ผม...พระ...และ...สาระยุคก่อน

มาติดตามอ่านบทความตอนต่อไปครับ

 

แหะๆ ขอบคุณครับ
ช่วงหลัง ผมไม่ค่อยได้เข้าเวปครับ
ได้แต่โฉบไป โฉปมา
แต่กับกระทู้คุณภาพของคุณอานี่
ต่อให้หายไปนานแค่ไหน ก็ต้องตามอ่านย้อนหลังครับ
แถมต้องอ่านสองรอบด้วยครับ
ขอคุณสำหรับบทความดีๆ และการวิเคราะห์ขั้นเทพครับ
ความรู้แน่นจริงๆ ครับ กระทู้นี้

 

...............
..หวัดดี..punthai..หลานbear..หลานสวนพลู..กำธรน้องรัก..หลานเขม..
..เฉียวฟงหลานรัก..และ..Orcarรุ่น๑...รวมทั้ง..ทุกคนในครอบครัวผม
..........................
...ต่อจากตอนที่แล้ว...
............................
.................................................
.....เรียกว่า..ในกลุ่มพระเถระขั้นสูงสุด..ที่ไปตรวจสอบ..ลำพังแค่ องค์เดียว
ในสามองค์นี้..ก็ต้องสามารถใช้อภิญญาของท่าน เช็คได้แน่นอนแล้ว...............
....ซึ่งผมแน่ใจเลย..เมื่อ..ถูกนิมนต์ไปดูพระอัฐิธาตุ..ตอนนั้น..ท่านทั้งสามก็คงเช็ค
ด้วยพลังภอภิญญาไปโดยอัตโนมัติ..โดยไม่ต้องให้มีใครบอกให้เช็ค....เพราะมัน
เป็นเรื่องสำคัญ..เผลอๆ..อาจจะรู้ล่วงหน้าด้วยซ้ำว่า..วันนี้จะไปพบกับ..อะไร..
...ส่วนสมเด็จที่เหลือ..ที่ผมยังไม่กล่าวถึง..ทั้ง ๓ องค์คือ..
........สังฆราชสา วัดราชประดิษฐ์....
.......สมเด็จพุทธโฆษาจารย์ แสง วัดราชบูรณะ...
.......สมเด็จกรมหมื่นวชิรญาณวโรรส วัดบวรนิเวส(..ยศ..และ..สมณศักดิ์ขณะนั้น)...
......ไม่มีหลักฐานว่าโดดเด่นด้านนี้...แต่สำหรับ..พระสงฆ์ที่เน้นปริยัติ..ก็จริง..สมัยโน้น
ก็..ยอมรับเรื่องนี้....
.....ถ้าเป็นสมัยนี้..อาจมีแย้ง..นี่ยังดีนะ..ที่เจ้าคุณปัญญาที่สมณศักดิ์สุดท้ายเป็นชั้นพรหม..
นี่..แอนตี้ชัดเจน..ไม่ยอมรับ..ออกสื่อด้วย..ขนาดท่านพุทธาส..อาจารย์ท่านเฉยๆไม่สนับสนุน
..แต่ไม่ถึงต่อต้าน..แต่กับ..เจ้าคุณปัญญา..กับ..เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว..นี่ปฏิเสธเรื่องนี้..และ
ต่อต้าน..ออกสื่อด้วย..หวังจะให้..คนคล้อยตาม...
...กลับมาเข้าเรื่อง..ดีกว่า...
..สังฆราชสา..ท่านก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องด้านนี้..เป็นหลักฐาน..การสวดพุทธชัยมงคลคาถา..
ในพิธีต่างๆนั้น..ไม่เกี่ยวกับ..การปลุกเสก..อะไร....เหมือนให้พร....
....สมเด็จพุทธโฆษาจารย์แสง..นี่..ถึงแม้ไม่มีผลงานด้านนี้ชัดเจน..แต่ท่านก็สนใจแน่..
..เพราะหลักฐานคือ..ท่านนำเอา..คาถาชินบัญชร..มาแปลเป็น..ภาษาไทย..เป็นท่านแรก...
....ส่วนสมเด็จกรมหมื่นฯท่านนั้น..นี่..แน่นอน..เพราะสายวัดบวรฯ..ถึงแม้เป็นธรรมยุติ..
เน้น..ปริยัติ..แต่..เรื่องนี้..ไม่เคยขาด..ตั้งแต่กรมพระยาปวเรศฯ(อุปัชฌาย์..และ..อาจารย์)
...ก็..สร้างประวัติศาสตร์ไทย..ที่ไม่มีใครมาลบได้..คือ..พระกริ่งที่แพงที่สุดของไทย...
..เหรียญมือ..เหรียญจับโป๊ยล่อฮั่น..เหรียญบาตร(ถ้าใครอ่านคาถาในเหรียญแล้วแปลได้..
