ประสบการณ์เมื่อเรามีคนทักว่าเรามีองค์ (แนวให้ความรู้)

.... ทำไมคุณต้องคิดว่าเป็นความผิดด้วยคะ .. พุทธไม่ได้สอนให้เรา " อกตัญญูต่อผู้มีพระคุณนะคะ " คุณต้องปรับทัศนคติใหม่นิดหนึ่งนะคะ

.... อันพุทธองค์นั้นถูกยกย่องให้เป็น " ครูของ 3 โลก " การที่เราจะเคารพครูท่านอื่นด้วยนั้นไม่แปลกนะคะถ้าครูนั้นท่านควรค่าแก่การเคารพ เอ๊ะ ... หรือ ว่าแปลกสำหรับท่านอื่นก็ไม่ทราบคะ เพียงแต่เราควรมีการจัดลำดับให้ดีแค่นั้น ตามบารมี และ ความเหมาะสม .. เช่น พระพุทธส่วนพระพุทธอยุ่สูงสุด .. พระสงฆ์ส่วนพระสงฆ์ อยู่เบื้องขวาพระพุทธ .. เทพเทวดาฆราวาส อยู่เบื้องซ้าย ถ้าเหลื่อมความสูงกันได้จะดีมากคะ หรือแยกไปเลยแต่ต่ำกว่าพระพุทธถือว่าใช้ได้ หันหน้าหิ้งตามความเหมาะสมที่เข้ากับตนเอง.

.. ส่วนการสวดมนต์นั้น ขอแนะนำตามแบบกาลีนะแล้วกันนะคะ .. ใช้อยู่จะไล่ลำดับให้เหมาะสมคะ คิดสภาพไม่ออกนึกถึงเวลาจัดหิ้งพระนะคะว่าไล่ยังไง ควรมีการอธิฐานจิตก่อนทุกครั้งเพื่อแสดงความชัดเจน รวมทั้งแผ่เมตตาทั้งก่อนและหลังด้วยคะ เพื่อความเป็นมงคล หรือ จะลองดูของคนอื่นก่อนได้นะคะ

 

ให้คิดง่ายๆอย่างนี้นะครับ.. ว่าเมื่อครั้งที่พระพุทธองค์ทรงตรัสรู้สัมมาสัมโพธิ์ญานใหม่ๆ พระพุทธเจ้าพระองค์ทรงนึกถึง ท่านอุทกดาบส และ อาฬารดาบส เป็นอันดันอันดับแรกเลย แล้ว ค่อยนึกถึงปัญจวัคคีทั้ง 5 แม้แต่พระพุทธองค์ก็ไม่ทิ้งครูนะครับ

 

ขอขอบคุณทุกท่านที่ให้คำแนะนำ เห็นคำแนะนำอย่างนี้แล้วจะได้ปฏิบัติอย่างสบายใจ

 

เมื่อวานเพื่อนบอกว่าจะไปเฝ้ายายที่ รพ. เราก็เห็นใจแต่องค์ท่านกระซิบบอกว่าไม่รอด

วันนี้เพื่อนบอกเสียชีวิตแล้วตั้งแต่ตอนเย็น ศพที่วัดลูกหลานกำลังเตรียมของไปช่วยกัน

 

