโลวาเกีย, ฝรั่งเศส, และสาธารณรัฐเชค ส่วนอังกฤษ เยอรมัน และ EU ประเทศอื่นๆ ยังสงวนท่าที
เอากันเข้าไป ไม่ต้องทำมาหากิน แต่ถ้าฝ่ายไหนหิว ก็มาซื้ออาหารจากไทยไปกินได้ กองทัพต้องเดินด้วยท้อง แต่ขอแลกกับทองคำ หรือเงินสดนะ "จ่ายสด งดเชื่อ เบื่อทวง "
@ เสธ น้ำเงิน2 : กดปุ่ม “ติดตาม” ด้านบนเพจ เพื่อรับข่าวครั้งต่อไป
http://www.facebook.com/thailandcoup

 

ทหารปฏิรูปประเทศไทย



วันที่ 16 ม.ค.58 ญี่ปุ่น เชื่ออเมริกา นำพาประเทศเข้าสู่สงครามอีกแล้ว
หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ญี่ปุ่นแพ้สงคราม จึง เลิกยุ่งเกี่ยวกับการสงครามนอกประเทศ ทำเพียงมีกำลังทหารปกป้องประเทศตนเองเท่านั้น ทำให้เศรษฐกิจของญี่ปุ่น 70 ปีมานี้พุ่งกระโดด เป็นเจ้าหนี้พันธบัตรของอเมริกามากมายมหาศาลเป็นลำดับหนึ่งของโลก
แต่ปัญหาใหญ่ของญี่ปุ่น คือ เป็น "สังคมผู้สูงอายุ" ขาดแคลนคนวัยรุ่น และวัยทำงาน ปิรามิดประชากรหัวกลับ ส่งผลต่อการอยู่รอดของเผ่าพันธุ์ของตัวเองแน่ๆ มีความจะนำเข้าคนชาติอื่น มาแต่งงานคนญี่ปุ่น แต่ถูกต่อต้านจากคนรุ่นเกล่า ที่เกรงสายพันธุ์ซามูไร จะไม่บริสุทธิ์เหมือนเดิม
เมื่อญี่ปุ่นเป็นเจ้าหนี้ใหญ่ และอเมริกาไม่มีปัญญาจะใช้หนี้ญี่ปุ่นได้แน่แท้แล้ว จึงต้องหาวิธีการให้ญี่ปุ่นพังเพราะเศรษฐกิจ หนี้สินล้นพ้นตัว และเข้าสู่สงครามเหมือนเดิม ส่งผลให้ญี่ปุ่น เลียนแบบอเมริกา ทำ QE เงินตรา มาหลายรอบ จนตอนนี้ญี่ปุ่นมีหนี้สาธารณสูงที่สุดในโลก คือราว 220% ของ GDP ...แม้จ้าว
เพราะหนี้สินที่ผ่านมา อเมริกาจ่ายเฉพาะดอกพันธบัตร แต่ญี่ปุ่นจะขอถอนเอาเงินต้นคืน อเมริกาไม่ยอม แต่เจรจาให้ญี่ปุ่น "แก้กฎหมาย" ให้สามารถพัฒนาทางทหาร ส่งกำลังไปต่อสู้สงครามต่างแดนได้ และอเมริกาจะจ่ายเงินต้นหนี้เป็นบรรดาอาวุธแทน
ญี่ปุ่นเห็นว่า กำขี้ดีกว่ากำตด และเชื่ออเมริกา ว่าจีนเป็นภัยทางทหาร และขัดผลประโยชน์ทางทะเลจีนจะวันออก กับญี่ปุ่น ทำให้รัฐบาลใหม่ ญี่ปุ่น เพิ่มงบประมาณทางทหารเป็น 1.37 ล้านล้านบาท เพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางทหาร ตอบโต้จีน และรับอาวุธจากอเมริกา มาแทนหนี้เงินต้น
เรียบร้อยไปอีกประเทศ สิ่งนี้จะกดดันจีน ให้เพิ่มอัตราเร่งพัฒนาทางทหารให้มากกว่าเข้าไปอีก เพราะจีนต้องกังวลว่าญี่ปุ่น จะมารุกรานทำร้ายเหมือนเมื่อ 70 ปีที่แล้ว ที่กองทัพญี่ปุ่น ฆ่าคนจีนไปหลายล้านคน รอยแผลแค้นฝังใจ 70 ปีที่แล้วของจีนต่อญี่ปุ่น ได้ถูกอเมริกาเปิดแผลแห้งตกสะเก็ดนั้น ใก้กลายเป็นแผลสดได้ดังเดิมแล้ว อย่าลืมว่าจีนวันนี้ไม่ใช่หมูเหมือน 70 ปีก่อน ที่ญี่ปุ่นจะเอาไปทำสุกี้ได้ง่ายๆ
แต่วันนี้จีนคือ "พญามังกร" ที่มีอิทธิฤทธิ์ สารพัดอาวุธร้ายแรง พร้อมจะดลบันดาลประเคนใส่เกาะญี่ปุ่น ให้จมหายไปในทะเลภายในไม่ถึง 10 นาทีเท่านั้น ไม่ทันอ้าปากร้องคำว่า "บันไซ" ด้วยซ้ำ !!
@ เสธ น้ำเงิน2 : กดปุ่ม “ติดตาม” ด้านบนเพจ เพื่อรับข่าวครั้งต่อไป
http://www.facebook.com/thailandcoup

 

