ประสบการณ์เมื่อเรามีคนทักว่าเรามีองค์ (แนวให้ความรู้)

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย กาลีนะ, 13 มิถุนายน 2013.

  1. naitiw

    naitiw เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,611
    ค่าพลัง:
    +2,882
    ทบทวนความรู้ 2

    ร่างทรงต้องระวังคำพูดและความคิดมากกว่าคนปรกติ เพราะเราอาจเผลอสาปแช่งคนอื่นได้ง่าย
    ควรมีพรหมวิหาร 4 คือ เมตตา กรุณา มุทิตาและอุเบกขา ประจำใจ
    ยกเว้นมีการลองของ ต้องถามครูท่านก่อน หากท่านอนุญาติถึงทำได้

    ต้องขออภัยเรื่องร่างทรงผู้เขียนก็ไม่ทราบมากนัก คงต้องรอท่านอื่นมาเสริม
    เพราะผู้เขียนเลือกที่จะเป็นลูกศิษย์ ไม่ต้องการเป็นร่างทรง จะทรงเฉพาะมีกรณีพิเศษ

    การช่วยเหลือผู้อื่นของร่างทรง
    ร่างทรงมักจะแบ่งเป็น 2 สาย คือ สายโปรด และสายปราบ
    สายโปรดจะเน้นไปที่การปฏิบัติธรรม นำสวดมนต์ภาวนา รวมคนเพื่อสงเคราะห์ผู้อื่น
    สายปราบ จะเก่งเรื่องวิชา คาถาอาคม ทำพิธีต่างๆ

    การประทับทรง
    มีทั้งแบบเต็มองค์ คือ ร่างทรงไม่รู้สึกตัวไม่มีสติ โดนควบคุมโดยสมบูรณ์
    และกึ่งมีสติ รับรู้ทุกอย่างแต่ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ ลืมตาได้
    ดังนั้นที่มีคนบอกว่า ลองเอาบุหรี่หรือธูปจิ้ม ถ้าเป็นแบบกึ่งมีสติ ตกใจแน่นอน

    ใน 1 ปีต้องมีการไหว้ครูอย่างน้อย 1 ครั้ง เพื่อแสดงความกตัญญูที่องค์ท่านได้ช่วยเหลือมา


    ---------------------- จบส่วนของผู้เขียน -----------------------
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 พฤศจิกายน 2014
  2. naitiw

    naitiw เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,611
    ค่าพลัง:
    +2,882
    บทความเสริมจากที่อื่น จำไม่ค่อยได้จากที่ไหน ของร่างทรงท่านหนึ่งได้เขียนเป็นหนังสือไว้
    ข้าพเจ้าก็ได้อาศัยนำมาเป็นหลักในการปฏิบัติช่วงแรกๆ ยังหาทางเดินไม่เจอ



    การที่องค์เทพจะมาเกี่ยวข้องกับมนุษย์นั้นก็ด้วยเหตุ 2 ประการ คือ

    1. ญาณจุติ หมายถึงภาระหน้าที่ในการเกิดเป็นมนุษย์ตามวาระ และเป็นส่วนหนึ่งของเทพที่ลงมาจุติ เพื่อมารับกรรมบางอย่างและเพื่อทำหน้าที่ในการเป็นผู้นำทางศาสนา เช่น พระสงฆ์ อุบาสก อุบาสิกา ผู้เลื่อมใสในพระพุทธศาสนา เป็นผู้นำทางฝ่ายสงฆ์หรือฆราวาสก็ตาม ที่เป็นผู้ใฝ่ในการปฏิบัติจนได้ญาณหรือฌาณ และมักจะลำบากในช่วงแรกแต่จะสบายในช่วงปลาย

    2. ญาณแฝง หมายถึง องค์เทพในระดับต่าง ๆ ที่ยังไม่ถึงวาระการเกิดเป็นมนุษย์ แต่มีความเลื่อมใส ปรารถนาจะช่วยส่งเสริมและมีส่วนร่วมในการสืบพระศาสนาด้วย ครั้นจะลงมาเกิดใหม่เพื่อสร้างบุญ ก็จะต้องรอเวลาอีกนานกว่าจะถึงเวลานั้น ญาณนี้แหละทีมักถูกเรียกกันว่า “องค์” ซึ่งแยกตามภาระหน้าที่ได้ 2 ประการด้วยกัน

    ความสัมพันธ์ในอดีต คือให้การอารักขาผู้ที่ได้มาจุติเป็นมนุษย์ เพราะเคยเกี่ยวสัมพันธ์กันมาแต่ชาติปางก่อน เมื่อร่างนี้ได้ทำบุญและแผ่เมตตาให้ ก็จะได้ร่วมอนุโมทนาบุญด้วยกัน ขณะเดียวกันก็จะคอยปกป้องคุ้มครอง ช่วยเหลือการทำมาหากิน ดลจิตดลใจ หรือเกิดเป็นลางสังหรณ์ในเรื่องราวต่าง ๆ จะพาสร้างบารมีทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา บางครั้งเวลาสวดมนต์นั่งกรรมฐานองค์เทพท่านจะพาสวดมนต์เป็นภาษาเบื้องบนหรือภาษาเทพไปเลยก็มี ความสัมพันธ์ดังกล่าวได้แก่

    1. เคยมีบุญคุณกันมาก่อนที่จะลงมาจุติเป็นมนุษย์ หรือ ในอดีตชาติ (ช่วยเฉพาะเจ้าตัวและคนใกล้ชิด)

    2.เคยติดหนี้บุญคุณกันมาก่อนที่จะลงมาจุติเป็นมนุษย์ หรือ ในอดีตชาติ (บังคับให้เปิดตำหนักเป็นร่างทรง)

    3.เคยเป็นบุตรหลานหรือบริวารกันมาก่อน (บังคับให้เปิดตำหนักเป็นร่างทรง)

    4.เกิดจาการสวดมนต์อ้อนวอนขอบารมีจากเทพเป็นประจำ จึงลงมาช่วย (นี่ล่ะที่มักจะนึกว่าตัวเองเป็นร่างทรงเพราะคนอื่นเห็นว่ามีองค์คุ้มครอง)

    ทำหน้าที่เป็นม้าทรง หรือ ร่างทรง ในกรณีเช่นนี้ส่วนใหญ่จะตายแล้วฟื้นขึ้นมาใหม่ เนื่องจากองค์เทพที่มาจับร่างเห็นว่า เป็นคนดีและมีบารมีพอ บังเอิญมาหมดอายุขัยก่อน ท่านก็เลยต่ออายุให้ ดังนั้นร่างนี้จึงต้องสร้างบารมีชดใช้หนี้บุญคุณขององค์เทพ โดยเป็นร่างทรงหรือสื่อที่จะติดต่อมนุษย์เพื่อสร้างบารมีร่วมกัน ในการทำนายทายทัก รักษาโรค หรือ อื่น ๆ สุดแท้แต่องค์เทพท่านจะเห็นสมควร และเมื่อถืงเวลาหรือหมดหน้าที่ก็จะต้องตายจริง ๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 พฤศจิกายน 2014
  3. naitiw

    naitiw เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,611
    ค่าพลัง:
    +2,882
    วิธีปฏิบัติสำหรับผู้ต้องการบูชาเทพ แต่ไม่ต้องการข้องเกี่ยวร่างทรง

    [​IMG]

    ตัวอย่างการจัดบูชาแบบง่ายๆ จากประสบการณ์ข้าพเจ้าเองปฏิบัติแล้วได้ผลดี

    ธูปเทียน ดอกไม้สวยๆ เช่น มะลิ กล้วยไม้ ดาวเรือง หากเป็นช่วงพิเศษอาจมีมะพร้าว ขนมไทยไม่ใส่ไข่ ถวายได้

    เทพทั้งหมดทานอาหารทิพย์เป็นมังสวิรัติ ไม่รับของคาว หมั่นสวดมนต์ น้อมจิตเข้าหาท่านจะเป็นที่ทรงโปรด