น่าเห็นใจครับ แต่เรื่องแบบนี้เมื่อสิ้นอายุขัยแล้ว ก็ยากทีใครจะช่วยได้
เมื่อหลายปีก่อนผู้มีพระคุณของผมคนหนึ่ง ได้โทรมาขอให้ผมช่วยต่ออายุ
ให้คุณแม่ของท่าน เนื่องคุณแม่ของท่านป่วยหนัก ผมเองก็ไม่รู้จะทำอย่างไร
เพราะผมไม่มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้เลย ได้แต่ถามว่าท่านสิ้นอายุขัย
แล้วหรือยัง แต่ไม่ได้รับคำตอบ ลืมบอกไปว่าผู้มีพระคุณคนนี้เค้ามีวิชาพอตัว
เคยทำพิธีต่ออายุให้คุณแม่เค้ามาทีหนึ่งแล้ว ไม่รู้ว่าครั้งนี้ทำไมจึงให้ผมทำ
สุดท้ายก็ตัดสินใจลองดู กลับจากทำงานช่วงคำ่ๆก็ขึ้นหิ้งพระสวดมนต์
อธิฐานขอครูอาจารย์และองค์เทพผู้ปกปักรักษา ว่าหากองค์ท่านจะให้ผมช่วยคน
ก็ขอให้ผมช่วยเค้าได้สำเร็จ เสร็จแล้วก็นั่งสมาธิ จนเห็นตัวเองตัวใหญ่มาก นั่ง
มองลงไปข้างล่าง เห็นหญิงชราคนหนึ่งยืนอยู่ในเงามืด ใจก็คิดบอกเค้าว่าอย่าไป
ให้กลับขึ้นมา ผมก็ทำได้เท่านี้แหละ สุดท้ายยังมานั่งสงสัยอีกว่า หญิงชราคนนั้น
เป็นใคร ใช่คุณแม่ของเค้าหรือไม่ ( ผมเคยเห็นครั้งเดียว จำไม่ได้ด้วย )
ผลก็คือท่านเสียตั้งแต่ผมยังกลับไม่ถึงบ้านเลยครับ เล่าให้ฟังเล่นๆ เพราะ
ถึงวันนี้ก็ยังทำอะไรไม่เป็นอยู่ดี

 

... อืม เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล้กนะคะ .. การที่เราจะไปต่ออายุให้ใครสักคนนั้นเคยได้ยินเหมือนกันคะ เป็นเรื่องที่คิดว่าจะเล่าดีไหม๊เพราะมันเป็นเรื่องคนอื่นที่เราเข้าไปยุ่งเกี่ยว ... แต่ก็นั้นแหละคะหนทางมีแต่สิ่งแลกเปลี่ยนก็สูงเช่นกัน บางครั้งทำสำเร็จแต่ผลที่ออกมาอาจไม่ได้เป็นอย่างที่ต้องการ .. ที่แน่ ๆ ถ้าคุณไม่มั่นใจในความสามารถของตนเองแล้วไปทำ ... อายุคุณนั้นแหละที่ต้องสั้นลงเอง ... หรือ ต้องแลกด้วยสิ่งที่มีค่าที่สุดของคุณก็ได้คะ .. แนะนำว่าคิดให้ดี และ ตรวจสอบปัจจัยหลายด้านประกอบก่อนแล้วกันนะคะ

 

ขอบคุณครับคุณ Kalina เรื่องนี้ผมเองก็เพิ่งมารู้ตอนหลังครับ คือผู้มีคุณเค้าเล่าให้ฟัง
ว่าเค้าเคยต่ออายุให้คุณแม่เค้ามาครั้งหนึ่ง โดยการทอนอายุตัวเองลง 9 ปี แต่ถึงแม้ว่า
ผมจะทราบมาก่อน ผมก็คงจะต้องทำอยู่ดี จะสำเร็จหรือไม่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ไม่งั้นผมคง
รู้สึกติดค้างเค้าไปอีกนานครับ

 