..ก็บอกได้ชัดเจนว่า..เหรียญนี่ปลุกเสกแน่นอน..ไม่ใช่เหรียญที่ระลึกธรรมดา)..แล้ว..
กรมหมื่นฯท่านจะไม่คุ้นได้ยังไง..
....ถึงแม้พระองค์ท่าน...ก่อนหน้านี้..ยังไม่ได้ออกเหรียญ..อะไรมา..ก่อนหน้านี้..
...(ก็พึ่งชนมายุได้..๓๙ พรรษา....ถือว่า..หนุ่มมาก....)
..แต่หลังมา ๘ ปี..ท่านก็มี..เหรียญจตุรอริยสัจจ์..ในปี ๒๔๕๐..ตามด้วย...
..เหรียญตู้ไปรษรีย์..และ..สุดท้าย..เหรียญที่มีรูปพระองค์ท่านหันข้างครึ่งองค์...คือ
เหรียญแซยิด ๖๐ พรรษา..ในปี ๒๔๖๓.......
....แต่ก่อนหน้านี้..แล้วมีเหตุการณ์..ที่ยืนยัน..ความนับถือ..และ..ความเชื่อมั่นใน..
อำนาจแห่งพุทธคุณ..พระธรรมคุณ..และ..พระสังฆคุณ..ใน..วัตถุมงคล..
....ก็คือ..คราวที่สร้างมูลเหตุ..ให้สมเด็จสังฆราชแพ..ได้เห็นซึ่ง..พลังนี้...
..จนตั้งใจ..ศึกษา..การสร้างพระกริ่งอย่าง..จริงๆจังๆ....ที่หลายท่านก็พอได้ทราบมาแล้ว
.....ก็คือ..เมื่อ..พระองค์ท่าน..เสด็จไปเยี่ยมอาการประชวรของ..สมเด็จพระวันรัต แดง
วัดสุทัศน์....ต้องอธิบายให้เข้าใจก่อนว่า..๒ ท่านนี้..สนิทกัน..เพราะ..เมื่อ..กรมพระยาปวเรศ
อุปัชฌาย์ท่านเสีย...ท่านต้องขึ้นครองวัดบวรฯ..ด้วยวัยที่หนุ่มมาก..และ..พรรษา..น้อย..
..รวมถึง..ท่านได้เลื่อนขึ้นไปสู่ขั้น..สมเด็จพระราชาคณะ..และ..เป็นเจ้าคณะใหญ่ฝ่าย
ธรรมยุติกนิกายแทน...ดั้งนั้น..ก็ต้องปรับตัวหลายเรื่อง..และ..ต้องพึ่ง..พระเถระผู้ใหญ่..
ที่เป็นอวุโส...ซึ่ง..วัดบวรฯนั้น..ก็อยู่ไม่ไกลจากวัดสุทัศน์..เรียกว่า..เขตบิณฑบาตชนกัน..
....ท่านจึงไปมาหาสู่...ขอคำปรึกษาชี้แนะ..จากสมเด็จพระวันรัตแดง...เป็นประจำ...
..และให้ความเคารพนับถือ..อย่างสูง...เมื่อท่านทราบเรื่อง..จึงรีบรุดเดินทางไปเยี่ยม..
...ซึ่งเมื่อได้พบแล้ว..สมเด็จฯแดงท่านกำลังอาการหนัก..ด้วยโรต..อหิวาต์(..โรคห่-..)
...ซึ่งยุคนั้น..ตายลูกเดียว..ยาหม้อ..ก็เอาไม่อยู่....พระองค์ท่านเลยทูลบอกสมเด็จฯว่า
จะขอรักษาให้..เพราะสมัยที่อุปัชฌาย์ท่าน(กรมพระยาปวเรศฯ)อยู่..พระองค์ท่าน
เคยเห็นอุปัชฌาย์ท่าน..อารธนานำพระกริ่งของท่าน(กริ่งปวเรศฯ)ลงในบาตร..ทำเป็น
น้ำพระพุทธมนต์..ให้คนป่วยใกล้ตายโรคนี้กิน..แล้วหายมาแล้ว..หลายราย....ซึ่งทีแรก
พระองค์ท่าน..จะให้พระรีบกลับไปที่วัดบวรฯ..แล้วนำกริ่งปวเรศ..กลับมาที่นี่...
...แต่..ปรากฎว่า..สมเด็จฯแดง..ท่านก็มีกริ่งปวเรศ..อยู่๑ องค์..(..เนื่องจาก..สมเด็จท่าน
ทัน..กรมพระยาปวเรศ..ตอนที่สร้างพระกริ่ง..และ..ตอนนั้น..ท่านก็เป็นพระผู้ใหญ่..
ขึ้นชั้นสมเด็จแล้ว..ก็คงได้รับประทาน..จาก..กรมพระยาปวเรศ..โดยตรง)...
...พระองค์ท่าน..จึงให้พระนำ..พระกริ่งปวเรศ..มาแล้วทำการอารธนาอธิษฐาน..นำ..
พรกริ่ง..แช่น้ำในบาตร..เพื่อ..ให้กลายเป็นน้ำพระพุทธมนต์..แล้ว..ก็ให้..สมเด็จฯท่าน
เสวย...แล้วอีกไม่นาน..สมเด็จฯแดง..ก็หายเป็นปกติ...เหตุการณ์ครั้งนั้น..สมเด็จพระสังฆราช
แพ..เมื่อครั้งเป็น..เจ้าคุณมาไม่นาน..ก็ได้เห็นและรับรู้ตลอด..จนสร้างแรงบันดาลใจ..ต่อมา

