เบื่อมาก!!!! -.-

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย เมธาวี1, 9 มกราคม 2014.

  1. เมธาวี1

    เมธาวี1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    692
    ค่าพลัง:
    +1,051
    ตากับยายมีลูกด้วยกัน 8 คน คนที่ 3 เป็นป้า คนที่ 4 คือแม่ผมเอง ตอนแรกลูกทุกคนก็จะให้ป้าดูแลยาย แล้วบ้านที่ยายอยู่แกยกให้ป้าหมดเลย รวมทั้งดินบ้านผมด้วย ที่นาป้าก็ได้เยอะกว่าคนอื่น ประมาณ 30 ไร่ แม่ผมได้แค่ 4 ไร่น้อยที่สุดใน 8 คน แต่ไปมากลายเป็นครอบครัวเราต้องดูแล เพราะบ้านอยู่ติดกันกับยาย ป้าแกไปอยู่นา แกก็ไม่มาดูแลเลย ยายจะเจ็บจะป่วยก็ไม่มาเฝ้า ตากับยายก็ทำอาหารกินเอง อายุ 80 ทั้ง 2 คนแล้ว ตอนแรกผมก็สงสารนะ อยากจะไปทำความสะอาดบ้านให้ ส่งกับข้าวให้ แต่ตอนนี้ไม่ละ เพราะสิ่งที่แกทำกับครอบครัวเรามันมากเกินไป

    ตอนนี้เป็นยังไง ยายแกป่วยก็บอกว่าไม่มีใครมาดูแล สุดท้ายก็โทษครอบครัวเราอีก ผมล่ะคิดสมน้ำหน้าในใจเมื่อไหร่จะตายซะที แต่อีกใจหนึ่งก็กลัวว่าจะมีปัญหาอีก เพราะน้าอีกคนที่เป็นน้องแม่ มันเป็นตำรวจ ครั้งก่อนยายป่วยมันก็เมามาแล้วจะเอาปืนมายิงพวกเรา บอกว่าพวกเราไม่ดูแลยาย (ถ้าเราไม่ดูใครจะดู ส่งข้าวส่งน้ำก็เรา ป่วยจะเป็นจะตายตี 1-2 พาไปโรงพยาบาลก็เราตลอด ที่จริงแล้วป้าแกควรจะมาอยู่บ้านดูแลตากับยาย นี่แกหนีไปนอนอยู่นาเฉยเลย) ตอนมันจะมายิง ยายแกก็ไม่พูดอะไรนะ แกเฉยเลย แกจะเห็นด้วยกับมันที่บอกว่า พวกเราไม่ดูแล จริงๆตั้งแต่วันนั้นก็บอกแม่ย้ายบ้านแล้ว ขนาดดินที่ปลูกบ้านยังไม่ใช่ชื่อเราเลย ร้องไห้หนัก จิตใจเสียกันทั้งบ้าน แม่ก็ไม่ไป สุดท้ายปัญหาเดิมก็มาอีกจนได้ เบื่อโว้ย....
     
  2. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    เค้าเป็นยายคุณนะ ทำไม แช่งให้ตายเร็วๆ เรื่องบุญนี้ใครทำใครได้ แต่จริงๆแล้วคนที่เป็นคนดีก็ทำออกมาจากใจมากกว่า จะเป็นเพราะหวังผลตอบแทน
     
  3. tsukino2012

    tsukino2012 หยุดจึงพบ สงบจึงเกิด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    1,311
    ค่าพลัง:
    +3,090
    บอกแม่ของตนไว้ครับ
    ความกตัญญูคือสิ่งที่ลูกๆควรทำ
    ใครไม่ทำก็ช่างมัน
    เราทำ เราได้
    พ่อแม่เลี้ยงให้เราเกิดมาได้ แค่แบ่งสมบัติให้น้อยให้มาก ล้วนมีเหตุผล
    แม่เราสาวๆเป็นอย่างไร ฟังเขาเล่ามาเป็นอย่างไร ความจริงอย่างไร
    เราเป็นลูกเกิดทีหลัง ไม่ได้รับรู้ความจริงหรอก
    เอาเป็นว่า แม่เรา ก็ควรจะกตุญญูต่อยาย
    ทั้งแม่ทั้งเราก็ไม่ต้องไปคิดน้อยใจเรื่องสมบัติ
    ตายไป เอาไปไม่ได้เลย
    แต่ที่แน่ๆความเป็นแม่ลูกมันตัดไม่ได้
    ถ้าเรามีความรักในแม่ในยายของเราจริงๆ
    เป็นความรักแท้ๆ ไม่ใช่ความโลภ
    เราจะช่วยเหลือดูแล แม่หรือยายของเรามิได้เชียวหรือ?
    อายุ ๘๐ แล้ว อีกไม่กี่ปี ก็ตายแล้ว
    พี่ๆน้องๆของแม่ที่ไม่ดูแลยาย ไม่ดูแลพ่อแม่ตนเอง
    คิดว่าบุคคลเหล่านั้นจะมีความเป็นอยู่ที่สบายได้หรือ?
    พ่อแม่ของตนยังไม่รัก แล้วจะไปรักใครจริงได้
    เมื่อไม่มีความรักจริงใจให้ใคร ย่อมไม่ได้ความรักจริงใจตอบ
    ชีวิตก็มีแต่ถูกหลอกถูกเอาเปรียบ
    อยู่กับใครไม่สู้ อยู่กับพ่อแม่ปู่ย่าตายายของตน
     
  4. VisionMind

    VisionMind เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ธันวาคม 2013
    โพสต์:
    109
    ค่าพลัง:
    +320
    1) แม่เราก็ช่วยดูตากะยายอยู่ แล้วเราได้ไปช่วยดูนาบ้างหรือป่าว

