พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. ตั้งจิต

    ตั้งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,574
    ค่าพลัง:
    +5,485
    (ในสมัยหนึ่ง) หากคุณหนุ่มสวมใส่เสื้อ arrow แล้ว คุณหนุ่มก็จะได้เป็นเอกลักษณ์แห่งเอกบุรุษเชียวละครับ
    (smile)
     
  2. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    ท่านแนะ และเน้นย้ำมาก คือเรื่อง "กสิณ" โดยเฉพาะ"กสิณไฟ"นี้ สามารถนำไปรักษาโรคภัยไข้เจ็บได้

    หากมีโอกาสจะให้ช่างมาวาดภาพจากสมาธิ ๔ ภาพด้วยกัน ครั้งแรกเห็น ๑ ภาพที่ประทับใจเดือนก.พ. ๒๕๔๘ ครั้งที่ ๒ เห็น ๓ ภาพที่ประทับใจมากวันที่ ๑ ธ.ค. ๒๕๕๐ ล้วนเป็นภาพที่สวยงามมาก และเห็นตรงกันกับผู้ได้กรรมฐานแล้วมากกว่า ๑๐๐ ท่าน
     
  3. chaipat

    chaipat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2007
    โพสต์:
    1,282
    ค่าพลัง:
    +11,099
    ก็จริงครับ พยายามอยู่ครับ
    รักเดียว ใจเดียว รักจริง

    เวลาพี่ใหญ่ท่านพูด ใจไหว ใจไหว กลายมาเป็นอยากจะได้ไปซะงั้น
    คราวนี้จะพยายาม คงที่ นิ่งๆ ครับ
    ดูซิ ใจจะไหวไหม สาธุครับ
     
  4. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    หนึ่งในภาพที่เห็นครั้งล่าสุด คืออันนี้ คำสอนนี้เคยได้ฟัง แต่ขณะเจริญกรรมฐานไม่ได้ไปนึกถึงในประเด็นนี้ แต่กลับได้เห็นภาพนี้จากคำสอนนี้ สวยงามมาก...

    หลวงพ่อพระราชพรหมยานสอนกรรมฐานเรื่องธัมมานุสสติถึงสมาบัติ
    <HR style="COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message --><TABLE width="100%" border=0><TBODY><TR><TD>ธัมมานุสสติถึงสมาบัติ <HR SIZE=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE width="100%" border=0><TBODY><TR><TD>ถ้าเรา เจริญธัมมานุสสติกรรมฐานใคร่ครวญพระธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อย่างนั้นมีผลแค่อุปจารสมาธิ แต่ว่าถ้าพิจารณาแล้วบวกวิปัสสนาญาณเข้าไปด้วย นานๆ เข้า กำลังก็จะรวมเข้าถึงปฐมฌาน ก็สามารถตัดกิเลสได้เหมือนกัน นี่เรามาพูดกันถึงว่า ทำอย่างไรถึงจะเป็น ฌาน ๔ หรือฌาน ๘ ได้</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top width=132>[​IMG]</TD><TD vAlign=top>อันดับแรก เรื่องตอนต้นเห็นจะไม่ต้องพูดกัน เราตั้งใจจับรูปพระพุทธเจ้าองค์ใดองค์หนึ่ง คือพระพุทธรูป ไว้เป็นนิมิตจากพุทธานุสสติกรรมฐาน การเจริญพุทธานุสสติกรรมฐานเป็นฌาน เรายึดถือพระพุทธรูปเป็นนิมิตอยู่แล้ว คราวนี้เราก็ถือพระพุทธรูปองค์นั้นเป็นพุทธานุสสติ ตั้งขึ้นไว้เป็นกสิณเดิม

    เวลาที่จะพิจารณาถึง ธัมมานุสสติ ท่านใ้ห้ตั้งจิตเพ่งไปคิดให้เห็นว่า มี ดอกมะลิแก้ว หล่นออกมาจากพระโอษฐ์ ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หรือพระพุทธรูปองค์นั้น นี่สร้างภาพเป็นภาพกสิณขึ้นมาว่าเป็นดอกมะลิแก้ว แล้วดอกมะลิแก้วนี้ถือว่าเป็นธัมมานุสสติ คือพระธรรมที่ไหลออกจากพระโอษฐ์ของพระพุทธเจ้า
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    นี่เขาจับนิมิตแบบนี้ แล้วขอบอกไว้เสีียเลยว่า การที่เห็นเป็นดอกมะลิแก้วไหลออกจากพระโอษฐ์ของพระพุทธเจ้านั้น คำว่าแก้วนี่ใส ใสก็เป็นได้สองอย่างคือ โอทาตกสิณ หรือว่าอาโลกสิณ ถ้าเราถือภาพเป็นสีใสก็เป็นอาโลกสิณ ถ้าเราถือว่าดอกมะลิแก้วนี่ขาวใส ใสแล้วก็ขาวก็เป็นโอทาตกสิณ แล้วเราก็จับภาพนั้น นึกถึงลมหายใจเข้าหายใจออก หายใจเข้าก็นึกว่า ธัม หายใจออกนึกว่า โม ภาวนาว่า ธัมโม แล้วจับภาพดอกมะลิแก้วนั้นให้ติดตาติดใจ เป็นปกติ

