ผม...พระ...และ...สาระยุคก่อน

สวัสดีครับคุณอา...มาติดตามอ่านบทความดีๆมีสาระเหมือนเดิมครับ

 

................
...หวัดดี..April..และ..เฉียวฟงหลานรัก..รวมถึงทุกคนในครอบครัวผม...
..............................
...ต่อจากตอนที่แล้ว.....
.............................
....................................................................
....จากตอนที่แล้ว..ที่ผมเล่าถึงผลงาน..ที่ท่านทำให้ประเทศชาติแค่บางส่วน..นั้น...
คงไม่ต้อง..แทบจะไม่ต้องสาธยายเพิ่มเติมอะไร...แต่ที่ประเทศได้เพราะท่าน
นั้น..คือ..ทำให้..ฝรั่ง..รู้ว่า..เราไม่ได้ป่าเถื่อน..และ..มีหัวคิดอ่าน....
..เราไม่ต้องพึ่ง..ฝรั่งทุกเรื่อง..ก็เพราะท่านแสดงออกว่า..คนไทย..ทำได้..
คิดได้..อย่างฝรั่ง...โดยเฉพาะ..การแถลงการณ์ในนาม..สยาม..เพื่อเข้าร่วม
สหภาพสากลไปรษณีย์นั้น...นั่นคืองานระดับโลก..ครั้งแรกของเมืองไทย..
..คนที่เข้าร่วมประชุม..ที่เป็นตัวแทนแต่ละประเทศนั้น..เป็นฝรั่งเรียกว่า
เกือบร้อยเปอร์เซนต์..เพราะเป็นยุคอาณานิคม...การที่คนไทยแท้ๆ.....
..แถมเรียกได้ว่ว..ยังหนุ่ม..ไปพูดภาษาอังกฤษท่ามกลางฝรั่งมีระดับ..
มีความรู้..นั้นไม่เรียกว่า..โคตรกล้าหาญ..ก็ไม่รู้จะใช้คำใดแทน..เรียกว่า
หลังจากนั้น..อีกหลายสิบปี..ยังไม่มีคนไทยหน้าไหนทำได้อีก.......
....(..ความจริงก่อนหน้านั้น..ท่านได้วางแผนเตรียมการไว้ก่อนคือ..
เพื่อเข้าร่วมเป็นสมาชิกของสหภาพ
สากลไปรษณีย์ (UPU) ซึ่งต้องคัดสรรผู้ที่มีความรู้และเป็นผู้ที่คุ้นเคยกับ
ข้าราชการชั้นผ้ใหญ่ของประเทศต่างๆ..ในภาคพื้นยุโรปเป็นอย่างดี เพื่อ เป็น
ผู้แทนสยามเจรจาข้อตกลงและรายละเอียดตลอดจนเงื่อนไขต่างๆ ด้วยเหตุนี้
รัฐบาลสยามได้มอบหมายให้....ตัวของพระองค์ท่านเองซึ่งมีความพร้อมและ
ทรงเป็นเอกอัครราชทูตไทยประจำยุโรป ๑๒ ประเทศมาตั้งแต่ ปี พ.ศ.๒๔๒๔
เป็นผู้แทนสยามเข้าร่วมประชมุ และกล่าวคำปราศรัยต่อที่ประชุมใหญ่
ของสหภาพสากลไปรษณีย์ ณ กรุงลิสบอน ประเทศโปรตุเกสในเดือนมีนาคม
พ.ศ. ๒๔๒๘ จนเป็นที่ยอมรับของที่ประชุมโดยก่อนหน้านี้ได้ทรงเข้าพบและ
เจรจากับอธิบดีกรมไปรษณีย์ของเยอรมนี (ดร.ไฮน์ริก ฟอน สเตฟาน) เพื่อ
ขอยืมตัวนายบังเกาหรือพางโค (PANCKAOW) ผู้ตรวจการไปรษณีย์เมือง
แฮมเบิร์กเป็นเวลา ๑ ปี เพื่อมาช่วยปรับปรุงกิจการไปรษณีย์ของสยามก่อน
เพื่อเตรียมความพร้อม...)
....นั่นแสดงว่า..ท่านไม่ได้แค่หัวดี..เรียนเก่ง..ภาษายอดเยี่ยม..อย่างเดียว