    2) ไม่อยากให้คิดแย่งสมบัติที่กองอยู่ตรงหน้า อยากให้พยายามออกมา หาข้างนอกเข้ามาใส่ในบ้าน
    เพราะว่าหากคิดแบบนี้ ต่อไปรุ่นหลานจะยิ่งแบ่งเหลือน้อยลง คราวนี้หละนรกของจริง
    ที่ไม่พอจะอยู่ทำกิน ก็ต้องขายทิ้งแบ่งเป็นเศษเงินกันไป

    3) ชีวิตข้างนอก ต้องอาศัยความดีหลายอย่างถึงจะประสบความสำเร็จ
    หนึ่งในนั้นคือ ความกตัญญู

    4) ที่ดิน 4 ไร่ยังทำอะไรได้ตั้งมากมาย ลองคิดดูดีๆ ตอนนี้ได้ทำอะไรแล้วหรือยัง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 มกราคม 2014
  5. makigochan

    makigochan ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    6,247
    ค่าพลัง:
    +68,059
    ปัญหาคนในครอบครัวญาติพี่น้อง มีบางครั้งยุ่งเหยิงวุ่นวายน่าดู

    จนทำให้เราอยากจะระเบิดออกมาค่ะ

    เรื่องคุณตากับคุณยาย ที่ท่านคิดตัดสินใจกับคุณแม่ของคุณ เป็นมาถึงปัจจุบันนี้แล้ว

    คงแก้ไขอะไรยากค่ะ แต่ท่านก็ยังแบ่งให้เนอะ ลองมองแบบสงบใจดูสิคะ

    ปัญหาอยุ่ที่ตรงไหน อยากให้คุณมองแค่การทำหน้าที่ลูกหลานที่ดี ดูแลท่าน

    ส่วนใครจะมากล่าวหาว่าเราไม่ดูแล ก็ปล่อยเถอะ และใครที่คิดเอาเปรียบเขาก็คงคิดอยู่อย่างนั้นไม่เปลี่ยนค่ะ

    บาปบุญมีจริง เราทำดี เราย่อมรู้อยู่แก่ใจ และ เป็นสุขใจ

    ใครไม่รับรู้ ก็ช่างเขาเถิดค่ะ ขอให้ทางคุณและคุณแม่ทำใจให้เย็นลง

    แล้วทุกอย่าง จะทำอะไรพวกคุณไม่ได้เลยค่ะ

    ขอให้ธรรมะคุ้มครอง
     
  6. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,654
    ค่าพลัง:
    +20,364
    ปัญหาเช่นนี้ไม่ใช่ครอบครัวของคุณที่เกิด แต่กระผมมั่นใจว่ามีอีกหลายครอบครัวที่เกิดแบบนี้ เพราะคนเราสมัยนี้มักจะเห็นแก่ตัว เห็นแก่ครอบครัวตนเองจนลืมนึกถึงบุญคุณความดีของพ่อแม่ของตน

    มีหลายครอบครัวที่เกิดปัญหาเช่นนี้ ส่วนใหญ๋พอลูกๆได้รับมรดกแล้ว ก็มักจะไม่สนใจพ่อแม่ เรื่องนี้จึงต้องวางแผนให้ดีตั้งแต่แรก โดยพี่คนโตหรือคนที่มีกำลังความสามารถต้อง ปรับความเข้าใจกัน เริ่มตั้งแต่ การแบ่งมรดกต้องยุติธรรมและชัดเจน ใครที่มีหน้าที่ต้องดูแลพ่อแม่ ก็ต้องได้ส่วนแบ่งมรดกมากที่สุด แต่การแบ่งมรดก อย่างที่บอกต้องไม่ควรรีบแบ่งให้หรือโอนให้ แค่แบ่งให้เขาทำมาหากินก่อนได้
    หรือกรณีที่จำเป็นต้องแบ่งให้เลยนั้น ก็ต้องมีเงื่อนไขหรือข้อตกลงที่ดีร่วมกันของลูกๆทุกคน
    อย่างครอบครัวของคุณตาของผม ทุกคนที่เป็นลูกๆต้องมีหน้าที่ส่งเงินเพื่อช่วยเหลือค่าอาหารค่ายาค่าสังคมค่าทำบุญไปวัดให้คุณตา คุณยายทุกเดือน ตามตกลงกัน ส่วนเงินที่ท่านใช้ไม่หมดหรือเหลือก็แล้วแต่ท่านจะใช้ นอกจากนี้ยังมีการทำประกันชีวิต ค่าทำศพ ก็ตกลงกันว่าลูกคนไหนบ้างจะต้องเป็นคนรับผิดชอบ และผู้รับผลประโยชน์ก็ต้องชัดเจน การดูแลก็ต้องชัดเจน ซึ่งจะทำให้ทุกอย่างไม่มีปัญหาตามมาภายหลัง ตลอดจนหากท่านถึงแก่กรรม ก็ไม่ต้องกังวลเพราะมีการวางแผนเรื่องเงินฌาปนกิจ ตลอดจนการจัดงานศพก็แบ่งหน้าที่กันดีเพื่อช่วยเหลือกัน

    เป็นธรรมดาลูกๆทุกคนย่อมมีมานะทิฏฐิของตน แต่หากพ่อแม่จัดการเรื่องแบบบนี้ไม่ได้ไม่เป็น ลูกคนโตหรือลูกคนใดคนหนึ่งต้องจัดการคือเป็นตัวแทนและเรียกลูกๆทุกคนมาปรึกษาหารือกัน เป็นหน้าที่ที่ต้องทำให้ดีให้ถูกต้องเพื่อทุกคนในครอบครัวนั่นเองครับ

