พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ตกลงมาเพื่อการยุติศึกหรือ!!!!!

    ก็ไม่ได้เป็นศัตรูกัน ไม่รู้จักกัน จะมาเพื่อการสันติทำไม่หนอ

    ไม่รู้จัก จักไม่ต้องไปเยี่ยม .........

    .
     
  2. เชน

    เชน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    268
    ค่าพลัง:
    +1,037
    ขอบคุณครับ ไว้เจอกันปีหน้าฟ้าใสนะขอรับ ขออนุโมทนาบุญที่ผ่านมาด้วยขอรับ
     
  3. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  4. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เรียนคุณthanyaka<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_870265", true); </SCRIPT> ครับ

    ผมฝากเหรียญท่านอภิชิโต และพระสมเด็จ(ปีระกาป่วงใหญ่ ผมไม่มีโอกาสได้เจอคุณพันวฤทธิ์) ไปกับน้องกวงแล้วนะครับ จะได้นำไปให้คุณthanyaka<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_870265", true); </SCRIPT> ครับ

    ต้องขอโทษด้วยนะครับ ที่ไม่ได้จัดส่งให้และจัดส่งให้ล่าช้ามากๆ

    ผมจะ pm ข้อความนี้ไปให้ด้วยครับ
    เผื่อไม่ได้เข้ามาอ่านครับ

    โมทนาสาธุครับ

    .
     
  5. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  6. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    วันนี้คุณเชนน่ารักมากครับ ขอชมจริงๆ ที่แล้วๆมาคุณอึดมาก ให้การอภัยทานเป็นของขวัญปีใหม่กันนะ...
     
  7. เชน

    เชน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    268
    ค่าพลัง:
    +1,037
    ขอบคุณครับสำหรับความหวังดีเมื่อมีมืดย่อมมีสว่างเมื่อยังอยู่ในโลกสมมุติอยู่เมื่อใดย่อมหนีไม่พ้นทางคู่ไปได้ มีดีย่อมมีชั่ว มีมืดย่อมมีสว่างของคู่ไปในโลกสมมุติหรือโลกธรรมนี้เว้นเสียแต่จะถึงที่สุดแห่งกองทุกข์นี้ไปเท่านั้นทางคู่จึงจักไม่มีและหมดไปเป็นเอกาทางเดียวคือ หมดจดถึงที่สุด..........พ้นแดนสมมุติหนอ
     
  8. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>หอมชื่นใจ ดับพิษร้อน กับ "เก็กฮวย"
    http://www.manager.co.th/Travel/View...=9500000149969
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>18 ธันวาคม 2550 14:56 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=350 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=350>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>"เก๊กฮวย" พืชพื้นเมืองของประเทศจีน อยู่ในตระกูลเดียวกับเบญจมาศ บางคนก็เรียกว่าเบญจมาศสวนหรือเบญจมาศหนู น้ำเก๊กฮวย เป็นน้ำสมุนไพรจากต้นเก๊กฮวยที่หลายๆ คนชื่นชอบ ซึ่งประโยชน์ของน้ำเก๊กฮวยนั้น นอกจากจะหอมสดชื่นแล้ว ก็ยังมีสรรพคุณเป็นยาเย็น ดับพิษร้อน แก้ร้อนใน เป็นยาแก้ปวดท้องและช่วยระบายได้ด้วย นอกจากนั้นก็ยังช่วยขยายหลอดเลือดแดงใหญ่ที่เลี้ยงหัวใจ จึงช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดต่างๆ เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคเส้นเลือดตีบ และโรคหัวใจได้

    และสำหรับคนที่เป็นมะเร็งและเข้ารับการรักษาด้วยการฉายแสงหรือเคมีบำบัด ตับก็จะต้องทำงานหนักมากในการขจัดสารพิษออกไป เมื่อตับทำงานหนักก็จะทำให้ร่างกายเกิดอาการร้อน ดูได้จากการที่คอแห้ง ปากแห้ง ตาแห้ง ท้องผูก ปวดเมื่อยร่างกาย ฯลฯ การดื่มน้ำเก๊กฮวยก็จะสามารถลดความร้อนของร่างกายได้เนื่องจากเป็นสมุนไพรที่มีฤทธิ์เย็น จะช่วยขับพิษร้อนจากตับออกมาได้

    การทำน้ำเก๊กฮวยไว้ดื่มเองที่บ้านก็ไม่ใช่เรื่องยากเลย เพียงแค่เอาดอกเก๊กฮวยแห้ง 5-10 ดอก ลงไปในหม้อกับน้ำประมาณ 2 ลิตรต้มนาน 5 นาที แล้วกรองดอกเก๊กฮวยออก อยากได้หวานมากหวานน้อยก็เติมน้ำตาลเพิ่มความหวานได้ตามใจชอบ หรือจะใส่ใบเตยเพิ่มความหอมลงไปด้วยก็ยิ่งดี แต่ถ้าจะไม่เติมน้ำตาล เพียงเติมน้ำร้อนใส่แล้วดื่มเป็นชาเก็กฮวยก็ได้เช่นกัน
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><!-- / message --><!-- sig -->
     
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    http://palungjit.org/showthread.php?t=76373

    ที่มา http://www.thaihof.org/handmade/drink15.html



    ที่มา : มูลนิธิสุขภาพไทย
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=430 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=430 height=90>น้ำส้ม-มะนาว-ขิง

    [​IMG]

    </TD></TR><TR><TD vAlign=baseline width=430>
    ปกติเราจะเคยดื่มแต่น้ำมะนาวหรือน้ำส้มคั้นบ้างปั่นบ้าง คราวนี้มาลองเอาทั้งส้มและมะนาวมาผสมกันแถมเติมขิงลงไปอีกต่างหาก เพื่อเพิ่มรสร้อนเข้าไปช่วยขับลมและช่วยย่อยอาหาร

    น้ำส้ม-มะนาว-ขิง
    ส่วยผสม
    - น้ำมะนาว 1 ส่วน
    - น้ำคั้นจากขิงแก่สด 2 ส่วน
    - น้ำส้มคั้น 4 ส่วน
    - น้ำเชื่อม 7 ส่วน
    - น้ำต้มสุก 8 ส่วน
    - เกลือป่นเล็กน้อย


    วิธีทำ
    นำมะนาว ขิง ส้ม(ส้มควรจะใช้ส้มเปรี้ยวอมหวาน) มาคั้นน้ำแยกเอาไว้ (ขิงแก่ให้ปอกเปลือกแล้วตำคั้นเอาแต่น้ำ) แล้วนำมาผสมรวมกันในอัตราส่วนตามสูตรข้างบน เติมน้ำเชื่อมและน้ำต้มสุกตามส่วน จากนั้นเติมเกลือป่นเล็กน้อย คนให้ละลายเข้ากันดี ชิมรสจนได้ที่


    สรรพคุณ
    แก้คลื่นไส้อาเจียน เบื่ออาหาร เหมาะสำหรับแก้อาการอาหารไม่ย่อย แก้อ่อนเพลีย


    หมายเหตุ :
    1.วิธีเตรียมน้ำเชื่อม ให้ใช้น้ำ 1 ส่วนเติมน้ำตาล 3 ส่วน ตั้งไฟอ่อนๆ เคี่ยวจนได้น้ำเชื่อมข้นเล็กน้อย
    2. อัตราส่วนข้างต้นสามารถเปลี่ยนแปลงได้เพื่อให้มีรสชาติและสรรพคุณตามต้องการ เช่นถ้าต้องการรสเผ็ดร้อนและมีสรรพคุณขับลมและช่วยย่อยอาหารมากขึ้นก็เติมขิงมากหน่อย ถ้าต้องการสรรพคุณขับเสมหะแก้ไอก็เพิ่มน้ำมะนาว

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 10 คน ( เป็นสมาชิก 2 คน และ บุคคลทั่วไป 8 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"></TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>sithiphong, atitap </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ดึกแล้ว ยังเข้ามาชมกันเยอะเลยครับ

    .
     
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>เตือน! กระเช้าของขวัญอันตราย อาหารกระป๋องเชื้อราปลอมปน
    http://www.manager.co.th/QOL/ViewNew...=9500000149868
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>18 ธันวาคม 2550 12:06 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>กรมอนามัย เตือนภัยมืดจากอาหารแห้งในกระเช้าปีใหม่ อันตรายทั้งอาหารกระป๋อง ธัญพืช ฯลฯ มีเชื้อราปลอมปนส่งผลเสียต่อสุขภาพเป็นมะเร็งตับ แนะก่อนซื้อควรใส่ใจรายละเอียดในเรื่องความสะอาด กลิ่น ภาชนะที่บรรจุ และสังเกตเชื้อราในอาหาร ช่วยสร้างความปลอดภัยให้กับผู้รับ

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=349 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=349>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=5>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>นพ.ณรงค์ศักดิ์ อังคะสุวพลา อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยถึงการเลือกซื้อกระเช้าปีใหม่ประเภทอาหารแห้งอย่างปลอดภัย ว่า เมื่อถึงช่วงเทศกาลปีใหม่ของทุกปี กระเช้าปีใหม่หลากหลายรูปแบบและผลิตภัณฑ์มักเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ สำหรับประชาชนที่ต้องการจับจ่ายเพื่ออวยพรส่งความสุข ประกอบกับปัจจุบันกระเช้าปีใหม่เหล่านี้ต่างมีการบรรจุผลิตภัณฑ์สินค้าทีแตกต่างกันไปมากมาย ซึ่งนอกจากจะนิยมบรรจุโดยเครื่องกระป๋องแล้ว อาหารแห้งประเภทต่างๆ ก็มักจะถูกนำมาจัดวางไว้ในกระเช้าปีใหม่เช่นเดียวกัน