..คนที่มีแค่นี้..ที่ผมรู้จักสนิทมีหลายคน..แต่เวลาอยู่ในที่ประชุมมีคนต่างชาติ
อยู่เยอะๆ..กลับพูดไม่ออก......
นั่น..แสดงถึงความกล้าหาญ..ไหวพริบ..ปฎิภาณ..ยิ่งเรื่องที่ท่านต้องไปเจรจา
..แก้ไขสัญญา..ที่ไทยเสียเปรียบ..มากมายหลายประการนั้น..ก็ไม่ต้องพึ่งฝรั่ง
เป็นหลัก..อาจมีแค่คำปรึกษาบ้าง..แต่การโต้เถียงโต้ตอบ..เสนอเงื่อนไขนั้น
..เป็นฝีมือของท่านทั้งนั้น....
....ท่านไม่เป็นคนดูดาย..ประเภทอะไรที่ไม่ได้มีคนสั่ง..หรือไม่ใช่หน้าที่กู
อย่างข้าราชการชั้นกลาง..จนถึงชั้นสูง..ส่วนใหญ่ของไทย..ในปัจจุบันทำกัน..
..อย่างตอนที่..แล้ว..เรื่องที่ปารีส ฝรั่งเศษ..มีถนนชื่อ..ถนนสยาม..นั้น..
เป็นสิ่งที่บอกได้ชัด..ถึงลักษณะนิสัยของท่าน..ที่ไม่ดูดาย..เห็นประโยชน์
ของชาติเป็นหลัก...เรื่องนี้สำคัญ..เพราะมันโยงไปถึง..ที่การที่เราได้พระธาตุนั่นเอง..
...........ตอนนั้น..เมื่อเราได้ตั้งสถานฑูต..ที่กรุงปารีสแล้ว...ทางฝรั่งเศษ..มีการ
ตัดถนนใหม่..จากบริเวณละแวกสถานฑูต..ไปยัง..สวนสาธารณะแห่งหนึ่ง..
..ถ้าเป็นคนไทย..คนอื่นก็คงไม่คิดอะไร..ไม่เกี่ยวกับกู..แต่ไม่ใช่ท่าน
...ท่านเห็นช่องทาง..จึงได้นำเสนอ..ให้ทางฝรั่งเศษ..ให้ชื่อถนนนี้ว่า..
..ถนนสยาม....ผมถามว่า..ถ้าเป็นเรา..เป็นท่าน..จะนึกออกมั้ยที่จะทำแบบนี้
..ยิ่งไอ้ชาติฝรั่งเศษนั้น..มันมองเมืองไทยกระจอก..ไม่ได้อยากญาติดี....
...แต่อยากยึดประเทศมึง..มันไม่เคยยกย่องเรา..และไม่ให้เกียรติ...และมัน
จริงแล้ว..ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเอาใจไทยอะไร..เพราะมันรู้ว่าไทยก็ไม่ชอบมัน..
...แล้วท่าน..ทำยังไง...ทำยังไง..ผมนึกไม่ออกจริงๆ..โคตรเก่ง....แถมตัวท่าน
.....นี่ท่านเรียนวิศวกรรมโยธา..เป็นวิศวกร..นะครับ...ถ้าท่านเรียนเศรษฐศาสตร์
..หรือ..รัฐศาสตร์...ท่านจะเก่งขนาดไหน....
...และที่แน่ๆ..คือ..ท่านมีความเป็นฝรั่งสูง..ทำให้สามารถเจรจา..พูดคุย..โต้เถียง
โน้มน้าวฝรั่งได้เป้นอย่างดี..กว่าคนไทยคนอื่น..เรียกว่า..เข้าใจฝรั่งดี..แถม..
ฝรั่งระดับสูงของประเทศในยุโรป..คุ้นเคยกับท่านเป็นอย่างดีด้วย..
....แต่ความที่ท่านเป็น..ฝรั่ง..และ..หัวสมัยใหม่..ล้ำหน้ากว่าใครตอนนั้น..
กับการที่เป็นวิศวกรอยู่ในตัว..มีอีโก้..และ..ความเชื่อมั่นในตัวเองสูง..ตัดสินใจเด็ดขาด
...มันก็เป็นผลร้าย..สำหรับท่านในกาลต่อมา..ที่ลากท่านจนดิ่งเหว....

