ผม...พระ...และ...สาระยุคก่อน

สวัสดีตอนดึกๆ ครับคุณลุง ผมตี 1 ตี 2 ทุกวันเลย 555

อ่านกระทู้คุณลุงต้องใช้สมาธิ ในการนึกภาพตามและคิดภาพไปด้วย

เห็นโพสที่คุณลุงกล่าวถึงพระที่ห้อย แล้วผมนึกถึงคุณลุงท่านนึงที่ผมเจอที่ทำงาน

แกมานั่งรอลูกสาวซื้อของ แล้วก็คุยกันเรื่องพระ แกเลยหยิบพระออกมาจากเสื้อให้ดู

ผมตกใจ แกห้อยสร้อยประมาน 5-6 เส้นได้ แต่ละเส้นก็น่าจะ 3 องค์ขั้นต่ำ

ธรรมดาไม่คิดว่าจะมีใครที่ห้อยหลายๆเส้น หลายๆองค์ได้ คุณลุงท่านนั้นเมตตา ให้ดูพระ

ที่สำคัญให้ผมดมพระ กลิ่นหอมๆ แบบอธิบายไม่ถูก นี่จะเหมือนกันกับที่คุณลุง

พูดในกระทู้หรือเปล่าครับว่า ใช้การดมเป็นการพิสูจน์ด้วย ...

อีก 1 เรื่อง คือเรื่องน้ำมันก๊าด ผมนึกว่ามีคุณย่าผมคนเดียวมั้ง ที่ใช้ ...

ผมงง มากตอนเห็นท่านเอาน้ำมันสีฟ้าๆ มาทา แล้วบอกว่าแก้ปวด

ด้วยความที่เป็นเด็ก อ๊าว!!! แล้วไฟมันจะไม่ไหม้เหรอ น้ำมัน ทำไมเอามาทาตัว

อีกเรื่องคือ คนสมัยก่อน ที่ไม่ห้อยพระ... แต่เพราะว่ามีคาถา ผมเห็นด้วยมากๆ

ปัจจุบัน ไม่ค่อยมีแล้วเพราะ คาถาเสื่อมหมด โลกปัจจุบัน ...

ผมเคยได้ยินคนพูดว่าผู้ชายสมัยก่อน นั่งฉี่ ไม่ได้ยืนเหมือนทุกวันนี้

ไหนจะลอดสะพาน หรือการอาศัยในตึกที่มีชัันมากกว่า 1 ชั้น

มันก็ต้องมีผู้หญิงเดินบนหัวบ้างล่ะ ผมยังรู้สึกไม่ค่อยดีเวลาขับรถผ่านใต้สะพานลอย

ที่มีผู้หญิงเดินผ่าน .... ใครพอจะมีเคล็ดในเรื่องนี้บ้างแนะนำหน่อยนะครับ

แรกๆไม่สบายใจเลย ห้อยพระแล้วแบบนี้ กลัวท่านจะไม่อยู่ ... ตอนนี้ก็พยามทำใจว่า

โลกทุกวันนี้มันเป็นแบบนี้ ท่านคงจะเข้าใจ ... อีกอย่างเราไม่ได้เลือกที่ทำแบบนี้

มันเป็นภาวะจำยอมมมมม /// ยังไง ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆ ทั้งประวัติศาสตร์ต่างๆ
ทั้งความรู้ในวงการพระมากนะครับ

 

คุณลุงท่านนั้นเมตตา ให้ดูพระ

ที่สำคัญให้ผมดมพระ กลิ่นหอมๆ แบบอธิบายไม่ถูก นี่จะเหมือนกันกับที่คุณลุง

พูดในกระทู้หรือเปล่าครับว่า ใช้การดมเป็นการพิสูจน์ด้วย ...

.........
...ถูกต้อง...คนรุ่นผม..และ..แก่กว่า..ผม..เขาก็จะแบบนี้..เป็นเรื่อง
ปกติ...ถ้าคุณ..ย้อนเวลากว่าสี่สิบปีก่อน..ไปเดินที่..สนามพระวัดมหาธาตุ..
..คุณก็จะเห็นแบบนี้แหละ...แต่พวกที่อยู่ที่แผง..เขาจะมีลูกยางแดงปลายแหลมๆ..
...ที่สมัยก่อนเขาเอาไว้พ่น..น้ำสบู่..สวนตูด..เวลาท้องผูกมากๆ...หรือ..ที่เป่าลม..ไล่ขี้ฝุ่น..หน้าเลนส์กล้องถ่ายรูป..เป่าซะก่อน...เพราะ..ไม่งั้น..ไอ้พวกแมลงตัวเล็กๆ..ไร..พวกนี้..มันจะเข้าจมูกไปด้วย..วันๆ..ต้องดมเป็น..สิบยี่สิบองค์..
..เวลามีคนมาปล่อยพระ..ทั้งเนื้อดิน..เนื้อผง....
...คนไปสนาม..ถ้าเป็นหน่อย..เวลาจะดม..ก็ยืมลูกยางเจ้าของแผง..นั่นแหละ..เป่าซะก่อน..ก่อนจะดม..(ลุง..ทำบ่อยไป)

 

รอติดตามตอนต่อไปครับอา

กำลังเข้มข้นเลย

 