    “ก่อนเลือกซื้อจึงควรให้ความสนใจต่อความสะอาดและปลอดภัยของสินค้าโดยเฉพาะอาหารแห้งประเภทธัญพืชชนิดต่างๆ หากมีการเก็บไว้นานภายในภาชนะและอุณหภูมิที่ไม่เหมาะสม จะช่วยการเจริญเติบโตของเชื้อรา ที่ทำให้เกิดสารพิษในลักษณะเป็นสีดำหรือสีเขียว เมื่อกินเข้าไปจะมีอาการระคายเคืองที่ลำคอหรือกระเพาะอาหาร และหากสะสมเป็นจำนวนมากจะเกิดโรคอะฟาท็อกซิโคชีส (Aflatoxicosis) ที่มีผลต่อการสร้างโปรตีนในร่างกายจนอาจกลายเป็นสาเหตุของโรคมะเร็งตับได้”นพ.ณรงค์ศักดิ์ กล่าว

    นพ.ณรงค์ศักดิ์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ผู้ผลิตบางรายอาจใส่ยากันเชื้อราหรือยากันแมลงลงไปเพื่อให้สามารถเก็บรักษาไว้ได้นานๆ ดังนั้น ผู้บริโภคจึงควรระมัดระวังและซื้อจากแหล่งร้านค้าที่เชื่อถือได้ ซึ่งการป้องกันอันตรายที่จะเกิดขึ้นตามมาหากมีการกินอาหารแห้งที่มีเชื้อราเข้าไปทำได้โดยนำอาหารแห้งต่าง ๆ ที่ใช้ในการปรุงประกอบไปล้างทำความสะอาดก่อน เพื่อลดปริมาณเชื้อโรคสิ่งสกปรกวัตถุที่มีพิษ โดยเฉพาะ ถั่วและเมล็ดพืชชนิดต่าง ๆ หากมีส่วนใดที่เน่าหรือขึ้นราควรตัดทิ้ง เนื่องจากเชื้อราจะสร้างสารพิษทนความร้อน ได้ถึง 260 องศาเซลเซียส

    “วิธีการเลือกซื้อกระเช้าปีใหม่ประเภทอาหารแห้งให้ปลอดภัยแก่ผู้ที่ได้รับนั้น ประชาชนผู้จับจ่ายสินค้าต้องเลือกจากร้านค้าที่เชื่อถือได้หรือเลือกจัดสินค้าเอง แต่หากเลือกกระเช้าที่จัดไว้แล้วควรเลือกกระเช้าที่มีการบรรจุอาหารแห้งที่สะอาด ไม่อับชื้น ไม่มีกลิ่นเหม็นหืน และแต่ถ้าเป็นอาหารแห้งประเภทธัญพืชเปลือกต้องแห้งสนิท เมล็ดสมบูรณ์ เนื้อแน่น ไม่รีบฝ่อหรือแตกหัก ที่สำคัญต้องไม่ขึ้นรา ส่วนการเลือกซื้ออาหารแห้งประเภทปลาตากแห้งต้องเลือกที่สีหรือกลิ่นที่ไม่ผิดปกติไปจากธรรมชาติ และหลีกเลี่ยงการเลือกซื้อปลาที่มีสีเข้มหรือสีแดง เพราะอาจมีการใช้สีย้อมเพื่อปกปิดความด้อยคุณภาพของอาหารที่ใส่ดินประสิวมากเกินไป เมื่อรับประทานเข้าไปจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาวตามมาได้” นพ.ณรงค์ศักดิ์ กล่าว
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  12. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    มูลนิธิเมาไม่ขับ


    http://www.ddd.or.th/index.php?PHPSESSID=31d180349b203490821ebca90eb5983a

    สโรแกรน รณรงค์เมาไม่ขับ

    • <LI class=MsoNormal style="MARGIN: 0cm 0cm 0pt; mso-list: l0 level1 lfo1; tab-stops: list 36.0pt">เมาไม่ขับเพื่อตัวเรา และเพื่อนร่วมทาง <LI class=MsoNormal style="MARGIN: 0cm 0cm 0pt; mso-list: l0 level1 lfo1; tab-stops: list 36.0pt">คิดใหม่ ทำใหม่ เมาไม่ขับ<O:p</O:p<LI class=MsoNormal style="MARGIN: 0cm 0cm 0pt; mso-list: l0 level1 lfo1; tab-stops: list 36.0pt">เมาไม่ขับ หลับไม่ตื่น ฟื้นไม่มี<O:p</O:p<LI class=MsoNormal style="MARGIN: 0cm 0cm 0pt; mso-list: l0 level1 lfo1; tab-stops: list 36.0pt">พ่อจ๋า รักหนู สงสารแม่ หยุดเมาแล้วขับนะค๊ะ<O:p</O:p<LI class=MsoNormal style="MARGIN: 0cm 0cm 0pt; mso-list: l0 level1 lfo1; tab-stops: list 36.0pt">สืบสานประเพณีสงกรานต์ ร่วมใส่ใจเมาไม่ขับ<O:p</O:p<LI class=MsoNormal style="MARGIN: 0cm 0cm 0pt; mso-list: l0 level1 lfo1; tab-stops: list 36.0pt">มึงเมากูไม่ว่า มึงขับกูไม่นั่ง<O:p</O:p<LI class=MsoNormal style="MARGIN: 0cm 0cm 0pt; mso-list: l0 level1 lfo1; tab-stops: list 36.0pt">ฟ้าเป็นของนก นายกเป็นของทักษิณ เมาแล้วขับเป็นของมัจจุราช<O:p</O:p<LI class=MsoNormal style="MARGIN: 0cm 0cm 0pt; mso-list: l0 level1 lfo1; tab-stops: list 36.0pt">เมาเองตายเองไม่มีใครว่า เมาแล้วขับทำคนอื่นตายสวรรค์จะลงโทษ<O:p</O:p<LI class=MsoNormal style="MARGIN: 0cm 0cm 0pt; mso-list: l0 level1 lfo1; tab-stops: list 36.0pt">สายด่วนเมาไม่ขับ 1717 ตอบปัญหาทุกเรื่องของคนเมา<O:p</O:p
    • อย่าปล่อยให้คนเมาทำอันตรายท่านบนท้องถนน โปรดมาร่วมกันกำจัดพฤติกรรมน่ารังเกียจ เมาแล้วขับ<O:p</O:p
     
  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    http://www.ddd.or.th/index.php?content=advertise&type=4

    <TABLE style="BORDER-RIGHT: #666666 1px solid; BORDER-TOP: #666666 1px solid; BORDER-LEFT: #666666 1px solid; BORDER-BOTTOM: #666666 1px solid" cellSpacing=0 cellPadding=0 width=600 align=center bgColor=#ececec border=0><TBODY><TR><TD style="PADDING-RIGHT: 5px; PADDING-LEFT: 5px; PADDING-BOTTOM: 5px; PADDING-TOP: 5px">สนใจติดต่อได้ที่</TD></TR><TR height=10><TD></TD></TR><TR><TD style="PADDING-LEFT: 25px; PADDING-BOTTOM: 10px">มูลนิธิเมาไม่ขับ
    28/10 ถนนสุขุมวิท 19 (วัฒนา) แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กทม. 10110 โทร. 0-2254-5959 , 0-2254-0044
    </TD></TR></TBODY></TABLE>


    http://www.ddd.or.th/index.php?conte...e&id=39&type=1

    ตราสัญญาลักษณ์ มูลนิธิเมาไม่ขับ

    [​IMG]

    [​IMG]


    <!-- / message --><!-- attachments -->
     
  14. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE class=tborder id=post213399 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">18-03-2006, 12:47 PM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right> #424</TD></TR></TBODY></TABLE>

    ศาสนกิจ<O:p</O:p
    ผู้เขียน สมบูรณ์ จอจันทร์ <O:p</O:p
    บทความ ชาวพุทธควรรู้ นิตยสารโลกลี้ลับ<O:p</O:p
    พิธีกรรมทางพระพุทธศาสนา ซึ่งนิยมใช้กันปฏิบัติกันในปัจจุบันนี้ ส่วนมากเจือด้วยลัทธิพราหมณ์ คือ พุทธ กับ พราหมณ์ ปะปนคละกันไป จะแยกออกจาก กันได้ยาก เนื่องจากพุทธศาสนิกชนนิยมปฏิบัติสืบต่อกันมาหลายร้อยปีแล้ว ถึงแม้จะมีลัทธิพราหมณ์แทรกอยู่ก็ตาม เมื่อไม่ขัดต่อกฎหมายบ้านเมือง หรือวัฒนธรรมศีลธรรมแล้ว ก็เป็นอันใช้ได้ตลอดมา<O:p</O:p
    ศาสนกิจของชาวพุทธหมายถึงการปฏิบัติตนเกี่ยวกับระเบียบประเพณีทางพุทธศาสนา ที่นิยมปฏิบัติกันเป็นประจำ <O:p</O:p
    ระเบียบประเพณีนี้ เราเป็นชาวพุทธควรจะรู้และจดจำไว้ปฏิบัติสืบต่อไป เมื่อได้ไปพบงานศาสนกิจที่จำเป็น จะได้ปฏิบัติได้ถูกต้องตามระเบียบประเพณีของชาวพุทธ เพื่อยึดเป็นหลักปฏิบัติต่อไป<O:p</O:p
    การนิมนต์พระ<O:p</O:p

    ผู้ประสงค์จะทำบุญควรนิมนต์พระไว้ก่อนวันงาน ยิ่งเนิ่นๆ ได้เป็นดี เผื่อพระจะไม่ว่างถ้านิมนต์เป็นลายลักษณ์อักษรด้วยจะดีมาก<O:p</O:p
    งานพิธีเกี่ยวกับฤกษ์ ต้องบอกเวลาฤกษ์ให้พระท่านทราบ จะได้ไม่ขลุกขลักเรื่องเวลา ซึ่งทำให้เสียฤกษ์ได้ อาจทำให้เจ้าภาพเองต้องเสียใจหรือกังวลใจภายหลังอย่างใดอย่างหนึ่งได้<O:p</O:p
    การนิมนต์พระ ห้ามระบุชื่อภัตตาหารที่จะถวายพระเป็นอันขาด เพราะผิดวินัย<O:p</O:p

    ทานที่จะให้มี ๒ อย่าง<O:p</O:p

    . บุคลิกทาน ให้เจาะจงผู้รับ<O:p</O:p
    . สังฆทาน ให้โดยไม่เจาะจงผู้รับ<O:p</O:p

