คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม ประสบการณ์พระพุทโธน้อยและของอธิษฐาน

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย st-antique, 27 เมษายน 2012.

  1. st-antique

    st-antique ขอบารมีคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม เป็นที่พึ่ง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    18,851
    ค่าพลัง:
    +84,199
    "แผ่นทองอธิษฐาน" คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม


    <a href="http://image.ohozaa.com/view2/xfX4NBZd1jZezZ5L" target="_blank"><img border="0" src="http://image.ohozaa.com/i/e96/jiYxyX.JPG" /></a>

    มีความศักดิ์สิทธิ์มาก ประจุลงหน้าผากเด็กเล็ก ลูกหลาน จะช่วยให้สมองดีเรียนหนังสือเก่งและป้องกันอันตรายได้ตลอดไป ผู้ใหญ่ประจุลงหน้าผากก็จะคุ้มครองป้องกันภัยตลอดไปเช่นกันครับ ปิดลงตู้เซฟเป็นมงคลแก่คลังเงินของบ้าน ปิดหน้าประตูบ้าน เพื่อความเป็นสิริมงคลของบ้านครับ หลายท่านอาจจะคิดว่าแผ่นทองนี้หาง่าย แต่แท้จริงแล้วไม่ได้หากันง่ายๆนะครับ เพราะการเก็บรักษาค่อนข้างยาก และเท่าที่รู้มาหลายบ้านที่มีก็นำมาปิดบูชาของอธิษฐานต่างๆไปเกือบหมดแล้วครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 ธันวาคม 2013
  2. st-antique

    st-antique ขอบารมีคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม เป็นที่พึ่ง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    18,851
    ค่าพลัง:
    +84,199

    อดใจรอสักหน่อยนะครับ พรุ่งนี้จะเรียบเรียงมาลงให้ทุกท่านได้อ่านกันอย่างแน่นอนครับ ^^
     
  3. st-antique

    st-antique ขอบารมีคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม เป็นที่พึ่ง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    18,851
    ค่าพลัง:
    +84,199
    ขออนุญาตพักผ่อนก่อนนะครับ คืนนี้ขอให้ทุกท่านนอนหลับฝันดี ขอบารมีคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม คุ้มครองรักษาให้แคล้วคลาดจากภยันตรายทั้งปวง นอนหลับให้ได้เงินหมื่น นอนตื่นให้ได้เงินแสนเงินล้าน จะประกอบกิจการงานใดก็ให้สำเร็จเป็นเศรษฐีทุกท่านเทอญ



    sleeping_rbsleeping_rbsleeping_rbsleeping_rb


    sleeping_rbsleeping_rbsleeping_rbsleeping_rbsleeping_rb​
     
  4. st-antique

    st-antique ขอบารมีคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม เป็นที่พึ่ง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    18,851
    ค่าพลัง:
    +84,199
    กราบคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม ที่เคารพยิ่ง
    สวัสดีครับลูกหลานและศานุศิษย์คุณแม่ฯทุกท่าน


    วันนี้ศุกร์หรรษาอีกแล้ว พรุ่งนี้หลายท่านก็จะได้หยุดพักผ่อน หลายท่านอาจจะต้องทำงานต่อ อย่างไรก็ตามขอให้ทุกท่านได้มีความสุขกับการทำงานตลอดวันนี้ก็แล้วกันครับ ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อยรักษาสุขภาพด้วยนะครับ ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ดื่มน้ำสะอาดมากๆ ออกกำลังกายอย่างน้อย 3 วันต่อสัปดาห์ พักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อสุภาพที่ดีและห่างไกลโรคภัยต่างๆครับ ^^
     
  5. st-antique

    st-antique ขอบารมีคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม เป็นที่พึ่ง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    18,851
    ค่าพลัง:
    +84,199


    สวัสดีครับน้องไชยยันต์ ^^
     
  6. kengeg

    kengeg เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กันยายน 2009
    โพสต์:
    1,735
    ค่าพลัง:
    +7,227
    กราบคุณแม่บุญเรือน