    ทีนี้ในเมื่อเรื่องราวมันเกินเลยมาขนาดนี้แล้วคงแก้ไขยาก ให้คุณแม่ของคุณซึ่งเป็นคนที่มีหน้าที่ดูแลท่าน ให้ลองกำหนดกรอบกติกาหรือวิธีการต่างๆที่ลูกๆควรช่วยเหลือคุณพ่อคุณแม่ แล้วนัดลูกๆทุกๆมาพูดคุยปรึกษากัน ทั้งนี้ให้ใช้เสียงส่วนใหญ่เป็นมติ เป็นข้อยอมรับและปฏิบัติร่วมกัน

    สุดท้ายหากไม่สามารถทำการตกลงกันได้ไม่มีใครเอาด้วยกับเรา เพราะมันสายเกินจะแก้ไขแล้ว ขอให้เราปล่อยวางกับคนเหล่านั้นที่อกตัญญูซึ่งมันก็เป็นบาปกรรมของเขา ให้เรายอมรับและวางแผนชีวิตของเราใหม่ของเราเองว่า เราจะจัดสรรเวลา จัดสรรหลานๆไปดูแลคุณพ่อคุณแม่หรือคุณตาคุณยายได้อย่างไรบ้าง งานนี้ครอบครัวของคุณคงต้องทำทุกอย่างเองหากครอบครัวของคุณลุงคุณป้าหรือคนอื่นๆไม่เอาด้วย ขอให้กำลังใจนะครับ ผมเข้าใจดี ขอให้เชื่อมั่นว่าความดีข้อนี้ยิ่งใหญ่มากในการดูแลบิดามารดาให้ท่านมีความสุขกายสุขใจ เท่ากับทำบุญกับพระอรหันต์ ไม่นานผลบุญจะทำให้คุณครอบครัวคุณมีแต่ความสุขเงินทองไม่ขัดสนครับ ขอให้เชื่อมั่นและศรัทธาในการทำความดีคือความกตัญญูนะครับ สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 มกราคม 2014
  7. Janthakorn

    Janthakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    18
    ค่าพลัง:
    +141
    เคยอ่านเจอเรื่องเขียนมาเล่านานมาแล้ว ปู่ย่าคู่หนึ่งรักลูกไม่เท่ากันให้สมบัติกับลูกคนเล็กที่รักมากแต่ทำตัวไม่ดีผลาญสมบัติและไม่ดูแล ลูกชัง (จำไม่ได้ว่าเป็นลูกเลี้ยงหรือเปล่า) ไม่ได้สมบัติแต่แล้วก็ได้มาดูแลเลี้ยงดูพ่อแม่ ทำโดยไม่นึกโกรธ ทำด้วยสำนึกในความดีความกตัญญูทึ่ต้องทำกับพ่อแม่ ปู่ย่ากลับสำนึกในความลำเอียงที่เคยทำกับลูกชังคนนี้ คนทึ่เขียนมาเล่าคือหลานเป็นลูกของลูกชังคนนี้ และบอกว่าครอบครัวของลูกชังคนนี้มีแต่ความผาสุกดี .... ทำความดีเถอะค่ะ ทำดีก็ได้กับตัว ทำชั่วก็ได้กับตัว สมบัติโลกตามตัวเราไปไม่ได้เหมือนสองสิ่งนี้
     
  8. เมธาวี1

    เมธาวี1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    692
    ค่าพลัง:
    +1,051
    หลายคนอาจจะคิดว่าเราอยากได้ทรัพย์สมบัติ เปล่านะของแค่นั้น ทุกวันนี้เรามีเยอะกว่านั้นอีก เรื่องอดีตถ้าจะให้ไล่มาหมด 10 หน้าก็ไม่จบหรอก แต่บอกได้เลยว่าแม่เราเป็นคนดี ส่วนป้ากับน้า 2 คนนั่นหน่ะ ครอบครัวพังไปแล้ว ผัวไปมีเมียน้อย ไม่อยากพิมพ์อธิบายไรต่อละเมื่อยมือ แล้วแต่จะคิดล่ะกัน
     
  9. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    ขอถามหน่อย ยายของคุณเขาไม่ดีกับคุณเลยเหรอ แบบ พูดกับคุณไม่ดีหรือว่ายังไง
     
  10. GhostHead

    GhostHead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    1,010
    ค่าพลัง:
    +1,878
    เหมือนชีวิตของแม่ผมเลยครับ ตารักลูกไม่เท่ากันส่วนยายเสียไปนานแล้ว สมบัติอะไรก็ยกให้พี่ชายของแม่หมด สุดท้าย มันเอาไปขายแดกหมด กว่าตาจะสำนึกในความผิดก็ตอนใกล้ตายแล้ว จำได้ครั้งสุดท้ายวันสงกรานต์แม่ก็ยังไปดำหัวตา แกก็ร้องไห้เสียใจว่าคิดผิดไป หลังจากนั้นไม่นานตาก็เสีย แม่ก็ยังไปช่วยงานศพ แม่ออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดโดยที่พี่ชายแม่ไม่ได้ออกแม้แต่บาทเดียว แล้วมันยังมาไถตังแม่อีก แม่งเลวมากๆ (ตอนนี้ตัดญาติกะมันไปแล้ว) หลังสุดได้ข่าวว่ามันขายยาบ้าอยู่

