พระเทวทัต ผู้เป็นพระนิยตปัจเจกโพธิสัตว์

บังเอิญวันนี้ได้ข้อมูลเกี่ยวกับพระเทวทัตมาครับ เลยเอามาฝากเพื่อน ๆ ครับ....

...............

1) " พระอัฏฐิสระปัจเจกพุทธเจ้า " ทรงบำเพ็ญ สามัญญบารมี และ อุปบารมีอันยิ่งมาแล้วในกาลก่อน เป็นกาละทั้งสิน ๒ อสงไขย ๑๐๐, ๐๐๐ มหากัป

และเพราะเหตุแห่งอกุศลครุกรรมหนัก คือ " โลหิตตุปบาท ๑ " และ

" สังฆเภท ๑" ที่พระองค์เคยกระทำไว้แล้วในพระศาสนา ของ พระศรีศากยมุนีโคดมพุทธเจ้า อกุศลครุกรรมที่พระองค์ได้กระทำไว้แล้วนั้นเอง จึงนำให้พระองค์ ปฏิสนธิด้วย

" อเหตุกะ สันตีรณะ อกุศลวิบาก ๑ เจตสิก ๑๐ ดวง " พร้อมดัวย

ปฏิสนธิกัมมชรูป เป็น สัตว์นรก ใน " อเวจีมหานรก ขุมที่ ๘ "

เสวยอกุศลวิบากกรรมใน ขุมนรก เป็นเวลา " ช่วง ๑ พุทธันดร "

( ๑ พุทธันดร คือ ช่วงว่างระหว่างพระพุทธศาสนา ของ พระศรีศากยะมุนีโคดมเจ้า และพระศรีอริยะเมตไตรยพุทธเจ้า )

ดังนั้น พระอัฏฐิสระปัจเจกพุทธเจ้าพระองค์นี้ จะอุบัติขึ้นใน " ปัจฉิมกาล แห่ง พุทธันดรอันใกล้แห่งกาละการอุบัติขึ้น ของ พระศรีอริยะเมตไตรยพุทธเจ้า "


2. ใน ช่วงพุทธันดร ระหว่าง พระศาสนาของ พระศรีศากยะมุนีโคดมพุทธเจ้า และ พระศรีอริยะเมตไตรยพุทธเจ้า จักมี " พระปัจเจกพุทธเจ้าอันมีประมาณ ๕๐๐ พระองค์ และ พระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหลาย เหล่านั้น จะทรงกระทำ " พุทธกิจ" เช่นเดียวกับ พระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหลายในอดีต


3. เราควรออกบวชตามท่าน เพราะแม้พระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหลาย จะไม่ทรงแจ้ง ใน " ธรรมรส " แต่พระองค์ก็ทรงแจ้งใน " อรรถรส "

พระองค์จักทรงประทาน พุทธโอวาท เรื่อง " อภิสมาจาริกวัตร อันเป็น วัตรปฏิบัติทางกายอันละเมียดละไม ของ พระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหลาย

แต่ ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

สำหรับผู้ที่ไม่มี " อัธยาศรัย จักบวช " ก็พึง หมั่นสั่งสมให้เกิด " ทานุปนิสัย " ในกาลบัดนี้ เพื่อจักได้บังเกิดเป็น " กุศลปกตูปนิสสยปัจจัย " ให้เกิด อุปนิสัยในการบำเพ็ญทานในกาลทุกเมื่อ

เพราะหากกุศลในอดีตส่งผลให้ได้ไปเกิดในกาละแห่งพุทธันดรนั้น

เมื่อได้เห็นพระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหลายเหล่านั้นแล้ว ทานุปนิสัยที่สั่งสมไว้แล้ว นั้นเอง ก็จะกระทำให้เป็นผู้มีฉันทะในการถวายทานแด่พระปัจเจกพุทธเจ้า

( ดังนั้น การให้ทานหนึ่งครั้ง นอกจากจะเป็นการบำเพ็ญทานกุศลแล้ว ยังเป็น การสั่งสมอบรม "ทานุปนิสัย" เพื่อให้เกิดฉันทะในการบำเพ็ญทานในครั้งต่อไปอีกด้วย )

