การฆ่าคนในสนามรบ เป็นบาปผิดศีลหรือไม่

ในห้อง 'Black Hole' ตั้งกระทู้โดย telwada, 13 ธันวาคม 2007.

  1. v.mut

    v.mut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 เมษายน 2006
    โพสต์:
    85
    ค่าพลัง:
    +274
    ควรทำความเข้าใจ ความหมายคำว่า ศีล ให้ กระจ่างแจ้ง เสียก่อน ว่า ศีล แปลว่า อะไร มีไว้ เพื่ออะไร จะได้ไม่หลงทาง

    ที่คุณกล่าวว่า ศีลไม่ใช่ข้อห้าม เป็นเพียงข้อละเว้น มันก็มี็ส่วนถูกอยู่ แต่ไม่ทั้งหมดเสียทีเดียวนะ ท่าน พี่เทวดา

    ศีล นัยยะแท้จริง คือ ความเป็นปรกติ ดำรงค์เป็นปรกติ
    และด้วยเหตุอันใด ก็ไว้็เป็น เครื่องรักษา ป้องกันความเศร้าหมอง
    ศีล นั้น รักษา เราเช่นกัน มิใช่ แต่เราเท่านั้นเป็นผู้รักษาฝ่ายเดียว ( ลองพิจารณาดูให้ดีๆ)

    ส่วนที่กล่าวว่า ศีลไม่เกี่ยวกับ หลักธรรม มันดูกะไรๆ.....


    ใครอยากจะละเมิด ก็ไม่ว่ากัน ส่วนจะผิดหรือถูก ก็เป็นเพียงบัญญัติ
    หากก่อนพ.ศ.2500 ปี มนุษย์ถ้ำเอากระบองฟาดหัวกันตาย คงไม่มีใครบอกว่า ผิด ละเมิดศีล
    แต่ที่แน่นๆ ผลแห่งกรรม คือ วิบาก ย่อมมี เพราะมีกรรมเป็นเหตุ ุ
    แต่มิอาจคาดเดาในเรื่องกรรม วิบาก ของสัตร์ เพราะมีความสลับซับซ้อนเกินกว่าปัญญา อย่างเราท่าน ต่อให้รู้ก็ไม่ทั้ั่งหมดตลอดสาย ( ลองเช็คในเรื่อง อจินไต ดู ว่า
    พระพุทธเจ้าทรงกล่าวไว้เช่นไร)

    ถามว่าทหารที่ดันต้องไปฆ่าคน ทั้งๆที่ไม่อยากทำ ขอถามต่อว่า แล้วดันทำไมต้องไปเกิดเป็นทหารที่อยู่หน่วย รบกองหน้า ทหารนั่งโต๊ะทำงาน ไม่ต้องรบก็มี เพราะเหตุอะไรกันถึงส่งผลให้ดันทะลึงไปเกิดเป็นทหารกองหน้า
    หรือไม่่ก็ อาชีพอื่นก็มี แล้วทำไม่ดันไม่ไปเกิดเป็นลุกเศรษฐีละ เพราะอะไร
    ขอตอบว่า ก็มันเป็นเพนสะวิบากอีกนั้นแหละ เป็น การสั่งสม.....

    ยังไงก็อนุโมทนาที่หยิบยกประเด็นให้ได้มา ถกธรรมกัน (แต่ดักไว้ก่อนว่า อย่าให้แตกเป็น อกุศล วจีกรรม นะ ท่านพี่เทวดา อยากจะให้คนแสดงความคิดเห็น ควรเปิดใจกว้าง ย่อมมีทั้งทีีเห็นด้วย มิเห็นด้วยเป็นธรรมดา)
     
  2. telwada

    telwada เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,509
    ค่าพลัง:
    +1,817
    คำว่าศีล มีความหมายตามพจนานุกรมพุทธศาสน์ฉบับพระธรรมปิฎกว่า
    "ความประพฤติดีทางกายและวาจา, การรักษากายและวาจาให้เรียบร้อย, ข้อปฏิบัติสำหรับควบคุมกายและวาจา ให้ตั้งอยู่ในความดีงาม, การรักษาปกติตามระเบียบวินัย, ปกติมารยาทที่สะอาดปราศจากโทษ, ข้อปฏิบัติในการเว้นจากความชั่ว, ข้อปฏิบัติในการฝึกหัดกายวาจาให้ดียิ่งขึ้น, ความสุจริตทางกายวาจาและอาชีพ"

