ปิดประมูลวัชระบัว ๒ องค์ หน้า ๖๖๑ ,ธรรมะจากพระอาทิพุทธะ หน้า ๖๕๙ ค่ะ

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Numsai, 21 สิงหาคม 2012.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. ธรรมวิวัฒน์

    ธรรมวิวัฒน์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    26,339
    กระทู้เรื่องเด่น:
    82
    ค่าพลัง:
    +115,286
    วันนี้ ผมร่วมบุญโรงทานผลไม้ ในงานพิธีวางศิลาฤกษ์และทอดผ้าป่าสามัคคีเพื่อก่อสร้างอนุสรณ์สถาน สุทธิธรรมรังษีวิหาร
    ณ วัดป่าภูริทัตปฏิปทาราม อ.สามโคก ปทุมธานี วันอาทิตย์ที่ 18 พ.ค.57

    ถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา

    ขอเชิญสมาชิกทุกท่านอนุโมทนาบุญร่วมกันครับ และขอให้พบแต่เจอแต่สิ่งที่ดีงาม ไม่อดไม่อยาก ไม่เจ็บไม่จน มีแต่ความคล่องตัว สมบูรณ์พูนสุข
    และสมหวังทุกประการตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพานด้วยเถิด สาธุ สาธุ


    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 พฤษภาคม 2014
  2. Phuya

    Phuya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    608
    ค่าพลัง:
    +10,966
    ร่วมอนุโมทนาบุญ...อุปัฏฐาก ท่านเจมส์ (Lopen Gembo Dorji) รองสมเด็จพระสังฆราช ประเทศภูฏาน

    ธรรมะจากแดนไกล...จาก ท่านเจมส์ (Lopen Gembo Dorji) รองสมเด็จพระสังฆราช ประเทศภูฏาน
    ได้ถูกถ่ายทอดผ่าน ดร.ณัฐ (am12) ได้อย่างงดงาม เป็นธรรมชาติและเข้าใง่าย ด้วยพลังที่มั่นคงสม่ำเสมอ...
    พร้อมธรรมะที่เป็นธรรมชาติ ที่อยู่ในชีวิตจริงที่ปฏิเสธไม่ได้...ขอบคุณมากนะคะที่ทำเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่าย ได้อย่างน่าทึ่ง


    " ปักกำลังใจไว้ที่เป้าหมาย แล้วทุกสิ่ง ทุกอย่างจะสำเร็จโดยง่าย "​


    วันแรก...พบท่านเจมส์ ที่วัดพระรามเก้า กาญจนาภิเษก ได้รับการต้อนรับอย่างดีจากท่านเจ้าอาวาส และเจ้าหน้าที่ๆ
    จัดห้องรับรองให้หมู่คณะได้พูดคุยสนทนาธรรม กันอย่างอบอุ่นและเป็นกันเอง

    [​IMG]


    วันที่สอง...กราบพระศพสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก ณ. ตำหนักเพ็ชร
    วัดบวรนิเวศวิหาร และหลังจากนั้นได้รับการเลี้ยงรับรอง พร้อมสถานที่ๆ ร่มรื่นเป็นธรรมชาติ
    ซึ่งเหมาะกับการสนทนาธรรมเป็นอย่างยิ่ง จากร้านอาหารบ้านในสวน....

    [​IMG]

    [​IMG]

    กราบอนุโมทนาบุญทั้งหมด ทั้งมวลกับทุกๆท่าน ที่ทำให้การต้อนรับ
    รองสมเด็จพระสังฆราช ประเทศภูฏาน เป็นไปด้วยความเรียบร้อย สวยงาม และมีความสุข​

    รบกวน ดร.ณัฐ ถ่ายทอดธรรมะ จากท่านเจมส์ ผ่านกระทู้ ด้วยนะคะ..กราบอนุโมทนาบุญค่ะ​


    ---
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 พฤษภาคม 2014
  3. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ...ถวายธาตุกายสิทธิ์ และสังฆทานแด่ท่าน Lopen Gembo

    ก่อนอื่นขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านที่มีส่วนในการร่วมบุญ และร่วมถวายธาตุกายสิทธิ์แด่ท่าน Lopen Gembo Dorji ครั้งนี้ด้วยค่ะ

    การเดินทางมาเมืองไทยของท่าน Lopen Gembo ครั้งนี้ มาเพื่อพบคณะของเราที่เคยอุปัฏฐากท่านมาตั้งแต่ปลายปี ๒๕๕๔ เนื่องจากท่านเดินทางมาร่วมงานวิสาขบูชาโลกที่ประเทศเวียตนาม

    จากนั้นก็เดินทางมาเมืองไทยช่วง ๑๔-๑๕ พค.๕๗ พวกเราได้ต้อนรับท่าน และได้สนทนาธรรมอย่างใกล้ชิด

    โดยมีคุณ Kao Oat เป็นล่ามแปลในวันที่ ๑๔ พค.๕๖ และดร.นัท เป็นล่ามในวันที่ ๑๕ พค.๕๗

    ขออนุโมทนาบุญกับทั้งสองท่านมา ณ.ที่นี้ด้วยค่ะ

    การถวายสังฆทานมีดังนี้

    ๑.ดวงแก้วจุลจักรพรรดิ คุณ You Kai เป็นผู้ถวาย

    ๒.กริซ ๕ สี

    ๓.จักรสีชมพู ๑ องค์

    ๔.รังหิน ๕ ก้อน

    ๕.ผอบบรรจุพระบรมฯ เบอร์ ๒ จำนวน ๑๕ ผอบ

    ๖.เครื่องสังฆทานอื่น ๆ

    ๗.พระเขี้ยวแก้วพระนารทพุทธเจ้า

    ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านด้วยค่ะ

    Nunsai
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  4. winaiwon

    winaiwon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    821
    ค่าพลัง:
    +6,577
    ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านด้วยน่ะครับ

