หลังสึกผ้าไตรจีวรควรเก็บไว้เองหรือถวายวัดครับ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ราชะ, 3 กรกฎาคม 2014.

  1. ราชะ

    ราชะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    53
    ค่าพลัง:
    +165
    ผมเคยบวชถวายองค์สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถเมื่อปี 2548 พอสึกผมได้นำผ้าไตรจีวรกลับบ้านด้วย มาไว้ที่ห้องเก็บของ ไม่ทราบว่าเขาถือกันหรือเปล่าครับ

    ตอนสึกก็ถามแล้วนะ เห็นว่าให้นำกลับบ้านได้ แต่ตอนนี้ชักรู้สึกแปลกๆ
    เลยมาโพสถามน่ะครับ ว่าจริงๆหลังสึก ควรนำผ้าไตรกลับบ้าน หรือถวายวัดครับ หรืออื่นๆ ฯลฯ แนะนำหน่อยนะครับ
     
  2. GhostHead

    GhostHead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    1,010
    ค่าพลัง:
    +1,878
    ควรถวายวัดจะปลอดภัยที่สุด ไม่ควรนำกลับมาไว้ที่บ้าน เพราะเสี่ยงต่อการติดหนี้สงฆ์
    ถ้าเป็นจีวรที่ซื้อมาด้วยเงินตนเองก่อนบวช เอากลับบ้านได้ ไม่ติดหนี้สงฆ์ แต่จะเอากลับมาเพื่ออะไร สู้ถวายวัดเป็นสังฆทาน ไม่ดีกว่ารึ

    ถ้าเป็นจีวรที่ได้มาขณะที่บวชเป็นพระ ไม่ว่าจะซื้อมาด้วยเงินส่วนตัวหรือมีญาติโยมถวายมา ก็ถือว่าจีวรนี้เป็นของสงฆ์ ห้ามนำกลับบ้าน ไม่งั้นติดหนี้สงฆ์

    ถ้าติดหนี้สงฆ์แล้ววิธีแก้คือ
    1.นำจีวรนี้กลับไปถวายคืนวัด
    2.ชำระหนี้สงฆ์ให้เท่ากับมูลค่าปัจจุบันของจีวรที่นำมา
    3.สร้างพระชำระหนี้สงฆ์
    4.ห้ามตายก่อนทำการชำระหนี้สงฆ์
     
  3. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,647
    นำกลับคืนถวายสงฆ์ครับ ลาสิกขาแล้วไม่มีใครเขานำกลับมากันหลอกครับ เขาให้นุ่งผ้าขาวหรือชุดทั่วไปกลับบ้าน
     
  4. teww

    teww เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    604
    ค่าพลัง:
    +1,534
    พระวัดนั้นก็ไม่รู้ โยมก็ไม่รู้ เลยซวยติดหนี้สงฆ์ทั้งคู่เลย
     
  5. Earth n Water

    Earth n Water เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2013
    โพสต์:
    954
    ค่าพลัง:
    +2,078


    ขออนุโมทนากับบุญที่คุณได้บวชถวาย
    องค์สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ
    เมื่อปี 2548 ด้วยค่ะ สาธุ สาธุ

    การถวายผ้าไตรจีวรแด่วัดเพื่อพระสงฆ์อื่นจะได้มีใช้
    จะทำให้เกิดบุญแก่ตนเองมากเป็นหลายเท่าโดยนับ
    เป็นค่าเงินไม่ได้

