ผม...พระ...และ...สาระยุคก่อน

...............
....หวัดดี..หลานApril..เดินตามพระ..หลานเขม..และ..หลานสวนพลู
...รวมถึง...ทุกคนในครอบครัวของผม........
...............................
...ต่อจากตอนที่แล้ว........
............................
..............................................................................................
.....ถ้า..ผม..หรือ..คนทั่วๆไป..ที่อยู่ในสถานะ..แบบท่าน..เมื่อมีใครแนะนำ
ให้รู้จัก..แน่นอน..เราก็ต้องมีไมตรีจิตต่อคนแปลกหน้า..ที่ถูกแนะนำมา..
...เพราะ..เราเป็น..ฑูต...ซึ่งผมก็ว่า..ไม่แปลกหรอก..ที่มีการพูดคุย..เรื่องโน่นนี่
เกี่ยวกับ..บ้านเมืองเรา..ก็บอกแล้วว่า..เป็น..ฑูต..นี่ก็เป็นหน้าที่หนึ่ง..ในการ
ให้พวกฝรั่งเข้าใจ..ในสิ่งที่ไม่เคยทราบ..ให้ออกมาจาก..ปากเราดีกว่า....
ให้เขารับรู้จาก..ฝรั่ง..................
.....นี่ก็เช่นกัน..ที่..มันจะต้องอ่อยให้เหยื่อ..ตายใจก่อน..แล้ว..ค่อยเข้าจุด..
โดยใช้วิธี..ถามนำ..แบบที่ทนายใช้....แบบว่า..ถ้าเป็นตัวท่าน..จะคิดยังไง
..จะทำแบบไหน...เพราะมันทราบพื้นฐานล่วงหน้ามาก่อนหน้านี้..แล้วว่า..
ท่านเป็น..คนแบบไหน..เป็นคนรุ่นหนุ่ม..ไฟแรง..หัวก้าวหน้า.....
...ขณะที่เหยื่อ..ก็ไม่คิดอะไรมาก..อาจบอกไปบ้าง..เล็กน้อย.เพราะเป็นการ
พูดคุย..ในงานเลี้ยง..เรื่องมันไม่เป็นทางการอะไร..ซึ่งไม่ว่ายังไง..คนอย่าง
ท่านที่ฉลาดหลักแหลม..และ..อยู่ในถิ่นศัตรู..ก็คงพูดแค่เล็กน้อย..และอีก
อย่าง..ก็คงนึกไม่ถึงด้วย..ว่าไอ้นี่จะเอาไปขยายความ..แต่งเติมเสริมแต่ง..
..การเป็นการตำหนิ..วิถีชัวิต..และ..แนวทางการปกครอง..ของกษัตริย์ตัวเอง
..อย่างรุนแรง....
..........ผมมาคิดดูแล้ว..จึงสรุปได้เลยว่า..ท่านกลายเป็นเหยื่อ..โดยสิ้นเชิง..
..แล้วการที่ท่านอยู่ต่างประเทศ..จดหมายกว่าถึงกัน..ตั้งเป็นครึ่งเดือน..
ขณะเรื่องที่พระนคร..มันขยายความไปใหญ่..โต..และแน่นอน..การที่ท่าน
อยู่สูง..เป็นคนที่ในหลวงไว้วางใจ..และ..ยังหนุ่มแน่น..คนอิจฉา..มันย่อม
เพียบ..เป็นของธรรมดา...ในคือช่วงเวลาที่ดีในการเติมเชื้อไฟ.....ร.๕...
พระองค์ท่านกริ้วมาก..และ..คงไม่อยากได้ยินเรื่องนี้อีก..ตลอดถึง..พระองค์
ท่านเลยไม่ทำการสอบ..ถามข้อมูลเรื่องนี้กับท่านปฤษ...แล้วอยู่ดีๆ..ท่าน
ปฤษเอง..ถึงแม้อยากจะแก้ข้อมูลอะไร..ก็คง..ไม่กล้าไปเสนอหน้าชี้แจง
เป็นแน่...ชีวิตท่านตั้งแต่นั้น..จึงเริ่มดิ่งเหวลง..เรื่อยๆ......
....สักพัก..ท่านก็ถูกเรียกกลับ..ไม่ได้ทำหน้าที่ฑูตอีก....เรื่องงานเมื่อมา
ทำที่..กรมไปรษณีย์...ร.๕ พระองค์ท่านก็เสนอ..ให้เลิกจ้าง..ฝรั่งเยอรมัน
ที่ท่านปฤษ..จ้างมา..ในช่วงเริ่มต้น..เพราะตอนนั้น..ไม่ว่าอุปกรณ์..คู่มือ
..อะไรนั่น..เป็นของฝรั่งเศษ..รวมถึง..การที่ไปรษณีย์โทรเลข..ที่มาจาก
ยุโรปนั้น..สถานีก่อนหน้าจะถึงเราคือ..ไซ่ง่อน..ซึ่งมันก็ใช้ภาษาหรือ..
การติดต่อกันเป็น..ภาษาฝรั่งเศษ..แต่เราจ้าง..ฝรั่งเศษ..ไม่ได้เพราะมันเนื้อ
แท้เป็นศัตรูเรา..ท่านจึงต้องจ้างเยอรมันแทน..เพราะคนเยอรมันนั้น..ส่วนใหญ่
ก็มีความรู้ด้านภาษาฝรั่งเศษด้วย..(ยุคสมัย..นโปเลียนครองยุโรป..ก็ยึด..
เยอรมันไปกว่าครึ่งประเทศ...)....
.....ซึ่งตัวท่านเอง..ก็เห็นว่า..ยังไม่พร้อม..เพราะคนของเรา..ยังไม่สามารถเข้า
ใจภาษาฝรั่งเศษได้ดี..การอบรมฝึกสอนการใช้เครื่องไม้เครื่องมือ..ก็ยังไม่
พร้อม..เมื่อท่านชี้แจง..ก็ได้รับการปฏิเสธ...คราวนี้..อคติในใจ..ท่านก็เลยมีมาก
ขึ้น...แต่ที่ทำให้ท่านเสียใจ..และ..มีอคติกับ..ร.๕ มากที่สุด..คือ..
....เมื่อ..กรมโยธาธิการ..ได้มีการจัดตั้งขึ้น..ตามแบบแผน..ที่ท่านปฤษเป็นผู้ริ
เริ่ม..และ..วางแบบแผน..การจัดการองค์กรต่างไว้ทั้งหมด..ไว้ด้วยตัวเอง..
....อธิบดี..คนแรกที่จะเข้ารับผิดชอบและนั่งที่นี่..ไม่มีใครคิดว่าจะเป็นคนอื่น..
..หรือ..แม้แต่ตัวท่านเอง...เพราะท่านเป็นผู้เริ่ม..ท่านเป็นวิศวกร.. แต่ปรากฎ
ว่า...ท่านไม่ได้เป็น...ทุกๆคนในแวดวงก็ประหลาดใจ..และ..คิดต่อมาว่า..
ความที่ร.๕..ทรงกริ้ว..ท่านปฤษ..มาตั้งแต่ครั้งโน้น..มันส่งผลมาถึง..ตอนนี้ด้วย
...เรื่องที่กรมไปรษณีย์..ท่านเสียใจแล้ว..ก็ยังไม่เท่า..เรื่องของ..กรมโยธาธิการ..
.....ทำให้ท่านหมดอาลัยตายอยาก..เพราะคิดว่า..ต่อไปนี้..ทำอะไรก็คงผิดหมด
...ไม่ว่า..อะไร..ในช่วงหลังนี้..ร.๕ท่านก็ให้ท่านเป็นแค่..ตัวประกอบหมดทุกเรื่อง
..ความสำคัญค่อยๆหมดไป.....จนสุดท้ายภารกิจคือ..ติดตามกรมพระยาภาณุพันธุ์ฯ
เดินทางไปเจริญสัมพันธไมตรี..ที่ญี่ปุ่น..ท่านจึงตัดสินใจเด็ดขาด..ตามแบบวิศวกร
................คือ...กูเลิกแล้ว...พอกันที.................................