ปล. บางทีอาจจะได้พบเห็น รูปกายแห่ง พระอัฏฐิสระปัจเจกพุทธเจ้า พระองค์นั้นด้วย

หมายเหตุ พุทธบริษัทใด กล่าวเพ่งโทษพระเทวทัต พึงระวัง !!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

จะเป็น " อริยุปวาทะ " เพราะ พระเทวทัต เป็น

พระนิยตะปัจเจกโพธิสัตว์ ผู้จักได้ตรัสรู้เป็น

" พ ร ะ อั ฏ ฐิ ส ร ะ ปั จ เ จ ก พุ ท ธ เ จ้ า "

++++++++++++++++

ตอนนี้พระเทวทัตท่านได้มีที่มั่นและที่หมายแล้ว

ส่วนพวกเรานี้น่าห่วง จะต้องรอพระพุทธเจ้าอีกสักกี่พระองค์

 

ทีนี้มาดูความหมายความแตกต่างของคำว่า ธรรมรส และ อรรถรส กันครับ....

...............

คำว่า พยัญชนะ คือ ธรรมรส หมายถึง พระปริยัติธรรม 1

คำว่า อรรถะ คือ อรรถรส หมายถึง นวโลกุตตรธรรม 9

พยัญชนะ อันเป็น ธรรมรส
และ
อรรถะ อันเป็น อรรถรส

รวมเรียกว่า " พระสัทธรรม 10 ประการ "


พระปัจเจกพุทธเจ้าทรงแจ้งใน อรรถรส แต่ไม่แจ้งใน ธรรมรส

หมายถึง

พละ แห่ง ปัจเจกสัมโพธิญาณย่อมกระทำให้แจ้งได้ ใน นวโลกุตตรธรรม 9

แต่ไม่อาจบัญญัติ พยัญชนะ แห่ง นวโลกุตตรธรรม 9 ที่แทงตลอดแล้วนั้น ยกขึ้นแสดง

โดยอุเทส และ นิเทส เป็น พระปริยัตติธรรม

พละ แห่ง ปัจเจกสัมโพธิญาณ นั้น จึงอุปมาได้ว่า

เป็นดุจดัง คนใบ้ ผู้ไม่สามารถบัญญัติ พยัญชนะ แห่งความฝันของตน

ให้ผู้อื่นเข้าใจได้ฉันนั้น

.................................................................................................................


แต่ ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

พละ แห่ง สัมมาสัมโพธิญาณ ชื่อว่า " ท ศ พ ล ญ า ณ 10 "

และ " อสาธารณญาณ 6 "

เหตุนี้จึงทรงถึงพร้อมด้วยสามารถแห่งพระญาณทั้งหลาย

ทรงยกนวโลกุตตรธรรม 9 ขึ้นบัญญํติเป็น พระปริยัตติธรรม 1 เหตุนี้

จึงทรงประกาศ พระสัทธรรม 10 เพื่อทรงอนุเคราะห์แก่เวไนยยสัตว์ทั้งหลาย
.................................................................................................................

สรุป


อรรถรส คือ นวโลกุตตรธรรม 9

ธรรมรส คือ พระปริยัตติธรรม 1

รวมเป็น พระสัทธรรม 10

พระปัจเจกพุทธเจ้า แจ้งใน อรรถรส โดยส่วนเดียว

แต่

พระสัมมาสัมพุทธเจ้า แจ้งพร้อมทั้ง อรรถรส และ ธรรมรส




ด้วยเหตุนี้ จึงทรงแจ้งใน พระธรรม 10 กล่าวคือ

นวโลกุตตรธรรม 9 แล้วทรงบัญญัติพยัญชนะขึ้นด้วย พระปริยัติธรรม


( เทคนิคการจำ แบบง่าย ๆ

เวลาได้ยินคำว่า อรรถรส ให้ระลึกถึง นวโลกุตตรธรม 9
เวลาได้ยินคำว่า ธรรมรส ให้ระลึกถึง พระปริยัติธรรม 1
ของพระปัจเจกมีเพียง 9
ของพระสัมมามีครบ 10 คือ 9+1

นี่คือ สูตรสำเร็จในการทำความเข้าใจ อรรถรส และ ธรรมรส )