    พร้อมกันนี้ขอกราบ ท่านเจ้าคุณฯ พระปริยัติธรรมเมธี และ ท่านเจ้าคุณ ฯ ผู้ช่วย เจ้าอาวาส วัดบวรฯ ที่ได้ให้ความกรุณา กับคณะ ของ รองสมเด็จพระสังฆราช แห่งภูฎาล ในการ กราบพระศพฯ และได้สนทนาธรรม กับท่านเจ้าคุณฯ ทั้งสองท่าน และ รองสมเด็จพระสังฆราช ฯ ด้วยครับ สาธุ ๆ ๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 18 พฤษภาคม 2014
  5. mooom

    mooom เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2010
    โพสต์:
    860
    ค่าพลัง:
    +9,291
    ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านด้วยนะครับ ขอขอบคุณพี่หม่อนและพี่น้ำใสด้วยครับที่นำภาพและรายละเอียดมาลงให้ชมและอ่านเสมือนได้ไปร่วมบุญด้วยตัวเอง และต้องขอรบกวนดร. ณัฐ ช่วยถ่ายทอดธรรมให้พวกเราในกระทู้ได้อ่านเป็นธรรมทานด้วยนะครับ
     
  6. am12

    am12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    696
    ค่าพลัง:
    +7,701
    ขอกราบนมัสการท่านเจ้าคุณฯ พระปริยัติธรรมเมธี ท่านเจ้าคุณ ฯ ผู้ช่วย เจ้าอาวาส วัดบวรฯ และ รองสมเด็จพระสังฆราช แห่งภูฎานครับ

    ก่อนอื่นต้องขอบคุณและขออนุโมทนาบุญพี่น้ำใสที่ได้แจ้งข่าวและดำเนินการให้ทางหมู่คณะได้เข้าพบท่านเจมส์ครับ และขออนุโมทนาบุญกับทุกๆท่านครับด้วยครับ

    สำหรับข้อธรรมที่ท่านเจมส์ได้เมตตาบอกกล่าวนั้นท่าน ผมขอนำมาให้้ทุกๆได้อ่านกันนะครับหากมีสิ่งหนึ่งสิ่งใดผิดผลาดบกพร่องต้องขออภัยมาณที่นี้ด้วยนะครับ

    ท่านเจมส์ได้บรรยายธรรมประกอบการยกตัวอย่างเพื่อให้พวกเราได้เข้าใจกันมากขึ้นท่านเจมส์ย้ำเสมอว่าธรรมมะไม่ใช่เรื่องยากเป็นเรื่องของความจริงเป็นสิ่งที่เราเรียกกันว่าสัจธรรมดังนั้นการเข้าถึงความจริงไม่ใช่เรื่องที่ยาก เพียงแต่เราจะเข้าหาความจริงหรือไม่ สิ่งสำคัญที่ท่านได้เน้นย้ำคือการดูที่ใจ หรือเข้าใจกันง่ายๆก็คือการดูจิตนั่นเอง สาเหตุที่ท่านเน้นการดูจิตหรือการดูสิ่งที่เกิดขึ้นในใจนั้นเพราะว่าใจนั้นเป็นใหญ่ จะเป็นสิ่งที่จะทำให้เราเกิดตัวรู้ ความตระหนักในความรู้และ การตรัสรู้ในที่สุดซึ่งในการเกิดมาเป็นมนุษย์นั้นนับว่าเป็นสิ่งที่มีค่าเป็นสิ่งที่ประเสริฐ กว่าการเกิดเป็นเทวดาเพราะการเกิดเป็นเทวดาใจก็จะเคยชินกับความปิติความสุขไม่มีอารมณ์ที่หลากหลายเหมือนมนุษย์ ในส่วนเรื่องของการเกิดเป็นเทวดาและมนุษย์ท่านเจมส์ได้ยกตัวอย่างหนึ่งซึ่งทำให้เข้าใจได้มากขึ้นกล่าวคือเมื่อเป็นมนุษย์เรารู้สึกหมดแรงในตอนเย็นเราสามารถตื่นขึ้นมาและสามามารถมีวันรุ่งขึ้นที่สดใสและเต็มเปี่ยมด้วยพลังได้ ในทางกลับกันเทวดานั้นจะทรงอารมณ์ในความปิติ ความสุขอยู่ตลอด ซึ่งการที่มีการเปลี่ยนแปลงของสิ่งต่างๆเช่นนี้เป็โอกาสอะนดีของมนุษย์ที่จะเกิดตัวรู้และเข้าถึงความจริง. ดังนั้นการดูจิตการที่สนใจในสิ่งที่เกิดขึ้นภายในใจเป็นสิ่งสำคัญ. หลายๆคนอาจจะคิดว่าการดูจิตหรือการสัมผัสอารมณ์นั้นยากและลำบากท่านเจมส์ได้ให้ข้อเปรียบเทียบไว้ดังนี้ ในการขับรถครั้งแรกที่เริ่มขับรถนั้นอาจจะมองเป็นเรื่องยากเรื่องลำบากเพราะเราต้องห่วงหน้าพะวงหลังต้องบังคับมือเท้าประสาทตาให้สัมพันธ์กันต้องคอยดูเส้นทางฯลฯแต่เมื่อเราขับรถบ่อยๆเรื่องความกังวลในเรื่องเหล่านี้หายไป เป็นความคุ้นเคยเป็นเรื่องปรกติและเราสามรรถทำได้อย่างง่าย ซึ่งเหมือนกับการดูใจของเราเช่นกันในตอนเริ่มแรกเราอาจะทำไดไม่ดีมีหลงบ้างเผลอบ้างไม่รู้บ้างแต่หากเราทำบ่อยๆทำให้มาก ทำต่อเนื่องสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นจะเป็นความสำเร็จ ดังนั้นเพียงแค่เราได้ทำเป็นสิ่งที่สำคัญ

    ขอกราบนมัสการและกราบขอบพระคุณท่านเจมส์อีกครั้งที่ได้ถ่ายทอดเรื่องของธรรมมะให้เข้าใจง่ายเห็นภาพที่ชัดเจนและผมหวังว่าธรรมทานนี้คงจะเป็นแนวทางหนึ่งเป็นกำลังใจหนึ่งให้กับทุกๆท่านครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 พฤษภาคม 2014
  7. am12