    ไม่แนะนำต้องมีอุปกรณ์เหมือนวัด เช่นพวกฆ้อง สังข์ต่างๆ จะกลายเป็นทำบ้านให้เป็นวัด

    เทวรูปได้มาอย่างไรก็บูชาไปอย่างนั้น ไม่ต้องเพิ่มเติมประดิษฐ์ชุดใส่เหมือนตุ๊กตา รวบรวมเงินไปทำบุญที่วัดดีกว่า

    ศรัทธาในองค์เทพองค์ใดก็บูชาได้เลย ไม่ยึดติดเทวนิยาย ส่วนตัวเองในช่วงแรกก็ไม่ได้บูชาพระคเณศก่อน

    จนท่านเสด็จมาช่วยทางธรรม ถึงได้นำมาบูชาร่วมด้วยในภายหลัง


    ไม่จำเป็นว่าต้องได้มาจากวัด หากพบเห็นเทวรูปสวยๆ เราสามารถนำมาร่วมบูชาที่บ้านได้ สัก 7 วันท่านจะเปิดเนตรเอง

    หากเกิดชำรุดไม่มากนักซ่อมแล้วสามารถนำมาบูชาต่อได้ แต่ถ้าเสียหายมากขออนุญาตินำฝังดิน

    เมื่อบูชาไปสักระยะหากมีการสัมผัสสิ่งพิเศษได้ไม่ต้องตื่นตระหนก ให้ปฏิบัติเหมือนเดิมต่อไปไม่โอ้อวด

    เป็นการยืนยันว่าบูชาแล้วได้ผลจริง หากไม่มีอะไรเกิดขึ้นควรสำรวจตัวเองทำสิ่งใดผิดไป

    จะทยอยเขียน ง่วงละ



    ความเข้าใจผิด

    พระแม่กาลี เป็นเทวีปราบอสูรท่านเมตตาใจดีมาก ไม่ใช่เทพดุร้ายหากบูชาแล้วจะมีเรื่อง ท่านจะไม่เข้าข้างการทำชั่ว ผู้บูชาหากทำผิดท่านจะลงโทษเอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 พฤศจิกายน 2014
  4. Kalina

    Kalina เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +4,042
    ... หากใครมีคำถามจะให้กาลีนะตอบก็โพสไว้นะคะ จะกลับมาตอบให้คะ .. ไม่ได้เข้ามานานด้วยเหตุส่วนตัว ...

    ... ส่วนเรื่อง เกี่ยวกับความเชื่อเรื่องเทพฮินดูมันมีทั้งแบบความเชื่อของทางอินเดีย และ พี่ไทยเราเสริมกันเองมาเรื่อย ๆ ควรใช้วิจารณญาณของแต่ละบุคคลนะคะ
    ... ศรัทธา กับ งมงาย ต่างกันนิดเดียวเท่านั้น .. เมื่อ ศรัทธาถึงเทพท่านจะรับรู้ได้เองมหาเทพมหาเทวีมิใช่ผู้หลงไหลในสิ่งศักการะบูชาแต่อย่างใด .. จิตใจที่ศรัทธาต่อท่านเท่านั้นที่จะส่งถึงได้ .. สิ่งสักการะบูชาที่ถวายเป็นเพียงรูปธรรมที่สร้างกำลังใจให้เรารู้สึก และ เสริมกำลังใจให้ตนเอง .. เพราะหากจะวัดกันย่อมสู้จิตใจที่ตั้งมั่น และ ศรัทธามิได้แน่นอน .. วันนี้แนะไว้แค่นี้ก่อนแล้วกันนะคะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 พฤศจิกายน 2014
  5. naitiw

    naitiw เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,611
    ค่าพลัง:
    +2,882
  6. Kalina

    Kalina เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +4,042
    ... สำหรับท่านใดที่คิดอยากจะเดินทางสายนี้สิ่งแรกที่เราควรระลึกถึง และ รักษาไว้ให้มั่นคง คือ สัจจะ ..

    ... เพราะมันจะเป็นที่มาของหลายสิ่งมากคะ เช่น ผู้ที่ฝักใฝ่ในเรื่องของ คาถาอาคม หากต้องการให้คาถาตนเองศักดิ์ก็ต้องรักษาสัจจะด้วย ฯลฯ

    ... " กษัตริย์ " ตรัส " แล้วไม่คืนคำ " หรือ ท่านจะเลือกแบบ " สัจจะ ไม่มีในหมู่โจร "

    ... ถ้ายกตัวอย่างแบบนี้คงพอเข้าใจนะคะ .. ว่า " คำพูด " นั้นสำคัญมากแค่ไหนแม้แต่พุทธองค์ท่านก็ให้ความสำคัญเรื่องนี้เช่นกัน ..
     
  7. Kalina

    Kalina เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +4,042
    .... ทำไม กาลีนะ ถึงยกประเด็นนี้ขึ้นมานำเสนอเพราะได้ทำการพิจารณาแล้วว่า " จำเป็น " สำหรับทุกท่านที่คิดว่าตนเองจะมาทางสายนี้ เพราะมันจะเป็นตัว " พันธนาการ " ทุกอย่างเข้ามาใส่ตัวเราไว้จนบางครั้งดิ้นไม่หลุดไปเลย ..

    ... ยกตัวเอย่าง เช่น หากจะสังเกตให้ดีว่า เวลาเราไปรับขันธ์เขาก็มักจะให้เรารับปาก หรือ กล่าวคำอะไรสักอย่างเพื่อเป็นข้อผูกมัดเรากับเขาไว้ ทั้งที่เราเต็มใจ หรือ ไม่รู้ แต่มันก็มีผลต่อเราในอนาคตทั้งสิ้น

    ... เพราะการผิดครู คือ การผิดสัจจะวาจาที่ให้ไว้นั้นเอง ... ส่วนมากมารมันก็จะรอจังหวะนี้แหละคะที่จะเข้าสวม ( ในกรณีที่ รับมาถูกต้องแต่แรกนะคะ ไม่เกี่ยวกับการรับขันธ์ผี ) หรือ ได้รับการลงโทษจากครูบาอาจรย์สายนั้น ๆ หรือ คำสาปแช่งแรงครู ตามความผิดที่ได้กระทำลงไป

     
  8. naitiw

    naitiw เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,611
    ค่าพลัง:
    +2,882
    ช่วงนี้คงต้องลด-เว้น การดูกรรมลง ครูอาจารย์มาเตือนแล้ว

    เพราะช่วยไปเค้าก็แค่ฟังหู ไม่ได้ตั้งใจละเลิกจริง กรรมเค้าให้เค้ารับไป

    หลังจากเรียนการดูฮวงจุ้ยกับองค์ท่าน เริ่มซื้อหนังสือฮวงจุ้ยมาอ่านจริงจัง

    ปรากฏว่าตรงกับที่องค์ท่านสอน แต่เราจะรู้ว่าทำไม ทำยังไง ทำแล้วได้อะไร

    ฝากเตือนผู้ติดตามกระทู้ อย่าลืมรักษาศีล หมั่นทำสมาธิให้มาก
     
  9. รพินทร์นาถ

    รพินทร์นาถ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    351
    ค่าพลัง:
    +844
    เคยเจอวิบากกรรม ทำให้ล้มลุกคุกคลาน รอดมาได้ก็เพราะ ครูบาอาจาร์ยช่วงเจอวิบาก เรียกได้ว่าทุกอย่างในชีวิตผิดพลาดไปหมด ทั้งความคิดและการกระทำ ไม่ว่าคนจะเตือนอย่างไรก็ไม่ฟังจนมันสุดทาง ครูบาอาจาร์ยท่านคงเห็นใจเปิดชี้ทางให้เดิน
    มีคนมาช่วยด้วยความจริงใจ ทั้งๆที่ไม่รู้จักกัน หลายคน เรียกได้ว่าต้องระดมหลายสายถึงหลุดออกจากวิบากกรรม ทุกๆคนที่ช่วยเตือนเรื่อง สัจจะ การสวดมนต์ นั่งสมาธิ ตอนนี้
    ก็รู้ว่า คนคิดไม่ดีก็ยังทำอยู่ ส่วนเราก็อาศัย ศิล สมาธิ และครูอาจาร์ย เป็นเกาะคุ้มกัน จากคนที่อ่านเรื่องคุณไสยเป็นเรื่องตลก เอามัน ตอนนี้เชื่อสนิทใจเลยว่า คนโดนไม่สนุกด้วยเลย
    แต่ก็เอามาคิดในแง่ดี ถ้าผมยังไม่เจอเรื่องพวกนี้กับตัว คงยังทำชั่ว เหมือนเดิมจนแก่ตายกันไปข้างหนึ่ง หรือไม่ก็เป็นกรรมเก่าที่ขีดมาให้ถึงจุดเปลี่ยนชีวิตให้กับมาเป็นคนดีอย่างที่ควรจะเป็นกัน
     
