หลวงปู่ดุลย์พูดถึงไอสไตน์

หลวงปู่ดูลย์พูดถึงไอสไตน์

“...หลวงปู่ดูลย์เคยบอกเรื่องประหลาดนะ...หลวงปู่ดูลย์เนี่ย อยู่บ้านนอกอยู่ป่า
อยู่เขามาตลอดชีวิต...ไม่ได้เรียนวิทยาศาสตร์อะไร... ท่านวิจารณ์ไอสไตน์ได้
นะ...ท่านคงพิจารณาของท่านเอง...
ท่านบอกไอสไตน์น่ะมันเก่งนะ...มันเก่ง... มันสามารถพิจารณาไปถึงนิพพานได้
แต่เค้าไม่เห็นประโยชน์...เค้าไม่รู้ว่าจะ ใช้ประโยชน์อะไร เค้าเลยไม่เอา...

ท่านวิจารณ์อย่างนี้....อย่างสิ่งที่ปิดบังนิพพานไว้ก็มี รูปนาม ขันธ์ 5 กับสมมติ
บัญญัติ...ไอสไตน์เก่งนะ ถึงขนาดมองว่าสิ่งที่ตัวเราที่แท้จริงนี่เป็นแค่เศษธุลี
ในจักรวาล...เล็กนิดเดียวไม่มีนัยยะอะไร...แต่ความสำคัญตัว สำคัญมั่นหมาย
ขึ้นมา ว่าตัวเรามีอยู่จริงๆ...มนุษย์ก็เลยแยกตัวเองออกจากสิ่งที่แวดล้อมอยู่...
เกิดเรา เกิดเขา เกิดสิ่งแวดล้อมขึ้นมา...

ไอสไตน์มองไปเห็นได้อย่างนี้ว่า จริงๆตัวตนที่แท้จริงเราไม่มีหรอก
เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในจักรวาลนี้ชั่วขณะ

 

สั้นๆๆว่าไร้สาระ
จะฟังอะไรก็ใช้สมองตรองหน่อยนะท่าน
ไอ้พวกลัทธิยกยออ.บุคคลอันเป็นที่รักมันเยอะรักแบบคลุ้มคลั่ง
ที่พร้อมจะแต่งเรื่องทุกอย่างเพื่อเสริมบารมี
โดยไม่คำนึงเลยว่าการเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จ
มันไม่รู้ตัวว่าเป็นการทำร้ายคนที่รักมากกว่าการส่งเสริม
มันก็อีหรอกหลายปีก่อน...........................ที่มีคนเผยแพร่ข่าวลือว่าองค์ทะไลลามะบอกทำนองว่า อาตมานะนับถือในหลวงบารมีอาตมานะในโลกนี้สู้มหาราชองค์นี้อค์เดียวไม่ได้เหมือนเอาเด็กไปเทียบผู้ใหญ่


แล้วคนไทยก็ฮือฮาใหญ่ จนฝรั่งได้ยินแล้วเชื่อบ้าจี้ไปถามองค์ทะไลลามะว่าจริงไหม
สุดท้ายกลายเป็นโอ้ละพ่อเลยทีเดียว เสียถึงพระองค์ท่านขายทั้งหน้า

 

ขอบคุณค่ะที่เตือน
เพื่อความชัดเจน วานท่านอโศกช่วยเอาหลักฐานว่าข้อความนี้ไม่ได้เป็นของหลวงปู่ดุลย์มาลงเป็นวิทยาทานแก่ จขกท.และผู้อ่านคนอื่นๆ หน่อยนะคะ
ขอบคุณค่ะ

 

ขออ้างอิงทั้งสองคนด้วยครับ ท่าน อโศก เอามาจากหนังสือพิมพ์อารายครับ ขอที่มาที่ไปกว่านี้หน่อยครับ ถ้าจะเอาอะไรที่มันหักล้าง ก็ขอให้ชัดเจนกว่าเขานะครับ

 