.........................

....พระเจ้าน้องยาเธอสมเด็จกรมหมื่นวชิรญาณวโรรส วัดบวรนิเวศ..ทรงฉายภาพนี้เมื่อประมาณ..พระชนมายุ ๓๘ พรรษา..คือประมาณช่วงเวลา เรื่องการตรวจสอบ..พระอัฐิฐาตุที่อังกฤษให้มา

...............................ต่อตอนหน้า...........................

 

สวัดดีครับคุณลุง ได้รับความรู้เกี่ยวกับพระโบราณเยอะเลย

 

สวัสดีครับคุณอา modpong.มาติดตามอ่านต่อครับ.ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆด้วยครับ

 

รอติดตามช่วงตรวจสอบอย่างใกล้ชิดครับคุณลุง

 

รอติดตามครับผม
การที่กรมหมื่นวชิรญาณ ได้ขึ้นเป็นพระราชาคณะ ตั้งแต่อายุ 37 นี่
ถือว่าหนุ่มมากทีเดียวครับ
การที่ได้รับการไว้วางพระราชหฤทัยจากล้นเกล้ารัชกาลที่ 5
ในด้านนี้ ผมเชื่อเป็นการส่วนตัวเลยครับ
ว่ากรมหมื่นท่านเองต้องมีดีอยู่มิใช่น้อยครับ
รอติดตามตอนต่อไปครับ

 

สวัสดีคุณอา และำพี่ๆทุกท่านครับ รบกวนถามคุณอาครับ เคยวิเคราะห์หรือมีข้อมูลในการสร้างเหรียญช้าง 3 เศียร บ้างมั้ยครับ ที่เขาบอกว่าเอามาทำหวยได้ อยากทราบว่า เขาทำกันยังไง และก็ใครปลุกเสกไว้ ถึงทำหวยได้ครับ หรือถ้าเคยวิเคราะห์แล้ว ผมไม่ได้อ่าน ก็กราบขออภัยครับคุณอา เพราะเคยได้ยินพวกคนแก่เขาบอกกัน ถ้าเจอให้เอามาทำหวย

 

หน้าตาเหรียญเป็นอย่างครับ พอมีรูปให้ดูมั้ยครับพี่วนพลู
ไม่แน่ใจว่าใช่เหรียญ 1 บาทในสมัยรัชกาลที่ 5 รึเปล่าครับ