ขอปรึกษาได้ไหมครับ
คือผมมีอาการเป็นแบบนี้ครับ จะรู้สึกเหมือนมีกระแสไฟฟ้าสถิตย์อยู่ในกะโหลก และมึนคิดอะไรไม่ค่อยออก ซึมๆ เงียบๆ บางทีรู้สึกหัวใจเต้นแผ่วๆ บางทีฟังเสียงแต่แปลความหมายไม่ได้เหมือนคนพูดอะไรไม่รู้ใส่หูเรา บางทีพูด ไม่มีเสียง บางทีร่างกายก็ค้างไปแปปนึง คือมันจะเป็นเฉพาะตอนกลางวันน่ะครับ แต่พอกลางคืนจะกลับมามีเรี่ยวแรง ปกติทุกอย่าง เคยไปเช็คหลายโรงบาลแล้วครับ ผลออกมาปกติดี ตกลงแล้วมันเป็นอะไรหรอครับ ตอนนี้ผมเซ็งมากๆเลยครับ รู้สึกว่าตัวเองมีนิสัยเหี้ยมขึ้นด้วย ขอบคุณครับ

 

ตอบคุณ Higtmax
เราว่าลองพิจารณาเรื่องการใช้ชีวิตของคุณก่อน


ส่วนเรื่องการต่ออายุทำบุญใหญ่จะดีที่สุด เวลาเราตอบปัญหาจึงมักเสนอให้ทำบุญใหญ่
เช่น สร้างโบสถ์ วิหาร ถวายพระพุทธรูป เอาบุญใหญ่หนุนไว้ก่อน ถ้าช่วยไม่ได้จริงก็ยังมีทุนไว้ใช้ต่อไปในภพหน้า
อย่าใช้กำลังของตัวเอง เพราะจากประสบการณ์คนที่ถูกของง่ายมักจะเป็น คนดวงตก เด็ก คนแก่ และลูกหนี้กรรม

 

... คุณคงเหมาะกับการใช้ชีวิตกลางคืนน่าจะดีกว่านะคะ แบบ กาลีนะ คะกลางวันเชื่องช้า กลางคือรื่นเริงตาใสแจ๋ว คะ ลองปรับสภาวะจิตใจตนเองก่อนนะคะ ฝึกสมาธิขั้นพื้นฐานให้รู้ตัวตลอดเวลาก็ดีคะ

 

เรื่องสุขภาพผมไม่ค่อยห่วงหรอกครับ แต่ผมกลัวคือ มันมีนิสัย ดุร้าย โหดเหี้ยม กระหายเลือด เพึ่มขึ้นมาครับ พยายามจะระงับอยู่ ครับ ไม่รู้จะทำยังไงนี่สิ อีกอย่างนึงผมยึ้มแบบธรรมดาไม่ได้ครับ จะโดนคนถาม ว่า ยึ้มมีเลศนัยเหรอ ทำไมยึ้มต้องแยกเขี้ยวด้วย

 

... นั้นแหละคะ .. เมื่อคุณฝึกสมาธิขั้นพื้นฐานให้ตนเองแล้วสิ่งที่คุณจะได้มา คือ

1. สติ ทำให้เราสามารถรู้ว่าตอนนี้เรากำลังทำอะไรอยู่ การที่จะแสดงออกอะไรออกไปสมควรไหม๊ ตอนนี้เป็นตัวเราหรือเปล่า

2. สมาธิ คือ ความสงบในจิตใจ เปรียบเสมือนเป็นน้ำที่คอยรดใจไม่ให้รุ่มร้อน

3. ปัญญา คือ รู้เท่าทันทุกสิ่ง ไม่อาจมีสิ่งใดมาหลอกเราได้ง่าย ๆ

4. บุญบารมี คือ ความเพียรของเรานั้นเองเราสามารถแผ่เมตตานี้ออกไปแก่สรรพสิ่งได้ไม่จำกัด เป็นเกราะป้องกันคุณจากสิ่งเร้าภายนอก และ ช่วยค้ำจุนคุณยามที่คับขัน ... และหากบวกศีลเข้าไปแล้วคุณก็จะพบแต่สิ่งดีงามที่จะเข้ามาหาคุณคะ อะไรที่มันไม่ดีมันก็จะคลายไปเองเพียงคุณมีความตั้งมั่นตั้งใจพอคะ

 