    ผมเข้าใจอย่างดีเลยความรู้สึกของคุณเมธาวี พวกญาติพี่น้องเลวๆไม่ต้องไปคบมัน ตัดญาติไปเลยครับ ส่วนยายคุณก็ช่วยไปตามอัตถภาพครับ ถ้าต้องมีค่าใช้จ่ายก็เรียกพวกญาติเลวๆให้มันมาช่วยหารด้วยครับ อย่าให้มันเอาเปรียบ ถ้าทนไม่ไหวก็ย้ายบ้านหนีไปให้ไกลๆเลยครับ ปล่อยให้พวกชั่วๆมันอยู่กันเอง แล้วสักวันหนึ่งยายคุณก็จะเหมือนกับตาของผม สำนึกเมื่อสายแล้ว

    ผมอาจใช้คำรุนแรงไปบ้างก็ต้องขออภัยด้วยครับ แต่เรื่องแบบนี้ใครไม่เคยเจอกับตัวเองไม่รู้สึกหรอกโดยเฉพาะพวกโลกสวยทั้งหลาย
     
  11. VisionMind

    VisionMind เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ธันวาคม 2013
    โพสต์:
    109
    ค่าพลัง:
    +320
    สังคมมันเปลี่ยนแปลงเร็ว ส่วนเปลี่ยนช้าก็เสร็จต่างประเทศเขาอีก
    ทั้งๆ ที่คนที่อ่อนแอภูมิคุ้มกันตนยังอ่อนก็ยังมีอยู่ไม่น้อย ยิ่งถูกสิ่งแวดล้อมกระตุ้นเข้าอีก
    ยิ่งไปใหญ่ .. นึกแล้วก็ปรง

    เมื่อก่อนสิ่งแวดล้อมมีป่ามีเขา ใครหมดหนทางไม่มีอะไรกินก็ไปหากินได้
    ตอนนี้ ที่ทางทุกอย่างมีถูกจับจองไปหมด หนทางสำหรับคนเหล่านี้จะไม่มีเอาแล้ว
    นึกอีกก็ปรงอีก

    ทำบุญรักษาศีลกันไว้ให้บ่อยๆนะครับ ต่อไปโลกนี้อาจจะยิ่งลำบากอยู่ยากก็ได้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 มกราคม 2014
  12. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    จะบอกให้มันเป็นกันทุกบ้านเรื่องแยกสมบัติในวงญาติ ดิฉันอยู่สองประเทศนะ ทั้งไทย ทั้งeurope แย้งสมบัติ นี้เจอทั้งสองประเทศ ขนาดแบบ คนตายเขียนพินัยกรรม หรือคนตายพูดด้วยซ้ำ ฉันตายสร้อยเส้นนี้ให้ หลานคนนี้ คนที่ไม่ได้เลี้ยง ไม่ได้ดูยังมาเอาไปหน้าตาเฉย ที่ดิฉันเจอยิ่งกว่าคุณอีก เราได้ตามกฏหมายทุกอย่าง มาหยิบจากบ้านเราเฉยยังมีเลย แต่ดิฉันไม่เคยเถียงไม่เคยว่าอะไร เพราะไม่ชอบทะเลาะอะไรกับใครโดยเฉพาะเขาเป็นผู้ใหญ่กว่า และอีกอย่าง ถ้าเราเป็นคนดีเราต้องอยากช่วยคนอื่นโดยไม่หวังผลตอบแทน

    แต่ที่คุณทำ ดิฉันว่ามันบาปมาก คุณถึงขนาด คิดกับยายตัวเองว่าตายไปซะก็ดี ดิฉันไม่คยคิดอยากให้ใครตายแม้จะเป็นศัตรูของดิฉันก็ตาม
     
  13. VisionMind

    VisionMind เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ธันวาคม 2013
    โพสต์:
    109
    ค่าพลัง:
    +320
    เค้าว่ามีน้าเป็นตำรวจซึ่งเป็นข้าราชการ แสดงว่าสามารถใช้สิทธิ์เบิกค่ารักษาให้พ่อแม่ตนได้ ..
    ดังนั้นน้าเค้าอาจจะคิดว่าตนได้ใช้สิทธิ์ตรงนี้ให้แล้ว ก็ต้องยกเรื่องดูแลให้คนอื่นไป

    ส่วนอีกคนอาจจะไม่มีอาชีพอื่นนอกจากรับมรดกทำนาจากพ่อแม่ ก็ต้องทำตรงนี้ แถมครอบครัวก็แตกแยกอีก
    เอาเข้าจริงดูจะลำบากกว่าด้านจขกท.อีก

    ซึ่งหากว่าที่จขกท. บอกเองว่าด้านครอบครัวตนก็มีเยอะแล้ว .. ผมเห็นว่าก็ไม่น่าจะต้องเสียใจและทอดทิ้งตากับยายเลย
    ดูแล้วด้านคนอื่นดูจะลำบากกว่าหรือป่าว หรือว่า ตากับยาย ยังคุยไม่ดีด้วย ..
    ก็ต้องลองชวนคุยทำโน้นนี้ให้ มันก็เป็นการฝึกตัวเองไปในตัวนั้นแหละ ทำดีมันก็ได้กับตัว

    ดีแค่ไหนแล้วตระกลูมีที่หลายสิบไร่ ผมว่ายังมีอีกหลายบ้านที่ดินมีแค่พอรั้วบ้านแค่นั้น
    และดีแค่ไหนแล้วที่ตอนเล็กๆ พ่อแม่ตายายค่อยเลี้ยงมาจนโตจนกี่ขวบกี่ปีกว่าจะออกหากินเองได้
    ท่านก็ไม่ได้ปลอยให้ไปเก็บดินกินตามข้างตามทางสักหน่อย มีที่ซุกหัวนอนไม่ใช่เด็กเรร่อน

