ทำบุญด้วยโทสะ

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย กุศโลบาย, 15 มกราคม 2014.

  1. กุศโลบาย

    กุศโลบาย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ธันวาคม 2013
    โพสต์:
    323
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,604
    ทำบุญด้วยโทสะ
    ถาม : ............(ไม่ชัด)..............

    ตอบ : ควรจะภูมิใจนะ ทำบุญมาเหมือนนางปัญจปาปา หรือเปล่าก็ไม่รู้ ? นางปัญจปาปานี่หน้าตาห่วยแตกที่สุดในพระไตรปิฎก

    ปัญจปาปา แปลว่า ประกอบด้วยลักษณะอัปลักษณ์ ๕ อย่าง ประเภท จมูกหัก ฟันเหยิน ตาเหล่ อย่างนั้นแหละ แต่ถ้าใครเผลอไปแตะตัวแกเข้า จะยืนตาลอยอยู่ตรงนั้นแหละ เขาบอกว่าแกมีเนื้อเป็นทิพย์ ผู้ชายแตะตัวไม่ได้ แตะตัวจะหลงเสน่ห์ทันที ไปไหนไม่เป็นเลย

    ในอดีตชาติ นางปัญจปาปาเกิดเป็นลูกสาวของช่างปั้นหม้อ พระปัจเจกพุทธเจ้าจะสร้างกุฏิ ทีนี้ข้างฝาเขาจะใช้ดิน ผสมพวกเศษหญ้าหรือพวกเศษผ้าเก่า ๆ แล้วก็ไปยาอุดรอยต่อ เพื่อกันพวกลมเข้า ไม่อย่างนั้นหน้าหนาวจะแย่..ใช่ไหม ?

    ท่านมาบิณฑบาตขอดินที่บ้าน แม่นั่นกำลังโมโหพ่ออยู่ ก็เลยปั้นดินได้แล้วก็ทุ่มใส่บาตรไปเลย นางทำบุญ แต่ทำด้วยโทสะ คราวนี้ผลจากทำบุญด้วยโทสะ เกิดมาหน้าตาก็เลยบู้บี้ดูไม่ได้ เรียกว่าปัญจปาปา แปลว่าอัปลักษณ์ ๕ อย่าง

    แต่อานิสงส์การทำบุญด้วยดิน ทำให้นางมีเนื้อเป็นทิพย์ ใครเผลอไปแตะเข้าก็เสร็จเลย
    คนที่ซวยที่สุดเผลอไปแตะรู้ไหมว่าใคร ?...พระราชาเสด็จผ่านไปกระหายน้ำ ไปขอกิน


    น้ำที่บ้านนางปัญจปาปา นางตักน้ำส่งให้ พระราชาไปจับถูกมือนางเข้า พระราชาเดินตาลอยไปเลย ตั้งแต่นั้นมา ก็ต้องย่องไปหาแม่เจ้าประคุณทุกคืน ๆ ผู้หญิงคนไหนก็ไม่สนใจ ต้องย่องไปหาแม่คนนี้ให้ได้ พระราชาเลยเกิดความคิดว่า เราจะตั้งนางเป็นอัครมเหสี จะได้ไม่ต้องเสียเวลาลักลอบไปหากันอย่างนี้ ถึงพ่อแม่นางจะอนุญาตก็จริง แต่ไม่เปิดเผยพอ ไม่เป็นลูกผู้ชายพอ ทำนองนั้น แล้วเราจะทำอย่างไรให้คนอื่นเขายอมรับได้ คราวนี้ท่านเป็นพระราชาก็ต้องฉลาดพอ