สวัสดีครับพี่ modpong

ติดตามอ่านอยู่เป็นระยะ แต่อาจจะต้องเว้นช่วงสัก 1 อาทิตย์จากนี้ไปเพราะภารกิจ
กำลังจะเข้าจุดผกผันถึงผู้ที่มีบทบาททำให้เกิดการเข้าใจผิด และสร้างตราบาปให้กับท่านปฤษ ซึ่งถ้าถึงช่วงนั้นผมอาจขอแจมด้วยครับ

 

สวัสดีครับคุณครู _/\_

กว่าจะตามอ่านได้ทันเล่นเอาเหนื่อยเลยครับ กระทู้คุณครูนี่อ่านผ่านๆไม่ได้เลย แถมอ่านแล้วก็ต้อง Googling หาข้อมูลต่อยอดเพิ่มอีก แต่อ่านแล้วได้สาระอิ่มเอมมากๆครับ ^__^

การรวบรวมข้อมูลทางประวัติศาสตร์นี่ผมว่าเป็นศาสตร์ที่ยากจริงๆเลยครับ ต้องอาศัยทั้งความละเอียดรอบคอบและความใฝ่รู้อย่างยิ่งยวด รวมถึงความเป็นพหูสูตรครบถ้วนเลยจริงๆ ยิ่งกับบุคคลที่ถูกทางการและทางสังคม banned ไปแล้วด้วยนี่น่าจะทำให้สืบเสาะยากมากๆ ดีไม่ดีประวัติยาวเหยียดอาจจะโดนลบออกหมดเหลือเอาไว้แค่ชื่อเท่านั้นเอง ถ้าไม่มีใครสะกิดขึ้นมาก็อาจจะหายไปเลยจริงๆ

อย่างประวัติท่านปฤษนี่ ถ้าคุณครูไม่เล่ามา สงสัยชาตินี้ผมคงจะไม่รู้จักท่านแน่ๆเลยครับ เกียรติคุณ+เกียรติประวัติยาวเหยียดแถมน่าทึ่งมากจริงๆ

ปล. เห็นพี่ๆน้องๆที่เพิ่งเข้ามาอ่านหลายๆคนแล้วดีใจครับ ยินดีต้อนรับด้วยคนครับ ^__^

 

....................................................

...ตวามจริง..คนประเภทที่ว่า..นี้ก็มีไม่น้อย...เพียง..แต่จุดเด่นที่เกี่ยวข้องในประวัติศาสตร์..ไม่เด่นมาก..แต่จุดด้อยเยอะ..ก็เลยทำให้ไม่น่าสนใจ..เท่าที่ควร...
....แต่บางคน..ที่เบื้องหน้า..หรูๆ..คุ้ยไป..คุ้ยมา..ก็มีเรื่องให้น่าสงสัย..และแปลกใจ..ก็มีไม่น้อย......

 

สวัสดีครับคุณอา...มาติดตามอ่านบทความตอนต่อไปครับ

 