..................

...ภาพถ่ายผู้ร่วมการประชุมการโทรเลขสากล( ITU )...ที่มาจากทั่วโลก..เมื่อ พ.ศ. ๒๔๒๗ ที่กรุงเบอร์ลิน เยอรมันนี..ท่านปฤษ นั่งแถวหน้า..คนที่๖ นับจากซ้ายมือ..ขณะที่มีอายุเพียงแค่ ๓๓ ชันษา ในฐานะตัวแทนจาก สยาม..และได้ขึ้น..ปราศัยและแถลงการณ์...ก่อนที่..การประชุมที่..เบลเยี่ยม..ที่ท่านไปอีกครั้ง..และ..สหภาพโทรเลขสากล..ได้ยอมรับ..สยามเข้าเป็น..สมาชิก....

........................ต่อตอนหน้า.....................................

 

...............
...หวัดดี..ทุกคนในครอบครัวผม..
................................
..ต่อจากตอนที่แล้ว.....
...............................
................................................................................
...ส่วนของความกดดัน..ที่มาจาก..ร.๕ ก็หนักหน่วง..ท่านเองก็ช้ำใจน่าดูแล้ว..
พวกเจ้านายด้วยกัน..หลายพระองค์..ก็ยังช่วยกันตำหนิ..ดูหมิ่นอีก..พาลไปถึง
พวกข้าราชการชั้นผู้ใหญ่..อีกไม่น้อย...ท่านปฤษคงเป็นเชื้อพระวงศ์..องค์แรก
ที่ถูกลด..ตำแหน่ง..และ..ความสำคัญ..อย่างมหาศาล..ทำให้ช่วงหลังๆท่านอารมณ์
หงุดหงิด..และมีการบ่นน้อยใจบ้าง..คงมีคนคาบเอาไปเล่าแพร่ไปในเชื้อพระวงศ์อีก
..ก็เลยไปกันใหญ่....ซึ่งถ้าเป็นผม..เป็นแบบนี้..ผมก็คงต้องบ่น..หรือ..ต้องระบายบ้าง
..แต่คนที่จ้องจะย่ำ...มีเยอะ..ก็เลยกู่ไม่กลับ..................
......ผมว่ามันมาถึงจุดนี้..ก่อนหน้าเป็นปีแล้ว...เพียงแต่..สบโอกาศเหมาะ..เพราะถ้าไม่มี
แบบนี้..ท่านเองจะกล้าไปกราบบังคมทูลขอลาออก..จากภาระทั้งปวงได้ยังไง..ท่านคง
ไม่มีทางกล้าไปสู้หน้า ร.๕ ได้..แล้วก็ป่วยการที่จะมาปฎิเสธข้อกล่าวหาต่างๆ..มันป่วย
การ..สายไปแล้ว.......
......ท่านถือโอกาศที่..เรือแวะจอดท่า..ผมก็ไม่แน่ใจว่า..ฮ่องกง..หรือ..ไซ่ง่อน..แน่แต่ช่าง
เหอะ..ไม่ใช่ประเด็น..เป็นเอาว่า..ท่านหนีขึ้นฝั่ง..ท่านเขียนจดหมายลาออกทิ้งไว้...
..เหตุการณ์นี้..เกิดก่อน..วิกฤต ร.ศ. ๑๑๒ ..ผมว่า..นี่ยิ่งทำให้..ร.๕ ยิ่งกริ้วเข้าไปใหญ่..
..เพราะ..เรามีปัญหากับฝรั่งเศษ..แล้วพูดง่ายๆว่า..ที่ผ่านมา..เรื่องข้อตกลง..หรือ..การ
เจรจากับ..ไอ้พวกนี้..ไม่มีใครเก่งกว่าท่านปฤษ...ร.๕..ก็คงนึกว่า..ถ้าท่านอยู่ก็คงดี..
..แต่นี้..เหมือนเห็นแก่ตัวทิ้งชาติไทยไปเลย....
.....เหตุการณ์ต่อจากท่านหนีไป..ผมก็ไม่เล่ารายละเอียดหรอกครับ..ท่านไปหลายแห่ง
..ระเหเร่ร่อน..อยู่หลายปี..แล้วไปๆมาๆ..ท่านก็ไปศรีลังกา..เมื่อศรีลังกานั้นถึงแม้จะอยู่
ในปกครองอังกฤษ..แต่..ศาสนาพุทธก็ยังรุ่งเรือง..ท่านก็คงได้ไปไหว้พระ..และ..ทำบุญ
บ้าง..ก็คงเริ่มละทิษฐิ..และกิเลส..ไปพอสมควร...อีกอย่างท่านก็คงเบื่อชีวิตบ้างแล้ว..
...ก็เลยถือโอกาศ..บวช..ซะเลย..ไม่แปลก..เพราะ..พุทธที่นี่..ก็เป็นแบบ..หินยาน..ไม่..
ต่างจากเมืองไทย..และมีวัดไทยที่เก่าแก่..อยู่ที่นั่น..คือ..วัดทีปทุตตมาราม..เมื่อปี
พ.ศ. ๒๔๓๙....ท่านก็บำเพ็ญเพียร..อยู่ที่นั่นกว่า..พรรษา..แล้วต้นปี..พ.ศ. ๒๔๔๑..
(ค.ศ. ๑๘๙๘)..ท่านก็จาริกไปที่อินเดีย..เพื่อไปที่..สังเวชนียสถานต่างๆ..ประกอบกับ
ตอนนั้น..ก็มีข่าวการพบ...พระธาตุที่PIPRAHWA...แล้วท่านอาจจะอยู่ใกล้เคียงที่นั่น
(..PIPRAHWA..อยู่ไม่ห่างจาก..ลุมพีนี..)..ท่านเลยได้มีโอกาศ..และ..มุ่งตรงไปหา
ไอ้เป้ปเป้...ผมว่า..จุดประสงค์แรกของท่านก็น่าจะ..เป็น..การขอชม...มากกว่า...
เพราะยังไงก็ถือว่า..เป็นบุญ...ซึ่งในบันทึกของเป้ปเป้..ก็ยืนยันชัดเจนว่า..ท่านไปพบ
กับมัน..ในช่วงนั้น...เรียกว่า..ท่านเป็นคนไทยคนแรก..ที่ได้เห็น..พระธาตุชุดนี้..
ก่อนหน้าที่จะนำส่งไปไทยในปี ๒๔๔๒..คือ..ก่อนหน้าคนไทยคนไหนๆ..อีกร่วม
ปี

..............................

......นี่เป็นช่วงปีเดียวกัน..ที่ท่านได้พบพระอัฐิธาตุ.....
..............................ต่อตอนหน้า.................................

 

มาแจ้งก่อนครับ อ่านถึงหน้า24 กะลังไล่อ่านครับ
ขอบคุณคุณอามากครับที่เขียนเรื่องดีๆให้อ่าน ได้ความรู้มากมายครับ

 

...................................................
..ยินดีต้อนรับครับ...คุณ๑๖๘...ค่อยๆอ่านนะ..อ่านช้าๆ..ไม่ต้องรีบ..ไม่เข้าใจอ่านซ้ำ...

 

รอติดตามตอนต่อไปครับผม

 

ขอบคุณครับอา

อ่านเรื่องของท่านแล้วก็นึกไปถึงเรื่องของ เสด็จเตี่ย ที่แพ้ภัยการเมืองจนต้องออกจากราชการเหมือนกันเลย

น่าเศร้าใจนะครับ

ขอบคุณครับอา

 