......................................


.........................ต่อตอนหน้า..................................

 

มาติดตามอ่านต่อครับ..ขอขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆด้วยครับ..

 

ติดตามครับผม
ประวัติของพระองค์ท่านไม่ธรรมดาจริงๆครับ

 

รอติดตามตอนต่อไปครับ

 

ยังติดตามอยู่เรื่อยๆครับคุณอา จริงๆแล้ว ผมไม่รู้จักพระองค์เลย แฮ่ๆ เรื่องราชนิกุล ผมนี่ไม่ค่อยจะได้ศึกษาครับ เพิ่งได้ทราบเรื่องจากคุณอานี่แหละ ขอบคุณครับ

 

...ถือซะว่า..เรามาเรียนรู้ประวัติศาสตร์บุคคลสำคัญของชาติ......
..มารู้จัก..คนๆหนึ่ง..ที่ทำให้หน้าประวัติศาสตร์ไทยเปลี่ยนแปลง
....คนที่..มีอายุแค่ สามสิบต้นๆ..ที่มีความรับผิดชอบมากมาย..
....แบกหน้าตา..และ..ชื่อเสียงของชาติไว้..บนบ่า..
.....ไม่ใช่..แค่เป็นบิดา..ของ..กรมไปรษณีย์แต่ชื่อ..แต่เป็นผู้วางรากฐานทั้งหมดไว้....
.....และ..ถือว่า..ท่านยังเป็น..บิดาแห่งการสื่อสารโทรคมนาคม..ทั้งหมดด้วย...
.....บิดา..ตัวจริง..แห่ง..กรมโยธาธิการ...ผู้วางรูปแบบ..และ..รากฐานทั้งหมด....
.........ด้วยเวลาการรับสนองใต้เบื้องยุคลบาท..แค่..สิบกว่าปี...
........ก็ยังทำได้..ขนาดนี้....ต้องถือว่า..เป็นบุคคลที่น่ายกย่อง....
..........ทุนที่ ร.๕ ส่งท่านเรียนหนังสือ..กับ..ผลงานทั้งหมดของท่าน..
.........ช่วงระยะเวลา..สั้นๆ..ที่สำคัญยิ่งใหญ่เป็นจำนวนมาก...
...........อาว่า..คุ้มสุดคุ้ม.....ไม่เหมือน..ทุนของชาติ...
.........ที่ส่งข้าราชการ..นักการเมือง..ไปฝึกงาน..ดูงาน...
............ทุกปี..เป็น..หลายสิบล้าน..สิบปีไม่รู้กี่ร้อยล้าน....
...............กลับมา...สิ่งที่ชาติได้รับตอบแทน..แทบไม่มี..

 

รอติดตามตอนต่อไปอย่างใจจดใจจ่อครับอา

กำลังอยากรู้ถึงสาเหตุที่ทำให้ท่าน "ตก" ครับ

 

ไม่มีไม่ว่า มันยังได้เรื่องที่ไปดูมา เอามาโกงกินกันต่ออีกนะสิครับคุณอา....กรรมของคนไทย

 

.................................................
...ไอ้นี่..มันเจตนาของผมจริงๆ..ที่วางเรื่องไว้แค่นี้..แล้วดูซิว่า..จะมีใครมาต่อยอด..อย่างว่า..รึเปล่า...แล้วก็มีหลานVESpaหน้าใหม่..นี่มาต่อยอด..จริงๆ..ต่อได้ถูกต้องและ..ดีมาก..
.สมัยโน้นเป็นเงินที่เหลือไว้พัฒนาชาติ..ของ..รัชกาลที่ ๓...
....สมัยนี้...มันคือเงินภาษีที่ไอ้พวกห่ะ..นี่ขูดรีดไป..แล้วเอาไปเสวยสุขกันเอง..
ไม่เรียกว่า.."ปล้น"..แล้วจะเรียกว่า..อะไร...
..ไม่เรียกว่า.."ชั่ว"..แล้วจะเรียกว่า..อะไร..

