ผม...พระ...และ...สาระยุคก่อน

สวัสดีครับคุณครู _/\_
มาติดตามอ่านตอนต่อไปครับ ^__^

 

สวัสดีครับ..คุณอา มาติดตามอ่านบทความตอนต่อไปครับ

 

...................
หวัดดี..กำธรน้องรัก..หลานเขม..หลานสวนพลู..Mastertestศิษย์ครู..และ..เฉียวฟงหลานรัก
..รวมถึง...ทุกคนในครอบครัวผม..
...................
..ต่อจากตอนที่แล้ว..
.....................
..............................................................................
..๓. ผมสงสัยว่า...แกจะเป็นที่โปรดปราน..ของ ร.๕ ปานนั้นเหรอ...
คือ..ถ้าสมัย ร.๖ แกได้เป็น..เจ้าพระยายมราช..ตำแหน่งใหญ่โต...ผมยังโอเค....
..ตอนนั้น..แกก็ก็..เป็นแค่..พระยา..คนหนึ่ง..เท่านั้น..และ..โอกาศ..ที่ได้ไป
รับ..พระธาตุ..นั้น..ก็น่าจะเพราะ..พูดสื่อสารภาษาอังกฤษได้..และ..อาจมี
พาวเวอร์หนุน..จาก..กรมพระยาดำรงฯ..เพื่อนซี้..สมัยบวช..ที่หนุน..แกมาตลอด
(จนถึง...สมัย ร.๖)...
..เท่าที่..ผมศึกษาเรื่องเกี่ยวกับ ร.๕ มา..ข้าราชการที่ท่านโปรดปราน..เชื่อถือ..
ฝีมือ..มีหลายท่าน..มีทั้งระดับ..เจ้าพระยา..และ..พระยา...แต่ก็ไม่เคยเห็นมีชื่อ
ท่าน..แล้ว..ประวัติการทำงาน..ยุค..ร.๕ ท่าน..ก็ไม่ได้โดดเด่น..กว่า..พระยาคนอื่น
...แถมยังไปสร้าง..ปัญหาที่ปัตตานี..ให้เป็นเรื่องเป็นราวอีก....
...เว้นแต่เรื่องนี้ที่ได้มีโอกาศไป..รับ..พระธาตุมา.......
...บอกตรงๆ..ว่าแปลกใจ...ที่ ร.๕ จะ..พระราชทาน..ให้เก็บพระธาตุ..ไว้เป็นสมบัติ
ส่วนตัว.......เออถ้า..เป็นตนที่ ร.๕ โปรดปรานจริงๆ..ก็ไปอย่าง....
๔. การได้ของพระราชทาน..ที่เป็นพิเศษสุด..อย่างนี้จาก ร.๕ ปกติ..น่าจะ
เป็นเรื่องยินดี..และให้..คนอื่นร่วมยินดีด้วย...แต่แปลก..เก็บเรื่องเป็นความลับ
แบบ..ไม่ให้มีเล็ดรอด..นอกจาก..ทายาท..และก็คงกำชับ..ไว้ด้วยว่าไม่ให้บอกใคร..
......หรือจะเป็นเพราะ...กลัวคนอื่นอิจฉา....
......หรือจะเป็นเพราะ..กลัวคนจะมาขอดูบ่อย..กลัวจะชำรุด....
......หรือจะเป็นเพราะ..กลัวจะเป็นเรื่อง..ครหา..ว่า..นี่เป็นของ..คนทั้งชาติ..เอามาเก็บ
ไว้เป็นส่วนตัว..ได้ยังไง..ควรจะเอาไปบรรจุ..ที่เจดีย์ไหน..ซักแห่ง..ตามภูมิภาค...