.........................................
..ไม่น่าเหมือนหรอก..อาว่า...
..เสด็จเตี่ย..ถึงไปเมืองนอกแต่เล็ก..แต่ตอนนั้นคนไทย..อยู่อังกฤษเยอะ..มีสังคม..จบแล้ว..ท่าน
..ก็กลับมา..ทำงานที่เมืองไทยเลย..เป็นระดับผู้บังคับบัญชาแต่หนุ่ม..มีลูกน้อง..ติดสอยห้อยตาม..ท่านเป็นนักเลง..ท่านคบคนเยอะ...ลูกน้องท่าน..แต่ละคน..ก็รักท่านเหมือนพ่อ..ยอมตายแทนได้...เวลาว่างท่านก็เยอะ..ดูซิไปหา..อาจงอาจารย์..ได้เพียบ...แล้วท่านกับ ร.๖ ก็พี่ชาย..กับน้องชาย..ท่านออกแอคติ้งได้มากกว่า..(ร.๕..ท่านเป็นลูกกษัตริย์..ท่านปฤษเป็น..
ลูกวังหลัง...มันต่างกันเยอะ..แถมศักดิ์..ยังเป็นแค่..หลานห่างๆ)....ถึง..ท่านออก..ท่านก็ยังมีลูกน้อง..ล้อมหน้า..ล้อมหลัง..มีอาจารย์เป็นที่พึ่ง..มีสหาย..เพียบ...ท่านไม่โดดเดี่ยว..อย่างท่านปฤษ..หรอก...อาประเมินแล้ว..ท่านปฤษนะ
ไม่ใช่เศร้าแค่นั้นหรอก..ระดับ..อนาถ..เลย

 

ตามอ่านตอนต่อไปครับคุณลุง

 

สวัสดีวันหยุดครับคุณอา modpong คุณสวนพลู และพี่ๆเพื่อนสมาชิกทุกท่านด้วยครับ
เข้ามาติดตามอ่านต่อครับ..

 

สวัดดีครับคุณลุง ตัวผมทำงานที่กรมไปรษณีย์แต่เดิมเข้าใจว่าสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช ท่านเป็นบิดาแห่งการสื่อสารแต่ตอนนี้สงสัยคงต้องเปลี่ยนความคิดใหม่แล้ว

 

................................................
..ก็นั่นแหละ..หลานธรรมจักร...เราถูกปิดบัง..ข้อมูลจริง..แม้แต่ประวัติศาสตร์ด้านนี้..เป็นทางการ..ก็จะข้ามส่วน..ของท่านปฤษ..ไปหมด..ขนาดเราที่..ทำงานกรมไปรษณีย์เองยังไม่รู้ถึง..
ความสำคัญ..ของท่าน..จนถึง..ครบ๑๒๕ ปีไปรษณีย์ไทยสู่สากล..แล้วทำแสตมป์รูปท่าน..คนถึงได้พอรู้จัก...บอกตรงๆว่า...
วังบูรพา..ท่านไม่ได้จบอะไร..เพียงแต่ท่านมีผู้ช่วยดี..ให้ข้อแนะนำ..แล้วท่านก็ทำตามข้อแนะนำ...การปูพื้นและก่อร่าง..กรมไปรษณีย์ให้มีรากฐานดี..เป็นสากล..วางรูปแบบ..และ..ระบบ
..ก็มาจาก..ท่านปฤษ..กับ..ฝรั่ง....
..วังบูรพา..รับความชอบ..อย่างเดียว....แล้วท่านก็ไม่ได้ให้กำเนิด..กรมไปรษณีย์โทรเลขด้วย...ร.๕ คือ..ผู้ให้กำเนิด..แล้วให้น้องชายท่านไปนั่งเป็นหัว....ผู้พัฒนาตัวจริงคือ..ท่านปฤษ...แล้วอย่างนี้..จะไปเรียกบิดา..ได้ยังไง..
ถ้า..ยกให้..ร.๕ เป็นบิดา..อย่างงี้..ผมยังเห็นด้วย...แต่เอา..วังบูรพามา..เป็นนี่..ไม่เข้าท่าอย่างยิ่ง.....แล้วประวัติ..ที่เริ่มเขียนกันมานั้น
ก็เขียนมาตั้งแต่..สมัยสมบูรณาญาสิทธิราช..
ก็แน่นอน...ก็แต่งตั้งกันเอง..ให้ท่านเป็นบิดา..
...............................................
...แล้วกลับไปอ่าน..ในข้อเสนอ ร.ศ. ๑๐๓ ...
ที่ผมลงไว้..บรรทัดสุดท้าย..
"...ระบบการบริหารบ้านเมืองที่ตั้งอยู่บนความสามารถ มิใช่ชาติกำเนิด.."..นั่นแหละ
..ที่ท่านปฤษเน้น..ให้รู้ว่า..การที่ ร.๕ เอา..น้องๆท่านหลายพระองค์..ที่ทำงานไม่ได้เรื่อง(และ..ไม่รู้เรื่อง)..เข้าไปเป็นผู้บริหาร..ทำให้ระบบเสีย..หรือ..ไม่พัฒนานั่นเอง....
..เพียงแค่..จะให้เจ้าเหล่านี้..ได้ทรงกรมฯ..กัน..
....คนที่เห็น..ข้อเสนอนี้..แล้วหนวดกระดิก..มากที่สุด..ก็คือ..
..สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ..กรมพระยาภาณุพันธุ์วงวรเดช...ผู้เป็นน้องชายแท้ๆ..คลานตามกันมา..ของ ร.๕ และ..มีคนยกย่องว่าเป็น..พระบิดา..แห่งการไปรษณีย์โทรเลขไทย..นั่นเอง..