    ถ้าหากว่าจิตของเราเป็นอุปจารสมาธิเบื้องต้น ก็จะเห็นดอกมะลิแก้วตามที่อารมณ์นึก เห็นบ้างไม่เห็นบ้าง มันก็ย้อนกันไปย้อนกันมา พอจิตเลื่อนลงไปนิดหนึ่ง จิตไม่เป็นสมาธิ อารมณ์ที่จะรู้สึกว่าเห็นดอกมะลิแก้วมันก็หายไป นี่เป็นเครื่องวัด ถ้าอารมณ์ใจเป็นสมาธิขึ้นมา อารมณ์ที่เราต้องการเห็นดอกมะลิแก้วมันก็ปรากฏ ถ้าหากว่าเราชำนาญมาจากพุทธานุสสติกรรมฐาน ได้ฌาน ๔ หรือฌาน ๘ แล้ว เรื่องนี้ก็เป็นของไม่ยาก เราก็สามารถจะผลิตธัมมานุสสติกรรมฐานให้ได้ถึงฌาน ๘ ภายใน ๗ วัน

    เมื่อพิจารณาแบบนั้นแล้ว จิตเป็นอุปจารสมาธิทรงตัว ดอกมะลิแก้วจะหยุดอยู่ เรียกว่ากองลงมาหรือลอยอยู่ข้างหน้า หยุดอยู่โดยเฉพาะ เมื่อหยุดอยู่อย่างนั้น เราสามารถจะบังคับให้ทรงอยู่ได้นานแสนนานตามกำลังที่เราต้องการ นี่ยังเป็นสมาธิเบื้องต้น เขาเรียกว่าอุคหนิมิต อุคหนิมิตตัวนี้ต่อไป จะขยายไปมองเห็นแล้วปรากฏว่าเรานึกว่าดอกมะลิแก้วใหญ่ขึ้นไป หรือว่าเล็กลงมา สูงขึ้นต่ำลง แล้วมีความสดใสสวยกว่า เรียกว่า อุปจารนิมิต เห็นเท่าภาพเดิมที่เรานึกอยู่ว่าจะเห็น อย่างนี้เรียกว่าเป็นอุคหนิมิต ถ้าบังคับให้ภาพนั้นเคลื่อนไปได้ ใหญ่ได้ เล็กได้ ใสกว่า เป็นอุปจารนิมิต อุปจารนิมิตนี่มีความสดใสมากขึ้น จิตทรงตัวมากขึ้น ดอกมะลิแก้วจะใส ขยายใหญ่โต ตัวเป็นประกายพรึก

    เมื่อดอกมะลิแก้วเป็นประกายพรึกแล้ว นี่เรากำลังปฏิบัติธัมมานุสสตินะ ภาวนาว่า ธัมโม แล้วก็สังเกตอารมณ์ใจ ใจเราสามารถได้ยินเสียงจากภายนอกได้ชัดเจนแจ่มใส แต่ว่าเราไม่รำคาญในเสียง นี่แสดงว่านิมิตนั้นเป็นปฏิภาคนิมิต จิตเข้าถึง ปฐมฌาน องค์ภาวนายังคงภาวนาอยู่ ภาพดอกมะลิแก้วสดใสสวยกว่าปกติขึ้นมา แล้วทรงตัวได้นาน

    เมื่อภาวนาไปภาวนาไป อารมณ์แห่งการภาวนาหยุดเฉยๆ ดอกมะลิแก้วใสกว่าเดิม ผิดปกติขึ้นมาอีกเป็นประกายพรึกสวยกว่าเก่า อย่างนี้เป็นอาการของ ฌานที่ ๒ คำภาวนาหายไป มีความชุ่มชื่นปรากฏ

    ต่อไป ความชุ่มชื่นหายไป ลมหายใจน้อยลง รู้สึกว่าลมหายใจมันเบามากเกินปกติ หูได้ยินเสียงภายนอกเบาๆ แผ่วเบามาก แล้วก็มีอาการเครียด ตัวตึง มีความรู้สึกเหมือนกับตัวตึง นั่งตรง ถ้านอนก็เหมือนกับนอนตรงตึงตัวเข้าไว้ แต่เราไม่ได้เกร็ง ความรู้สึกเป็นยังงั้น สีของดอกมะลิแก้วสดใสเป็นกรณีพิเศษ ใสแพรวพราว บอกไม่ถูก มันจับใจ ใหญ่ได้ เล็กได้ เคลื่อนไปข้างหน้าได้ เคลื่อนไปข้างหลัังได้ เราจะให้อยู่สูงได้ อยู่ต่ำได้ รู้สึกว่ามีการคล่องตัวมากขึ้น อาการอย่างนี้เป็นอาการของ ฌานที่ ๓ ตอนนี้ภาวนาหายไปหมดแล้ว

    แล้วต่อมาดอกมะลิแก้วเป็นประกายพรึกหนาทึบ เป็นประกายแพรวพราว จับใจไม่ปรากฏลมหายใจ อย่างนี้เป็นอาการของ ฌานที่ ๔