    อีกอย่างคิดว่าผ้าไตรจีวรเป็นของสูงด้วย
    เหมาะแก่พระสงฆ์ที่จะได้ใช้ให้เป็นประโยชน์ในวัด
    เพราะเหมาะที่จะใช้อยู่ในวัด
    อีกทั้งเป็นประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนาด้วย
    เมื่อพระสงฆ์ได้ครองผ้าไตรจีวรของผู้ถวายให้
    ผู้ถวายคงจะรู้สึกปลาบปลื้มและอิ่มบุญเพราะบุญ
    ได้เกิดแล้วแม้ตอนจิตคิดจะถวายผ้าไตรจีวรแด่พระภิกษุสงฆ์
    แค่คิด ยังรู้สึกยินดีและดีใจเลย แล้วยิ่งถ้าพระภิกษุสงฆ์ได้
    ครองผ้าไตรจีวรแล้ว บุญก็ยิ่งเพิ่มพูนเป็นหลายเท่าทวีคูณอันเป็น
    การก่อความอิ่มเอิบใจ เกิดปิติให้แก่ตัวผู้ถวายเองมากยิ่งขึ้น
    ความรู้สึกปิตินั้นคือบุญที่เกิดขึ้นในใจแล้วไม่ใช่หรือคะ


    ทั้งหมดนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวค่ะ

    ขอถือโอกาสอนุโมทนาล่วงหน้าเลยนะคะหากคุณจะนำ
    ผ้าไตรจีวรไปถวายพระภิกษุสงฆ์ที่วัดค่ะ


     
  6. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,040
    ส่วนตัวตอนนั้นไม่ได้คิดอะไรมากครับ..นึกประมาณว่า
    ไม่น่าจะเหมาะกับเราถ้าเราเป็นฆารวาสครับ..
    อีกอย่างก็เผื่อพระท่านอื่นๆด้วยกรณีที่จะเป็น
    อีกชุดครับ..และทุกอย่างที่ได้มาหรือมีใช้
    ที่เกี่ยวกับสงฆ์ก็ให้วัดหมดครับ..แต่เราไม่คิดอะไรมาก
    ก็ถวายคืนวัดน่าจะดีกว่านะครับ..ยกว่าเป็นของที่พระสงฆ์
    ท่านมอบให้เราเองอย่างนี้ไม่เป็นไรครับ..
     
  7. Norlnorrakuln

    Norlnorrakuln เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    3,813
    ค่าพลัง:
    +15,095
    บวชปี 48 นี่ก็สิบปีแล้วสิ เพิ่งจะคิดนำไปคืนรึ?
    เราเข้าใจในเจตนาอันบริสุทธิ์ที่เก็บไว้ก็เพียงเพื่อเป็นอนุสติเครื่องระลึกนึกถึงคุณงามความดีเมื่อครั้งนั้น ถ้าจะนำไปคืนก็เห็นสมควรอยู่แต่ถ้าเป็นไปได้ก็ควรแถมผ้าไตรจีวรใหม่ๆเพิ่มอีกไตรหนึ่งด้วยจะเหมาะมาก เราต้องพิจารณามองดูให้ละเอียดว่าพระคุณเจ้าในยุคสมัยนี้ท่านยินดีที่จะใช้จีวรเก่าที่เก็บไว้นานสิบปีหรือไม่ ท่านรับไปแล้วอาจรับแบบจำใจแล้วนำไปเก็บเข้ากรุต่อเหมือนเดิม ประโยชน์ที่พึงได้รับก็จะน้อยลง ไม่สู้เราแถมให้ท่านเพิ่มอีกไตรหนึ่งเป็นการสร้าทานบารมีให้สิ่งที่ประณีตไม่เศร้าหมองได้อานิสงส์อักโขเชียว

    เจริญพร
     
  8. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819

    เก็บไว้

    วันหลังกลับไปบวชพระ ก็จะได้ใช้ครับ ^^

    เอาไปถวายระวังจะกลายเป็นผ้า... ที่บุคคลอื่นไม่ได้เห็นค่า ครับ

    .
     