 

.....................
...หวัดดี..Orkarรุ่น๑...หลานเขม..หลานbear..หลานเดิน..และ..หลานธรรมจักร
..รวมถึง..ทุกคนในครอบครัวผม...
....................
..ต่อจากตอนที่แล้ว...
.....................
.....................................................................................
.....ขณะนั้น..เมื่อท่านบวชแล้ว..ก็ได้รับฉายาแบบสงฆ์คือ...
.....................พระชินวรวงศ์.......................
...ตามประวัติ..เล่าว่า..หลังจากบวชใหม่ๆ..ท่านก็ทรงปฏิบัติในทางธรรมอย่างเคร่งครัด
..ภายในเวลาไม่นาน..พุทธศาสนิกชนในลังกาก็เริ่มเลื่อมใสในตัวท่านแล้ว...
.....ถึงแม้จะไม่เชื่อเรื่องดวง..สำหรับตัวผม..แต่ในกรณีของ..ท่านปฤษ..นี้ผมว่า..อาจจะเกี่ยว
...คือ..ดวงรุ่งเรืองของท่าน..ต้องอยู่ในต่างประเทศ..คือ..ในต่างประเทศ..ไม่ว่าจะเป็น
ที่ยุโรป..ลังกา..อินเดีย..ก็มีแต่คนเลื่อมใส..ทั้งทางโลก..และ..ธรรม....แต่มันคงเป็นส่วนเล็ก
น้อยมากกว่า..ตัวท่านเองนั่นแหละ..สำคัญที่สุด
........ตอนอยู่..ยุโรป..นั้น..ก็ต้องถือว่า..ท่านเป็น..คนไทย..ที่ดังที่สุด..และ..มีความสามารถ
เป็นที่ยอมรับทั่วไป..เรียกว่าถ้าไทย..จะต้องเจรจา..ไม่ว่า..เรื่อง..การค้า..การฑูต..ต้องมี
ท่านอยู่ด้วย..และ..ฝรั่งก็เชื่อถือ..คุยกันง่าย..ข้อตกลงในยุคท่านนั้น..ราบรื่นหมด..
(..ดูในรูปหน้าปกหนังสือ..ยังมีฝรั่งระดับสูง..มาร่วมในพิธีเลื่อนขั้น..ของท่านมากมาย
..แถมได้มีรูป..ลงในวารสารด้วย....)
.......มาเป็นพระแล้ว..ทั้งที่ลังกา..ก็เลื่อมใส...ที่อินเดีย..การเจรจาข้อตกลงต่างๆเป็น
ไปได้ด้วยดี..ฝรั่งอังกฤษระดับสูงที่นั่น..ก็ให้เกียรติ..และ..ยกย่องท่าน..(อย่างที่..ผม
เล่าไปตอนก่อนหน้าโน้น..)..รวมทั้ง..ไอ้เปปเป้ด้วย..............
....ผมว่าท่านมีองค์ประกอบหลายประการ..ที่เป็นแบบนี้..
๑. ท่านอยู่เมืองนอกตั้งแต่เด็ก..และทำงานที่นั่นด้วย..ต่างจากเจ้าคนอื่น...
เรียกว่า..มีความติดดิน..รู้จัก..ฝรั่งทุกระดับ..อย่างแท้จริง...เข้าใจในวิถี..รูปแบบ
ชีวิต..ของคนหลากหลายอาชีพ..และ..หลายชาติด้วย..(ฝึกงาน..และ..ทำงาน
ทั้งที่..อังกฤษ..และ..ฮอลแลนด์..ในด้านวิศวกร..ทำให้เข้าใจ..แม้แต่ชนชั้นแรงงาน)
๒. ท่านเรียนจบปริญญาจากสถาบันการศึกษา..ชั้นนำของยุโรป..ทำให้
เครดิตดี...เป็นตัวนำ..สร้างความเชื่อถือ..กับ..คู่สนทนา..หรือ..คู่กรณี..คู่สัญญา..
๓. การใช้ภาษาอังกฤษ..ทั้งอ่าน..และเขียน..ต้องยอดเยี่ยม..เฉกเช่นเจ้าของ
ภาษา..ไม่งั้น..ท่านคงไม่กล้าขึ้นแถลงการณ์..ปราศัย..ต่อหน้าที่ประชุม..นานาชาติแน่..