คนไทยจะได้..บูชา.....
......หรือจะเป็นเพราะ...ที่มาของการได้..พระธาตุ..ครั้งนี้..มีเงื่อนงำ...ถ้ามีการสืบถาม
..อาจจะเป็นเรื่องที่..ไม่น่ายินดี.................
๕. ตั้งแต่อดีต..หรือ..มีบันทึกกันมา..ในเมืองไทย..เรานี้..ในกรณีที่..พระธาตุ..เสด็จมาเอง
..ไม่เคยมีปรากฏว่า...จะมา..ในรูป..ของ"กระดูกที่ถูกเผา"..เหมือนของคนปกติ..มาก่อน..
ที่มากัน..จะเป็นพระธาตุ..ในลักษณะที่เปลี่ยนรูป..และ..ธาตุถูกแปลงไปทั้งสิ้น........
..อย่างที่ผมเคยเล่า..ของที่บ้านผม..ก็เป็นเกล็ดมันๆ..แข็ง..และไม่พรุน....
...ในกรณีนี้..ถ้าเเสด็จมาเองจริง..อย่างว่า..ก็ถือ..ว่า..แปลกประหลาดมาก....
..............................................................
.....ครับ..ก็คงไม่ต้องกล่าวอะไรมากกว่านี้..ผมก็ว่า..ด้วย..เหตุ..ด้วย..ผล...แล้ว...
...และ..ที่ว่าแกได้รับพระราชทาน..จาก ร.๕ ก็ไม่มี..หลักฐานเอกสารใด..รวมถึง
พยานบุคคลใดๆยืนยันด้วย...แต่ก็ว่า..ยังดี..ที่ทายาทนำ..ออกมาบรรจุในเจดีย์..ให้..
สาธุชนทั่วไป..ได้บูชา..ก็ถือว่า..เป็นบุญ..ของท่านผู้นั้นโดยตรง..ผมก็ขอโมทนา..สาธุ
..ในบุญกุศลนี้ด้วย.......
....................................................................
...จะเห็นว่า..เรื่องพระธาตุนี้..คนที่ควรจะได้รับการสรรเสริญ..ก็ไม่ได้รับ...
กลับถูกโยนบาป....อย่างท่านปฤษ.....
..........................................................
เมื่อ..ท่านปฤษ..กลับสู่ศรีลังกา..ท่านก็เจริญรุ่งเรือง..มีคนนับถือมากมาย..โดยเฉพาะ..
ผู้สำเร็จราชการของอังกฤษ..ที่ดูแล..ศรีลังกาตอนนั้น..ก็นับถือท่านมาก..และไปมาหาสู่
เป็นประจำ...ต่อมา..ท่านก็ได้เป็นเจ้าอาวาสวัดทีปทุตตมาราม..สร้างเจดีย์บรรจุพระบรม
สารีริกธาตุที่ได้รับมา...และท่านก็ได้เป็นพระอุปัชชาย์..บวชทั้งพระทั้งเป็นศรีลังกา
..และ..ชาวยุโรป..อีกหลายองค์..ส่วนวัดท่านก็พลอยเจริญรุ่งเรือง..มีคนนับถือมากมาย
...แต่ไม่ว่ายังไง..หลังจากนั้น..เมื่อ ร.๕ เสด็จเยี่ยมศรีลังกา..ก็ไม่ยอมให้ท่านเฝ้าอยู่ดี..
..แม้ผู้สำเร็จราชการอังกฤษ..ได้พาท่านมาข้างนอกแล้ว..แต่พระองค์ท่าน..ก็..ไม่ยอม