    ต่อไปเมื่อจิตจับภาพเป็นประกายพรึกของธัมมานุสสติ คือดอกมะลิแก้วสดใส เป็นกรณีพิเศษ ทรงอยู่ได้นานแสนนาน เพราะว่าเราได้ฌานมาจากพุทธานุสสติกรรมฐานแล้ว เป็นของไม่ยาก โดยมากเขาทำกันวันเดียว หนเดียวเขาได้ฌาน ๘ เพราะว่าฌานเดิมมันเป็นฌาน ๘ มาแล้ว อารมณ์มันเป็นแบบเดียวกัน อย่างมากมันก็จะขลุกขลักอยู่ในวันแรก พอวันที่สองก็ตรงทางโผง ถึงฌาน ๘ ไป

    ที่กล่าวมาแล้วนี้เรียกว่ารูปฌาน เต็มฌาน ๔ แล้ว ต่อไปเราก็จะทำธัมมานุสสติกรรมฐานให้เป็นฌาน ๘ ก็จับอรูปตั้งภาพนิมิต คือดอกมะลิแก้วที่เราคิดว่า เป็นพระธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้นให้ทรงตัวอยู่มีอารมณ์จับนิ่ง เมื่อนิ่งพอ จิตสบายเป็นอุเบกขารมณ์ จิตขยับนึกว่าภาพนี้จงหายไป ขออากาศจงปรากฏอากาสานัญจายตนะ พิจารณาว่า เวลานี้ไม่มีอะไร ภาพหมดไปแล้ว มีแต่สภาพว่างเหลือแต่อากาศ ขึ้นชื่อว่าอากาศนี้หาที่สุดมิได้ ไม่มีอะไรทรงตัว

    ชีวิตของเราก็เหมือนกัน ถ้ายังหลงอยู่ในรูป รส กลิ่น เสียง และสัมผัสอยู่ มันก็จะมีแต่ความทุกข์ หาที่สุดมิได้ นี่มันใกล้วิปัสสนาญาณเข้าไปเต็มที แต่มันยังไม่ถึง ถ้าหากว่าเรายังมีตัวอยู่อย่างนี้ เราก็พบความทุกข์หาที่สุดมิได้ ความร้อน ความหนาว ความกระหาย ทุกข์ภัยต่างๆ ที่เกิดมาก็เพราะอาศัยร่างกายเป็นสำคัญ นับตั้งแต่นี้ไป เราไม่ต้องการร่างกาย เราไม่ต้องการอะไรทั้งหมด ขึ้นชื่อว่าขันธ์ ๕ เป็นที่รับแห่งทุกข์ทั้งปวง เราไม่ต้องการ ต้องการอย่างเดียว ความหมดไปจากขันธ์ ๕ มีสภาพเหมือนอากาศ จิตใจมันก็จะทรงตัวมีความปกติ จิตนิ่งเป็นอารมณ์ของฌาน ๔ จิตทรงความสบายเป็นฌาน ๔ ได้ตามอัธยาศัย อย่างนี้เรียกว่าได้ อากาสานัญจายตนะฌาน

    เมื่อได้อากาสานัญจายตนฌานพิจารณาอากาศแล้ว ต่อไปก็ขยับขึ้นไปอีกนิดหนึ่ง ขึ้นไปวิญญาณัญจายตนฌาน พิจารณาว่า ขึ้นชื่อว่าวิญญาณ ถ้ายังทรงสภาพอยู่ มันก็ยังรับรู้สภาวะของความสุขหรือความทุกข์ เราไม่้ต้องการให้วิญญาณทรงสภาพ จับเป็นกลุ่มเป็นก้อน ต้องการให้วิญญาณนี้สลายไปเหมือนอากาศ มันจะได้ไม่มีความรับสัมผัสใดๆ ทั้งหมด แล้วอารมณ์จิตก็ตั้งเพ่งไปเฉพาะข้างหน้า เห็นภาพของวิญญาณ โดยนิมิตจับขึ้นแล้วกระจายวิญญาณให้สลายตัวไป ไม่มีอะไรเหลือ ถ้าอารมณ์อย่างนี้มันทรงอยู่ จิตได้ถึงฌาน ๔ ก็ชื่อว่าเราได้ วิญญาณัญจายตนฌาน

    ตอนนี้อากิญจัญญายตนฌาน อรูปฌานที่ ๓ จับภาพกสิณตั้งขึ้น ภาพกสิณนี่มีสภาพเหมือนกับสภาพของจิต ขึ้นชื่อว่าขันธ์ ๕ ก็ดี เราว่ายังงั้น วิญญาณก็ดี ถ้ามันยังมีอยู่ตราบใด มันก็ใช้ไม่ได้ มันก็จะประสบกับความทุกข์ ต่อไปนี้แม้แต่วิญญาณนิดหนึ่งก็จะไม่ปรากฏสำหรับเรา อากิญจัญญายตนะ แปลว่าไม่มีอะไรเลย เราเป็นผู้ไม่มีอะไรเหลือแม้แต่นิดเดียว แม้แต่ความรู้สึกนิดหนึ่งมันก็จะไม่ปรากฏ จิตทำลายภาพกสิณให้หายไป คือภาพดอกมะลิแก้วให้หายไป มีแต่อากาศว่างเปล่า จิตมีความสุข เพ่งอยู่เสมอว่า เราต้องการไม่มีรูป ไม่มีสภาพแบบนี้ เราจะไม่มีทุกข์ นี่ถ้าจิตทรงถึงฌาน ๔ แล้วก็ชื่อว่าเราได้ฌาน ๗ อากิญจัญญายตนฌาน แล้ว