    ตกกลางคืนเมื่อไปหานาง ก่อนกลับก็ถอดพระธำมรงค์ คือแหวนประจำพระองค์ให้แก่นางปัญจปาปา พอถึงเวลาพระราชาก็ลากลับไป คราวนี้พระราชาไปหานางตอนกลางคืน มาทีไรก็มืดตื๋อจะจุดไฟก็ไม่ต้อง เพราะไม่อยากเห็นหน้าอัปลักษณ์ นางปัญจปาปาก็ไม่รู้ว่าผัวหน้าตาเป็นอย่างไร บอกว่าถ้าจับมือจะรู้เพราะว่าจำสัมผัสได้ คราวนี้พระราชาพอตื่นบรรทมตอนเช้า ก็แกล้งโวยวายว่าใครขโมยพระธำมรงค์ไป คราวนี้พวกที่เดือดร้อนก็บรรดาข้าราชบริพารที่วิ่งกันพล่าน อยู่ ๆ แหวนประจำพระองค์หายไป ท่านสั่งให้ค้นบ้านทุกบ้านในพระนครนี้ ค้นไปค้นมา ไปถึงบ้านนางปัญจปาปา ไม่ต้องค้นแล้ว นางใส่อยู่กับนิ้ว เลยจับตัวไป พระราชาแกล้งถามว่าเป็นของใคร ขโมยไปแต่เมื่อไร ใครขโมยให้ หรือใช้ใครขโมยก็ว่าไป นางก็ยืนยันเสียงแข็งว่าผัวฉันให้

    พระราชาถามว่าผัวนางเป็นใคร ? นางบอกว่าไม่รู้จักหรอก เขามาทีไรก็มาตอนกลางคืน มืดแล้วทุกที จุดไฟก็ไม่ยอมให้จุด แล้วจำผัวได้อย่างไร ? นางก็บอกว่าถ้าจับมือก็จะจำได้ ในเมื่อจับมือจะจำได้ เขาก็เลยให้นางปัญจปาปา ไปอยู่ในกระโจมผ้า เสร็จแล้วก็เกณฑ์ผู้ชายไปทั้งเมืองเลย ให้ยื่นมือเข้าไปในกระโจมทีละคน ยื่นมือไปจับเสร็จ

    นางก็บอกว่าคนนี้ไม่ใช่ผัวไปเรื่อย พวกผู้ชายก็ยืนตาลอยกันเป็นฝูง จนกระทั่งหมดทั้งเมืองแล้ว ก็ให้พวกเชื้อพระวงศ์ พวกอำมาตย์ ราชบริพาร มาจับกันทุกคน แกก็บอกว่าไม่ใช่ พระราชาก็บอกว่าในเมื่อไม่มีใครลองจับขอฉันดูบ้าง ก็ยื่นมือไป พอคว้าปุ๊บนางก็บอกว่าคนนี้แหละผัวฉัน พระราชาก็บอกว่าในเมื่อท่านเป็นผัว ก็จะตั้งเมียคนนี้เป็นพระอัครมเหสี จะมีใครค้านไหม ? ตอนนั้นทั้งเมืองไม่มีใครค้านแล้ว ยืนตาลอยกันหมดแล้ว ก็เลยได้เป็นพระอัครมเหสีสมพระทัยของพระราชา

    ระวังเอาไว้ว่าอาจทำบุญมาอย่างนี้ก็ได้ แหม...มีเสน่ห์เยอะจัง


    สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๔๕
     
  2. dahra

    dahra Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2012
    โพสต์:
    22
    ค่าพลัง:
    +34
    ทำบุญขณะโมหะ

    พวกผู้ชายก็ยืนตาลอยกันเป็นฝูง... ใช้คำว่า"ฝูง"เหมือนไม่ใช่มนุษย์ ผัวหรือสามี=อยากได้ที่มีเกียรติและศักดิ์ศรีหน่อยเป็นไร ใช่ได้มาแบบงึมงำ งุงุุงิงิ ประมาณลักหลับ ฮึฮึ แล้วมาจุ๊ว่าตั๋วเป็นปั๋ว-ฮาบ่ไค่ได้ผัวจะอี้
     
  3. dahra

    dahra Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2012
    โพสต์:
    22
    ค่าพลัง:
    +34
    แหม่หนา-ตั้งตนเป็นปั๋วแบบชัดเจน แล้วจะไดผัวข้าตึงมาเมื่อดึกดื่น สว่างโจ๊ะโล๊ะใยปั๋วข้าตึงบ่มา......มาตอนจะไค่ได้อิ๊
     

แชร์หน้านี้

Loading...