    การจัดอาสนะ<O:p</O:p

    อาสนะสำหรับพระที่นั่งนั้น จะใช้เสื่อ พรม หรือผ้าขาวอย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้ แล้วแต่จะสะดวก แต่ต้องจัดให้สูงกว่าฆารวาส ที่พระสงฆ์นั่งต้องอยู่ด้านซ้ายของพระพุทธรูปเสมอไป<O:p</O:p
    นอกจากอาสนะแล้ว ยังมีพานหมาก พลู บุหรี่ ขันน้ำ กระโถน (ปัจจุบันไม่นิยมหมาก พลู บุหรี่)<O:p</O:p
    ที่เห็นมาส่วนมากแล้วจะเป็นลูกอมต่างๆ ถวายแทนหมาก พลู บุหรี่ ของเหล่านี้ ควรตั้งไว้ด้านขวามือของพระสงฆ์ ส่วนกระโถนพระท่านจะยกไว้ข้างหลังเอง ไม่ต้องประเคน
    <O:p</O:p
    การจัดโต๊ะบูชา<O:p</O:p

    โต๊ะบูชานั้น ใช้โต๊ะหมู่ ๕ หมู่ ๗ หรือหมู่ ๙ ถ้าไม่มีโต๊ะหมู่จะใช้โต๊ะอย่างอื่นที่เหมาะสมแทนก็ได้ <O:p</O:p
    เมื่อไม่สามารถจะหาโต๊ะหมู่และเครื่องตั้งบูชาได้ครบ ก็พึงจัดหาเท่าที่หาได้ คือ พระพุทธรูป ๑ องค์ ตั้งไว้ที่โต๊ะตัวสูง ผินหน้าไปทางทิศตะวันออกหรือทิศเหนือ ถ้าสถานที่ไม่อำนวย ก็ให้ตั้งผินหน้าไปทางที่เหมาะสม <O:p</O:p
    การที่นิยมตั้งพระพุทธรูปผินหน้าไปทางทิศตะวันออกนั้น นิยมที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ เพราะพระองค์ผินหน้าไปทางทิศตะวันออก รวมไปถึงตั้งหิ้งพระบูชาที่บ้าน หรือตามสถานที่ราชการทั่วไป ก็นิยมปฏิบัติตามในทิศดังกล่าวนี้ ถือกันว่าผินหน้าไปทางทิศอื่นหรือทิศตรงกันข้าม จะไม่เป็นมงคลทำนองนี้
    <O:p</O:p
    ด้ายสายสิญจน์<O:p</O:p

    ด้ายสายสิญจน์ไม่ควรใช้ด้ายหลอด ควรใช้ด้ายดิบจับเก้าเส้น จึงจะน่าดูและถูกต้อง และด้ายสายสิญจน์ควรใช้เฉพาะงานมงคล<O:p</O:p
    บ้านที่ทำงานมงคล จะต้องโยงด้ายสายสิญจน์ไว้บริเวณรอบบ้าน ควรจัดหาด้ายสายสิญจน์ให้เป็นกรรมสิทธิ์ของตนเอง อย่ายืมของผู้อื่น การยืมของผู้อื่นมาโยงไว้รอบบ้านตน พองานเสร็จไม่รื้อออกส่งเขาน่ากระไรอยู่
    <O:p</O:p
    วิธีโยงด้ายสายสิญจน์<O:p</O:p

    ให้ตั้งต้นที่พระพุทธรูป เวียนมาทางขวามือ (แบบเลข ๑ ไทย) โยงออกไปรอบบ้านหรือรั้วบ้านแล้ววนกลับเข้ามาตรงเสาเรือนเข้าสู่ที่บูชา แล้ววงรอบฐานพระพุทธรูป โยงรอบบาตรหรือขันน้ำมนต์กลุ่มด้ายสายสิญจน์ที่เหลือวางไว้บนพาน ตั้งไว้ในที่อันควร<O:p</O:p
    เวลาวางด้ายสายสิญจน์ พึงพยายามสำรวมจิตรำลึกถึง คุณพระพุทธ คุณพระธรรม คุณพระสงฆ์ ขออำนาจช่วยปกปักรักษาปัดเป่าสรรพภยันตราย และให้เกิดความสุข ความเจริญด้วย ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข ตลอดกาล
    <O:p</O:p
    อย่าข้ามด้ายสายสิญจน์<O:p</O:p

    สายสิญจน์ที่โยงมาจากพระพุทธรูปแล้วถือว่าเป็นของสูง ไม่ควรเดินข้ามหรือยกสิ่งหนึ่งสิ่งใดข้าม ถ้าข้ามถือว่าเป็นการดูถูกพระพุทธเจ้า คือ เท่ากับเดินข้ามหรือยกข้ามพระเศียรของพระองค์
     
  15. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    บาตรน้ำมนต์<O:p</O:p

    บาตรน้ำมนต์ใช้บาตรดินหรือขันสัมฤทธิ์ ถ้าไม่มีจะใช้ขันทองเหลืองก็ได้แล้วแต่จะหาได้ใส่น้ำพอควร และของใส่บาตรน้ำมนต์ตั้งไว้ด้านขวามือของพระสงฆ์ที่เป็นหัวหน้าในพิธี แต่อย่าให้ห่างนัก เพราะพระจะจับเทียนไม่ถึงเวลาทำน้ำมนต์ และขันน้ำมนต์ต้อง ประเคนพระด้วย

    <O:p</O:p
    เทียนสำหรับทำน้ำมนต์<O:p</O:p

    เทียนที่จะทำน้ำมนต์ ควรใช้เทียนขี้ผึ้งแท้อย่างดี หนัก ๑ บาท ติดไว้ที่ปากบาตรหรือที่ปากขันที่จะทำน้ำมนต์ เพื่อสะดวกแก่พระท่านเวลาจะจับทำน้ำมนต์
    <O:p</O:p
    ของใส่บาตรน้ำมนต์<O:p</O:p

    สิ่งของที่นำมาใส่บาตรน้ำมนต์ คือ ๑. ผิวมะกรูด ๒. ฝักส้มป่อย<O:p</O:p
    ของที่ใช้มัดประพรมน้ำมนต์<O:p</O:p

    ๑. ใบมะตูม ๒. ใบสันพร้าหอม<O:p</O:p
    ๓. ใบเงิน ๔. ใบทอง<O:p</O:p
    ๕. ใบนาก ๖. หญ้าแพรก<O:p</O:p
    ๗. แฝก ๘. หญ้าคา<O:p</O:p
    ใน ๘ อย่างนี้ ถ้าหาได้ครบเป็นการดียิ่ง ถ้าหาไม่ได้หรือไม่ครบก็ใช้เท่าที่หาได้
    <O:p</O:p
    การจุดธูปเทียนที่บูชา<O:p</O:p

    คนจุดธูปเทียนกับคนอาราธนาศีลต้องเป็นคนละคนกัน ไม่ใช่คนคนเดียวกันกับที่จุดธูปเทียนแล้วมาอาราธนาศีล พึงปฏิบัติดังนี้<O:p</O:p
    ผู้ถือเทียนชนวนให้เชิญผู้เป็นประธานในพิธีมาจุดธูปเทียน เมื่อถึงที่บูชาแล้ว ผู้ถือเทียนชนวนพึงยืนหรือนั่งอยู่ทางด้านขวามือของผู้จุด หรือแล้วแต่สถานที่
    <O:p</O:p
    การส่งเทียนชนวน<O:p</O:p

    เมื่อส่งเทียนชนวนแล้วต้องรอรับเทียนก่อน อย่าเพิ่งกลับ ในเมื่อจุดธูปเทียนยังไม่เสร็จ และเวลากลับอย่าเดินผ่านหน้าผู้จุดธูปเทียน เว้นแต่สถานที่จำกัด เดินทางอื่นไม่ได้
    <O:p</O:p
    ผู้จุดเทียน<O:p</O:p