  10. Kalina

    Kalina เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +4,042
    ... ชีวิตคนเราทุกคนก็ไม่ต่างกันหรอกนะคะ กาลีนะ เองต่อให้มีองค์รักษาตั้งแต่เกิดผ่านอุปสรรคมากมายมาแค่ไหนเอาชีวิตแทบไม่รอด .. ก็เพราะกรรมเก่าที่ตนเองทำในอดีตหลายร้อยชาติทั้งนั้น .. มากน้อยแล้วแต่วาระโอกาศ แค่เรายังมีลมหายใจอยู่ทุกวันนี้ก็ดีแล้วคะ ทำความดีสะสมให้ตนเองเยอะ ๆ ตายไปจะได้ไม่ลำบาก หากนานไปญาติ ๆ เขาลืมเรา งง

    " เรายังมีโอกาสเริ่มต้นทำกุศลให้ตนเองใหม่ "

    ... มีคำหนึ่งที่ดวงวิญญาณแฟน กาลีนะ สอนไว้และจำไว้เตือนใจตนเองเสมอมา และ อยากฝากไว้ให้ท่านอื่นได้ลองเอาไปพิจารณาดูบ้าง

    " จงดีใจเถอะที่เธอยังมีชีวิตอยู่ เพราะถ้าเธอตายไปแล้ว อยากทำอะไร แก้ไขอะไรก็ทำไม่ได้แล้ว ได้แค่ดู ชีวิตมีค่านะ อยากให้เธอรักษามันไว้ให้ดี ไม่อยากให้เสียใจแบบเขา ที่อยากทำอะไรก็ทำไม่ได้แล้ว "

    .. เพราะเขาตายไปแล้วเป็นเพียง อากาศธาตุ ไม่สามารถทำอะไรมากได้ อาศัยเพียงบุญเก่าที่มี และ จากที่คนทำอุทิศให้ แต่มันก็ไม่เท่าเราทำเอง ..

    ... เพราะเมื่อวาระกรรมขงเราถึงเวลาให้ผล " องค์ " ก็ต้องถอยห่างออกไปเพื่อให้เจ้ากรรมนายเวรเข้ามาแสดงผลกรรมให้เราได้รับผลแห่งการกระทำ .. " เทพไม่ได้มีอำนาจเหนือเวรกรรม " ทุกคนต้องทำความเข้าใจข้อนี้ก่อน .. สิ่งที่ท่านทำได้ คือ อาจช่วยผ่อนผันให้เบาลง หรือ เบี่ยงกรรมนั้นออกไปช่วย .. ทั้งนี้ ก็ขึ้นอยู่กับตัวเราเป็นสำคัญ .. ไม่มีใครรับกรรมแทนกันได้ .. ยกเว้นมีกรรมร่วมกันมาก่อน ซึ่งเราคนธรรมดาคงไม่สามารถรู้ได้หมดหรอกคะว่าเราไปทำกรรมอะไรไว้บ้าง .. จึงได้มีการคิดหาทางออกต่าง ๆ นา ๆ แต่ทุกอย่างก็ขึ้นอยู่กับ " วาระแห่งจิตคน ๆ นั้น อยุ่ดี "

    ... ส่วนเรื่องถูกกระทำย่ำยี รังแก นี้ก็โดนเหมือนกัน .. โดนทุกวันเป็นปกตินับวันยิ่งกล้าแข็งขึ้นทุกที เพราะบางพวกเขาก็ไม่ได้เกรงกลัว เทพ เทวดา นะคะจะบอกให้ นอกจากจะได้ประลองกำลังกันก่อนว่าใครแข็งแกร่งกว่ากัน .. ส่วนมากพวกมากจะได้เปรียบ ( พวกในที่นี้ไม่ใช่คนนะคะ ) .. คุณไสยย์สมัยนี้พัฒนาไปไกลฉลาดขึ้นเยอะ ทุกคนจึงควรสร้างเกราะป้องกันตนเองจะดีกว่านะคะ ...

    1. สร้างพันธมิตรเยอะ

    2. ทำบุญ ทำความดี อุทิศให้เขาเยอะ ๆ

    3. สวดมนต์ไหว้พระบ่อย ๆ

    4. พยายามอย่าสร้างศัตรู อ่อนน้อมถ่อมตนเข้าไว้ พวกชอบขี้โม้มักมีคนหมั่นไส้เยอะ ( หากต้องมีการเสวนากันควรใช้เหตุผลที่ไม่ใช่เอาสีข้างเข้าถู )

    5. พึงรักษาศีล เพื่อรักษาความเป็นคน ..

    ... เท่านี้ก็ใช้ได้แล้วคะ
     
  11. Kalina

    Kalina เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +4,042
    .... ส่วนเรื่องขององค์เทพต่าง ๆ กาลีนะ จะไม่ค่อยถนัดนักนะคะ เพราะส่วนตัวจะศึกษาเฉพาะส่วนขององค์พระแม่อุมาเท่านั้น .. เลยไม่กล้าจะแนะนำในส่วนนี้เท่าใดนัก เพราะกลัวผิดพลาดเอาเป็นว่าจะแนะนำแบบเป็นกลาง ๆ ไว้ก่อนแล้วกันนะคะ

    .. ที่ต้องแจ้งแบบนี้เพราะว่ามันเป็นการสุ่มเสี่ยงพอสมควรที่จะแนะนำผิดพลาด เหตุผลง่าย ๆ กาลีนะ ไม่ได้เกิดพร้อมสมัยของท่าน หรือ ไม่ใช่ท่านที่จดบันทึกคนแรก ไม่ใช่หัวหน้าพราหมณืชั้นสูงในอินเดีย ฯ คือเป้นคนธรรมดาที่สนใจเรียนรู้แล้วนำมาเล่าสู่กันฟังอาจมีผิดบ้างถูกบ้างก็รบกวนใช้วิจารณญาณของแต่ละท่านนะคะ บางคนสงสัยว่าแล้วเทวนิยายที่เขาทำขึ้นมาละมันเชื่อได้แค่ไหน .. อันนี้ขอบอกว่าความคิดเห็นส่วนตัวจริง ๆ เลยนะคะ .. กาลีนะให้ 80 จาก 100 สำหรับเรื่องที่ทางประเทศอินเดียทำขึ้นมาครั้งแรก ( อย่าลืมว่าตำราทั้งสามที่เป็นของฮินดูไม่ได้เขียนเป็นภาษาไทยนะจ๊ะ เขียนเป็นภาษาอินเดียโบราณ ) เพราะอีก 20 แน่นอนเขาต้องเสริมเพราะเป็นละคร .. แต่แขกเขาไม่เหมือนพี่ไทยตรงที่ว่าในประเทศของเขามีความเชื่อมากกว่าสามร้อยกว่าความเชื่อเรื่อง " เทพเจ้า " ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำออกมาให้ถูกใจทุกคน ฉะนั้นเขาจะทำฉุย ๆ ไม่ได้คล้ายหนังอิงประวัติศาสตร์ .. ถึงฟังไม่เข้าใจเท่าไหร่ แต่ความรู้สึกที่ได้รับมันมีความปิติสุข พอใจ อย่างบอกไม่ถูก และ ถ้าจับเฉพาะเนื้อความท่านก็จะเห็นถึงความแตกต่างจากความเชื่อที่ถูกถ่ายทอดกันมาในเมืองไทยเยอะมาก เยอะจนอาจขัดใจหลาย ๆ คน แต่ประเด็นที่นำมาพูดไม่ใช่จุดนั้นหรอกนะคะ เพียงแค่เสนอให้คิดต่างออกไปจากสิ่งเดิม ๆ แล้วลองวิเคราะห์ดู แต่ไม่ทราบว่าท่านจะได้ข้อคิดแบบที่ กาลีนะ ได้มาหรือเปล่านะคะ