ขอเดาแบบมีหลักการนะครับ เดาแบบไร้นิวรณ์ ด้วยความสะอาด สว่าง สงบ

เค้าเป็นนักวิทย์ ต้องการสร้างชื่อเสียงให้คนยอมรับ เค้าอยากเป็นผู้ชนะครับ
นิพพานที่เค้าอ่านเจอ มันไม่เร้าใจ ถ้ามีใครเขียนเป็นสมการทางคณิตศาสตร์
ไอสไตน์เค้าอาจจะสนใจแก้ปัญหานั้น จนสำเร็จพุทธะก็เป็นได้นะเออ

เค้ามองผ่านอะตอม เห็นด้วยการคำนวญเอา จึงเห็นความไม่มีตัวตนในอีกรูปแบบหนึ่ง
เนี่ย ถ้าเค้ามองผ่านทางอาณาปาล่ะก็นะ คงสำเร็จไปแล้ว และโลกคงต่างไปจากทุกวันนี้ เนอะ


วิญญานกระต่ายป่า ข้างวัด / ค้างคาวแห่งแสง
.

 

เรื่องหลวงปู่ดุล พูดถึงไอสไตน์ นี่มีนะ ครับผมเคยอ่านหนังสือที่จดบันทึกคำพูดหลวงปู่ดุลไว้ เป็นเล่มเล็กๆ

 

ความแตกต่าง ระหว่าง พระพุทธเจ้ากับไอสไตน์

คือ พระพุทธเจ้าท่าน ไม่มีความสงสัย (ไม่มีความอยาก) อีกแล้ว

ส่วนสไตน์ของไอ หรือ ไอสไตน์นั้น ยังคงมีความสงสัย ต่อสิ่งที่เห็นอยู่ (ยังมีความอยาก)
ตามคุณสมบัติของผู้ที่ต้องการเอาชนะ แบบนักวิทยาศาสตร์ ที่ชอบตั้งสมมุติฐาน ไปเรื่อย

 

งั้นคุณก็ช่วยเอาหลักฐานว่าข้อความนี้เป็นของหลวงปู่ดุลย์มาลงเป็นวิทยาทานแก่ผมหน่อยสิครับ ถ้าจะให้ดี ก็ช่วยเอาเทปมาลงหน่อยเอาแบบหลวงปู่พูดชัดๆๆเลยนะครับ....ไอ้ตั้งคำถามแบบนี้มันผูกคอตัวเองนะครับ ตัวคุณยังไม่รู้ว่าจริงเท็จเลยแต่ก็เชื่อก็เอามาเผยแพร่ยังกับความจริง พอใครทักก็ไม่พอใจ ผมว่ามันน่าขันนะ


ผมก็ไม่ได้ว่าหลวงปู่ไม่ได้พูดนะครับ แต่ผมก็เตือนให้เห็นกันว่าบ้านเมืองเรามีลัทธิเอาอ.มาหาแดก..............ยกย่องอ.ของตัวเองเอามาโยงกับคนดังคนนู้นคนนี้ไปหมด...ไอ้พวกคนโง่ก็ตาตื่น............อย่างเอาพระพุทธเจ้ามาเทียบไอสน์ไตน์มันได้หรือครับมันคนล่ะเรื่องเลย พระพุทธเจ้าสนใจเรื่องกำเนิดจักรวาล สนใจสร้างทฤษฏีอธิบายจักรวาล หรือเปล่าก็เปล่าให้พระพุทธเจ้าไปคิดจะคิดได้แบบไอสน์ไตน์ไหมก็ยังน่าสงสัยอยู่ แต่เรื่องทุกข์ความดับทุกข์ให้ไอสน์ไตน์คิดมันก็เทียบกับพระพุทธเจ้าไม่ได้เหมือนกัน มันคนล่ะเรื่อง

ในส่วนตัวผมมั่นใจว่านี่ไม่ใช่คำพูดของหลวงปู่แน่นอน ไอ้ลัทธิหลุดโลกแบบยกย่องครูอ.นี่มันไร้สาระครับ มันเหมือนคุณเอานักคอมพิวเตอร์มาเทียบกับนักรัฐศาสตร์ มันคนล่ะเรื่องคนล่ะราวคนละความสนใจความถนัดคนล่ะสาขาวิชาเลย

 