Thanong Fanclub



12. เตรียมทำศึกกันแล้ว
คนส่วนมากชอบพูดว่าดอลล่าร์ไม่มีวันล่ม หรือcrash จีนหรือรัสเซียจะไปมีน้ำยาทำอะไรดอลล่าร์ได้ แต่เมื่อวานนี้ดอลล่าร์crashให้ดูเป็นตัวอย่างแล้ว
ดอลล่าร์ตก28.34% และยูโรร่วง28.8%เมื่อเทียบกับเงินสวิสฟรังค์ หลังจากที่ธนาคารกลางของสวิสอั้นไม่ไหว ต้องปล่อยค่าเงินลอยตัวจากที่เคยผูกค่าเงินฟรังค์กับยูโรที่ระดับ1.20ตั้งแต่ปี2011
ดอลล่าร์ตกจาก1.02สวิสฟรังค์เป็น 0.7309 ส่วนยูโรตกจาก1.20สวิสฟรังค์เป็น0.8546 ก่อนที่จะดีดตัวมาอยู่ที่1.0458
ดอลล่าร์crashให้เห็นเป็นตัวอย่างแล้วว่าชั่วโมงนี้อะไรก็เกิดขึ้นได้ คนที่อยู่ในโลกเก่าจะเชื่อในเสถียรภาพ ไม่คิด ไม่ต้องการหรือไม่สามารถคาดการได้ว่าการเปลี่ยนแปลงสามารถเกิดขึ้นได้อย่างกระทันหัน หรือสามารถเปลี่ยนอย่างรุนแรงแบบหน้ามือเป็นหลังมือเพราะว่าระบบโลกมาถึงจุดอิ่มตัวแล้ว
ที่ธนาคารกลางสวิสอั้นไม่ไหวเพราะว่านักลงทุนโยกเงินเข้าตลาดการเงินสวิตเซอร์แลนด์ หลังจากมีข่าวว่าฝ่ายกฎหมายของสหภาพยุโรปให้ไฟเขียวให้ธนาคารกลางของยุโรปทำการพิมพ์เงินเพื่ออุ้มเศรษฐกิจและระบบการเงินยุโรปได้โดยไม่ผิดกฎหมายหรือกฎบัตรของอียู
ยิ่งพิมพ์เงินหรือเพิ่มปริมาณเงิน ค่าเงินยูโรจะตก นักลงทุนเลยหนีตายไปหาสวรรค์ที่พักพิงหรือsafe haven อีกเหตุผลประการหนึ่งคือมีข่าวก่อนหน้านี้ว่ากรีซอาจจะออกจากเงินยูโร ทำให้มีโอกาสเกิดแบงค์รัน หรือคนแห่ไปถอนเงินจากธนาคาร ซึ่งมันก็เกิดขึ้นจริงแล้วที่กรีซที่คนไปแห่ถอนเงินจากแบงค์ เพราะไม่มั่นใจว่ากรีซจะอยู่หรือจะไป
ตอนนี้เยอรมันและสวิตเซอร์แลนด์เป็นสวรรค์ที่พักเงินของชาวยุโรป เพราะว่าเศรษฐกิจยังแข็งแกร่งอยู่เมื่อเทียบกับประเทศยุโรปอื่นๆที่ง่อนแง่นเต็มแก่ เยอรมันแกร่งทางด้านการผลิตการส่งออก ส่วนสวิสเก่งทางด้านการเงิน และส่งออกถึง54%ต่อจีดีพี ดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาลเยอรมันอายุ5ปีให้ดอกเบี้ยติดลบ หมายความว่านักลงทุนจ่ายค่าจ้างรัฐบาลเยอรมันให้ถือเงินของตัวเอง ส่วนสถาบันการเงินสวิสต้องรับเงินที่ไหลเข้ามาเหมือนเขื่อนแตก ธนาคารกลางสวิสขึ้นดอกเบี้ยชาร์จเงินฝากข้ามคืนจาก0.25% เป็น0.75% นี้คือปรากฎการณ์ของmonetary madnessหรือการเงินที่เป็นบ้าไปแล้ว
คงจำกันได้ว่าในเดือนพฤศจิกายนที่แล้ว มีการทำประชามติเพื่อให้ธนาคารกลางสวิสกลับมาถือทองเหมือนอย่างในอดีต ให้ถือทองอย่างน้อย20%ของทรัพย์สินทั้งหมด เพื่อช่วยรักษาเสถียรภาพของเงินฟรังค์ เพราะว่าชาวสวิสไม่มั่นใจในระบบเงินกระดาษยูโรและกระดาษดอลล่าร์ที่มีแต่พิมพ์เอาๆเพิ่มปริมาณเงิน ทำให้ค่าเงินด้อยค่า แต่ผู้ว่าธนาคารกลางสวิสออกมาโต้ว่าถ้าให้กลับถือทองจะทำให้เจ้าหน้าที่ไม่มีความยืดหยุ่นในการบริหารนโยบายการเงิน และที่สำคัญจะไม่สามารถรักษาค่าเงินสวิสที่ผูกแน่นกับยูโรได้ที่ระดับ1.20
ดูเอาก็แล้วกันไม่ถึง3เดือนเองหลังจากพูดคำนั้นออกมา ธนาคารกลางสวิสก็ปลดล๊อคการตรึงค่าเงินสวิสกับยูโร เพราะว่าอั้นเงินนอกที่ทะลักเข้ามาไม่ไหวนั้นเอง พวกนายธนาคารกลางเป็นพวกจอมโกหก
เวลาเงินยูโรไหลเข้ามาในประเทศเพื่อแลกฟรังค์ ธนาคารกลางสวิสจำต้องพิมพ์เงินฟรังค์ออกมาเพื่อรับซื้อหรือรับแลกยูโร เพื่อรักษาค่าเงินที่1.20เพื่อหนุนการส่งออก ไม่งั้นค่าเงินจะแข็งไปที่1.0อะไรทำนองนี้
มาตรการรักษาค่าเงินที่ระดับ1.20นี้ตั้งแต่ปี2011ทำให้เงินทุนสำรองระหว่างประเทศของธนาคารกลางสวิสเพิ่ม85%จาก257,500ล้านฟรังค์เป็น475,600ล้านฟรังค์ การถือยูโรเพิ่มจาก120,485ล้านยูโรเป็น174,335ล้านยูโร ถือดอลล่าร์เพิ่มจาก$62,945ล้านเป็น$142,366ล้าน
ธนาคารกลางสวิสขาดทุนป่นปี้จากการถือยูโรที่ค่าตก แต่เป็นเกมเงินกระดาษต่อเงินกระดาษล้วนๆ เพราะว่าเงินฟรังค์ที่พิมพ์ออกมาเปล่าๆโดยไม่มีทรัพย์สินรองรับแท้ที่จริงแล้วมีค่าเป็นศูนย์ ไปซื้อยูโรที่พิมพ์ออกมาเปล่าๆ และซื้อดอลล่าร์ที่พิมพ์ออกมาเปล่าๆ แต่หลังจากนั้นมีการสมมุติวามีค่า ทำให้สามารถซื้อทรัพย์สินที่จับต้องได้ ไม่ว่าจะเป็นหุ้น อสังหาฯ โรงงาน ฯลฯ
ด้วยเหตุนี้เองที่จีนและรัสเซียต้องการออกจากระบบเงินกระดาษที่โลกตะวันตกสร้างมาหลายศตวรรษแล้วเพื่อควบคุมความร่ำรวยของโลก ปูตินสั่งเทขายดอลล่าร์แล้วเพื่อล้มเปโตรดอลล่าร์ และจะทำให้รัสเซียเลิกอยู่ใต้อิทธิพลดอลล่าร์ ส่วนจีนต้องการให้หยวนมีอำนาจในการซื้อเหมือนดอลล่าร์ จึงได้มีการสะสมทอง ทำหยวนสว๊อปกับ28ประเทศแล้วเพื่อค้าขายกันโดยไม่ต้องใช้เงินดอลล่าร์
จีนผูกค่าเงินหยวนกับดอลล่าร์ที่ระดับประมาณ6หยวนต่อดอลล่าร์ เหมือนกับที่ธนาคารสวิสผูกฟรังค์กับดอลล่าร์ก่อนที่จะเลิกผูกเมื่อวานนี้ ที่ผ่านมาจีนอั้นไหว เพราะว่าเศรษฐกิจจีนมีขนาดใหญ่กว่าสวิตเซอร์แลนด์มาก
ประเด็นคือถึงจุดหนึ่ง จีนจะล้มเปโตรดอลล่าร์เหมือนที่ปูตินทำ คือเลิกผูกหยวนกับดอลล่าร์ แต่หันมาผูกกับทองคำแทน ให้ราคาทองเป็นตัวยืน ไม่ใช้ให้ดอลล่าร์กระดาษเป็นตัวยืน แล้วจีนประกาศว่ามีทองคำสำรองอยู่16,000ตันเพื่อหนุนค่าเงินหยวน
ถ้าจีนประกาศอย่างนั้น คำถามคืออัตราแลกเปลี่ยนระหว่างหยวนและดอลล่าร์จะไปที่ใด -- 5 หยวนต่อดอลล่าร์ หรือ4หยวนต่อดอลล่าร์ หรือ 3หยวนต่อดอลล่าร์ หรือ2หยวนต่อดอลล่าร์
แล้วดอลล่าร์จะไม่crashหรือ?? แค่เงินสวิสที่เป็นประเทศเล็กๆยังทำให้ดอลล่าร์crashได้ แล้วหยวนจะทำให้ดอลล่าร์crashหนักกว่าไม่ได้หรือ
คนส่วนใหญ่คิดว่าจีนต้องทำค่าเงินอ่อนเพื่อหนุนการส่งออก ก็ดูพวกสวิสก็แล้วกันทำได้ตลอดหรือไม่ ความจริงค่าเงินแข็งสำหรับหยวนจะดีกว่าอ่อน เพราะว่าจีนไม่จำเป็นต้องส่งออกมาก เอาหยวนแข็งๆมาบริโภคหรือtake overกิจการทั้งโลกได้สบายๆ ระหว่างส่งออกเหงื่อตกเหนื่อยเกือบตาย กับซื้อกิจการของคนอื่นมาบริหารต่อให้ฝรั่งทำงานงกๆเงินๆให้ อย่างไหนจะดีกว่ากัน
swiss francยังน๊อคดอลล่าร์ให้นับแปดได้ แล้วหยวนน๊อคดอลล่าร์ไม่นับสิบหรือ คิดกันง่ายๆ
และนี้คือปฐมเหตุของWW3 เพราะว่าสหรัฐฯจะยอมให้หยวนผงาดและดอลล่าร์crashไม่ได้ วันใดที่จีนทิ้งดอลล่าร์ วันนั้นเราคงได้เห็นดอกเห็ดบานตะไท
thanong
16/1/2015
Page not found | National Inflation Association

 