    ... เพราะจุดประสงค์หลักของกระทู้นี้ไม่เน้นให้งมงาย แต่อยากให้ลองคิดพิจารณา และ ให้ความรู้ในแง่มุมต่าง ๆ เพื่อจะได้นำไปพิจารณา และ ปรับปรุงใช้กับตนเอง เผื่อจะมีหลาย ๆ ท่านที่ไม่อาจจะเลี่ยงในการเป็นร่าง หรือ เผชิญปัญหาจะได้พอแก้ไข หรือ ระวังตัวกันเองได้ เพราะทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับ " กรรม " เป้นตัวกำหนดไว้ทั้งนั้น .. เหมือนที่ กาลีนะ เคยให้สัจจะวาจากับ อ.ต๋อง ไว้ว่า " หากมันเลี่ยงไม่ได้จริง ๆ ก็จะเป็นตามกรรมกำหนด แต่จะขอเลือกใช้ชีวิตในแบบของตัวเอง หากถูกหลอกใช้ไปในทางชั่วก็ยอมตายเสียดีกว่า " อาจฟังดูบ้า ๆ นะคะ แต่มีความในอยู่ในนั้น เพราะหากเราถูกหลอกใช้โดยมาร .. ผลที่ตามมาจะทุกข์ยากเป็นเบี้ยล่างไปอีกไม่รู้เท่าไหร่ .. ทำให้จนบัดนี้ก็ยังไม่ยอมรับขันธ์เหมือนคนอื่นสักที .. เพราะเท่าที่ศึกษามา แขกเขาก้ไม่ได้มีพิธีนี้เช่นกัน .. และ เมื่อถึงคราวลำบากจริง ๆ ท่านก็มาช่วยให้ผ่านไปได้เหมือนกัน .. หากเรามีศรัทธา และ ความดี เป็นที่ตั้ง เหมือนที่เขาว่า คนดีผีคุ้มนั้นแหละคะ .. เอาไว้ว่าง ๆ จะมาเล่าในส่วนของพระแม่อุมาให้ฟังแล้วกันนะคะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 พฤศจิกายน 2014
  12. mai261

    mai261 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2014
    โพสต์:
    258
    ค่าพลัง:
    +508
    ได้ความรู้เยอะเลยค่ะ ว่างๆมาเล่าต่ออีกนะคะ(f)
     
  13. Kalina

    Kalina เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +4,042
    ... นอกจากจะเป็นผู้มี สัจจะ แล้วนั้นคุณต้องมี " บารมีของตัวเอง " ด้วยเพราะอะไรนะเหรอคะ ก็เพราะความสามารถที่คุณคิดว่ามากกว่าคนอื่นนั้น คุณเคยรู้บ้างไหม๊คะว่ามันมีมาได้ยังไง ... เช่น เกิดมาก้เห้นผีได้เอง เกิดมาก็มีวาจาศักดิ์เลย เกิดมาก็ระลึกชาติได้เอง ร้อยแปดพันอย่างที่จะเจอกัน ... มันมีมาได้ยังไงเคยคิดกันบ้างไหม๊คะ ??? สำหรับ กาลีนะ คิดคะแล้วก้พยายามหาคำตอบให้ตนเองเสมอมา .. จนเคยถูกเบรกมาว่า " อดีตบางครั้งลืมมันไปได้ก็ดี ความรุ่งเรือง ความยิ่งใหญ่มันมีวันหมดไป คงเหลือเพียง .. กรรม .. ที่ตามติดเราอยู่ตอนนี้ " เหตุเพราะ กาลีนะ มักอยากรู้ว่า .. ก่อนหน้าจะเป็นเรา .. เราเป็นใครมาก่อน เราไปทำอะไรไว้มากมายเหรอถึงต้องมาเจอเรื่องราวเหล่านี้ .. บางครั้งก้ได้คำตอบ บางครั้งก้เงียบสนิท ขึ้นอยู่กับท่านจะให้เห็นวาระกรรมเท่าที่จำเป็น เมื่อทราบแล้ว กาลีนะ ก็มักจะปลงกับกรรมนั้นสำนึกผิดที่ตนเองได้เคยก่อไว้ เข้าใจชีวิตช่วงนั้น และ พยายามไม่ทำมันอีก ทำปัจจุบันให้ดีเข้าไว้สร้างกรรมดีใหม่ ๆ เพื่อหวังว่ามันจะค้ำชูปัจจุบันไม่ให้เลวร้ายไปกว่าเดิม .. ที่พูดให้ฟังแบบนี้ไม่รู้ทุกท่านจะเข้าใจสิ่งที่ต้องการจะสื่อไหม๊นะคะ ... ก่อนที่เราจะอ้อนวอนให้ใครสักคนมาช่วยเรา เราต้องพยายามช่วยตนเองก่อน และ รู้สึกสาเหตุที่เป็นไป ก่อนจะหาทางแก้ไขให้ผ่านมันไปได้ หรือ ก่อนจะร้องขอใครมาช่วย .. เป็นที่มาของสิ่งที่ต้องการจะบอกในวันนี้ คือ เราต้องสร้างบารมีให้ตนเองก่อนนั้นเอง ...

    ... คนเราทุกคนเกิดมาสั่งสมของเก่ามาไม่เหมือนกันหรอกคะ ในกรณีของ กาลีนะ ใช้หลากหลายอย่างคะในการหาคำตอบให้ตนเอง แน่นอนหนีไม่พ้น โหราศาสตร์ .. พุดแบบนี้อย่าเพิ่งคิดว่าเราเก่งนะ เราไม่เก่งคะแค่พอรู้นิดหน่อยเท่านั้นแต่มันก็ช่วยให้เราหาทางออกให้ตนเองได้ ในหัวข้อนี้เรารุ้แล้วว่าเราเกิดมา วาสนาน้อย ศัตรูมาก เกิดมาเพื่อทำเพื่อคนอื่น แล้วก้ถูกทรยศในภายหลัง .. แต่โชคดีที่ถูกกำหนดให้เป้นนักสู้ที่ดวงแข็ง แต่ต้องโดดเดี่ยว .. เมื่อเรารู้แล้วเราก็เริ่มหาทางแก้ไขมันให้ดีขึ้น .. ซึ่งเราลองทำแล้วจึงกล้าพูดเข้าสู่ปีที่สี่แห่งการทดลอง ถือว่าได้ผลดีพอสมควร ... ถึงแม้กรรมจะบีบบังคับหนทางให้เราอับจนก็ตาม .. แต่ก็นั้นแหละคะเพราะเรามีกรรมเก่าเยอะเราจึงค่อย ๆ ทำไปเรื่อย ๆ ในแบบของเรา ..