 

น่าจะหน้าตาแบบนี้ครับผม

 

ขอบคุณครับพี่สวนพลู

 

.....................................
....เรื่องจะมีการได้ปลุกเสกมั้ย...คิดว่า..ไม่มีแน่นอน..เพราะถึงเหรียญจะออกมาไม่ทันใช้..และนำมาแจกใน..งานพระราชพิธีเพลิงศพ..ก็เป็นเหรียญ..ที่ระลึกทั่วไป..ที่ในยุค ร.๕-ร.๖ จะมีกัน
ตลอด..ซึ่งไม่มีการปลุกเสก..แค่เป็น..ที่ระลึก..ซึ่ง..รัชกาลที่๕ เป็น..ผู้เริ่มต้น..โดยเอามาจากธรรมเนียมฝรั่ง....
...ถ้าจะมีพลังงานจริง..ก็น่าจะมาจาก ๒ ทางคือ
....๑. พลังศรัทธา..ในท่าน..แล้ว reaction..กลับมาเหมือนที่..เวลาคนไปขอหวย..ที่พระบรมรูปทรงม้า..นั่นแหละ..ไม่ต่างกัน..จิตศรัทธาอันแรงกล้า..อาจเกิดพลังให้ท่านรับรู้ได้
....๒. ผู้ที่ได้รับไป..เอาไปให้หลวงพ่อที่เคารพ..ปลุกเสกให้...ถัาไม่ได้บอกใคร..ตกทอดมาถึงรุ่นหลัง..ก็ไม่มีทางทราบได้...ข้าราชการที่ผูกพัน..แบบนี้มีเยอะนะ..เพราะสมัยก่อนที่เคยบอกไปแล้ว..เขาไม่ได้สวมสร้อย..เขาก็เอาเหรียญนี่แหละ..ใส่ในห่อผ้าเช็ดหน้า..หรือถุงผ้าที่เย็บไว้เพื่อใส่พระตะกรุด..แล้วก้ใส่กระเป๋าเสื้อราชปะแตนท์..พกพาไป...
......................................................
ดังนั้น..เป็นอุทาหรณ์ให้พวกที่ไปรื้อสมบัติปู่..สมบัติทวด..ถ้าแกเป็นคนยุค..ร.๕-ร.๖ ถ้าเจอเหรียญ
กษาปน์ปนอยู่กับ..พระเครื่องไม่ว่า..เป็นเหรียญแบบไหน..อย่าทิ้ง..เพราะอาจปลุกเสกแล้ว.......
......................................................
.....แต่กรณี..ถ้าขอหวยนี่..ไม่น่าจะเป็น..ข้อ ๒..
ออกไปทาง..ข้อ ๑ มากกว่า....

.........

 

ขอบพระคุณครับคุณอา

 

เคยได้ยินมาเหมือนกันครับ..แล้วก็เงินพดด้วงที่มีตราสำคัญผมก็จำไม่ได้แล้วว่าเป็นตราอะไรที่ตอกอยู่บนเนื้อเงิน..ก็ใช้ได้เหมือนกันครับ.

 

สวัสดีครับคุณอา...มาติดตามอ่านบทความตอนต่อไปครับ

 