  9. Earth n Water

    Earth n Water เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2013
    โพสต์:
    954
    ค่าพลัง:
    +2,078


    เป็นความคิดที่ดีค่ะ
    ถ้าได้ถวายผ้าไตรจีวรใหม่ด้วยอีกชุดก็ยิ่งดีเลย
    ขออนุโมทนาสาธุค่ะ

    ข้อสำคัญผู้ถวายจะมีความพร้อมในเรื่องปัจจัยที่จะซื้อ
    ผ้าไตรจีวรชุดใหม่หรือไม่
    เลือกทำบุญตามกำลังและศรัทธาเองนะคะ
    จะได้ไม่เดือดร้อนต่อตนเอง
    จะทำบุญครั้งละมากหรือน้อยก็ไม่เป็นไร
    บุญแรงมากแม้แค่ถวายพระด้วยเข็มเย็บผ้าเพียง 1 เล่มตามกำลังที่
    พอจะหามาทำบุญได้หากจิตมีความปราถนาอันแรงกล้าในความอยาก
    ที่จะทำบุญ
    อันนี้จำมาจากเทปธรรมะที่เล่าเรื่องในสมัยพุทธกาลน่ะค่ะ
    คิดว่าจริงเช่นกันเพราะทำบุญด้วยจิตอันบริสุทธิ์จริงๆ
    บุญก็เลยได้มากและแรงด้วย

     
  10. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    พระอาจารย์ เล่าว่า "ที่ วัดท่าขนุน ตอนนี้บริษัทรับเหมากำลังเจาะเสาเข็มกันอยู่
    อาตมาเองก็เพิ่งทำพิธีลงเสาเอกไปเมื่อวันที่ ๒๗ ที่ผ่านมา แต่เป็นที่น่าสงสารเป็นอย่างยิ่ง ก็คือพวกคนงาน
    ถึงเวลาก็ลงไปกวาดเหรียญเงิน เหรียญทอง เหรียญในหลวง แก้วแหวนอะไรต่างๆ ไปคนละหอบสองหอบ
    อาตมาก็ไม่รู้จะบอกเขาไปทำไม ว่าสิ่งที่ตัวเขาเองทำนั้นจะเดือดร้อนสาหัสทีหลัง

    ญาติโยมจำนวนมากยังไม่ทราบว่า การที่เข้าวัดเข้าวา แล้วนำเอาสิ่งต่าง ๆ ไปนั้นเป็นหนี้สงฆ์ คำว่า "หนี้สงฆ์"
    ถ้าเราไม่รู้โทษก็จะไม่รู้สึกว่าหนัก ขอบอกว่าหนี้สงฆ์จะมากจะน้อย เขาปรับโทษอเวจีอย่างเดียว
    เพียงแต่ว่าจะอยู่นาน อยู่เร็วกว่ากันเท่าไร ก็ขึ้นอยู่กับจำนวนหนี้สงฆ์ที่เราเป็นอยู่
    การเป็นหนี้สงฆ์ถ้าไม่ได้ชำระหนี้ บุญทั้งหมดที่ทำมาเป็นหมันหมด เพราะว่าเขาจะเอาลงไปปิ้งเล่นที่อเวจีก่อน..!

    อาตมาสงสาร พวกคนงานชุดนั้น แต่รู้ว่าบอกไปก็ไร้ประโยชน์ ถ้าบอกไปจะเป็นโทษหนักกับเขาอีก
    เพราะกลายเป็นว่ารู้แล้วยังขืนทำ ถ้าไม่บอกก็ให้เขาทำๆ ของเขาไป โทษยังไม่หนักเท่านั้น
    เขาอาจจะได้ทอง ได้เงินไปขายเพื่อยังชีพ สร้างความสุขสบายให้แก่ตัวเองก็ได้แค่พักเดียว
    พอถึงเวลาความเดือดร้อนมาถึงจะแก้ตัวก็ไม่ทันแล้ว เพราะส่วนใหญ่ไปรู้เอาตอนตาย

    ในเมื่อเป็นอย่างนั้น พวกเราเองที่พอจะรู้
    ก็พยายามแนะนำลูกหลานญาติโยมของตนเองให้เข้าใจในเรื่องของการเป็นหนี้สงฆ์
    คนโบราณสมัยก่อนจิตใจละเอียดมาก บรรดารุ่นปู่ย่าตายาย เวลาจะไปวัด
    จะบอกลูกหลานให้หยิบดินที่บ้านก้อนหนึ่งใส่หาบไปด้วย พอไปถึงก็ไปโยนไว้ในวัด
    เพราะเขาถือว่าการเดินเข้าวัด ทำให้มีเศษดินจากวัดติดเท้าไป
    ในเมื่อเศษดินจากวัดติดเท้าไปเท่ากับว่าเป็นหนี้สงฆ์