    ความจริงแล้ว ข้อศีล จะเป็นพื้นฐานของธรรมะ
    แต่ที่ข้าพเจ้าไปในตอนก่อนนั้น คุณอย่าเข้าใจผิด ข้อแสดงความคิดเห็นนั้น ได้กล่าวโต้ตอบกับคุณเล่าปัง เพราะคุณเล่าปังเขาดึงเอาไปนอกประเด็น คุณอย่าเข้าใจผิด และอย่ากล่าวหาข้าพเจ้าอย่างเลื่อนลอย

    ข้อศีล เป็นพื้นฐานของธรรมะ เพราะหากยึดถือปฏิบัติตามข้อศีลแล้ว ธรรมะก็จะเกิด คำว่าธรรมะในที่นี้ หมายถึงธรรมะในศาสนาพุทธ (อย่าเอาหลักธรรมศรีอาริย์มาเกี่ยว เพราะกระทู้ไม่ใช่เรื่องของศรีอาริย์) ธรรมะในศาสนาพุทธนั้น หมายเอาสภาพสภาวะจิตใจในรูปแบบต่างๆ สภาพสภาวะจิตใจแบบพรหมวิหารสี่ สภาพสภาวะจิตใจแบบ ความละอาย และเกรงกลัวต่อบาป หรืออื่นๆอีกมากมาย

    ทีนี้เข้าประเด็นในเรื่องที่ว่า ทหารฆ่าศัตรูในสนามรบ ไม่บาป
    เพราะ การยึดถือข้อศีลนั้น ย่อมต้องรู้จักเหตุ รู้จักผล รู้จักตน รู้จักกาล รู้จักประมาณ รู้จักชุมชน และรู้จักบุคคล
    เหตุใดข้าพเจ้าจึงได้นำเอา สภาพแห่งจิตใจของสัตบุรุษทั้ง 7 ข้อมาเป็นข้ออ้างอิง
    ก็เพราะ การปฏิบัติตามข้อศีลในทางพุทธศาสนานั้น ไม่ได้บังคับให้ผู้ศรัทธาต้องปฏิบัติตลอดเวลา เพียงแต่ข้อศีลในทางศาสนานั้น มีจุดมุ่งหมายเพื่อความเป็นปกติในสังคมการเป็นอยู่ร่วมกัน ในชุมชนนั้นๆ ต้องเน้นย้ำว่าในชุมชนนั้นๆ และคำว่าชุมชนนั้นๆ ก็ย่อมหมายรวมชุมชมหลายๆชุมชน อันรวมกันเป็นประเทศ
    เมื่อมีประเทศ ก็มีทหาร ทหารก็ต้องมีศีลธรรม ตามคำสัตย์ปฏิญาณ ที่ได้ให้ไว้ต่อธงชัยเฉลิมพล
    การมีศีลของทหารก็ต้อง อ้างอิงเอาสภาพสภาวะจิตใจของสัตบุรุษ ตามที่ได้กล่าวไป ว่า หากแม้นเป็นชุมชนทั้งหลายภายในประเทศ แล้ว ทหารก็ย่อมจะไม่ฆ่าใคร เพราะต้องยึดถือศีลธรรมของศาสนาอย่างเคร่งครัด
    แต่เมื่อเกิดศึกสงคราม ทหารก็ต้องรู้จักเหตุ รู้จักผล รู้จักตน รู้จักกาล รู้จักประมาณ รู้จักชุมชน และรู้จักบุคคลว่า บุคคลใตที่ทหารควรจะสังหารเพื่อยึดเอาที่หมาย หรือป้องกันที่หมาย
    ดังนั้น ในศาสนาทุกศาสนาที่มีอยู่ จึงไม่ถือเป็นบาป เพราะคำว่าบาป หมายถึง ความไม่ดีทั้งมวล ความไม่ดีเหล่านั้น จะต้องแบ่งแยกว่า ถูกต้องตามเหตุ ตามผล ตามกาล ฯลฯ หรือไม่
    เช่นถ้าทหาร ไปฆ่าประชาชนไม่รู้อิโหน่อิเหน่ก็ย่อมบาปมห้นต์ในทางศาสนา แต่ในทางทหารไม่ถือว่าบาป เพราะบาปอยู่ที่เจตนา เจตนาจะปกป้องอธิปไตยของประเทศ มันจะบาปหรือ
    ศาสนาไหนที่ถือว่าบาป ไม่มีนะคุณ
     
