อัลบั้มพระ ประวัติ และวัตถุมงคล

ม่ายรู้เหมือนกัน เกิดไม่ทัน <a href="http://www.yenta4.com/cutie/view_img.php?d_id=1945&cate_id=1" target="_blank"><img src="http://www.yenta4.com/cutie/upload/945/1945/50126e90d4081.gif" border="0" alt="รูปสวย น่ารัก glitter emoticon www.yenta4.com" title="รูปสวย น่ารัก glitter emoticon www.yenta4.com"></a><br />

 

หาคนนี้เจอ ก็หาพี่โญเจอล่ะคร๊าบบ

ปล. แอร๊ยย พี่โญกลับมาแล้ว หนีไปนอนล่ะคร๊าบบ

 

;aa44 สวัสดีครับพี่ช้าง ทันไหมเนี่ย

 

ยังไม่ หนึ่งทุ่ม เลยจะหลบไปไหนอยู่คุยกันก่อนครับ
​

​

 

ฝันดีครับพี่ปู.....เข้านอนเร็วมว๊ากกกกกก ^_^

 

สวัสดีช่วงเลิกงานครับพี่ช้างงงงงงงง ^_^

 

มีเพื่อนร่วมรุ่นแล้วครับ

 

แอร๊ยยยยยยยยยยยยยยย !!! ^^

 

เปลี่ยนใจแล้วละคุณเอ็ม เดี๋ยวเจ้าของเวปพลังจิตเขาจะว่าเอา (โดนแบน) หาว่าเอาการเมืองมาลงในเวป คุยกันเรื่องพระดีกว่า ที่คุยเรื่องพระหาย พอเห็นห่วงจากรูปแล้วเชื่อคุณเอ็มแล้วครับว่าไม่ใช่หล่นหายแบบธรรมดาครับ

 

​

 

สาระเรื่องสาละ



ต้นสาละในรูปด้านบนนี้อยู่ข้างรั้วอุโบสถวัดท่าซุง แต่ต้นสาละพันธ์นี้ไม่ใช่ต้นสาละที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธประวัตินะครับ ต้นสาละรูปบนนี้เรียกว่า ต้นสาละลังกา หรือ ต้นลูกปืนใหญ่ (Cannon Ball Tree; Couroupita guianensis Aubl.) เป็นพันธุ์ไม้ ที่มีถิ่นกำเนิดในอเมริกาใต้ในประเทศเปรู, โคลัมเบีย, บราซิล และประเทศใกล้เคียง ต่อมามีผู้นำไปปลูกในดินแดนต่างๆ รวมทั้งประเทศศรีลังกา กระทั่งมีการนำจากศรีลังกาเข้ามาปลูกในประเทศไทย เราสามารถพบเห็นปลูกตามวัดต่างๆ ในประเทศไทย และติดป้ายว่าเป็น สาละ (Sal; Shorea robusta C.F. Gaertn.) และบรรยายว่าเป็นต้นไม้ที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธเจ้าที่เสด็จมาประทับก่อนดับขันปรินิพพาน

แต่ต้นสาละที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธประวัติโดยตรงคือ "ต้นสาละอินเดีย" มีชื่อสามัญว่า Sal, Shal, Sakhuwan,Sal Tree, Sal of India, Religiosa (ภาษาละติน หมายถึงเกี่ยวเนื่องกับศาสนา) ชื่อวิทยาศาสตร์: Shorea robusta มีถิ่นกำเนิด ทางเหนือของประเทศอินเดีย (ซึ่งปัจจุบันคือประเทศเนปาล) บางทีเรียกว่า สาละใหญ่ หรือมหาสาละ

สาละ เป็นคำสันสกฤต อินเดียเรียกต้นสาละว่า "Sal" เป็นไม้ที่มีความสำคัญเกี่ยวข้องกับพระพุทธเจ้าโดยตรงทั้งตอนประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพาน มีความสำคัญในพุทธประวัติดังนี้

ตอนพระพุทธเจ้าประสูติ

ก่อนพุทธศักราช 80 ปี พระพุทธมารดาคือพระนางสิริมหามายาทรงครรภ์ใกล้ครบกำหนดพระสูติการ จึงเสด็จออกจากกรุงกบิลพัสดุ์ เพื่อไปมีพระสูติการที่กรุงเทพวทหะ อันเป็นเมืองต้นตระกูลของพระนาง ตามธรรมเนียมประเพณีพราหมณ์ เมื่อขบวนเสด็จมาถึงครึ่งทางระหว่างกรุงกบิลพัสดุ์กับกรุงเทวทหะ ณ ที่ตรงนั้นเป็นสวนมีชื่อว่า "สวนลุมพินีวัน" เป็นสวนป่าไม้ "สาละ" พระนางได้ทรงหยุดพักอิริยาบท (ปัจจุบันคือตำบล "รุมมินเด" แขวงเปชวาร์ ประเทศเนปาล) พระนางประทับยืนชูพระหัตถ์ขึ้นเหนี่ยวกิ่งสาละ และขณะนั้นเองก็รู้สึกประชวรพระครรภ์ และได้ประสูติพระสิทธัตถะกุมาร ซึ่งตรงกับวันศุกร์เพ็ญเดือน 6 ปีจอ ก่อนพุทธศักราช 80 ปี คำว่าสิทธัตถะแปลว่า "สมปรารถนา"