    คนโบราณที่ใจละเอียดก็เลยใช้วิธีชำระหนี้สงฆ์
    โดยการเอาดินจากบ้านก้อนหนึ่ง จะก้อนเล็กก้อนใหญ่ก็อยู่ที่ลูกหลานจะหยิบให้
    ใส่หาบที่เอาภัตตาหารไปถวายพระ ถึงเวลาก็เอาไปโยนไว้ในวัด ถือว่าใช้หนี้กันไป
    แล้วอีกส่วนหนึ่งที่โบราณท่านทำอยู่เป็นประจำก็คือการขนทรายเข้าวัด เขาก็ถือว่าการติดหนี้สงฆ์นั้น
    แต่ละปีจะทำการใช้หนี้ด้วยการขนทรายเข้าวัด
    สมัยก่อนทรายไม่ได้ซื้อหากันง่ายอย่างในสมัยนี้ อยากได้ทรายต้องไปงมเอาในแม่น้ำ
    ต้องดำน้ำลงไปตักขึ้นมาทีละถังครึ่งถัง แล้วแต่ว่าใครจะสามารถตักได้เท่าไร"

    "อย่างสมัย หลวงปู่ปาน วัดบางนมโค ทำการก่อสร้าง หลวงพ่อวัดท่าซุง
    ท่านบอกว่า หลวงปู่ปานต้องดำงมทรายเอง
    ตัวดำเป็นเหนี่ยงเลย เด็กสมัยนี้ไม่รู้จักว่า "เหนี่ยง" หน้าตาเป็นอย่างไร
    แมลงเหนี่ยง เป็นแมลงชนิดหนึ่ง บางคนเรียกว่าแมลงตับเต่า
    เอามาคั่วเกลือกินอร่อยดี ดำจนขึ้นเงา เพราะฉะนั้น..สมัยก่อนอะไรที่ดำๆ เขาจะไม่บอกว่าดำเหมือนอีกา
    เขาจะบอกว่าดำเป็นเหนี่ยง ท่านบอกว่า “หลวงปู่ปานนี่ดำทรายทุกวัน ตัวดำเป็นเหนี่ยงเลย” ว่าอย่างนั้น

    แสดงว่าสมัยก่อนที่เราจะซื้อจะหาทรายกันเพราะมีเครื่องดูดนั้น
    คนโบราณเขาใช้วิธีดำไปตักทรายกัน แล้วก็เอาใส่หาบ
    หาบไปวัด ไปก่อเจดีย์ทรายถวายเป็นพุทธบูชา
    แล้วอีกประการหนึ่งที่สำคัญก็คือ ได้ชำระหนี้สงฆ์ที่ตนเองติดหนี้เอาไว้
    เนื่องจากว่าเข้าวัดเข้าวาแล้ว ได้เหยียบย่ำเอาดินทรายติดเท้าไป

    มาระยะหลัง หลวงพ่อวัดท่าซุง ท่านแนะนำว่าถ้า อยากจะชำระหนี้สงฆ์ให้สร้างพระพุทธรูปหน้าตัก ๔ ศอก
    ถ้าสร้างพระพุทธรูปหน้าตัก ๔ ศอกแล้วไม่ปิดทอง ชำระหนี้ได้เฉพาะเจ้าภาพคนเดียว
    แต่ถ้าปิดทองด้วย ชำระได้ทั้งคณะ จะกี่ร้อยกี่พันคนก็ได้ถ้าร่วมกันทำ