  3. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    แหมดูท่าทางผมจะโต้แย้งไม่ได้นะนี้ แต่มันติดสงสัยเหมือนกัน

    จริงจะยกประเด็นขึ้นถามนะ แต่สงสัยละเอียดอ่อนต่อความมั่นคง

    ขัดต่อหลักรู้รักสามัคคี ไม่ยกดีกว่า

    ขอบคุณครับที่ยกประเด็นแปลกๆให้ได้คิด
     
  4. undeath13

    undeath13 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    1,479
    ค่าพลัง:
    +1,830
    บาปแต่ส่วนใหญ่ก้อไปสวรรค์ไปพรหมกานทุกคน -0-
     
  5. siratsapon

    siratsapon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    368
    ค่าพลัง:
    +641
    ขอตอบคุณ telwada ครับ

    การที่เขียนเอาไว้ในความเห็นที่ 22 มีหลายส่วนที่ถูกอยู่ครับ แต่ก็ยังไม่ถูกเสียทั้งหมด เพราะว่า คำว่า "ศีล" นั้นอย่างที่คุณได้บอกไปว่าเป็นความประพฤติที่ดีงามทางกายวาจา.....ความสุจริตทางกายวาจาและอาชีพฯ ตรงนี้ถูกต้องครับ
    แต่ที่ยังไม่ถูกต้องก็คือ ที่คุณบอกว่า

    "เมื่อเกิดศึกสงคราม ทหารก็ต้องรู้จักเหตุ รู้จักผล รู้จักตน รู้จักกาล รู้จักประมาณ รู้จักชุมชน และรู้จักบุคคลว่า บุคคลใตที่ทหารควรจะสังหารเพื่อยึดเอาที่หมาย หรือป้องกันที่หมาย ดังนั้น ในศาสนาทุกศาสนาที่มีอยู่ จึงไม่ถือเป็นบาป เพราะคำว่าบาป หมายถึง ความไม่ดีทั้งมวล"

    ตรงนี้เป็นมิจฉาทิฐิครับ ขอโทษด้วยที่ต้องพูดตรงๆ เพราะเหตุว่า พระพุทธเจ้าทรงตรัสสอนไว้ดีแล้วมิใช่หรือครับ ว่าการฆ่าบุคคลนั้น หากมีองค์ห้าได้แก่

    สิ่งนั้นเป็นสิ่งมีชีวต ๑, รู้ว่าสิ่งนั้นเป็นสิ่งมีชีวิต ๑, มีจิตคิดจะฆ่า ๑, ได้ใช้ความพยายามในการฆ่า (ไม่จำเป็นต้องลงมือเอง แค่สั่งให้เขาฆ่าก็อยู่ในข้อนี้) ๑, สิ่งนั้นตายลงด้วยความพยายามนั้น (ความพยายามในข้อ4) ๑

    เมื่อมีครบองค์ห้านี้ย่อมบาป เรามาวิเคราะห์ถึงเวลาที่ทหารเขาออกรบกัน เวลาที่ทหารออกรบจริงอยู่จุดมุ่งหมายของการออกรบในครั้งนั้น ก็คือเพื่อปกป้องชาติ ปกป้องดินแดน ปกป้องที่หมาย ฯลฯ แต่เมื่อมาถึงขณะที่ฆ่าศึกโพล่ออกมาตรงหน้า หรือถึงตอนที่มีการต่อสู้ยิงกันขึ้น จิต ณ ขณะนั้นย่อมเป็นไปจนครบองค์ห้าครับ ผมเองไม่เคยออกรบ แต่ก็มีความรู้อยู่บ้าง เพราะเคยได้ดูรายการที่ทหารอันผ่านสงครามโลกครั้งที่ 2 ของสหรัฐออกมาเปิดใจ เขาก็จะบอกได้ว่า ณ ขณะนั้นเขาทำเพื่อให้เขารอดเท่านั้น เขาจะคิดว่าจะทำอย่างไรถึงจะไม่ถูกยิง เขาแทบสติแตกเมื่อเห็นเพื่อนที่อยู่ข้างๆ ตายไปต่อหน้า ตรงนั้นเขาคิดอย่างเดียวว่าจะต้องฆ่าๆ ถ้าเราไม่ฆ่า เราก็ถูกฆ่า และคิดว่าคนๆ สมควรจะตาย...นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งนะครับ