.......................

.................................ต่อตอนหน้า...................................

 

ติดตามตอนต่อไปครับคุณลุง

 

สวัสดีครับ คุณลุง ผมไม่ได้เข้ามาหลายวันเพราะติดภาระกิจ หลังจากนี้น่าจะอีกยาวว

ขอบคุณคุณลุงมากนะครับ สำหรับความรู้มากมาย และเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยทางประวัติศาสตร์ เป็นกำลังใจให้คุณลุงนะครับ ขอบคุณครับ

ยิ่งอ่านยิ่งขยาดพระเก่า 555 ดูยากเหลือเกิน ....

 

มารออ่านครับ

 

ชีวิตท่านปฤษ นี่น่าเห็นใจจริงๆ

ขอบคุณครับอา รอติดตามตอนต่อไปครับ

 

สวัสดีครับคุณอา...มาติดตามตอนต่อไปครับ

 

................
...หวัดดี..หลานApril..หลานKim..หลานเขม..กำธรน้องรัก..เฉียวฟงหลานรัก
และ..หลานbear..รวมถึง..ทุกคนในครอบครัวผม......
.....................
..ต่อจากตอนที่แล้ว...
.....................
..................................................................................................
.......ท่านปฤษ..ก็ใช้ชีวิตใต้ร่มผ้ากาสาวพัตร์..ในศรีลังกาต่อมาเรื่อยๆ..และ..
ก็สร้างเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุสำเร็จ...ความจริง..ท่านคิดกะว่า..
รอจังหวะ..อยากให้..รัชกาลที่๕..เสด็จไปทำพิธีเปิด..แต่ก็แห้วไป.งอย่าง
ที่ผมเล่าไปตอนก่อนหน้าโน้น........
........จนกระทั่ง...ข่าวสวรรคตของ..ร.๕ ไปถึง...ศรีลังกา..ท่านถึงกับเป็นลม
เมื่อทราบข่าว....หลังจากนั้นท่านก็จักการสั่งเสียทางศรีลังกา..เพราะท่านจะ
ต้องเดินทางกลับไปสยาม..เพื่อไปเคารพพระบรมศพ..และ..ยังไม่รู้การณ์
ในอนาคต...หลังจาก..เมื่อท่านโดยสารเรือไปถึง..พระนคร...
..เมื่อไปถึง..ท่านจะไปพบเจ้านาย..แต่ละพระองค์ก่อน..แต่ก็ไม่มีใครให้เข้าเฝ้า..
..บอกต้องสึกซะก่อน..จาท่านต้องยอมสึก..จึงจะเข้าพบได้..และให้เจ้านายเหล่านั้น
พาไปกราบ..พระบรมศพ...หลังจากนั้นท่านก็ไปพบ..กรมหลวงเทววงษ์วโรประการ
(ยศ..ขณะนั้น...องค์นี้..เป็นน้องชายแท้ๆของ..พระพันปีหลวง..ซึ่งในยุค ร.๖ มีพาวเวอร์
มาก..ต้นสกุล..เทวกุล )..อยากให้อุปสมบทให้ใหม่..แล้วจะเสด็จกลับ..ศรีลังกา..
................................................................
(..ผมก็คิดว่า..ท่านมาถึง..เมืองไทย..กลายเป็นหมาข้างถนนตัวนึง..มีแต่คนไล่..ไม่ให้เข้าใกล้
...มีแต่เพียง..กรมหลวงเทววงษ์ฯ..ที่ยังมีน้ำใจบ้างแต่..สิ่งนึงตอนที่พบกันในครั้ง
แรกที่กลับมาใหม่ๆ..สะท้อนถึง..มูลเหตุสำคัญอีกส่วนนึง..ที่ทำให้รัชกาลที่ ๕ กริ้วท่าน
..เพราะ..กรมหลวงเทววงษ์ตรัส..ในทำนองว่า.."..เสียแรงที่(ร.๕)ทรงชุบเลี้ยง....แล้วมา
หนีไปที่อื่น...ถ้าอยู่ป่านนี้ก็เป็น..เสนาบดีไปแล้ว..."..ซึ่งขณะตรัส..น้ำตาพระองค์ท่านก็ไหล
อาบแก้ม.................
............ที่ผมบอกนั่นแหละครับ....ข้อผิดพลาดมหันต์ของท่านปฤษคือ..ละทิ้งชาติ..เอาตัวรอด
..เห็นแก่ตัวเอง...ท่านเองก็คงไม่นึกหรอก..ว่าจะส่งผลเยอะ..เมื่อ..บวกกับ..อีก..สารพัดเรื่อง
..ท่านก็เลย..เละเป็นโจ๊ก)
.......................................................
.....กรมหลวงเทววงษ์ฯท่านก็บอกว่า..ถ้าจะกลับ..ก็ไม่ต้องมาคุยกัน...ท่านปฤษ..ก็คง..กลืน
ไม่เข้าคายไม่ออก...ไปๆมาๆ..ท่านก็เลย..ไม่ได้บวช..เพราะไม่มีใครบวชให้..และ..ก็เลย
ไม่ได้กลับไปอีก......
................ท่านทีแรก..นั้น..กรมหลวงเทววงษ์ฯ..พระองค์บอกว่า..จะหางานแปลหนังสือให้
..ปรากฎว่า..ก็เงียบ...ท่านก็เลยจะรับจ้างสอนภาษาอังกฤษ...ไปๆมาๆ..ลูกค้าคงไม่ค่อยมี..
..ก็เลยต้องเลิก..ตอนหลัง..ไปเป็นบรรณาธิการส่วนของคนไทย..ของหนังสือพิมพ์ภาษา
อังกฤษ..ชื่อ..สยามอ็อบเซิฟเว่อร์..แต่ปรากฏว่า..ถูกไล่ออก..เพราะไปเขียนด่า..ฝรั่ง..และ..
พม่า..ที่มาวิจารณ์เรื่องร.๖เสด็จเลียบพระนครทางชลมารค...ว่าหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ...
.....หลังจากนั้น..ท่านปฤษก็มีอารมณ์ฉุนเฉียวลุ่มๆดอนๆ..ไม่มีแม้กระทั่งบ้านของตัวเอง..
..เพราะ..มีคดีความกับ..ญาติ..เรื่องบ้าน..แล้วแพ้คดีอีก....
.........แต่ท่านกลับ..มีอายุยืนยาวมาก..จนถึง..พ.ศ. ๒๔๗๘ ...ถึงสิ้นชีพิตักษัย..อายุ ถึง ๘๔ ปี
..แต่ก่อนหน้านี้..ท่านปฤษ..ก็ยังโชคดีที่..รัชกาลที่๖..ท่านทรงอภัย(เรื่องอยู่ดีๆลาออก)...
และโปรดให้เข้าเฝ้า....
.....ผมก็ขอจบเรื่องของ..ท่านปฤษแค่นี้..แล้วกัน...เพราะจะได้เข้าเรื่องเดิมซะที....