    am12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    696
    ค่าพลัง:
    +7,701
    ขออนุญาตเพิ่มธรรมทานอีกข้อหนึ่งสำหรับผู้ที่ต้องเดินทางไกลนะครับ
    ในระหว่างสนทนาธรรมมีพี่ท่านหนึ่งได้ถามท่านเจมส์ว่า"ถ้าเราปั่นจักรยานอยู่แล้วระยะทางมันไกลมากกว่าจะไปถึงจุดหมายเราจะทำอย่างไร" ท่านเจมส์ได้เมตตาตอบคำถามและชี้เป้าได้อย่างชัดเจนิซึ่งผมขอถ่ายทอดมาให้ทุกท่านอ่านดังนี้ครับ ในการเดินทางที่ยาวไกลย่อมมีความเหนื่อยความลำบากเป็นธรรมดา และเมื่อเราเหนี่อยเราสามารถหยุดพักได้แต่ไม่ใช่การล้มเลิก สิ่งที่สำคัญคือการมีกำลังใจในการเดินทางต่อ แต่มีแค่กำลังใจอาจจะไม่เพียงพอในการที่ผลักดันให้เราปั่นต่อไปแต่สิ่งหนึ่งที่จะทำให้เราเดินต่อนั้นคือเป้าหมายดังนั้นการที่จะเราเดินทางไกลต่อไปนั้นเราต้องเอากำลังใจของเราปักไว้ที่เป้าหมาย แล้วสิ่งนั้นๆจะสำเร็จโดยง่าย ไม่ว่าจะเดินทางไกลแค่ไหนหรืออุปสรรคมากแค่ไหนเมื่อกำลังใจกับเป้าหมายนั้นรวมกัน คำว่ายกเลิกจะไม่มีจะมีเพียงแต่ความสำเร็จ

    ผมขอเป็นกำลังใจให้กับทุกๆท่านและขอให้ทุกๆท่านนั้นรวมกำลังใจกับเป้าหมายเพื่อความสำเร็จนะครับ
     
  8. am12

    am12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    696
    ค่าพลัง:
    +7,701
    อีกสิ่งหนึ่งที่ท่านเจมส์ได้กล่าวถึงคือเรื่งของกรรมครับ
    กรรมนั้นคือการกระทำเมื่อเราได้กระทำสิ่งใดก็แล้วแต่เราย่อมได้ผลเช่นนั้นเม่อนหับการปลูกพืชดังมีความกล่าวที่เราได้ยินกันบ่อยๆหว่านพืชเช่นใดย่อได้ผลเช่นนั้นดังนั้นการที่เราทำดีประพฤติดีก็ย่อมส่งผลของการทำดีในทางกลับกันถ้าเราทำในสิ่งไม่ดีเราก็จะสะสมในสิ่งที่ไม่ดี ซึ่งกรรมนั้นอยู่บนกฏของธรรมชาติaction เท่ากับreaction เป็นสิ่งที่เราหนีไม่พ้น
    แต่การหว่านเมล็ดพืชเพียงอย่างเดียวไม่ใช่เป็นตัวที่จะยืนยันว่าต้นไม้นั้นจะโตจนเราได้ผลของมันหรือไม่ซึ่งสิ่งที่จะทำให้เป็นผลสำเร็จนั่นก็คือการรดน้ำพรวนดินให้ปุ๋ย ก็เหมือนกันกรรมเรื่องของกรรมหากเราปรารถนาผลของกรรมดีก็หมั่นดูตัวรู้ดูจิฝึกจิตรักษาจิตรักษาศีลและทำในสิ่งดีอย่างต่อเนื่องเพื่อทำนุบำรุงเมล็ดของกรรมดีให้ส่งผลเป็นกรรมดี
     
  9. เอ๋ปากน้ำ

    เอ๋ปากน้ำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    816
    ค่าพลัง:
    +12,905

    ต้องกราบขอขมาพี่นัยนะค่ะ จะกดอนุโมทนาบุญ มือไปโดนปุ่มไม่เห็นด้วย ต้องกราบขอขมา มา ณ ที่นี้ด้วยนะค่ะ (ไม่ทันระวังนะค่ะ )


    ต้องขอกราบอนุโมทนาบุญกับพี่นัย และทุกๆท่าน ด้วยค่ะ สาธุ สาธุ สาธุ

    จันทรกาล
     
  10. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ....

    ขออนุโมทนาบุญกับดร.นัทที่ช่วยสรุปธรรมะที่ท่าน Lopen Gembo Dorji ได้สนทนาธรรมในครั้งนี้

    นอกจากนี้ขออนุโมทนาบุญกับคุณ P็๊ํ้huya คุณ mooom คุณ Ta2498 คุณ Kao Oat น้อง ID_Idea ทั้งสอง น้อง Pakt้awadee น้องจันทรกาลด้วยค่ะ

    และคุณ Kokowalk ที่เดินทางจากแดนใต้ เพื่อมากราบท่านเจมส์โบในครั้งนี้


    การเดินทางมาเมืองไทยครั้งนี้ ท่านต้องการมาพบหมู่คณะของเราโดยเฉพาะ เพื่อได้สนทนาธรรมอย่างเป็นกันเอง

    บางท่านอาจจะมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการฉันภัตตาหารของท่าน เหตุใดจึงไม่แยกโต๊ะอาหาร และฉันรวมกับญาติโยม

    ด้วยการปฏิบัติของพระลามะทางธิเบตหรือภูฏานก็ตาม ท่านมีความแตกต่างจากพระภิกษุฝั่งบ้านเรา สามารถจับต้องสตรีได้ ฉันข้าวร่วมกับฆราวาสได้ เพราะเน้นการปฏิบัติเป็นไม่ฝืนธรรมชาติ แต่ทุกรูปยังคงประพฤติพรหมจรรย์อยู่ไม่ต่างกับพระบ้านเรา เพียงแต่จริยาภายนอกดูคล่องแคล่วกว่า ภายนอกอย่างไร ภายในเป็นอย่างนั้น


    ตัวดิฉันเองยอมรับว่า เคยเข้าใจผิดเกี่ยวกับพระภิกษุสายมหายาน โดยเฉพาะสายพุทธตันตระ จากการที่อ่าน และศึกษาจากตำราทีี่เราได้อ่านทั่วไปนั้น เพียงผิวเผิน และคนจะเข้าใจความหมายไม่ถูกต้องนัก

    แต่เมื่อมาได้สัมผัสจึงทราบว่า พุทธตันตระเป็นการฝึกที่ต้องเข้าใจธรรมชาติจิต และกิเลสที่สั่งสมในจิตมานานนับอสงไขยไม่ถ้วน


    คำว่า ตันตระ หมายถึงความต่อเนื่องไม่ขาดสายผู้ที่จะศึกษาด้านนี้จะต้องฝึกจิตขึ้นมาในระดับที่สูงขึ้น จะได้รับการถ่ายทอดจากผู้เป็นครูบาอาจารย์โดยตรง จะฝึกโดยไม่มีครูฝึกไม่ได้