    ดังนั้นเราจะเห็นได้ว่า เจตนาที่เกิดขึ้น ณ ขณะที่ยิงกันอยู่นั้น เจตนาเรื่องชาติจะหยุดเอาไว้ก่อน เจตนาในการฆ่าให้ได้ การมีชีวิตรอดจะมาเป็นอันดับแรก เมื่อเป็นเช่นนี้ย่อมครบองค์ทั้งห้า และศีลข้อปาณาฑิบาตย่อมเป็นอันขาด เมื่อขาดก็คือ เป็นการทำกรรมอันเป็นกายทุจริต กายทุกจริตก็คืออกุศลกรรม อันมีอกุศลธรรมเป็นมูล ย่อมเป็นบาป แล้วคุณเทวดาจะบอกว่าไม่บาปได้อย่างไร และคำว่าบาปก็มีความหมายมากกว่าที่คุณบอกนะครับ (แม้ว่าทางทหารจะตกลงกันว่าไม่บาป แต่บาปก็จะยังคงเป็นอย่างนี้อยู๋ครับ)

    บาป ความชั่ว, ความร้าย, ความชั่วร้าย, กรรมชั่ว, กรรมลามก, อกุศลธรรมที่ส่งให้ถึงความเดือดร้อน, สภาพที่ทำให้ถึงคติอันชั่ว, สิ่งที่ทำจิตให้ตกสู่ที่ชั่ว คือ ทำให้เลวลง ให้เสื่อมลง

    (ที่มา : พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต) พระธรรมปิฎก (ประยุทธ์ ปยุตฺโต) )

    พระพุทธเจ้าได้ตรัสสอนเอาไว้ว่า เราไม่ควรกระทำกรรมชั่วโดยส่วนเดียว (คือไม่ให้ทำไม่ว่าจะด้วยเหตุใดๆ) คุณเองอาจจะไม่ทราบ ดังนั้นลองอ่านดูครับ

    [๒๖๔] ครั้งนั้นแล ท่านพระอานนท์เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่
    ประทับ ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคแล้ว จึงนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้ว
    พระผู้มีพระภาคได้ตรัสกะท่านพระอานนท์ว่า ดูกรอานนท์ เรากล่าวกายทุจริต
    วจีทุจริต มโนทุจริต ว่าเป็นกิจไม่ควรทำโดยส่วนเดียว ท่านพระอานนท์ทูลถาม
    ว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เมื่อบุคคลทำกายทุจริต วจีทุจริต มโนทุจริต ที่
    พระผู้มีพระภาคตรัสว่าเป็นกิจไม่ควรทำโดยส่วนเดียว โทษอะไรอันผู้นั้นพึง
    หวังได้ ฯ
    พ. ดูกรอานนท์ เมื่อบุคคลทำกายทุจริต วจีทุจริต มโนทุจริต ที่เรา
    กล่าวว่าเป็นกิจไม่ควรทำโดยส่วนเดียว โทษอย่างนี้ อันผู้นั้นพึงหวังได้ คือ
    ๑. แม้ตนก็ติเตียนตนเองได้ ๒. ผู้รู้ใคร่ครวญแล้วย่อมติเตียนได้ ๓. กิตติศัพท์
    ชั่วย่อมกระฉ่อนไป ๔. เป็นคนหลงทำกาละ ๕. เมื่อแตกกายตายไป ย่อมเข้าถึง
    อบาย ทุคติ วินิบาต นรก ฯ
    ดูกรอานนท์ เมื่อบุคคลทำกายทุจริต วจีทุจริต มโนทุจริต ที่เรากล่าวว่า
    เป็นกิจไม่ควรทำโดยส่วนเดียว โทษอย่างนี้อันผู้นั้นพึงหวังได้ ดูกรอานนท์ เรา
    กล่าวกายสุจริต วจีสุจริต มโนสุจริต ว่าเป็นกิจควรทำโดยส่วนเดียว ฯ
    ที่มา : พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๐ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๒ อังคุตตรนิกาย เอก-ทุก-ติกนิบาต
    http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=20&A=1374&Z=1563