..............
.....หวัดดี..หลานKim..หลานเขม..น้องThong...และ..Mastertestศิษย์ครู
..รวมถึง..ทุกคนในครอบครัวผม....
............................
...ต่อจากตอนที่แล้ว....
................................
......................................................................
....เรื่องในรายละเอียดนั้น..มีการเปิดเผย..เป็นที่ทราบกันไม่นานมานี้..เพราะมี..
นักเขียนดัง..เอามาเล่าต่อ...แถม..ยังมีคนต่อยอดเอามา..เผยแพร่ในเน็ต..โดยระบุ
ว่า..มาจากนักเขียน..ดังคนนี้....ความดังคือ..เครดิต..ดังนี้..เมื่อเห็นว่า..บทความ
มันมาจาก..ผู้มีเครดิต...ก็น่าจะเชื่อถือ..ได้มากกว่า...
.....ในเรื่องราวนั้น..เกี่ยวพันกับ..คนดังในอดีตคนหนึ่ง...คนๆนี้....มีคนรู้จักมากกว่า
..ท่านปฤษ..มาก..เพราะดำรงตำแหน่งใหญ่โตมาก..ในภายหลัง.....
.........แกเป็น..หนึ่งในสองคน..ที่ไปรับ..พระธาตุที่อินเดีย........
นั่นคือ..................พระยาสุขุมนัยวินิต...................
....หลายคน..คงงงว่า..ไหนว่าดัง.....ใครวะ.................
..นั่นคือ..บรรดาศักดิ์ในตอนนั้น...แต่บรรดาศักดิ์สุดท้ายคือ........
...............เจ้าพระยายมราช ( ปั้น สุขุม )............................
...ผมเองก็ไม่ทราบว่า..เรื่องนี้..มันจริงขนาดไหน..แต่ผลของการพูดนั้น..ไม่ว่า
รายละเอียดจะเป็นยังไง...ก็ส่งผลร้ายกับ..ท่านปฤษ..ขนาดมหาศาล....เพราะทำ
ให้กลายเป็น..จำเลยสังคม..ทันที..และส่งผลให้..แม้ในภายหลังที่..ร.๕ เสด็จไป
ศรีลังกา..ตอนนั้น..ท่านปฤษขึ้นเป็นเจ้าอาวาสแล้ว..พระองค์ท่านยังไม่ยอมให้
..ท่านปฤษ..เข้าพบ...กลับมา..เผาศพ..ร.๕ ยังถูกบังคับให้สึก...ที่เมืองไทย...
.....เรื่องของเรื่อง...ในความหมายรวม...คือ...เป็นเรื่องที่บอกเล่าออกมา..จาก
..พระยาสุขุมนัยวินิตว่าทำนองว่า...
.................................................................................
ท่านปฤษแอบจิ๊ก..พระธาตุ..ไปบางส่วน..จากส่วนเดิมทั้งหมด..ที่จะเอามาเมืองไทย
..................................................................................
...พวกเราลองอ่านเอาเอง...เล่นกันหนักมั้ย...............
เรื่องนี้..เป็นการรับทราบกันภายใน..ในหมู่เจ้านายชั้นสูง..และ..ข้าราชการชั้นสูง..
และคงตกลงกันว่า..จะไม่ให้แพร่..ไปภายนอก..เพราะจะเสื่อมเสียต่อราชวงศ์..
..เรื่องนี้มีเค้าโครงแบบที่ว่า...(..อันนี้..ผม..ก็ไปเอา..ข้อมูลเขามาอีกที...ก็ไม่ยืน
ยัน..ว่าจะเป็นเรื่องจริงแน่..แต่มีเค้าโครงจริง..ในทำนองนี้...เพราะเรื่องภายหลัง
นี้..นักเขียนใหญ่..ก็..ได้เรื่องมาจาก..ที่พระยาสุขุมเล่าให้ลูกหลาน..ฟังอีกที..)
................................................................................