    การสอนของท่าน Lopen Gembo ที่ดร.นัทได้นำเสนอจากขั้นต้นมานั้น เป็นเพียงขั้นพื้นฐาน ฝึกการกิริยาของจิต คล้าย ๆ การดูจิตของบ้านเรา แต่ในขั้นสูงขึ้นไป

    ท่านเคยกล่าวว่า หลังจากมีสติตัวรู้เกิดจะได้พบกับ Buddha Image หรือ Master คือ ครูผู้ฝึก จากนั้นจะมีการฝึกฝนต่อไป ซึ่งในขั้นนี้ ๑๐๐ คนจะผ่านมาเพียงไม่กี่คน ดูแล้วจะคล้ายการฝึกมโนมยิทธิมาก

    เมื่อไม่นานนี้ ครูบาอาจารย์ที่ไม่มีกายมนุษย์ได้ให้เรียนรู้จากท่าน Lopen Gembo เดิมทีคิดว่า การฝึกไม่ได้ยากอย่างที่คิด แต่เมื่อมาฝึกกับท่านอย่างจริงจังแล้ว ทำให้ทราบว่า ความรู้ของตัวเองแค่หางอึ่ง เพราะประเมินตัวเองแล้วไม่ผ่าน อิอิ..

    ท่านได้กล่าวว่า การฝึกสตินี้ ไม่เหมือนกับการฝึกโยคะ (ความหมายหมายถึงการฝึกเข้าฌาณ) เพื่อให้ได้มาซึ่งฤทธิ์เดช สุดท้ายสิ่งเหล่านี้ก็เสื่อมไป

    แต่การฝึกสตินี้ สามารถต่อยอดให้เกิดปัญญา จนสามารถบรรลุพระอรหันต์ได้ แม้แต่การบรรลุพระปัจเจกญาณ หรือพระสัมมาสัมโพธิญาณก็สามารถทำได้เช่นกัน

    ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านอีกครั้งค่ะ

    Numsai
     
  11. ธรรมวิวัฒน์

    ธรรมวิวัฒน์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    26,339
    กระทู้เรื่องเด่น:
    82
    ค่าพลัง:
    +115,286
    อนุโมทนาบุญกับท่านวิทยา พี่น้ำใส พี่หม่อน พี่เอ๋ และทุกท่านด้วยนะครับ

    อนุโมทนาในธรรมทานกับ ดร. นัท ด้วยนะครับ เป็นธรรมะที่อ่านแล้วเข้าใจง่ายดีนะครับ

    แต่ขนาดพี่น้ำใสยังทดสอบไม่ผ่าน ของผมยังคงอีกไกลนะครับ แต่จิตมันก็เป็นสิ่งที่น่าศึกษาและยังคงต้องเดินทางไกลไปตามความฝันนะครับ

    สุดท้ายขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านอีกครั้งครับ สาธุ สาธุ

    ธรรมวิวัฒน์
     
  12. Phuya

    Phuya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    608
    ค่าพลัง:
    +10,966
    ร่วมอนุโมทนาบุญ...การเป็นเจ้าภาพถวายภัตตาหาร และโรงทานก๋วยเตี๋ยว..
    ณ. วัดดอนธาตุ ต. อ.หนองหาน จ.อุดรธานี ระหว่างวันที่ ๑ - ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๕๗​


    อาณาบริเวณของ วัดดอนธาตุ เต็มไปด้วยความสงบและร่มรื่น เป็นศูนย์รวมของชาวบ้านอย่างแท้จริง

    [​IMG]


    ชาวบ้านตื่นเต้นกันมาก...กับการมีเจ้าภาพโรงทานก๋วยเตี๋ยว สำหรับพระภิกษุ สามเณร อุบาสก และอุบาสิกา ที่มาปฏิบัติธรรม
    ...เพราะทางวัดก็ไม่คาดคิดว่าจะมีผู้ร่วมเป็นเจ้าภาพได้ครบทุกวัน...ในขณะที่ชาวบ้านจะเดินมาดูที่ป้ายและร่วมอนุโมทนาบุญกันทุกๆวัน เช่นกัน

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ไปร่วมงานด้วยตัวเอง แค่เห็นภาพ และสัมผัสได้ถึงความดีใจของชาวบ้านจากปากของผู้ใหญบ้าน (คุณลำเนาไพร) ก็อิ่มอก อิ่มใจ ไปหลายวัน และมีความสุขทุกครั้งที่ได้ รวบรวมภาพและนำมาให้ กัลยานมิตรได้ร่วมอนุโมทนาบุญ .... ด้วยการตัดสินใจร่วมบุญ อย่างรวดเร็วเช่นนี้ จะต้องส่งผลให้ ผู้ร่วมบุญ ผู้ร่วมอนุโมทนาบุญ มีกินมีใช้ ไม่ขาดมือ มีความคล่องในทรัพย์ มีคนอุปถัมภ์ค้ำจุน คอยช่วยเหลืออยู่เสมอๆ ด้วยเทอญ

    ---
     
  13. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ขออนุโมทนาบุญกับคุณ phuya ที่ช่วยรวมภาพบุญถวายภัตตาหาร และโรงทานก๋วยเตี๋ยวมาให้ปลื้มปิติกันอีกรอบค่ะ

    สำหรับท่านที่เป็นเจ้าภาพภัตตาหารที่ต้องการใบอนุโมทนาบุญ ขอเวลาสรุปรายชื่อให้ทางวัด และจัดส่งให้ท่านภายในเดือนนี้ค่ะ

    ส่วนปัจจัยคงเหลือนั้น ทางวัดมีบัญชีธนาคารเพื่อการเกษตร และสหกรณ์(ธกส.) ไม่สามารถโอนผ่านอินเตอร์เน็ตได้ จึงต้องไปเข้าบัญชีของธนาคารโดยตรง เมื่อได้เรียบร้อยแล้วจะนำมาให้ทุกท่านร่วมโมทนาบุญอีกครั้งค่ะ

    ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านอีกครั้งค่ะ

    Numsai
     
  14. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ....การทรงอารมณ์มโนมยิทธิ..