    อรูปฌานที่ ๔ ว่าเนวสัญญานาสัญญายตนะ หวนกลับมาจับกาย จับวิญญาณ จับจิต จับร่างกายของเรา ว่าเวลานี้เรายังมีร่างกายอยู่ มันรับทุกข์ เรามีอายตนะมันรับทุกข์ เรามีวิญญาณ เรายังมีอาการรับสัมผัส มันรับทุกข์ ไม่ใช่รับสุข ชีวิตของเรามันไม่มีการรับสุข มันรับแต่ทุกข์ ต่อไปนี้ถึงแม้ว่าเรายังจะอยู่ในร่างกายนี้ก็ตามที เราจะทำความรู้สึกเหมือนว่าเป็นคนไม่มีสัญญา เนวสัญญานาสัญญายตนะ ท่านบอกว่ามีสัญญาและมีอายตนะแต่ทำเหมือนคนไม่มีสัญญา ทำเป็นเหมือนคนไม่มีอายตนะ

    อายตนะก็ได้แก่ ตาหู จมูก ลิ้น กาย ใจ สัญญาก็ได้แก่ความจำ จำ่ว่านี่หนาว นี่ร้อน นี่เปรี้ยว นี่เค็ม นี่เผ็ด นี่อุ่น อะไรก็ตาม มันจำได้ สัญญาแปลว่าความจำ ตอนนี้ไม่อยากจะจำ ปล่อย มันจะร้อนมา มันจะหนาวมา มันจะยังไงก็ช่างหัวมัน ทำเหมือนกับคนตายแล้ว ทำเหมือนคนไม่รู้สึกแล้วจิตมันก็ทรงได้ มันจะหนาว มันจะร้อน มันจะหิว มันจะกระหายก็ตาม ฉันไม่หิวด้วย แกอยากหิวก็หิว ฉันไม่หิว จิตมันอยู่ในความสงบ อันความหิวมันก็ไม่เกิด เมื่อหนาวมาจริงๆ เอ้ามันจะยังไงก็ช่าง ฉันไม่หนาว เอาจิตเข้าไปตั้งฌาน ๔ มันก็ไม่หนาว

    เรียกว่ามีสัญญาเหมือนกับไม่มีสัญญา มีวิญญาณ เหมือนกับไม่มีวิญญาณ มีอายตนะ ตาเห็นรูป หูฟังเสียง รูปสวยเสียงเพราะฉันไม่สนใจ รูปไม่สวยเสียงไม่เพราะฉันไม่สนใจ รสอาหารมันจะเป็นยังไงฉันไม่สนใจ มีอายตนะแล้วทำเหมือนไม่มีอายตนะ ตาเห็นรูปเหมือนไม่เห็น เห็นแล้วก็ไม่มีความสนใจ ว่าไอ้พวกนี้มันสลายตัวหมด ต่อไปมันก็ไม่มี นี่มันใกล้วิปัสสนาญาณมาก ฉะนั้น พวกที่ได้สมาบัติ ๘ จึงเจริญวิปัสสนาญาณไม่เกิน ๑ อาทิตย์ ได้อรหัตผล และเป็นปฏิสัมภิทาญาณ นี่พิจารณาตามนี้จนจิตชิน ก็ชื่อว่าเราได้ เนวสัญญานาสัญญายตนะ

    มันก็ไม่ยากเพราะเราพูดกันมาถึงพุทธานุสสติมาแล้ว การระงับนิวรณ์ การทรงเมตตา การทรงพรหมวิหาร ๔ การทรงศีล เราพูดกันมาแล้ว แล้วเราก็ได้พุทธานุสสติกรรมฐานเป็นสมาบัติ ๘ มาแล้ว แล้วเรื่องอะไรล่ะจะต้องมานั่งคลำธัมมานุสสติกรรมฐานกันถึง ๗ วัน เขาคลำกันไม่เกิน ๓ วัน เป็นอย่างช้า คือวันแรกขลุกขลักนิดหนึ่ง วันที่สองเอาไปกินเสียแล้ว วันที่สามซ้อมให้มีการทรงตัว แล้วหลังจากนั้นเขาจับสังฆานุสสติต่อไปถึงฌาน ๘ อีก