..เมื่อไปรับ..พระธาตุที่อินเดียนั้น..ทางสยามส่ง..เจ้าหน้าที่ไป ๒ คน..เป็นหลวง ๑ คน
พระยา ๑ คน นั้นคือ..พระยาสุขุมนัยวินิต......ขณะที่ผู้ประสานงาน..ของสยาม
ที่โน่น..ก็คือ..ท่านปฤษ.....
...เมื่อรับมาแล้ว..ก่อนจะเดินทางกลับ..ท่านปฤษ..บอกว่า..ก่อนหน้านี้..ท่านเองได้
ขอ..พระธาตุมา..ส่วนน้อย..ก่อนที่อังกฤษ..จะตกลงว่า..จะมอบให้สยาม..กะว่า..
ถ้าเผื่ออังกฤษไม่ให้...ก็จะนำส่วนนี้..ไปถวาย..ร.๕ แทน.....และ..เอามาให้ดูด้วย..
...แต่ปรากฎว่า..พระยาสุขุม..ฉุนขาด..บอกว่า..ท่านแอบ..จิ๊กเขามา..เป็นพระนี่..
บาปใหญ่นะ..หยั่งนี้..น่าจะต้องถูกจับสึก..ถ้าไปเมืองไทยเมื่อไหร่..จะจับสึก....
........................................................
.....ต้องขยายความกันหน่อย..ว่า..พระยาสุขุม..นี่เด็กกว่า..ท่านปฤษ..เป็นสิบปี..
เรียกว่า..คนละรุ่นเลย..บวชตั้งแต่เป็นเณร..และ..เป็นมหา..ตั้งแต่เป็น..เณร..
..บวชพระได้แค่ ๒ ปี ก็สึก..มารับราชการ...จุดเสริมของแกก็คือ...
...วัดที่แกบวชนั้น..กรมพระยาดำรงก็บวชด้วย..และก็..สนิทกันมาก...กรมพระ
ยาดำรงก็ชวนไปทำงานด้วย..และเป็นแรงหนุน..รวมทั้งเป็นเกราะให้..ตลอด..
...เข้าใจว่า..พื้นฐานแกต้องเป็นคนประเภท.."แรง"..และ..ไม่ค่อยฟังใคร..พอควร
..คนดัง..คนนี้..อย่านึกว่า..จะมีผลงานเลอเลิศตลอดนะครับ...หลักฐานมี..
...เมื่อคราวถูกส่งไปเป็น..สมุหเทศาภิบาลที่ปัตตานี...ช่วงนั้น..ตำแหน่งเจ้าเมือง
ว่างอยู่..แกรักษาราชการแทน..ก็เล่นไม้แข็ง..กับ..เจ้าถิ่นจน..เกือบมีเรื่อง..ที่
ทางปัตตานีฮือ..ขึ้นมา...จนเบื้องบน..ต้องรีบส่งคนไปแทน..และ..ส่งคนไปเจรจา
จึง..สงบได้....
............ผมมาวิเคราะห์แล้ว..ว่า..ท่านปฤษ..ก็คงตั้งใจอย่างนั้น..จริง..เพียงแต่
..แกคงไม่ชอบ..หรือ..หมั่นไส้อะไรท่านก่อนหน้าแล้ว..(เป็นคน..ยุคหลัง..เคย
ถูกส่ง..ไปที่อังกฤษ..อยู่พักนึง..ก็คงมีแต่..คนชื่นชม..ท่านปฤษ..ในผลงานต่างๆ
ให้ฟัง..อะไรทำนองนี้..ก็เลย..หมั่นไส้เป็นทุนมาก่อน...)...ผมว่า..ตอนนั้น..
ท่านปฤษ..ก็คงชื้แจงที่มา..ของพระธาตุของท่านว่า..ท่านได้รับมอบมา..
....แต่พระยาสุขุมแก..คงไม่เชื่อ....
.....เรื่องมันก็เลย..ออกมาเป็นแบบนี้....
..แต่ผมมี..ข้อสังเกตอย่างนึงว่า....ปกติ..คนไทย..เขาก็นับอวุโสกัน...และยิ่ง
กับ..พระด้วย...แม้จะนับพรรษาบวชพระ..ท่านปฤษ..ก็..มากกว่า...
....แต่การ..ปฏิบัติ..และ..คำพูด..นั้น..ถ้าเป็นเรื่องจริง..ถือว่า...แย่มาก...
........................................................................
....ครับเรื่องนี้..พระยาสุขุม..ก็คงมาเล่า..ต่อที่เมืองไทย..แล้วก็ต้องคิดกัน
ว่า..พระธาตุส่วนที่อยู่ที่..ท่านปฤษนั้น..คงเป็นส่วนเดียวกัน..กับที่ได้รับ
มอบจากอังกฤษ...ก็เลยเหมือน..แอบขโมยของทำนองนั้น............