    สวัสดียามเช้าพี่st-antiqueและทุกๆท่านครับ
     
  7. st-antique

    st-antique ขอบารมีคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม เป็นที่พึ่ง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    18,851
    ค่าพลัง:
    +84,199

    สวัสดีครับน้อง kengeg ^^
     
  8. rungaran

    rungaran เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    15,573
    ค่าพลัง:
    +57,321
    ***มารับพรครับ
    และ สวัสดีครับ ทุกๆท่าน รวย รวย รวย***
     
  9. ลูกน้ำเค็ม

    ลูกน้ำเค็ม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    3,022
    ค่าพลัง:
    +14,548
    กราบคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม ครับ

    สวัสดีครับคุณเชษฐ์ และ สวัสดีลูกหลานคุณแม่ทุก ๆ ท่านด้วยครับ
     
  10. rungaran

    rungaran เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    15,573
    ค่าพลัง:
    +57,321
    ***อนุโมทนาครับ***
     
  11. st-antique

    st-antique ขอบารมีคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม เป็นที่พึ่ง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    18,851
    ค่าพลัง:
    +84,199


    สวัสดีครับพี่รุ่ง ^^
     
  12. st-antique

    st-antique ขอบารมีคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม เป็นที่พึ่ง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    18,851
    ค่าพลัง:
    +84,199

    สวัสดีครับพี่เล็ก ^^



    catt7catt7catt7catt7catt7
     
  13. therock1977

    therock1977 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    261
    ค่าพลัง:
    +1,258
    มีวิธีประจุหรือเปล่าครับครับ พี่เชษฐ์
     
  14. st-antique

    st-antique ขอบารมีคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม เป็นที่พึ่ง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    18,851
    ค่าพลัง:
    +84,199

    อยู่หน้าต้นๆครับ เดี๋ยวจะนำมาลงให้อีกครั้งครับ ^^
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 ธันวาคม 2013
  15. st-antique

    st-antique ขอบารมีคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม เป็นที่พึ่ง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    18,851
    ค่าพลัง:
    +84,199
    วิธีประจุทองคำเปลวศักดิ์สิทธิ์เข้าหน้าผากของคุณแม่



    <a href="http://image.ohozaa.com/view2/xfX4NBZd1jZezZ5L" target="_blank"><img border="0" src="http://image.ohozaa.com/i/e96/jiYxyX.JPG" /></a>



    วิธี ใช้ทองใบติดที่ตรงหน้าผากแล้วให้ว่าดังนี้ บอกว่า ยายหมอบุญเรือนประจุให้ อิมังประจุทรามิ ทุติยัมปิ อิมังประจุทรามิ ตะติยัมปิ อิมังประจุทรามิ แล้วก็บอกว่า ทองที่ศักดิ์สิทธิ์ของยายหมอบุญเรือน ให้อยู่ในตัวหนูตลอดชาติ ใช้มือถือแผ่นกระดาษ สั่งบอกว่า ให้ทองศักดิ์สิทธิ์เข้ามาในตัวเรา โดยใช้แผ่นกระดาษถูไปถูมาที่หน้า ทองก็เข้าไปอยู่ในหน้าเอง ทองจะป้องกันตัวได้ สมองดี เรียนเก่ง

    หมายเหตุ ทองคำเปลวอธิษฐาน วัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้ประจุมีปัญญา สามารถในการศึกษาเล่าเรียน และป้องกันภัยอันตรายต่างๆ
     
  16. st-antique

    st-antique ขอบารมีคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม เป็นที่พึ่ง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    18,851
    ค่าพลัง:
    +84,199
    คำสั่งสอนเรื่องแนวทางปฏิบัติธรรม โดย
    คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม



    สาธุชนพุทธบริษัทจะปฏิบัติให้หลุดพ้น ต้องรักษาตนของตนให้อยู่ในธรรมของคนดีต้องกตัญญูกตเวทีต่อผู้ที่มีพระคุณ จะต้องซื่อตรงต่อคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ทำลายผู้ที่มีคุณไม่ทำลายมิตร ไม่ทำลายความจริงของตน เมื่อได้ลั่นวาจาไปแล้วต้องเป็นความจริงเสมอ แม้แต่จะตายลงไปก็ยอมตาย ดีกว่าเสียคำพูด ต้องมั่นอย่างนี้จึงจะพ้นทุกข์ได้จะทำสิ่งใดก็ต้องใคร่ครวญก่อน จะพูดสิ่งไรก็ยับยั้งชั่งใจแน่วแน่ด้วยมีสติ สัมปชัญญะ จึงค่อยพูดค่อยทำ ไม่ทำลายมิตรนั้น ไม่หมายถึงมิตรสหาย แม้แต่ผู้ที่รู้จักคุ้นเคยกัน ก็นับเข้าในมิตรภาพ คือผู้ที่มีคุณทั้งนั้น เช่น เขาติเตือนเรา เราต้องรู้สติยับยั้งว่า เราคงจะบกพร่องแน่ อย่าด่วนโกรธ ถ้าว่าโกรธทีไร ใจเราก็เศร้าหมอง ถ้าเราไม่โกรธและไม่ยึดในถ้อยคำนั้น เข้ามาเป็นอารมณ์แล้ว ใจก็ผ่องแผ้วก็จำอารมณ์นั้นไว้ ถ้าชนะทีไรก็เรียกว่ามีธรรมของคนดีประจำตนที่นี่ความดีก็มากขึ้นทุกที ต้องรักษาธรรมของคนดีไว้ให้มั่น จนกระทั่งจิตแน่วแน่เป็นอุเบกขาของชาวบ้านก็ยังดี เพราะไม่มีความหวั่นไหวในโลกธรรมทั้งแปดประการ อย่าเชื่อกิเลสมารที่เข้ามาสิงอยู่ในใจ พยายามตรวจใจดูอยู่ทุกวัน ว่าวันนี้เผลอไปทางชอบไม่ชอบหรือเปล่า ถ้าใจเผลอไปกี่ครั้ง ก็บันทึกไว้ในใจ ว่าในเวลานี้เป็นต้นไปเราจะไม่ประมาทอีกแล้ว จะรักษาจิตไม่ให้ฟุ้งซ่านเพื่อป้องกันความคิดนึกที่ผิดทางหรือคิดเดาเอาเอง ถ้าจะไปเดาเรื่องของคนอื่นก็ให้สอนตัวเองว่าไม่ใช่เรื่องของเรา ตกเข้าในความประมาทแล้วอาจจะเดาผิดก็ได้ ระลึกเท่านี้ใจก็จะหยุดทันที เราต้องรู้ว่าจะลำทายมิตรที่ดี คือธรรมที่มีในตน เพราะธรรมรักษาตนเป็นสุขดีแล้ว ทำไมจะไม่ชอบหรือ เราต้องชอบธรรมที่รักษาเราซี ทำไมเราจะไปคบคนพาลเป็นมิตรเล่า ถ้าคบคนพาลเข้ามาแนบสนิทก็จะทำให้จิตเศร้าหมองชั่งน้ำหนักของใจดูว่ามีอยู่สองทาง ทางหนึ่งตกนรก ใจเดือดเหมือนตกกระทะทองแดง ทางหนึ่งเหมือนกับขึ้นสวรรค์ทั้งเป็น ใจจะชอบทางไหนเมื่อใจชอบทางดีก็เร่งปฏิบัติธรรมของคนดีไปพลางก่อน จนกว่าจะมั่นไม่คลอนแคลน ดูแต่พระวิฑูรย์เถิด เมื่อครั้งพระเจ้าธนัญชัยโกรพยราชแพ้พนันสกา กับปุณณกะยักษ์ รักษาสัจจะไว้ เพื่อไม่ให้ผู้มีพระคุณได้เสียวาจา