    ผู้จุดเทียนเมื่อจุดเสร็จแล้วพึงกราบพระ ๓ ครั้ง ตรงที่จัดไว้สำหรับกราบ และควรกราบด้วยแบบเบญจางคประดิษฐ์ ทั้ง ๕ คือ ๑. เข่าทั้งสองจรดพื้นดิน ๒. ฝ่ามือทั้งสองราบอยู่ที่พื้น ๓. หน้าผากจรดพื้นเวลากราบลง รวมเป็น ๕ ( เข่า ๒ ฝ่ามือ ๒ หน้าผาก ๑) และ เวลากราบระวังอย่าให้ส่วนตะโพกสูงโด่งขึ้น ดูน่าเกลียดและไม่ทอดตัวลงไปเหมือนจะนอน กราบให้เป็นจังหวะพอดูงาม อย่าให้ช้าหรือเร็วเกินไป เมื่อกราบเสร็จแล้วพึงกลับมานั่งที่เดิม
    <O:p</O:p
    อาราธนาศีล<O:p</O:p
    เมื่อจุดธูปเทียนและมานั่งที่เดิมแล้ว ผู้มีหน้าที่อาราธนาศีลเริ่มอาราธนาทันที เมื่อพระให้ศีลจบ ก็ให้อาราธนาพระปริตรต่อไป<O:p</O:p
    จุดเทียนบาตรน้ำมนต์<O:p</O:p
    ตอนพระกำลังสวดมนต์ ให้ผู้ที่เป็นประธานนั่งอยู่ใกล้ๆ บาตรน้ำมนต์ พอพระสวดถึงบท “ อะเสวะนา จะพาลานัง…….” ผู้เป็นประธานก็จุดเทียนที่บาตรน้ำมนต์อีกครั้งหนึ่ง แต่ผู้เชิญเทียนชนวนต้องเตรียมไว้ และเข้าใจว่าเวลาไหนจะทำอะไร เมื่อจุดเทียนแล้วก็ยกบาตรน้ำมนต์ถวายพระ (ตอนนี้พระท่านพักไว้ก่อนฉันภัตตาหาร)<O:p</O:p
    ( หมายเหตุ ในปัจจุบันนี้ ผู้พิมพ์พบว่า โดยส่วนใหญ่แล้วการจุดเทียนน้ำมนต์นี้ พระท่านจะเป็นผู้ที่จุดเทียนชนวนเอง บาตรน้ำมนต์กับเทียนชนวน จะต้องถวายพระก่อนที่จะเริ่มการจุดธูปเทียน)
    <O:p</O:p
    การประเคนอาหาร<O:p</O:p
    การประเคนอาหารที่ถูกต้อง ต้องประกอบด้วยองค์ ๕ คือ<O:p</O:p
    . ของที่จะประเคนนั้น ไม่ใหญ่โตหรือหนักเกินไป หนักพอยกประเคนได้คนเดียว<O:p</O:p
    . ผู้ประเคนต้องอยู่ในหัตถบาส คือ ห่างกันไม่เกิน ๑ ศอก<O:p</O:p
    . น้อมเข้าไปประเคนด้วยคารวะ<O:p</O:p
    . กิริยาที่น้อมเข้าไปนั้น ด้วยกายก็ดี ด้วยของเนื่องด้วยกายก็ได้ เช่น ผ้าเช็ดหน้า เป็นต้น<O:p</O:p
    . ภิกษุรับด้วยกายก็ได้ ด้วยของเนื่องด้วยกายก็ได้<O:p</O:p
    อนึ่ง อาหารที่ประเคนพระแล้ว ห้ามจับต้องเป็นอันขาด ถ้าจะเติมหรือเปลี่ยนใหม่ต้องประเคนใหม่ทุกครั้ง<O:p</O:p
    ถวายเครื่องไทยทาน<O:p</O:p
    เมื่อพระฉันเสร็จแล้ว เข้านั่งประจำที่เรียบร้อยแล้ว พึงถวายเครื่องไทยทาน มีดอกไม้ ธูปเทียน เป็นต้น ถ้ามีปัจจัยพึงให้เขียนใบปวารณาถวายพร้อมกับเครื่องไทยทาน ส่วนปัจจัยมอบให้กับศิษย์พระท่านไป<O:p</O:p
    ( หมายเหตุ ส่วนใหญ่แล้ว ปัจจัยจะมอบพร้อมกับเครื่องไทยทาน ไม่ต้องมอบให้กับศิษย์พระ โดยไม่ต้องเขียนใบปวารณา - ผู้พิมพ์ )<O:p</O:p
    ประพรมน้ำมนต์<O:p</O:p
    ตอนนี้ผู้ถือเทียนชนวนหรือคนใดคนหนึ่งก็ได้ช่วยกันยกบาตรน้ำมนต์ให้พระท่าน ประพรมไปรอบๆ บุคคลที่อยู่ในพิธี บ้าน หรือสถานที่ทำการมงคลนั้น เวลาพระกำลังประพรมน้ำมนต์ พวกฆารวาสควรก้มหน้าประนมมือรับน้ำมนต์จากพระท่าน<O:p</O:p
    การพรมน้ำมนต์ นี้ ถ้าเป็นสถานที่ราชการ มีบริเวณกว้าง จะให้พระท่านนั่งประพรมอยู่บนอาสนะ ให้ฆารวาสเดินแถวก้มหลังผ่านหน้าท่าน แล้วพระก็ประพรมน้ำมนต์ไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะหมดคนสุดท้าย แบบนี้ก็ใช้ได้ เพื่อความสะดวกแก่พระสงฆ์ท่านไม่ต้องลำบากเดินไปเดินมา<O:p</O:p
    เวลากรวดน้ำ<O:p</O:p
    เวลากรวดน้ำ เมื่อพระสงฆ์ที่เป็นหัวหน้าเริ่มว่า ยะถา วาริวะหา ปูรา …… ฆารวาสก็เริ่มกรวดน้ำ พอถึง สัพพีตีโย วิวัชชันตุ…… พึงประนมมือรับพรพระต่อไป ถ้าเป็นงานส่วนบุคคลมีเจ้าภาพก็ให้ เจ้าภาพ กรวดน้ำ<O:p</O:p
    เวลากรวดน้ำ อย่าเอามือหรือนิ้วมือ รองน้ำที่เทออกจากขวดหรือที่กรวด ดูไม่เหมาะสม ถ้าผู้รับจะดื่มน้ำที่เรากรวดไปนั้นจะรู้สึกอย่างไร และผู้กรวดน้ำพึงสำรวมจิตอุทิศส่วนกุศลไปให้แก่ผู้ที่ตนประสงค์จะอุทิศ<O:p</O:p
    เมื่อกรวดน้ำเสร็จแล้วอย่าเอาน้ำเทลงกระโถนหรือในที่สกปรก ให้ เท รด หญ้า หรือต้นไม้ใหญ่นอกชายคา ถ้าเป็นวัดพึง เท รด โคนต้นโพธิ์ เหมาะที่สุด<O:p</O:p
    เวลาพระสงฆ์จะกลับวัด<O:p</O:p
    เมื่อเสร็จพิธีในงานเรียบร้อยแล้ว พระท่านก็จะกลับวัด ตอนเวลาพระท่านลุกขึ้นและเดินออกมาจากอาสนะ ถ้ามีผู้คนมากก็ต้องหลีกทางให้พระท่าน พร้อมกับประนมมือไหว้ ท่านออกจากบ้านไปแล้วก็ช่วยเก็บข้าวของเครื่องไทยทานไปส่งพระท่านด้วย ( เก็บใส่รถที่รับส่ง )<O:p</O:p
    ถ้านิมนต์พระที่วัดใกล้บ้านก็ไม่จำเป็นต้องใช้รถรับส่งท่าน แต่ต้องช่วยนำของที่ถวายท่านไปส่งถึงวัดด้วย ( ถ้าไม่มีลูกศิษย์มาด้วย ) และคนที่เป็นเจ้าภาพต้องไปส่งพระท่านถึงประตูบ้านด้วย ตอนพระจะมาก็เช่นเดียวกัน ต้องมีคนคอยรับพระท่านตรงประตูบ้านหรือหัวบันไดด้วย จึงดูเหมาะสมเรียบร้อยน่าดู
    <O:p</O:p
    เครื่องใช้ในงาน<O:p</O:p
    เครื่องใช้ในงาน เช่น ถ้วย จาน เหยือก แก้วน้ำ กระโถน เสื่อ พรม ฯลฯ เมื่อเสร็จงานแล้วก็ให้รีบส่งคืนวัด เผื่องานอื่นเขาจะมาขอยืมบ้าง บางวัดมีของใช้น้อย และไม่ควรใช้ของในบ้านปนด้วย บางทีเวลาจะส่งคืนวัด ของมักจะปนเปกัน ไม่รู้ว่าเป็นของบ้านหรือของวัด หากจะยืมที่วัดก็ให้ใช้ของวัดอย่างเดียว จะได้เก็บรวบรวมส่งได้สะดวก เมื่อของใช้แตกเสียหายก็ต้องซื้อแทน<O:p</O:p
    ( หมายเหตุ ผู้พิมพ์เห็นว่า หากของวัดที่ยืมมาไม่เพียงพอแล้ว ก็ควรที่จะใช้ของบ้าน เพียงแต่จะต้องบันทึกไว้ว่า ของวัดที่ยืมมามีอะไรบ้าง เมื่อเวลาที่จะส่งคืนวัด จะตรวจสอบได้ว่า คืนไปครบแล้วหรือยัง )
    <O:p</O:p
    ***** อย่าท้อถอยหรือน้อยใจ ถ้างานไม่สัมฤทธิ์ผล<O:p</O:p
    จงสุขุมและอดทน พิจารณาคนด้วยปัญญา *****<O:p</O:p
    พระบรมราโชวาท รัชกาลที่ ๙<O:p</O:p<!-- / message --><!-- sig -->
     
  16. chaipat

    chaipat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2007
    โพสต์:
    1,282
    ค่าพลัง:
    +11,099
    ทำแท้ ทำบ่แท้ ใจเที่ยง เราบอก
    ผลได้ ผลบ่ได้ ผลเหมือน เป็นปัจ(จัตตัง)
    เขาเราท่าน นั้นต่าง ที่ใจ และกระทำ
    เข้าสู่ทางดี และทำแท้ ยินดีสาธุ
     
  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE class=tborder id=post214745 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">20-03-2006, 09:19 AM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right>#433 </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ของดี...ที่ชาวพุทธมองข้าม<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    หนังสือญาณทิพย์ ปีที่ ๓ ฉบับที่ ๘ เดือนเมษายน ๒๕๔๓<O:p</O:p
    พุทธบูชา ช้าง กจ. ผู้แต่ง<O:p</O:p
    sithiphong ผู้พิมพ์และพิมพ์แจกเป็นทาน<O:p</O:p

    <O:p</O:p
    ปัจจุบันชาวพุทธฯ ส่วนใหญ่มักจะมีหิ้งพระหรือโต๊ะหมู่เพื่อวางพระพุทธรูป รูปเหมือนพระสงฆ์ รูปเจ้าพ่อเจ้าแม่ พระบรมรูปรัชกาลต่างๆ ไว้สักการะบูชา การตั้งหิ้งไม่ควรตั้งสูงเกินไป ให้อยู่ในระดับที่สามารถเอาธูปปักลงในกระถางธูปได้โดยไม่ต้องต่อเก้าอี้ ง่ายต่อการรักษาความสะอาดและสะดวกในการบูชาพระความสูงต่ำของหิ้งขึ้นอยู่กับความสูงต่ำของท่านเจ้าของบ้าน<O:p</O:p
    การวางสิ่งศักดิ์สิทธิ์บนหิ้งพระหรือโต๊ะหมู่<O:p</O:p
    ควรวางตามลำดับความสำคัญดังนี้ คือ<O:p</O:p
    . พระพุทธรูป<O:p</O:p
    . พระสังกัจจายน์ พระสิวลี ( อริยสงฆ์ )<O:p</O:p
    . รูปเหมือนหลวงปู่ หลวงพ่อ ( สมมติสงฆ์ )<O:p</O:p
    . ฤาษี ( ถ้ามี )<O:p</O:p
    . นางกวัก แม่โพสพ เสด็จพ่อรัชกาลที่ ๕ กรมหลวงชุมพร ฯ เจ้าพ่อเจ้าแม่<O:p</O:p
    <<<<< ตามความคิดของข้าพเจ้า ( ผู้พิมพ์ ) ในการวางสิ่งศักดิ์สิทธิ์บนโต๊ะหมู่บูชานั้น ควรวางตามลำดับความสำคัญ ดังนี้<O:p</O:p
    . พระพุทธรูป <O:p</O:p
    . พระปัจเจกพุทธเจ้า<O:p</O:p
    . พระอรหันต์ <O:p</O:p