(..สมเด็จพระนางเจ้าวิคตอเรีย..แห่ง อังกฤษ ทรงมีรับสั่งชม ท่านว่าใช้ภาษาอังกฤษ
ได้ดีมาก..มีบันทึกในพระราชสาสน์ของพระองค์ท่าน)
๔. ท่านต้องมีเทคนิค..ในการชักจูง..โน้มน้าว..เหนือใคร...ก็ดูอย่างให้..ฝรั่งเศษ
มันตั้งชื่อ..ถนนเป็น..ถนนสยาม..ได้..ไอ้พวกชาติอื่น..ที่ไม่ใช่ฝรั่งยังไม่มีปัญญา..
คิดไม่ออก...
๕. ท่านต้องเป็นคนไฝ่รู้อย่างมาก..อ่านหนังสือเยอะมาก..ศึกษาเพิ่มเติม..
ด้วยตัวเอง..อย่าง..ด้าน..รัฐศาสตร์..เศรษฐศาสตร์..การพาณิชย์..และ..การเป็น
เอกอัครราชฑูต ๑๒ ประเทศในคราวเดียว..ยิ่งต้องไปรู้จักที่มาที่ไป..ของ..ทั้งหมดนั้น
ไม่งั้นก็คุยกับเขาไม่รู้เรื่อง....ผลพลอยได้คือ..ความรู้ที่กว้างขวางมากยิ่งกว่า
คนไทย..คนไหน...ความจำท่านต้องเป็นเลิศ......
...........แต่..กับคนชาติเดียวกัน...นั้น..มีคนจ้องทำลายท่านเยอะ..อาจเพราะที่เขา
บอกว่า..อย่าเด่นดังมาก..จะมีภัย..นั่นเอง..เรียกว่ากับ..คนไทยด้วยกันเองนั้น
..คงประเภท..ทำคุณคนไม่ขึ้น....ท่านเอง..สำหรับคนไทย..เพิ่งมาเห็นคุณความดีของ
ท่านกัน..เมื่อ..ไม่นานมานี่เอง....ตั้งแต่กรมไปรษณีย์โทรเลข..ยกย่องท่าน...
สถาบันพระปกเกล้าเชิดชูท่าน..นักประชาธิปไดย..เชิดชูท่านนี่แหละ.....
...แต่ส่วนที่เป็นข้อเสียของท่าน..ผมวิเคราะห์จำแนกมาเป็น..ข้อๆก็คือ....
๑. ท่านจากเมืองไทยไปตั้งแต่เด็ก..แล้วใช้ชีวิต..อยู่กับฝรั่ง(..ตั้งแต่ตอน
เด็กที่ท่านไปเรียนสิงคโปร์..ท่านก็อยู่กับ..ฝรั่ง..แต่ลำพัง..)..โตขึ้นมาเป็นหนุ่ม
ก็อยู่กับแต่ฝรั่ง..เรียนจบปริญญาก็ไม่มีเพื่อนคนไทย..คุยแต่กับฝรั่ง...
แถมจบมาใหม่ๆ..ทำงานยังทำกับฝรั่งอีก......มาทำที่เมืองไทยก็ไม่นาน..เรียกว่า
ยังไม่ทันซึมซาบอะไร..ก็ต้องกลับไป..หาฝรั่ง..ถึงแม้ทำหน้าที่เป็นตัวแทนไทย
..แต่งานที่ทำ..ก็ต้องทำกับฝรั่ง..เกี่ยวกับฝรั่ง...เป็นสิบปี...
...คิดแบบฝรั่ง..ทำแบบฝรั่ง...หัวก้าวหน้า...ไม่ควรอยู่ที่เมืองไทย..
และต้องเข้าสังคมแบบไทยๆ(ในยุคนั้น)................
....ดังนั้นวิถี..ของฝรั่ง..มันซึมซาบไปในตัว..มากกว่าวิถีไทย..โดยเฉพาะแนว
คิด..บางทีท่านอาจไม่คิดว่า..ทำแบบนี้..พูดแบบนี้..ก็ไม่เห็นแปลก..ใช่ถ้าเป็น..ฝรั่ง
....ใช่ครับ..ใช้กับฝรั่งได้ตลอด..แต่ใช้กับไทยได้แค่บางกรณี.....
..เพราะ..คนไทย..คิดไม่เหมือนฝรั่ง....ผลร้ายมันก็กลับมา..ตามหาท่าน...
แม้แต่..ข้าราชบริพาร..กับ..เจ้าเหนือหัว....เมืองฝรั่งมันไม่ถือ..โดยเฉพาะในอังกฤษ
..กษัตริย์มันยังเอามาล้อได้..แต่ไหน..แต่ไร..ตำหนิกษัตริย์..ก็ได้...
....ท่านก็คงเผลอไผล..ลืมข้อนี้...เอามาใช้..เลยจอด..