อันนี้ผมว่าหาง่ายนะคุณหาในกูเกิ้ลสิเรื่องนี้เมื่อหลายปีก่อนเป็นท็อปทีเดียว เรื่องทะไลลามะกับในหลวง

ส่วนเรื่องหลวงปู่กับไอสน์ไตน์ผมมั่นใจว่าหลวงปู่ไม่เคยพูด แต่ถ้าจะให้หาหลักฐานผมจะเอาที่ไหนล่ะครับหลวงปู่ท่านก็ไปอยุ่ไหนแล้วก็ไม่รู้ นะครับมันก็พอๆๆกับที่คนอ้างว่าหลวงปู่พูดขึ้นมาดื้อๆๆนั้นแหละครับ จริงประเด็นไม่ได้อยู่ที่ผมว่าหลวงปู่ไม่ได้พูดนะครับ ผมก็แค่รู้สึกว่ามันไม่ใช่และไร้สาระ แต่ประเด็นอยู่ที่ว่าผมเตือนว่าถ้าจะเชื่ออะไรให้คิดนิดหนึ่งบ้านเรามันมีลัทธิสาวกอวยอ.หรือบุคคลอันเป็นที่รัก อยู่จริงๆๆนะอย่างกรณีในหลวงกับทะไลลามะ ผมว่าผมพูดชัดนะครับว่าจะสื่ออะไร อ่านก็จับประเด็นหน่อย

หลวงปู่อาจจะรู้จัก แต่ไอสน์ไตน์ก็ส่วนไอสน์ไตน์ ความคิดของไอสน์ไตน์ หลวงปู่จะเข้าใจหรอ หลวงปู่เคยเรียนฟิสิกส์เรียนคณิตศาสตร์ชั้นสูงที่ไอสน์ไตน์เอามาสร้างทฤษฏีหรือครับ อีกอย่างทฤษฏีเขามันเข้าใจกันง่ายๆๆหรือครับ ประเทศไทยยังไม่มีนักวิชาการไทยแม้แต่คนเดียวที่กล้าพูดว่าตัวเองเข้าใจเลย ยังไม่มีมหาวิทยาลัยในเมืองไทยแม้แต่ที่เดียวที่มีคนกล้าเปิดสอนวิชานี้อย่างลึกซึ้งนะครับทฤษฏีสัมพัทธภาพทั่วไปนี่ ถ้าจะเรียนต้องไปต่างประเทศเท่านั้น ไปเรียนกับศ.ระดับโลกที่มีอยู่ไม่กี่คนที่เขายอมรับกันว่ามีความเข้าใจวิชานี้

ถ้าคนอื่นเข้าใจแกคงไม่เป็นอัจฉริยะหรอก นี่ผมพูดตรงๆๆนะ คุณเข้าใจทฤษฏีของไอสน์ไตน์ไหมล่ะ นี่พูดตรงๆๆ ถ้าคุณเข้าใจคุณก็คงฉลาดพอๆกับสตีเฟ่น ฮอว์คิง ไปแล้ว คงเป็นตำนานของโลกไปแล้ว คงได้รางวัลโนเบลไปแล้ว ยังไม่มีคนไทยแม้แต่คนเดียวที่ได้นะครับ แม้แต่นักฟิสิกส์คณิตศาสตร์รางวัลโนเบลยังมีแค่ไม่กี่คนที่เข้าใจเลย

ไอ้มนุษย์เรานะเวลาพูดในสิ่งที่ตัวเองไม่เข้าใจไม่รู้นะมันพูดง่ายเสียด้วย

ทีนี้ในแง่ความดับทุกข์อะไรทำนองนี้ไอสน์ไตน์ก็สู้หลวงปู่ท่านไม่ได้เหมือนกัน พูดง่ายๆๆว่ามันคนล่ะเรื่องคนล่ะราวนะ ความสนใจของคนมันไปคนละด้าน เหมือนเอาแฟนพันธ์แท้วิทยาศาสตร์ กับกรรมฐานมาเทียบกันว่าใครวิเศษกว่าให้อีกคนวิจารณ์อีกคนมันทำได้ไหมล่ะ

