เรามาหาความรู้เตรียมตัวรับมือกับภัยพิบัติใหญ่กันดีกว่าครับ..!!!

เรามาหาความรู้เตรียมตัวรับมือกับภัยพิบัติใหญ่กันดีกว่าครับ..!!!

 

สวัสดีครับ.. ทุกๆท่าน

กระทู้พระคุณลุงฯ ซึ่งผมถือว่าเป็นกระทู้เปิดประเด็นในเรื่องภัยพิบัติสำหรับผมเอง และก็เป็นกระทู้ที่ทำให้ผมได้รู้จักกับเพื่อนๆอีกหลายๆท่านที่สนใจในเรื่องการเตรียมการรับมือกับภัยพิบัติใหญ่..

แต่เนื่องจากด้วยสาเหตุอันใดก็สุดแท้แต่ท่านเจ้าของกระทู้และผู้ดูแลเวปจะปิดกระทู้ลงนั้น..

ผมเลยขอเปิดกระทู้ขึ้นมาใหม่ เพื่อให้เป็นกระทู้รวบรวมข้อมูลที่น่าสนใจ และเรื่องราวข้อมุลความรู้ต่างๆ ที่จะเป็นประโยชน์กับท่านที่สนใจนะครับ..

 

ของเดิมที่ติดเอาไว้..
เรื่องของ Battery

พอดีไปเจอเข้ากับบทความที่กล่าวถึงเรื่องแบตเตอรี่
อธิบายเอาไว้น่าสนใจดีเลยขอเอามาลงไว้เป็นข้อมูลนะครับ..
...............................................................

เกร็ดความรู้

สาเหตุหลักที่ทำให้แบตเตอรี่เสื่อม

การเกิดซัลเฟชัน (Sulfation)

การทิ้งรถไว้นานๆ โดยไม่นำไปใช้, การประจุไฟที่น้อยเกินไป (Under Charging), แผ่นธาตุโผล่พ้นระดับน้ำกรด เป็นสาเหตุำให้เกิดผลึกของตะกั่วซัลเฟตเกาะอยู่ที่บริเวณแผ่นธาตุ ทำให้ความจุของแบตเตอรี่ลดลง

อ้างอิง : ____ เครื่องชาร์จแบตเตอรี่อัตโนมัติ CTEK จาก สวีเดน ดีที่สุด/ถูกที่สุด+ประกัน5ปี

 

การแบ่งชั้นของกรด (Acid Stratification)

เมื่อตั้งแบตเตอรี่ทิ้งไว้นานๆ กรดที่มีองค์ประกอบของโลหะหนักจะแยกตัวออกจากน้ำลงไปนอนก้น ทำให้สมรรถนะของแบตเตอรี่ลดลง ความเข้มข้นของน้ำกรดก็จะไม่เท่ากัน โดยด้านล่างมีความเข้มข้นสูงทำให้แผ่นธาตุที่ด้านล่างของแบตเตอรี่เสื่อมลงอย่างรวดเร็ว ส่วนด้านบนที่เจือจางจะเกิดปฏิกริยาเคมีน้อยทำให้จ่ายกำลังได้น้อยกว่า อายุการใช้งานก็จะสั้นตามไปด้วย

 

การสูญเสียน้ำกลั่น (Desiccation)

การประจุไฟมากเกินไปจนอุณหภูมิสูงขึ้นมากทำให้แผ่นธาตุเสื่อมสภาพ งอโค้ง น้ำกลั่นแปรสภาพเป็นไอแล้วระบายออกนอกแบตเตอรี่ทำให้ระดับน้ำกลั่นลดลง

 

ทำไมต้องชาร์จแบตเตอรี่บ่อยๆ ทุกสัปดาห์ไม่ถี่เกินไปหรือ ?

ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่า ปัจจัยหลักสำหรับอายุของแบตเตอรี่ก็คือ Depth of Discharge (DOD) เปอร์เซ็นต์ของความจุแบตเตอรี่ที่ถูกใช้งานออกไป หรือคายประจุออกไป

เรามาลองดูกราฟด้านล่างกัน

จากกราฟเมื่อเราใช้แบตเตอรี่ไป 30% (30% DOD) แล้วจึงทำการชาร์จ เราจะสามารถ Charge -> Discharge กลับไปกลับมาได้ถึง 1200+ ครั้ง

แต่ถ้าหากเราใช้แบตเตอรี่ไป 50% (50% DOD) แล้วจึงทำการชาร์จ เราจะสามารถ Charge -> Discharge กลับไปกลับมาได้น้อยลง เหลือเพียง 600+ ครั้ง

และถ้าหากเราใช้แบตเตอรี่ไป 100% (100% DOD) แล้วจึงทำการชาร์จ เราจะสามารถ Charge -> Discharge กลับไปกลับมาได้แค่ 300+ ครั้งเท่านั้น

* ตัวเลข Cycle อาจต่างกันไปบ้างในแบตเตอรี่แต่ละยี่ห้อ, ประเภท แต่ก็เป็นไปในทางเดียวกันครับ

โดยธรรมชาติแล้วเมื่อปล่อยแบตเตอรี่ไว้โดยไม่มีการใช้งาน แบตเตอรี่จะมีการคายประจุด้วยตัวเอง (Self Discharge) อยู่แล้ว การจอดรถทิ้งไว้นานๆ โดยไม่มีการใ้ช้รถ จึงทำให้เกิด DOD สูง ทำให้อายุแบตเตอรี่สั้น ต่างกับคนที่ใช้รถอยู่เสมอๆ มีโอกาสได้วิ่งจนสามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้อย่างเพียงพอ ก็จะทำให้ DOD ต่ำ อายุแบตเตอรี่ก็จะยาวนานขึ้นครับ

นั่นเป็นเหตุผลที่ว่า หากเราต้องการยืดอายุแบตเตอรี่ได้อยู่กับเราไปนานๆ เราต้องลด DOD ให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ครับ การชาร์จแบตเตอรี่ทุกสัปดาห์ด้วยเครื่องชาร์จดีๆ จึงช่วยลด DOD และทำให้อายุแบตเตอรี่ยาวนานมากขึ้นครับ

 

ผมสังเกตว่า..
ภายหลังจากการยึดอำนาจของ คสช. มาได้ราว 15 วัน
ทาง คสช. ได้มีการเตือนตัวเรื่องการรับมือภัยพิบัติขึ้นมา..

ซึ่งผมเองถือว่าเป็นสิ่งที่ดีที่ทาง คสช. เล็งเห็นความสำคัญในเรื่องนี้
แต่การตื่นตัวกับเรื่องนี้.. สำหรับผมเองมองว่ามีนัยสำคัญนะสิครับ..!!!

ดูท่าทาง.. ทางฝ่ายผู้หลักผู้ใหญ่ทาง คสช. น่าจะได้ข้อมูลสำคัญบางอย่างมาเป็นแน่เลยครับ
จึงได้มีการตื่นตัวแบบที่ผมไม่เคยได้ยินจากรัฐบาลก่อนๆหน้านี้จะสนใจเช่นนี้มาก่อนนะสิครับ........ ดีครับ !!!

ล่าสุดก็มีการรับสมัครอาสาสมัครจากกลุ่มรถ Offroad จากกลุ่มและชมรมต่างๆ 200 คน มาเพื่อเข้ารับการอบรมเพิ่มเติมในการช่วยเหลือและรับมือกับภัยพิบัติต่างๆที่กำลังทยอยเกิดขึ้นในบ้านเรา..

ผมเองกับเพื่อนๆในชมรมฯก็ยังไปสมัครไม่ทันเลยครับ..
แป๊บเดียวก็ได้ครบ 200 คันในรุ่นที่ 1 ไปแล้วครับ..!!!

ก็คงจะต้องรอสมัครเข้าร่วมในรุ่นต่อๆไปครับ..
ในฐานะที่ใช้รถ 4WD อยู่แล้ว.. และก็สนใจเรื่องการเตรียมการรับมือกับภัยพิบัติใหญ่ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต..

ก็ดีใจครับ ที่ทาง คสช. ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้
และเล็งเห็นศักยภาพของชมรมและกลุ่ม Offroad ต่างๆที่มีกันอยู่มากมาย
เฉพาะที่เป็นสมาชิกสมาพันธ์อ๊อฟโร๊ดแห่งประเทศไทย.. ก็มีมากกว่า 100 ชมรมเข้าไปแล้วครับ..