.................
..หวัดดี...ธรรมจักร..เดินตามพระ..หลานbear..หลานสวนพลู..Orkarรุ่น๑
..และ..เฉียวฟงหลานรัก..รวมถึง..คนในครอบครัวผม....
..........................
...ต่อจากตอนที่แล้ว...........
.........................
................................................................................
...ความจริงแล้ว...พระสงฆ์ชั้นสูงสุดนี่..ก็คุ้นหน้ากัน..อยู่แล้ว..และในยุคโน้นผมก็ว่า..น่าจะ
สนิทสนม..กัน..พอสมควร..มากกว่าในยุคนี้..เพราะ..เป็นยุคสมบูรณาญาสิทธิราช...
..เจ้าฟ้าทรงกรม..มีวังของตัวเอง..กรมพระยา..กรมหลวงเพียบ..วังในเขตเมือง..ชั้นกลาง..
..(ระหว่าง..คลองบางลำภู(คลองโอ่งอ่าง)..กับ..คลองหลอด..)..แน่นสุด..รองลงไปก็ชั้นนอก..
...(ระหว่างคลองบางลำภู..กับ..คลองผดุงกรุงเกษม)...ลำพัง..แค่งานบุญในวังใหญ่..วังรอง..
ก็เพียบอยู่แล้วมั้ง..ของรัชกาลที่๕ และ..วังใน...พอไปบวกเจ้าทรงกรมต่างๆก็เยอะ..
....และ..ระดับชนชั้นเจ้า..ส่วนใหญ่แล้ว..ก็จะเชิญ..พระเถระชั้นสูงทั้งสิ้น....งานบุญ..
พระราชพิธีต่างๆ..ซึ่งมากมายกว่ายุคนี้มาก...พระ๙ รูป...ก็ไม่พ้น..ชั้น สมเด็จ ๕ องค์..
..ชั้นรองสมเด็จ..อีก ๔ องค์....จบ...
......ดังนั้น..ทุกท่านก็ทราบว่า..แต่ละท่านมีดีอะไร...องค์นี้..เทศน์เก่ง..องค์นี้ปริยัติแน่น...
องค์นี้..ฌานสมาบัติ..เป็นเลิศ...องค์นี้เจ้าคาถาอาคม.......แต่เหนือสิ่งใด...
..ผู้นิมนต์เชิญมาเพื่อการนี้...คือ..รัชกาลที่ ๕ ท่าน..ยิ่งคุ้นกับเรื่องนี้..เพราะตอนเด็กๆ..
รัชกาลที่ ๔ ก็ให้..สมเด็จโต..สอน..พระองค์ท่านย่อมทราบดี..ถึง..คุณวิเศษของสมเด็จฯ
...และ..ยอมรับว่า..การใช้วิชาอภิญญาต่างๆ..อย่างที่สมเด็จทำมาก่อนหน้า..ก็เป็นที่ร่ำลือ
...พระองค์ท่านบวชพระ..ก็บวช..อยู่กับ..กรมพระยาปวเรศ..ที่วัดบวร..ก็ต้องถึงว่า...
กรมพระยาปวเรศ..นั้น..เป็นยอดเถระ..ด้านนี้ด้วย.........จึงไม่แปลกหรอกครับ....
..ที่พระองค์..จะยอมรับเรื่องนี้..และต้องยอมรับด้วย..เพราะเราไม่มีวิถีทางอื่นแล้ว...
ในการพิสูจน์..ต่อให้มีวิธีทางแบบยุคนี้..คือ..คาร์บอน ๑๔ ...แล้ว..ว่าอายุถึง...
แต่ท่านทั้งสามที่ผมกล่าวมาบอกมา..ไม่ใช่ ..อายุถึง..แต่ใครก็ไม่รู้ที่อยู่ในยุคเดียว..กับ
พระพุทธเจ้า...แล้วเราจะเอาไปใส่ในเจดีย์..ให้คนกราบไหว้เหรอ...พระองค์ท่านไม่
ทำอย่างนั้นแน่...ก็เมื่อเรา..รู้ว่าเรามีของดี..และเชื่อถือได้..บอกทำไมจะไม่เชื่อละครับ
..ก็ด้วย..ฌานสมาบัติชั้นสูง..วิชาอภิญญา..ก็ต้องทราบได้ชัดเจน..ว่าเป็นของพระพุทธเจ้า
หรือไม่....
....นอกจากนี้..ความเชื่อมั่นต่อ..พระเถระผู้ใหญ่..อย่างสมเด็จพระวันรัตแดง..ที่พระองค์
เคารพมาก..และเชื่อมั่น....
...สมเด็จพุฒาจารย์ทัด...วัดระฆัง..ทีพระองค์ท่านคุ้นเคยตั้งแต่สมัย..สมเด็จโตยังอยู่..