    ญาติโยมส่วน ใหญ่เข้าวัดแล้วไม่มีความรู้เพราะว่ารุ่นพ่อรุ่นแม่ก็ไม่รู้ ไม่ได้อบรมมา
    รุ่นเราก็ไม่รู้ ถึงเวลาจึงไม่ได้อบรมต่อลูกหลานก็ยิ่งไม่รู้หนักเข้าไปอีก
    ฉะนั้น..ถึงเวลาเข้าวัดแล้ว ชอบใจอะไรก็หยิบไปเรื่อย เห็นดอกไม้สวยเด็ดดอกไม้
    เห็นผลไม้สุกเก็บผลไม้ เป็นต้น สิ่งทั้งหลายเหล่านั้นทำให้เราเป็นหนี้สงฆ์ทั้งนั้น
    และโดยเฉพาะบรรดาลูกหลานที่เป็นพระยิ่งไม่เข้าใจ
    ก็ยิ่งมีการแสดงออกที่ทำให้พ่อแม่เป็นหนี้สงฆ์หนักขึ้นไปอีก
    ก็คือญาติโยมเขาถวายอะไรมา ก็ขนกลับบ้านไปให้พ่อแม่"



    สนทนากับพระครูวิลาศกาญจนธรรม (พระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ)
    ณ บ้านวิริยบารมี วันที่ ๓๑ เดือนมีนาคม พุทธศักราช ๒๕๕๖

    ที่มา : เก็บตกงานฉลองบ้านวิริยบารมี วันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๖ - กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

    อยากทราบความคิดเห็นของทุกๆคนว่าการที่พระเข้ามาบวชได้เงินระหว่างการบวช เมื่อสึกแล้ว เ
     
  11. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    "ปาฏิบุคลิกทาน" เป็นทานที่ให้แก่ ภิกษุรูปหนึ่งรูปใด (จึงไม่ใช่สังฆทาน)
    แต่ก็ให้เพราะเหตุเห็นว่าเป็นภิกษุ _(ถ้าไม่บวช เขาอาจไม่ให้)

    แต่เงินนี้ ถ้าภิกษุนั้นตายไปในเพศภิกษุ ก็จะตกเป็นของ
    สงฆ์ทันที ซึ่งจะเอาไปให้ทายาทตามกฏหมายทั่วไปไม่ได้

    แต่ถ้าภิกษุนั้นใช้ในขณะที่ยังไม่ตายยังไม่สึก ก็ย่อมทำได้
    ตามที่เห็นสมควร (หรือควรแก่สมณบริโภค) จะสงเคราะห์

    เช่นแบ่งให้มารดากรณีที่ว่า หรือให้เป็นค่าโดยสาร ..
    ให้เงินคนที่ช่วยเหลือภิกษุท่านนั้น เป็นต้น .. ก็ทำได้ _ไม่ถือว่าเอาเงินสงฆ์ไปใช้โดยพลการ
    (เพราะตอนนั้น ยังไม่ใช่เงินสงฆ์)
    (_แต่ก็ไม่ควรใช้เล่ห์ แบบศรีธนนชัย)

    แต่ก็แบ่งเงินส่วนนี้ ให้เป็นประโยชน์แก่ส่วนรวมในวัด หรือแก่สงฆ์ส่วนรวม
    _ก็เป็นการฉลาดใช้ ปาฏิบุคลิกทาน ส่วนของตน เพิ่มทานบารมีของตน

    ดังนั้นก่อนสึก จะแบ่งเงินส่วนนี้พอสมควร ให้ผู้ที่เห็นสมควร_ก็ได้
    แต่อย่าลืมแบ่งถวายให้วัดที่ตนอาศัย

    และสึกแล้ว เงินนี้เมื่อเป็นของสงฆ์ทันที
    _หากเอากลับไปใช้ส่วนตัว ก็เป็นหนี้สงฆ์
    ต้องหาทางแก้ฯ (เสียว_ถ้าตายไปแล้วใช้หนี้สงฆ์ไม่หมด!)