 

ขอบคุณครับ

 

องค์สมเด็จพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าศรีศากยมุนีสมณโคดมทรงเคยตรัสไว้ว่า ในโลกนี้ไม่มีบุคคลใดเสมอเราเท่าพระปัจเจกพุทธเจ้า

สาธุ สาธุ อนุโมทามิครับ

 

ขอคุณมากครับผม ทางที่ดีไม่ควรกล่าวว่าใครใดเป็นดีที่สุด

 

ช่างเก่งนะครับ บำเพ็ญบารมีไป แก้แค้นคู่อาฆาตของตัวเองไปด้วย
แต่ตอนนี้ท่านมีจุดมุ่งหมายที่แน่นอนแล้วล่ะ อิอิ

 

อนุโมทนาครับ ขอขอบคุณสำหรับคำเตือน
......................................
อโศก

 

อนุโมทนาครับ แต่พระเทวทัต ได้ลงไปที่โลกันต์นรกไม่ใช่เหรอ ได้ยินมาว่า ผู้ที่ตกนรกโลกันต์ ไม่สามารถเป็นพระโพธิสัตว์ ได้นี่นะ ยังไงรบกวนผู้รู้มาช่วยไขข้อข้องใจให้ทีนะ

 

พระเทวทัตท่านไม่ได้ตกโลกันต์นรกนะครับ แต่ที่ท่านตกลงไป คือ อเวจีมหานรก ขุมที่ ๘ ซึ่งต้องเสวยอกุศลวิบากกรรมในขุมนรกแห่งนี้เป็นเวลานานถึง ๑ ช่วงพุทธันดรครับ

<!-- / message --><!-- sig -->

 

อายันตุ โภนโต อิธะ ทานะ สีละ เนกขัมมะ ปัญญา วิริยะ ขันติ สัจจาธิฏฐานะเมตตุเปกขา ยุทธายะ โว คัณหะถะอาวุธานีติ.
ดูก่อนพระบารมีทั้งหลาย ขอเชิญพระบารมีคือ ทาน ศีล เนกขัมมะ ปัญญา วิริยะ ขันติ สัจจะ อธิฐานะ เมตตา และอุเบกขา จงมาที่นี่โดยเร็วพลัน แล้วพากันถือเอาอาวุธ เพื่อยุทธ์กับพญามาร (กิเลส) เถิด.
อนุโมทนาครับ.
บริจาคเงินช่วยวัดพระบาทน้ำพุ
โทร.1900-222-200 6บาท/นาที​

 

สัพเพ สัตตา สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง
กัมมัสสะกา เป็นผู้มีกรรมเป็นของของตน
กัมมะทายาทา เป็นผู้รับผลของกรรม
กัมมะโยนิ เป็นผู้มีกรรมเป็นกำเนิด
กัมมะพันธุ เป็นผู้มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์
กัมมะปะฏิสะระณา เป็นผู้มีกรรมเป็นที่พึ่งพาอาศัย
ยัง กัมมัง กะริสสันติ กระทำกรรมอันใดไว้
กัลละยาณัง วา ปาปะกัง วา ดีหรือชั่ว
ตัสสะ ทายาทา ภะวิสันติ จักเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น

 

กุศลผลบุญใด ๆ ก็ตามที่ข้าพเจ้าได้ทำมาแล้ว ตั้งแต่ต้นจนถึงปัจจุบันนี้

ข้าพเจ้าขออุทิศให้
​

 

สาธุ สาธุ สาธุ

ยัสสะ สัทธา ตะถาคะเต อะจะลา สุปะติฏฐิตา ​

ศรัทธาในพระตถาคตของผู้ใดตั้งมั่นอย่างดีไม่หวั่นไหว ​

สีลัญจะ ยัสสะ กัลฺยาณัง อะริยะกันตัง ปะสังสิตัง ​

และศีลของผู้ใดงดงาม, เป็นที่สรรเสริญที่พอใจของพระอริยเจ้า ​

สังเฆ ปะสาโท ยัสสัตถิ อุชุภูตัญจะ ทัสสะนัง ​

ความเลื่อมใสของผู้ใดมีในพระสงฆ์, และความเห็นของผู้ใดตรง ​

อะทะลิทโทติ ตัง อาหุ อะโมฆันตัสสะ ชีวิตัง ​

บัณฑิตกล่าวเรียกเขาผู้นั้นว่าคนไม่จน, ชีวิตของเขาไม่เป็นหมัน ​

 