 

.............
...หวัดดี..เดินตามพระ..Orkarรุ่น๑..April..หลานสวนพลู..หลานเขม..และVESPA
..รวมถึงทุกคนในครอบครัวผม...
...................................................................................
....จากผลงานที่ที่ปราศรัย..ในที่ประชุมใหญ่สหภาพไปรษณีย์สากล..และ..
ทำให้ไทยได้..เข้าร่วมสหภาพฯได้..นั้นสร้างความภาคภูมิใจให้ ร.๕ มาก...
จนมีพระราชหัตถ์เลขา..ชื่นชมและขอบใจ..รวมถึง..ของกรมพระยาภาณุพันธ์
วงวรเดช(..วังบูรพา)..ด้วย....ผลงานทั้งหลาย..ทำให้ท่านมีความสำคัญยิ่ง..โดย
เฉพาะ..เรื่องที่เกี่ยวข้องกับ..ต่างประเทศ..ท่านได้รับพระราชโองการให้ร่วมด้วยตลอด
..เพราะเชื่อถือฝีมือ..และ..เรียกว่า..ภาษาชาวบ้านคือ..เป็นคนเดียวที่อัดกับฝรั่งได้
...จากหม่อมเจ้า..ก็ได้รับ..เลื่อนชั้นขึ้นเป็น..พระองค์เจ้า........
....ด้วยอายุไม่ถึง ๓๕ พื้นฐานเดิม..คือ..วิศวกรโยธา..ชีวิตก็ขึ้นถึง..จุดสุงสุด..
..ด้วยความที่ต้องตัดสินใจ..ดำเนินการต่างๆ..แทนผู้ใหญ่ตั้งแต่..๒๕-๒๖..ในเรื่อง
ระดับชาติ..มันก็ย่อมสร้างอีโก้ขึ้นมาในตัว..อันนี้คือเรื่องจริง..มีความคิดอ่าน
เป็นของตัวเอง..มีความมั่นใจ..ตัดสินใจเด็ดขาด..ด้วยลักษณะของวิศวกร...
....พายุ..ก็..เริ่มเข้ามาใน..ชีวิต..ตั้งแต่..ร.๕ ทรง..ปรึกษาราชการเป็นการ..
ส่วนตัวกับท่าน...ท่านความที่คงมีความตั้งใจบางอย่างอยู่แล้ว..จึงนำเรื่องดังกล่าว
เข้าไปคุยปรึกษาหารือต่อยอด..กับเจ้านายชั้นผู้ใหญ่..ทีส่วนใหญ่ก็คุ้นเคยกัน..แต่
เกิด..มีข่าวหลุดออกมา..แล้วกลับไปเข้าหู ร. ๕ ทำให้พระองค์ท่านเคืองพระราชหฤทัย
...เรื่องต่อมาน่าจะสืบ..จากเรื่องแรก..ที่ท่านนำเสนอ..ในกลุ่มดังกล่าว..แล้วทั้งหมด
ก็มีความเห็นร่วมกัน...ร่วมลงชื่อกัน..ถวายต่อ ร.๕ ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับ..แนวทาง
ปกครอง.....ที่รู้จกกันดีในนามว่า.." ข้อเสนอ ร.ศ.๑๐๓ "........
(....ผมขอนำบางส่วน..จาก"ข้อเสนอ ร.ศ.๑๐๓"...มาให้ดูกัน...
อันนี้Copy เขามาอีกที..จาก วิชาการ.คอม ของ ปตท. ซึ่งผู้เขียนแปลมาจาก
ภาษาอังกฤษ..เพราะ..เป็นบทความที่เป็นภาษาอังกฤษ...ดังนี้
...........................................................
............................................................
"ไม่ว่าเราจะพึ่งการทูต การทหาร หรือการเป็นเมืองกันชน หรือสนธิสัญญาใด
ก็ไม่พอเพียงที่จะป้องกันมิให้เราตกเป็นเมืองขี้นไปได้ หากเราต้องปฏิรูปจากถายในด้วยตัวเราเอง
นอกเหนือไปจากการปฏิรูปที่เราได้กระทำมาแล้วแต่ยังไม่เพียงพอ การปฏิรูปที่เราต้องทำต่อไปอีกก็คือ