ไอสน์ไตน์เขาไม่สนใจการดับทุกข์แต่เขาสนใจกำเนิดจักรวาล สนใจสร้างทฤษฏีอธิบายจักรวาล มันคนล่ะเรื่อง ศาสนาพุทธสอนให้เราอธิบายจักรวาลหรือครับ หรือสอนให้เราดับทุกข์ ผมพูดตรงๆๆนะขันธ์5 รูป นามคืออะไรไอสน์ไตน์รู้จักหรือครับ อย่างไอ้ที่เล่าลือกันว่าไอสน์ไตน์ยกย่องศาสนาพุทธมันก็ไร้สาระนะ เขาก็แค่บอกศาสนาพุทธนะถูกใจเขาเพราะเป็นเหตุเป็นผลไม่งมงาย แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาถือพุทธ เขารู้อะไรสักที่ไหนล่ะครับ ก็เป็นตุเป็นตะไป ส่วนใหญ่ที่พูดๆๆกันก็คือฟังเขามาอีกทีอย่างหนังสือที่จดบันทึกคำพูดหลวงปู่ดุลย์ไว้ ที่เพื่อนสมาชิกเขาพูดถึงอันนี้ผมก็เคยเห็นนะ แต่มันเป็นแบบฟังมาอีกทีจากคนใกล้ชิดเล่าว่าหลวงปู่พูด ซึ่งใครก็พูดได้
นี่แหละที่ผมท้วงว่าจะฟังเขาก็ใช้ความคิดด้วยว่าจริงเท็จมันก็สักแต่เล่าลือมาแบบนั้นแบบนี้ มันอาจจะเท็จก็ได้ มันก็เหมือนเรื่องทะไลลามะกับในหลวงนั้นแหละ




เหมือนเอาปาเกลียวไปเทียบบัฟเฟตต์ มันเทียบกันได้หรือครับ คุณว่านักลงทุนอย่างบัฟเฟตต์ เข้าใจเรื่องมวย จนพูดเรื่องมวยเรื่องปาเกลียวจนรู้ดีกว่าปาเกลียวได้ไหมล่ะ แล้วคุณว่าปาเกลียวรู้เรื่องหุ้นมากกว่าบัฟเฟตต์ไหมล่ะ และคำพูดที่อ้างว่าหลวงปูดุลย์พูดถึงไอสน์ไตน์ยังอ้างผิดอ้างถูกเลยครับ เขาว่าไอสน์ไตนร์พิจาณาปรมาณูจนรู้ถึงเรื่องมิติที่สี่ นี่ผิดไปไกล ไอสน์ไตน์เขาพูดเรื่องอวกาศเวลา(เวลาคือมิติที่สี่)เป็นสิ่งเดียวกัน เมื่อเขาพิจาณาคณิตศาสตร์ของสิ่งใหญ่ๆๆ อย่างดาวอย่างอะไรเพราะเรื่องนี้มันเป็นเรื่องของแรงโน้มถ่วง ไม่ใช่เรื่องอะตอม ที่สำคัญเขาพูดมากกว่านี้เยอะ เขาพูดไปเรื่องอวกาศเวลาบิดงอเพราะสสารพลังงาน เกิดสนามความโน้มถ่วง ความเร่งเป็นสิ่งเดียวกับความโน้มถ่วง หลุมดำ เลนส์ไอสน์ไตน์ เยอะไปหมด เรื่องปรมาณูนั้นมันทฤษฏีควอนตัมแล้ว มันคนล่ะทฤษฏีกันไอสน์ไตน์ไม่ชอบทฤษฏีนี้ด้วยซ้ำไป

แต่เขาคงจะหมายความว่าไอสน์ไตน์นะฉลาดมากกว่าคนอื่นแต่ไม่รู้จักเอาความฉลาดมาดับทุกข์มากกว่า(เพราะเขาไม่สนใจ) รู้ไปสุดขอบจักรวาลแต่ไม่รู้จิตรู้ใจตัวเอง ก็แค่นั้น

 