Thanong Fanclub



13. เตรียมทำศึกกันแล้ว
มีการสร้างภาพบนโลกใบนี้ว่าขณะนี้โลกเข้าสู่ยุคโลกาภิวัฒน์ของเสรีนิยมประชาธิปตย ต้องถ้อยทีต้องอาศัยกัน เกิดเหตุร้ายในประเทศหนึ่ง หรือเกิดวิกฤติอย่างหนึ่งจะกระทบทั่วโลก เพราะฉะนั้นเพื่อให้ทุกประเทศ หรือทุกคนได้วินวินต้องมีความร่วมมือกัน และพึ่งพากัน (cooperation and interdependence) แทนที่จะเผชิญหน้ากันหรือทำลายกัน (confrontation and destruction) สงครามจะไม่มีวันเกิด เพราะว่าถ้าเกิดแล้วจะฉิบหายกันหมด
ใครที่เชื่ออย่างนี้ถือว่าเป็นคนมองโลกสวย หรือไม่ก็ไร้เดียงสามากๆ เป็นสมันน้อยให้เขาตีกินไปเรื่อยๆ จนท้ายที่สุดประเทศก็จะไม่มีเหลือ
เพราะว่าระบบโลกปัจจุบันเป็นระบบเผด็จการทางการเงินและทางการเมือง โดยที่กลุ่มเผด็จการแองโกลอเมริกันแอบซ่อนอยู่หลังการโฆษณาชวนเชื่อของเสรีนิยมประชาธิปไตย ซึ่งเป็นภาพลวง
ดูเรื่องการเงินก่อนว่ามีการผูกขาดแค่ไหน อย่างไร?
กราฟแรกแสดงให้เห็นว่าวันหนึ่งๆมีการเทรดอัตราแลกเปลี่ยนถึง$5.3ล้านล้าน เทียบกับการเทรดตลาดฟิวเจอร์ส$437,400ล้าน ตลาดหุ้นทั่วโลก$191,000ล้าน ตลาดหุ้นนิวยอร์คอย่างเดียว$28,000ล้าน
กราฟที่สองแสดงให้เห็นถึงสัดส่วนของการเทรดค่าเงินระหว่างกันวันหนึ่งๆ$5.3ล้านล้าน โดยที่ดอลล่าร์มีส่วนแบ่งการเทรด84.9% ยูโร39.1% เยน19% ปอนด์อังกฤษ12.9% ออสเตรเลียดอลล่าร์7.6% สวิสฟรังค์6.4% และเงินสกุลอื่นๆ30.3%
ที่บวกกันแล้วไม่ได้100% เพราะว่าคิดตามส่วนแบ่งการตลาดเวลาซื้อสุกหนึ่งจะขายอีกสกุลหนึ่ง เช่นดอลล่าร์/ยูโร, ดอลล่าร์/เยน ฯลฯ
จะเห็นได้ว่าเงินสกุลของกลุ่มแองโกลอเมริกันผูกขาดในตลาดอัตราแลกเปลี่ยนโลกอยู่ นี้คือที่มาของอำนาจทุนและอำนาจการเมืองที่ตามมาที่ต้องรักษา
ดอลล่าร์และปอนด์อยู่ศูนย์กลางขั้วอำนาจหลัก มียูโรเป็นคู่หูที่คอยเกื้อหนุนกัน เยนเป็นบริวารของดอลล่าร์ เพราะว่าญี่ปุ่นยังคงเป็นเมืองขึ้นของสหรัฐฯตั้งแต่หลังสงครามโลก2 ออสเตรเลียดอลล่าร์อยู่ในเครือจักรภพ ชัดเจนเป็นพวกแองโกลอเมริกัน ส่วนสวิสฟรังด์เป็นเงินของพวกอิลิท เพราะว่าสวิตเซอร์แลนด์เป็นไพ่ที่ถูกปิดไว้ของพวกอิลิท เป็นโจ๊กเก้อร์
สิงคโปร์ก็เป็นโจ๊กเก้อร์ของพวกอิลิท
ตอนนี้เศรษฐกิจของจีนรวมกลุ่มBRICSและประเทศเกิดใหม่ทั้งหลายมีขนาดเท่ากับขนาดเศรษฐกิจของประเทศพัฒนาแล้ว คือ50/50 ไม่ได้ห่างกันเหมือนสมัยหลังสงครามโลกเป็นต้นมา ยิ่งวันขนาดเศรษฐกิจของประเทศกำลังพัฒนายิ่งจะโตเร็วกว่าเศรษฐกิจของประเทศที่พัฒนาแล้วที่กลุ่มแองโกลอเมริกันคุมอยู่
คำถามคือแล้วจีน หรือกลุ่มBRICS ต้องการอยู่ภายใต้การผูกขาดอำนาจทางการเงินและการเงินของพวกแองโกลอเมริกันตลาดไปหรือ ไม่คิดลุกขึ้นมาปลดแอกบ้างเลยหรือ เพราะว่าถ้ายิ่งเล่นตามเกมการเงินของWall Street และอยู่ภายใต้วงจรการบริหารนโยบายการเงินของUS Federal Reserve จะไม่สามารถรักษาอธิปไตยของการเงินและเศรษฐกิจของตัวเองได้ เขาเพิ่มปริมาณเงินมาก็บูม เขาชักเงินกลับก็พัง โดนตีกินต้องขายทรัพย์สินราคาถูกๆออกไป
หยวนและBRICSต้องการทำลายการผูกขาดการเงินของแองโกลอเมริกัน ด้วยการสร้างสถาบันการเงินที่จะทำหน้าที่คล้ายไอเอ็มเอฟ ธนาคารโลก ธนาคารพัฒนาเพื่อเอเซีย ฯลฯ และหยวนก็ต้องการใหญ่เหมือนดอลล่าร์ ลื้อใหญ่ได้คนเดียวตลอดกาลหรือไง?
ระบบการเงินทุกระบบอยู่ได้อย่างมาก40-50ปีแล้วจะล่มสลายหรือเสื่อม ต้องresetหรือปรับใหม่ ระบบการเงินโลกพังไปแล้ว3รอบในศตวรรษที่แล้วในช่วงWW1, WW2 และในปี1971 เมื่อสหรัฐฯยกเลิกระบบมาตรฐานทองคำ เอาระบบดอลล่าร์กระดาษมาใช้ มีการเพิ่มปริมาณเงินมหาศาลผ่านดอลล่าร์กระดาษ ทุกประเทศต้องยอมรับไม่งั้นโดนแสนยานุภาพทหารของสหรัฐฯที่เป็นมหาอำนาจทุบ มันเลยอยู่ได้มานานผิดปกติ
แต่ระบบในตัวมันเองก็เสื่อมจากการพิมพ์เงินและการขยายตัวของหนี้และเครดิตเกินปัจจัยพื้นฐานของเศรษฐกิจหรือความสามารถของการหารายได้หรือการเก็บภาษี ทำให้ระบบแองโกลอเมริกันพังตั้งแต่ปี2008 โดยWall Streetพังในปีนั้น ยุโรปพังในปี2009 ส่วนญี่ปุ่นพังแล้วตั้งแต่ปี1990จนถึงทุกวันนี้ แต่ยังตะแบงไปได้เรื่อยๆ เพราะว่าคู่แข่งอย่างจีนหรือBRICSยังไม่ได้แจ้งเกิด
ดอลล่าร์ที่ไม่พังทั้งๆที่ควรพังจากการทำQEก็เพราะจากกราฟที่แสดงให้เห็นว่าเป็นเจ้าตลาด พอจะพังก็ให้ญี่ปุ่นทำQEจะได้มีการขายเยนหนุนดอลล่าร์ พอญี่ปุ่นหมดแรงก็ให้ยุโรปพิมพ์เงินทำใหมีการขายยูโรซื้อดอลล่าร์ เงินกระดาษที่มีอิทธิพลเหนือระบบการเงินโลกจึงตะแบงกันไปมา หรือชักกะเย่อกันอยู่อย่างนี้
ปูตินบอกเล่นอย่างนี้ไม่ไหว กูดูดน้ำมันดูดก๊าซขึ้นมาจากใต้ดินเหนื่อยเกือบตาย ขายของไปได้ดอลล่าร์กงเต๊กมา กูไม่ต้องการให้ดอลล่าร์มีอิทธิพลในตลาดน้ำมันอีกต่อไป กูจะทิ้งดอลล่าร์ให้หมดพอร์ต จีนก็คิดอย่างนี้เหมือนกัน จะได้สร้างระบบการเงิน BRICSที่มีทองคำหนุนมาแข่งกับระบบการเงินกระดาษของแองโกลอเมริกันที่พิมพ์ออกมากลางอากาศเปล่าๆ
ความขัดแย้งทางผลประโยชน์การเงินระหว่างแองโกลอเมริกันและ BRICSนี้ไม่สามารถจะประนีประนอมได้ และเป็นปฐมเหตุของWW`3
เขียนมาแค่นี้หวังว่าคงจะชัดเจนแล้วนะครับ
thanong
16/1/2015
http://www.dailyfx.com/…/dai…/2014/01/24/FX_Market_Size.html

 