การเปลี่ยนระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชมาเป็น ระบอบรัฐธรรมนูญที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ,
กำหนดกฎมณเฑียรบาลว่าด้วยการสืบสันตติวงศ์ให้ชัดเจนขึ้น, ขจัดการฉ้อโกงโดยข้าราชบริพาร,
เสรีภาพของสื่อมวลชน, ตั้งกฏหมายว่าด้วยความเท่าเทียมกัน
อันจะประกันความเป็นธรรมอย่างเสมอภาคสำหรับทุกคน, การเก็บภาษีอย่างเท่าเทียมกัน,
การให้สิทธิในการเลือกตั้งต่อประชาชนโดยค่อยเป็นค่อยไป, และ
ระบบการบริหารบ้านเมืองที่ตั้งอยู่บนความสามารถ มิใช่ชาติกำเนิด"
..............................................................
..............................................................
...อันนี้..พระองค์ท่านคงเคืองแต่..ไม่มาก..เพราะเป็นประโยชน์..หวังดี..แต่คนนำคิด
ก็คือ..พระองค์เจ้าปฤษฎางค์..นั่นแหละ..ก็แสดงถึง..ความคิดอันเป็นเอกเทศ..และเหนือ
สิ่งอื่นใด..ไม่เกรงพระราชหฤทัยพระองค์ท่าน..เรียกว่า..ซ้ำสอง....
หมดเรื่องนี้..ก็มาเรื่องที่ ๓ อันนี้น่า..จะมีผลมาก..ทั้งๆที่ไม่มีหลักฐานว่าท่านพูดอย่างนั้น
จริงรึเปล่า..ซึ่งผมประเมินแล้วว่า..อาจแค่บางส่วนเล็กน้อย...แต่ส่วนใหญ่..ไอ้ฝรั่งมันใส่
ไข่......
....ที่มาของเรื่องคือ..มีหนังสือฝรั่งออกตีพิมพ์..มาหนึ่งเล่ม..ว่าด้วยเรื่องนโบายปกครอง
การเมือง..และมีแถม..การมุ้ง..ของรัชการที่ ๕..เจตนาก็คือ..เสียดสี..ดูถูก..และก็..กระทบ
ไปถึงเรื่องการมีภรรยาและ..ลูกมากมายของพระองค์ท่าน..แต่ทำให้..ท่านปฤษ(ผมขอ
เรียก..สั้นแค่นี้แล้วกัน..ต่อไปนี้..เพราะชื่อท่านพิมพ์ยากและทำให้ผมต้องพิมพ์ผิดทุกครั้ง
..บางทีผมก็..หลง..ก็เอาแค่นี้แล้วกัน..จะได้สะดวกผมหน่อย...)..ซวย..ก็เพราะมีการ
อ้างถึงชื่อท่าน..เหมือนกับว่า..ไอ้นี่มันไปสัมภาษณ์เป็นเรื่องเป็นราว....ว่า...มีความเห็น
ยังไง..ที่กษัตริย์สยาม..เป็นแบบนี้...ก็ทำนองว่าในการสัมภาษณ์..ท่านปฤษเองก็ไม่เห็น
ด้วย..ควรจะมีแค่เมียเดียว...เหมือนๆกับ..ฝรั่งอะไรทำนองนี้..แต่รู้สึกว่าในหนังสือจริงๆ
..มีการวิจารณ์ตำหนิ..ร.๕ ..แถมโยงไปในเรื่องการปกครองด้วย...อย่างรุนแรง..
....มีคนเอาหนังสือ..เล่มนี้ไปให้..ร.๕ อ่าน..เท่านั้นเองเป็นเรื่อง..เพราะพระองค์ก็ไม่ได้
ให้ท่านปฤษชี้แจง..เรื่องวิ่งกระจายไปทั่ว..ทำให้ท่านกลายเป็นหมาหัวเน่าไปทันที...
....ถ้าผมจะมาวิเคราะห์ความเป็นไปได้แล้ว..ความเป็นไปได้ทั้งหมดนี่..น้อยมาก..
..แต่อาจมีบางส่วน..เพราะถ้าไม่มีมูล..หมาไม่ขี้..แล้วไอ้นักเขียนคนนี้ฉลาด..ฉลาด
เหมือนใคร..ทราบมั้ยครับ.....เหมือน..
.................แอนนา ทีเลียวโนเวนส์...หรือ..ก็คือ..คนแต่ง.."THE KING AND I"..นั่น..
แหละครับ...ตอแหล..จนได้ดี..