กำลังเข้มข้นเลยนะคะ ยังอ่านไม่จบ แต่มีบ้างตอนที่อยากนำไปเผยแพร่ให้เพื่อนๆที่สงสัย

หายแคลงใจ ขออนุญาต "คุณกาลีนะ" ด้วยนะคะ ขอบคุณมากค่ะ

 

.. ได้คะ ... ข้อมูลนี้เราเองได้ทำการพิจารณาวิเคราะห์มาแล้วชั้นหนึ่ง .. ส่วนที่พวกคุณจะนำไปใช้ก็ควรพิจารณาเพิ่มเติมให้เข้ากับเหตุการณ์นั้น ๆ ด้วยนะคะ เพราะบางครั้งมันจะไม่ตรงประเด้นเสียทีเดียวคะ

 

27 फरवरी महा शिवरात्रि

27 กุมภาพันธ์ มหาศิวาราตรี

 

... รูปพระแม่กาลีรูปนี้เป็นอีกรูปที่เราชอบมาก .. และ รู้สึกถึงพลังในรูปนี้คะ .. เราเคยฝันถึงพระแม่ในลักษณะประมาณนี้ยืนอยู่ด้านหลังเราในเบื้องขวา สีผิวตามนี้ เพียงแค่ผมสั้น มีหน้าเป็นยักษ์เขี้ยวงอกจากด้านล่างขึ้นบนสังวาลเป็นคว้ายกะโหลกร้อยกันไว้ มีงูตัวใหญ่พันกายแทนอาภรณ์ มือ และ เท้าก็มีงูตัวเล็กพันรอบ หน้าตาดุดันน่ากลัว .. ท่านยืนแบบลักษณะยืนคุมด้านหลัง ...

.... มันทำให้เราไม่กลัวเวลาที่เรารู้สึกว่ามีใครสักคนที่มองไม่เห็นมายืนด้านหลังเรา ...

 

ที่เคยเห็นท่านเสด็จมาประมาณนี้ แต่ผิวดำสนิท ไม่มีเครื่องประดับ

 

... ดีจังคะ ... ตอนนี้ กาลีนะ มีที่รักษาที่เด่น ๆ แค่ไม่กี่องค์เองคะ .. นอกนั้นก็เป็นอสุรกายเสียมากกว่า .. มีมาแสดงตนเรื่อย ๆ คะ แต่ที่หลัก ๆ ก็ประมาณนี้คะ องค์ผู้ห่มขาว ( อันนี้ช่วงนี้ฝันถึงบ่อยเป็นหญิงห่มสาหรีสีขาว บางทีก้มาแบบแม่ชีนุ่งขาว ) องค์ผู้มีสี่กร ( องค์ประจำ ) องค์ผู้มีงูพันคอ ฯ อันนี้มีผู้ทรงคุณวุฒิในพลังจิตเมตตาบอกมาคะ .. แต่ส่วนตัวจะไม่ค่อยได้สัมผัสท่านบ่อยถ้าไม่มีเหตุอันสมควร .. เพราะคิดเสมอว่า " พวกท่านทั้งหลายเหล่านี้ไม่ใช่เพื่อนเล่น ... แม้แต่อสุรกายที่คอยติดตามอนุโมทนาบุญกับเรา " แต่ก่อนยอมรับว่ากลัวพวกภพภูมิมาก แต่พอยิ่งศึกษายิ่งเห็นว่าส่วนที่ดียังมีอีกมาก .. ก็เปรียบเสมือนคนเรายังมีทั้งดี และ เลว ปะปนกันไป ..

 

10. แล้วเราจะให้ใครมาสอนเรา. การพิจารณาเลือกครูเขาใช้อะไรมาตัดสิน ?

... มาต่อที่ประเด็นสุดท้าย .. หลังจากที่โค้งออกไปนานนะคะ ..