<TABLE class=tborder id=post1039695 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>นักพรต99<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1039695", true); </SCRIPT>
ผู้ร่วมสนับสนุนบริจาค



เข้ามาครั้งล่าสุด: วันนี้ 05:54 PM
วันที่สมัคร: Oct 2006
ข้อความ: 234
Groans: 5
Groaned at 0 Times in 0 Posts
ได้ให้อนุโมทนา: 4,438
ได้รับอนุโมทนา 2,194 ครั้ง ใน 259 โพส
<IF condition="">
</IF>พลังการให้คะแนน: 107



</TD><TD class=alt1 id=td_post_1039695 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- icon and title -->พระเทวทัตเป็นพระปัจเจกะพุทธเจ้า นามว่า อัฏฐิสสระ

<HR style="COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message -->มิจฉาทิฏฐิทำให้ต้องวนเวียนไปในสังสารวัฏฏ์<O</O

<TABLE class=MsoNormalTable style="WIDTH: 94%; mso-cellspacing: 1.5pt; mso-padding-alt: 1.5pt 1.5pt 1.5pt 1.5pt" cellPadding=0 width="94%" border=0><TBODY><TR style="mso-yfti-irow: 0"><TD style="PADDING-RIGHT: 1.5pt; PADDING-LEFT: 1.5pt; BORDER-LEFT-COLOR: #ece9d8; BORDER-BOTTOM-COLOR: #ece9d8; PADDING-BOTTOM: 1.5pt; BORDER-TOP-COLOR: #ece9d8; PADDING-TOP: 1.5pt; BACKGROUND-COLOR: transparent; BORDER-RIGHT-COLOR: #ece9d8" vAlign=top>

<O</O


​

​

</TD></TR><TR style="mso-yfti-irow: 1; mso-yfti-lastrow: yes"><TD style="PADDING-RIGHT: 1.5pt; PADDING-LEFT: 1.5pt; BORDER-LEFT-COLOR: #ece9d8; BORDER-BOTTOM-COLOR: #ece9d8; PADDING-BOTTOM: 1.5pt; BORDER-TOP-COLOR: #ece9d8; PADDING-TOP: 1.5pt; BACKGROUND-COLOR: transparent; BORDER-RIGHT-COLOR: #ece9d8" vAlign=top>จริงอยู่อนันตริยกรรมทั้งหลาย ชื่อว่า มีโทษมาก

มิจฉาทิฏฐินั่นเทียว มีโทษมากกว่านั้น<O</O

อนันตริยกรรมยังกำหนดโทษได้ แต่การกำหนดนิยตมิจฉาทิฏฐิย่อมไม่มี <O</O​

การออกจากภพย่อมไม่มี กรรมใด ๆ ก็ตามที่ทำแล้วย่อมให้ผล​

แต่ความเห็นผิดนี้ ตราบใดที่ยังไม่หมดสิ้น และไม่อบรมความเห็นถูก​

ผู้นั้นย่อมต้องวนเวียนไปในสังสารวัฏฏ์ ไม่มีกำหนดได้ว่า เมื่อไรจึงจะพ้น<O</O​

</TD></TR></TBODY></TABLE>​

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๑ - หน้าที่ 199<O</O

พระเทวทัตเกิดในอเวจีถูกตรึงด้วยหลาวเหล็ก

จริงอยู่ พระเทวทัตนั้น จักเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า นามว่า