..........................

...ภาพนี้..คือ..ภาพต้นแบบ..ที่เอามำทำเป็นแสตมป์...ผมจำได้ว่า..เจอโดยหลานท่านเอง(ถ้าผิดพลาดขออภัย)..ก็คือ..ม.ล. มานิจ ชุมสาย (ท่านเป็นผู้เชียวชาญภาษา
ทั้ง..อังกฤษ..ฝรั่งเศษ ..และ..เยอรมัน..มีผลงานการแปลจากภาษาต่างๆมากมาย..
รวมถึง..ทำ Dictionary..ทั้ง..สามภาษา แปลเป็น ภาษาไทยด้วย)..ท่านเป็นคนไปรื้อเองเพื่อจะหาหลักฐานของ..ท่านปฤษ..ที่หลงเหลืออยู่........
.....ให้สังเกต..ภาพให้ดี..ผมว่า..ผมเห็นคล้ายๆเครื่องราชฯไทย..บนอกท่านแค่ อันเดียว.....
..ที่เหลือ..ทั้งหมด..เป็นของฝรั่ง..ก็คงน่าจะ ๕-๖ ชาติละมั้ง...

......................ต่อตอนหน้า..................

 

รอติดตามตอนต่อไปครับ

 

ขอบคุณมากครับ คุณลุง ขอเรียกลุงแล้วกันนะครับ อิอิ

เพิ่งมาเจอกระทู้สาระแบบนี้ แต่มาเจอดึกไป อ่านได้แค่ 10 หน้า พรุ่งนี้จะมาต่ออีกนะครับ
ขอบคุณมากครับ

 

...............................................
..ขอบคุณสำหรับ..คำชม..และยินดีต้อนรับครับ..
หลานKim..ค่อยๆอ่านเน้อ..อย่ารีบ..มันจะได้ค่อยๆซึมเข้าไป....

 

วันหยุดไม่ได้เปิด com เลย มาตามอ่านวันนี้หลังจบงานช่วงเช้า เป็นกำลังใจให้คุณอาครับ.....