ประเด็นสำหรับผมเองนั้น.. ผมว่า
ทางการข่าวของ คสช. น่าจะได้ข้อมูลสำคัญอะไรบางอย่างมานะสิครับ.???

ทราบจากทาง ดร.เอมี่ เล่าให้ฟังถึงเรื่องที่ทาง UN ( United Nation )
ได้มีการประชุมเกี่ยวกับการประชุมเตรียมความพร้อมรับมือความเสี่ยงภัยพิบัติ ภูมิภาคริมแปซิฟิก ระดับรัฐบาล ที่ได้มีโอกาสเข้าร่วมการประชุมด้วย.. ว่า

ที่ประชุมบรรยากาศเคร่งเครียสเรื่องภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นกันมาก
ยิ่งในวันประชุมวันนั้นที่อลาสก้าเกิดแผ่นดินไหว 8 ริกเตอร์

ผมว่า.. มีข้อมูลชั้นความลับลึกๆที่ระดับรัฐต่อรัฐจะมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน
ยังไม่ต้องอาศัยคำเตือนจากทางสายหลวงปู่หลวงตาหรอกครับ..

ดังนั้น.. ทางทหาร คสช. ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้แล้ว
ข้อมูลจากสถานีตรวจอากาศและสถานีวิทยาศาสตร์ต่างๆรอบโลกก็ส่งข้อมูลมาให้รัฐบาลประเทศต่างๆได้ Aware & Alert กัน..

ทางภาครัฐได้เริ่มตื่นตัวแล้ว..
ทราบว่าทางคุณหมอพรานเองก็โดนเรียกไปฝึกการปฏิบัติการหลายๆอย่างในการรับมือกับภัยพิบัติด้วยนะครับ..

ผมว่า.. พวกเราก็ศึกษาและหาความรู้ของเรากันต่อไปครับ..
เพื่อให้เอาตัวเองและครอบครัวของเราให้รอดก่อน และยังได้ช่วยเหลือผู้ประสพภัยคนอื่นๆกันในลำดับต่อไป..

 

ภัยรังสีกัมมัน จากนอกโลกน่าสะพรึงมากที่สุด
เพราะไม่รู้ว่าจะหลบยังไง และมันอยู่นานแผ่กระจาย
ไปทั่ว ป้องกันไม่ไหว
ต้องแก้ที่ใจเรา"กายนี้ไม่ใช่เรา ไม่มีเราอยู่ในกาย"
ไม่มีอุปาทาน ไม่มีตัวเขาตัวเรา มีอุปาทานมีตัวเขา
มีตัวเรา มีเขาตายมีเราตาย มีเรากลัวตาย

 

พูดน่ะพูดได้แต่หากไม่ได้ฌาน จิตมันไม่มีกำลังพอ ที่จะเห็นความจริงอันนี้ มันก็ไม่เลิกกลัวหรอกคับ

 

ลุงแมวว่ามีอีกทางหนึ่งที่จะตัดความกังวลความกลัวตายออกไป
คืออย่าปั่นความกลัวเข้าสู่จิต ให้จิตอยู่กับลมหายใจเข้าออกตลอดเวลา
หากบุญบารมีที่สะสมมาเพียงพอ มันจะเกิดฌานเองโดยอัตโนมัติ
และเห็นความจริงของรูปขันธ์ นามขันธ์ หมดความกลัวใดๆพั๊ว!!
ตูม!!!พอดี มันก็ไม่ต้องไปอบายภูมิ

 

เรื่องการเตรียมตัว คุณเด็กผู้ชายคิดว่าควรเตรียมตัวอะไรบ้างครับ
ภัยที่มาพอจะมีข้อมูลไหมครับว่าจะมาลักษณะไหน
ช่วงเวลาเฝ้าระวังตอนนี้เหลืออีกนานเท่าไรโดยประมาณ
หากเกิดมีแนวโน้มจะเกิดแถวไหนก่อนครับ มีสัญญาณอะไรเป็นลางบอกเหตุไหมครับ
ตอนนี้ผมอยู่ห่างไกลจากคนที่รัก หากมีสัญญาณว่าจะเกิดจะได้ไปอยู่ใกล้ๆเค้า มีอะไรจะได้ช่วยเค้าได้ หากไม่ได้ก็คงจะได้ตายพร้อมกันข้างๆกัน

 

ยินดีมากเลยครับ ไปเก็บเอาความรู้ในกระทู้พระคุณลุงฯมารวบรวมไว้ คุณเด็กฯเอามาต่อยอดต่อไป ทางที่ดีไปชวนคุณหมอฯมาด้วยก็จะดีมากเลยครับ

 

สวัสดีครับ.. คุณ Volcan
ขอตอบด้วยความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ..