อุตส่าห์ไปกับปุณณกะยักษ์ ปุณณกะยักษ์ทรมานสักเท่าไรก็มีขันติอดทน ไม่โกรธตอบ แสดงธรรมโดยกาล จนกระทั่งปุณณกะยักษ์ละพยศอันร้ายได้ เพราะปุณณกะยักษ์มีธรรมของคนดีอยู่ในใจ เพราะกลัวจะเป็นคนไม่ดี เพียงพระวิฑูรย์แสดงธรรมสี่ข้อเท่านั้น ปุณณกะยักษ์ก็กลับใจได้ทันที จะพาพระวิฑูรย์ไปส่งยังอินทปัตตนคร พระวิฑูรย์ก็ไม่ยอมไปเมืองนั้น ให้ปุณณกะยักษ์พาไปเมืองนาค แสดงธรรมโปรดนางวิมาลาสมปรารถนาของนาง ตรงนี้เป็นความฉลาดของพระวิฑูรย์ที่รู้เท่าเหตุ นางวิมาลาอยากจะกินหัวใจพระวิฑูรย์ก็ทูลพญานาค พญานาคเข้าใจว่าจะเอาหัวใจจริงๆ ก็บอกกับปุณณกะยักษ์ ปุณณกะยักษ์ก็เขลาว่าจะฆ่าพระวิฑูรย์เอาหัวใจ เล่าให้พระวิฑูรย์ฟัง พระวิฑูรย์เข้าใจถ้อยคำของนางวิมาลาว่านางจะดื่มรสพระธรรม เพราะฉะนั้นการฟังแล้วไตร่ตรองด้วยปัญญา ก็อาจจะได้ผลทุกคนเราจะฟังอะไร ก็ให้น้อมมาเป็นสาระของตนได้ เช่นนั่งอยู่ที่บ้านเราได้ยินเสียงรถเอ็ดๆ เราก็สอนเราว่า เสียงของรถต่างหาก เพราะคนโลภเขาต้องการปัจจัยและค่าครองชีพเขาจึงอยู่ได้ เราก็ต้องอาศัยเขาเหมือน กัน ถ้าไม่มีรถแล้วคนที่จะมาสวดมนต์ไหว้พระก็มายาก เพราะทางโลกก็ต้องพึ่งทางธรรม ทางธรรมก็ต้องพึ่งโลก ถ้าไม่มีคนโลภแล้วจะไปสอนใคร ก็ต้องอาศัยคนที่มีความโลภโกรธหลง ถ้าเขาไม่โลภโกรธหลง เราจะกินอะไรเพราะฉะนั้นจึงควรสรรเสริญและให้พรเขา ให้เขาเจริญยิ่งๆ ขึ้นไป ถ้าเขามั่งมีเป็นเศรษฐี เรามีธุระอะไรก็พอจะพึ่งเขาได้ ดูแต่วันอาทิตย์ที่ ๒๘กันยายน นางบุญเรือนบอกว่า ทองที่กาไหล่พระไม่พอ เขาก็พากันเสียสละตามมี ได้ถึง ๑๒,๒๓๙ บาท เพียงเวลาไม่กี่ชั่วโมงก็ได้มากถึงปานนั้น เพราะฉะนั้น จึงได้เรียบเรียงไว้เป็นที่ระลึกและสอนตนว่า คนอื่นก็ต้องการรวยมีเป็นเศรษฐีแล้ว การเดินทางไปต่างจังหวัด ไม่เหมือนกับการปฏิบัติธรรม เพราะการเดินทางต้องหอบสัมภาระหลายอย่างไปด้วย แต่การเดินทางเข้าหาธรรมนั้น เพียงแต่มองที่จิตของตนว่าจะดำเนินตรงตามทางมรรคหรือไม่ เพราะว่าอารมณ์ซึ่งเป็นมารยาได้เข้ามาแทรกซึมอยู่ในใจ คอยจะกีดกันไม่ให้เดินทางตรง ซึ่งควรจะถึงเร็วก็กลายเป็นถึงช้า เพราะไปมองทางอื่นเสียมาก เช่นเพ่งดูอากาศบ้าง มองแก้วบ้าง ดูดวงอาทิตย์บ้าง ไม่ได้ดูที่ใจของเรา ไปดูข้างนอกเป็นเหตุให้ติดอารมณ์หรือสีต่างๆ เช่น กสิณเป็นต้น ทำให้วกวนห่วงนั่นห่วงนี่ ว่าคนนั้นเขาได้ตาทิพย์ล่ะ หูทิพย์ล่ะที่แท้ก็ตกอยู่ในความหลงทั้งสิ้น ผู้ปฏิบัติควรจะมองดูที่ใจของตนเท่านั้นว่า สิ้นอยากแล้วหรือยัง ถ้ายังมีอยากจะเห็นโน่นเห็นนี่ ก็ไม่ใช่วิสัยของผู้ปฏิบัติที่จะไปต้องการ ถ้าไปติดเข้าก็จะเกิดล่าช้า เพราะการเดินทางเข้าสู่ธรรมนั้น มีหลายขั้นหลายอย่างควรจะเลือกเอาอย่างเดียว คือละกิเลสอย่างหยาบ อย่างกลาง อย่างละเอียด อย่างหยาบคือโกรธ โลภ หลง อย่างที่ท่านเคยรู้กันมาแล้ว อย่างกลางคือ ความอยากจะไปนิพพาน หรืออยากจะพ้นทุกข์หรืออยากจะทำความดี ส่วนอย่างละเอียด หรืออุเบกขาที่เจือไปด้วยเมตตา ข้อนี้สำคัญมากเพราะการเมตตาเป็นบ่อเกิดแห่งความรัก ขั้นต้นก็เมตตาไปก่อน แต่แล้วจะค่อยๆ ถูกบ่วงของมารเหนี่ยวรั้งจึงต้องปฏิบัติต่อไป ผู้ปฏิบัติจะต้องการเป็นเศรษฐีมหาศาล ก็ให้เร่งรีบดูในตนของตน ว่ามีอริยทรัพย์สมบริบูรณ์หรือยัง เมื่อมีอริยทรัพย์สมบูรณ์ก็ให้พิจารณาว่าร่างกายของเรานี้ หมดจดจากบาปหรือยัง ไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักทรัพย์ไม่ทำเมถุนธรรมบริสุทธิ์หรือยัง ถ้ายังไม่บริสุทธิ์ก็ให้เพียรสังวรระวังในเรื่องของโลกที่เข้ามายั่ว ทางหูก็ดี ทางตาก็ดี เมื่อสำรวมได้ทั้งห้าอย่างแล้ว ก็ให้ดูภายในว่ามีเวทนา ถ้าใจยังมีเวทนาอยู่ ก็ให้ตรวจดูว่า นี้เวทนาเกิดขึ้นทางกาย ทำไมใจไปยึดว่ากายเป็นของตนเล่า กายนี้เป็นที่พึ่งอาศัย ถ้ากายปกติอยู่ ก็เหมือนกับบ้านซึ่งปลูกใหม่ ยังไม่ทรุดโทรม ก็ไม่ต้องซ่อม ผู้อาศัยก็อยู่สบาย การที่ไม่มีเวทนาใจก็สบาย กายเกิดเวทนาขึ้น ทำไมใจไม่ใช้ทรัพย์ที่มีอยู่ซ่อมแซมเล่า ทรัพย์นั้นคือศรัทธามั่นในคุณพระรัตนตรัยและเชื่อตามแล้วว่ากรรมเป็นของๆ ตน กรรมจำแนกแจกสัตว์ให้ประณีตหรือเลวทรามก็ได้ เรานี้ได้กายที่ประณีตไม่เลวทราม แต่ไม่ใช่ของเราเป็นของกรรมต่างหาก กรรมเป็นทายาทมาปฏิบัติเราแล้ว เรารู้แล้วว่ากรรมเป็นของตน เราจะต้องใช้กรรมให้สิ้นไป ถึงรูปจะแตกสลายไปเราก็รู้ไม่ใช่ของเรา เหตุไฉนเล่าเราจึงไปยึดเอาเวทนาเป็นของใจเล่า ใจเห็นผิดเสียแล้ว พระพุทธเจ้าบอกว่าอนิจจังไม่เที่ยง เพราะฉะนั้นเราต้องเห็นว่า สังขารทั้งหลายทั้งปวงก็ย่อมไม่เที่ยง