......................
...ที่บรรยายในรูปนั้น..เป็นตำแหน่งสุดท้าย...ตำแหน่งขณะนั้นคือ..พระยาสุขุมนัยวินิต

.............................ต่อตอนหน้า..............

 

สวัสดีตอนค่ำครับคุณอา modpong และพี่ๆ.เพื่อนสมาชิกทุกท่านด้วยครับ
เข้ามาติดตามอ่านต่อครับ..อ่านแล้วรู้สึกเห็นใจในโชคชะตาของคนที่โดนลมปาก..พายุไซโคนี่รุนแรง..ทำคนดีเสียผู้เสียคนมาเยอะ..

 

รอติดตามตอนต่อไป

 

กรรมวาจา สามารถทำร้ายคนอื่น และตัวเองได้ ไม่มีละเว้นซักคน คนบ้ายังโดน อิอิ

 

..................
...หวัดดี..เฉียวฟงหลานรัก...หลานเดิน..หลานApril..และ..หลานสวนพลู
รวมถึง..ทุกคนในครอบครัวผม..........
.....................
..ต่อจากตอนที่แล้ว.........
.......................
..................................................................
...........แต่...เรื่องนี้..ไม่จบ...เพราะ..เมื่อแกไปว่า..คนอื่น..หลังจากนั้น
..แกก็มีเรื่องแอบงำไว้..ไม่กล้าบอกคนอื่นเหมือนกัน..บอกแต่ลูกหลาน
..เก็บเป็นความลับ....เพราะถ้าบอกตอนนั้น..จะมีคนเชื่อแกสักกี่คน...
..เพราะ..มันไม่สมเหตุสมผล.....ในความเห็นของผม
............ไอ้เรื่องเพิ่งมาเปิดเผย...เมื่อไม่นานมานี้..โดย..หลาน..เหลน..แกเอง..
.................................................................
มันเป็นเหตุ..บังเอิญจริงๆ...ที่มาเจอข้อมูลนี้เข้า.....กลายเป็นการกลับตาลปัตร
..ฟ้ากับเหวจริงๆ...แล้วเท่าที่ทราบยังไม่เคยมีใคร..วิเคราะห์เรื่องนี้มาก่อน..
....ก็น่าจะเป็นอย่างนั้น..เพราะอ่านเผินๆ..แล้วไม่มีอะไร..แต่ถ้าคนที่ศึกษา
ประวัติ..เรื่องพระธาตุชุดนี้อยู่..ต้องสะดุดแน่..ไม่ว่าใครก็ตาม..
...แล้วต้องมาตั้งคำถาม..ในใจตัวเองว่า..จริงเหรอ......
.....เมื่อปี ๒๕๔๕ ....เรื่องนี้..ก็เริ่มปรากฏแก่..คนนอกตระกูล..เพราะทายาท
สายสกุล..สุขุม(..ก็คือ..ลูกหลานของ..พระยาสุขุมนัยวิต..หรือ..มหาอำมาตย์
เอก เจ้าพระยายมราช( ปั้น สุขุม)..เกิดจิตศรัทธา..นำของศักดิ์สิทธิ์ประจำตระกูล
..นำมา..ถวายวัดเพื่อบรรจุ..ใส่ในเจดีย์ที่กำลังสร้างขึ้นใหม่.....
...ซึ่งของนี้..เป็นของ..พระยาสุขุมนัยวินิต...และ..ของนี้นั้น..แกได้มาเมื่อ..
..พ.ศ. ๒๔๔๒ เห็นปี..พวกเราเริ่มคุ้นรึยัง...ก็ปีที่..พระอัฐิธาตุของพระพุทธเจ้า
ที่พบที่PIPRAHWAนั้น..ได้มาถึงเมืองไทย.......
..............อ่านมาถึง..ตรงนี้..ก็คงงงกัน.....ไม่ต้อง..งง..ครับ.....
..ของศักดิ์สิทธิ์..ประจำตระกูล..ที่ว่า...ก็คือ..ส่วนนึงของพระอัฐิธาตุ..ที่แกเป็น
คนไปรับมาจากอินเดีย..แล้ว..เดินทางกลับมา..ถวายให้ รัชกาลที่ ๕ นั่นแหละ
....อ้าว..แล้วไหง..มากลายเป็นสมบัติส่วนตัวได้ยังไง......
ขนาด..รัชกาลที่ ๕ พระองค์ท่าน..ยังไม่เก็บเป็น..สมบัติส่วนตัวเลย...
ไปบรรจุที่..เจดีย์..ให้พุทธศาสนิกชนกราบไหว้..และ..อีกส่วนก็ตาม..ความต้อง
การของอังกฤษ..คือ..แจกจ่ายให้ไปที่...ประเทศอื่น..ที่มีศาสนาพุทธเป็น...
ศาสนาหลัก..ทั่วเอเซีย...
..............................................................................
...พูดง่ายๆ..ของแบบนี้..ไม่ใช่สมบัติส่วนตัว..เป็นสมบัติชาติ..ขนาด ร.๕..
..พระองค์ท่าน..ก็ยกให้เป็น..สมบัติชาติ..........ให้คนไทย..ได้กราบไหว้กัน
..............................................................................
...พระธาตุ..ที่ท่านปฤษ..ได้รับมอบแยกมา(ย้ำ..ไม่ใช่ส่วนที่จะยกให้สยาม)....ท่านก็เอาไป
ใส่ในเจดีย์ที่สร้างขึ้นเฉพาะ..ที่วัด..ประกาศชัดเจนทั่วกัน..ถึง..ประวัติที่มาที่ไป
...เพื่อให้พุทธศาสนิกชน..ทั่วไป..ทั้งในศรีลังกา..และ..ที่อื่นมากราบไหว้..ที่วัดท่าน
.............................................................................
....อ้าว..แล้วไหง...พระธาตุชุดที่มาที่สยาม..กลายเป็นสมบัติส่วนตัวไปได้...
...เก็บเงียบอยู่กับ..คนในตระกูล..สุขุม..มาร้อยกว่าปี...คนภายนอกไม่มีสิทธิมากราบ
ไหว้..ก็อาจจะเป็นเพราะ..
๑. ความลับ..ของที่มา..จะรั่วไหลแล้ว..ถ้ามีคนตั้งข้อสงสัย
เรื่องมันอาจจะ..ไปกันใหญ่...
๒. ถ้าให้คนอื่นมากราบไหว้ได้...ก็ไม่ใช่ของส่วนตัวซิครับ
..........................................................................
...เรื่องที่แกเล่าให้ลูกหลาน..แกฟังนั้น..ไม่มีหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษรหรอกครับ
..ส่วนนึงในเรื่องที่แกเล่านั้น..แกบอกว่า..เป็นเหมือนข้อตกลง..ระหว่าง..แก
..กับ..รัชกาลที่ ๕......
.....ผมจะเอาข้อความที่เกี่ยวข้องนี้..มาให้พวกเราอ่านก่อน..อันนี้..ก้อบปี้มาเลย
จาก..ประวัติที่มา..ของพระธาตุนี้..ที่บรรจุใน..เจดีย์......

