กรรมให้ผลตามหน้าที่

กรรมให้ผลตามหน้าที่

1. ชนกกรรม
2. อุปถัมณ์กรรม กรรมที่สนับสนุน
3. ปุปปีฬกกรรม
4. อุปฆาตกกรรม กรรมตัดรอน กรรมเหล่านี้มีที่มาอย่างไร อะไรคือสาเหตุให้เกิดกรรมเหล่านี้ครับ

 

มีที่มาจากเจตนา เจตนาคือสาเหตุ เจตนาคือตัวกรรม

 

ก่อนอื่น ขอให้เข้าใจว่า"กรรม"หมายถึงเจตนา หรือความจงใจตั้งใจในการทำ พูดและคิด หากเป็นเจตนาฝ่ายบุญเรียกว่ากุศลกรรม ส่วนฝ่ายบาปเรียกว่าอกุศลกรรม ..

กรรมเมื่อทำสำเร็จลงไปแล้ว จะทางกาย วาจา หรือใจก็ตาม ย่อมมีผลหรือวิบากตามมาให้เจ้าของเจตนาได้ีรับ..

ท่านผู้รู้ ได้รวบรวมหมวดหมู่เกี่ยวกับลักษณะการ"ส่งผลของกรรม"เพื่อความรู้และเข้าใจโดยละเอียด ดังต่อไปนี้ ..

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับกรรมแต่ละชนิดที่นี่ครับ..

http://www.larndham.net/cgi-bin/kratoo.pl/004313.htm

 

ชนกกรรม เป็นกรรมท่ีสามารถแต่งกําเนิดได้ กําเนิดของสัตว์ในไตรโลก มี ๔ คือ
(๑) ชลาพุชะ เกิดจากน้ําสัมภวะของมารดาบิดาผสมกันเกิดเป็นสัตว์ในครรภ์ แล้วคลอด ออกมาเป็นเด็ก แล้วค่อยเจริญเติบโตข้ึนโดยลําดับกาล ฝ่ายดีได้แก่กําเนิดมนุษย์ ฝ่ายไม่ดีได้แก่ กําเนิดดิรัจฉานบางจําพวก.
(๒) อัณฑชะ เกิดเป็นฟองไข่ก่อนแล้วจึงเกิดเป็นตัวออกจากกะเปาะฟองไข่แล้วเจริญเติบโต โดยลําดับกาล ฝ่ายดีได้แก่กําเนิดดิรัจฉานมีฤทธิ์ เช่น นาค ครุฑ ประเภทอัณฑชะฝ่ายชั่วได้แก่ กําเนิดดิรัจฉาน เช่น นกสามัญทั่วไป ฯลฯ.
(๓) สังเสทชะ เกิดจากสิ่งโสโครกเหงื่อไคล ฝ่ายดีเช่น นาคและครุฑ ประเภทสังเสทชะฝ่าย ชั่วเช่น กิมิชาติ มีหนอนที่เกิดจากน้ําครําเป็นต้น และเรือด ไร หมัด เล็น ท่ีเกิดจากเหงื่อไคล หมักหมมเป็นต้น.
(๔) อุปปาติกะ เกิดผุดขึ้นเป็นวิญญูชนทีเดียว ฝ่ายดีเช่น เทพเจ้า ฝ่ายชั่วเช่น สัตว์นรก เปรต อสุรกาย กรรมดีแต่งกําเนิดดี กรรมชั่วแต่งกําเนิดชั่ว น้ีเป็นกฎแห่งกรรมท่ีตายตัว ไม่เปลี่ยนแปลงเป็นอื่นไป.