..และ..ช่วงขณะนั้น..พูดภาษาบ้านๆ..ก็..ตัวตายตัวแทน..ของสมเด็จโตเลยทีเดียว...
....กรมหมื่นวชิรญาณวโรรส..พระน้องชาย..ที่เก่ง..สุขุม..รอบรู้.......
..................................................................................
..ถึงส่วนนี้.ผมก็อธิบายจากการประเมินข้อมูล..และ..วิเคราะห์ความน่าจะเป็นของผมเอง
...ว่าน่าจะเป็นดังนี้.............
...การพิสูจน์ทางฝ่ายไทย..ซึ่งรายละเอียดก็ไม่มีการบันทึกไว้..แค่เคร่าๆว่า..ดูจากคำจารีก
..และก็ตรวจว่า..ทางฝ่ายเราแปลจากสันสกฤต..ที่มันเขียนมาให้..แล้วความหมายใกล้เคียงกัน
..ก็คงได้แค่นั้น..เรื่องกระดูกคนที่ถูกเผามา ๒๕๐๐ ปี..ฝ่ายเราก็คงแยกแยะ..เทียบกับเผามาแค่ ๑๐๐ ปี
ก็คงไม่แยกออกหรอก..ก็คงหมดแค่นี้..ที่เหลือ..ก็คงต้องพึ่ง..สิ่งที่เรามีเหนือกว่าฝรั่ง..
..ก็น่าจะต้องพึ่ง..พลังจากทั้งสามองค์..ที่ถือว่า..เป็นระดับTopของ..สยาม..ในการฟันธง
...ซึ่งผมประเมินว่าน่าจะตรงกัน.......
...............เพราะ..เมื่อคณะสงฆ์สรุปว่า..ใช่...พระองค์ท่านก็จึงเชื่อตามนั้น..ไม่มีข้อกังขา..
(ถ้ายังกังขาจริง..พระองค์ท่านอาจจะเก็บไว้ในพระราชวังก่อนแน่นอน..เพราะพระองค์
เป็นกษัตริย์ที่ทรงธรรมรอบคอบ..รักประชาชน..คงไม่ยอมเอาอะไรที่ไม่แน่ใจไปให้
ลูกหลานท่านกราบไหว้แน่...แต่นี่แสดงว่า..พระองค์ท่าน.....ตัดสินใจแล้ว..ว่าใช่.....
ไม่กังขา..แน่นอน..จึงให้นำ..ไปที่ภูเขาทอง..และ..พระธาตุจอมเพชร..และ..ส่งต่อ..ไปอีก
หลายประเทศด้วย.....)
...(จำได้มั้ย..ที่ผมบอกว่า..ไอ้ที่แขกอินเดียมันขุดมาได้ทีหลัง...แล้วมันแน่ใจได้ยังไง..
ว่า..เป็นของพระพุทธเจ้า..อายุได้..อาจเป็นกษัตริย์..ราชินี..หรือ..เป็น..อรหันต์ที่เป็นลูกศิษย์
ของพระพุทธเจ้า..ที่มีคนนับถือมาก..ก็เป็นไปได้..ไม่มีอะไรบ่งชี้ทั้งนั้น....)
..แต่มีเจ้านาย..ท่านหนึ่งที่แน่ๆไม่ค่อยเชื่อ..แม้ว่า..ทุกองค์..ทุกท่านจะยอมรับกันแล้ว...

...................................

....เอารูปที่ไม่ค่อยคุ้น..มาให้ดูกัน..กรมหมื่นวชิรญาณฯ..ฉายที่วัดบวรฯร่วมกับ..
พระเถระหลายรูป(น่า..จะมาจากหลายวัด..หลายจังหวัด)..เมื่อประมาณชนมายุ ๔๐ พรรษา.....ที่น่าสังเกตคือ..นี่เป็นงานใหญ่...เพราะสมเด็จท่านฯ..ห่มดอง..คาดประคตอก..แต่ความที่ท่านแทบจะ..ไม่ได้ห่มแบบนี้...ประคตอก..เลย..กลายเป็น..ประคตเอว...แล้วชายประคตไม่ได้มัดชายล่าง..เลยยาวเลื้อยลงไป....
..................ต่อตอนหน้า..............................

 

กำลังเข้มข้นเลยครับ
รอติดตามครับ

 

รอติดตามตอนต่อไปครับคุณลุง

 

รอติดตามตอนต่อไปครับ

 

เข้มข้นถึงใจดีครับอ้าย
ซำบายดีวันมาฆบูชาครับผม
เข้าวัดฟังธรรมนำกันเด้อครับผม