อีกตอนหนึ่งก่อนที่เจ้าชายสิทธัตถะจะตรัสรู้

เมื่อพระองค์เสวยข้าวมธุปายาสที่บรรจะอยู่ในถาดทองคำของนางสุชาดาแล้ว ได้ทรงอธิษฐานว่า ถ้าพระองค์ได้สำเร็จพระโพธิญาณ ขอให้การลอยถาดทองคำนี้สามารถทวนกระแสน้ำแห่งแม่น้ำเนรัญชลาได้ เมื่อทรงอธิษฐานแล้วได้ทรงลอยถาด ปรากฎว่าถาดทองคำนั้นได้ลอยทวนกระแสน้ำ จากนั้นพระองค์เสด็จไปประทับยังควงไม้สาละ ตลอดเวลากลางวัน ครั้นเวลาเย็นก็เสด็จไปยังต้นพระศรีมหาโพธิ ประทับนั่งบนบัลลังก์ภายใต้ต้นโพธิ และได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในเวลารุ่งอรุณ ณ วันเพ็ญเดือน 6

ตอนสุดท้ายที่พระพุทธเจ้าจะเสด็จดับขันธปรินิพพาน

เมื่อพระพุทธเจ้า พร้อมด้วยพระภิกษุสงฆ์สาวก เสด็จถึงเขตเมืองกุสินาราของมัลละกษัตริย์ ใกล้ฝั่งแม่น้ำหิรัญวดี พระองค์ทรงเหน็ดเหนื่อยมาก จึงมีรับสั่งให้พระอานนท์ ซึ่งเป็นองค์อุปัฏฐากปูลาดพระที่บรรทม โดยหันพระเศียรไปทางทิศเหนือ ระหว่างต้นสาละทั้งคู่ แล้วพระองค์ก็ทรงสำเร็จสีหไสยาสน์ โดยพระปรัศว์เบื้องขวา (นอนตะแคงขวาพระบาทซ้ายซ้อนทับพระบาทขวา) และแล้วเสด็จเข้าสู่พระปรินิพพาน


และเพราะเหตุว่าใบของต้นสาละมีฐานใบเว้ารูปหัวใจเหมือนใบต้นรัง ทำให้พระสงฆ์ที่ไปแสวงบุญที่อินเดียสมัยก่อนเข้าใจว่าเป็นต้นรัง มีหนังสือหลายเล่มเขียนว่าพระพุทธเจ้าประสูติและปรินิพพานใต้ต้นรัง (พระแท่นดงรัง)



ต้นสาละลังกา หรือต้นลูกปืนใหญ่มิใช่พืชพื้นเมืองของศรีลังกาและอินเดีย และต่างจากต้นสาละอย่างสิ้นเชิงทั้งถิ่นกำเนิดและทางพฤกษศาสตร์ จึงได้มีการจำแนกชื่อที่พ้องกันเพื่อเรียกให้ถูกต้องว่าต้นสาละ (Sal Tree) หรือสาละอินเดีย (Sal of India) และต้นลูกปืนใหญ่ (Cannonball Tree) หรือสาละลังกา (เรียกเฉพาะในไทย) แต่ด้วยความไม่รู้ความเป็นมาและชื่อเดิม ชาวไทยจึงนิยมเรียกสาละอินเดียกับสาละลังกา

ต้นสาละอินเดีย และ ต้นสาละลังกา มีถิ่นกำเนิดพบกระจายอยู่ห่างไกลต่างทวีปกัน แต่เข้ามาเกี่ยวข้องกันโดยบังเอิญ เนื่องจากความเข้าใจผิดในชื่อเรียกขาน ปัจจุบันความเข้าใจดังกล่าวได้แพร่กระจายออกไปไกล เลยขอนำเรื่องต้นสาละมาลงให้อ่านกันครับ



ภาพบนเป็นดอกและผลของต้นสาละลังกาหรือต้นลูกปืนใหญ่

 

สวัสดียามดึกครับคุณปู คุณโญ และทุกๆท่าน

 

สวัสดีครับพี่วรรณ ขอบคุณทั้งคำสอนหลวงพ่อและเกร็ดเรื่องต้นไม้คร๊าบบ

 

หลวงปู่ครูบาชัยยะวงศาพัฒนา (4)

มีปัญญาพิจารณาเห็นทุกข์

ขณะที่ท่านนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ในป่าคนเดียวตามลำพัง
ท่านได้เปรียบเทียบชีวิตท่านกับสัตว์ป่า ทั้งหลายว่า

"นกทั้งหลายต่างก็หากินไปไม่มีที่หยุด
ต่างก็เลี้ยงตัวเองไปตามประสามันก็ยังทนทานไปได้
ตัวเราค่อยอดค่อยทนไปก็ดีเหมือนกัน สัตว์ทั้งหลายก็ทุกข์ยากอย่างเขา
เราก็ทุกข์ยากอย่างเรา สัตว์ในโลกก็ทุกข์เหมือนกันทุกอย่าง
เราไม่ควรจะเหนื่อยคร้าน ค่อยอดค่อยทนตามพ่อแม่นำพาไป"

ที่มา: ธรรมจักร