คุณ อโศกผู้มีปัญญาครับ คุณเป็นผู้สร้างเรื่องไว้ คุณก็แก้เองสิครับ

เรื่องของคนอื่นเขียนได้ยาวเยียด เรื่องของตัวเองกลับบอกให้ไปหาเอาเอง แปลกคน

หามันก็ได้ แต่อยากได้ความรับผิดชอบอะ ถ้าไม่มีก็ไม่เป็นไร เข้าใจ่ เข้าใจ

 

อิอิ (คนเป็น ทะเลาะกันเพราะ เรื่องของคนที่ตายไปแล่้ว) อิอิ

ขออนุญาตขำนิดหน่อยนะครับ พอเป็นกษัย พอดีว่า เป็นเรื่องตลกน่ะ

 

ก็จริงดัง อโศก ว่านั้นแหละ .. ลูกศิษย์บางคนได้ยินมา
แต่พอมาเล่า ก็สรุปเป็นคำพูดตัวเองกลายเป็นความหมายเพี้ยนไป.. ลองไปค้นดูแล้วกันว่าศิษย์ท่านไหนพูด
ซึ่งศิษย์ท่านนี้ก็เคยถูกโต้แย้งเรื่องกล่าวอ้างว่าเป็นคำสอนหลวงปู่หลายเรื่องเสียด้วย
ทั้งๆที่ศิษย์ท่านอื่นๆ ที่ใกล้ชิดต่างบอกกันว่าหลวงปู่ไม่เคยกล่าวเช่นนั้น

ส่วนคำพูดที่ดูจะถูกต้อง ผมเอามาจากเว็บธรรมะรวบรวมในส่วนคำสอนหลวงปู่
ท่านกล่าวไว้ดังนี้

“ปัญญาภายนอกคือปัญญาสมมติ ไม่ทำให้จิตแจ้งในพระนิพพานได้ ต้องอาศัยปัญญาอริยมรรคจึงจะเข้าถึงพระนิพพานได้ ความรู้ของนักวิทยาศาสตร์ เช่น ไอน์สไตน์มีความรู้มาก มีความสามารถมาก แยกปรมาณูที่เล็กที่สุดจนเข้าถึงมิติที่ 4 แล้ว แต่ไอน์สไตน์ไม่รู้จักพระนิพพาน จึงเข้าพระนิพพานไม่ได้ จิตที่แจ้งในอริยมรรคเท่านั้นจึงเป็นไปเพื่อการตรัสรู้จริง ตรัสรู้ยิ่ง ตรัสรู้พร้อม เป็นไปเพื่อความดับทุกข์เป็นไปเพื่อนิพพาน”



ส่วนคำกล่าวว่าไอน์สไตน์พิจารณาไปถึงพระนิพพาน นั้น
เป็นเรื่องไม่จริง เพราะทางวิทยาศาสตร์แม้หลังไอน์สไตน์ก็ไปไกลแค่อนุภาคพระเจ้า
เพื่อจะหาว่าจักรวาลเกิดขึ้นได้อย่างไร
ซึ้งยังเป็นเรื่องของวัตถุแต่เล็กมากๆและมองไม่เห็นเท่านั้น
ไม่มีทางเอาอะไรมาโยงไปถึงพระนิพพานได้เลย มันคนละเรื่องกัน

 

ผมไม่ได้ทะเลาะกับใครนะครับ ผมอยากรู้ที่มาที่ไปเฉยๆ

ส่วนโลกวัตถุนี้ ก็มีพัฒนาการพอสมควร คือเขารู้แล้ว ว่า สิ่งที่เขาจับต้องได้นั้นมันไม่ได้มากเท่ากับความว่าง เขากำลังจะอธิบายความว่างแล้ว แต่ก็รอคนจะมาเปลี่ยนหรือเสนออะไรที่มันยังคิดไม่ถึง (อันนี้ความคิดผม คิดเองเออเอง)

มันก็จะเข้ามาใกล้ศาสนาเลื่อยๆ แต่ก็เท่านั้น เมื่อคนมันไม่เห็น ทุกข์ ก็ไม่เกิด อริยสัจ
ก็วนอยู่อย่างนี้แหละ ผมคิดอย่างนี้นะ

 