...................................................................................
.....เรื่องยุ่งๆ...มันเกิดหลังจาก..ที่เป้ปเป้..ประกาศการค้นพบได้...ซัก ๓ อาทิตย์...
..อยู่ดีๆสำนักงานปกครองอินเดียภาคตะวันออกเฉียงเหนือ...ซึ่งเป็นผู้ว่าจ้าง.....
ดร.ฟือเร่อ..มาทำงานนั้น..ก็ได้..รับจดหมาย..พร้อมเอกสารสำคัญแนบมาด้วย..
จาก..ทางรัฐบาลพม่า(..ซึ่งก็คือ..ส่วนอังกฤษของที่ปกครองพม่าอยู่นั่นแหละ..
...ซึ่งพวกนี้..ทั้งหมด..ก็เป็นเจ้าหน้าของบริษัทอิสต์อินเดีย..ทั้งนั้น....)......
....ซึ่ง..เอกสารนำเรื่อง...ก็ทำให้..นายจ้างของดร. ฟือเร่อ..ถึงกับ..อึ้งกิมกี่....
...เพราะ....มันเปิดเผย...พฤติกรรม..ก่อนหน้า..และ..ปัจจุบันของ..ฟือเร่อร์....

.................

.....จากหนังสือประวัติ..ของท่านเองที่ท่านเขียนขึ้น..และ..แสดง..ความคิดก้าวไกล
ของท่านในการพัฒนา..การขนส่ง..และ..การขยายโครงข่าย..ของการไปรษณีย์โทรเลข...

........................

..............................ต่อตอนหน้า..........................