.............................


........................................ต่อตอนหน้า......................................

 

ผมว่าจะต่อยอดตอนแรกครับ แต่เกรงว่าจะแรง และอิงการเมืองไปหน่อย อิอิ ยุคนี้เป็นยุคแห่งการไม่รู้คุณคนครับคุณอา พวกได้ทุนหลวงไปเรียนต่างประเทศ กลับมา บางคนก็รับราชการ บางคนเล่นการเมือง พวกนี้ ส่วนใหญ่ โกงกินทั้งนั้น ไม่มีคนที่ได้ทุนหลวงแล้วกลับมาพัฒนาประเทศให้ยิ่งใหญ่เลย สร้างความดีให้จารึกไว้ในแผ่นดิน

ผมจบ รปศ. ก็เคยได้อ่านจดหมาย ที่จะขอเปลี่ยนแปลงการปกครอง ตั้งแต่ ร.5 แต่ท่านตอบกลับ ว่า สยามประเทศ ไม่มีความพร้อม เพราะการศึกษา ยังกระจายได้ไม่ทั่วถึงทั้งประเทศ และการคมนาคม การจัดการเลือกตั้ง ไม่มีความสะดวก รวมๆใจความน่าจะได้ประมาณนี้ครับ เรียนเมื่อสิบกว่าปีที่ผ่านมา 555+

และหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง คนต่างจังหวัด ยังไม่ทราบเลย ว่ามีเลือกตั้ง แม้กระทั่ง ณ ปัจจุบัน ผมก็ไม่เชื่อว่า คนจนๆ อยู่ที่ทุรกันดาร จะเข้าใจระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตย เป็นยังไง

 

ผมติดตามเรื่องของคุณอาทุกวันก่อนทำงานครับ เพราะพอทำงานแล้วจะไม่มีเวลา ชอบมากๆ กับความรู้ที่คุณอาเอามาลงเป็นวิทยาทานสำหรับคนความรู้น้อยอย่างผมครับ ขอบพระคุณมากๆจากใจจริงๆ จะมีสักกี่คนที่ทำอย่างนี้

 