    เลี้ยงดูพ่อแม่ตายาย มันจะตายเหรอ ข้าวเราก็ต้องหุ้งกับข้าวก็ต้องทำกินอยู่แล้ว แบ่งไปให้ท่านบ้าง
    ท่านจะได้ไม่ต้องทำกินให้ยุ่งยาก คอยแวะไปเยี่ยมบ้าง ไม่ตายหรอก วันละ 30 นาที 60 นาที
    ก็ถมเถพอแล้ว ไม่ต้องมาก เอาสม่ำเสมอเอาบ่อยๆ
    การเป็นคนกตัญญูเป็นบุญยิ่งใหญ่ แถมได้กับตัว แถมยังประดับโลกอีก เป็นของเลิศเลอประเสริฐยิ่ง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 มกราคม 2014
  14. หัวมัน

    หัวมัน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2013
    โพสต์:
    2,191
    ค่าพลัง:
    +6,947
    ที่จริงตา-ยาย ของเจ้าของกระทู้ ท่านก็ได้ทำหน้าที่ของพ่อ-เเม่ที่ใช้ได้ในระดับหนึ่งกับคุณแม่ของเจ้าของกระทู้นะ คือเลี้ยงดูจนโต พอโตมาก็แบ่งสมบัติให้ แม้ว่าจะรักแม่ จขกท. น้อยกว่าลูกคนอื่นๆ และสร้างความเจ็บช้ำน้ำใจให้กับคุณแม่และครอบครัว จขกท.มาก เจอบ่อยๆ เจอทุกวันก็คงยากที่จะทำให้เกิดความผูกพันทางใจที่ดีต่อกันได้ หรือถึงแม้ท่านจะไม่ให้สมบัติอะไรเลยก็ตาม ความเป็นลูกก็ยังเป็นหนี้ชีวิต ค่าน้ำนมและการเลี้ยงดูจากท่านอยู่

    ที่จริง กรณีนี้ เป็นโจทย์ที่ดีมาก ที่คุณแม่จขกท. และครอบครัวจะได้แสดงความกตัญญูต่อคุณยาย โดยปราศจากเงื่อนไขหรือการหวังสิ่งตอบแทนใดๆ เอาความดีและหัวใจเป็นที่ตั้ง ข้าพเจ้าว่าถ้าเอาชนะจิตใจตัวเองได้ ในเหตุการณ์นี้ ผลที่ได้มันยิ่งกว่าการไปนั่งสมาธิปฏิบัติธรรมเป็นสิบๆ ปี ซะอีกนะ

    ส่วนญาติที่เลวๆ เราก็คงไม่ยุ่งด้วยเหมือนกัน พยายามห่างไว้ให้มากดีที่สุด เพราะไม่คิดจะพึ่งพาอาศัยอะไรกันอยู่แล้ว ยุ่งด้วยก็มีแต่ทำให้เราเดือดเนื้อร้อนใจ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 มกราคม 2014
  15. torelax9

    torelax9 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    167
    ค่าพลัง:
    +527
    มีเรื่องราวของครอบครัวนึง เผื่อเอามาพิจารณาครับ เรื่องนี้ผมจำง่ายๆเวลาค้น "กฏแห่งกรรม เขยใหญ่ เขยเล็ก"

    มีเรื่องอัศจรรย์เรื่องหนึ่ง เมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๘ มีครอบครัวหนึ่งพ่อแม่เป็นคนใจบุญกุศล แต่ใจบุญสำหรับเอาหน้า ชอบทอดกฐิน ผ้าป่า ชอบทำบุญมาก ๆ มีนาอยู่ ๘๐ ไร่ ในสมัยนั้น มีเขยสองเขย เรียกว่าเขยเล็กและเขยใหญ่


    เขยเล็กอยู่ที่จังหวัดชัยนาท เป็นคนขี้เกียจและขี้อิจฉาริษยา เขยใหญ่เป็นคนจังหวัดขอนแก่น มาเป็นลูกจ้างทำนาตั้งแต่อายุ ๑๗-๑๘ ปี ที่บ้านนั้น เขาบวชให้ได้มาศึกษาวิปัสสนากับอาตมาที่วัดพรหมบุรี จ.สิงห์บุรี จนได้มาเป็นลูกเขยบ้านนี้
    มีนาอยู่ ๒ แห่ง แห่งหนึ่งเป็นนาดอน อีกแห่งเหนึ่งเป็นนาลุ่ม เมื่อก่อนนี้ยังไม่มีคลองชลประทาน ต้องอาศัยน้ำไหลเข้าบางมาท่วมข้าว


    พ่อแม่ก็อคติ รักลูกเขยคนเล็ก เกลียดลูกเขยคนใหญ่ มีนาดียกให้ลูกเขยคนเล็ก นาไม่ดีให้ลูกเขยคนใหญ่ เขยคนเล็กได้นาลุ่มใช้ปลูกข้าวหนักข้าวกลาง เขยคนใหญ่ได้นาดอนปลูกข้าวเบาน้ำไม่ท่วม


    เขยคนใหญ่นี้เป็นลูกศิษย์กรรมฐาน โง่ ๆ เง่า ๆ ไม่เอาเหนือเอาใต้ ไม่ค่อยพูดจากับใคร นั่งกรรมฐานทุกวัน ให้นาไหนก็เอาทั้งนั้น ได้นาข้าวเบาน้ำไม่ท่วม สองคนสามีภรรยาก็ช่วยกันทำคันนาให้สูงขังน้ำ ทำนาด้วย เจริญวิปัสสนาด้วย
    เขยคนเล็กได้นาลุ่มที่เขาเคยทำนาดี น้ำไหลเขาไปในบาง พาผักบุ้งผักปอดไหลเข้าไปในนาเต็มไปหมด นาลุ่มที่เคยได้ดีกลับไม่ได้ นาดอนของลูกเขยใหญ่กลับได้ดิบได้ดี