    ขออนุโมทนาบุญกับน้องธรรมวิวัฒน์เช่นกันค่ะ ขออนุญาตเล่าประสบการณ์บางส่วน เพื่อเป็นธรรมทาน เรื่องนี้เป็นปัจจัตตัง โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน


    พี่เริ่มฝึกมโนมยิทธิมาตั้งแต่ปี ๒๕๔๙ จนถึงปัจจุบัน มีการพัฒนาในจิตในทางที่ดีขึ้นตามลำดับ เรื่องทิพยจักขุญาณ หรือญาณ ๘ อื่น ๆ มีการพัฒนาขึ้น

    ควบคู่กับการฝึกวิปัสสนาญาณตามแนวทางของพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุงได้สอนไว้ คือการพิจารณาร่างกาย พิจารณาโทษของขันธ์ ๕ พิจารณาความทุกข์ที่เกิดขึ้นในทุกขณะจิต

    การทรงสติในระหว่างวัน คือ การดูลมหายใจเข้า-ออก หรือดูการเคลื่อนไหวของจิต ไม่ได้ส่งจิตออกนอกกาย

    การใช้มโนมยิทธินั้น ในเวลาเช้าขึ้นไปกราบพระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์ และพระอริยเจ้าผู้เป็นครูบาอาจารย์

    จากนั้นก็ไปกราบครูบาอาจารย์ในสายพระฤาษีทุก ๆ รูปที่ปฏิบัติอยู่ในถ้ำ เป็นแหล่งรวมของครูบาอาจารย์ และไปกราบท้าวสักกเทวราช เพื่อขอพร

    หากไม่มีกิจในก็นั่งปฏิบัติตามแนววิปัสสนา หรือบางครั้งก็ฝึกเข้า-ออกสมาบัติ โดยไม่ได้ไปเที่ยวที่ใด ส่วนใหญ่การไปสถานที่อื่น เกิดจากพระ หรือครูบาอาจารย์ท่านสั่งให้ไป

    การทรงอารมณ์ที่ดี หากอยู่บนพระนิพพาน จะเห็นกายในของตนเองไม่มีิสีอื่นใด ภาพพระ หรือวิมานจะใสเป็นแก้วอยู่เสมอ กระแสบนพระนิพพานนั้นจะสงบ เยือกเย็น และเป็นสถานที่ปราศจากความกังวลใด ๆ


    ในการฝึกสายมโนมยิทธินั้น จิตจะต้องใสเป็นแก้ว อย่างน้อยแก้วเคลือบจึงจะใช้ได้

    ดังนั้น ผู้ที่ไม่ได้ฝึกมโนยิทธิให้ถึงในระดับสูงขึ้นจะคิดว่า เป็นการนึกเอา หรืออุปทาน บางท่านมีการวิพากวิจารณ์ว่า การพบพระพุทธเจ้าอาจจะเป็นมารมาหลอกได้ หรือไม่ได้ไปแดนพระนิพพานได้จริง เป็นการยึดเอาอุปทานของตน

    น่าเสียดายที่ท่านเหล่านั้น เอาแต่วิจารณ์แต่ไม่เคยฝึกอย่างจริงจังให้ถึงแก่น หารู้ไม่ว่า เป็นการปรามาสพระรัตนตรัยไปอย่างน่าเสียดาย

    เพราะสุดท้ายการฝึกมโนมยิทธิขั้นสูงนี้ ส่งผลให้ได้อภิญญาใหญ่เช่นเดียวกัน ครูบาอาจารย์ที่เป็นพระภิกษุในสายมโนมยิทธิไม่สามารถพูดกันตรง ๆ ได้ เนื่องจากติดในข้อพระวินัย เรื่องการอวดอุตริฯ


    ขอย้อนกลับมาเรื่องการฝึกมโนมยิทธิ หากเราศึกษาตามคำสอนของพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน(หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) ท่านกล่าวไว้ว่า ..

    "หากได้มโนมยิทธิแล้ว ต้องหมั่นไปกราบพระบนพระนิพพานทุกวัน ในระหว่างวันดูลมหายใจเข้า-ออก เพื่อทรงฌาณ เมื่อมีสิ่งใดเกิด จะทราบโดยไม่ต้องตั้งจิต

    หรือจับภาพพระให้ใสสว่างอยู่ตลอดเวลานะลูก หรือหากไม่เห็นภาพ ก็ให้รักษาศีลให้บริสุทธิ์ และนึกถึงพระนิพพานอยู่ตลอดเวลานะลูก "

    คำสอนต่าง ๆ เหล่านี้ ทำมิได้ขาด หากสงสัยเรื่องใด กลับไปเปิดหนังสือของหลวงพ่ออ่าน จะได้คำตอบทุกอย่าง ในการปฏิบัติทุกขั้นตอนที่ผ่านมา ได้รับคำตอบรับรองผลการปฏิบัติ ๒ ทางคือ

    ๑. หนังสือของหลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง เล่มใดเล่มหนึ่ง

    ๒. จากครูบาอาจารย์ในสายวัดท่าซุง เช่น ท่านพระครูวิลาศกาญจนธรรม (พระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ) วัดท่าขนุน , ท่านพระครูภาวนาพิลาศ (หลวงตา วัชรชัย อินทฺวํโส) วัดเขาวง หรือท่านจิตโต บ้านสบายใจ เป็นต้น


    ทำให้ความลังเลสงสัยในการปฏิบัติธรรมน้อยลง (แต่ยังไม่หมด) คิดว่า จะตั้งใจปฏิบัติในแนวทางมโนมยิทธิ และกรรมฐาน ๔๐ ของหลวงพ่อฯ ต่อไปจนกว่าจะละโลกนี้

    หลายครั้งที่ได้พบครูบาอาจารย์ในสายอื่น ๆ ที่พยายามจะฝึกกรรมฐานให้ แต่เนื่องจากไม่ตรงกับจริตตนเองจึงรับเพียงอุปัฏฐาก แต่ไม่ได้ปฏิบัติธรรมฐานกับท่านเหล่านั้นอย่างจริงจัง

    พิจารณาในการปฏิบัติของตนเอง ก็พบว่า มีการพัฒนาทางจิตขึ้นตามลำดับ ยิ่งควบคู่กับการเจริญวิปัสสนา ยิ่งทำให้ความชัดเจนแจ่มใสขึ้น

    การยืนเดินนั่งนอน มีเพียง ๒ อย่างคือ หากไม่จับภาพพระพุทธเจ้า หรือพระนิพพาน ก็จะดูลมหายใจเข้า-ออกตลอดเวลา หรือบางวันถ้ามีอารมณ์ขมุกขมัวตอนเช้า จะใช้วิธีต่าง ๆ เพื่อขจัดอารมณ์ไม่ดีออกไปคือ

    ๑. ภาวนาคาถาบารมี ๓๐ ทัศน์ คือ

    อิติปาระมิตา ติงสา อิติสัพพัญญูมาคะตะ
    อิติโพธิมนุปปัตโต อิติปิโสจะเตนะโม...