...........................

...ภาพนี้เป็นภายถ่ายภายใน..องค์สถูปเจดีย์ภูเขาทอง..วัดสระเกษ..จะเห็นเจดีย์องค์เล็ก..ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุจากPIPRAHWA...............

......................ต่อตอนหน้า............................

 

รออ่านตอนต่อไปครับคุณลุง
กำลังเข้มข้นเลยทีเดียว

 

............
...หวัดดี..หลานbear..และ..ทุกคนในครอบครัวของผม
.....................
...ต่อจากตอนที่แล้ว....
.....................

...................................................................
.......พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชทานแต่งตั้งให้
มหาอำมาตย์นายกเจ้าพระยายมราช (ปั้น สุขุม)
ซึ่งสมัยนั้นดำรงตำแหน่งเป็น พระยาสุขุมนัยวินิต
เป็นหัวหน้าคณะอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุจากประเทศอินเดียมาสู่ประเทศไทย
เมื่อพระยาสุขุมนัยวินิตได้ถวายพระบรมสารีริกธาตุแด่สมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
เพื่อนำไปแจกแบ่งแก่ประเทศต่างๆ
และนำไปประดิษฐานยังพระเจดีย์บรมบรรพต (ภูเขาทอง) วัดสระเกศฯ
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระราชทาน
ห่อผ้าที่ใช้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุแก่พระยาสุขุมนัยวินิต
เพื่อเป็นที่ระลึกในเหตุการณ์สำคัญครั้งนี้
ซึ่งต่อมาได้เกิดเหตุอัศจรรย์มีแสงเรืองรองออกมาจากห้องที่เก็บห่อผ้านั้น
เมื่อเข้าไปดูก็พบว่ามีพระบรมสารีริกธาตุตกค้างอยู่ในห่อผ้า
พระยาสุขุมนัยวินิตจึงได้นำไปถวายคืนแด่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
แต่พระองค์ยืนยันว่าได้นำพระบรมสารีริกธาตุทั้งหมด
ออกมาด้วยพระหัตถ์ของพระองค์เองจนหมดแล้ว
จึงได้ทรงพระราชทานอนุญาตให้พระยาสุขุมนัยวินิตเก็บพระบรมสารีริกธาตุ
ส่วนที่เหลืออยู่นั้นไว้สักการบูชาเป็นสมบัติประจำตระกูลสืบไป
.......................................................
.....เมื่อวันที่ ๒๙ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๕.....
...........................................
ทายาทของมหาอำมาตย์นายกเจ้าพระยายมราช (ปั้น สุขุม)
ถวายพระบรมสารีริกธาตุจากเมืองกบิลพัสดุ์ ประเทศอินเดีย
ที่ได้รับพระราชทานเป็นสมบัติของตระกูลสืบมา
แต่เมื่อครั้งอัญเชิญมาจากประเทศอินเดีย
แด่พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก เจ้าอาวาสวัดสุนันทวนาราม
คณะสงฆ์และศิษยานุศิษย์วัดสุนันทวนาราม ได้พิจารณาเห็นพ้องกัน
มีดำริจัดสร้างพระเจดีย์เพื่อประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุดังกล่าวนั้น
ให้อยู่ในที่อันสมควร ตลอดจนเพื่อเป็นที่กราบไหว้สักการะแก่สาธุชนทั่วไป
.............................................
..................................................................................................
....ผมตัดบางส่วน..ที่ไม่เกี่ยว..และ..ที่ระบุชื่อออกซะ...เอาเฉพาะเนื้อหา..
..เจดีย์บรรจุพระธาตุนี้..สร้างเสร็จ..และ..ฉลองในปี พ.ศ. ๒๕๔๗ ครับ..
....อยู่ที่เมืองกาญจนบุรี...วัดของอดีตพระอาจารย์มิตซูโอะ......
............................................................
...ผมอ่านจบ..แล้ว..ก็มีข้อสงสัย..และ..ข้อข้องใจ..มากมาย...ซึ่งผมจะแยกเป็นข้อๆ
ดังนี้......
๑. ....คำว่า "ห่อผ้า"...ย่อมแตกต่างจาก.."ถุงผ้า"...แน่นอน..เพราะ...
ห่อผ้า..นั้น...คือ...ผ้าผืน..สี่เหลี่ยม(ปกติ..จะเป็นจตุรัส)....เมื่อต้องการจะเอา..ของ
ใส่ลงไปในนั้น..เราก็วางไว้ที่กลางผืน..เสร็จแล้วรวบชายผ้าขึ้น...แล้วรวบที่ใกล้ๆ
วัตถุ..นั้นอีกที...แล้วใช้เชือกมัดผูกให้แน่น...
...ถุงผ้า...นั้น...คือ..ผ้าที่มี..เย็บก้น..และ..ด้านข้าง..เหลือเฉพาะ..ปากที่เปิดอิสสระ
...ซึ่งปกติ..ที่ปากนั้นจะเย็บเก็บปลายแบบทำช้องไว้..ให้สอดเชือกร้อยผ่านได้ตลอด..
..เมื่อเอาของใส่..ลงไปในถุง...แล้ว...ก็รูดเชือกมัดปากถุงให้แน่น....
...แต่ถ้า..ถุงใหญ่..และ..ของมีน้อย..เราอาจจำเป็นต้อง..หาเชือกมารัดให้ต่ำลงไป..
ให้พอดี..พอที่จะทำให้ของไม่คลอนไปมา..แทนการรูดเชือกที่ปากถุง.......
.........ส่วนใหญ่แล้ว..การใช้ห่อผ้านั้น...สะดวก..และ..เหมาะสำหรับ..ของสะดวก
กับ..การที่ต้องการเปิดดู..คราๆไป..ดูเสร็จ..แล้วมัดเก็บเคลื่อนที่ไปที่อื่นได้....
...เมื่อจะดูอีก..ก็สามารถแกะเชือกออกดู...ใช้กับ..ของที่มีจำนวน..ไม่มาก...
..ส่วนใหญ่..เวลาจะดู..เราก็มักจะวางห่อผ้า..บนพานก่อน..แล้วถึงแก้..เชือก..
เปิดออกมา..ที่เราทำแบบนี้เพราะ..ถ้าของในห่อผ้า..มีลักษณะค่อนข้างกลม..
..เมื่อแกะออก..มันอาจจะกลิ้งออกนอก..ห่อผ้าได้....
......ข้อดี...คือ..วัตถุในห่อผ้านั้น..เราไม่จำเป็นต้องสัมผัส..เหมาะสำหรับของที่มี
ความละเอียดอ่อน..เปราะบาง..เช่น..อัญญมณี..แก้วแหวน..วัตถุทรงคุณค่า....
..จะไม่ได้รับการกระทบ..กระเทือน..จากการนำออกมาให้ดู..และไม่เปื้อน..
หรือ..ถูกสัมผัสด้วย..มือ....
...........................................................................................
................และที่สำคัญ..มากคือ...เมื่อจะย้ายของออกจาก..ห่อผ้า..อย่างถาวร..
..เป็น..ที่แน่ใจได้ว่า......จะไม่มีของตกค้างเหลืออยู่แน่นอน.........
..เพราะ..ผ้าทั้งผืน..ถูกคลี่เปิดออก...ของที่บรรจุ..จะวางอยู่กลางผืนผ้า.....
....แถมเมื่อ..เวลาเอาของออกไปแล้ว....ผ้านั้น..ก็จะถูกเก็บโดยการผับแบบ..
พับผ้าเช็ดหน้าธรรมดา...ต่อให้ตาถั่วยังไง...ตอนพับผ้า...ก็จะรู้สึก....
...................................................
....คนไทยเรา..ใช้..แบบนี้..มาแต่ดึกดำบรรพ์แล้ว......
...ถุงผ้า..นั้น...มีข้อดีกว่า..เพียงแค่..ใส่ของใหญ่ๆได้..เล็ก..ก็ได้..แล้วแต่ขนาดผ้า..
และ..ความแข็งแรงของเนื้อผ้า.....กับ....ความมั่นคง..ในการนำพาไปไหน...
มั่นใจว่า..ของไม่หลุด..ออกนอกถุงแน่.....
..แต่ข้อเสีย..คือ..การเอาของเข้า..การของออก..ถ้าไม่ใช้วิธีเอามือล้วงลงไป..
..ก็เป็นการ..เทถุง...ให้ของออก....ซึ่ง..ถ้าเป็นของมีค่า..และเปราะบางอาจมีการสึก
หรอ..หรือ..ชำรุดระหว่างการเท...และ..ถ้าเป็นของสัมคัญที่ไม่ต้องการให้สัมผัสมือ
..และเปราะบางด้วยจะเลี่ยงไม่ได้..เพราะ..ถ้าไม่เท..ก็ต้องเอามือล้วงออกมา....
......................................................
..........และที่สำคัญ...คือ...ถ้าไม่รอบคอบ...เวลาเอาของออก..อาจมีของ...หลงเหลือ..ตกค้างได้...โดยเฉพาะที่ไม่ทราบ..จำนวนมาก่อน.....
....เช่น..รีบเท...หรือ..ควักของไม่ทั่ว..และไม่ตบถุง..เพื่อความแน่ใจว่า..ไม่มีอะไร
หลงเหลืออยู่............................
...........................................................
....ปัญหาของเรื่องนี้คือ...พระธาตุนั้น..ถูก..บรรจุใน.."ห่อผ้า"...ไม่ใช่.."ถุงผ้า"..ครับ