    สิ่งของเครื่องใช้เหมือนกัน จะให้ใครให้ฆราวาส ก็ให้ก่อนสึก
    หรือก่อนสึก ต้องมอบถวายให้แก่ภิกษุรูปหนึ่งรูปใด ที่ตนเองคุ้นเคยก็ได้
    บอกท่านว่า "สิ่งของๆกระผมที่อยู่ในกุฏินี้ กระผมขอมอบถวายให้ท่าน"

    เพราะเมื่อสึกแล้ว ก็ไปขอจากท่านได้ ไม่ว่าสบู่ ยาสีฟัน..
    (เพราะกลายเป็นของส่วนตัวของท่านไปแล้ว ท่านจะให้ใครก็ได้
    _ไม่ใช่ของสงฆ์
    _การใช้ของสงฆ์ ถ้าเป็นเรื่องใหม่ ก็น่าจะประชุมสงฆ์_นี้เป็นความเห็นส่วนตัวขณะนี้)

    อยากทราบความคิดเห็นของทุกๆคนว่าการที่พระเข้ามาบวชได้เงินระหว่างการบวช เมื่อสึกแล้ว เ
     
  12. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    เรื่องที่พระสงฆ์ นำของสงฆ์ไปให้ต่อแก่บุคคลอื่นนั้น ต้องดูให้ดีว่า เป็นของเฉพาะตน หรือส่วนกลาง
    หลวงพ่อฤาษีลิงดำท่านได้อธิบายไว้ ดังนี้


    ผู้ถาม : หลวงพ่อครับ คนที่กินข้าวที่พระอนุญาตแล้ว ทำไมถึงตกนรก และพระที่ให้ก็ต้องตกนรกด้วยครับ....?


    หลวงพ่อ : ถ้าอาหารที่พระให้ต้องเป็นของญาติโยมที่ถวายเฉพาะองค์นั้น ไม่มีโทษแน่
    แต่ที่เป็นอย่างนี้ต้องเป็นอาหารที่เขาถวายเป็นส่วนกลาง คือเป็นของสงฆ์
    ของสงฆ์นั้นพระองค์ใดองค์หนึ่งไม่มีสิทธิ์ให้ นอกจากสงฆ์จะประชุมตกลงให้พระองค์นั้นเป็นผู้จ่ายแทนสงฆ์

    ตัวอย่างของสงฆ์เช่น อาหารวันพระ ที่มีข้าวใส่บาตรเหลือมากๆ แล้วทายกใส่ถ้วยเอาไปกินบ้าน
    โดยที่คณะสงฆ์ไม่มีส่วนรู้เห็น อย่างนี้ แม้แต่เจ้าอาวาสเองยังไม่มีสิทธิ์ให้ตามลำพัง
    บางทีกินอาหารที่พระฉันเหลือ ถ้าพระอนุญาตแล้วไม่มีโทษ (สำหรับโยมที่ไปในงาน ทางวัดเขาตั้งใจเลี้ยงก็ไม่เป็นไร)

    แต่บางท่านก็หยิบของที่พระฉันแล้วเอามาเฉยๆ บางท่านก็ขอเอาดื้อๆ ให้หรือไม่ให้ก็ตาม ออกปากขอแล้วยกไปเลย
    พระยังไม่ทันอนุญาต ท่านทายกประเภทนี้ ท่านช่วยยกคนที่กินกับท่านลงอเวจีแบบสะดวก เมื่อจะขอต้องดูว่าอาหารมากไหม
    ถ้ามากจนเหลือเฟือ ก็ขอให้พระท่านให้ตามความพอใจของท่าน เพราะท่านอาจมีกังวลนำอาหารไปให้ใครก็ได้ที่ท่านมีภาระต้องเลี้ยง
    ถ้าถือเอาตามความพอใจก็ต้องถือว่าแย่งอาหารจากพระมีโทษ 100 เปอร์เซ็นต์