Thanong Fanclub



14. เตรียมทำศึกกันแล้ว
ระบบการเงินของยุโรปcrashไปแล้ว พังไปแล้ว ไม่สามารถจะฟื้นกลับมาเหมือนเดิมได้ถ้าไม่มีการปรับโครงสร้าง ลดหนี้ แต่ทำเช่นนั้นจีนและBRICSจะได้ทีไล่ซื้อของถูกเหมือนฝรั่งปล้นเมืองไทยยุคปรส.บ้านเรา
ที่บอกว่าcrashแล้วคือให้ดูดอกเบี้ยติดลบของพันธบัตรของเยอรมันอายุ5ปี -0.016%ในวันพุธ พันธบัตรฟินแลนด์อายุ5ปี -0.08% และพันธบัตรสวิตเซอร์แลนด์อายุ7ปี -0.027%ดอกเบี้ยพันธบัตรติดลบหมายความว่านักลงทุนยอมขาดทุนในการให้เยอรมัน ฟินแลนด์ สวิสได้เงินค่ากู้ (โจ๊กจริงๆ) เพื่อเอาไปใช้จ่าย
ธนาคารกลางสวิสก็ขึ้นดอกเบี้ยเงินฝากค้างคืนจาก -0.25% เป็น -0.75%
หมายความว่าสถาบันการเงินใดเอาเงินไปฝากที่แบงค์ชาติสวิสจะโดนคิดดอกเบี้ย
แต่นักลงทุนยังแห่ไปซื้อบอนด์เยอรมัน ฟินแลนด์และสวิตเซอร์แลนด์ สถาบันการเงินยังเอาเงินไปฝากที่แบงชาติสวิส แสดงว่าพวกนี้กลายเป็นเปรตของส่วนบุญไปแล้ว
เพราะว่าหนีตายกัน ไม่ไว้ใจว่าเก็บเงิน หรือลงทุนในประเทศอื่นๆในยุโรปจะได้เงินคืน หรือจะเจ๊งหรือไม่
ดอกเบี้ยติดลบไม่ใช่เป็นflight to qualityหรือหนีไปหาของมีคุณภาพ แต่เป็นflight to survival หรือหนีตายมากกว่า
เป็นภาพสะท้อนว่าระบบการเงินของยุโรปcrashไปแล้ว ไม่ต้องมาอ้อมค้อมอะไรกันอีกต่อไป
รัสเซียและจีนก็อ่านเกมออกมาพวกยูเจ๊งแล้วถึงได้มาถล่มรูเบิ้ลให้เจ๊งตามยูใช่ไหม เมื่อเจ๊งแล้วใครอยากจะอยู่ในระบบที่กำลังจะกลายเป็นซากปรักหักพังอีกต่อไป
thanong
16/1/2015
http://www.wsj.com/…/government-bond-yields-turn-negative-1…

 

Thanong Fanclub



15. เตรียมทำศึกกันแล้ว
หลังจากเหตุก่อการร้ายCharlie Hebdoแล้ว มาถึงทีของเบลเยี่ยมที่ต้องจัดการกับพวกISISบ้าง
ทางตำรวจได้มีการกวาดล้างรังของพวกISIS เป่าผู้ต้องสงสัยดับไปสองศพและจับผู้ต้องสงสัยที่ได้รับบาดเจ็บได้อีกคน
แหล่งข่าวทางตะวันตกเผยว่ามีรังนอน(sleeper cell)ของผู้ก่อการร้ายอยู่ถึง20แห่ง และมีคนพร้อมปฏิบัติการถึง120คน180ที่มีการเตรียมการโจมตีฝรั่งเศส เยอรมันนี เบลเยี่ยมและเนเธอร์แลนด์
ครึกโครมกันจริงๆ
thanong
16/1/2015
http://www.cnn.com/…/belgium-anti-terror-operati…/index.html

 

Thanong Fanclub



16. เตรียมทำศึกกันแล้ว
ตีโพยตีพายภัยจากพวกไอซิสอย่างครึกโครมที่ฝรั่งเศสและเบลเยี่ยมเสร็จแล้ว คราวนี้มาถึงของจริงบ้างแล้ว เพราะว่าเป้าที่แท้จริงคือสงครามซีเรียที่กำลังครุกรุ่นก่อตัวขึ้นมาอีกรอบ
เหตุการก่อการร้ายที่Charlie Hebdoถือได้ว่าเป็นการเปิดศักราชใหม่ของสงครามในตะวันออกกลาง ฝรั่งเศสส่งเรือบรรทุกเครื่องบินCharles de Gaulleและทหารไปถล่มไอซิสที่อิรัคเพิ่ม หลังจากได้ส่งเครื่องบินบอมบ์ไอซิสที่อิรัคแล้วก่อนหน้านี้พร้อมพันธมิตรจตะวันตกและอาหรับ
เกิดมีการเดินขบวนต้านอิสลามในยุโรป และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยกำลังกวาดล้างรังของไอซิสในเบลเยี่ยมและเมืองอื่นๆในยุโรป เชื่อกันว่ามีชาวยุโรปที่เป็นอิสลามไปร่วมรบในซีเรียถึง3,000คนในช่วงที่ผ่านมา
จัดฉากเสร็จแล้วตามคาด โอบามาได้ออกคำสั่งให้ทหารสหรัฐฯกลับเข้าไปในตะวันออกกลางใหม่เพื่อถล่มซีเรีย โดยที่ทางกองทัพสหรัฐฯจะส่งผู้เชี่ยวชาญ400นายเพื่อฝึกหน่วยรบพิเศษเพื่อเข้าไปทำสงครามในซีเรียเพื่อล้มรัฐบาลของนายอาสสาดที่ฝักใฝ่อิหร่านและรัสเซีย
เมื่อปีที่แล้ว โอบามาบอกว่าจะไม่ส่งทหารทางภาคพื้นดินเข้าไปในตะวันออกกลางอีก ถ้าจะรบกับไอซีสจะใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลยิงเข้าไปในฐานของไอซิส ไม่หรือก็จะส่งเครื่องบินรบไปถล่ม แต่สหรัฐฯอดไม่ได้ที่จะส่งผู้เชี่ยวชาญ400คนไปฝึกหน่วยรบพิเศษที่อิรัคเพื่อต้านพวกไอซิส
คราวนี้จะส่งผู้เชี่ยวชาญอีก400นายไปช่วยฝึกการรบให้หน่วยพิเศษที่ฐานทัพในซาอุดิฯ ตุรกี และกาต้าร์ และจะมีกองทัพสหรัฐฯเสริม (enabling forces) เข้าไปช่วยรบ
ตุรกีเล่นตามน้ำอีกแล้ว
ในเดือนกันยายนปีที่แล้ว กองทัพพันธมิตรจากบาห์เรน จอร์แดน กาต้าร์ ซาอุดิฯ และยูเออีได้ถล่มฐานของไอซิสในซีเรียและอิรัค ไอซิสสร้างภาพว่าจะสร้างรัฐอิสลสมบริสุทธิ์ในดินแดนโลกอาหรับที่กินพื้นที่หลายประเทศ
ตอนนี้กลุ่มประเทศอาหรับจะหาคนมาประมาณ5,400คนให้ทหารสหรัฐฯช่วยฝึก แล้วจะส่งเข้าไปรบในซีเรีย
เดือนกันยายนปี2013 ทั้งโอบามาและอังกฤษลังเลที่จะส่งทหารเข้าไปถล่มซีเรีย หลังจากนั้นอยู่ดีๆก็เกิดมีกลุ่มไอซิสที่ฆ่าตัดคอเชลยเป็นว่าเล่นเกิดขึ้นมา ทำให้มหาอำนาจตะวันตกกลับเข้าไปทำสงครามในตะวันออกกลางใหม่ โดยเป้าหลักคือซีเรีย ไอซิสที่ทุกฝ่ายต้องการจัดการกลับต้องการล้มรัฐบาลอาสสาดของซีเรียด้วย
ดูเผินๆ จะเห็นว่าตะวันออกกลางยังนัวเนียมั่วไปมั่วมา แต่ที่แท้แล้ว ตะวันตกและพันธมิตรอาหรับต้องการล้มซีเรียและอิหร่าน
แน่นอนรัสเซียและจีนจะต้องหนุนซีเรียและอิหร่านอย่างเต็มที่ในสงครามตัวแทนครั้งนี้ที่กำลังเปิดฉากขึ้น โดยที่Charlie Hebdoเป็นเหตุการณ์ที่จุดปะทุ
เพื่อที่จะได้แรงสนับสนุนจากประชามติในหมู่ประชาชนในโลกเสรีตะวันตก
thanong
16/1/2015
http://rt.com/news/223207-pentagon-syria-us-opposition/

 