 

อนาถแท้ ท่านปฤษ เหตุเพราะ ไม่เคยอยู่ไทยเพื่อแก้ต่างให้กับตัวเอง ในข้อกล่าวหาใส่ความต่างๆนาๆ โดนกล่าวหาตลอดทั้งที่บางทีตนเองไม่ได้มีความประสงค์ที่จะให้เป็น

 

สวัสดีครับคุณครู _/\_

ยิ่งอ่านเรื่องของท่านปฤษก็ยิ่งชวนให้สงสัยครับ เนื่องจากเป็นผู้ที่มีความสามารถโดดเด่นมากๆเข้าขั้นอัจฉริยะเลย แต่ชีวิตบั้นปลายกลับตกต่ำลงจนน่าตกใจ ส่วนเรื่องที่ท่านจะสะดุดขาตัวเองหรือสะดุดขาคนอื่นก็ดูเหมือนจะไม่มีข้อสรุป ผมลองไปค้นเพิ่ม แต่ยิ่งค้นก็ยิ่งวุ่นครับ แถมยังไม่ได้ข้อสรุปอะไรเลย ค้นไปค้นมาไปถึงเรื่อง "พญาระกา" ที่มีตัวละครและช่วงเวลาที่เกี่ยวข้องกันอยู่บ้าง แถมมีเรื่อง "ข้างหลังภาพ" ของศรีบูรพาเข้ามาเพิ่มอีก ยิ่งมึนเข้าไปใหญ่ แต่ก็มันส์ดีครับ

ถ้าพระพุทธเจ้าหลวงทรงปักใจเชื่อว่าท่านปฤษผิดข้ออทินาและปาราชิกไปแล้ว ถ้ามีเหตุให้ต้องมาพบกันที่ศรีลังกา ปัญหาแรกเลยที่ไม่สามารถจะเลี่ยงได้คือจะให้ใครกราบใครกันครับ พระพุทธเจ้าหลวงท่านอาจจะทรงเลี่ยงปัญหานี้ก็เลยทำให้ไม่ได้พบกัน ถ้าตอนนั้นท่านปฤษอยู่ในเพศฆราวาสผมว่าท่านอาจจะได้เข้าเฝ้าและขอพระราชทานอภัยโทษไปแล้วแน่ๆครับ (ถ้าไม่มีมูลเหตุข้อกล่าวหาที่หนักหนาสาหัสอื่นๆพ่วงเข้ามาเพิ่มอีกนะครับ) ตอนจบก็อาจจะเปลี่ยนไปอีกแบบนึงเลยครับ (เอ๊ะ.. ชักคล้ายๆเรื่องทวิภพอีกเรื่องนึงแล้วครับ 555+)

^__^

 

........................................
..สมเป็นศิษย์ครู..ไม่ผิดหวัง..แต่เห็นมั้ยว่า..ทำไมเรา..ต้องกรองข้อมูลก่อน..เพราะ..ถ้าเป็นอย่างที่เราทำ..ค้นไปเรื่อยๆ..มันจะแตกแขนงไปโน่นนี่มากเกิน..แล้ว..ก็จะออกไปนอกเรื่อง..และ..บางเรื่องยิ่งหาข้อสรุปไม่ได้..ก็เลย
ต้องเอาพอประมาณ..ครูอ่านหมดแล้วที่เราว่านะ..แต่สรุปว่า..ตัดทิ้งไปดีกว่า....

 