ในยุคนี้วิทยาการทางด้านวัตถุของการดึงพลังออกจากอะตอมคือจุดสูงสุดที่น่าทึ่งแล้วครับ
ส่วนเรื่องอื่นๆ เป็นการหาคุณสมบัติเพื่อหาโอกาสนำมาใช้ประโยชน์

 

ออกแนวจนปัญญาแล้วพาลนะครับเนี่ย.................................ถ้าลดทิฏฐิตัวกูของกูลงบ้างก็จะรู้นะครับว่าที่พูดเนี่ยผมพูดออกมาจากใจจากความคิดแบบนี้จริงๆๆ พูดให้คิดนะครับ ไม่ใช่ให้คุณฟาดงวงฟาดงาไปเรื่อย อย่างเรื่องทะไลลามะกับในหลวงผมบอกให้คุณหาในกูเกิ้ลดู ก็เพราะมันหาง่ายมากนะเรื่องนี้ผมก็เลยคิดว่าคุณมีสติปัญญาพอจะหาเองได้แค่พิมพ์ทะไลลามะกับในหลวงในกูเกิ้ลมันยากเกินสติปัญญาคุณหรือครับ

ถ้ามันยากเกินก็บอกผมจะได้เอามาลงให้ดู มันเกี่ยวอะไรกับความรับผิดชอบตรงไหนครับ ผมก็คิดว่าคุณโตขนาดเล่นพลังจิตแสดงกิริยาแบบเด็กไม่รู้จักโตได้ขนาดนี้ เรื่องแค่นี้มีปัญญาหาเองได้ ไม่นึกว่าจะโง่ถึงขั้นใช้กูเกิ้ลไม่เป็น55555 ถึงพูดแบบนี้ ก็บอกสิครับ จะได้รู้..................ไม่บอกผมจะรู้ไหมว่าคุณมีสติปัญญาน้อยกว่าเด็กป.1ยุคนี้ที่ไปถึงขั้นสามารถที่โหลดคลิปโป้มาดูได้แล้วมั้ง

 

เขัามาบอกว่าได้อ่านคำตอบของคุณอโศกแล้ว

ขอบคุณครับที่ตอบคำถาม

 

ชอบภาพนี้มากเลย เข้ากับตัวผมดี ขอยืมหน่อยนะคราป

 

นั้นแหละถึงต้องการสิ่งที่อ้างอิง จากภาพ มันก็บ่งบอกอยู่ว่าใครเป็นคนทำ

อ่านจากเนตก็รู้ แต่ภาพแรกที่เขาเอามานะเอามาจากไหน ใครทำหละ ฝ่ายไหน

มันก็เฝยออกมาด้วย จริงมั๊ยครับ ท่านสุรินทร์

แต่ท่านผู้มีปัญญาเขาคิดได้แค่นี้ ก็ขอบคุณมาก เอ หรือตั้งใจเอามา แล้วท่านพูดอย่างนั้นจริงๆเหรอ หรือ คนอื่นพูดแทนท่าน ทั้งสองเรื่อง

มันก็ต้องการแหลงข้อมูล

เอานะ ใครฉลาดก็ให้เขาว่าตามเรื่องของคนฉลาด คนธรรมดาอย่างเราก็อยู่เเบบธรรมดานี้แหละ

 

ลบแล้วไม่เป็นไร ผมไม่ลบแล้วกัน เรื่องของคุณ อโศก ผมเข้าใจดี

แต่ ก็ต้องระมัดระวัง ด้วย ไม่ใช่เห็นแต่คนอื่น จนตัวเองก็ตกเป็นเหยือ เหมือนกัน

 

อย่าไปสาวความเลย แค่ให้รู้ว่า ได้อ่านแล้ว และมันอาจจะเป็นไปได้ กับกิเลสของคน

แต่ไม่เกี่ยวกับคนในนี้หรอก ซึ่งหมายถึงคนอีกฝ่าย

เพื่อแสดงให้เห็นตรรกะของการพิจารณา ว่าเห็นสิ่งใดอย่าได้มองเพียงแค่ชั้นเดียว

ต้องมองให้ถึงกึ๋นโดยเนื้อแท้ แต่จริงไม่จริงอย่างไรนั้น ความจริง ย่อม ชนะความไม่จริง เสมอๆ