Thanong Fanclub

17. เตรียมทำศึกกันแล้ว
กองทุนและพวกเทรดเดอร์ที่เล่นค่าเงินเจ๊งกันเป็นแถว ไล่จากนิวยอร์คถึงนิวซีแลนด์ ผลพวงจากที่ธนาคารกลางสวิสปล่อยค่าเงินสวิสลอยตัว
แต่จริงๆแล้วยังไม่รู้ว่าจะเสียหายลึกแค่ไหน
แล้วถ้าหยวนลอยตัว จะเกิดอะไรขึ้น?
thanong
16/1/2015
http://www.bloomberg.com/…/new-zealand-currency-broker-clos…

 

Thanong Fanclub

18. เตรียมทำศึกกันแล้ว
QUIZสลับฉาก จะได้ไม่ง่วงนอน แฟนคลับจะได้กระตุ้นสมองให้ทำงาน555
รัสเซียและจีนกำลังร่วมจัดตั้งสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ (international credit rating agency) แห่งใหม่เพื่อช่วยบาลานซ์อิทธิพลของบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือยักษ์ใหญ่3แห่งในปัจจุบันของโลกตะวันตก คือStandard & Poor's, Moody's Investors Serviceและ Fitch Rating
คำถาม: สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือของรัสเซียและจีนจะเป็นหนึ่งในไม้ตายที่สำคัญอย่างไรของฝั่งBRICS?
thanong
16/1/2015
http://rt.com/business/222871-china-russia-rating-agency/

 

Chalee Na Roied

<iframe width="854" height="510" src="//www.youtube.com/embed/O_dM9P4nV2Q" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

เมื่อคืนวานนี้นามเวลาบ้านเรา ธนาคารกลางสวิสต์ ได้ทำสิ่งที่เรียกว่า"ช็อคโลก" สำหรับบรรดา นักลงทุน ด้วยการปรับลดอัตราดอกเบี้ยจาก -0.25 เป็น -0.75 อย่าไม่มี"ปี่มีขลุ่ยแม้กระทั่งแคน เพราะเป็นดินแดนแห่งนาฬิกา ที่กำหนดเวลาการหมุนของโลกไว้ในกำมือ
ซึ่งทำให้คนที่ฝากเงินในธนาคารแห่งชาติสวิส เงินฝากหายไปทันที 750$ ถ้าฝากเงินจำนวน 100,000 $ นั่นเอง สื่อบางสำนักเรียกเหตุการณ์ ที่เกิดขึ้นว่า สึนามิ ทางการเงิน และทำให้เงินฟรังซ์สวิส แข็งค่าขึ้นทันทีจากเดิม 1.2 ยูโร เป็น 0.850 ซึ่งถ้าใครถอนเงินฟรังซ์ไปแลกยูโร มูลค่าเพิ่มขึ้นถึง 30% แทบทันทีทันใด แม้ตอนหลังจะดีดกลับมาระดับ 1.0 ก็ตาม
คนที่ได้อานิสงค์ที่สุดก็คือคนยุโรป เช่น ฝรั่งเศส เยอรมัน อิตาลี ที่ทำงานในสวิตเซอร์แลนด์นั่นแหละครับ เพราะทั้งๆที่ค่าจ้างเท่าเดิม แต่พอกลับไปบ้าน รายได้เพิ่มขึ้น สามารถโยกเงิน มาซื้ออสังหาริมทรัพย์ในปารีส ลอนดอน อิตาลี ได้ในราคาที่ถูกลง
แต่ผลที่ตามมาก็คือ รัฐบาลสวิสกำลังเผชิญกับ ปัญหาจากการภาคการส่งออก เพราะต้นราคาย่อมแพงขึ้น เพราะสินค้าในสวิสส่งออกไปขายยังยุโรปมากกว่า 40% และแน่นอน สำหรับชาวยุโรป ที่จะไปท่องเที่ยวในสวิส ค่าใช้จ่ายย่อมเพิ่มขึ้นอีก ทำให้ภาคการท่องเที่ยวในสวิส พลอยได้รับผลกระทบไปด้วย ซึ่งบรรดาผู้นำนักธุรกิจ ได้ออกมาประณาม SNB ว่า เป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด เพราะทำให้มูลค่าการส่งออก สูญหายไปถึง 5 พันล้านฟรังซ์ และจีดีพีลดลงอีก 0.7 % ซึ่งเป็นมุมมองใน ภาคการส่งออกเท่านั้น แต่ธนาคารกลางสวิส น่าจะมองถึงความพยายาม ที่ปลดล็อคตัวเอง ออกมาจากยูโร น่าจะปลอดภัยที่สุด หรือลดการถือครองเงินยูโร เพราะเกรงว่าจะเสี่ยงกับ หายนะทางเศรษฐกิจ ไปพร้อมๆกับมาตรการ มาตรการ QE ของธนาคารยุโรป ที่กำลังจะออกมานั่นเอง
เพราะผลจากการเอาเงินฟรังซ์ไปผูกกับยูโรตั้งแต่ปี 2011 แม้จะทำให้สวิสได้รับอานิสงค์จากฟบู่ เศรษฐกิจของยุโรปไปด้วย เพราะการส่งออกขยายตัว แต่ก็สามารถที่จะเอาตัวรอด แตธนาคารกลางสวิส ต้องใช้เงินปีละ 10,000 ล้าน$ เพื่อซื้อยูโร จากตัวเลขการขยายตัวทางเศรษฐกิจ เข้ามาโอบอุ้มชาวสวิสเช่นกัน เพื่อรัก
ษาค่าเงินฟรังซ์ต่อยูโรในระดับ 1.2 ยูโร/ฟรังซ์สวิส ให้เป็นผลดีกับภาคการส่งออกนั่นเอง http://www.zerohedge.com/…/peter-schiff-swiss-surrender-win…
วิกฤติการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในยุโรป สหรัฐ และรวมถึงเอเชีย กระทั่งญี่ปุ่น ทึ่เปรียบเสมือนตัวแทนของตะวันตก ในทวีปเอชีย เพราะยูโรก็ไปผูกโยงกับดอลลาร์ เงินเยนของญี่ปุ่น ก็เช่นเดียวกัน ญี่ปุ่นก็ออกมาตรการQE ยูโรคาดว่ากำลังมีมาตการQE เช่นกัน แต่เวลานี้ทางธนาคารกลางสวิส น่าจะมองเห็นแล้วว่า มาตรการQE ที่กำลังจะออกมานั้น ไม่ได้ช่วยหสภาพยุโรป แต่อย่างใดจึงส่งสัญญาณล่วงหน้า เพราะเศรษฐกิจของสหรัฐ และยุโรปเวลานี้ มันไม่ได้ตั้งอยู่พื้นทางที่ แข็งแกร่งอย่างแท้จริง เป็นเพียงฟองสบู่ที่ เกิดจากมาตรการ QE รอการประทุเท่านั้น http://www.zerohedge.com/…/20…/next-round-great-crisis-begun
ธนาคารทั่วโลกล้วน ส่วนใหญ่ทำดำเนินนโยบาย ไปในทางเดียวกัน เพราะลงเรือลำเดียวกันนั่นเอง เมื่อวานนี้ผมใช้คำว่า "สละเรือ" และคาดการณ์ว่า ลำดับต่อไปน่าจะเป็น เยอรมัน แต่พอเข้ามาอ่านบทวิเคราะห์ของ เครค เฮมเก้ ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงิน ก็วิเคราะห์ไปในทางเดียวกัน ต่างกันเพียงคำพูดเท่านั้น เพราะSNB กำลังกระโดดออกจากขบวนรถไฟ(สายมรณะ) ถือ เป็นสัญญาณที่ส่ง ไปทั่วโลก ถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นนั่นเอง...

 

“ไลบีเรีย” จ่อประกาศ “ปลอดอีโบลา” สิ้นเดือน ก.พ. หลังเหลือผู้ป่วยในประเทศแค่ 10 ราย โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 16 มกราคม 2558 16:07 น.



รอยเตอร์ - ไลบีเรียอาจประกาศ “ปลอดเชื้ออีโบลา” ได้ภายในสิ้นเดือนกุมภาพันธ์นี้ หลังความพยายามสกัดกั้นการแพร่ระบาดของเชื้อได้ผลเป็นที่น่าพอใจ รัฐบาลกรุงมันโรเวียแถลงเมื่อวานนี้ (15 ม.ค.)