.............
..หวัดดี..หลานสวนพลู..และ...mastertestศิษย์ครู..รวมถึงทุกคนในครอบครัวผม
........................
..ต่อจากตอนที่แล้ว...
.....................
............................................................................
...เนื่องจากฟือเร่อซึ่งทำหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญด้านโบราณคดี..และ..การขุดค้นนั้น
..ซึ่ง..รับผิดชอบงานด้านนี้..ในแถบนี้..(อุตตรประเทศ..และ..แนวชายแดน..
อินเดีย-เนปาล..และ..ซึ่งในการดูแลของ..Vincent Smith (คนที่อ่านและ..
แปลจารึกคนแรก)...มาก่อนหน้าที่..จะมีการขุดที่Piprahwa..หลายปีนั้น....
.....ไปมีชื่อ..อยู่ใน..รายงาน..และ..เอกสารประกอบที่ส่งมาจากพม่า.....
...ผมคาดว่า..เรื่องกำลังอยู่ในระหว่างดำเนินการ..ที่พม่าอยู่..แล้วจู่ๆ..ก็มีข่าว
หนังสือพิมพ์จากอินเดีย..ที่ส่งไปที่พม่าพอดี..ในระหว่างรวบรวมหลักฐาน
....เรื่องก็คือ.............
...ฟือเร่อ..และ..อูม่า(..เป็น..พระภิกษุชาวพม่า)..ได้ทำการแอบซื้อขาย..วัตถุโบราณ
..จากอินเดีย..ส่งเข้าไปใน..พม่า..ซึ่งเป็นการกระทำผิดกฏหมาย..ทั้งใน..พม่า..
และ..อินเดีย..มาหลายครั้ง..และ..ยังพบด้วยว่า...ฟือเร่ออาศัยเครดิต..ของตัวเอง
ที่เป็นผู้เชียวชาญ..หลอกขายของปลอม...ให้กับ..อูม่า( U-MA)..หลายครั้ง
...วัตถุที่ทำการซื้อขายกันั้น..ก็จะเป็นวัตถุโบราณ..ที่เกี่ยวข้องกับ..พุทธศาสนา
เกือบทั้งสิ้น..โดยเอกสารประกอบหลักฐานนั้น..ก็คือ..จดหมาย..ของ..ฟือเร่อ..
ส่งแจ้ง..รายละเอียดของที่จะขาย..ให้กับ อูม่า..จำนวนหลายฉบับ..ตั้งแต่..
ปี ค.ศ. ๑๘๙๖ (..เป้ปเป้เริ่มขุด..เมื่อกลางๆปี ๑๘๙๗ และ..พบพระธาตุ..เมื่อ
มกราคม ๑๘๙๘).....
..ผมคาดว่า..อาจเป็นทาง อูม่านั่นเอง..ที่ทนพฤติกรรม..ฟือเร่อ..ไม่ไหว...
..เพราะ..มีการจับได้..ว่า..ของที่มาขายหลายรายการโดยเฉพาะ..ที่บอกว่า
เป็นพระธาตุ..ของพระพุทธเจ้า..เป็นของปลอม...มีการขาย.."พระทันตธาตุ"
(ฟัน)ปลอม..ให้กับทาง..อูม่าด้วย...ซึ่งตามรูปการ..อูม่า..น่าจะทำหน้าที่เป็น
ตัว"วิ่งของ"..หรือ..เป็น..นายหน้า..หรือ..ยี่ปั๊วะ..และ..เอาไปขายต่อ...อีกที
(คล้ายๆ..กับ..วงการพระไทย)....รับ order และ จัดหา....
...พอจะเอาไปปล่อย..ลูกค้าๆ..เขาตรวจสอบ..แล้ว..ไม่ใช่..ปล่อยไม่ได้..
ตัวเองก็แห้วแดก..แถมชักเนื้อ..แต่เนื่องจาก..เขตละแวกแถวนั้น..ก้มีแต่..
ฟือเร่อ..ที่ทำการขุด..ไม่รู้จะไปเอาจากไหน..ก็ยังต้องพึ่งอยู่....
....ในจดหมาย..แต่ละฉบับ..ฟือเร่อ..ก็จะบอกว่า..เป็นอะไร..ขุดได้ที่ไหน..
...และ..มีรายละเอียดประกอบ..บางประการให้ด้วย...
.....แต่ไอ้ที่น่าตกใจคือ...ในจดหมาย..ฉบับหนึ่ง..ลงวันที่....
..............๑๙ พฤศจิกายน ๑๘๙๖.......
(..ก่อนหน้าที่..เป้ปเป้..จะขุดพบที่Piprahwa..ในเดือน มกราคม ๑๘๙๘ กว่า
๑ปี)....
(..ความจริงแล้ว..ก็มีจดหมายว่า..ได้ทำการส่ง..พระธาตุ..ขุดได้จากเมืองสาวัตถี..
ให้กับ อูม่าไปแล้ว..เมื่อ ๒๒ กันยายน ๑๙๘๖..)

.......................

.............ด็อกเต้อร์ อล้อส แอนทอน ฟือเร่อร์....ตัวปัญหา..........

...................ต่อตอนหน้า........................

 

มารอชมครับพี่

 

ตามติดอย่างต่อเนื่องครับคุณอา

 

ติดตามเช่นเคยครับคุณลุง

 

ตึ่งโป๊ะ!!