    สรุปสุดท้าย : อย่างที่ผมบอกไปนั่นแหละครับ เราควรมาเสริมสร้างสันติสุขแบบยั่งยืนเที่ยงแท้ให้เกิดขึ้นกันดีกว่า ด้วยการทำตามที่พระพุทธเจ้าทรงสอน คือ ส่งเสริมไม่ให้ต้องมีการฆ่ากันเลยไม่ว่าจะด้วยเหตุใดๆ เป็นการดีที่สุด โลกของเราเจริญมากแล้วในด้านวัตถุ เราก็ควรจะพัฒนาด้านจิตใจให้สูงขึ้นด้วยเพื่อที่จะไม่ต้องมีการใช้กำลังห่ำหั่นกันอีกต่อไปครับ

    เพิ่มเติม :

    สัมมาทิฐิสูตร
    http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/r.php?B=25&A=5769&w=สัมมาทิฐิสูตร

    ความเห็นที่เป็นฆ่าศึกต่อพระอริยะ (ข้อ ๑๑๑)
    http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=13&A=1833&Z=2382
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 ธันวาคม 2007
  6. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,696
    ค่าพลัง:
    +51,932
    บาปส่วนบาป บุญส่วนบุญ
    เพราะ...การกระทำไม่สูญสลายและมีผลตอบแทน
    เป็นไปตาม...หลักสัจจะธรรม หลักเดียวที่สูงสุด

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  7. NARKA

    NARKA เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    1,568
    ค่าพลัง:
    +4,560
    การฆ่าคนไม่บาปนี่เป็นลัทธิที่องคุลิมาลใช้ก่อนบวช จำชื่อไม่ค่อยได้คล้ายๆลัทธิเจ้าแม่กาลีของอินเดียโบราณ ที่สมัยปัจจุบันยังหลงเหลืออยู่แต่เปลี่ยนเป็นสัตว์อื่นแทนมนุษย์
    คือลัทธินี้อธิบายว่ามนุษย์เป็นที่รวมของธาตุทั้งสี่ คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ
    ดังนั้นดาบที่แหวกไประหว่างดิน น้ำ ลม ไฟ นี่จึงไม่ได้ฆ่าคน แต่เป็นการแหวกธาตุดังกล่าว จึงไม่บาป
    พอองคุลีมาลพบพระพุทธองค์จึงถูกถอนอวิชชานี้ไป จนสำเร็จเป็นพระอรหันต์
    ดูในทีวีสารคดี ยังมีลัทธิต่างๆมากมายอยู่ในอินเดีย ศรีลังกา บังคลาเทศ ปากีสถาน หรือ จีน พวกนี้
    เฉพาะสายมหายานก็ประมาณ20กว่า สายเถรวาทก็10กว่า
    นี่ไม่นับลัทธิอื่นๆเช่นของฮินดูพราห์มณ์ ที่มีเทพเจ้าของเขาเป็นร้อยๆองค์
    เมื่อรวมลัทธิทั้งหมดของตะวันออกแล้วมีเป็นพันๆลัทธิ บ้างคล้ายบ้างแตกต่างกันไป
    จริงๆแล้วเรื่องทางโลก กับเรื่องทางธรรม โดยเฉพาะธรรมะของฆาราวาส ก็มีบอกไว้แล้ว อย่าเอามาปนกัน
    ถ้าทางธรรม ต้องลงถึงบัญญัติสมมุติและปรมัทถ์ ก็จะสามารถเทียบเคียงเปรียบเทียบได้
    ทางศีล หรือ ธรรม บอกง่ายๆว่าห้ามฆ่าสัตว์
    เราก็อย่าเอาทางโลกมาอธิบายแย้ง เพราะมันตรงตัวอยู่แล้ว
    ไม่ว่าจะฆ่าคนดี คนชั่ว ฆ่าพระ ฆ่าขอทาน ง่อยเปลี้ยเสียขา ฆ่าฆาตกรโหดร้าย ข้าศึกศัตรู
    พวกนี้เป็นทางโลก เป็นบัญัติสมมุติ ที่สามารถทำให้ผู้ฆ่า มีความรู้สึกถึงความชอบธรรม ยุติธรรมในใจให้สบายเท่านั้น
    แต่ทางศีลทางธรรม มันก็คือเป็นบาปเสมอกันหมดนั่นแหละ
     
  8. karain

    karain เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2006
    โพสต์:
    638
    ค่าพลัง:
    +707
    กระทู้ได้จัย
     