ทอลเบิร์ต เยนสวาห์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุขไลบีเรีย และหัวหน้าคณะทำงานต่อต้านเชื้ออีโบลา แถลงว่า “จากข้อมูลเมื่อวันที่ 12 มกราคม มีผู้ป่วยที่ได้รับการยืนยันเหลืออยู่เพียง 10 คนทั่วประเทศ”

“ผมเชื่อว่าถ้าทุกฝ่ายทำงานเต็มที่ จำนวนผู้ติดเชื้ออาจเป็นศูนย์ได้ภายในสิ้นเดือนกุมภาพันธ์”

รัฐบาลไลบีเรียแถลงเมื่อต้นสัปดาห์นี้ว่า มีเพียง 2 เขตจากทั้งหมด 15 เขตที่ยังพบผู้ติดเชื้ออีโบลา

ข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า การระบาดของไวรัสอีโบลาครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ได้คร่าชีวิตผู้ป่วยไปกว่า 8,400 คน และพบผู้ติดเชื้อรวมทั้งสิ้นประมาณ 21,200 คนในไลบีเรีย, เซียร์ราลีโอน และกินี นับตั้งแต่เชื้อเริ่มระบาดหนักเมื่อเดือนมีนาคมปีที่แล้ว

เฉพาะไลบีเรียมีผู้เสียชีวิตจากไวรัสมรณะชนิดนี้กว่า 3,500 คน

กระแสตื่นกลัวอีโบลาลุกลามไปทั่วโลก หลังจากที่ โทมัส ดันแคน ชายชาวไลบีเรีย ได้นำเชื้อดังกล่าวไปแพร่ต่อในสหรัฐฯ เมื่อเดือนกันยายน แต่ด้วยการประสานงานระดับนานาชาติ รวมถึงสหรัฐฯ ที่ได้ส่งทหารกว่า 200 นายเข้าไปยังไลบีเรียเพื่อช่วยต่อสู้เชื้อร้าย และสาธารณชนมีความตระหนักรู้ถึงการป้องกันโรคเพิ่มขึ้น ทำให้อัตราการแพร่ระบาดของอีโบลาลดลงอย่างต่อเนื่อง

เยนสวาห์เปิดเผยว่า พื้นที่ซึ่งเสี่ยงต่อการระบาดมากที่สุดอยู่ที่เทศมณฑล แกรนด์ เคป เมานท์ ทางตะวันตกเฉียงเหนือ ซึ่งอยู่ติดพรมแดนเซียร์ราลีโอน

เซียร์ราลีโอนซึ่งพบผู้ติดเชื้อมากที่สุด และกินี ก็มีความคืบหน้าในการสกัดกั้นโรคเช่นกัน โดย WHO แถลงเมื่อวันพุธ (14) ว่าจำนวนผู้ป่วยใหม่ต่อสัปดาห์ใน 3 ประเทศลดลงต่ำสุดมาเป็นเวลาหลายเดือนแล้ว

 

ตองกาพบ “เกาะใหม่” ผุดกลางทะเลจากการปะทุของภูเขาไฟ
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 16 มกราคม 2558 14:46 น.



เอเจนซีส์ - การปะทุของภูเขาไฟในตองกาเมื่อเดือนที่แล้วทำให้เกิด “เกาะใหม่” กลางทะเล ซึ่งยังคงพ่นหินร้อนและเถ้าถ่านทำลายพืชผลทางการเกษตรของชาวบ้านในพื้นที่ใกล้เคียง เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นรายงานวันนี้ (16 ม.ค.)

กระทรวงที่ดินและทรัพยากรธรรมชาติตองกา แถลงว่า ภูเขาไฟซึ่งตั้งอยู่ห่างจากกรุงนูกูอะโลฟาไปทางตะวันตกเฉียงใต้ราว 65 กิโลเมตร ส่งสัญญาณปะทุครั้งแรกในรอบ 5 ปี ตั้งแต่วันที่ 20 ธันวาคมที่ผ่านมา โดยเป็นการปะทุจากปล่องภูเขาไฟ 2 ปล่อง ปล่องแรกตั้งอยู่บนเกาะฮังกาฮาอาไป (Hunga Ha’apai) ซึ่งไม่มีคนอยู่อาศัย ส่วนอีกปล่องอยู่ใต้ทะเล ห่างจากฝั่งราว 100 เมตร

คณะผู้เชี่ยวชาญซึ่งได้ล่องเรือไปสำรวจเมื่อวานนี้ (15) ยืนยันว่ากิจกรรมภูเขาไฟทำให้ภูมิประเทศเปลี่ยนแปลงไป

“เกาะที่เกิดขึ้นใหม่กว้างกว่า 1 กิโลเมตร ยาว 2 กิโลเมตร และสูงประมาณ 100 เมตร” ถ้อยแถลงจากทางกระทรวง ระบุ

“จากการเฝ้าสังเกตพบว่าภูเขาไฟจะปะทุทุกๆ 5 นาที และพ่นเถ้าถ่านสูงประมาณ 400 เมตรโดยมีก้อนหินขนาดใหญ่ด้วย เนื่องจากเถ้าถ่านมีความชื้นสูงมาก จึงตกลงมาสะสมอยู่ใกล้ๆ ปากปล่องและเกิดเป็นเกาะใหม่”

กระทรวงฯ เผยด้วยว่า เถ้าถ่านจากภูเขาไฟทำให้เกิดฝนกรดในรัศมี 10 กิโลเมตร

“ใบของต้นไม้บนเกาะฮังกาตองกา และฮังกาฮาอาไป มีอาการเหี่ยวแห้ง ซึ่งน่าจะเป็นเพราะเถ้าถ่านและก๊าซพิษจากภูเขาไฟ”

เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ทางการตองกาได้ประกาศยกเลิกเที่ยวบินระหว่างประเทศหลายเที่ยวเนื่องจากเกรงอันตรายจากภูเขาไฟ แต่ได้ยกเลิกคำสั่งแล้วในวันพุธ (14) หลังพบว่าเถ้าถ่านไม่ได้ลอยสูงขึ้นไปในชั้นบรรยากาศ

หมู่เกาะตองกาซึ่งอยู่ห่างออกไปทางตะวันออกเฉียงเหนือของนิวซีแลนด์ประมาณ 2,000 กิโลเมตร ตั้งอยู่บนแนววงแหวนไฟในมหาสมุทรแปซิฟิก (Pacific Ring of Fire) ซึ่งเป็นบริเวณรอยต่อของแผ่นเปลือกโลกที่มักเกิดกิจกรรมแผ่นดินไหวและภูเขาไฟระเบิดบ่อยครั้ง

 

“เพนตากอน” เตรียมส่งทหารกว่า 400 นายไปฝึกรบให้กบฏซีเรีย
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 16 มกราคม 2558 14:47 น.



นักรบกลุ่มกบฏสองคนขณะเข้าประจำที่หลังด่านกองทรายที่แนวหน้าอัล-บรีจิ หลังการรุกคืบของพวกเขาในเขตอัล-มานาเชอร์และอัล-มัจบาล ที่ซึ่งกองกำลังภักดีต่อประธานาธิบดี บาชาร์ อัล-อัสซาด เคยตั้งฐานที่มั่นอยู่ ในเมืองอเลปโป เมื่อวันที่ 5 มกราคม ปี 2015

รอยเตอร์ - กองทัพสหรัฐฯ กำลังเตรียมการที่จะเคลื่อนกำลังพลมากกว่า 400 นายไปช่วยฝึกฝนกลุ่มกบฏซีเรียต่อสู้กับกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สนับสนุนของสหรัฐฯ อีกหลายร้อยคน โฆษกกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ (เพนตากอน) บอกกับรอยเตอร์วานนี้ (15)

กองทัพสหรัฐฯ ยังไม่ได้ระบุชัดถึงสถานที่ที่พวกเขาจะดึงทหารออกมาเพื่อเข้าร่วมภารกิจฝึกฝนนี้ซึ่งคาดว่าจะเริ่มขึ้นในช่วงฤดูใบไม้ผลิที่สถานที่ต่างๆ นอกซีเรีย พ.อ.สตีฟ วอร์เรน กล่าว ขณะที่ ตุรกี, กาตาร์ และซาอุดีอาระเบียได้เสนอตัวเป็นเจ้าภาพให้ใช้สถานที่สำหรับการฝึกนี้แล้ว

วอร์เรน ไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับจำนวนของทหารรอบนี้ ซึ่งมีการรายงานออกมาครั้งแรกโดยเว็บไซต์ ดีเฟนซ์ วัน

โครงการฝึกนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนการนานหลายปีของประธานาธิบดีบารัค โอบามา ที่จะจัดระเบียบกองกำลังท้องถิ่นในซีเรียเพื่อยังยั้งนักรบกลุ่มไอเอสและโต้กลับในท้ายที่สุด ขณะเดียวกันก็ถล่มกลุ่มนี้ด้วยการโจมตีทางอากาศที่นำโดยสหรัฐฯ