คิดๆๆๆ..​

 

..............
..หวัดดี..กำธรน้องรัก..หลานสวนพลู..หลานBear..และ..mastertestศิษย์ครู
..รวมถึง..ทุกคนในครอบครัวผม....
...........................
..ต่อจากตอนที่แล้ว....
...........................
................................................................
......จริงแล้ว..เอกสารเหล่านี้..ไม่ได้มีการเผยแพร่เป็นทางการ..แต่เป็นที่ทราบกันในหมู่
นักประวัติศาสตร์..เพราะถ้าเผยแพร่ออกมา..รัฐบาลอินเดียในนามของผู้ปกครองอังกฤษ
..ก็ต้องโดนทั้งโลกยำแน่...เพราะรู้อยู่ก่อนหน้าว่า..เป็นของมีปัญหา..แต่ทำหนังสือให้
สยาม..และ..ทางตัวเองยืนยันว่า..เป็นของพระพุทธเจ้า..ต่อให้ใหญ่ยังไง..ก็คงยอมที่จะให้
ทั่วโลกประนาม..ว่า..ชั่ว..ชาติหลอกลวง..ไม่ได้..ก็เก็บเป็นเรื่องลับ..การดำเนินการกับ..
ฟือเร่อ..ก็ไม่มีการออกข่าว..และคุมสื่อ..หนังสือพิมพ์ที่อินเดีย..ไม่ให้มีเรื่องปัญหา..นี้ออกมา
.....เพียงแต่..ใน..การประชุมนักประวัติศาสตร์..ที่Harewood House..ที่อังกฤษ..เมื่อปี ๒๐๐๖
..(ถือว่า..ไม่เป็นทางการ)....มีการถกกันเรื่องนี้..และ..มีการเปิดเผยข้อความ..ในจดหมาย..
ดังกล่าว........................
.......................................................
..จดหมายลงวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน ๑๘๙๖...จากฟือเร่อ..ถึง..อูม่า.....
....(ผมจะไม่แปลตรงตัว..เพราะจะเยิ่นเย้อ..เอาแบบสรุป)..ฟือเร่อบอกอูม่าว่า..ได้มีการขุดพบ
พระธาตุพระพุทธเจ้า..ในสถูป..ของ..ราชวงศ์ศากยะแห่งกบิลพัสดุ์ที่สร้างขึ้น..กระดูกอยู่ใน..
ผอบทำจากหินสบู่..และก็มีภาชนะใส่ของบูชาอีก ๔ ใบ วางอยู่ล้อมรอบ..พระธาตุชุดนี้นะเขา
ได้ทำการขุดพบก่อนหน้า..นี้..ตั้งแต่ปี ๑๘๘๖(ก่อนหน้าจดหมาย ๑๐ ปี)..ที่ผอบ..มีจารึกอยู่ด้วย
..หลังจากนี้..ก็จะส่ง..คำอ่าน..กับ..คำแปล..ไปให้ก่อน..แล้ว..จะส่ง..พระธาตุ..ตามไป.....
............................................................
..แค่นี้..ทางฝ่ายอังกฤษ..ก็เต้นแล้ว..เรียกตัว..ฟือเร่อ..มาสอบสวนโดยด่วน...
...เพราะ..มัน..ออกแนวเดียว..กับ..พระธาตุ..ที่เพิ่งพบ..แล้วเรื่องก็มีฟือเร่อมาเอี่ยว.....
..ขณะที่เป้บเป้..ขุดนั้น..ฟือเร่อ..ก็ขุดอยู่ก่อน..ในอีกบริเวณที่ใกล้กัน..ห่างประมาณ สิบกว่าไมล์
..รายละเอียด..ของต่างๆที่บอก..ก็ใกล้เคียงกันหมด...
.....ฟือเร่อ..งานช้างเข้า...คนที่เกี่ยวข้อง..ก็ต้องถูกสอบหมด..ตั้งแต่..เป้ปเป้...คนขุดพบ....