    ๒. หากยังไม่หาย ภาวนาคาถามณีจักรวาล

    โอมมณีจักกะวาลัง กุละกุลัง สวาโหม


    ภาวนาไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะมีแสงสว่างออกจากจิต ความกังวลใจ ต่าง ๆ หายไป จากนั้นจึงตั้งจิตขึ้นไปกราบพระบนพระนิพพาน และกราบครูบาอาจารย์เป็นปกติ

    เมื่อมีสิ่งใดเกิดขึ้นจะทราบขึ้นมา โดยไม่ต้องตั้งจิตดังการสมาทานพระกรรมฐานทุกประการ


    การฝึกมโนมยิทธินั้น ต่างจากการฝึกในสายอานาปานสติเพียงอย่างเดียว

    เนื่องจากเป็นการฝึกอานาปานสติ +อาโลกสิน+พุทธานุสติ ทำให้การรู้เห็นในสภาพความเป็นทิพย์ย่อมมีความแตกต่างกัน และผู้ที่ฝึกสายมโนมยิทธิได้ ย่อมเป็นผูัที่เคยฝึกมาแต่กาลก่อน


    เหตุของการฝึกแนวพุทธตันตระ เนื่องจากวันหนึ่งก่อนที่หลวงปู่เกษรีจะเข้าสมาบัติ ท่านได้บอกว่า ..

    "ต่อไปลูกต้องฝึกสมาธิกับพระภูฏานนะ ท่านจะมาเป็นครูอาจารย์ต่อจากหลวงปู่อีกที"


    เดิมทีไม่ค่อยเข้าใจสิ่งที่ท่านกล่าวเท่าใดนัก ต่อมาก็ได้มีโอกาสได้สนทนาธรรมทางเมลล์กับท่านเจมส์ ตอนนั้นก็คิดว่า เพียงแลกเปลี่ยนความรู้กันเท่านั้น ไม่ได้คิดจะฝึกสมาธิกับท่านอย่างจริงจัง เพราะตั้งใจว่า จะไม่เปลี่ยนสายปฏิบัติ ตราบใดที่ยังไม่สำเร็จกรรมฐาน ๔๐ (อิอิ อัตตาเต็มกำลัง)

    จนกระทั่งท่านเขียนข้อความในอีเมลล์ว่า..

    "I have one request too. Please do not throw my mail away after reading once. Read again and again because I am also not good in English and so I have taken hours to write the mail.

    And as usual, you are most welcomed to share the mail with your close friends if they are interested.


    รู้สึกผิดที่เอาแต่ถาม และไม่ได้ปฏิบัติตามที่ท่านสอนอย่างจริงจัง จากนั้นเริ่มศึกษาข้อมูลทางอินเตอร์เน็ต ยิ่งรู้สึกไม่อยากฝึก เพราะข้อมูลต่าง ๆ ทำให้คิดว่า เรากำลังจะเดินถอยหลังเข้าคลองหรือเปล่า ความลังเลสงสัยกลับมา เมื่อความลังเลสงสัยเกิด ความฟุ้งซ่านก็กลับมา

    มีต่อ..
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 พฤษภาคม 2014
  15. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ..คำสอนของ Lopen Gembo..

    Dear Phuttara,

    Seeing or meeting Buddhas, Bodhisattvas and Arhats who had passed away is possible when we attain certain level of enlightenment. There are several practitioners in Bhutan who can but we don't tell.

    Any way, enlightenment means seeing the nature or state of our own mind or consciousness. It is not difficult. Only you need is little effort.

    When you and your friends have time, you can try these methods if you wish. Sit comfortably on a seat or on the ground with your back straight. Take a deep breath and then exhale.

    Then keep your eyes and mouth slightly open, breath normally and let your mind rest.

    Free your mind from all thoughts and also emotions generated from earlier thoughts. Just watch your mind and experience the clear and peaceful state. Slowly your unconscious mind will become conscious and your ordinary conscious mind will turn to supreme

    consciousness. This will lead to generation of wisdom. If you or your friends cannot sit properly, then you can place a Buddha image on a low table in-front and watch the image. Just watch with a little concentration.

    Sincerely,
    Gembo


    _________________________

    Dear Phuttara,

    Oh great! If you want me to tell you things all masters tell and also what is written in the Sutra, then it is the 84,000 methods or teachings. But practically, it is just watching your mind and emotion. Let thoughts (good or bad) come to your mind and generate or turn into emotions (anger, desire, delusion, pride and envy). These five also ultimately consolidates into the root cause of the whole cycle of suffering (Samsara) - ignorance.

    So, once again, just generate awareness and watch your mind. Thoughts will come to your mind. It is okay and therefore let thoughts come of past, future or present. Thoughts will generate emotions for example anger, attachment etc. It is again just natural and nothing serious or bad. You just be aware of your own thoughts and emotions. Breathe gently with your mouth slightly open and your backbone upright. This way, you will become master of yourself one day.

    By the way, someone who has seen the state or nature of his or her own mind (his or her ordinary consciousness) is called Buddha. That is the stage or state when you achieve enlightenment.

    I have one request too. Please do not throw my mail away after reading once. Read again and again because I am also not good in English and so I have taken hours to write the mail.

    And as usual, you are most welcomed to share the mail with your close friends if they are interested.


    ___________________________________

    ขออภัยที่ไม่ชำนาญในการแปลภาษานะคะ อ่านพอรู้เรื่อง แต่ให้ท่านผู้รู้(ดร.นัท) มาแปลดีกว่าค่ะ

    สำหรับจดหมายฉบับเรื่องเล่าเรื่องพระองค์ที่ ๑๐ ให้ท่านอ่าน และถามว่าที่ภูฏานมีพระผู้ทรงอายุยืนหรือไม่

    ส่วนฉบับที่สอง กราบเรียนท่านเรื่องการปฏิบัติตามสายมโนมยิทธิ ค่ะ

    ยังมีต่อนะคะ

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 พฤษภาคม 2014
  16. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ..อรูปราคะ -ด่านทดสอบสุดโหด...

    ต่อ...