    ... เราก้อยากให้ทุกท่านมาสร้างบารมีให้ตนเองกันมาก ๆ ทำไปเรื่อย ๆ สะสมไว้วันละนิดละหน่อยก็ได้ดีกว่าไม่ทำความดีอะไรเลย สะสมแต่กรรมชั่วไปวัน ๆ จนกลายเป็นดินพอกหางหมู ... คนที่มีบุญบารมีมากมันดียังไง กาลีนะคงไม่ให้ท่านหวังถึงขั้นบรรลุหรอกนะคะ แค่ศีล 5 นี้ก็ว่าประเสริฐเลิศแล้วสำหรับยุคสมัยนี้ . คุณจะได้อะไรบ้างสำหรับการเป็นผู้มีบารมีมาก

    1. แน่นอนคะ องค์ของเราท่านย่อมได้ผลประโยชน์จากการนี้ เราจะเป็นที่รักของเทพเทวดา และ กัลยาณมิตร

    2. ทำสิ่งใดมักสำเร็จเพราะมีแบ็คหลังที่มีกำลังคอยช่วย

    3. พูดจาสิ่งใดก็จะมีคนยำเกรง มีอำนาจ วาจาจะศักดิ์สิทธิ์

    4. สิ่งชั่วร้ายยากจะทำร้ายได้ ( แม้แต่คำสาปแช่งจากผู้ใดก็ยากจะเป็นผล เพราะความดีจะปกป้องเรา ยกเว้นว่าเรา กระทำผิดจริง หรือ มีกรรมสัมผันกับคำสาปนั้น )

    5. โอกาศน้อยที่จะตกไปเกิดในทุกติยภูมิ ยกเว้นสร้างกรรมหนักอันนี้รอดยาก ( กรรมหนัก 5 อย่าง )

    6. เมื่อถึงคราวอับจนหนทาง .. จะบังเกิดทางออกให้แกเรา ( ทั้งนี้ท่านต้องร้องขอด้วยนะคะ )

    7. อยู่ที่ใดก็เป็นสุข มีแต่คนอยากเข้าหา มีเสน่ห์ในตนเอง

    .... พูดไปก็เยอะแยะคะ .. เพราะองค์จะแสดงกำลังได้มากน้อยก็ขึ้นอยู่กับตัวเราด้วยว่ามี บุญกุศลบารมีเท่าใด .. ทั้งเก่าและใหม่รวมกัน .. ท่านจะพิจารณาเองว่าสมควรช่วย หรือ ไม่ ช่วยยังไง .. ส่วนเรื่องที่จะถูกเลือกให้เป็นร่าง หรือ ไม่ อันนั้นต้องดูกรรมที่มีร่วมกันด้วยคะ ... เพราะอันที่นำเสนอนั้นสำหรับทุกท่านทั้งที่มีองค์ และ ไม่มีองค์ .. เพียงแค่คนที่มีองค์จะมีภาษีได้รับการช่วยเหลือมากกว่าเพราะมีกรรมสัมพันธ์กันอยู่แล้วเป็นเบื้องต้นเท่านั้นเอง
     
  14. Kalina

    Kalina เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +4,042
    .... ที่นี้ กาลีนะ จะนำเสนอในแบบที่ถูกสอนมานะคะ .. อาจไม่เหมือนที่ทุกท่านได้ยินมานักเพราะท่านสอนใน กรณีของตัว กาลีนะ จำเป็นต้องใช้คะ .....

    .... ในการทำนี้ขอเน้นว่าใช้ใจทำนะคะ ไม่ใช่การทำเอาหน้าเท่านั้น .. เพราะท่านจะไม่ได้รับผลเท่าที่ควร เทพเขาอ่านจิตเจตนาคนนะคะจำไว้ ไม่ต้องตีสีหน้าคะท่านไม่ดูหรอกคะ ท่านมองดูเข้าไปในจิตใจส่วนลึกของเราต่างหาก

    1. ทาน ใช่คะ อาจารย์ท่านสอนให้ กาลีนะ รู้จักทำทานเพราะอะไรนะเหรอคะ เพราะจิตใจในตอนแรกของ กาลีนะ ไม่ชอบการทำทานคะ ไม่เข้าใจทำไมเราต้องให้คนอื่น ของของเราเอง เพราะเราเองก็ยังลำบากอยู่แล้วจะให้เอาของเราไปยกให้คนอื่นทำไม นี้คือกระบวนความคิดสมัยเด็ก ๆ ที่ติดตัวมา มันไม่เข้าใจ และ มีคำถามทุกครั้ง ว่าทำไม ๆๆๆ กาลีนะ ก็เริ่มฝึกคะ จากที่ไม่ค่อยให้เงินขอทานเราก็ให้และหยุดความคิดแค่ตรงที่เราอยากให้ไม่คิดต่อ .. เพราะอะไรนะเหรอคะไม่รู้ว่าคนอื่นเป็นเหมือนกันไหม๊ ที่เวลาเราเดินผ่านขอทานตามสะพานลอย หรือ ข้างถนนแล้วเรามองหน้าเขามันจะมีความคิดผุดขึ้นมาเหมือนมีคนบอกเราว่า " เขาไม่ได้มาขอทานเพราะลำบาก เขาทำเป้นอาชีพ หรือ พวกนี้โดนบังคับให้ขอทาน " ทำให้เรารู้สึกไม่สงสารพวกเขาไม่อยากให้เวลามองเข้าไปในดวงตาพวกเขา เวลาแค่แว๊บเดียวเท่านั้น แต่ก็มีบางคนนะคะที่เรามองแล้วใจก็บอกว่าให้เขาไปเถอะเขาสมควรได้รับมันก็มี ..
    .... หรือ ในบางครั้งที่เราต้องสูญเสียอะไรไปให้คนอื่นไม่ว่าจะเป็นคนสัตว์สิ่งของอะไรก้ตาม กาลีนะ ก็จะคิดว่า ให้ทานเขาไปคะ .. ยกเว้นพวกมาขโมยนะคะ .. กาลีนะ ไม่ใช่คนใจดีขนาดนั้น
    .... จากการทำตามที่ อาจารย์ แนะนำในข้อนี้ทำให้สี่ปีมานี้จิตใจของ กาลีนะ ดีขึ้นคะ เหมือนเป็นการฝึก " การสละออก การไม่ยึดติด " สมัยก่อนนี้ไม่ได้เลย " ขี้หวงมาก อาฆาตสูง เรียกว่าจองเวรไม่มีที่สิ้นสุดกันเลยคะ " แต่ตอนนี้ก็ภูมิใจว่าดีขึ้นแล้ว เวลาไปทำบุญทำทานที่ไหนก็สามารถทำใจให้เป็นบุญจริง ๆ ได้ ไม่ตระหนี่ขี้เหนียวเหมือนเก่า .. ชีวิตก็มีความสุขขึ้น แถมได้บุญอีก ...

    2. ศีล อาจารย์ให้ กาลีนะ รับศีลจากท่านคะ ( ท่านเป็นพระ ) รับมาเพียงข้อเดียวเท่านั้นจากห้าข้อ ท่านบอกว่ามัน คือ หัวใจ ของศีลทั้งหมดหากถือได้โอกาศที่จะพลาดไปผิดศีลข้ออื่นจะน้อยลงตามไปด้วย .. อยากรู้แล้วใช่ไหม๊คะคือข้อไหน

    ... ศีลข้อ 3 ว่าด้วย " กาเม " ท่านได้ให้เหตุผลมาด้วยนะคะว่า คือ อะไร ทำอย่างไร รักษาอย่างไร ที่แน่ ๆ คือ การมี " ผัวเดียว เมียเดียว " แต่ท่านอธิบายมากกว่านั้น .. นั้นคือ การที่เราไม่ล่วงละเมิดสิ่งที่มีเจ้าของอยู่แล้ว หมายถึง คน สัตว์ สิ่งของ นั้นคือ ความหมายของศีลข้อ 3 ที่อาจารย์สอนไว้ เพราะถ้าเราไม่ล่วงละเมิดของผู้อื่นแล้ว เราจะไม่ผิดลูกเมียเขา ไม่ลักทรัพย์ ไม่ทำร้ายคนอื่น ไม่เกิดความเครียด ไม่โกหก จนนำพาชีวิตให้ผิดศีล 5 ข้อได้ท่านว่าข้อนี้สำคัญ ...