 

ตามที่อาว่าเลยครับ "ให้ทำดีแต่อย่าเด่นจะเป็นภัย ไม่มีใครอยากเห็นเราเด่นเกิน"

โดยเฉพาะคนไทยด้วยกันนี่แหละ แสบนัก

 

................
..หวัดดี...หลานApril..หลานVespa..และ..หลานเขม..รวมถึงทุกคนในครอบครัวผม
....................
..ต่อจากตอนที่แล้ว..
...................
..............................................................
....๒. ท่านเรียนจบวิศวกรรม...และ..ได้ทำงานแบบวิศวกร..มาก่อน....
มันเป็นอะไร..ที่ค้องพึ่งการตัดใจเด็ดขาด..แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า..และ
รับผิดชอบ..งานใหญ่มาตั้งแต่จบใหม่ๆ...มันจึงสร้างอีโก้..ขึ้นในตัว..ใจถึง..
..เชื่อมั่นตนเองสูง..แม้ต่อมาเป็น..งานรัฐศาสตร์..และ..การฑูต..การพาณิชย์..
...งานที่รับผิดชอบ..ก็ประสพผลสำเร็จมาตลอด..อีโก้ก็จึงสูงขึ้นอีก...
...คิดแล้วประเมินแล้ว..ว่าถูก..มันต้องถูก..ไม่สนใจ..คำเตือนใคร..หรือ..ข้อโต้แย้ง
..ไม่อ้อมค้อม...
๓. ท่านดังมาก..และ..ดังเร็ว..มันก็เลย..กลายเป็นเป้า..ให้คนโค่น..ไม่ว่า
จะทั้งหมั่นไส้..หรือตัดอนาคตซะก่อน..ที่จะเด่นไปกว่านี้
๔. เปิดเผย..มากเกินไป..ถ้าจำได้..ในข้อเสนอ ร.ศ. ๑๐๓ ที่ผมคัดตัดตอนเอามาลง
ไว้บางส่วนนั้น..มี..ข้อเสนอ..ที่สร้างศัตรูให้ท่านมหาศาล..ทันที..ก็คือ..
....................................................................................................
"...........ระบบการบริหารบ้านเมืองที่ตั้งอยู่บนความสามารถ มิใช่ชาติกำเนิด....."
.....................................................................................................
...นั่นแหละครับ..ความหมายชัดเจน..คือ...หมายถึง..ลูกๆ..กับ..น้องๆ ..ของ ร.๕
ที่..ไม่เอาไหน..หรือ..ทำงานไม่ได้เรื่อง..ทั้งในปัจจุบัน..และ..ในภายหน้า.....
.....ใครคนอื่นที่ได้มาอ่าน...ก็สามารถเข้าใจได้ทันที..ว่าหมายความว่า..ยังไง..
....แล้วเรียกว่า...เขาไม่ดูชื่อ..ท่านอื่นๆที่ลงพระนามร่วมเลย...เขาดูแต่ชื่อท่าน..
....เพราะ..เขารู้ว่า..ต้นตอมาจากท่าน..............
...ลำพัง..ศัตรูที่เป็นเจ้าก็เพียบแล้ว..พวกข้าราชการใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาท..
ทั้งของ..ร.๕...และ..ของเจ้าต่างๆ..ที่เป็นเสนาบดีต่างๆอีก..ก็พลอยเจ็บแค้นไปด้วย..
....ความจริงแล้ว..ท่านยังมีข้อเสนอแนะ..ร.๕ อีกหลายเรื่อง..นะครับ..แต่ผมไม่ได้
กล่าวถึง....แสดงให้เห็น..นิสัยท่านชัดเจน...
......๕. ประมาท..เพราะ..จากที่ผมแจง..มาในหลายๆตอน..ว่าสาเหคุ..ที่ทำให้ท่าน
ตกลงมาจากฟ้า..เพราะเรื่องนี้ละ..เป็นหลัก..ความที่ท่านเป็นคนง่ายๆ..คิดอะไร
ก็พูด..ไม่มีกั๊ก...คนพวกนี้..จะตกเป็นเหยื่อ..ของคนที่มุ่งหวังร้าย..ง่ายที่สุด..
..เชื่อผมได้เลย..ปีนี้ผมจะอายุครบ ๖๐ ผ่านโลกมามากมาย..เจอคนสารพัดประเภท
..แม้แต่..ตัวเอง..ก็เคยได้ผลแบบนี้มาแล้ว..จึงเข้าใจดี..ไม่ว่าท่านจะเก่งยังไง...
แต่ด้วย..อายุ แค่สามสิบ..ประสพการณ์ชีวิตมันน้อยเกินไป..ยิ่งส่วนใหญ่ไปใช้
ชีวิตสบายๆแบบนั้น...ไม่รู้หรอกว่า..คนไทยนี่แหละ..โคตรจะซับซ้อนชาติหนึ่ง
ในโลกเลย.....การที่โตมาจากเด็กเป็นผู้ใหญ่..ชีวิตครอบครัว..การสั่งสอน..จาก
บิดา..มารดา..น้อยมาก..จึงไม่เข้าใจชีวิตและวิถีแบบไทยๆ....
๖. ความมุ่งมั่น...มันจะมาพร้อมกับ..ความดื้อ...ทิษฐิ..คู่กับ..มานะ.....
..ดีกับ..การงาน..ดีกับผลงาน..และ..ชาติ..นั่นพิสูจน์ได้..จากผลสำเร็จ..ของท่าน