..วินเซนต์ สมิท..เจ้าหน้าปกครองผู้ดูแลพื้นที่รับผิดชอบ..และ..รับรู้การขุดพบเป็นคนแรก..
รวมถึง..ช่วยแปล..อักขระให้ด้วย.......................
............................................................
....นอกจาก..จดหมายสำคัญดังกล่าว...ก็ยังมีจดหมายตามมาอีกว่า...
เรื่องพระอัฐิธาตุ...นี้จะเก็บไว้..รอจน..อูม่าจะมาที่อินเดียเอง...
(จดหมายนี่..ก็..ระบุวันไว้..อยู่ในเดือน..มีนาคม ๑๘๙๗ ก่อนที่เป้ปเป้..จะเริ่มเข้ามาขุดที่Piprahwa)
...แล้วก็..มีจดหมาย..อีกหลายฉบับ..โดยมีการส่งพระธาตุ..ที่มาจากที่อื่นไปให้...
...แต่ที่เป็นชนวนความขัดแย้งสำคัญ..คือ..การส่งพระทันตธาตุ..ไป..และ..ฟันอันนี้ใหญ่มาก..
แต่..ฟือเร่อ.. ก็อ้างเหตุผลโน่น..นี่..และยืนยันว่า..เป็นของจริง...
(..พอผมอ่านมาถึงนี่..นึกถึง..พระทันตธาตุ..ที่เมืองจีน..ที่เราเคยอัญเชิญมาให้บูชา..ที่เมือง
ไทย..ผมเห็นรูป..ยังติดตาเลยว่า.."นี่..ฟันคนแน่เหรอ.."...ใหญ่กว่า..คนทั่วไป ๒-๓ เท่า..)
....โดยมีการอ้างว่า..พระพุทธเจ้าท่านไม่ใช่คนธรรมดา(ทำนองว่า..อวตารมา..จากเทพ)...
มีร่างกายใหญ่โต..
...นอกนี้..ฉบับอื่น..ฟือเร่อ..ก็โฆษณาต่อว่า..เจอใหม่อีกแล้ว..เจอทั้ง..เล็บ..เส้นเกศา..กระดูก
..(ซึ่ง..จดหมายที่ว่า..มานั้น..เป็นห้วงเวลา..ก่อนประกาศการพบ..ของเป้ปเป้..).....
...ความจริง..เรื่องพัวพัน..ของ..๒ คนนี่เยอะ..และก็ยุ่งไปหมด....
........เพียงแต่สรุป..ได้แน่นอนว่า..ก่อนหน้าทีจะเป้ปเป้..จะประกาศการพบ..ไม่นาน..ทาง
พระอูม่า..นี่ก็คงทนพฤติกรรม..หลอกลวง..ของฟือเร่อ..ไม่ไหวแล้ว..เพราะ..ช่วงปีหลังๆนี่
ปล่อยของมา ๕ ปลอม..ซะ ๔...(..แหม..ยังกะวงการพระเครื่องบ้านเราเลย)......

.................

....เอาแผนที่นี้..มาให้ดูอีกครั้ง...ในละแวกแถวนี้ทั้งฝั่งอินเดีย..และ..เนปาล..
..ชื่อสถานที่ๆ..ระบุในนี้..ฟือเร่อ..ก็ไปสำรวจ..และ..ขุดค้นเพิ่มเติม..มาเกือบหมด..
..ทำให้...ใครมาติดต่อ..หาของที่เกี่ยวกับ..พุทธศาสนาในสมัย..พระพุทธเจ้า..ต่อจน
มาถึง..สมัยพระเจ้าอโศกฯ..ก็ต้องเชื่อถือ..แล้วก็ต้องติดต่อที่แกนี่แหละ...
(..ที่อยู่ในเส้นประวงกลม..อันบน..คือ..กรุงกบิลพัสุด์..ของ..เนปาล..ส่วน..ในวงกลม
เส้นประอันล่าง..คือ..กรุงกบิลพัสดุ์..ของอินเดีย....)

..........................ต่อตอนหน้า....................

 

สวัสดรรอบคึกครับคุณอา modpong คุณสวนพลูและพี่ๆเพื่อนสมาชิกทุกท่าน
เข้ามาติดตามอ่านต่อครับ..