    เป็นพระสงฆ์ในสมัยพุทธกาลหรือมีประวัติอยู่ในพระสูตรหรือพระปริตร ต่างๆ หรือ พระอรหันต์ ทั้งในอดีต และปัจจุบัน เช่น พระโกทัณโญ , พระกัสสะโป , พระสารีบุตร , พระโมคคัลลาน์ , พระอุบาลี , พระอานนท์ , พระราหุล , พระควัมปติ ( พระปิดตา ) , พระสิวลี , พระสังกัจจายน์ , พระบัวเข็มหรือพระอุปคุต ฯลฯ<O:p</O:p

    . พระอริยสงฆ์<O:p</O:p
    เป็นพระสงฆ์ในปัจจุบัน เช่น หลวงปู่ทวด วัดช้างให้ , หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต วัดป่าสุทธาวาส , เจ้าคุณนรรัตน์ราชมานิต วัดเทพศิรินทราวาส เป็นต้น <O:p</O:p
    . รูปเหมือนสมมติสงฆ์ <O:p</O:p
    เป็นพระที่พุทธศาสนิกชนเคารพนับถือกันในสมัยปัจจุบัน ( หลวงปู่ หลวงตา หรือ หลวงพ่อต่างๆ )<O:p</O:p
    . พระสยามเทวาธิราช<O:p</O:p
    . เสาหลักเมือง<O:p</O:p
    . พระบรมรูปพระมหากษัตริย์ไทย<O:p</O:p
    ประเทศไทยผ่านพ้นวิกฤติในช่วงเวลาต่างๆมาได้ ถึงแม้ในช่วงที่ประเทศชาติถูกรุกรานจากต่างชาติ และอยู่เย็นเป็นสุข เนื่องมาจากพระบารมี พระปรีชาสามารถ ของพระมหากษัตริย์ไทยทั้งในอดีตและปัจจุบัน อีกทั้งพระมหากษัตริย์เป็นศูนย์รวมจิตใจของคนไทยทั้งชาติ ร่วมกันฝ่าฟันอุปสรรคประสพกับความสันติสุขมาจนทุกวันนี้ เช่น พ่อขุนรามคำแหงมหาราช , สมเด็จพระนารายณ์มหาราช , สมเด็จพระนเรศวรมหาราช , สมเด็จพระเอกาทศรถ , สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช , พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช , พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว , พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว , พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ฯลฯ<O:p</O:p
    . วีรบุรุษ และวีรสตรี ของคนไทยในอดีต <O:p</O:p
    วีรบุรุษและวีรสตรีผู้กล้าของคนไทยเหล่านี้ ได้ยอมลำบาก ยอมเสียเลือด เสียเนื้อ เสียสละทุกๆอย่าง เพื่อให้ประเทศไทยมีเอกราช อยู่รอดปลอดภัยและประชาชนชาวไทยได้อยู่เย็นเป็นสุขมาจวบจนทุกวันนี้ เช่นพระยาพิชัยดาบหัก , กรมบวรมหาสุรสิงหนาท , กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ , ชาวบ้านบางระจัน , พระนางศรีสุริโยทัย , ท้าวสุรนารี (คุณหญิงโม) , ท้าวเทพสตรี ท้าวศรีสุนทร (คุณหญิงมุก คุณหญิงจัน) , สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชนนี (สมเด็จย่า) ฯลฯ<O:p</O:p
    ๑๐. แม่โพสพ , แม่ธรณี , พระแม่กวนอิม ,พระโพธิสัตว์องค์ต่างๆ , เทพเจ้าต่างๆ , ฤาษี <O:p</O:p
    ในกรณีที่มีเทพเจ้าต่างๆ พระโพธิสัตว์องค์ต่างๆ แม่โพสพ แม่ธรณี ฤาษี ควรจะจัดชั้นอีกต่างหากในโต๊ะหมู่บูชานั้น เช่น พระศิวะ , พระนารายณ์ , พระพรหม , พระพิฆเนศ , เจ้าแม่อุมา , เจ้าแม่กาลี , พระอินทร์ , ท้าวเวสสุวรรณ , ฤาษี , ฮก ลก ซิ่ว , โป๊ยเซียน , พระโพธิสัตว์กวนอิม เป็นต้น ในด้านเทพเจ้านั้น ต้องจัดตามลำดับดังนี้ ๑.พระศิวะ , เจ้าแม่อุมา , เจ้าแม่กาลี ๒.พระนารายณ์ , พระลักษมี ๓.พระพรหม , พระสุรัสวดี ๔.พระพิฆเนศ ๕.พระอินทร์ ๖.ท้าวเวสสุวรรณ , .ฤาษี ฯลฯ อีกด้านหนึ่งต้องจัดเรียงตามลำดับคือ ๑.พระโพธิสัตว์กวนอิม ๒.ฮก ลก ซิ่ว , .โป๊ยเซียน ฯลฯ ส่วนแม่โพสพ แม่ธรณี จัดไว้รวมกัน เหตุที่ต้องจัด แม่โพสพ แม่ธรณี พระโพธิสัตว์ต่างๆ เทพเจ้าต่างๆ มาไว้ในชั้นนี้นั้นเนื่องจาก แม่โพสพ แม่ธรณี พระโพธิสัตว์ต่างๆ เทพเจ้าต่างๆ ได้เข้ามาอยู่ในประเทศไทย อยู่ใต้พระบรมโพธิสมภารของพระมหากษัตริย์ไทย อยู่ใต้ความเสียสละเลือดเนื้อและชีวิตของวีรบุรุษและวีรสตรีของไทย จึงได้มีโอกาสในการบำเพ็ญบารมีของแต่ละองค์ได้ หากไปอยู่ยังประเทศอื่นๆ เช่น กลุ่มประเทศอาหรับ อิสราเอล ปาเลสไตล์ หรือแม้แต่ในประเทศอังกฤษ เยอรมัน สหรัฐอเมริกา ฯลฯ ก็คงไม่มีโอกาส หรือถ้ามีก็มีน้อยโอกาสในการบำเพ็ญบารมีของแต่ละองค์นั้น<O:p</O:p
    ๑๑. พระยามัจจุราช <O:p</O:p
    ๑๒. พันท้ายนรสิงห์ ( เป็นผู้ที่มีความซื่อสัตย์ต่อสมเด็จพระเจ้าเสือ กษัตริย์สมัยกรุงศรีอยุธยา ซื่อสัตย์ต่อกฎมณเฑียรบาล ซื่อสัตย์ต่อกฎหมายบ้านเมือง ) เจ้าพ่อเจ้าแม่ต่างๆ เจ้าพ่อเสือ , เห้งเจีย , หนุมาน , นางกวัก , เจ้าพ่อกวนอู ฯลฯ<O:p</O:p
    ๑๓. กุมารทอง ลักยม นกคุ้ม เสือ สิงห์ มังกร วัวธนู ควายธนู ฯลฯ >>>>><O:p></O:p>
    <O:p</O:p

    หากมีความจำเป็นที่จะต้องวางรวมบนหิ้งเดียวกัน ก็ควรจะยกพื้นให้พระพุทธรูปสูงกว่าพระ พระองค์อื่นๆ นอกจากนี้รูปภาพพระสงฆ์ไม่ควรแขวนสูงกว่าพระพุทธรูป เพราะพระสงฆ์ยังไหว้พระพุทธ
    <O:p</O:p
    การหันหน้าของหิ้งพระหรือโต๊ะหมู่<O:p</O:p
    ปกติควรหันไปทางทิศตะวันออก หากสถานที่ไม่อำนวยจะหันไปทางทิศเหนือหรือทิศใต้ก็ได้ ยกเว้นทิศตะวันตก<O:p</O:p

    การสร้างพระพุทธรูปและสัญลักษณ์ต่างๆ ในพระพุทธศาสนา เป็นการสร้างเพื่อเตือนสติให้ระลึกถึงคุณงามความดีที่ท่านได้สร้างไว้ เมื่อมีรูปแทนคือ พระพุทธรูปก็ดี พระเครื่องก็ดี เหรียญหลวงพ่อ หลวงปู่ต่างๆ อยู่กับตัวหรือบูชาไว้ก็ควรระลึกว่า มีของดีอยู่กับตัว ความชั่วไม่ควรทำ ควรน้อมนำเอาคำสั่งสอนของท่านมาประพฤติปฎิบัติ ก็จะได้รับความสุขกายสุขใจตามสมควรแก่ธรรมนั้นๆ
    <O:p</O:p
    เมื่อมีพระพุทธรูป และสิ่งศักดิ์สิทธิ์อยู่บนหิ้งหรือโต๊ะหมู่ จึงมีการบูชาพระ หากมีพระหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์แล้วไม่บูชาก็เหมือนเอาตุ๊กตามาประดับบ้าน<O:p</O:p
    การบูชาพระ<O:p</O:p
    มี ๒ ประการ คือ<O:p</O:p
    อามิสบูชาบูชาด้วยดอกไม้ ธูป เทียน สิ่งของต่างๆ<O:p</O:p
    ปฏิบัติบูชาการปฎิบัติตามคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า คือ การให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนา เป็นสิ่งที่พระพุทธองค์สรรเสริญว่า เป็นการบูชาพระองค์โดยแท้จริง<O:p</O:p
    การสวดมนต์บูชาพระ เป็นการปฏิบัติธรรม เป็นการทำความดีอย่างง่ายๆ อยู่กับบ้าน<O:p</O:p
    ทานการบริจาคซื้อดอกไม้ ธูป เทียน สิ่งของมาบูชา<O:p</O:p
    ศีลระหว่างการสวดมนต์ของท่านเป็นผู้ที่มีศีล ๕ บริบูรณ์<O:p</O:p
    ภาวนาการสวดมนต์ระลึกถึงคุณพระพุทธเจ้า<O:p</O:p
    การจุดธูป เทียน บูชาพระ<O:p</O:p
    ให้ใช้ ปัญญา พิจารณาดังนี้<O:p</O:p
    . ก้านธูปที่จุดบูชาพระ อย่าสะสม นั่นคือเชื้อไฟอย่างดี เป็นเหตุให้ไฟไหม้บ้านเรือนที่อยู่อาศัย<O:p</O:p
    . การปักธูปลงในกระถาง ระวังธูปล้มหรือเอียง<O:p</O:p
    . วัสดุในกระถางธูป ควรจะเป็นทรายละเอียด ล้างน้ำแล้วตากแห้ง แทนที่จะเป็นข้าวสาร หรือวัสดุอื่นๆ เพราะจะปักธูปได้แน่นกว่า<O:p</O:p
    . ดับเทียน เมื่อท่านสวดมนต์ไหว้พระเสร็จแล้ว อย่าปล่อยให้หมดโดยไม่มีคนเฝ้า อาจเป็นชนวนเหตุให้ไฟไหม้ <<<<<การดับเทียน ตามความคิดเห็นของผู้พิมพ์ ควรจะใช้มือหรืออุปกรณ์อื่นเช่น พัด ฯลฯ พัดเทียนให้ดับ ไม่ควรใช้ปาก เป่าเทียนให้ดับ >>><O:p></O:p>