อุปปัตถัมภกกรรม เป็นกรรมท่ีคอยสนับสนุนกรรมอื่นซึ่งเป็นฝายเดียวกัน กรรมดี สนับสนุนกรรมดี กรรมชั่วสนับสนุนกรรมชั่ว เช่น กรรมดีแต่งกําเนิดดีแล้ว กรรมดีอื่นๆ ก็ตามมา อุดหนุนส่งเสริมให้ได้รับความสุขความเจริญย่ิงขึ้น กรรมชั่วแต่งกําเนิดทรามแล้ว กรรมชั่วอื่นๆ ก็ ตามมาอุดหนุนส่งเสริมให้ได้รับทุกข์เดือดร้อนในกําเนิดน้ันย่ิงๆขึ้น

อุปปีฬกกรรม เป็นกรรมที่เป็นปฏิปักษ์กับกรรมอื่นที่ต่างฝ่ายกับตน คอยเบียดเบียน ทําให้ฝ่ายตรงกันข้ามมีกําลังอ่อนลง ให้ผลไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย เช่น กรรมดีแต่งกําเนิดเป็นมนุษย์แล้ว กรรมชั่วเข้ามาขัดขวางรอนอํานาจของกรรมดีน้ันลง ทําให้เป็นมนุษย์ที่ไม่สมบูรณ์ หรือขาด ความสุขในความเป็นมนุษย์ที่ควรจะได้ไป ในฝ่ายชั่วก็นัยเดียวกัน เช่น กรรมชั่วแต่งกําเนิดทราม แล้ว กรรมดีเข้ามาขัด ถึงเป็นสัตว์ก็มีผู้เมตตากรุณาเลี้ยงดูมิให้ได้รับความลําบาก เป็นต้น.

อุปฆาตกกรรม เป็นกรรมท่ีเป็นปฏิปักษ์กับกรรมอื่น ที่ต่างฝ่ายกับตนเช่นข้อก่อน แต่มี กําลังแรงกว่า มิให้อํานวยผลสืบไป แล้วตนเข้าแทนที่ให้ผลเสียเอง ตัวอย่างในฝ่ายอกุศล เช่น กรรมดีแต่งกําเนิดเป็นมนุษย์มาแล้ว กรรมฝ่ายชั่วที่มีกําลังเข้าสังหาร เช่นไปทํากรรมร้ายแรงข้ึนใน ปัจจุบัน หรือกรรมชั่วร้ายแรงในอดีตตามมาทันเข้าให้ผลแทนที่ คนนั้นเสียความเป็นมนุษย์ไปใน ทันทีทันใด กลายร่างไปเป็นยัก์หรือดิรัจฉานไปเลย หรือเพศเปลี่ยนไป เช่น เดิมเป็นบุรุษเพศ กลายเป็นสตรีเพศไป ดังโสเรยยเศรษฐีบุตรฉะน้ัน ในฝ่ายกุศล กรรมชั่วแต่งกําเนิดทรามแล้ว กรรมดีเข้าสังหารกําลังของกรรมทรามนั้นให้ส้ินกระแสลง แล้วเข้าแทนที่ให้ผลเสียเอง เช่น เปรต ได้รับส่วนบุญแล้วพ้นภาวะเปรต กลายเป็นเทวดาทันทีทันใด เป็นต้น.

ที่มา หนังสือทิพยอำนาจ

 

อ่านนี้เลย ที่เกี่ยวกับเรื่องกรรม ที่พระพุทธเจ้าตรัสสอนไว้แก่สาวก

 

ผมทำความดีนะ ผมพยายามเป็นคนดี คนดีนี้เป็นยาก ว่าป่าวครับ ,, แต่ทำดีแล้วไม่เคยได้ดีเลย แต่คนชั่วที่ได้ดีมีถมไป สาเหตุนี้รึเปล่าที่ทำให้นดี และที่พยายามเป็นคนดี ท้อแท้ ผมคนนึงนะครับที่ ท้อแท้ใจ..


ระบายหน่อยละกัน
ขอบคุณครับ สำหรับเนื้อที่เล็ก ๆ ให้ผมยืนอยู่ในสังคม

 

ถ้าเป็นคนดีมันง่าย มันสบาย คงไม่แห่กันไปนรกมากมายขนาดนี้หรอก

 

จริงทีเดียวที่การทำดีเป็นเรื่องยาก...แต่ยากเฉพาะคนที่เคยชินกับการทำชั่วจนไม่ิอาจทวนความเคยชินนั้นเพื่อทำสิ่งตรงข้ามได้..