    นี่เป็นวิธีการที่จะพึงรู้ เป็นหลักวิชา แต่ว่าหลักวิชาจริงๆ อนุสสติท่านบอกว่าให้ใช้ได้แต่เพียงอุปจารสมาธิเท่านั้น นี่ตามแบบอนุสสติเดิม ตอนนี้เราก็มาดัดแปลงแก้ไขให้เกิดเป็นฌานได้ มันจะเป็นไรไป ไม่ผิด ก็เอาอนุสสติมาเป็นกสิณเสียมันก็หมดเรื่องกันไป นี่เขาทำกันได้แล้วจิตมันก็ทรงตัวดี ถ้าจิตมีความมั่นคง แล้วได้ถึงสมาบัติ ๔ หรือสมาบัติ ๘ แล้ว เวลาจะเจริญวิปัสสนาญาณมันก็เป็นของง่าย มันไม่มีอะไรจะยากนี่จำไว้เป็นพื้นฐาน ว่าเราสามารถดัดแปลงอนุสสติเป็นกสิณได้ เป็นกสิณแล้วก็ถือเอาพระธรรม เอาพระพุทธ เอาพระสงฆ์ เอาเข้ามาเป็นกสิณนั้นเอง เมื่อเป็นกสิณแล้วเราก็ทำฌาน ๔ ให้เกิดขึ้นได้ อย่าว่าแต่ฌาน ๔ เลย ฌาน ๘ ก็ย่อมได้ นี่การมีสมาธิจิตทรงตัวมันดีอย่างนี้
    จากหนังสือ กรรมฐาน ๔๐ หลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี [​IMG]
    ที่มา
    http://www.geocities.com/4465/samadhi/4032.htm

    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  5. chaipat

    chaipat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2007
    โพสต์:
    1,282
    ค่าพลัง:
    +11,099
    แต่ตาดีชะมั้ง มองพระเป็น มองท่านออก
    แบบนี้ยังอย่างนี้ ทำต่อไปนิด ติดบินแล้วครับ

    ก็เห็นบอกว่า "พี่หนุ่มจะเอาให้บินได้ มิใช่หรือครับ"

    แต่ก็ยังไม่ยอมบินเองนะ จริงๆ นะครับ
    เมื่อเห็น เมื่อนั้น ก็เมื่อนั้นครับ

    สาธุครับ
     
  6. narongwate

    narongwate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    885
    ค่าพลัง:
    +3,840
    ถาม - ตอบปัญหาธรรม หลวงพ่อพุธ ฐานิโย

    ถาม เมื่อตอนที่เรียน เคยกล่าวล่วงเกินพระอริยสงฆ์องค์หนึ่งท่านมรณภาพไปแล้วด้วยความคะนองปาก ปัจจุบันเวลานั่งสมาธิจะขออโหสิกรรมจากท่านทุกครั้ง ไม่ทราบว่าจะมีบาปกรรมถึงขนาดไม่มีโอกาสมองเห็นธรรมหรือไม่?
    ตอบ อันนี้ไม่เป็นอุปสรรคขนาดนั้น วิธีการขอขมาโทษ ขอขมาโทษลับหลังก็ได้ ต่อหน้าก็ได้ บางทีถ้าเราสำนึกถึงโทษ เมื่อท่านมรณภาพไปแล้วก็เขียนชื่อท่านแล้วก็ขอขมาโทษท่าน ถ้ามีรูปท่านก็ขอขมาต่อรูปท่าน ก็ถือว่าเป็นการหมดบาปหมดกรรม ถ้าท่านเป็นอริยสงฆ์จริงๆ ท่านก็ไม่ผูกกรรมทำเวรกับใคร


    น้องโอ๊ต
    ที่มา http://mahamakuta.inet.co.th/practice/mk723.html
     
  7. chaipat

    chaipat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2007
    โพสต์:
    1,282
    ค่าพลัง:
    +11,099
    ไฟ เป็นสิ่งที่ผม กลัว มากที่สุด
    เวลาที่ฝันทีไร ได้เรื่องทุกครั้งไป มีการเปลี่ยนแปลงโยกย้ายเรื่อยครับ และทันที รวดเร็ว ใจเป็นทุกข์เสมอมาครับ

    แต่ถ้าสามารถรักษาโรคได้ด้วย เนี้ย
    ถ้าใจได้ที่ ก็จะทำครับ เพราะสามารถช่วยคนอื่นได้ ช่วยเราได้

    ก็สู้ครับ แต่ตอนนี้กลัวครับ
    สาธุครับ
     
  8. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    การเจริญพระกรรมฐาน หรือสวดมนต์ หากเริ่มด้วย"บทขอขมาพระรัตนตรัย"ก่อน เหมือนการเตรียมจิตให้สงบนิ่ง สำรวม พระท่านจะเมตตาเราเป็นพิเศษ ผลจากการปฏิบัตินี้เราเห็นว่าแตกต่างจากคนอื่นเขา ตรงที่พระพุทธเจ้ามาประทับบนศีรษะเรามากกว่าคนอื่นเขา ทดลองปฏิบัติกันดูนะครับ ความสำคัญคือการเตรียมสภาวะจิตเพื่อสามารถให้เข้าถึง...
     