    อาตมาถามเขาว่า “ทำนาดีได้อย่างไร” เขาบอกว่า ทำไปอธิษฐานไปและเจริญวิปัสสนากรรมฐานที่นานั้น ทั้งสองสามีภรรยา นานั้นก็ดี ข้าวดีมาก ก็คันนาสูงทำด้วยตัวเอง ทำได้สองสามปี ปลูกบ้านได้หนึ่งหลังและซื้อนาเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งแปลง ฝ่ายพ่อแม่เกิดอคติ บอกกะเขยคนเล็กว่า นานั้นไม่ดีเสียแล้ว จึงมาขอเปลี่ยนนา เอานาดอนให้ลูกเขยคนเล็ก ลูกเขยใหญ่มาปรึกษาอาตมาบอกว่า “หลวงพ่อ ทำไมหนอ คุณพ่อตา แม่ยาย เขาทำอย่างนี้จะถูกไหม” อาตมาก็บอกว่า “เอาให้เขาเถอะ เขาอยากได้ มันไม่ใช่ของเรา เราก็ซื้อมาได้แปลง ๕ ไร่ก็ดีแล้ว สองคนสามีภรรยาค่อย ๆ ทำไปเถอะ

    ในที่สุดก็ยกให้เขยเล็กไป เขยใหญ่ก็ไปทำนาที่ว่าผักปอดมันไหลตามบางเข้าไปในนา นาที่อยู่ท้ายบางก็ทำไม่ได้ สองคนสามีภรรยาก็ทำตามที่อาตมาสั่ง แล้วก็นั่งเจริญกรรมฐานอุทิศส่วนกุศล
    เขาไปตัดไม่ไผ่มาปักหลัก แล้วก็ทำราวยาว ๆ กั้นไม่ให้ผักปอดเข้านา มันก็ไหลไปที่อื่นต่อไป นากลับได้ดีขึ้นมา ข้าวเจริญงอกงามดีมาก>>


    ความอคติของพ่อแม่จิตใจเลย รักลูกเขยคนเล็กมาก ก็บอกลูกเขยคนใหญ่ว่า “เอาอย่างนี้เถอะลูกเอ๋ย นานี่ดีอีกแล้ว ทำดีนี่ ให้เขยเล็กสักปีเถอะ เจ้ากลับไปทำนาดอน”>>


    เขยเล็กไปทำนาดอนก็ขี้เกียจ ไม่เจริญกุศล บำเพ็ญกุศลก็ไม่เอา เจริญวิปัสสนาก็ไม่เอา อาตมาไปบอกที่บ้าน “เอาอย่างนี้ซิ เอาอย่างเขยใหญ่ เขาเจริญกรรมฐาน” เขาบอก “ผมไม่ชอบ ผมไม่ใช่นักกรรมฐาน”


    ผลสุดท้ายทำนาดอนก็ไม่ได้อีก เกิดฝนแล้ง น้ำไม่ท่วม มันเป็นไปโดยธรรมชาติของกฎแห่งกรรม ทำนาลุ่มก็ไม่ได้ ทำนาดอนก็ไม่ได้ ในที่สุดก็ยกนาทั้งสองแปลงให้เขยเล็กไปหมด เขยใหญ่ก็ทำนาที่เขาซื้อใหม่ และนั่งกรรมฐาน อุทิศส่วนกุศลให้เขยเล็ก ที่คิดอิจฉา วันหนึ่งเขยเล็กกับภรรยา คือ ลูกสาวของบ้านนั้นเกิดเอายาพิษไปวาง จะฆ่าเขยใหญ่ให้ตายแล้วเอาสมบัติทั้งหมด ไปวางที่ที่เขยใหญ่เคยนั่งทานข้าว ครอบครัวนี้ทานข้าวร่วมกัน เขยใหญ่เพิ่งจะปลูกบ้านแยกออกไป แต่ยังไม่ได้แยกบ้าน
    เขยใหญ่กับภรรยาสวดมนต์เจริญกรรมฐาน มีนิมิตขึ้นมาบอกว่า วันพรุ่งนี้ตอนบ่ายอย่าทานข้าวนะ มันเกิดนิมิตขึ้นมาเอง และจงแผ่เมตตาให้เจ้ากรรมนายเวรไป ในที่สุดก็มารวมวงทานข้าวกัน แม่ยายตัวสำคัญทานเข้าไปก่อนเลย ลูกสาวคนเล็กก็พลอยทานไปกับแม่ด้วย เลยก็ตายเพราะอำนาจยาพิษนั้น ตายหมดทั้งคู่


    อันนี้ชี้ให้เห็นได้เลยว่าความริษยาเป็นกฎแห่งกรรม และอานิสงส์แห่งการเจริญวิปัสสนากรรมฐานนี้นะ ช่วยให้รอดพ้นได้ ผู้ปฏิบัติธรรมที่รักทั้งหลาย ท่านจะเห็นว่าอย่างไร ช่วยกันวิจัยหน่อย


    เขยใหญ่คนนี้นะรวยมหาศาล เลยเป็นผู้อุปถัมภ์ที่วัดนี้ อาตมาจะไม่ขอบอกชื่อว่าเป็นท่านผู้ใด อำนาจของบุญกุศลภาวนานี่สูงสุดแล้ว ไม่ได้ใช้คาถาเลยนะ ขอให้จิตตั้งใจถึงเถอะ อาตมาถึงได้บอกแก่ญาติโยมคนเฒ่าคนแก่นะ ให้สมบัติลูกอย่าหวังผลตอบแทนซิ ให้ลูกไปแล้วยังเอาคืนอีก คนแก่แบบนี้ถึงตายไปเป็นเปรต เพราะไม่ได้เจริญวิปัสสนากรรมฐาน จิตไม่ถึง คนประเภทนี้ชอบทอดกฐิน ใครมาพูดหวาน ๆ ละก็ควักกระเป๋าขาดเลย ทำบุญเอาหน้า ศรัทธาหัวเต่า ๆ ยืดเข้ายืดออก ถ้าใครไปแหย่หน่อยละก็ยืดออกไปเลย นี่คนประเภทนี้ตายไปแล้ว โดนยาพิษที่ลูกวาง ลูกตั้งใจวาง แต่ไม่ตั้งใจจะฆ่าพ่อแม่ ตั้งใจจะฆ่าเขยใหญ่กับพี่สาวใหญ่ แต่แม่ยายก็ไม่ได้คิดถึงว่าจะวางยาพิษลูกเขยกับลูกสาว