การที่ท่านกล่าวว่าทำดีแล้วไม่ได้ดีนั้น เป็นคำพูดที่ไม่มีเหตุผลรองรับ..เพราะใครทำดีแล้วผลที่ดีย่อมตั้งขึ้นทันทีเมื่อทำแล้วโดยไม่มีระหว่างคั่น แม้ในการทำชั่วก็โดยนัยยะเดียวกัน เพียงแต่ผลนั้นจะปรากฏเกิดได้เมื่อใด ย่อมขึ้นอยู่กับปัจจัยประกอบอื่นๆ..จำนวนมากมายมหาศาล..

ทีนี้มีบุคคลบางจำพวกที่เห็นว่าการทำดีแล้ว ผลจะปรากฏทันทีบ้าง..ผลจะต้องเป็นลาภยศสรรเสริญ ตามที่ตนหวังไว้บ้าง..ฯลฯ.ครั้นไม่ได้สมปรารถนาก็เข้าช่องความไม่รู้(อวิชชา)ที่ครอบงำตนมานานหาเบื้องต้นเบื้องปลายไม่พบจนชำนาญ..จึงเข้าถึงความเห็นผิด(มิจฉาทิฏฐิ)ว่าการทำดีได้ดีมีที่ใหนฯ..

ความเห็นผิดเช่นนี้ หากปล่อยให้ยึดพื้นที่ใจอยู่นานจะขยายผลให้เข้าถึงความเห็นผิดชนิดดิ่ง ว่า กรรมไม่มีผล เรียกว่านัตถิกะทิฏฐิ คราวนี้เจ้าของทิฏฐิเช่นนี้จะกลายเป็น"ตอในวัฏฏะ"ทันที เพราะ"แก้ไม่ได้"ด้วยว่าสั่งสมจนแน่นหนา แม้จะนั่งอยู่ต่อหน้าพระพุทธเจ้าก็จะไม่มีโอกาสได้ยินถ้อยธรรมเพื่อปัญญาอะไรๆ เพราะมิจฉาทิฏฐิบดบังขวางกั้นเสียแล้ว นี้คือกับดักในสังสารวัฏที่น่ากลัว..พึงทราบ..

ก็เมื่อท่านทำความดีอยู่ ท่านย่อมทราบความที่ตนเป็นคนดีอยู่ด้วยอาการนั้น..แม้คนอื่นไม่ทราบก็ไม่เป็นไร เพราะเอาเข้าจริงในเวลาตายนั้นถ้าตนเข้าถึงความหลงคิดไม่ได้ ไม่ทราบเลยว่าตนเคยทำดีอะไรมา แม้คนอื่นค่อนโลกทราบ ท่านเท่านั้นจะไปปรากฏในคติที่เหมาะควรแก่ผู้"หลงทำกาละ"...

ท่านอย่าได้น้อยใจเลยว่าที่ทำดีไปแล้วใครๆำไม่เห็น เพราะปัจจัยบางอย่างที่ท่านเคยทำไว้มันมีอยู่ จึงมาขวางกั้นการเห็นของใครๆเสีย...อีกประการหนึ่ง ที่ท่านสำคัญว่าท่านทำดีนั้น ท่านแน่ใจหรือว่าเป็น"ความดี"ที่แท้จริง...บางทีทำเช่นนั้นด้วยอำนาจโลภบ้าง กลัวบ้าง หลงบ้าง เหล่านี้ เรียกว่าทำด้วยอำนาจบงการครอบงำของกิเลส ..เป็นความดีปลอมปน ผลที่ใหนจะมาส่งในเร็ววันเล่า ?..ลองตรวจดูว่าการทำดีของเรานั้นเป็นความดีจริงหรือเปล่า หรือเป็นความดีแลกเปลี่ยน?.....

ขอส่งกำลังใจมายังท่าน coptha..ขอให้ท่านประสบสิ่งดีๆสมปรารถนาในสิ่งกุศลทั้งปวงโดยรวดเร็วนะครับ

 

วันนี้ผมเจอเรื่องไม่น่าเชื่อกับตัวเองแล้วว่า ความดีที่ผมทำมา ได้ส่งผลให้ผมเจอสิ่งที่ดีในวันนี้ ขอบคุณครับ คำชี้แนะต่าง ๆ เว็บแห่งนี้ประเสริฐจริง ๆ สำหรับผู้ปฎิบัติธรรม ขอให้ทุกท่านมีแต่ความสุข สมหวังทุกประการ สาธุ