    และอาหารถวายพระพุทธรูป ก็เหมือนกัน อาหารประเภทนี้ดูเหมือนจะเป็นเหยื่อล่อให้ทายกลงอเวจีสะดวกสบายมาก
    อาหารที่เขานำมาวัด เขาตั้งใจถวายพระสงฆ์ การนำไปถวายพระพุทธรูปนั้นเป็นความดี เพราะเป็นพุทธานุสสติด้วย เป็นพุทธบูชาด้วย
    แต่อาหารประเภทนี้ไม่จำเป็นต้องใช้มาก เพราะพระพุทธรูปไม่ได้ฉัน ท่านจะฉันหรือไม่ฉันก็ตาม อาตมาคิดว่าทายกทายิกาไม่มีสิทธิ์จะกิน
    หลายวัดหรือส่วนใหญ่ ทายกมักจะเอาอาหารดีๆ และมากๆ ไปทุ่มเทถวายพระพุทธรูป

    เมื่อพระฉันเสร็จแล้ว ต่างก็ยกเอามากิน ตอนนี้ไม่ถูกด้วยประการทั้งปวง ต้องเอาไว้ถวายพระตอนเพลจึงจะถูก
    ทายกทายิกาจะกินได้เฉพาะอาหารที่เหลือเป็นแดนจากพระฉันเท่านั้น ไม่มีสิทธิ์สถาปนาตนเองเป็น ลูกศิษย์พระพุทธรูป แต่ประการใด

    รวมความว่า ของที่ถือว่าเป็นของสงฆ์นั้น คือของในวัดทุกประการที่เขาถวายเป็นของสงฆ์แล้ว
    แม้แต่ดอกไม้ ผลไม้ในวัดเศษไม้ที่คิดว่าทำอะไรไม่ได้แล้ว เอามาทำฟืนบ้าง ทำอย่างอื่นเล็กๆ น้อยๆ บ้าง
    จงอย่าคิดว่าไม่มีบาป แม้แต่เศษกระเบื้องที่ทิ้งแล้ว ก็เป็นของสงฆ์ มีผลเสมอกัน

    เว้นไว้แต่ดอกไม้ผลไม้ที่พระหรือท่านผู้ใดปลูกในวัด ถ้าท่านเจ้าของยังอยู่ในเขตวัดนั้นและท่านอนุญาต
    อย่างนี้เอามาได้ไม่บาป ด้วยท่านเจ้าของมีสิทธิ์สมบูรณ์ให้ได้ รับมาได้ไม่มีโทษ ถ้าท่านผู้ปลูกออกไปจากวัดนั้นหรือตายไปแล้ว
    ของนั้นเป็นของสงฆ์โดยตรง ไปเอามามีโทษตามกำลังบาป ขโมยของสงฆ์

    และอีกประการ หนึ่ง วัดร้างที่ไม่มีพระอยู่ แต่มีสภาพเป็นวัด กับที่ของสงฆ์ที่เป็นไร่นาไปแล้ว ไม่มีสภาพเป็นวัด
    ถ้าเราไปนำมานิดเดียวแม้แต่หญ้าต้นเดียว เขาถือว่า เป็นหนี้สงฆ์ อันนี้อันตรายมาก สมัยหลวงพ่อปาน
    ท่านก็แนะนำให้คน ชำระหนี้สงฆ์ บาทสองบาทสลึงสองสลึง บางคนไม่มีเงินเอามาทำงานแทน
    ทำอะไรก็ได้ไม่บังคับ คือ ดายหญ้าก็ตามไม่เอาค่าแรง
    pantip.com/topic/30964639
     
  13. ราชะ

    ราชะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    53
    ค่าพลัง:
    +165
    ถ้าเก็บไว้ วันหน้าบวชก็ใช้ได้ใช่ไหมครับ
    ผมอาจจะบวชถวายพระเจ้าอยู่หัวปลายปีนี้นะ บวช 15 วันมั้ง ก็จะได้มีจีวรใช้อีกผืน ขอยํ้าว่าอาจจะบวชนะครับ
     
  14. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    อย่าคิดมากครับ

    ขนาดสมัยพระพุทธเจ้า นี่ ยังไปเอาผ้าห่อศพ มาเป็นจีวรเลยครับ ^^


    แนะนำว่า อย่าไปยึดติดใน เดี่ยวเกิดตายไป กลายเป็น เล็นเฝ้าจีวร นะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 กรกฎาคม 2014
  15. Donsamoe