    ดูนะนักปฏิบัติธรรมที่รักทั้งหลาย อันนี้เรื่องจริงที่ผ่านมา เมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๘ เป็นเวลานานมาแล้ว นี่แหละเป็นหลักฐานสำคัญที่คู่กับหมอชลอที่มีกฎแห่งกรรมที่น้ำตกเอราวัณ จังหวัดกาญจนบุรี ขอนักปฏิบัติธรรมโปรดได้ทราบ มันมีทุกข์ ทุกข์อยู่ที่ไหนมันไม่เกินทุกข์ที่ใจ โรงอิฐเราพังไปก็ช่างมันเถอะ แผ่ส่วนกุศลไป เหมือนพระภิกษุ โยมมารดามารบเร้าให้สึกไปช่วยถางนา นารกมีต้นเส้งขึ้นมากมาย ท่านแผ่ส่วนกุศลไปต้นเส้งหายไปไหนหมด สมัยนั้นไม่มียาฉีดเลยนะ นี่แหละอำนาจบุญกุศลที่ลูกเจริญกรรมฐาน อุทิศให้พ่อแม่ พระภิกษุรูปนั้นเลยไม่ต้องสึก บวชต่อมาอีกหลายพรรษา
    สำคัญสติไม่ดี คอมพิวเตอร์ไม่ดี กระแสไฟไม่พอ มันก็ไม่สามารถจะช่วยดลบันดาลได้ดังกล่าวมานี้ ในที่สุดพ่อตาไล่ลูกเขยคนเล็กไป สมบัติพัสถานตกเป็นของเขยใหญ่หมด โดยไม่ได้อยากได้ไยดี ไม่มีอำนาจโลภะเลย ขอนักปฏิบัติธรรมทั้งหลายจงวิจัย อย่าเพิ่งเชื่ออาตมา เพราะเรื่องมันเป็นแล้วอย่างนี้ กรรมฐานสามารถป้องกันยาพิษได้ ไม่ใช่หมายความว่า วิปัสสนาเป็นคาถาแล้วยาพิษจะเสื่อมลง ยาพิษไม่เสื่อม แต่เขาไม่ตาย มันหลีกออกไปได้


    เพราะฉะนั้นคนเฒ่าคนแก่รักษาอุโบสถัง ๆ อย่างนี้ทั้งนั้นฉันให้นาเธอไป ถ้าเธอดีฉันก็จะยกให้ เธอไม่ดีก็ไม่ยกให้ อย่างนี้ไม่ถูกธรรมะ ให้แล้วก็แล้วกันซิ เขาจะเอาไปอย่างไรก็ช่างเขาประไร เขาจะเลี้ยงเราหรือไม่เลี้ยงเรา เรามันไม่ดีเอง นิสัยเรามันไม่ดีเขาจึงไม่เลี้ยง อย่าไปโทษลูกเขาเลย เดี๋ยวนี้ ตามศาลาวัดอุโบสถังอย่างนี้ทั้งนั้น ตายไปเป็นเปรต เป็นเปรตกันมาก เพราะจิตนี่เอง นี่แหละทำบุญหัวเต่า ศรัทธาหัวเต่า แหย่เมื่อไรโผล่เมื่อนั้น ถ้าไม่แหย่ไม่ค่อยโผล่ทำนองนี้


    อันนี้เรื่องจริงของอาตมาที่ผ่านมา ชี้ให้เห็นด้วยกฎแห่งกรรมชัดมาก สองสามีภรรยาเขยใหญ่ไม่พูดเลยนะ ไม่มีพูด ไม่ปริปากเลย หนักเอาเบาสู้ทั้งนั้น มีข้อหมายมุ่งของเขาอยู่ข้อเดียว เขาพูดว่า “แม่หนู เราก็นั่งกรรมฐานของเราเถอะนะ ไม่มีอะไรช่วยเราได้แล้ว” ลูกเขาก็มีหลักฐานมั่นคง เดี๋ยวนี้ไปอยู่ที่นครราชสีมาบ้าง มีหลักฐาน มีหลานก็ร่ำรวย รับราชการ ทำหน้าที่อย่างนี้ทุกคน



    -----------------



    ที่มา : ภาคกฎแห่งกรรม เล่ม 5
    หลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน จังหวัดสิงห์บุรี