ที่ผ่านมา...คนประเภทนี้..ถ้าคนที่มาเตือน..หรือ..บอกไอ้โน่นไอ้นี่..ทำให้..พะวง
จะไม่ชอบ..ยิ่งถ้าคนบอก..ไม่สามารถบอกให้เคลียร์ได้ว่า..ทำไม..เป็นอย่างนั้น..
...ก็ไม่มีทางทำให้..ถอย..หรือ..เลี้ยวได้...คือ..คนบอกอาจมีประสพการณ์..แต่..
ตัวเองไม่เก่ง..อธิบายไม่เป็น..ก็ไม่มีความหมาย...
...............เดินหน้าไปหาเป้า..อย่างมั่นคงต่อไป...........ความจริงมัน..ก็คล้ายกับ
ข้อ ๒ นั่นแหละครับ..เพียงแต่จะอธิบายให้เข้าใจมากขึ้น......
๗. ข้อนี้สำคัญมาก..และ..พิสูจน์ได้ชัดเจน...คือ..ท่านไม่มีเพื่อนแท้.....
...จริงๆ..แล้วเรียกว่า..แค่เพื่อนธรรมดาๆ..ก็ยังมีน้อยมาก..เพราะ..ถ้ามี..มันก็อยู่
เมืองนอกหมด...เพราะท่านจากเมืองไทยไปแต่เด็ก..กลับมาเมืองไทยก็วูบๆวาบ
มาทำงานที่เมืองไทย..ก็..มาอยู่ในตำแหน่งความรับผิดชอบสูงตั้งแต่จบใหม่ๆ...
..ขณะที่คนที่ทำงานระดับเดียวกันส่วนใหญ่..ก็สูงอายุ..หรือ..ไม่ก็เด็กกว่ามาก
และเป็นเจ้านายชั้นสูงระดับพระองค์เจ้า..อย่างน้อง ร.๕ (อย่าลืมว่า..ท่านแก่กว่า
ร.๕ ถึง ๓ ปี)...มันคนละรุ่นกัน..ถึงจะมีเพื่อนก็คงได้แค่ผิวเผิน..เพราะท่านอยู่..
เมืองไทย..ไม่เท่าไหร่..ก็กลับไปเมืองนอกอีก..
................เราท่านก็รู้ดีว่า..เพื่อนแท้..มันต้องเล่น..ร่วมหัวจมท้าย..หัวหกก้นขวิด
..คือ..เผจิญ..เรื่อง..ดี..ทุกข์..สุข..เศร้า..กันมา...ส่วนใหญ่..ก็จะเริ่มจาก..ในวัยเริ่ม
หนุ่ม..จนถึงหนุ่ม..จาก..ม.ปลาย...ถึง..เพื่อนมหาวิทยาลัย...ช่วงเวลานี้..มันจะ..
ความสัมพันธ์ลึกซึ้ง..และ..จะพบเพื่อนแท้....ได้
...แล้วอย่างงี้..ท่านปฤษ..จะไปหาจากไหน..เพราะ..ข้อดีของเพื่อนแท้..คือคนที่
เราไว้ใจ...คนพวกนี้นั่นแหละ..ที่คำพูดจะมีความหมายต่อเรา..มากกว่าใคร..
หรือ..บางกรณี..ยิ่งกว่า..พ่อ..แม่..อีก.......
...คิดดูว่า...ตอนแรกๆที่ท่านเริ่มพลาด..ถ้ามีเพื่อนแท้ซักคน..คอยเตือนท่าน..
..ท่านอาจไม่ดิ่งเหว..ขนาดนี้แน่..ผมเชื่อว่าเป็นอย่างนั้น...
๘. ท่านเป็นคนยึดติดอะไรต่างๆ..มากไป..ผมวิเคราะห์จากชีวิตท่าน..ตั้งแต่
หนุ่ม..จนสึกพระ..จนถึงเข้าวัยชรา...อาจเป็นผลมาจาก..การที่ตั้งใจทำอะไร
มากไป..ท่านจึงต้องจมทุกข์..แม้แต่บวชไปนานเป็นสิบปี..สึกออกมาแล้ว...
..ความจริงผมว่า..ทีแรกก็คงดี..แต่พอกลับมา..กลับโดนกระหน่ำจากทุกทาง
...มีคนจ้องทำลาย..มีคนที่ยังเกลียดท่าน..ไม่หาย..แม้อยู่ถือครองในเพศบรรพชิต
...คงทำให้เรื่องเก่าๆ..ที่ท่านอยากลืม..มันก็เลยกลับมา...ญาติพี่น้องก็เมิน....
ท่านก็เลยไม่หาย..ถ้าท่านไม่กลับ..มาเมืองไทยซะท่านอาจพบ..ความสุขได้..
ตราบวาระสุดท้ายของชีวิต.....

.................................

..ภาพของ..พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าปฤษฎางค์..ในฐานะ..เอกอัครราชฑูตสยามประจำ
ประเทศโปรตุเกศ...
...บนหนังสือพิมพ์ Occidente ของโปรตุเกศ..เมื่อ ๑ มิถุนายน ค.ศ.๑๘๘๓..
...ซึ่งถือว่าเป็นเอกอัครราชฑูต..คนแรกของไทย..ที่นี่

......................ต่อตอนหน้า.......................

 

..คนไทยนี่แหละ..โคตรจะซับซ้อนชาติหนึ่ง
ในโลกเลย............


อันนี้ เห็นด้วยล้านเปอร์เซนต์ขอรับ

 

-----------------------

อ่านมาถึงตรงนี้ ทำให้ผมนั่งยิ้ม เหมือนนึกถึงบ้านเก่าตัวเองสมัยยังไม่เกิด นั่งคิดตามว่าบ้านเราตอนนั้นเป็นยังไงนะ บ้านผมอยู่บริเวณสามเหลี่ยมดินแดง ตรงซ.สดพิณสรร ติดกับอาคารสงเคราะห์ (ปัจจุบันสวนสันติภาพ)