    .. แล้วถ้าเราเผลอไปทำละ ท่านบอกว่า ครั้งแรกอาจยกเว้นให้ได้เพราะไม่รู้ แต่ถ้ารู้แล้วยังทำอันนั้นเรียกเจตนาก็ต้องรับผลไป ครั้งแรกก็ขอขมากันไปได้อยู่แล้วอย่าทำอีก .. แต่ท่านก็พูดย้ำว่า " คนเราสมัยนี้เกิดมาหลายครั้งย่อมเจอคนหลายคนมีพันธะสัญญาต่อกันกับหลายคน เมื่อกรรมนำมาให้เจอกันจึงบังเกิด " คู่ซ้อน " เกิดขึ้นมากมายในสังคม ท่านจึงเน้นว่า ถ้าไม่จำเป็น อย่าไป สัญญา หรือ สาบาน กับใครเพราะมันจะมีผลทำร้ายเราและคนรอบข้างได้ในภายหน้า " อันนี้ กาลีนะ ก็เห็นด้วยตามท่านเพราะเจอมาแล้วกับตัว และ เลือกที่จะไม่เดินตามกรรมนั้น เลือกที่จะเดินเลี่ยงมันออกไป

    3. ภาวนา ใช่คะ ท่านสอนให้ กาลีนะ หัดสวดมนต์ไหว้พระ บอกตามตรงไม่ชอบเลยคะ ตอนเด็ก ๆ มักมีคำถามว่าทำไมต้องสวด สวดทำไม สวดไปเพื่ออะไร แปลไม่ออก กลัวเป็นคำที่ไม่ดี เยอะคะ พอต้องมาสวดก็เริ่มจากบทง่าย ๆ สวดไปง่วงไปหลับทั้งที่พนมมือก็มี หรือไปร่วมงานพิธีตามวัด กาลีนะ จะหลับคะหลับตั้งแต่อัญเชิญเทวดาเลยทีเดียวยังกะโดนยาสลบ ... ทำให้ไม่ค่อยอยากไปร่วมเท่าไหร่นักเรียกว่าระวังตัวก็ว่าได้เพราะไม่อยากหลับแล้วฝันเห็นอะไรแถว ๆ นั้นกลัว
    ... พอเริ่มหัดสวดก็จะพยายามแปลทุกบทที่สวดให้เข้าใจว่าบทสวดนี้แปลว่ายังไงเพื่ออะไร เวลาสวดใจเราก็จะแปลความหมายไปด้วย ไม่รู้ว่าถูกวิธีไหม๊แต่ก็มีความสุขที่ได้ทำคะ .. เริ่มหัดอธิฐานจิตในแบบของตนเองเอาเค้าโครงจากคนอื่นมาดัดแปลงไปเรื่อย ๆ จนเป็นของตนเองเพื่อประโยชน์เฉพาะตนจริง ๆ เรียกว่า กลายเป็นบทอธิฐาจิตส่วนตัวไปเลย .. เคยถาม อ.บุญชูหลายครั้งท่านก็บอกว่า หากเจ้ายังคงสวดมนต์ทุกวันเจ้าจะไม่เป็นไร ..จงสวดมนต์ต่อไป .. แต่ไม่ใช่ กาลีนะ จะสวดได้ทุกวันหรอกนะคะ มันก็มีจุดที่ท้อเหมือนกัน แต่ก็ยังคงกลับมาสวดอยู่ดี เพราะรู้สึกว่า สวดดีกว่าไม่สวดมันปลอดภัยอย่างบอกไม่ถูก ... นี้ก็เสริมบารมีให้เราได้ด้วย เลือกบทสวดที่เหมาะกับตนเองด้วยนะคะ

    4. สมาธิ อันนี้จะเป็นปัญหาส่วนตัวที่ใหญ่มากคะสำหรับ กาลีนะ เป็นพวกจิตใจไม่เคยหยุดนิ่งสมองไม่เคยหยุดทำงานเลยดีกว่า ตอนเด็ก ๆ นี้จะเพ้อฝันจินตนาการไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะเหนื่อยและหลับไปเอง เพราะถ้าไม่ทำแบบนั้นก็มักฝันร้าย หรือ เจอเหตุการณืจิตออกจากร่าง .. คือ ตอนเด็ก ๆ จะทำสวนทางคะ ทำยังไงก็ได้ให้จิตเราฟุ้งซ่านที่สุด เหนื่อยที่สุด แล้วก็จะหลับไปเอง .. มันเป็นความคิดส่วนตัวนะคะ คิดเอาเอง จนพอโตขึ้นลองมาฝึกสมาธิแบบของ อ.ทองใบ ( วัดอภิญญาเทสิทธรรม ) ก็โดนนางไม้ที่ไทรคู่มาหยอก กับ นางตะเคียน เล่นเอาไม่ฝึกเลย เอาแต่นั้งร้องไห้เพราะความกลัวมันชัดเจนเกินไปเพราะมันเกิดในเวลาที่เรายังไม่หลับ .. ยังมีสติครบถ้วน .. จึงกลัวการนั้งสมาธิเป็นที่สุด

    .... แต่เหมือนโชคชะตามักล้อเล่น เพราะเมื่อไหร่ที่มีโอกาศได้รับคำแนะนำจากทั้งพระ และ พี่ ๆ ที่เคารพจะได้รับคำแนะนำเหมือนกันเสมอว่า " แกทำไมไม่ลองฝึกสมาธิละ " แม้แต่ อ.บุญชู หรือ อ.ต๋อง ก็บอกให้ทำ ... แต่ กาลีนะ ก็ยังไม่ทำจริงจังซะที .. ยอมรับว่า " ปอดแหก " กลัวในหลาย ๆ อย่างกลัวตัวเองรับไม่ได้ กลัวเป็นบ้า .. ไม่ใช่ว่านั้งสมาธิแล้วจะเป็นบ้านะคะ .. แต่กลัวสิ่งที่จะได้รู้ได้เห็นต่างหาก บวกกับนิสัยส่วนตัวด้วย แค่นนี้ก็ถูกหลาย ๆ คนมองว่ามันบ้า หรือ เปล่า ... แต่บางครั้งก็อึดอัดกับปัจจุบันที่เจอ บางทีก็อยากฝึกให้มันรู้ดำรู้แดงไปเลย ลองพิสูจน์ดู .. แต่อย่างว่าละคะ กาลีนะ เป็นพวกปอดแหกมาตั้งแต่เด็กแล้ว ..

    .... แต่ไม่ใช่ว่าจะไม่ทำหรอกนะคะ กาลีนะ ก็ฝึกตามข้อที่บอกมานี้แหละคะ ตอนนี้อยู่ในขั้นฝึกภาวะนาอยู่ก่อนจะก้าวเข้าสู่การฝึกสมาธิ ...

    ... เพราะที่อาจารย์ท่านนี้บอกไว้ในพรหมวิหารสี่นั้น กาลีนะ ขาดในเรื่องของ เมตตา คะ แม้แต่ป๋าที่เคารพก็เตือนให้ กาลีนะ มี เมตตา ให้มาก ๆ จนหลัง ๆ จากที่เวลาเจอศัตรูในนิมิตแทบไม่มีการต่อสู้คะ หนีอย่างเดียว หลบซ่อนเร้นกาย จนป๋าแกจะเขกกะบาลให้เพราะตีความหมายผิดไป เมตตา ได้แต่ไม่ใช่ปล่อยให้เขารังแกเราเกินเหตุ เห้อ ๆ พระท่านก็ยังสู้เพื่อป้องกันตนเองเลยเมื่อถึงคราวจำเป้น ... นั้นไงละโชว์โง่เลยคะ ยัยกาลีนะ

    .. ส่วนคำภาวนานั้นทุกคนก็ลองหาคำที่เราสวดแล้วรู้สึกว่าใช่ นี้แหละที่เหมาะกับเราดูนะคะ เพราะมันจะเกิดผลเมื่อใจเรามีศรัทธาคะ

    5. ปัญญา อันนี้เป็นสุดยอดไฮไล้ท์เลยก็ว่าได้คะ ผลพลอยได้จากการปฏิบัติ เพราะ ปัญญา มันจะนำพาชีวิตเราไปสู่แสงสว่างนั้นเอง อันนี้พุทธองค์ท่านก็ฝึกจนเกิดปัญหาหาทางพ้นทุกข์ได้ คงไม่ต้องอธิบายมากนะคะ ..