อัฏฐิสสระ ในที่สุดแห่งแสนกัลป์แต่กัลป์นี้ พระเทวทัตนั้นจมดินไปแล้ว

เกิดในอเวจี. และเธอเป็นผู้ไหวติงไม่ได้ ถูกไฟไหม้อยู่ เพราะเป็นผู้ผิด

ในพระพุทธเจ้าผู้ไม่หวั่นไหว. สรีระของเธอสูงประมาณ ๑๐๐ โยชน์

เกิดในก้นอเวจีซึ่งมีประมาณ ๓๐๐ โยชน์, ศีรษะสอดเข้าไปสู่แผ่นเหล็ก

ในเบื้องบน จนถึงหมวกหู, เท้าทั้งสองจมแผ่นดินเหล็กลงไปข้างล่าง

จนถึงข้อเท้า, หลาวเหล็กมีปริมาณเท่าลำตาลขนาดใหญ่ ออกจากฝา

ด้านหลัง แทงกลางหลังทะลุหน้าอก ปักฝาด้านหน้า, อีกหลาวหนึ่ง

ออกจากฝาด้านขวา แทงสีข้างเบื้องขวา ทะลุออกสีข้างเบื้องซ้าย ปักฝา

ด้านซ้าย, อีกหลาวหนึ่ง ออกจากแผ่นข้างบน แทงกระหม่อมทะลุออก

ส่วนเบื้องต่ำ ปักลงสู่แผ่นดินเหล็ก. พระเทวทัตนั้น เป็นผู้ไหวติงไม่ได้

อันไฟไหม้ในอเวจีนั้น ด้วยประการอย่างนี้.
<O</O
ท่านพระเทวทัตได้ทำอนันตริยกรรม ตกอเวจีมหานรกแน่ แต่ ทิฏฐิความเห็นผิดไม่มีกำลัง

จนเป็น นิยตะมิจฉา(ความเห็นผิดมั่นคงจนดิ่งลึกลง) แม้ชื่อว่ากรรมหนักที่สุด แต่ความเห็น

ถูกมีกำลังเกิดจากการสะสมปัญญามาแล้วในอดีต ท่านพระเทวทัตจึงสามารถเป็นพระ

ปัจเจกพุทธเจ้าได้ ในทึ่สุดแห่งแสนกัลป์แต่นี้ เพราะฉะนั้นคำว่าอนันตริยกรรม เป็นกรรม

หนักที่สุดแล้วไม่ผิด แต่ไม่ใช่ว่าอกุศลเจตนาประเภทนี้จะมีกำลังจนเป็นพละได้ ซึ่งต่าง

จากกุศลที่เป็นวิวัฏฏะ (บารมี) มีกำลังมากกว่าสามารถสะสมเป็นพละ(โพธิปักขิยธรรม) เช่น

ท่านพระเทวทัตเมื่อสติเกิดระลึกถึงพุทธคุณและได้บูชาด้วยกระดูกคางและลมหายใจ กุศล

เหล่านี้ไม่ได้หายไปใหน เป็นธรรมะ เป็นอนัตตา เมื่อเจตนาของอนันตริยกรรมกั้นไว้ตาม

กำลังแม้หนักที่สุด แต่เมื่อเจตนาซึ่งเป็นกรรมปัจจัย หมดสภาพของกรรมไม่ให้อกุศลวิบาก

เกิด แต่กุศลที่เป็นปัญญาบารมีมีกำลังอยู่ก็สะสมการเจริญสติปัฏฐานไปอีก ดังจะเห็นได้ว่า
<O</O
พุทธพยากรณ์ว่าพระเทวทัตนั้น จักเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า นามว่าอัฏฐิสสระ ในที่สุดแห่ง

แสนกัลป์แต่กัลป์นี้


</TD></TR></TBODY></TABLE>​

 

อนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ ครับ เห็นด้วยกับเจ้าของกระทู้ครับว่า พระเทวทัตท่านได้กระทำอนันตริยกรรม ต่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรา แต่เมื่อท่านพ้นกรรมแล้วท่านจะเป็นพระปัจเจกะพุทธเจ้าในอนาคตกาล ท่านได้มีเป้าหมายแล้ว กรุณาอย่าได้ปรามาสท่านเลย เป็นเวร เป็นกรรมติดตัวเปล่าๆ ครับ

 

อนุโมนนากับเกร็ดความรู้นี้ นะคะ

 

อนุโมทนาคับ และขอให้ผลบุญที่ผมเคยทำมาถึงแม้จะน้อยนิดได้ไปช่วยผ่อนหนังเบาโทษทัณฑ์ที่พระเทวทัตได้รับ ผ่อนหนักให้เป็นเบาด้วยเถินนะคับ สาธุ