...................
...หวัดดี..หลานสวนพลู..และ..หลานVESPA...รวมถึง..ทุกคนในครอบครัวผม
....................
...ต่อจากตอนที่แล้ว.......
......................
...................................................................................................
....เรื่องมีอยู่นิดเดียว..แค่มาสอนภาษา..ธรรมดา..ทำซะ..โอ้โฮ้..ร.๔ ยังมาชอบ...
มีอิทธิพลกับ..ราชสำนักสยาม...ไปกันโน้น..แล้วก็..ตอแหลซะ..๙๐ เปอร์เซนต์..
...ก็ฝรั่งมันคิดว่า..ยังไง..ก็ทำอะไรมันไม่ได้มันอยู่เมืองนอก..กษัตริย์สยามไม่มี
ปัญญาไปฟ้องมัน..ก็ทำนองนี้..ก็ทำนองเดียวกับ..ไอ้หนังสือนี่...ลองคิดดูว่า
๑. ท่านเป็นถึงเอกอัครราชฑูต ๑๒ ประเทศ..หลักแหลม..ฉลาด..แม้ฝรั่ง
ยังนับถือ..เป็นตัวแทนของประเทศ..ท่านจะมาด่าผู้นำประเทศออกสื่อ..มัน
จะเป็นไปได้ยังไง..แล้วตอนนั้นเรื่องเคืองของ ร.๕ ก็เล็กน้อย..ไม่มากอะไร..
..ถ้าทำอย่างนี้..มันก็ฆ่าตัวตายชัดๆ..ท่านผ่านงานระดับชาติ..ผ่านการเจรจา
ข้อตกลงระหว่างประเทศ..เยอะแยะ...จะมาพูดโง่ๆแบบนี้เหรอ..เป็นไปไม่ได้
..แม้ว่า..มันจะอยู่ข้างใน..ก็คงไม่มีทางเอาพูดเปิดเผยแบบนี้...
๒. ร.๕ ทรงมีพระคุณมหาศาล..ตั้งแต่ให้ ทุน..ไปเรียน..ตั้งแต่เด็ก..จนจบ
ปริญญา...ตำแหน่งหน้าที่การงานเติบโตอย่างรวดเร็ว..ก็เพราะพระองค์ท่าน
..ด้วยวัยแค่ สามสิบต้นๆ..กลายเป็นบุคคลสำคัญของสยามด้านงานต่างประเทศ
..เกิดมาเป็นแค่..หม่อมเจ้า..แล้วพระองค์ท่าน..ก็เลื่อนขึ้นเป็น..พระองค์เจ้า...
แล้วจะมาย้อนเล่นงาน..พระองค์ท่านแถม..มันกลายเป็นเล่นงาน..ชาติตัวเองด้วย
นี่..มันต้องเลวบัดซบ..แล้ว...
.....แล้วคนที่ะไรเล็กน้อย..ก็ไม่ดูดาย..ท่านก็..ทำเพื่อชาติทั้งนั้น..อย่างน้อยที่สุด
ท่านก็ไม่ทำให้เสื่อมเสีย..มาถึงชาติตัวเองแน่..แล้วมันจะเป็นไปได้เรอะ..
..๓. ถ้ามีใครซักคน..มาสัมภาษณ์ผม..ให้ผมโง่ขนาดนี้นี่..ผมก็ต้องถามว่า...
..มาสัมภาษณ์ไปทำไม..เพื่อจุดประสงค์ใด...ถ้าเอาไปลงหนังสือ..แล้วเรื่อง
ราวมันกล่าวถึงอะไร....ชื่อเรื่องอะไร...อะไรทำนองนี้......
....และไอ้คนที่ถามมันบอกเคร่าๆมา..แล้วผมเป็น..ฑูตอยู่นี่..แค่เรื่องคร่าวๆ
หรือ..โครงเรื่อง..ผมก็เชิญมันออกนอกห้อง..ไม่ให้สัมภาษณ์แล้ว..เพราะ
กระทบเบื้องสูง..แล้วมันเกี่ยวพันกับ..ชาติของตัวเองด้วย...
..แล้วในยุคนั้น..ก็รู้อยู่ว่า..ไอ้พวกฝรั่งนี่..มันหาเรื่องเสียดสีเราตลอดเวลา..
....แล้วคิดดูว่า..คนฉลาดหลักแหลม..เคยฟัดกับ..นักการฑูตฝรั่ง..มาแล้ว..
.....จะโง่...ให้สัมภาษณ์....เหรอ...........
........................ถามผมว่า..เป็นไปได้มั้ย..ผมก็ว่า..เป็นไปไม่ได้.....
..เพียงแต่ความเห็นผม..นั้นคือ..
๑. ท่านคงเคยได้คุยกับ..ไอ้นี่..แต่ไม่เป็นทางการ...เพราะยุคนั้น..และ..
สถานะ..ของท่าน..ท่านต้องเข้าวงสังคมชั้นสูง..ก็ประเภทงานเลี้ยง..
อะไรนี่..มันต้องบ่อยแน่..คิดดูฑูต ๑๒ ประเทศ....ไอ้นี่มันคงอาจจะ
อยู่ในงานเลี้ยงใด..งานเลี้ยงหนึ่ง...ที่แน่...ท่านคือเป้าหมาย..ของไอ้นี่...
ตั้งแต่แรก...เพราะอะไร..เพราะตอนนั้น..สยาม..เริ่มมาแสดงบทบาท
ในยุโรป..ก็เพราะท่านด้วย..ที่ทำให้สยามดัง..แล้วสยามก็น่าสนใจ..
ที่อยู่ในวงล้อม..ของเสือ..สิงห์..อย่าง..อังกฤษ..และ..ฝรั่งเศษ....
....แล้วในสายตา..พวกฝรั่งยุโรป..ใครจะดังเท่าท่าน.....อีกอย่างที่
ผ่านมา..เรื่อง..ข้อเสนอ ร.ศ. ๑๐๓ นี้..เรียกว่า..นักการเมืองนักการฑูต
ฝรั่งมันก็รู้..แล้วก็..มาเข้าหูไอ้นี่ด้วย...แล้วเรื่องนี้...ใครๆก็รู้อีกนั่นแหละ
ว่า..ใครคือ..หัวเรือใหญ่...ก็คือ..ท่านปฤษนั่นเอง.....(.เพราะช่วงนั้น..ใน
เมืองหลวงมีสายสืบ..ของทั้งฝรั่งเศษ..และ..อังกฤษ..ที่อยู่รูปของ..ข้าราช
การฝรั่ง..ที่ร.๕ จ้างมา..พ่อค้า..เต็มไปหมด..และ..พวกข้าราชไทยชั้นสูง
..และ..เจ้านายหลายพระองค์..ก็คบค้าสมาคม..เพื่อความทันสมัย...ทำให้
ช่องทางสืบข่าว..ง่าย..ยิ่งเวลาพี่ไทย..เมา..แล้วละก็..พูดเรื่อยเปื่อย..แบบ
ที่เขา..เรียกว่า..ปากไม่มีหูรูด...พวกนี้ก็...หวาน..)
.....ดังนั้น..ไม่ต้องสงสัยเลยว่า...ใครคือ..เหยื่อ..