Q : เรื่องการเตรียมตัว คุณเด็กผู้ชายคิดว่าควรเตรียมตัวอะไรบ้างครับ ?
A : เตรียมเก็บความรู้.. เก็บสตางค์..แล้วก็เก็บบุญเอาไว้ให้เยอะครับ..

Q : ภัยที่มาพอจะมีข้อมูลไหมครับว่าจะมาลักษณะไหน
ช่วงเวลาเฝ้าระวังตอนนี้เหลืออีกนานเท่าไรโดยประมาณ ?
A : เท่าที่ทราบคงจะต้องระวังเรื่องแผ่นดินไหวใหญ่ทางเหนือกับทางตะวันตกก่อนนะครับ.. เรื่องเวลาไม่มีใครจะบอกได้หรอกคับ..!!!

และถ้าแผ่นดินมันจะไหว..
การเฝ้าระวัง.. ผมว่ามันไม่ได้มีประโยชน์อะไรเลยจริงๆ
เป็นแค่คำสวยหรูดูดี.. ก็แค่นั้นเอง
จะเฝ้าระวังอะไรกันละครับ ???
จะเฝ้าไม่เฝ้า.. ถ้ามันจะไหว.. มันก็ไหวอยู่วันยังค่ำ

หัวใจมันอยู่ที่คุณสนใจจะรับมือกับมันหรือไม่ต่างหากคับ
มีรุ่นพี่ท่านหนึ่งในกลุ่มไลน์ มีบ้านอยู่ในพื้นที่เป้าหมายที่จะเกิดแผ่นดินไหว

สิ่งที่รุ่นพี่ท่านนี้ปฏิบัติกับบ้านองตนเอง ก็คือ
- อะไรที่เอาไว้บนหลังตู้ ก็เอาลงมาเก็บไว้ข้างล่าง ลดความเสี่ยงที่มันจะหล่นมาเสียหาย/บาดเจ็บ
- วัตถุแตกหักง่าย ก็ย้ายเอาไปเก็บในที่เหมาะสม
- พี่เขาไปหาห่วงเหล็กสแตนเลส เอามาเจาะยึดกับผนังบ้าน เพื่อจะใช้ผูกเชือกยึดตู้ หรือสิ่งของที่อาจจะล้มลงมายามเกิดการสั่นไหวได้ เป็นต้น

การเฝ้าระวัง.. ถ้าคุณอยากจะเฝ้าระวังจริงๆ
สิ่งแรกที่ควรจะต้องมีเลย คือ การสังเกต สิ่งต่างๆรอบๆตัวก่อนเลยนะครับ

Q : หากเกิดมีแนวโน้มจะเกิดแถวไหนก่อนครับ มีสัญญาณอะไรเป็นลางบอกเหตุไหมครับ ?
A : ดูไปเรื่อยๆเดี๋ยวคุณก็จะพอทราบเองละคับ..

 

สวัสดีครับ.. คุณตาพอน

อีกไม่นานกระทู้พระคุณลุงฯก็คงจะถูกลบหายไปจากสารบบ ตามความประสงค์ของท่านเจ้าของกระทู้และท่านผู้ดูแลเวป

ถ้าเป็นกระทู้ที่ผมโพสเอาไว้ ก็พอจะ copy เอามาแปะในกระทู้นี้ได้นะครับ
แต่ถ้าเป็นของท่านอื่นโพสเอาไว้.. ผมเองก็ไม่อยากจะไปก้าวล่วงท่านเจ้าของกระทู้ได้นะครับ.. เอาเป็นว่ารักชอบกระทู้ไหน คงต้องรบกวน copy เก็บเป็นส่วนตัวของแต่ละท่านจะดีกว่านะครับผม..