  9. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    สิ่งใดที่เคยล่วงเกินกันมา พี่ขออโหสิกรรม ขออโหสิกรรมทุกอย่างที่ได้เคยล่วงเกินมาด้วยความรู้ก็ดี ไม่รู้ก็ดี ด้วยกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ทุกภพทุกชาติตั้งแต่ต้นจนเวลานี้...ขออโหสิกรรมด้วยครับ
     
  10. chaipat

    chaipat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2007
    โพสต์:
    1,282
    ค่าพลัง:
    +11,099
    ขอให้สมกับความมุ่งปราถนาที่ดีครับ

    สาธุครับ ยินดียิ่งครับ
     
  11. narongwate

    narongwate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    885
    ค่าพลัง:
    +3,840
    ถาม - ตอบปัญหาธรรม หลวงพ่อพุธ ฐานิโย

    ถาม มโนมยิทธิ คืออะไรครับ?
    ตอบ มโนมยิทธิก็คือการฝึกสมาธิ การฝึกสมาธิอย่างที่เราฝึกอยู่นี่ ก็คือการฝึกมโนมยิทธิ แต่มโนมยิทธิเขามีวิธีการถ้าใครท่อง นะ มะ พะ ธะ แล้วตัวมันสั่นๆ นั่นคือมโนมยิทธิ ที่พวกปลุกพระนั้น เมื่อปลุกพระแล้วตัวสั่นขึ้นมานี่ไม่ให้เห็นนรก ไม่ให้เห็นสวรรค์ เพราะไม่มีผู้นำคือไม่มีผู้บอก
    มโนมยิทธินี่ใครคนหนึ่งมาภาวนา นะ มะ พะ ธะ พอรู้สึกว่า สั่นๆ ขึ้นนี่ เขาก็สังเกตุรู้แล้วว่า จิตกำลังเริ่มสงบสว่าง มีปิติเกิดขึ้นในช่วงนั้นเขาจะกรอกคำพูดคือคำสั่งเข้าไป เขาจะบอกว่า “ ทำตาให้สว่างมองไปไกลๆ แล้วจะเห็นโน่นเห็นนี่ “ แล้วเขาจะบอก ทีนี้พอบอกไปแล้ว ในขณะนั้นจิตของผู้ภาวนามันจะสะลึมสะลือครึ่งหลับครึ่งตื่น ไม่เป็นตัวของตัวเอง ลอยเคว้งคว้างอยู่ในเมื่อได้ยินคำสั่งแล้วจิตมันจะยึดคำพูดทันที พอจิตมายึดคำพูด ต่อไปผู้กำกับการแสดงสั่งไปอย่างไร จิตดวงนี้จะปฏิบัติตาม บอกว่าให้ไปข้างหน้าไปดูนรก หรือไปดูสวรรค์ แล้วผู้ภานาจะรู้สึกว่าเขามีกายเดินออกไปจากร่างของเขา แม้ว่าร่างนี้จะสั่นอยู่อย่างนี้ แต่ความรู้สึกในทางจิตของเขาเหมือนกับเขาเดินเที่ยวไปในที่ต่างๆ ไปดูนรกก็รู้สึกว่าไปเดินอยู่ที่ขอบปากหม้อนรกโน่นแหละ ไปดูสวรรค์ไปย่ำอยู่ที่ปราสาทวิมานของเทวดา ความรู้สึกของเขาจะเป็นอย่างนั้น อันนี้เป็นแบบฝึกสมาธิกับการสะกดจิต
    อย่างเราๆ นั่งสมาธิกันอยู่อย่างนี้ ถ้าหากว่าภาวนาพุทโธๆ ๆ เป็นต้น แล้วก็มีผู้คอยกล่าวนำ ให้ทำจิตให้สงบ ให้ทำจิตให้สว่าง กล่อมกันอยู่อย่างนี้ ในเมื่อจิตสงบสว่างแล้วจะเห็นโน่นเห็นนี่ แล้วกระแสจิตส่งออกไปข้างนอกจะเกิดภาพนิมิตขึ้นมาทันที ต่อไปถ้าหากสมมติว่าผู้ภาวนามีอาการสั่น ปิติกำลังเกิด ยิ่งสั่งให้ไปที่ไหนก็ไปได้ ไปดูอะไรที่ไหนได้ทั้งนั้น อันนี้คือมโนมยิทธิ มโนมยิทธิกับการฝึกสมาธิอย่างเดียวกัน อย่าว่าแต่มโนมยิทธิกับสมาธิก็ฝึกอย่างเดียวกัน แม้แต่พิธิเชิญวิญญาณเข้าประทับทรง ก็ฝึกอย่างเดียวกัน ผู้ที่เชิญวิญญาณเข้ามาทรง อย่างสมมติว่าจะทรงวิญญาณพระศิวะ เขาก็ให้นึกในใจว่า ศิวะๆๆ จนจิตสงบเป็นสมาธิ เมื่อจิตสงบลงเป็นสมาธิแล้วก็มีปิติ มีความสุขสบายเหมือนกัน กับเราทำสมาธิธรรมดาๆ เพราะความคิดและความตั้งใจจะเชิญวิญญาณมาประทับทรง จิตมันก็ส่งกระแสออกไปข้างนอก หลังจากที่เกิดความสงบแล้วก็มองหาตัววิญญาณประเดี๋ยวร่างของวิญญาณที่เราเรียกหานั้นจะปรากฏรูปร่างมายืนอยู่ต่อหน้า แล้วผู้ทำพิธีการเชิญนั้นก็จะน้อมจิตน้อมใจให้วิญญาณเข้ามาประทับทรง
    เมื่อวิญญาณเข้ามาถึงตัว นิมิตที่มองเห็นด้วยตาหายไป แต่ความรู้สึกภายในตัวจะมีความรู้สึกเหมือนหัวใจถูกบีบหน่วงไปทั้งตัว ปิติและความสุขซึ่งมีอยู่ก่อนนี้หายไปหมดสิ้น ความรู้สึกอันเป็นส่วนตัวนั้นก็หายไป จิตตกอยู่ในอำนาจของวิญญาณที่มาประทับทรงต่อไปนั้นแล้วแต่วิญญาณจะพาไป ให้สมาธิเหมือนกันหมด