    .... วันนี้แค่นี้ก่อนคะ หลังจากได้ฉีดยาแก้ไข้มาหนึ่งเข็มก็มาขอ สะสมความดีด้วยการเผยแพร่วิทยาทานสักหน่อย หวังว่าคงมีประโยชน์แก่ทุกท่านบ้างนะคะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 พฤศจิกายน 2014
  15. naitiw

    naitiw เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,611
    ค่าพลัง:
    +2,882
    [​IMG]

    ว่างๆก็มาช่วยกันเขียน ให้วิทยาทานกุศลแรง กลางวันช่วยเหลือคนอื่น กลางคืนบำเพ็ญตัวเอง

    ค่อยๆทำไปจ้า หยดน้ำวันละนิดย่อมทำให้เต็มตุ่มได้ เราเองก็เริ่มจาก 0 กว่าจะได้ขนาดนี้

    ยังไม่ถึงครึ่งทางยังต้องไปต่ออีกไกล รู้แล้วอย่าพลัดวัน ทำวันนี้ได้วันนี้เตือนทุกๆคน



    ปล.
    1. เราเชื่อเทวนิยายแค่ 20%

    2. จะกินแกลบละ ทำร้านหมดไป 2 แสน องค์ท่านจ๋าขอเงินอีกหน่อยจ้า
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 พฤศจิกายน 2014
  16. Kalina

    Kalina เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +4,042
    ... ถึงเวลานี้คงจะพอหาคำตอบให้ตนเองกันได้บ้างแล้วนะคะ ... เหมือนเราเมื่อสมัยเริ่มต้นที่เข้ามารู้จักเรื่องราวแนวนี้ เราขอเลาประสบการณ์ของเราเพิ่มเติมเสริมละกันนะคะ เพราะถ้าเราเอาเรื่องคนอื่นมากนักอาจเป็นการไม่บังควร และ อาจให้ข้อมูลผิดพลาด .. ไม่ชอบใจก็ผ่านไปได้เลยนะคะ ..

    ... เคยมีพี่ลูกค้าเก่าแถวบางเลนแกบอกเอาไว้ว่า " เป็นธรรมดาของผู้รู้ตัวว่าเป็นร่างใหม่ ต้องแสวงหาหนทางของตนเอง " มีรู้ตอนหลังว่าพี่คนนี้เขาก็เป็นร่างทรงมีตำหนักแต่ทำงานเลี้ยงชีพสุจริตไปด้วย .. แกได้แนะนำเราไปยังตำหนักปู่ฤษีนารอทในเขตบางเลนเผื่อเราอาจจะได้คำตอบที่เราอยากรู้ ...

    .... กาลีนะ ก็ไปคะด้วยความอยากรู้อยากเห็น และได้คำตอบที่ไม่เข้าใจกลับมา .. แต่ท่านผู้นี้พูดดีมีมารยาท และ ให้เกียรติ กาลีนะ มากจากคำบอกเล่าของท่านผู้นี้ทำให้ กาลีนะ เกิดความสงสัยเป็นอย่างมากว่า " คนที่เป็นร่างทรงองค์เทพเขาต้องถือตัวมากขนาดนั้นด้วยเหรอ " เพียงเพราะ กาลีนะ ก้มลงกราบเขาเหมือนคนอื่น ๆ ท่านผู้นี้ได้ถามเราว่า .. ทำไมถึงก้มลงกราบเขาทั้งที่ปกติผู้มาสายนี้มักถือตัวมากโดยเฉพาะคนที่คิดว่าตนเองมี " องค์เทพสูง ๆ " จะไม่ก้มลงกราบใครง่าย ๆ .. กาลีนะ ก็ตอบไปว่าด้วยว่า " ก็ตาเป็นผู้มีวัยวุฒิ คุณวุฒิ และ เป็นคนที่สมควรกราบจึงกราบ ไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่านี้ " ท่านก็พยักหน้า แล้วก็เหมือนคนอื่น ๆ ทั้วไปแหละคะ ดูดวง 5555555 ดูอดีต อนาคต การงาน ..

    ... วันนั้นเลยได้ไปทำงานและไปผจญภัยมาสองที่ กลับบ้านก็ไม่ฝันร้ายถือว่าได้ประสบการณ์ที่ดีอีกครั้ง ..

    .... หลายคนคงมีความคิดว่า กาลีนะ มองกลุ่มที่เป็นร่างทรงไม่ดี .. บอกได้เลยคุณ .. คิดผิด .. กาลีนะ ตัดสินพวกเขาที่การกระทำ และ เจตนา มากกว่าอย่างอื่น ..

    ... สำหรับตำหนักทรงที่ กาลีนะ ไม่ชอบ และ ไม่อยากยุ่งอีก ก็อย่างเช่น ตำหนัก กุมารเทพ แถวอ่างทอง และ แถวร้อยเอ็ด สารคาม แถบนี้ที่เคยไปมักมีอย่างอื่นแอบแฝงอยู่ที่ไม่สามารถอธิบายให้เข้าใจได้ แต่เอาเป็นว่า " ไม่จำเป็นไม่ขอยุ่งด้วยดีกว่า ปอดแหกคะ "
     
  17. Kalina

    Kalina เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +4,042
    .. อย่างที่บอกในโพสก่อนหน้านี้แหละคะว่า .. คนที่สนใจสายนี้ต้องหาหนทางของตนเอง .. ด้วยนิสัยพื้นฐานของคนเราที่ชอบอยากรู้อยากเห็นเป็นธรรมดา ก็จะแสดวงหาคำตอบให้ตนเอง บางคนก็ใช้เทคโนโลยีย่อโลกมาใช้ บางคนก็ไปตามที่ต่าง ๆ ที่ว่าเด็ดแล้ว เพื่อหาคำตอบที่ตนเองพอใจ มีทั้งที่สมหวัง และ ผิดหวัง .. สำหรับ กาลีนะ ใช้ทั้งสองอย่างในการหาคำตอบให้ตนเองคะ และ หาวิธีระวังตนเองเพื่อให้ใช้ชีวิตได้แบบคนปกติทั้วไป .. แต่หลัง ๆ นี้เริ่มจะอยากอยู่แบบสันโดดมากขึ้น ไม่ชอบสังคม เพราะรู้สึกว่า .. มีแต่คนใส่หน้ากากเข้าหากัน ... และ ความหลอกลวง

    ... สำหรับผู้เลือกจะไม่เป็นร่างทรงนะคะ กาลีนะ ขอแนะนำว่า ดังนี้คะ

    1. ต้องพยายามรักษาศีลให้ได้มากที่สุดแต่ต้องมีที่ยึดหลัก ๆ อย่างน้อย 1 ข้อ ใน 5 ข้อ

    2. สวดมนต์ ขอขมา ขอพรให้พระ พร้อมทั้งองค์ท่านคุ้มครอง และ แผ่เมตตาให้เป็นปกติวิสัย ให้องค์ท่าน และ เจ้ากรรมนายเวรของตน

    3. พึ่งระวังตนให้อยู่ในพรหมวิหาร 4 หรือ ทำบุญสุนทานเป็นประจำ

    4. หลีกเลี่ยงการข้องแวะกับสายนี้ทั้งหมด รวมทั้งไม่เข้าตำหนักทรงโดยเด็ดขาด

    5. อย่าสัญญา สาบาน หรือ รับปากกับใครในสิ่งที่เราไม่เข้าใจ ไม่แน่ใจ ควรหาคำเลี่ยงไว้จะดีกว่า

    6. ควรหาเวลารักษาศีล 5 หรือ 8 ในวันพระ เพื่อสร้างบารมีให้ตนเองเพื่อเลี่ยงการรับกรรมหนักที่เรายังไม่รู้ เมื่อวาระมาถึงเราจะได้มีทางเดินให้ตนเอง
    ( เพราะโดยส่วนมาก .. จะมีกรรมหนักติดตัวมาด้วย หรือ เกิดมาวาสนาน้อย )