ผมว่าปัญหาหนึ่งก็มาจากการทะเลาะกันบนหน้ากระทู้ซะมากกว่านะครับ...

ดังนั้น.. ผมจึงมาขอเปิดกระทู้ขึ้นมาใหม่ ไว้เป็นพื้นที่ที่คนที่มีความคิดเห็นและมุมมองเหมือนๆกัน เข้ามาหาข้อมูล ท่านใดมีความรู้อะไรที่เห็นว่าจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆท่านอื่นๆ ก็นำมาลงแชร์ข้อมูลกันได้นะครับ.. ยินดีอย่างยิ่งมากๆเลยครับ

เนื่องจากกระทู้นี้ เป็นกระทู้ที่ผมเป็นคนเปิดขึ้นมาเพื่อให้ท่านที่มีความคิดเห็นเหมือนๆกันเข้ามาพูดคุยแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน

ท่านที่ไม่ได้เห็นด้วย.. ท่านจะเข้ามาอ่านก็ยินดีนะครับ
แต่การที่ท่านเข้ามาก่อกวนเพื่อความสะใจใดๆ
ผมขออนุญาตแจ้งผู้ดูแลเวปลบกระทู้ใดๆที่มีแนวโน้ว ส่อเสียด ชวนทะเลาะต่างๆทิ้งออกไปนะครับ.. เพราะผมถือว่าท่านสามารถเปิดกระทู้ระบายความในใจใดๆของท่านได้ใหม่อยู่แล้ว.. พื้นที่ใครก็พื้นที่มันนะครับ ขอบคุณครับ

 

สวัสดีครับคุณบอย

ดีครับเปิดกระทู้นี้ ยังไงก็ทาบทามให้คุณหมอพรานมาช่วยลงความรู้ที่กระทู้นี้ด้วยก็จะดีมากเลยครับ ขอบคุณครับ

 

สวัสดีครับ.. คุณ tossapornk

เท่าที่ทราบ.. ตอนนี้ทางคุณหมอพรานและทางกลุ่มของคุณหมอเอง
ก็วุ่นๆเตรียมการกันอยู่ตลอดครับ..

หลายๆท่านก็กำลังฟิตซ้อมออกกำลังกายกันขนานใหญ่
ให้ร่างกายแข็งแรงพร้อมรับมือทุกสภานการณ์ครับ..

โดยเฉพาะคุณหมอต้น.. ในรอบครึ่งปีผ่านมานี้
สามารถลดน้ำหนักลงมาได้มากกว่า 20 กก.เลยนะครับ.. สุดยอดจริงๆ
ด้วยเหตุผลที่คุณหมอต้นบอกกับผมเองว่า...
" แค่ผมเดินไปเดินมาก็เหนื่อยแล้วพี่ แล้วจะไปเดินแบกเป้รับมือภัยฯได้อย่างไรละ ??? "
ว่าแล้วรายการฟิตหุ่นออกกำลังกาย เพื่อให้ตนเองพร้อมอยู่ตลอดเวลาก็เกิดขึ้นกับทางกลุ่มของคุณหมอพรานครับ..!!!

..............................................................

จากเมื่อวานเย็นและเช้าวันนี้
ทางคุณหมอนก.. ส่งข่าวมา Update ข่าวสารมาทางไลน์ว่า

1. ด่วน.. WHO ประชุมด่วนหลัง "อีโบล่า" ยังควบคุมไม่ได้
จำนวนผู้เสียชีวิตยังพุ่งไม่หยุด...

2. นักวิทยาศาสตร์ค้นพบว่า..
ขนาดของภูเขาไฟเยลโลว์สโตนมีขนาดใหญ่กว่าที่คาดการณ์ไว้เดิมถึง 2.5 เท่า..
โดยมีความลึก 15 กิโลเมตร
มีความยาวมากกว่า 90 กิโลเมตร
นั่นแปลว่า.. มันจะอันตรายมากกว่าที่เคยคาดการณ์เอาไว้..!!!