    ๕. ใช้ภาชนะรองรับกระถางธูป เชิงเทียนไว้จะเป็นการดี เป็นสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เราท่านก็ไม่ควรมองข้ามเช่นกัน เพราะพระท่านสอนให้ใช้ปัญญา<O:p</O:p

    . การบูชาพระด้วยพวงมาลัย ควรใส่พาน จาน หรือถาด นำไปวางที่หิ้งหรือหน้าที่บูชาพระ ไม่ควรคล้องคอ ดูไม่งาม ไม่เหมาะสม เพราะพระไม่ใช่นักร้อง<O:p</O:p
    . หากท่านออกนอกเคหะสถาน ไม่สะดวกในการจุดธูปเทียนบูชาพระ ก็ให้สวดมนต์ภาวนาในใจ เมื่อกลับบ้านในตอนเย็นหรือค่ำ ก็ควรจะสักการะท่านด้วยธูปเทียน ถ้าหากเดินทางไปค้างแรมต่างถิ่นต่างที่ ก็ให้สวดมนต์ภาวนาเอาเถิด<O:p</O:p
    . ควรจุดเทียนทั้งสองเล่มก่อน แล้วจึงเอาธูปจุดที่เทียน<O:p</O:p

    การบนบานศาลกล่าว<O:p</O:p

    ชาวพุทธฯ บางท่านที่ยังเข้าไม่ถึงพระรัตนตรัย ก็มักจะขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ช่วย ทั้งเจ้าที่เจ้าทาง ผีสาง นางไม้ เจ้าพ่อ เจ้าแม่ หลวงพ่อ หลวงปู่ ตลอดจนพระพุทธปฎิมากรต่างๆ จะพบเห็นได้ทั่วไป<O:p</O:p


    ตัวท่านผู้ไปบนบานสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ช่วยเป็นเสมือนผู้ไปทำสัญญาผูกมัดตนเอง คือ ถ้าสำเร็จผลตามที่บนไว้ ก็จะเอาของมาแก้บน แต่ถ้าไม่สำเร็จ ก็จะไม่นำของมาแก้บนให้ ในกรณีที่ไม่สำเร็จแล้วไม่แก้บน ถือว่าท่านยังติดสินบนอยู่ เพราะโดยทั่วไป บนบานไว้ไม่มีกำหนดเวลาที่แน่นอน ไม่มีการยกเลิกสินบน จึงยังติดสินบนอยู่ ทำให้ขัดข้องในการดำเนินชีวิต การงาน การเงิน ตลอดจนที่อยู่มีปัญหา<O:p</O:p

    ฉะนั้น การบนบานควรกำหนดระยะเวลาที่แน่นอน และบอกยกเลิกสินบนเมื่อไม่ได้ตามที่ประสงค์<O:p</O:p
    ยกตัวอย่างการบนบานที่มีกำหนดเวลาและการยกเลิก<O:p</O:p
     
  18. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    น้ำมนต์<O:p</O:p

    เมื่อได้รับน้ำมนต์จากที่ต่างๆ มา เช่น วัด หรือ ศาลเจ้า ควรตั้งหน้าหิ้งพระ และสวดมนต์เพื่อรักษาความศักดิ์สิทธิ์ ที่ครูบาอาจารย์แต่ละท่านได้อธิษฐานจิตไว้ เพราะน้ำเป็นธาตุหนึ่งในสี่ธาตุของโลก ย่อมเสื่อมสภาพเป็นน้ำธรรมดาดังเดิม
    <O:p</O:p
    เมื่อต้องการจะนำมาอาบด้วยตนเอง ให้เอาน้ำมนต์ใส่ลงในน้ำ แต่อย่าเอาน้ำธรรมดามาเติมลงในน้ำมนต์<O:p</O:p
    การอาบน้ำมนต์ด้วยตนเอง ข้าฯ ได้รับการถ่ายทอดมาจาก พระอาจารย์อินทร์ ( เสนาะ ) อินทโชโต มีดังนี้<O:p</O:p
    ท่านให้อาบ ๒ วัน วันแรกตอนที่ดวงอาทิตย์กำลังจะตก ยกถังใส่น้ำค่อนถังเติมน้ำมนต์ลงไป จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย บิดามารดา ครูบาอาจารย์ ดังนี้<O:p</O:p
    ข้าพเจ้า ขออาราธนาบารมีคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ คุณบิดามารดา คุณครูบาอาจารย์ คุณบารมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ข้าพเจ้าเคารพนับถือ ขอให้ประสิทธิ์แก่ข้าพเจ้า<O:p</O:p


    ข้าพเจ้าจะอาบน้ำมนต์ในวันเวลาวันนี้ ขอให้ทุกข์โศก โรคภัย เคราะห์ อุบาทว์ เสนียดจัญไรทั้งหลายของข้าพเจ้า จงตกไปพร้อมกับตะวัน ขอความปรารถนาของข้าพเจ้า จงสำเร็จด้วยเทอญ”<O:p</O:p

    เวลาอาบน้ำมนต์ให้หันหน้าไปทางทิศตะวันตก แล้วอาบให้หมดถัง<O:p</O:p


    และในวันรุ่งขึ้น ก่อนดวงอาทิตย์ขึ้น ยกถังใส่น้ำค่อนถัง เติมน้ำมนต์ลงไป จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย บิดามารดา ครูบาอาจารย์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ อธิฐานดังนี้<O:p</O:p

    “ข้าพเจ้า ขออาราธนาบารมีคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ คุณบิดามารดา คุณครูบาอาจารย์ คุณบารมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ข้าพเจ้าเคารพนับถือ ขอให้ชะตาชีวิตของข้าพเจ้า จงรุ่งเรีองสดใส ดังตะวันที่ขึ้นมาวันนี้ด้วยเถิด ขอความปรารถนาของข้าพเจ้า จงสำเร็จด้วยเทอญ”<O:p</O:p




    เวลาอาบน้ำมนต์ให้หันหน้าไปทางทิศตะวันออก ให้ดูวันที่ท้องฟ้าปลอดโปร่ง ปราศจากเมฆหมอกบดบังดวงอาทิตย์ที่กำลังขึ้นมา แล้วอาบน้ำมนต์ให้หมดถัง
    <O:p</O:p
    ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความตั้งใจมั่นของแต่ละท่าน เพื่อจะได้เป็นกำลังใจและขจัดปัดเป่าอุปสรรคให้บรรเทาเบาบางลงไป เราทั้งหลายยังเป็นโลกียบุคคลอยู่ สิ่งนี้เป็นโลกียวิชา จะยังผลสำเร็จแก่เราได้ในระดับหนึ่ง
    <O:p</O:p
    พรมน้ำมนต์เคหะสถาน<O:p</O:p



    แม้เคหะสถานบ้านเรือนที่เราอาศัยอยู่ จะอยู่นานแล้วหรือเพิ่งจะอาศัยอยู่ เอาน้ำมนต์ใส่ขันจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ อธิษฐานว่า<O:p</O:p

    ข้าพเจ้า ขออาราธนาบารมีคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ คุณบิดามารดา คุณครูบาอาจารย์ <<< คุณบารมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ข้าพเจ้าเคารพนับถือ >>> เจ้าที่ที่ข้าพเจ้าพักอาศัย ขอให้มาประสิทธิ์แก่ข้าพเจ้าด้วย ข้าพเจ้าจะพรมน้ำมนต์เคหะสถานบ้านเรือนแห่งนี้ ขอให้สิ่งไม่ดีทั้งหลายให้ออกไปจากบ้านของข้าพเจ้า ขอความปรารถนาของข้าพเจ้า จงสำเร็จ”<O:p</O:p


    แล้วพรมน้ำมนต์จากหลังบ้านออกไปหน้าบ้าน และพรมจากหน้าบ้านเข้าไปในบ้าน พร้อมกับอธิษฐานอาราธนาบารมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ดังกล่าวข้างต้นว่า “……… ขอให้มาประสิทธิ์แก่ข้าพเจ้าด้วย ข้าพเจ้าจะประพรมน้ำมนต์เคหะสถานบ้านเรือนแห่งนี้ ขอให้ข้าวของ เงิน ทอง โชคลาภ ความสุข ความเจริญ จงเข้ามาสู่บ้านที่ข้าพเจ้า อาศัยอยู่ด้วยเทอญ”<O:p</O:p

    ทำให้ได้ดังนี้ ก็จะบังเกิดเป็นสิริมงคลแก่บ้านที่เราอยู่อาศัยดีนักแลฯ
    <O:p</O:p
    ความรู้เกี่ยวกับการตั้งศาลพระภูมิ<O:p</O:p