  9. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    แย้งเล่นๆ

    สรุปก็คือ สำหรับปุถุชนคนทั่วไป และอรหันต์ที่ยังครองขันท์ 5 ครบถ้วนอยู่ ยังต้องมีผลบุญและบาปส่งผลได้ พระอรหันต์ที่ยังครองขันท์ 5 อยู่ ยังต้องประสบกับชาติ ชรา มรณะ

    ถ้าอรหันต์ไม่เข้าสมาบัติ กริยาก็จะยังประกอบด้วยจิต และเจตนาครบถ้วน หากทำการใดๆ ก็ยังต้องรับผลกรรมนั้นๆ

    แต่เมื่อใดอรหันต์เข้าปรินิพพานสลัดขันท์ 5 แล้ว กรรมเหล่านั้นก็กลายเป็นโมฆะ เพราะตามไปส่งผลในภาวะนิพพานไม่ได้
     
  10. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    กล่าวในฐานะไหนละ ยังครองกายสังขาร หรือ ไม่ครองกายสังขาร

    ถามตรงนี้ก่อน
     
  11. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    ตอบคำถามก่อนนะ เรื่องกายสังขาร ถึงจะคุยต่อได้
     
  12. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    ถ้าเช่นนั้น พระสัพพัญญูครั้นสำเร็จอรหันต์แล้ว

    ได้เมตตาเสด็จไปสั่งสอน สาวกมากมาย กุศลนั้นเกิดหรือไม่เกิด การเสด็จไปสอนนั้น เป็นกิจที่ไม่มีเจตนาใดๆกำกับอยู่หรือ

    ในระหว่างที่จาริกไปสอนธรรมในสถานต่างๆมากมาย ยังต้องเผชิญกับ ภัยแห่งอาหาร อากาศ และภัยพาล เหตุนั้นเพราะวิบากรรมหรือบาปสิ้นแล้วหรือว่าเป็นกรรมใหม่
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 ธันวาคม 2007
  13. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,709
    ค่าพลัง:
    +3,235
    โอ้ยโหยววว...

    คือ ฆ่าตัวอะไรก็แล้วแต่ บาปครับ
    คิดจะฆ่ายังบาปเลย

    ฆ่าตัวตายก็ไม่ดีครับ เป็นนิสัยที่ไม่ดี
    ฆ่าบ่อยๆ จะพาลเห็นไปว่าชีวิตของคนอื่นก็ฆ่าได้ เรื่องจิ๊บๆ
     
  14. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    ครั้งหนึ่ง คุณใบไม้ได้กล่าวว่า พระพุทธองค์เสด็จมาสอนท่านด้วยพระองค์เอง

    พระองค์เป็นทั้ง พระอรหันต์ และเข้าสู่ปรินิพพานแล้ว ขอให้ท่านทราบประการหนึ่งว่า

    พระองค์ไม่ได้มี เจตนา มาสอนธรรมท่านแต่อย่างใด อันนี้เป็นฐานะที่พูดได้

    หากท่านกล่าวว่า

    พระองค์มี เจตนา มาสอนธรรมท่าน อันนี้เป็นฐานะที่ท่านจะพูดได้อยู่หรือ
     
  15. telwada

    telwada เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,509
    ค่าพลัง:
    +1,817
    อย่าหาว่าตัดบทหรืออะไรเลยนะ
    ถ้าทหารทั้งหลายเหล่านั้น รู้แล้วว่าจะออกรบ จึงพากัน รับศีล เพียง 4 ข้อ ไม่ยอมรับศีลข้อปาณาฯ
    มันจะบาปไหม
     
  16. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    ทหารรับศีลไม่ได้นะ

    รับได้แต่วินัยทหาร

    Uniqe Of Command

    ผู้นำจึงเป็นผู้กำหนด ดีชั่ว จึงอยู่ที่ผู้นำ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 ธันวาคม 2007
  17. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    ก็ไม่เห็นมีอะไรนี้

    ส่วนใหญ่ก็กล่าวไปถึง พระธรรม ซึ่งก็อยู่ใน ไตรสรณะ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ซึ่งก็คือ พระตถาคตผู้ชี้(พระพุทธ) คำสอน(พระธรรม) สมมติสงฆ์(ผู้ปฏิบัติตามคำสั่งสอน)