3. นักวิทยาศาสตร์ที่ฮาวาร์ด..
ค้นพบวิธีจับอนุภาคของแสง แล้วให้มันแสดงคุณสมบัติเหมือนสสาร
คือ ให้มันสามารถกระแทกกันได้
จุดเริ่มต้นของอาวุธแสงเหมือนยุคแอตแลนติส..!!!

4. ญี่ปุ่น.. ผ่านกฎหมายให้กองทัพสามารถรบนอกประเทศได้แล้ว..!!!

 

WHO เตือน‘อีโบลา’ระบาดเลวร้ายสุด ชนิดไม่เคยเกิดมาก่อน!


เจ้าหน้าที่เซียร์รา ลีโอนนำศพผู้ป่วยติดเชื้ออีโบลาไปฝังเมื่อ 25 มิ.ย.

องค์การอนามัยโลกเตือนวิกฤติการระบาดของอีโบลา ‘ใหญ่สุดและเลวร้ายที่สุด’ ชนิดไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ด้าน รมต.สาธารณสุข จากประเทศในแอฟริกา ตะวันตก สรุปปัญหา ขาดเงินและทรัพยากรที่จะหยุดยั้งการระบาดเชื้อไวรัสมรณะ

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อ 3 ก.ค.รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขจากประเทศในภูมิภาคแอฟริกา ตะวันตก ร่วมประชุมหาทางรับมือกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส อีโบลาที่ประเทศกานา ชี้ถึงปัญหาในการหยุดยั้งการแพร่ระบาดของเชื้อมรณะ ว่าเป็นเพราะประเทศในแอฟริกา ตะวันตก ขาดแคลนทรัพยากร รวมถึงวัฒนธรรมความเชื่อดั้งเดิมในท้องถิ่น ถือเป็นอุปสรรคสำคัญในการหยุดยั้งวิกฤติการแพร่ระบาดของเชื้ออีโบลา ครั้งเลวร้ายที่สุด

ด้าน รมช.สาธารณสุข จากประเทศเซียร์รา ลีโอน ซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศที่มีการระบาดของเชื้ออีโบลาอย่างรุนแรง และยังเป็นประเทศที่มีระบบสาธารณสุขที่ย่ำแย่ที่สุดในโลก กล่าวเมื่อวันพุธที่ผ่านมา (2 ก.ค.) ว่า รัฐบาลเซียร์รา ลีโอน จำเป็นต้องการเงิน สำหรับนำไปซื้อยา รวมทั้ง อุปกรณ์ป้องกันการติดเชื้อขั้นพื้นฐาน และค่าใช้จ่ายสำหรับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในการหยุดยั้งการระบาดของเชื้ออีโบลา


เจ้าหน้าที่สาธารณสุขในเซียร์ราลีโอน ตรวจผลเลือดในห้องแล็บ

อย่างไรก็ตาม จากปัญหารัฐบาลเซียร์รา ลีโอน ขาดแคลนเงินสำหรับต่อสู้วิกฤติการระบาดของเชื้ออีโบลา ทำให้ประธานาธิบดีเออร์เนสต์ ไบ โคโรมา แห่งเซียร์รา ลีโอน รวมทั้งรองประธานาธิบดีและคณะรัฐมนตรีในรัฐบาลของเขาทั้งหมด ประกาศขอรับเงินเดือนเพียงแค่ครึ่งเดียว เพื่อนำเงินเดือนอีกครึ่งสำหรับไปช่วยเหลือในการต่อสู้หยุดยั้งการระบาดของอีโบลา

ด้าน องค์การอนามัยโลก (WHO) เตือนถึงสถานการณ์ระบาดของเชื้ออีโบลาในขณะนี้ว่า กำลังจะเป็นการระบาดครั้งที่ใหญ่สุดและเลวร้ายที่สุด ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน หลังจากเชื้ออีโบลา เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตในประเทศกินี ไลบีเรีย และเซียร์รา ลีโอน ตั้งแต่เดือน ก.พ.ที่ผ่านมา แล้วถึง 467 ราย