เพนตากอนประมาณการณ์กว่า พวกเขาสามารถฝึกนักรบได้มากกว่า 5,000 คนในปีแรก และประเมินว่า การที่จะยึดคืนพื้นที่ภาคตะวันออกของซีเรียที่กลุ่มไอเอสควบคุมอยู่ได้นั้นจำเป็นต้องมีกำลังพลมากสุดถึง 15,000 นาย

นักวิจารณ์หลายคนในสภาคองเกรสกล่าวว่า โครงการดังกล่าวของเพนตากอนจะให้การช่วยเหลือกองกำลังฝ่ายต่อต้านของซีเรียได้ไม่เร็วพอ และตั้งข้อสงสัยว่ามันเล็กเกินไปหรือไม่ที่จะมีอิทธิพลต่อสงครามกลางเมืองหลายมิติในซีเรียระหว่างประธานาธิบดีบาชาร์ อัล อัสซาด และฝ่ายต่อต้าน

ในฝั่งประเทศข้างเคียงอย่างอิรัก โอบามามีคำสั่งให้ทหารกว่า 3,000 นายเข้าไปให้คำแนะนำและฝึกฝนกองกำลังชาวอิรักและเคิร์ด

การเปิดเผยแผนเคลื่อนกำลังพลสำหรับภารกิจฝึกฝนในซีเรียครั้งนี้มีขึ้นเพียงไม่กี่วัน หลังจากคณะเจ้าหน้าที่อาวุโสของสหรัฐฯ พบปะกับหัวหน้าฝ่ายต่อต้านและกลุ่มประชาสังคมของซีเรียในเมืองอิสตันบูลเพื่อทำการหารือเรื่องโครงการดังกล่าว

“การพบปะเบื้องต้นนี้เป็นย่างก้าวที่สำคัญ เนื่องจากเรากำลังเตรียมดำเนินโครงการฝึกฝนและติดอาวุธภายหลังช่วงฤดูใบไม้ผลิปีนี้ร่วมกับหุ้นส่วนนานาชาติของเรา” น.ท.อลิสซา สมิธ โฆษกหญิงของเพนตากอนกล่าว

 

น้ำมันลงหนัก หุ้นสหรัฐฯ ร่วง-ทองคำทะยาน หลังสวิสปลดล็อกค่าเงินฟรังก์
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 16 มกราคม 2558 05:17 น.



วอลล์สตรีทเจอร์นัล/เอเอฟพี - ราคาน้ำมันกลับมาลงหนักอีกครั้งในวันพฤหัสบดี (15 ม.ค.) หลังยังคงกังวลต่อภาวะอุปทานล้นตลาดท่ามกลางอุปสงค์ที่อ่อนแอ ส่วนวอลล์สตรีทร่วงหนักและทองคำทะยานสูงสุดรอบ 4 เดือน จากความกังวลต่อความเคลื่อนไหวของธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ (SNB) ที่ตัดสินใจยกเลิกเพดานการกำหนดอัตราแลกเปลี่ยน

ราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสอินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด ของตลาดนิวยอร์ก งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ ลดลง 2.23 ดอลลาร์ ปิดที่ 46.25 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 1.02 ดอลลาร์ ปิดที่ 47.67 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

เมื่อวันพุธ (14 ม.ค.) น้ำมันดิบทั้งสองสัญญาทำสถิติปรับขึ้นคิดเป็นเปอร์เซ็นต์มากที่สุดในวันเดียว นับตั้งแต่ปี 2012 จากการช้อนซื้อเพื่อเก็งกำไรของนักลงทุนและเป็นการช้อนซื้อระยะสั้นช่วงใกล้วันหมดอายุสัญญา โดยในวันพฤหัสบดี (15 ม.ค.) ราคายังปรับขึ้นต่อเนื่องในช่วงต้นของการซื้อขาย แต่ท้ายที่สุดก็แกว่งตัวร่วงลงอย่างหนักในช่วงบ่าย

นักวิเคราะห์กล่าวว่า ความกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานล้นตลาด และดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นๆ ส่งผลให้ราคาน้ำมันกลับมาปิดลบแรงอีกครั้งในวันพฤหัสบดี (15 ม.ค.) ท่ามกลางรายงานคลังเชื้อเพลิงสำรองรายสัปดาห์ของสหรัฐฯที่เผยแพร่เมื่อวันพุธ พบว่าสต๊อกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นถึง 5.4 ล้านบาร์เรล ส่วนสต๊อกน้ำมันเบนซิน และน้ำมันกลั่น รวมถึงดีเซลและน้ำมันทำความร้อนก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน บ่งชี้ถึงอุปสงค์ที่ยังอ่อนแอในชาติผู้บริโภครายใหญ่แห่งนี้

ขณะเดียวกัน ธนาคารอเมริกา เมอร์ริล ลินซ์ ในวันพฤหัสบดี (15 ม.ค.) ก็ปรับลดประมาณการราคาน้ำมันในข่วงไตรมาสแรกลง โดยธนาคารแห่งนี้มองว่าสัญญาเบรนต์ น่าจะร่วงลงแตะระดับ 31 ดอลลาร์ ส่วนสัญญาสหรัฐฯ จะดิ่งอยู่ราวๆ 32 ดอลลาร์ ท่ามกลางอุปทานที่ยังล้นตลาด

ส่วนตลาดหุ้นสหรัฐฯ เมื่อวันพฤหัสบดี (15 ม.ค.) ปิดลบเป็นวันที่ 5 ติดต่อกัน จากรายงานผลประกอบการที่น่าผิดหวังของเหล่าธนาคารอเมริกาและความเคลื่อนไหวที่สร้างความประหลาดใจของธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ที่ประกาศยกเลิกเพดานการกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนฟรังก์สวิส

ดาวโจนส์ ลดลง 106.38 จุด (0.61 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 17,320.71 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 18.60 จุด (0.92 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,992.67 จุด แนสแดค ลดลง 68.50 จุด (1.48 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,570.82 จุด

รายงานผลประกอบการไตรมาส 4 ของภาคธนาคารยังออกมาน่าผิดหวัง โดยแบงก์ออฟอเมริกามีรายได้สุทธิลดลงร้อยละ 11.3 ฉุดให้หุ้นของธนาคารปิดลบร้อยละ 5.5 ส่วนซิตี้กรุ๊ป มีกำไรหดลงถึงร้อยละ 86 จากค่าใช้จ่ายด้านกฎหมายและปรับโครงสร้างจำนวนมหาศาล ฉุดให้หุ้นของบริษัทร่วงลงร้อยละ 4.3

วอลล์สตรีทเมื่อวันพฤหัสบดี (15 ม.ค.) ยังถูกกดดันจากความเคลื่อนไหวในสวิตเซอร์แลนด์ โดยตลาดหุ้นสวิตเซอร์แลนด์ทรุดตัวลง มูลค่าการตลาดหายไปถึง 1 แสนล้านดอลลาร์ หลังจากธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ (SNB) ประกาศยกเลิกเพดานการกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนฟรังก์สวิสเมื่อเทียบกับยูโรที่ 1.20 ฟรังก์สวิส พร้อมลดอัตราดอกเบี้ยลงสู่ระดับ -0.75% จาก -0.25%

ค่าเงินฟรังก์สวิสพุ่งขึ้นเกือบร้อยละ 30 เพียงไม่กี่นาทีหลังการประกาศของ SNB โดยดีดตัวแตะ 0.8052 ฟรังก์สวิสต่อยูโร หลังจากที่ SNB ประกาศยกเลิกมาตรการดังกล่าวที่มีการกำหนดขึ้นในวันที่ 6 กันยายน 2011 เพื่อควบคุมค่าเงินฟรังก์สวิสในขณะนั้นไม่ให้แข็งค่ามากเกินไปเมื่อเทียบกับยูโร รวมทั้งไม่ให้เศรษฐกิจของประเทศถดถอย และตกอยู่ในภาวะเงินฝืด

ความเคลื่อนไหวอันน่าประหลาดใจของสวิตเซอร์แลนด์ ก่อความตื่นตระหนกแก่นักลงทุนในตลาดทุน และขณะเดียวกันก็กระตุ้นความต้องการถือครองทองคำที่ถูกมองในฐานะสินทรัพย์ความเสี่ยงต่ำ ส่งผลให้ราคาโลหะมีค่าสีเหลืองชนิดนี้เมื่อวันพฤหัสบดี (15 ม.ค.) พุ่งขึ้นกว่าร้อยละ 2 แตะระดับสูงสุดในรอบ 4 เดือน โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 30.30 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,264.80 ดอลลาร์ต่อออนซ์

 

โอเปกคาดราคาน้ำมันจะดำดิ่งตลอดทั้งปีจากอุปทานล้นตลาด
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 15 มกราคม 2558 23:29 น.