.......................

....พระเจดีย์สุนันทวรารามมหาเจดีย์ วัดสุนันทวราราม...กาญจนบุรี....
.....ที่บรรจุ..พระอัฐิธาตุ..จาก PIPRAHWA ส่วนที่บอกว่าเป็นสมบัติส่วนตัว
ของ..เจ้าพระยายมราช...และต่อมา..กลายเป็นสมบัติประจำตระกูล..ของสกุล"สุขุม"


.....................ต่อตอนหน้า........................

 

ติดตามต่อครับคุณลุง

 

ติดตามตอนต่อไปครับ

 

.............
..หวัดดี..หลานbear..และ..หลานApril..รวมถึงทุกคนในครอบครัวผม...
.............................
..ต่อจากตอนที่แล้ว....
..............................
...............................................
...ดังนั้น..ผมว่า...ในห่อผ้า..ที่คลี่ออกแล้ว..ถ้าสมมุติ...ถ้าเราเอาหินก้อนเล็กๆ..ใส่
ลงไปซักสิบก้อน..สั่งให้เด็กอายุซักสิบขวบ..ไปเก็บก้อนหินทั้งหมดที่ห่อผ้า..ใส่กระป๋อง
ให้หมด..ผมว่าต่อให้เด็กสิบคน..มันไปเก็บ..มันก็คงเก็บได้ครบ..ทั้งสิบคน...
....รับรองว่า..ไม่มีเศษหิน..เหลือบนห่อผ้าแน่..ก็มันเห็นโทนโท่.....
....แล้วนี่....พระอัฐิธาตุ..ที่สำคัญยิ่ง...ขนาดนั้น..ผมเคยให้ดูตัวอย่าง..จากรูปที่..
อยู่ในโถแก้ว..ของอินเดียที่ขุดเจอทีหลัง..แล้วเราทำโถไปให้..ขนาดแต่ละชิ้นเฉลี่ย..
..ประมาณ ตั้งแต่ ๑.๕ - ๓ ซม. มันไม่ใช่เล็กเป็น..ผง..ที่ไหนกัน......
.....คนเก็บออกจาก..ผ้าก็ไม่น่า..จะเป็นคนชั้นธรรมดา....
..แถมช่วงการเก็บ..ก็ไม่น่าที่จะไม่มีคน..อยู่คอยดู..คอยช่วยเหลือ...
....เรียกว่า..ต้องพิถีพิถัน..และ..มีหลายตา..มองอยู่....แล้วจะเล็ดรอด...
ตกค้างอยู่ได้ยังไง.....................
......................................................
...ผมจึงคิดว่า..ไม่น่าจะเป็นไปได้..ที่จะมี..พระธาตุหลงเหลือ..ตกค้าง..อยู่กับ..
ผ้าที่กางอยู่..อย่าลืมนะครับ..ตอนที่เอาพระธาตุออกไป..ผ้ามันไม่ได้ห่อ...
...มันต้องกางอยู่ ..แน่นอน....
......................................................
.....ถ้าจะมีเหลือ..ก็..อาจจะเป็น..ผงที่อาจหลุดออกมาได้..อาจเป็น..เศษขนาด หัวเข็ม
หมุด..ซักชิ้น..สองชิ้น...ซึ่งผมว่า..ไม่น่าจะเป็น..ประเด็น..ถึงกับ..ไปถวายคืน ร.๕..
......มันไม่สมเหตุ..สมผล...สำหรับ..คนระดับนี้.............................
...เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นจริง..พระองค์ท่านคงไม่ว่าอะไร.......
...แต่ผมว่า..ไอ้ที่ไม่น่าเป็นไปได้..คือ..ถ้ามี..พระธาตุ..ชิ้นขนาดนี้..ซัก ๒ ชิ้น...
...เอาไปบรรจุ..แล้วสร้างเจดีย์ครอบ..คงเป็นเรื่องตลก..สำหรับคนที่ได้เห็น...
..คนที่เอาไปถวาย..ก็เสียหน้าเปล่าๆ.............
..................................................................
....ดังนั้น..คาดว่า...พระธาตุที่ทายาทสกุลสุขุม..เอาไปไว้ที่..เจดีย์..ก็น่าจะเป็น..ชิ้น
แบบ...เหมือนกับ..ชิ้นอื่นๆ...........ค่อนข้างแน่....
..............................................................
....สรุปสำหรับข้อนี้..ความเห็นผมคาดว่า...ไม่น่าจะมี..พระธาตุ..เหลืออยู่..ผ้า..ที่..ห่อ
อยู่เดิม..หลังจากทำการย้าย..ออกไปแล้ว........
๒. ผมเคยบอกแล้ว..ว่า..รัชกาลที่ ๕ พระองค์ท่าน..มีความคิดอ่านที่สูงส่ง..
รู้ว่าอะไรควร..อะไรไม่ควรแน่นอน....พระธาตุชุดนี้..อังกฤษให้พระองค์ท่านมา..
..ก็เจตนาบอกไว้..เพื่อให้..พุทธศาสนิกชน..ทั้งหลายได้กราบไหว้..แต่ที่ให้พระองค์
เนื่องจากไทย..มีชาวพุทธเกือบทั้งประเทศ..เรียกว่า..เป็นตัวแทน..เป็นศูนย์กลาง
พุทธศาสนา...จะได้เป็นผู้ที่จำแนกแจกจ่าย..ไปยังประเทศอื่น..ที่..มีคนพุทธ..มี
ศาสนสถานอื่น..ได้เคารพ..กราบไหว้ด้วย.....
........พระองค์ท่าน..ย่อมคิดว่า..นี่..ไม่ใช่ของส่วนตัวแน่นอน...พระองค์ท่านจึงไม่
เก็บเอาไว้..ที่พระราชวัง..แต่นำ..ไปที่ๆ..ประชาชนของท่าน..จะได้กราบไหว้ได้
สะดวก...โดยเฉพาะ..ให้อยู่ในที่สูง..อย่าง..ภูเขาทองวัดสระเกษ..และ..พระธาตุ
จอมเพชร..ซึ่งตั้งอยู่บนเขาวัง.......
......แล้ว..ในกรณีนี้..มันจะเป็นไปได้หรือ..ที่จะให้..คนหนึ่งคน...เป็นผู้ครอบครอง
..คนที่จะได้กราบไหว้..ก็แค่..คนในตระกูล..มันจะยุติธรรม..กับ..คนทั้งชาติหรือ..
...แล้วเกิด..ถ้าเรื่องนี้..หลุดออกไปภายนอก...ทั้งพระบรมวงศานุวงศ์..ฝ่ายสงฆ์
..ฝ่ายข้าราชการผู้ใหญ่..และ..ชาวบ้าน...จะไม่มาต่อว่า..ท่านเหรอ.....
............ถ้าเป็นเรื่องที่เอามาคืนจริง...โอ้โห..ยังมี..วัดหลวงอีกมากมายทั่วประเทศ..
..ทั้งเหนือ..ออก..ตก..ใต้......พระองค์ท่านก็ต้องรับไว้แน่..แล้ว..ก็เลือกไป..บรรจุ
ใน..ภาคต่างๆ..เพราะ..การเดินทางยุคนั้นลำบาก..เขาจะได้..ไม่ต้องมากราบไหว้
ถึง..พระนคร....สมความต้องการให้..ประชาชนทั่วประเทศ..ได้กราบไหว้กัน
..........ขอโทษครับ..ผมว่า..มันไม่สมเหตุ..สมผลจริงๆ.......

.............................
....เหตุการณ์ผ่านไป ๓-๔ ปี ก็ยังเป็น..ที่ตำแหน่งเดิม..ก็ไม่เห็นว่า..ร.๕ พระองค์ท่านจะโปรดปรานเป็นพิเศษ..หรือ..เลื่อนยศ..เลื่อนตำแหน่งให้อย่างรวดเร็วแต่อย่างไร

...............................ต่อตอนหน้า................................

 

สวัสดีครับพี่ modpong ขอบคุณมาก ๆ ครับ

 

รอติดตามบทวิเคราะห์ของอาต่อครับ

กำลังเข้มข้น

 

ตามมาให้กำลังใจยามเย็นครับคุณอา