.........................

.....ใครสนใจเพิ่มเติมรายละเอียด..ก็ไปหาซื้อได้ครับ..ของสถาบันพระปกเกล้า
...ข้อมูลแน่นอน..เชื่อถือได้แน่..ผู้เขียน..ก็เป็นลูกหลาน..ตระกูลท่าน..
.....ดร. สุเมธ ชุมสาย ณ อยุธยา........

................................ต่อตอนหน้า.................................

 

มารอรับความรู้ต่อไปครับ

 

สวัสดีตอนค่ำครับมาติดตามอ่านต่อครับ..

 

.................
..ลืม..อธิบายภาพ..หน้าปกหนังสือไป...นั่นคือ..ภาพจากวารสารของ
อังกฤษชื่อ" The Illustrated London"..เมื่อปี ค.ศ. ๑๘๘๓
..แสดงพิธีรับมอบ..การแต่งตั้ง..หม่อมเจ้าปฤษฎางค์...เลื่อนขึ้นเป็น...
..พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าปฤษฎางค์..ที่อังกฤษ..ที่ขึ้นปกหนังสือเล่มนี้..เพราะ
...มีผู้ร่วมลงพระนาม..ใน"ข้อเสนอ ร.ศ.๑๐๓"..ด้วยอีก ๓ พระองค์อยู่ในภาพคือ
๑. สมเด็จพระเจ้าพระบรมวงศ์เธอ กรมพระเนรศวรฤทธิ์
๒. สมเด็จพระเจ้าพระบรมวงศ์เธอ กรมพระสวัสดิวัฒนวิศิษฐ์
๓. สมเด็จพระเจ้าพระบรมวงศ์เธอ กรมขุนพิทยลาภพฤติธาดา
...ซึ่งเวลานั้น..อยู่ที่..ยุโรปด้วยกัน....

 

มารอชมตอนต่อไปครับคุณอา .......... ผมไม่แน่ใจว่าท่านปฤษ ดื่มเหล้า หรือไวน์หรือป่าว ในมุมมองผมคิดว่า อาจจะเผลอพูดไปตอนพริ้มๆ อิอิอิ

 

รอติดตามตอนต่อไปครับอา กำลังเข้มข้น

ขอบคุณครับ

 

................................................
...อันนี้..เลี่ยงไม่ได้..หรอก...การเป็นเอกอัคราชฑูต..งานเลี้ยงการพบปะสังสรรค์..ถือว่าเป็นงานในหน้าที่..
..การดื่มไวน์..ก็เป็นธรรมเนียม..ของชาวยุโรป..ดื่มมากดื่มน้อย..ก็ต้องดื่ม..ไม่งั้นถือว่าไม่ให้เกียรติ..และแปลกแยก..ยิ่งตอนนั้นเรากำลังรีบประชาสัมพันธ์ชาติเราอยู่....ต้องทำตัวเป็นอารยะ..ป้องกันการดูถูก...