องค์การอนามัยโลก ยังแถลงด้วยว่า เชื้อไวรัส อีโบลา จะทำให้ผู้ติดเชื้อเกิดอาการมีไข้สูง อาเจียน เลือดออกตามอวัยวะภายใน และถ่ายท้องอย่างรุนแรง อีกทั้งเป็นเหตุให้ผู้ติดเชื้อมีโอกาสเสียชีวิตสูงถึง 50-90% ด้วยเหตุนี้ องค์การอนามัยโลกจึงเรียกร้องให้รัฐบาลประเทศต่างๆ ในแอฟริกา ตะวันตกร่วมมือกันหาทางหยุดยั้งการระบาดของเชื้ออีโบลาให้มากขึ้น

ก่อนหน้านี้ องค์กรแพทย์ไร้พรมแดนได้กล่าวถึงวิกฤติการระบาดของไวรัส อีโบลาในขณะนี้ว่า อยู่นอกเหนือการควบคุมแล้ว และจากสถานการณ์ระบาดที่รุนแรงมาก ทำให้สภากาชาดในประเทศกินี จำเป็นต้องปิดสำนักงานบางแห่งในกินีเป็นการชั่วคราวแล้ว เนื่องจากการระบาดของเชื้ออีโบลา กำลังเป็นภัยคุกคามต่อสุขภาพของเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น.


นำข่าวมาเพิ่มเติมรายละเอียดให้ครับ

 

คุณบอยครับ

เรื่องอีโบล่าระบาด หากเข้ามาในไทย ผมคงใช้ยาเขียวทานคู่กับยาลดไข้หวัดอย่างเช่นทิฟฟี่ ดีคอลเจนเป็นหลักแล้วทานน้ำให้มากๆเพื่อให้ยาเขียวช่วยล้างพิษออกจากร่างกาย จนกว่าร่างกายจะสร้างภูมิจัดการกับอีโบล่าเองคงใช้เวลาเป็นอาทิตย์ถึงสองอาทิตย์ คนส่วนใหญ่ที่ตายจากเชื้อไวรัสตัวนี้เป็นเพราะร่างกายไม่ได้ขับพิษออกเลยไม่สามารถทนพิษของมันได้ตายเสียก่อนตั้งแต่อาทิตย์แรก อีกอย่างหนึ่งที่ช่วยล้างพิษคือน้ำข้าวที่ได้จากการหุงข้าวแบบโบราณคือมีการเทน้ำข้าวออกจากหม้อ(หุงแบบเช็ดน้ำ) เอาน้ำข้าวมาดื่มแทนน้ำดื่มจะช่วยล้างพิษได้อีกแรงนึง สูตรของผมคือ

1. ยาเขียวตราใบโพธิ์ 5 - 8 เม็ด + ทิฟฟี่ 1 เม็ด วันละ 4 ครั้ง (ก่อนอาหารจะดีกว่า)
ควรเริ่มทานยาเขียวตราใบโพธิ์อย่างเดียวครั้งละ 5 เม็ด เช้า-เย็น(ไม่ต้องใช้ยาทิฟฟี่)
ตั้งแต่ช่วงที่ได้ข่าวว่ามีการระบาดเข้าในไทย
2. ดื่มน้ำข้าวแทนน้ำตลอด 24 ชม. กระหายน้ำเมื่อไหร่ก็ดื่มน้ำข้าว

เท่านี้ครับ ใครจะนำไปใช้ดูก็ได้นะครับ

 

ภัยนั้นคาดเดาได้ยาก ไม่มีความแน่นอน สิ่งสำคัญคือรักษาใจ สร้างพลัง กำลังใจให้มั่นคง เข้มแข็ง น่าจะเป็นเกราะกันภัยที่ง่ายที่สุด ที่พึงจะหาได้ในยามวิกฤต อาจจะทำได้ยากแต่ก็ต้องฝึกทำ คนเรายามสติแตกแม้ช่วยตัวเองยังทำไม่ได้เลย

 

ลุงแมวแคล้วคลาดจาก H5N1 มาได้รอบนี้ อีโบลามันแรงกว่านั้นหลายเท่า ถ้าลุงแมวติด
เชื้อมาคงทำตัวไม่ถูกนะ ที่จะไม่ให้ตัวเองเป็นพาหะ
พาเชื้อไปสู่ผู้อื่น เพราะมันกระจายตัวเร็วมาก
บุคคลากรทางการแพทย์ต้องสุ่มเสี่ยงมากที่สุด
ในการรับมือต่อการแพร่ระบาดของอีโบล่า