    กฎแห่งกรรม: รอดตายจากยาพิษเพราะกรรมฐาน โดยหลวงพ่อจรัญ จากกระทู้คุณ hyperz
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 มกราคม 2014
  16. sirigul

    sirigul เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    805
    ค่าพลัง:
    +2,515
    น้อง เมธาวี คะ ท่านเป็นปู่ย่าตายายเรานะ ท่านจะรักใครมาก รักใครน้อย แบ่งสมบัติให้ใครมากใครน้อย เป็นเรื่องของท่านนะคะ เราหน้าที่ของลูกหลานมีหน้าที่ต้องดูแลท่านคะ ไม่ใช่ไม่มีสมบัติให้ หรือให้น้อยกว่า ก็เกิดการรังเกียจเกลียดชัง ท่านเกลียดชังเราได้ แต่ลูกหลานไม่มีสิทธ์เกลียดท่านเลย คำ ว่า เมื่อไหร่จะตายซะที ฟังแล้วช้ำใจมาก ขณะไม่ใช่เป็นแม่เป็นยายของน้องนะ ยังรู้สึกแย่เลย ถ้าท่านรู้ก็คงแย่เหมือนกัน ขอขมาท่านเถิดคะ แล้วผู้เป็นแม่รู้ไหมคะ ว่าลูกของท่านกำลังว่าเช่งแม่บังเกิดเกล้าของตัวเอง หรือผสมโรงด้วย มันไม่ถูกจริงๆ แล้วเป็นอัปมงคลมาก ไม่นึกจะมีอยู่ในเวปพลังจิต เวปพระพุทธศาสนา เห้อ....สาธุ ขออย่าได้เป็นแบบนี้เลย กลับตัวกลับใจเถิดนะ เชื่อเถิด ยิ่งให้ยิ่งมี ยิ่งเคารพผู้ใหญ่ ก็จะมีคนอุปถัมถ์ค้ำจุนเรา อย่าชะล้าใจเลยตอนนี้มีมากกว่า มันพินาจได้ในพริบตา ยิ่งแช่งด่าญาติผู้ใหญ่ แล้วเจริญ ในโลกนี้ไม่มีคะ ชัวร์ๆ.....
     
  17. เมธาวี1

    เมธาวี1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    692
    ค่าพลัง:
    +1,051
    ขอบคุณนะครับ ผมฝากบอกคนที่มาคอมเม้น ผมไม่สนหรอกว่าใครจะว่ายังไงหน่ะ ผมจะก้าวผ่านทุกคำพูดของคนที่ไม่มีวันเข้าใจ ไม่เคยพบเจอแบบผม ถ้าใกล้จะตายสำนึกได้ก็คงดีนะครับ แต่ตอนนี้ยัง ขอบคุณคำตอบของ 2-3 ท่านที่ชี้แนะ:cool:
     
  18. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    ยายผู้ให้กำเนิด คุณแม่ของคุณ คุณจะให้ผู้มีพระคุณคุณยายมาสำนึกในบุญคุณของคุณผู้เป็นหลาน อย่างนั้นนะหรือ? หลายท่านในนี้แนะนำดีแล้วนะ แต่สิ่งที่คุณเขียนทำเอาดิฉันสะอึกเลย ทำไมคนสมัยนี้จึงเป็นแบบนี้ คนเราเดี๋ยวนี้มีแต่เทียบผลประโยชน์ ว่ากลัวจะไม่ให้ตนเสียเปรียบ ต้องจ่ายเท่ากันเป๊ ๆ คิดได้แม้แต่กับบุพการี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 มกราคม 2014
  19. GhostHead

    GhostHead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    1,010
    ค่าพลัง:
    +1,878
    เอาไว้คุณดัชเชสมีครอบครัวแล้วจะรู้ว่าเงินทุกบาทหรือทุกดอลล่า มันหายาก และต้องใช้ให้คุ้มค่าที่สุด ถ้าเป็นคนที่ไม่เคยหาเงินใช้เองก็จะคิดแบบคุณนี่แหละ
     
  20. Secondhandlady

    Secondhandlady Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    18
    ค่าพลัง:
    +36
    บ้านเราก็มีปัญหาคล้ายๆเธอเมื่อปีที่แล้วนะ
    ยายเราป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย
    ยายมีลูก ๘ คนเหมือนกัน ชาย ๔ หญิง ๔
    แต่ยายจะชอบลูกชายมากกว่า มากกว่าอย่างเห็นได้ชัดเลย
    แม่เราป้าเราน้าเราก็มาบ่นให้ฟังบ่อย ๆ ว่ายายรักแต่ลูกชาย
    แต่ลูกชายไม่ดูแลยายเลย
    กลายเป็นว่าแม่ป้าและน้าตะหากที่เฝ้าดูแลยายตอนยายป่วยตลอด ๒๔ ชั่วโมง
    ช่วงนั้นมันแย่มาก ๆ แม่เราทำงานกลับมาก็มาเฝ้ายายไม่ได้นอนเลย
    แต่พอดีที่ช่วงนั้นเราปิดเทอมเราได้ช่วยเฝ้ายายด้วย
    แม่เราบอกว่า "ถึงจะรักไม่เท่ากัน แต่ยังไงเขาก็เป็นแม่ แค่เขาให้เราเกิดมาก็ทดแทนบุญคุณไม่หมดแล้ว" แม่เราพูดแบบนี้ตอนที่หมอบอกว่ายายจะอยู่ได้อีกไม่ถึง๒เดือน แล้วก็ร้องไห้กับเรา

    เวลาที่เราเหนื่อยเพราะไม่พักเวลาดูแลยาย แม่ก็จะบอกว่า "เราทำดีก็ทำไปเถอะใครไม่ทำก็ช่างเขา เราทำเราได้ ต้องกตัญญู"

    ลองถามตัวเองนะถ้าเราไม่ทำแล้วใครจะทำ
    จะไม่สงสารยายที่แก่แล้วเหรอ
    เผื่อผลบุญนี้จะส่งให้เมื่อเธอแก่จะมีคนดูแล ได้อยู่อย่างสุขสบายไง
    และถ้าถึงเวลาที่ท่านจากไปจริง ๆ แล้ว เราจะได้ไม่ต้องมาเสียใจที่หลังว่าเรายังดูแลเขาได้ไม่เต็มที่
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 มกราคม 2014

แชร์หน้านี้

Loading...