    . ห้ามไม่ให้เงาบ้านทับศาล<O:p</O:p
    . ห้ามไม่ให้เงาศาลทับบ้าน<O:p</O:p
    . ห้ามหันหน้าศาลเข้าหน้าต่าง ประตู กระไดบ้าน<O:p</O:p
    . ห้ามตั้งใกล้ห้องส้วม กองขยะ ท่อระบายน้ำ <O:p</O:p
    . ตั้งศาล อย่าให้ศาลเอียง<O:p</O:p
    . ตัวศาล ควรเป็นแบบโบสถ์มหาอุด คือมีทางเข้าออกประตูเดียว ด้านหลังทึบ ด้านข้างมีหน้าต่าง<O:p</O:p
    . ตั้งวันที่มีฤกษ์เป็นมงคล<O:p</O:p
    ทำดังนี้เพื่อความสุขความเจริญของท่านเจ้าบ้าน ร้านค้า อาคารที่อยู่อาศัย กันผลกระทบอันเกิดจากอาถรรพณ์ของการตั้งศาลที่ผิดธรรมเนียมปฏิบัติ<O:p</O:p
    <O:p</O:p


    อานิสงส์ของความดีที่เขียนนี้ ขออุทิศถวายเป็นพุทธบูชา แด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า สำหรับท่านผู้นำไปจัดพิมพ์หรือเผยแพร่ ก็ขอให้อานิสงส์แห่งธรรมทานของท่านติดตัวเป็นภูมิรู้แก่ท่าน เป็นผู้ฉลาดรอบรู้อุดมไปด้วยทรัพย์สินเงินทอง ตลอดจนเป็นผู้เจริญด้วยอายุ วรรณะ สุขะ พละ ด้วยเทอญ<O:p</O:p

    <O:p</O:p


    หมายเหตุคำในเครื่องหมาย <<< ……… >>> และ <<<<< ……………. >>>>> เป็นสิ่งที่เพิ่มเติมในความคิดเห็นของข้าพเจ้าเอง หากมีสิ่งใดที่ไม่ถูกต้องตามทัศนะคติของท่านหนึ่งท่านใด ข้าพเจ้าต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย ขอบคุณครับ
     
  19. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    http://palungjit.org/showthread.php?t=22445&page=22

    <TABLE class=tborder id=post214700 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">20-03-2006, 08:01 AM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right> #432</TD></TR></TBODY></TABLE>

    คำแนะนำการกราบไหว้พระ<O:p</O:p
    หนังสือนวกานุศาสนีอนุสรณ์งานพระราชทานเพลิงศพพุทธศักราช๒๕๒๒พระธรรมเจดีย์อดีตเจ้าอาวาสวัดทองนพคุณกรุงเทพฯ<O:p</O:p
    ( หนังสือพิมพ์ข่าวสดคอลัมน์รายงานพิเศษวันที่กรกฎาคม๒๕๔๒ )<O:p</O:p

    ในเวลานั่งสวดสรรเสริญพระคุณพระรัตนตรัยนั้นเป็นการสวดเพื่อระลึกถึงพระคุณของพระพุทธเจ้าพระธรรมเจ้าพระสงฆ์เจ้าเพราะพระคุณของพระรัตนตรัยนี้เราจะพรรณนาสักเท่าใดก็ไม่มีหมด<O:p</O:p
    การไหว้พระพุทธก็เพราะพระพุทธเจ้าเป็นพระศาสดาผู้มีปรีชามีพระปัญญาเลิศพระองค์เป็นผู้เล็งรู้ความจริงของโลกทุกอย่างพระองค์เป็นผู้ปราศจากความโลภความโกรธความหลงพระองค์เป็นผู้เต็มเปี่ยมไปด้วยพระเมตตาพระกรุณาเราจึงพากันระลึกถึงพระคุณท่าน<O:p</O:p
    การไหว้พระธรรมเพราะพระธรรมเป็นคำสั่งสอนอันดีเลิศคุณของพระธรรมคือความสงบทำให้ใจผ่องแผ้วบริสุทธิ์<O:p</O:p
    การไหว้พระสงฆ์เพราะพระสงฆ์เป็นผู้ปฎิบัติดีปฎิบัติชอบและเป็นผู้ปฎิบัติตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าเป็นผู้นำศาสนามา<O:p</O:p
    การกราบไหว้ต้องตั้งใจด้วยความเคารพจริงๆนิยมกราบด้วยเบญจางคประดิษฐ์เบญจางคประดิษฐ์นั้นได้แก่การกราบไหว้โดยนั่งคุกเข่าทั้งสองลงห่างกันประมาณ 1 ฟุตประนมมือเสมออกแล้วก้มลงยื่นฝ่ามือทั้งสองลงพื้นให้ข้อศอกทั้งสองข้างเสมอหัวเข่าอย่าให้กางออกไปนอกหัวเข่าและให้ชิดหัวเข่าฝ่ามือทั้งสองให้นิ้วมิดชิดกันอย่ากางนิ้วฝ่ามือห่างกันประมาณ 4 - 5 นิ้วฟุตเว้นช่องให้หน้าผากก้มลงถึงพื้นแล้วเงยขึ้นตั้งต้นเหมือนเดิมกราบไหว้นี้มีองค์ 5 คือหัวเข่า 2 ฝ่ามือ 2กับหน้าผาก 1จะให้เรียบร้อยตามแบบต้องดูตัวอย่างและทำจนตัวเวลากราบไหว้แบบนี้ร่างกายเป็นไปเองไม่ต้องตั้งใจและเกร็งตัวเวลาทำ<O:p</O:p
    การสวดสรรเสริญและระลึกถึงคุณของพระพุทธเจ้าเป็นการอบรมหน่วงเหนี่ยวคุณงามความดีอันพระองค์ทรงสั่งสอนนั้นมาล้างดวงใจที่ซ่านให้สงบที่ขุ่นมัวให้ผ่องแผ้ว<O:p</O:p
    การทำวัตรค่ำก็เหมือนกันทิ้งการสรรเสริญและระลึกถึงคุณพระรัตนตรัยเสียไม่ได้การทำวัตรค่ำมีการหมอบกราบแล้วกล่าววาจาว่ากาเยนะวาจายะวะเจตะสาวาเป็นคำกล่าวเพื่อขอขมาต่อพระพุทธพระธรรมและพระสงฆ์ในการที่หากว่าเราได้ล่วงละเมิดไปในวันหนึ่งๆคนเราถ้าได้ทำอะไรล่วงเกินละเมิดไปถ้าได้ขอขมาลาโทษเสียก็เป็นการให้อภัยได้<O:p</O:p
    การไหว้พระสวดมนต์เป็นอุบายฝึกจิตให้สงบต้องเข้าใจให้ถูกต้องว่าใช่ไปออกเสียงเป็นภาษามคธแล้วจะได้บุญในขณะที่ออกเสียงก็ต้องสำรวมให้อยู่ในวงของบทที่ว่านั้นด้วยนี่แหละ! อุบายฝึกจิตให้เกิดสมาธิยิ่งแปลรู้เรื่องชวนให้ใจเลื่อมใสเกิดความพอใจในการสวด<O:p</O:p
    ทำวัตรเช้าและทำวัตรเย็นที่ใช้อยู่ในปัจจุบันนี้ได้แปลไว้แล้วต้องการทราบเรื่องหาดูได้ฉะนั้นจึงควรอุตสาหะในการทำวัตรเช้าเย็นอย่าเกียจคร้านจะได้พอกพูนบุญกุศลให้เจริญยิ่งๆขึ้นในสันดาน<O:p</O:p
     
  20. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    http://matichon.co.th/prachachat/prachachat_detail.php?s_tag=02hmc01171250&day=2007-12-17&sectionid=0220

    วันที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2550 ปีที่ 31 ฉบับที่ 3958 (3158)​

    กรณีศึกษาหัวหน้างานในองค์กร เรื่องความสมบูรณ์กับความเครียด


    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#f8b8cb><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>"แจ็กกี้" เป็นหัวหน้างานระดับกลาง ซึ่งมีลูกน้องประมาณ 10 คน หรือมากกว่านั้น ปัจจุบัน "แจ็กกี้" อยู่ภายใต้การดูแลและควบคุมของผู้จัดการระดับอาวุโสในแผนกของเขา "แจ็กกี้" รู้สึกว่าเขายังมีความพยายามไม่มากพอในการเป็นผู้นำทีม เขากำหนดมาตรฐานให้ตัวเองไว้สูง เพื่อที่จะเป็นแบบอย่างให้กับลูกน้อง และต้องการให้คนอื่นมีเป้าหมายที่สูงตามเขาไปด้วย "แจ็กกี้" มักจะทำงานล่วงเวลาเนื่องจากเขามักจะจุกจิกกับรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ และกังวลกับเรื่องต่างๆ ในแผนกของเขา

    ส่วนภรรยาของ "แจ็กกี้" ก็รู้สึกอิจฉาที่เขามักจะได้กลับบ้านช้า เธอไม่พอใจที่ "แจ็กกี้" ไม่ค่อยมีเวลาให้กับลูกๆ และเธอ ตลอดเวลาเธอเป็นคนที่ต้องคอยดูแลครอบครัวโดยลำพัง เธอรู้สึกเหนื่อยทั้งกายและใจ แม้ว่า "แจ็กกี้" ต้องการจะช่วยเหลือเธอ แต่เขาก็ต้องเลิกพยายาม เมื่อเขากลับไปเจอบ้านอันแสนวุ่นวายและยุ่งเหยิงตลอดเวลาที่ผ่านมา

    จนถึงทุกวันนี้ทั้งคู่ต่างกล่าวโทษซึ่งกันและกัน พวกเขาทั้งคู่ต่างรู้สึกว่าตนเองต่างตกเป็นเหยื่อ และเป็นความผิดของอีกฝ่ายและต่างไม่พยายามที่จะยอมรับและร่วมมือกัน แต่พวกเขากลับยังยั่วให้ฝ่ายหนึ่งโกรธ โดยการแสดงความคิดเห็นที่ไม่มีเหตุมีผลต่อกัน วันหนึ่งแจ็กกี้บังเอิญไปได้ยินเพื่อนร่วมงานของเขาพูดคุยกัน