เอเอฟพี/รอยเตอร์ - องค์การประเทศผู้ส่งน้ำมันเป็นสินค้าออก(โอเปก) คาดหมายว่าตลาดพลังงานจะเผชิญภาวะอุปทานล้นเกินความต้องการไปตลอดทั้งปี 2015 แม้อุปสงค์โลกจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ขณะที่อิหร่านจำเป็นต้องปรับลดฐานราคาน้ำมันสำหรับจัดทำงบประมาณประจำปีเหลือแค่ 40 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ท่ามกลางแนวโน้มของราคาที่ไม่มีวี่แววฟื้นตัวง่ายๆ

ในรายงานประจำเดือนที่เผยแพร่ที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรียเมื่อวันพฤหัสบดี(15ม.ค.) โอเปกมองว่าราคาน้ำมันที่ตอนนี้จ่อแตะระดับต่ำสุดในรอบ 6 ปี จะยังคงปรับลดลงไปอีกในปีนี้ ขณะที่ตลาดจะยังอยู่ในภาวะซบเซาต่อไปอีกนานท่ามกลางอุปทานที่ล้านตลาดอยู่อย่างน้อย 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน

กลุ่มโอเปกซึ่งมีสมาชิก 12 ชาติและผลิตน้ำมันดิบป้อนตลาดโลกถึง 1 ใน 3 บอกต่อว่าอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อยในปี 2015 ส่วนใหญ่จะมาจากการฟื้นตัวกิจกรรมทางเศรษฐในเหล่าประเทศแถบอเมริกาเหนือและชาติอื่นๆของเอเชีย ที่ไม่ใช่จีนและญี่ปุ่น

อย่างไรก็ตามโอเปกคาดหมายว่าอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นในปีหน้าจะถูกชดเชยไปกับกำลังผลิตที่เพิ่มขึ้นของเหล่าประเทศนอกโอเปก ขณะที่การแข็งค่าขึ้นของสกุลเงินดอลลาร์ก็จะเป็นตัวเพิ่มแรงกดดันทางลบต่อราคาน้ำมัน

ระหว่างการประชุมหนล่าสุดในเวียนนาเมื่อเดือนพฤศจิกายน โอเปก มีมติกำลังผลิตตามเดิมแม้มีเสียงเรียกร้องจากเหล่าชาติสมาชิกบางส่วนในนั้นรวมถึงอิหร่าน ให้ลดกำลังผลิตเพื่อพลิกฟื้นราคาที่กำลังตกต่ำลงเรื่อยๆ

ในวันพฤหัสบดี(15ม.ค.) อาลี ทายเยบเนีย รัฐมนตรีการคลังและเศรษฐกิจของอิหร่าน ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวฟาร์สนิวส์ว่า เตหะรานกำลังปรับลดราคาน้ำมันที่ใช้เป็นฐานสำหรับจัดทำงบประมาณปีหน้า ซึ่งจะเริ่มต้นปีงบประมาณในวันที่ 21 มีนาคม ลงเหลือแค่ 40 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล "เราจะปรับแก้ราคาน้ำมันในงบประมาณจาก 72 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเหลือ 40 ดอลลาร์ต่อบร์เรล ราคาน้ำที่ตกลงจะไม่ทำให้เราทรุด และเรามีเปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาส"

ตลาดน้ำมันที่่ดำดิ่งก่อแรงกดดันใหญ่หลวงต่อสถานะการเงินของอิหร่าน ซึ่งตึงเครียดอยู่ก่อนแล้วจากมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจของชาติตะวันตกต่อข้อพิพาทโครงการนิวเคลียร์

เมื่อเดือนธันวาคม ประธานาธิบดีฮัสซัน รูฮานี เสนอร่างงบประมาณ 312,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯต่อรัฐสภา อย่างไรก็ตามนับตั้งแต่นั้นตลาดน้ำทันที่ตกต่ำอยู่แล้วก็ร่วงหนักลงมาอีก โดยน้ำมันดิบเบรนท์ที่ซื้อขายกันตอนนั้นราว 69 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ตอนนี้ทรุดลงต่ำกว่า 50 ดอลลาร์แล้ว

 

ระทึก! นักบินอวกาศ 'ISS' อพยพเข้าที่หลบภัย หวั่นแก๊สรั่ว
โดย ไทยรัฐออนไลน์ 15 ม.ค. 2558 04:52


(ภาพ: AFP PHOTO)

นักบินอวกาศบนสถานีอวกาศนานาชาติ ต้องอพยพออกจากพื้นที่ส่วนของสหรัฐอเมริกาไปยังส่วนรัสเซีย หลังจากเกิดสัญญาณเตือนภัย และมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดการรั่วไหลของสารแอมโมเนีย...

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นักบินอวกาศบนสถานีอวกาศนานาชาติ (ไอเอสเอส) ต้องอพยพออกจากพื้นที่ส่วนของสหรัฐอเมริกาไปยังส่วนรัสเซีย หลังจากเกิดสัญญาณเตือนภัย และมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดการรั่วไหลของสารแอมโมเนียในระบบทำความเย็น แต่ล่าสุดเจ้าหน้าที่ขององค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ (นาซา) ระบุว่า อาจเกิดปัญหากับคอมพิวเตอร์ ทำให้เกิดการส่งสัญญาณเตือนที่ผิดพลาด

ด้านสำนักงานอวกาศรัสเซียยืนยันว่า นักบินอวกาศไม่ได้รับอันตรายใดๆ และเจ้าหน้าที่ของรัสเซียและสหรัฐฯ ประสานความร่วมมืออย่างรวดเร็วเพื่อรับประกันความปลอดภัยของลูกเรือไอเอสเอส

ทั้งนี้ สัญญาณเตือนภัยดังขึ้นในวันพุธ ทำให้นักบินอวกาศในไอเอสเอสพื้นที่ส่วนของสหรัฐอเมริกา 6 คน ต้องสวมใส่เครื่องช่วยหายใจแล้วอพยพไปยังพื้นที่ส่วนของรัสเซียในเวลาประมาณ 09:00 น. วันพุธ ตามเวลามาตรฐานกรีนิช (GMT) หรือ 16:00 น. ตามเวลาประเทศไทย ก่อนปิดประตูสู่ฝั่งสหรัฐฯ

ในเวลาเดียวกัน เจ้าหน้าที่ควบคุมการบินที่ศูนย์อวกาศจอห์นสัน ของนาซา ในเมืองฮูสตัน ก็ดำเนินการปิดอุปกรณ์ที่ไม่สำคัญทั้งหมด ภายในไม่กี่นาทีต่อมา ศูนย์ควบคุมภารกิจของไอเอสเอสก็ส่งสัญญาณปลอดภัย (all-clear) แต่จากนั้นก็สั่งให้นักบินอวกาศกลับไปยังฝั่งรัสเซียอีกครั้ง หลังจากพบหลักฐานเพิ่มเติมว่าอาจมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดแก๊สรั่ว

ทั้งนี้ สารแอมโมเนียเหลวมีความเป็นพิษสูง ซึ่งปกติจะไหลอยู่ภายนอกสถานีอวกาศ ถูกใช้สำหรับทำความเย็นให้อุปกรณ์ไฟฟ้า แต่หลังจากเกิดสัญญาณเตือน เจ้าหน้าที่กลัวว่าสารนี้อาจเข้าไปในระบบน้ำที่อยู่ภายในสถานี อย่างไรก็ตาม ล่าสุดเจ้าหน้าที่ของนาซาเชื่อว่า สัญญาณเตือนภัยอาจเกิดจากการทำงานที่ผิดพลาดของคอมพิวเตอร์

บ็อบ จาค็อบส์ โฆษกของนาซา ระบุว่า พวกเขาเห็นการเพิ่มขึ้นของความดันในระบบหมุนเวียนน้ำ จากนั้นก็เห็นการเพิ่มขึ้นของความดันในห้องโดยสาร ซึ่งในกรณีที่เลวร้ายที่สุด อาจเป็นตัวบ่งบอกว่าเกิดการรั่วไหลของแอมโมเนีย ดังนั้น พวกเขาจึงต้องป้องกันสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด และส่งลูกเรือไปยังสถานีอวกาศฝั่งรัสเซีย

ระทึก! นักบินอวกาศ 'ISS' อพยพเข้าที่หลบภัย หวั่นแก๊สรั่ว - ข่าวไทยรัฐออนไลน์