... ทุกท่านที่ผ่านมาถึงจุดนี้ก็คงเริ่มคิดแล้วว่า .. แล้วใครจะมาสอนชั้น .. ฉันสมควรรับใครเป็นครูผู้ดูแลฉันดี ... มีหลักเกณฑ์แนะนำ หรือ ไม่ ในการที่จะเลือกใครเป็นครูเพื่อสั่งสอนเรา แล้วจะแน่ใจได้อย่างไรว่านั้นคือของแท้ และ จะไม่พาเราออกนอกทางเดินที่เราตั้งใจไว้.

... ข้อนี้ กาลีนะ คงแนะนำท่านไม่ได้คะ .. เพราะสิ่งเหล่านี้มันเป็นเรื่องเฉพาะตัวของแต่ละบุคคลจริง ๆ ที่ต้องออกตัวแบบนี้ก็เพราะการที่เราจะให้ใครสักคนมาเป็นครูเราได้นั้น ครูคนนั้นต้องพิสูจน์ตัวเองว่ามีความรู้ความสามารถแตกฉานแล้วจริง มีจิตใจเมตตา และ หวังดียินดีเมื่อเห็นลูกศิษย์ของเราได้ดี .. มันเป็นพื้นฐานของครูโดยเฉพาะแนวนี้จริง ๆ เพราะมันเป็นอันตรายต่อชีวิตเราจนอาจพลิกชีวิตของเราไปเลยก็ได้ .. เพราะหากพลาดแค่นิดเดียวอาจเกิดวิบัติใหญ่หลวงเลยก้ได้คะ .. คนที่ก้าวเข้ามาเป็น " ร่างทรง " มันก็เหมือนเราก้าวขาลงสู่ " ขุมนรกครึ่งหนึ่ง สวรรค์ครึ่งหนึ่ง " แต่ตามความเห็นเรานะ .. นรกมากกว่าสวรรค์ .. เพราะทำดีเสมอตัวทำชั่วนี้แทบจะโดนเหยียบซ้ำกันเลยทีเดียว .. เหมือนเราเสี่ยงโชคสักอย่างหนึ่งที่ต้องพนันด้วยทุกอย่างในชีวิต และ อาจรวมถึงครอบครัวเราด้วย ....

 

.... มันเป็นการยากที่จะพิจารณาเลือกครู .. ถ้าเจอครูที่ดีมีศีลธรรม ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ไม่มุ่งหวังลาภสักการระ ฯลฯ ทั้งองค์ของครู และ ตัวครู ก็เหมือนเราถูกล็อตเตอร์รี่ .. ถ้าเจอครูเก๊ หรือ ความสามารถไม่พอจะเป็นครูใคร มีองค์ต่ำกว่าเรา พวกเรียนคุณไสยย์ ( ดำ) เลี้ยงผีไว้ใช้งาน อันี้ก็อันตรายสูงพอสมควรคะ ต้องระวัง้อาเองละคะ ตัวใครตัวมัน ..

... แล้วจะมีครูบางจำพวกที่พอตัวเองยังไม่แตกฉานในเคล็ดวิชา คาถา หรือ แตกฉานแต่ชอบหมกเหม็ดบอกไม่หมด บอกผิด ๆ ต่อกันมาเรื่อย ๆ ก่อให้เกิดการกระทำผิดขึ้นจนโดนแรงครูทำโทษได้ .. หรือ เอาผีใส่ขันธ์ที่เหล่าลูกศิษย์นำมาถวายให้ในการถวายตัวเป็นศิษย์เรียกว่าการหาบริวารเพิ่ม เพราะหลังจากนั้นมันจะตามมาด้วยลาภสักการะนานับประการ .. จากผู้เป็นศิษย์ที่ค่อย ๆ ถูกครอบงำจากบริวารที่ครูตนส่งมาควบคุมดูแล .. เยอะคะเอาเป็นว่า " โปรดใช้วิจารณญาณในการเลือกให้ดีนะคะ ตัวใครตัวมัน "