    Donsamoe สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    9
    ค่าพลัง:
    +0
    ร้านน้ำฟ้าบริขารธุดงค์ โทร 0962629636
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  16. tsukino2012

    tsukino2012 หยุดจึงพบ สงบจึงเกิด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    1,311
    ค่าพลัง:
    +3,090
    คิดว่ายังไงล่ะครับ
    ถ้ากังวลก็เอาผ้าไปถวายให้พระสักรูปหนึ่ง ได้เอาไปใช้ประโยชน์ มันก็เกิดประโยชน์มากกว่าเก็บให้ปลวกกิน
    ต่อให้พระเขาเอาทำผ้าขี้ริ้ว ก็ยังถือว่าได้ใช้ประโยชน์

    แต่ถ้าขี้เกียจเอาไปถวาย ขี้เกียจกระทั่งเดินทางไปวัด
    ก็เก็บเอาไว้อย่างนั้น ให้ปลวกมันกิน
    หรือจะเอาไปเผาไฟให้หายไปก็ได้ เพราะผลไม่แตกต่างกัน

    หากจะเอามาใข้ประโยชน์เอง
    เอามาใช้ห่มต่างผ้าห่ม หรือเอามาใข้ปูรองนอนก็แล้วแต่
    ถ้าไม่ยึดติดเรื่องความเหมาะสม
    ถ้าไม่กลัวคนอื่นๆจะตำหนิ ก็ทำไป

    ไม่ว่าจะเลือกทางใด
    หากทำแล้วสบายใจ โล่งใจ ไม่ติดใจ ไม่เกิดทุกข์ นั่นถือว่าเป็นทางเลือกที่ดี
    ข้อใดทำแล้ว แต่ยังไม่สบาย ยังติดใจอยู่ ยังเป็นทุกข์ นั่นถือว่าเลือกผิดควรคิดใหม่

    ถ้ายังไม่ตายก็ถือว่ายังมีเวลาแก้ไข
     
  17. [-VaLentine-]

    [-VaLentine-] กระผมสมาธิและกำลังจิตกากสุดในเวปนี้

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กุมภาพันธ์ 2014
    โพสต์:
    159
    ค่าพลัง:
    +486
    ของผมสละให้พระเพื่อนที่บวชเกิน ๑ พรรษาไปหมดละครับ ส่วนท่านจะนำไปใช้หรือไม่อย่างไรก็ขึ้นอยู่กับท่านเหล่านั้นล่ะ ^^
     
  18. จิตสิงห์

    จิตสิงห์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    619
    ค่าพลัง:
    +687
    บริขารเครื่องใช้ของภิกษุ ตั้งอยู่ในที่เจดีย์ของคฤหัสถ์
     
  19. patchara2

    patchara2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    244
    ค่าพลัง:
    +258
    จะมีคนบวชต่อเดี๋ยวนั้นเลยไหม

    ถ้ามีก็มอบให้เป็นธรรมทานไปนะคับ

    ถ้าไม่มี ของทุกชิ้น เงินทุกบาท สมัยเราห่มผ้าเหลือง

    เมื่อเราได้สึกออกอมาแล้วถวายวัดไปนะครับ
     
  20. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493
    เสื้อ กางเกง กระโปรง ผ้าถุง...เป็นเครื่องนุ่งหุ่มของคฤหัสถ์ ฉัีนใด ผ้าสบง จีวร ก็เ็ป็นเครื่องนุ่งหุ่มของพระภิกษุสามเณร ฉันนั้น

    หลังจากสึกหาลาเพศแล้ว เราก็เป็นเพศคฤหัสถ์เหมือนเดิมนุ่งกางเกงต่อ ผ้าใตรจีวรที่เคยใช้ตอนบวชก็ถวายพระที่วัดนั้น ท่านจะนำไปใช้ต่อ หรือเก็บไว้ใช้เป็นผ้ามือสองถวายวัดที่ขาดแคลนก็เรื่องของท่าน
     

แชร์หน้านี้

Loading...