    7. ฝึกจิตให้มีสมาธิเพื่อที่จะสามารถควบคุมตนเองได้เมื่อถูกรบกวน

    .... อันนี้ก็เป้นแนวทางให้นะคะ สำหรับผู้ที่ตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ข้องแวะใด ๆ กับทางนี้ .. ซึ่งถึงจะเลือกเดินทางนี้ก้ต้องปฏิบัติเช่นกัน แต่จะมีสิ่งที่ต้องทำมากกว่าเท่านั้นเอง และ ต้องเคร่งครัดกว่าเป็นเท่าทวีคูณ .. เช่น

    1. การปฏิบัติบูชาต่อองค์ของตนเอง ตามแนวทางของแต่ละองค์

    2. ต้องมีการอธิฐานจิต

    3. ระวังคำพูดให้มาก เน้นให้พร มิบังควรสาปแช่งใคร .. เพราะผลของมันจะสะท้อนเป็นกรรมสนองตัวเราเช่นกัน ขึ้นอยู่กับเหตุ และ เจตนา แต่ก็ยังคงต้องเสวยผลกรรมนั้นอยู่ดีไม่มากก็น้อย ( อาจารย์เคยบอกว่าเมื่อฝึกไปถึงขั้นแล้ว หากแม้ใหเลือกกล่าวคำอันเป็นเท็จ ก็ให้เลือกกัดลิ้นตัวเองดีกว่า )

    4. หากเป็นทางสายฮินดู จะเน้นเรื่องของ สัจจะ ศักดิ์ศรี พึงระวัง

    5. ต้องหมั่นสร้างสมบารมี แลอุทิศตนเพื่อดำรงไว้ซึ่งความดี ช่วยเหลือคนที่สมควรช่วย

    ... สิ่งที่กล่าวมานั้นล้วนเป็นความรู้ที่ กาลีนะ ศึกษาเก็บเกี่ยวประสบการณ์มาทั้งสิ้น เพื่อให้เป็นแนวทางแก่ทุกท่านที่สนใจ อาจไม่ใช่ทั้งหมดนะคะ
     
  18. Kalina

    Kalina เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    931
    ค่าพลัง:
    +4,042
    ... มีข้อแนะนำสำหรับผู้ที่คิดจะเป็น หรือ เป็น หรือ อยากเป็น " ร่างทรง " ท่านจงพึงระลึกไว้เสมอว่า ... ท่านเป็นเพียงเสมือน " ภาชนะชิ้นหนึ่งเท่านั้น ที่อีกดวงจิตหนึ่ง หรือ หลายดวงจิต .. สามารถใช้ทำอะไรอย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น " .. เพราะคงมีน้อยคนนัก หรือ แทบไม่มีเลยที่จะเป็นดวงจิตต้นกำเนิดมาเอง หรือ ที่เรียกว่า " อวตาร " โดยส่วนมากที่รู้จะเป็นเพียงส่วนหนึ่งเสียมากกว่า หรือ มีกรรมสัมพันธ์กันด้วยพันธะสัญญาต่าง ๆ ว่ากันไปตามวาระ .. บางคนก็รับใช้มานานจนสับสนว่าสิ่งนั้น คือ ตนเองก็มี

    ... หากเราเริ่มรู้ว่าเรามาทางองค์ท่านไหน .. สิ่งที่ขาดไม่ได้เลย คือ การศึกษาเรื่องของท่านผู้นั้น เพื่อไม่ให้เราประพฤติตนนอกกรอบขององค์ของเรา ( ส่วนมากก็จะเน้นไปในทางบุญกุศลมากกว่าสร้างบาปกรรมนะคะ ) โดยแต่ละองค์ท่านจะมีลักษณะเด่นที่แตกต่างกันออกไป ..

    ... ดังเช่นที่ กาลีนะ นับถือองค์พระแม่อุมา กาลี ก็จะเน้นศึกษาเรื่องราวของท่านในทุก ๆ ข้อมูลที่หาได้ และ จากนิมิตที่ได้เห็น แล้วมาวิเคราะห์อีกที .. ทำให้ทราบว่า " กว่าจะมาเป็นมหาเทวีที่ทุกคนเคารพนับถือมากมาย .. ท่านต้องผ่านอะไรมาบ้าง .. มันไม่ใช่ง่าย ๆ เลยจริง ๆ และ สิ่งที่สำคัญที่สุดของทุกอย่าง .. นั้น คือ บารมี "
     
  19. เทพบุตรลั้ลลาลั้ลลั้ลลาาา

    เทพบุตรลั้ลลาลั้ลลั้ลลาาา เพื่อมวลมนุษย์แลสรรพสัตว์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2014
    โพสต์:
    872
    ค่าพลัง:
    +1,936
    เคยครอบครูพ่อแก่ หลังจากนั้นก็ไม่ไดปฏิบัติบูชาอะไรเลยครับ
    จะเป็นไรมั๊ย เขาครอบก็ทำตามเขา ไม่ค่อยรู้ความหมายเลย
     
  20. mai261

    mai261 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2014
    โพสต์:
    258
    ค่าพลัง:
    +508
    อ่านกระทู้นี้มีสาระและความรู้ดีจังค่ะ:d งั้นเราขอเล่าประสบการณ์ส่วนตัวบ้างด้วยนะคะ
    ดิฉันก็สวดมนต์ธรรมดา และแผ่เมตตาเรื่อยๆ ปกติทั่วไปค่ะ พอดีที่บ้านทำอาชีพค้าขายและมีการพ่วงเกี่ยวกับการฆ่าสัตว์มาด้วยค่ะ พอถึงเวลาปฏิบัติสวดมนต์ก็ทำไปเรื่อยๆ ค่ะแต่หลวงตาท่านสอนบอกว่าก่อนแผ่เมตตาให้อธิฐานให้เทพและพรหมท่านมาช่วยสั่งสอน อย่าให้เรา มีความ หลง เพราะเรายังมีปัญญาทางธรรมไม่เพียงพอ ต้องให้ท่านทั้งหลายช่วยสั่งสอนไปด้วย ดิฉันก็อธิฐานไปตามปกติทุกวันไม่ได้คิดอะไรเลย และแล้ววันนึงก็ฝันว่าได้ยินเสียงผู้หญิงที่เปี่ยมไปด้วยน้ำเสียงแห่งความเมตตา พูดกับเราว่า (ตอนนี้เธอได้รับบุญแค่ครึ่งเดียวรู้ไหมว่าเพราะอะไร เพราะว่าเธอมีกรรมข้อ ๑. ปาณาติปาตา พร้อมกับวางสมุดสีดำเล่มหนึ่งเขียนด้วยตัวหนังสือสีแดงใส่หน้าดิฉันว่า กรรมข้อ1 ปาณาติปาตา และพูดว่า เธอจงหยุดเสียในการทำกรรมนี้) ในฝันดิฉันตกใจมาก ว่าผู้หญิงคนนี้รู้กรรมเราได้อย่างไร พอเตือนเท่านี้เสียงผู้หญิงท่านนี้ก็หายไป แต่ดิฉันไม่เห็นผู้หญิงคนนี้ในฝันนะคะได้ยินแต่เสียง และเห็นกายละเอียดของตัวเองในลักษณะแบบนี้ค่ะ(ในรูปข้างล่างนะคะ) มีควันสีขาวเข้ามาในกายดิฉันแต่ก็ถูกพัดออกเหลือแค่ครึ่งกายละเอียดของตัวเราเอง เพราะท่านบอกว่าเรามีกรรมด้านฆ่าสัตว์ด้วย จึงได้รับบุญแค่นี้(แค่ครึ่งเดียว) หลังจากตื่นมาก็ตกใจมากค่ะ และเลิกฆ่าสัตว์ไปเลยค่ะ และพยายามทำบุญด้านไถ่ชีวิตบ่อยๆ แต่คิดว่าสักวันนึงกรรมด้านนี้คงมาถึงเรา สักวันนึงเพราะเราทำเค้าไว้เยอะ และกรรมแก้ไม่ได้ แต่แค่ลืมได้บางช่วงเท่านั้น
    ปล.ดิฉันอาจฝันแบบอุปทานไปเองก็ได้นะคะ อ่านเป็นนิทานไปก็แล้วกันค่ะ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 พฤศจิกายน 2014

แชร์หน้านี้

Loading...