    แต่เราก็รู้นะว่า คุณใบไม้จะพาไป ธรรมธาตุ ที่มีองค์ มีอัตตา

    เราก็ไม่เข้าใจนะว่าท่านจะยึดอย่างนั้นทำไม ก็ดูอย่างคำว่า วิราคะธาตุ คำนี้คำเดียวก็แปลง่ายๆว่า ปราศจากธาตุ ปลอดสภาวะธาตุ ( ก็อีกนะ ถ้าอ่านแบบคนอังกฤษ จะเอา ธาตุ เป็นนาม แล้วเอาคำนาม เป็น ตัวขยาย ผิดหลักไวยากรณ์ )

    แล้วอย่างคำว่า ธรรมขันท์ ก็คือ ตัวร่างคำสอน ตัวร่างคำสอนก็มี ตัวอักษร เสียง ก็เป็นการเล่นคำ เพราะคำสอนนี้จะถือได้ ก็ต้อง อ่านเอาจากอักษร ฟังเอาจากเสียง ก็จะมีคนเล่นมุกละที่เอาคำว่า ขันท์ ไปปนกับขันท์ 5 ถ้าท่านไม่เชื่อก็ลองไปหาคำว่า "ธรรมขันท์ 5" มีไหมละ ( ธรรมขันท์ 5 มันไม่มีก็เพราะ คำว่า ขันท์ คือคำขยาย ถ้าจะใส่ 5 เข้ามา มันก็ต้องไปขยายคำว่า ธรรม -- ก็จะเห็นว่าไม่มีนะ คำสอน 5 รูป )

    ส่วนคำสอนของหลวงปู่มั่นเราขอสงวนละ เพราะบริบทไม่ครบ ไม่รู้ว่าท่านกล่าวตอนไหน แล้วในช่วงปลายนี้ท่านสอนแบบไหน คนที่มีจริตเป็นพระโพธิสัตว์นี้ต้องดูช่วงของการสอนและการบรรลุให้ดี ส่วนใหญ่จะสอนออกมาแนวนี้เหมือนกัน แต่ตอนท้ายนี้ก็เปลี่ยนแนวการสอน อ่านดีๆนะ เราไม่ได้พูดว่าถูกหรือผิด เพราะดีที่สุดก็คือ ไม่วิจารณ์

    หรือ ท่านจะปรารถนาให้เราก้าวล่วงวิจารณ์ ท่านหยิบยื่นธรรมให้เรา หรือว่าจะหมายมั่นให้เราฉิบหาย ท่านเห็นการณ์อันไหนที่เราควรได้รับจากการสอนของคุณใบไม้หรือ

    ดูทันไหม ว่าหวังดีกับเรา เหมือน อย่างที่เราหวังดีคุยด้วยกับคุณ

    หรือ คุณหวังให้เราฉิบหาย ลึกๆละ

    อันนี้แหละที่เราจำต้องระวังการเสวนากับคุณ เพราะมันมีความไม่จริงใจ ที่จะแสดงความเห็นร่วมวิจัยธรรม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 ธันวาคม 2007
  18. ลูกพญานาค

    ลูกพญานาค Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +65
    อื่ม....ผมขอรบกวนถามคุณเล่าปังและคุณใบไม้นอกกำมือว่าที่ว่ารู้มา(ธรรม)รู้มาจากไหนครับ จากการอ่าน, ฟังครูอาจารย์ท่านอย่างเดียว...... หรือจากการปฏิบัติแล้วรู้เกิด .......หรือทั้ง2อย่างทำไปพร้อมกัน ....หรืออ่านมากๆๆคิดเหตุและผลว่าใช่ด้วยตนเองโดยไม่ได้ปฏิบัติเลย .....ส่วนตัวผมก็อ่านพยายามอ่านเยอะๆๆเข้ามาอ่าน ของพวกท่านด้วยเพื่อลดความชั่วในตัวเอง ปฏิบัติเข้าดูจิตตัวเองนี่ยังไม่เคยทำจริงจังเลย ....เลยอยากรู้ว่าคนที่รู้มากๆๆเค้ารู้กันมาจากไหน
     
  19. MegaFM

    MegaFM เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    268
    ค่าพลัง:
    +1,446
    ดูที่เจตนา ถ้าเจตนาฆ่าก็บาป
     
  20. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,709
    ค่าพลัง:
    +3,235
    บางทีเราไปสู้ ก็ไม่ได้ไปเพราะใช้อารมณ์
    แล้วเวลาถามเหตุผล ก็ไม่ทราบจะอธิบายยังไง
    ก็แค่อยากทำความเข้าใจ
     

แชร์หน้านี้

Loading...