    ต่อมาหลังจากนั้น ไม่นานนักเกิดการเห็นภาพในอดีตอย่างต่อเนื่องโดยไม่ได้ตั้งใจ ต่อมาก็ได้ยินเสียงเรื่องเล่าเหตุการณ์ในอดีต พร้อมภาพปรากฏ รวมทั้งความรู้สึกที่เกิดขึ้นจริง และรู้สึกทุกข์แสนสาหัสที่ได้ยินเสียง หรือเห็นภาพนั้น

    คิดว่า เรากำลังเจอสิ่งทดสอบ เดิมทีจะเกิดขึ้นเวลาเข้ากรรมฐาน ภายหลังสามารถรับรู้ และรู้สึกได้ในเวลาไม่ได้นั่งสมาธิ หลังจากสำรวจจิตแล้ว คล้ายถูกดึงดูดให้เข้าไปรับรู้อารมณ์การเกิดดับต่าง ๆ ในจิตแบบละเอียด

    เคยลองไม่สนใจ บางครั้งจะแอบหนีเข้าฌาณ ปรากฏว่า มีกระแสที่เชื่อมต่อเข้ามาไม่ให้สามารถทรงกำลังฌาณได้นานเหมือนที่ผ่านมา

    ตอนนั้นรู้สึกเป็นทุกข์ พยายามดูจิตตนเอง กลับไม่ได้ขุ้นมัวเหมือนความรู้สึก จึงคิดว่า สิิ่งเหล่านี้ต้องมีเหตุแน่นอน


    ต่อมาเมื่อวันที่ ๑๔ เมษายน ๒๕๕๗ ช่วงนี้เป็นช่วงสงกรานต์ได้ไปทำบุญที่วัดสระเกศ (ภูเขาทอง) กรุงเทพฯ หลังจากนำกระดิ่งไปบูชาพระเจดีย์ และกราบพระบรมสารีริกธาตุ ลงมาที่บริเวณหลวงพ่อโตได้สรงน้ำพระ และถวายสังฆทานแล้ว

    ตั้งใจกราบขอพรหลวงพ่อโตก่อนไปวัดอื่นต่อ จากนั้นได้อธิษฐานต่อหน้าองค์พระว่า...

    "ลูกตั้งใจประพฤติปฏิบัติตามคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างต่อเนื่อง ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ลูกไม่สามารถทราบสาเหตุว่า ทุกข์นี้เกิดจากอะไร

    ขอให้หลวงพ่อโตฯ ได้โปรดสงเคราะห์ให้ลูกได้ทราบเหตุแห่งทุกข์โดยไม่ทราบสาเหตุด้วยเถิดเจ้าค่ะ"


    จากนั้นได้ก้มลงกราบยังไม่ทันครบ ๓ ครั้ง มีเสียงมาจากที่สูงเหนือหลวงพ่อโต(พระพุทธรูป) ด้านซ้ายมือว่า...

    "สิ่งนี้เขาเรียก "อรูปราคะ" ลูก ถ้าใครได้พบ หากยังไม่ปรารถนาจะเข้าพระนิพพานชาตินี้จะผ่านได้ยาก ยกเว้นผู้ปรารถนาจะเข้าพระนิพพานก็สามารถผ่านไปได้"

    เมื่อสิ้นเสียง จึงตั้งจิตอธิษฐานขอเห็นภาพว่า เป็นเทวดาองค์ใดสงเคราะห์อยู่ เมื่ออธิษฐานจบ เห็นพระมหาเถระรูปหนึ่ง ลอยอยู่กลางอากาศในรูปพระสงฆ์(ขอสงวนนามของท่าน)


    จึงตั้งจิตก้มกราบท่าน ท่านได้กล่าวต่อไปว่า....

    "อรูปราคะ จะดึงเอากิเลสส่วนละเอียดในจิตที่ฝังในกมลสันดานของเรา หรือดึงสัญญาในอดีตที่ตกตะกอนนอนก้นอยู่ภายในให้ปรากฏขึ้น

    หากมีกรรมในอดีต จะปรากฏภาพ หรือเสียง จะต้องดูแต่อย่าเอาความรู้สึกเข้าไปจับต้องอารมณ์นั้น ให้ดูการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป

    ถ้าผู้ยังไม่ปรารถนาจะเข้าพระนิพพานนั้น ผ่านได้ยาก เพราะต้องเรียนรู้อารมณ์ต่าง ๆ อย่างละเอียด "


    การที่ได้กราบพระมหาเถระ แม้ด้วยกายละเอียด กลับทำให้ความทุกข์ในใจเบาบางลง เมื่อทราบว่า เหตุที่เกิดขึ้น เรียกว่า อรูปราคะ

    เมื่อเข้าไปค้นในตำรา ไม่มีเขียนละเอียด เพียงกล่าวว่า ติดในอารมณ์ความพอใจในอรูปฌาณ การแผ่เมตตา จัดอยู่ในอรูปราคะ เสียงยังคงได้ยินอยู่ กระแสยังคงรับรู้อยู่ พยายามดูจิตว่า อาจจะเป็นการกระทำของมารที่ขวางในการปฏิบัติ แต่เมื่อตรวจสอบโดยละเอียดไม่พบกายที่ว่า จึงมองได้อย่างเดียว คือ เรื่องของวิบากกรรม และกิเลสละเอียด



    เมื่อได้มีโอกาสได้พบท่านเจมส์ ได้รับความอนุเคราะะห์จากดร.นัท(คุณ am12) ได้สอบถามท่าน ท่านบอกว่า "สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นการเรียนรู้ ค่อย ๆ เรียนรู้ไป เมื่อเราทรงสติได้ครบถ้วนอาการเหล่านี้จะหายไป"


    เหตุที่สอบไม่ผ่าน ก็คือ เมื่อมีเสียง กระแส ความรู้สึก ไม่ได้เกิดขึ้นในเวลาปฏิบัติ เป็นอารมณ์ที่ละเอียด และเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา แต่จะสลับกันระหว่าง ความรัก กับความโกรธ(ความพอใจ ไม่พอใจ)

    เหมือนเวลาผ่านไปอย่างช้า ๆ เห็นอารมณ์ที่พุ่งมาละเอียด ทำให้เหมือนเราจมอยู่ในอารมณ์นั้น เมื่อก่อนที่ปฏิบัติ พี่จะใช้การเปลี่ยนอารมณ์ หรือออกจากอารมณ์นั้น เพื่อให้จิตสว่าง หรือจะภาวนาอย่างที่กล่าวข้างต้น ปรากฏว่า จะกลับไปทำอย่างเดิมไม่ได้ เหมือนมีสิ่งดึงดูดให้ต้องดูอารมณ์ที่เกิดขึ้นอย่างช้า ๆ ไม่ทราบเพราะเหตุใด เหมือนต้องทนอยู่กับสิ่งนั้น ตั้งแต่เกิดขึ้น มันตั้งอยู่ และดับไปอย่างทนทุกข์