    น้องโอ๊ต
    ที่มา http://mahamakuta.inet.co.th/practice/mk723.html
     
  12. narongwate

    narongwate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    885
    ค่าพลัง:
    +3,840
    สิ่งใดที่เคยล่วงเกินกันมา ข้าพเจ้าขออโหสิกรรมให้ ไม่ว่ากรรมนั้นจะเกิดจากกาย วาจา หรือใจก็ดี จะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ดี ขออโหสิกรรมทุกอย่างที่ได้เคยล่วงเกินกันมา

    โมทนาบุญด้วยครับ เอ(good)

    โอ๊ต
     
  13. narongwate

    narongwate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    885
    ค่าพลัง:
    +3,840
    <TABLE class=tborder id=post885321 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid"><!-- status icon and date -->[​IMG] วันนี้, 10:56 AM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right> #1 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>อธิมุตโต<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_885321", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    [​IMG]

    เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 11:05 AM
    วันที่สมัคร: Aug 2006
    สถานที่: วัฏฏะสังสารวัฏ
    ข้อความ: 1,544 <!-- Start Post Thank You Hack -->
    ได้ให้อนุโมทนา 4,175 ครั้ง
    ได้รับอนุโมทนา 8,874 ครั้ง ใน 1,380 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
    พลังการให้คะแนน: 1056 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


    </TD><TD class=alt1 id=td_post_885321 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- icon and title -->[​IMG] “หลวงปูสุภา” ปลุกเสกตุ๊กตาน้องปลอดภัยแจกรณรงค์ลดอุบัติเหตุภูเก็ตปีใหม่
    <HR style="COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message --><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>“หลวงปูสุภา” ปลุกเสกตุ๊กตาน้องปลอดภัยแจกรณรงค์ลดอุบัติเหตุภูเก็ตปีใหม่</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>25 ธันวาคม 2550 16:37 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=right width=1 height=1>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=middle background=/images/linedot_hori.gif height=1>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=left width=1 height=1>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=center align=middle width=1 background=/images/linedot_vert.gif>[​IMG]</TD><TD><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=center align=middle width=1 background=/images/linedot_vert.gif>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=right width=1 height=1>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle background=/images/linedot_hori.gif height=1>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=left width=1 height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=left height=12>[​IMG]</TD></TR><TR><TD bgColor=#cccccc><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=7 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>ศูนย์ข่าวภูเก็ต - จังหวัดภูเก็ตรณรงค์ลดอุบัติเหตุปีใหม่ นำตุ๊กตา “น้องปลอดภัย” ให้หลวงปู่สุภาพระเกจิชื่อดังอายุกว่าร้อยปี ปลุกเสกเพื่อความเป็นสิริมงคลก่อนแจกให้ผู้โชคดีร่วมปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด

    นายตรี อัครเดชา รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวภายหลังนำตุ๊กตา “น้องปลอดภัย” รูปสัตว์ต่างกว่า 2 พันตัว ที่จังหวัดภูเก็ต และหน่วยงานต่างๆ ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตจัดทำขึ้น เพื่อใช้เป็นสื่อรณรงค์ให้ประชาชนลดอุบัติเหตุในการเดินทางช่วงเทศกาลปีใหม่ 2551 ถวายหลวงปู่สุภา กันตสีโล พระภิกษุที่เคารพนับถือของชาวภูเก็ต อายุ 114 ปี ได้ทำพิธีปลุกเสก เพื่อสร้างความเป็นสิริมงคล ว่า สำหรับจังหวัดภูเก็ตนั้นตั้งเป้าที่จะรณรงค์ลดอุบัติเหตุในพื้นที่ให้ได้ 15% และมีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุไม่เกิน 3% ทางจังหวัดจึงใช้กลยุทธ์ต่างๆ ในการรณรงค์ลดอุบัติเหตุในพื้นที่ ซึ่งปีนี้จะใช้ตุ๊กตาน้องปลอดภัยเป็นสื่อในการรณรงค์ให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวร่วมกันลดอุบัติเหตุในพื้นที่ให้ได้มากที่สุด