    "เฮ้...วันนี้ผมรู้สึกแย่จัง แจ็กกี้ไม่เชื่อว่าผมจะสามารถทำงานได้สำเร็จ เขาเข้ามายุ่งกับผมจนได้ เขาต้องการให้ผมทำงานในแบบของเขา ดูเหมือนผมจะต้องเสียเวลา 2 ช.ม.หลังจากนี้ไปอย่างเปล่าประโยชน์ แต่คืนนี้แฟนของผม และผมสัญญากันว่าเราจะไปฉลองครบรอบปีของเราด้วยกัน ถ้าผมไปสาย เธอต้องฆ่าผมแน่นอน แล้วผมควรทำอย่างไรดี"

    เพื่อนร่วมงานตอบกลับไปว่า "ผมคิดว่าคุณควรจะยอมรับกับแฟนคุณว่าคุณไม่สามารถไปได้ คุณไม่รู้หรือว่าเจ้านายของเรามีนิสัยอย่างไร เขาจะพูดไปเรื่อยๆ และเมื่อเขาได้เริ่มพูด เขาจะพูดถึงรายละเอียดอีกมากมาย อย่างการประชุมครั้งล่าสุดที่ยืดเยื้อออกไปโดยไม่จำเป็น ผมแน่ใจว่าคุณจะได้งานเพิ่มขึ้นอีกมากหลังจากการประชุม ยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นเสียเถอะ"

    ขณะนี้เกิดการต่อต้านขึ้นภายในจิตใจ ของ "แจ็กกี้" ว่าบางทีเหตุผลหนึ่งที่เพื่อน ร่วมงานให้การยอมรับเขาอย่างไม่เต็มใจ เนื่องจากคนพวกนั้นไม่ชอบเขา เขาไม่เข้าใจว่า เหตุใดการที่เขาพยายามที่จะส่งเสริมลูกน้อง และเพื่อนร่วมงาน แต่ผลกลับกลายเป็นว่าเขา กลับถูกมองในแง่ลบ

    คนบางคนมีความต้องการผลสัมฤทธิ์ในงานสูง ดังนั้น เขาจึงเข้มงวดกับผู้ใต้บังคับบัญชา และกำหนดกฎเกณฑ์ให้กับตัวเขาเอง ยิ่งกว่านั้นยังมีคนกลุ่มนี้อีกมากมายที่ไปสร้างความรบกวนให้กับคนอื่นเหมือนเช่นที่ "แจ็กกี้" ทำ

    อะไรที่ทำให้คนอื่นๆ รำคาญ ส่วนใหญ่ มาจากการต้องการความสมบูรณ์แบบ แม้ว่า ความพยายามที่จะทำให้สมบูรณ์แบบจะไม่ใช่ปัญหา แต่นำมาซึ่งปัญหาเมื่อเป็นความ คาดหวังที่ไม่สมเหตุสมผลแล้วนำไปกำหนดกฎเกณฑ์ให้กับคนอื่นๆ ปฏิบัติตาม คนที่ต้องการความสมบูรณ์แบบ (perfectionist) นั้นต้องการทั้งการทำงานให้สำเร็จลุล่วง และมีรายละเอียดของงานที่สมบูรณ์

    รวมถึงการไม่มีข้อตำหนิ และเป็นคนที่เชื่อใจคนอื่นได้ยาก พวกเขามักมีบุคลิกภาพที่ชอบตรวจสอบแล้วตรวจสอบอีก พวกเขาต้องการรู้ทุกอย่าง บางคนมักจะทำให้งานเกิดความยุ่งยากยิ่งขึ้น โดยการถกเถียงกันถึงงานนั้นๆ ทั้งๆ ที่งานนั้นเป็นงานที่ได้รับมอบหมายของแต่ละคน ดังนั้น ทำให้งานเหล่านั้นดูเหมือนว่าจะมีมากโดยไม่จำเป็น ส่งผลให้คนที่ต้องการความสมบูรณ์แบบรู้สึกพ่ายแพ้ต่องานซึ่งไม่สามารถทำให้เสร็จได้ และเกิดความยุ่งยากมากขึ้นเมื่อไม่มีใครช่วยเหลือ

    คนที่ต้องการความสมบูรณ์แบบมีความโน้มเอียงไปทางที่มักจะกำหนดจุดมุ่งหมาย หรือความคาดหวังให้กับคนอื่นๆ ด้วยเหตุนี้คนรอบๆ ตัวของคนที่ต้องการความสมบูรณ์แบบจะรู้สึกกดดันกับความต้องการที่ไม่สมเหตุสมผล เมื่อคนที่ต้องการความสมบูรณ์แบบประเมินว่าเขามีเวลาไม่เพียงพอหรือไม่มีทางที่เขาและเธอจะสามารถบรรลุเป้าหมายได้อย่างสมบูรณ์แบบ

    ดังนั้น จึงมีความเป็นไปได้สูงที่เขาและเธอจะยกเลิกการทำสิ่งนั้นอย่างสิ้นเชิง หนทางนี้เป็นการทำให้เชื่อได้ว่า "ความสมบูรณ์แบบ" จะยังคงมีอยู่ต่อไป

    บางคนตั้งใจที่จะใช้การผัดวันประกันพรุ่ง หรือการหลีกเลี่ยงที่จะทำงานให้เสร็จเพื่อให้พวกเขารู้สึกถึงความ "สมบูรณ์แบบ" ที่ยังมีอยู่ และเป็นการสนับสนุนความเชื่อของเขาและเธอในเรื่องนี้ต่อไป

    คนที่ต้องการความสมบูรณ์แบบมีแนวโน้ม จะเป็นคนจริงจังกับสิ่งที่เขาทำ รวมถึงตั้งมาตรฐานไว้สูง แต่อย่างไรก็ตาม สาเหตุที่ ทำให้พวกเขาสังเกตทุกรายละเอียด และขอ ข้อมูลทางสถิติและรายงานที่มากเกินความจำเป็นนั้นเพื่อให้เกิดความแน่ใจกับตัวเขาเอง นี่เองที่เป็นเหตุที่ทำให้เสียเวลาและพลังงานทั้งหมด

    นอกจากนี้สิ่งที่ครอบงำภายในจิตใจของคนที่ต้องการความสมบูรณ์แบบที่มีผลอาจทำให้งานล่าช้าคือการใส่ใจกับทุกความต้องการที่เกิดขึ้น ส่วนใหญ่เขาและเธอจะอ่อนไหว และได้รับผลกระทบง่ายดายจากการประเมินตนเอง และข้อ วิพากษ์วิจารณ์จากคนอื่นๆ สาเหตุที่ทำให้ไม่มีความสุขหรือเกิดความไม่สบายใจนั้นเป็นผลมาจากตัวเขาและเธอเอง พอๆ กับที่มาจากคนที่อยู่รอบๆ ตัวเขาและเธอ

    อะไรคือสิ่งที่คุณ (perfectionist) ควรทำ ?

    เข้าใจตัวเอง และตระหนักถึงลักษณะนิสัยของตนเอง ยอมรับข้อจำกัดของตนเองว่าอะไรคือสิ่งที่คุณสามารถทำได้ และหยุดการตั้งความหวังที่ไม่สมเหตุสมผลกับตนเองและคนอื่นๆ

    คุณควรถามตัวเอง เช่น คนอื่นๆ บอกฉัน หรือไม่ว่าฉันทำงานได้ดีแล้ว แต่ฉัน กลับยังรู้สึก ไม่พอใจกับมัน ? แล้วอะไรคือ สิ่งที่คุณไม่พอใจ และต้องการจะพยายามทำมัน ต่อไป ?

    ในฐานะที่เป็นหัวหน้าคนงานหรือผู้จัดการ สิ่งสำคัญคือการเชื่อใจ และไว้ใจเพื่อนร่วมงาน และผู้ใต้บังคับบัญชาของคุณว่าเขาสามารถทำงานได้ดี หากพวกเขาไม่รู้ว่าจะทำสิ่งต่างๆ อย่างไร สอนและแนะนำพวกเขา แต่ต้องเปิดโอกาส ให้พวกเขาได้เรียนรู้

    อนุญาตให้ตัวเองได้พักและผ่อนคลายบ้าง การทำงานอะไรอย่างเดียวเป็นระยะ เวลานานอาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพ ของงานได้ เพราะคุณอาจไม่ได้นำความ สามารถที่ดีที่สุดที่คุณมีออกมาใช้

    สำรวจดูว่าช่วงเวลาไหนที่ทำงานได้ดีและมีประสิทธิภาพที่สุด การจัดสรรการทำงาน เมื่อคุณจัดสรรเวลาทำงานได้แล้วคุณก็จำเป็นที่จะพักบ้าง คุณควรออกไปข้างนอก และมีความสุขกับธรรมชาติหรือนั่งลงบนพื้นที่คุณรู้สึกสบาย

    ซึ่งมันจะช่วยให้คุณผ่อนคลาย เพราะเมื่อ คุณรู้สึกเครียดน้อยลง คุณจะสามารถตัดสินใจ ได้ดีขึ้นและมีความคิดสร้างสรรค์ในงาน มากขึ้น

    แน่นอนว่านิสัยหรือบุคลิกภาพส่วนตัวของคุณไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ภายในข้ามคืน จงมองตัวเองในแง่บวก และให้กำลังใจกับตัวเอง ตัวอย่าง เช่น ปรับความคิดของคุณใหม่จาก "ฉันจะต้องทำได้" เป็น "ถ้าฉันทำมันได้ ฉันก็หวังว่ามันจะเป็นผลงานที่ดี"

    เปลี่ยนทัศนคติ/เป้าหมายจาก "ต้องมีและต้องเป็น" ให้เป็นสิ่งที่คาดหวัง ทันทีที่ความเชื่อที่ฝังใจคุณเปลี่ยนแปลงไป อารมณ์และความรู้สึกคุณจะเปลี่ยนไปเองตามธรรมชาติ

    แล้วคุณจะรู้สึกว่าความเครียดที่ซ่อนเร้น และความสมบูรณ์แบบนั้นแก้ไขได้ ?

    โดย Fei Fong & Cathy Wei

    (ผู้ให้คำปรึกษาของ Human dynamic ประเทศไต้หวัน)

    แปลและเรียบเรียงโดย สุปวีณ์ ภูมิธรรมรัตน์

    นักจิตวิทยาและที่ปรึกษาของบริษัท Human dynamic, HDAP (ประเทศไทย)
     

แชร์หน้านี้

Loading...