    ซึ่งประเมินตนเองแล้ว ไม่ผ่าน ฮือ ๆ ๆ


    ทั้งหมดนี้ เป็นเพียงประสบการณ์ที่เกิดขึ้นค่ะ

    ขออนุโมทนาบุญกับน้องธรรมวิวัฒน์ และทุก ๆ ท่านด้วยค่ะ

    Numsai
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 พฤษภาคม 2014
  17. Giant 1

    Giant 1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    1,014
    ค่าพลัง:
    +9,211
    ขออนุโมทนาบุญในธรรมทานของคุณ Numsai ในครั้งนี้ด้วยครับ อ่านแล้วอดรำพึงรำพันกับตัวเองไม่ได้ว่า ขนาดท่านเจ้าเมือง คุณ Numsai ยังเจอบททดสอบที่เรียกว่า "อรูปราคะ" แล้วตัวเรายังไม่ถึงเศษเสี้ยวของท่านเจ้าเมือง... รู้สีกได้แบบอารมณ์เดียวกันกับคุณธรรมวิวัฒน์เลยครับ แต่ก็ไม่ได้ท้อแท้นะครับ แม้หนทางจะอีกยาวไกล ขอเพียงเรามีแรงใจและกำลังใจที่จะเดินไปให้ถึงเป้าหมาย ดังคำสอนของท่าน Lopen Gembo Dorji ที่ ดร. นัฐ (คุณ am12) ได้แปลไว้ มีใจความว่า
    ผมเชื่อว่าแม้จะเจอบททดสอบที่เรียกว่า "อรูปราคะ" หรืออื่นใดก็มิอาจทำให้คุณ Numsai และญาติธรรมทุกท่านที่กำลังเดินทางไปสู่เป้าหมายล้มเลิกเป้าหมายไปได้ ผมขอเป็นกำลังใจให้ทุกๆท่านด้วยครับ

    ขอขอบคุณ ดร.นัฐ (คุณ am12) ที่ช่วยแปลให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น และขออนุโมทนาบุญกับทุกๆท่านด้วยครับ

    [​IMG]
     
  18. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    สาธุ สาธุ สาธุ


    ขออนุโมทนาบุญกับคุณ Giant 1 เช่นกันค่ะ ทุกคนล้วนต่างอยู่บนเส้นทางแห่งการเรียนรู้ค่ะ ต่างที่มีกรรมเป็นของตนเอง น้ำใสเองก็มีกรรมเรื่องของความรัก


    เดิมทีหลังจากเกิดเหตุ เป็นเหตุให้จิตฟุ้งซ่าน นิวรณ์ทั้ง ๕ เรียงตัวกันมา เป็นระยะ ๆ พยายามดูอารมณ์เหล่านั้น เกรงว่าความดีต่าง ๆ ของตนเองจะเสื่อม

    ต่อมาขึ้นไปกราบพระ ท่านตรัสว่า "ผลกรรมที่เคยหนีจากคู่ครอง เพื่อออกประพฤติพรหมจรรย์ในอดีต เป็นเหตุให้ต้องพบบททดสอบนี้ เพื่อใช้กรรมในอดีต"

    เมื่อได้ทราบว่า เหตุเกิดจากวิบากกรรม ทำให้จิตคลายตัว และยอมรับในผลของกรรมนั้น เป็นเรื่องแปลกว่า...

    หลังจากนั้น การฝึกมโนมยิทธิกลับแจ่มใส ความรู้ต่าง ๆ ที่ไม่เคยรู้ก็ได้ทราบ จิตเริ่มกลับสู่สภาวะปกติ แม้ยังไม่ได้หายจากอาการเดิมเลยทีเดียว

    จากที่รับรู้ทางจิต สิ่งที่ท่านเจมส์ต้องการสื่อความหมายนั้น ท่านต้องการเตือนสติกับน้ำใสเช่นกัน เรื่องของการมองเป้าหมายในการเดินทาง

    เพราะในช่วงระหว่างการฝึก น้ำใสคิดจะลาเข้าพระนิพพานหลายครั้ง เพราะเห็นความทุกข์จากความรักอย่างแสนสาหัส

    จนกระทั่งพระพุทธเจ้าหลายพระองค์มาปรากฏ เพื่อเตือนสติ และประคับประคองจิตใจ จนผ่านช่วงเวลาแห่งห้วงความทุกข์นั้น ยกจิตตนเองขึ้นมาสู่ในระดับปกติ


    ขออนุโมทนาบุญกับคุณ Giant 1 อีกครั้งค่ะ

    Numsai
     
  19. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ..วิธีแยกจิตออกจากกายทำได้อย่างไร..

    ขออนุโมทนาบุญกับน้องธรรมวิวัฒน์ด้วยค่ะ ขออนุญาตนำมาทบทวนเรื่องการแยกจิตกับกาย เพื่อที่หลายท่านกำลังฝึกมโนมยิทธิ ได้นำไปปฏิบัติ

    คำสอนของครูบาอาจารย์จะต้องอ่านหลาย ๆ ครั้ง เพราะการอ่านแต่ละครั้ง จะได้ความรู้ไม่เหมือนกัน หากเราปฏิบัติไ่ม่ถึง ย่อมไม่เข้าใจในสภาวะที่ท่านพูดเวลานั้น

    แต่เมื่อเราทำไม่หยุด ไม่ยอมแพ้ วันหนึ่งจะเข้าใจในคำสอนนั้น ๆ

    ขออนุโมทนาบุญกับคุณธรรมวิวัฒน์อีกครั้งค่ะ

    Numsai

     
  20. Miss Brown

    Miss Brown เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,779
    ค่าพลัง:
    +19,376
    ช่วงนี้อาจารย์พี่น้ำใสติวเข้มนะคะ
    เข้ามาแซวเล็กน้อย อิอิ พอหอมปากหอมคอนะคะ
    และขอเป็นกำลังใจให้ท่านพี่ผ่านพ้นอุปสรรคทุกอย่างไปให้ได้ค่ะ
    ขออนุโมทนาบุญในธรรมทานของพี่น้ำใส คุณ am12 และคุณชายธรรมวิวัฒน์ทุกประการค่ะ
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...