    โดยตุ๊กตาน้องปลอดภัยที่นำมาร่วมรณรงค์ลดอุบัติเหตุนั้น ทางจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้นำไปให้ หลวงปูสุภา กันตะสีโล พระเกจิชื่อดังอายุ 114 ปี ทำพิธีปลุกเสกก่อนเพื่อเป็นสิริมงคลกับผู้ที่ได้รับตุ๊กตาดังกล่าว และเชื่อว่า ตุ๊กตานี้ใครก็ยากที่จะได้ไปครอบครอง

    สำหรับตุ๊กตาน้องปลอดภัยนั้นจะแจกให้แก่ประชาชนผู้ใช้รถยนต์ ซึ่งเดินทางเข้ามาในจังหวัดภูเก็ตในช่วงการรณรงค์ลดอุบัติเหตุทางท้องถนนของจังหวัดภูเก็ตช่วงเทศกาลปีใหม่ 2551 และเป็นผู้ที่ปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด

    โดยสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดภูเก็ต จะเริ่มนำมาแจกจ่าย ณ จุดตรวจท่าฉัตรไชย อำเภอถลาง ในวันที่ 26 ธันวาคมนี้ เพื่อเป็นสิ่งกระตุ้นเตือนให้ประชาชนที่ได้รับได้มีสติเตือนใจในการสัญจรทางท้องถนนโดยปลอดภัย นอกจากนั้น จะแจกตามจุดตรวจต่างๆ ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตด้วย</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <!-- / message --></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  14. ตั้งจิต

    ตั้งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,574
    ค่าพลัง:
    +5,485
    โมทนาสาธุครับ
    ขอให้บรรลุธรรมครับ
     
  15. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    ท่านปา-ทาน เท่านี้ก็สุดยอดแล้วครับผมว่าต้องคิดกลับกันนะครับ คุณหนุ่มคือจุดเริ่มต้นของทุกสิ่งที่เป็นมาในปัจจุบันครับ หลายๆท่านรวมทั้งผมถ้าไม่มีท่านปา-ทานจะดูพระวังหน้าได้เป็นและถูกต้องอย่างไรครับไม่รวมถึงสายทางบุญอันยิ่งใหญ่ครับ(good)
     
  16. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    โมทนาสาธุครับ ขอให้ประสบแต่สิ่งที่ดีๆที่ได้ตั้งใจไว้ครับ
    nongnooo...
     
  17. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
  18. chaipat

    chaipat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2007
    โพสต์:
    1,282
    ค่าพลัง:
    +11,099
    เรียน ทุกท่าน และท่านพี่น้อง

    ในวาระดิถีขึ้นปีใหม่ สิ่งใดที่เข้าพเจ้าล่วงเกินท่านๆ ไว้ทั้งที่เจตนาก็ดี
    ไม่เจตนาก็ดี ก็ขอขมาต่อทุกท่าน ขออโหสิกรรมทุกท่าน

    สิ่งผ่านมาแล้ว ทำให้ใจเศร้าเป็นน้ำหมอง ทิ้ง ทิ้ง ทิ้งมันไปซะ
    ก็แค่รับรู้ว่า เท่านั้น หากจะมีเกินขึ้นอีก ก็เราไม่ทำ

    ขอสิ่งใหม่ๆ ดีๆ ต้อนรับเข้าสู่ทุกท่าน
    นำพาจิตทุกท่าน ประสพสุขทุกสถาน ทุกกาลเทอญ.

    และขออำนาจคุณพระทุกท่าน ปกป้องคุ้มครอง ทุกท่านจากภัยร้าย
    ทั้งสิ้นเทอญ.

    สุดท้าย เป็นสุข เป็นสุข เป็นสุขครับ

    สาธุครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 26 ธันวาคม 2007
  19. wichitt

    wichitt เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    898
    ค่าพลัง:
    +4,132
    อนุโมทนา สาธุ ครับ ขอให้คุณน้องเอบรรลุในธรรมครับ
     
  20. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    ผมเองยังไม่มีฌาณหรือมีญาณใดๆ ตรวจพลังอิทธิคุณขององค์พระพิมพ์ก็ไม่เป็น ขอแจ้งให้ทราบครับ

    .


    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ท่านปา-ทาน เท่านี้ก็สุดยอดแล้วครับผมว่าต้องคิดกลับกันนะครับ คุณหนุ่มคือจุดเริ่มต้นของทุกสิ่งที่เป็นมาในปัจจุบันครับ หลายๆท่านรวมทั้งผมถ้าไม่มีท่านปา-ทานจะดูพระวังหน้าได้เป็นและถูกต้องอย่างไรครับไม่รวมถึงสายทางบุญอันยิ่งใหญ่ครับ(good)
    หุหุ ขนาดท่านปาทานไม่มีฌาน หรือญาณใดๆ ตรวจจับไม่เป็น ร่วมปีกว่านี้ มีใครๆไม่ทราบว่าท่านเป็น"หัวหมู่ทะลวงฟัน"แห่งทัพวังหน้านะ ฮี่ฮี่ ขืนมีทั้งฌาน และญาณมันจะไปกันใหญ่
    <!-- / message -->
     

แชร์หน้านี้

Loading...