มองเข้าไปที่เวทนาอีกครั้งว่า อ้อ เวทนานี้เราไปยึดเข้าแล้ว เราจะแก้ของไม่เที่ยงให้เป็นของเที่ยงได้อย่างไร พอเห็นชัดว่ารูปไม่เที่ยง ก็จะเพิกสังขารเสีย ให้ปล่อยไปตามสภาวะอาศัยอยู่ได้ ก็อาศัยไป อาศัยไม่ได้ก็เลิกกัน จะหมดสัญญาเช่าก็เลิกกัน แต่อย่าคิดเหมือนย้ายบ้านให้ธรรมบันดาลเอง ทั้งทุกขเวทนาก็ปล่อยวางได้แล้ว เวทนาดับไปจากใจ ใจก็ได้เสวยความสุขอีก อ้อ สุขนี่ก็ไม่จริง ถ้าเราขืนนิ่งนอนใจ รักความสุขอีก ไม่เกินกว่าร้อยปีเราตายไปแล้ว ก็จะต้องเกิดอีก เกิดอีกมีทุกข์อีก เพราะฉะนั้นความสุขนี้ก็ไม่ใช่ของเรา เราไปยึดเอาความสุขเข้าอีกแล้ว อุเบกขาเสีย พออุเบกขาใจก็สำคัญว่า ที่เราไม่ยินดีในสุขในทุกข์นี้ สบายจังไม่เกี่ยวข้องกับใคร อุเบกขานี้เราก็ได้ทำขึ้นมาอีกและทำเองเพื่อความสุขอย่างยิ่งของเรา จะเรียกว่าสุขก็ไม่ใช่ จะเรียกว่าทุกข์ก็ไม่ใช่ ต้องจัดว่า อทุกขมสุข อทุกขมสุขนี้ เราจะอยู่ได้หรือ ทั้งปีทั้งชาติเพราะมันแนบอยู่กับสภาวะความหมุนเวียน เราต้องพิจารณาดูว่ามีปัญญาอยู่ในองค์อุเบกขาหรือเปล่า ถ้ามีปัญญาอยู่ในองค์อุเบกขาแล้ว จะมองดูรูปก็เห็นว่าไม่เที่ยง เป็นอนัตตาที่เดียว เห็นเลยไปว่า เป็นดินเป็นเถ้าไม่มีสาระอะไร เห็นตลอดปลอดโปร่ง เราเห็นเองหรือนี่หรือใครชี้ให้เห็น ก็จะรู้ได้ทันทีว่า กุสลาธัมมา ธรรมจำกัดให้เรารู้เรื่องของธรรมต่างหาก ถ้าเราอวดรู้ว่าเรารู้เอง อันนี้ก็เป็นเรารู้เพราะเอาเราเข้าไปใส่ให้อีกแล้ววนไปวนมา ที่พระท่านว่า โอ้ โลมปฏิโลมญาณอย่างไรเล่า เพื่อจะค้นดูองค์อุเบกขาญาณทัสสนะให้ได้ ถ้าถึงบางอ้อเมื่อไร ก็ให้รู้เถอะว่า อ้อเรารู้ก็ยังเหลว การรู้นั้นต้องด้วยปล่อยวางอย่าอยากรู้ ถ้าอยากรู้กิเลสก็เกิดขึ้นมาอีกแล้ว ถ้าไม่อยากรู้ก็ทิฏฐิ มันต้องไม่มีอะไรจะอยากคือไม่ยึดนั่น เอง ถ้าปล่อยวาง ปล่อยใหญ่ ขาดอธิวาสนขันติไปแล้ว สิ่งที่ได้ก็กลายเป็นได้เลื่อนลอยไม่ได้ของจริงคือพุทธคุณนั่นเอง สำหรับพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ เข้ามาประทับที่ใจสมมติแล้ว จะได้รู้ว่า เรื่องของสมมุติทั้งนั้น เมื่อไม่ยึด สมมุติก็ดับไปตามสภาวะจะรู้ได้เฉพาะตน เมื่อรู้ได้เฉพาะตนแล้ว เป็นปัจจัตตัง เปรียบเหมือนต้นไม้ใหญ่ ท่านทั้งหลายมีเจตนาจะพึ่ง จึงเป็นเสมือนเอาเชือกมาผูกพันไว้มากมาย ถ้าว่าไปติดเข้าเมื่อไร ห่วงนั้นก็ต้องมากเข้าอาจจะพังลงไปในแม่น้ำได้ เพราะกายยังมี แต่ถ้าผู้ปฏิบัติรู้วิธีมองตนของตนอยู่เสมอว่าเกิดรักขึ้นบ้างไหมในการเมตตา หรืออุเบกขาติดอยู่ ต้องตรวจดูเพราะอยู่ในโลกซึ่งเต็มไปด้วยสิ่งโสโครก แต่ส่วนธรรมของพระพุทธเจ้าอยู่เหนือโลก แต่ก็ต้องอาศัยกัน คล้ายกับของซึ่งทรงตัวอยู่ได้ก็ยังมีอานุภาพ ถ้าว่าศิลาที่ติดอยู่กับพื้นโลกก็อาจจะพังได้ เพราะธรรมชาติของมันเต็มไปด้วยคร่ำคร่าซึ่งคอยจะส่งกลิ่น หรือเศร้าหมองขึ้น มาทางใจได้ เพราะว่าผู้ที่อาศัยสังขารอยู่นั้น ยังไม่จัดว่าเหนือโลกไปทีเดียว เพราะเอาสมมติมาทับวิมุติไว้ จึงไม่มีใครทราบในอาการกิริยาของธรรม ที่บุคคลจะเห็นได้เฉพาะตัว ถ้าสิ้นคิดเมื่อไร ก็เหนือได้เมื่อนั้น การที่จะสิ้นคิดนั้นจะต้องทำจิตให้ผ่องแผ้วเหมือนกับไม่มีอะไรคิดแล้วจะรู้ได้เอง แต่ก่อนจะรู้นั้น พวกเราก็ได้ปฏิบัติกันมาแล้ว รู้ต่ำก็ไม่ใช่ รู้สูงก็ไม่ใช่ รู้กลางๆ ก็ไม่ใช่ มันต้องสารพัดรู้ คล้ายกับมีตารอบตัว หรือเรียกว่ารู้ทุกด้าน แม้แต่จะประกอบกิจการอะไรก็ตาม เหมือนกับข้ามโลกได้ ที่เรียกว่าข้ามโอฆะ คือเคยโลภก็ไม่โลภ เคยโกรธก็ไม่โกรธ เคยหลงก็ไม่หลง กิเลสทั้งหลายเช่นทิฏฐิ อวิชชา ตัณหาและอุปาทานเป็นแดนเก่าหรือโลกเก่าที่เราเคยอยู่กันมานาน เมื่อเราละโลกเก่า มันก็เป็นเหมือนอยู่โลกใหม่ คือโลกที่เป็นแดนเกษมเป็นโลกที่ปราศจากกิเลสสิ้นเชิง แม้จะยังมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ แต่โลกนี้ก็ไม่อาจกระทบใจให้เกิดกิเลสได้ เพราะผู้ที่หลุดพ้นแล้ว แต่ยังอาศัยสมมุติอยู่นั้น เป็นเหมือนศิลาลอยหรือที่เรียกว่าเหนือโลก จะมองดูให้เห็นง่าย ก็จะเป็นเสมือนเรือบินที่ลอยอยู่บนอากาศ ไม่ทอดสมอและก็ไม่ถึงที่สุดของสวรรค์ แต่แล้วก็พาคนโดยสารไปส่งได้ถึงที่ ไม่มีอะไรจะไปคล้องหรือเกี่ยวได้ เพราะเหนือพื้นโลกแล้วไม่ต้องเดิน และจะมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยอนุเคราะห์บันดาลให้ทั้งสิ้น สมมุติว่าต้องการทราบเหตุการณ์อะไร ก็ไม่ต้องไปดูที่ไหน ดูที่โลกเราเห็นทั้งหมด เหมือนกับกังหันของกรมอุตุนิยมวิทยา จะรู้ได้ด้วยการมองที่เครื่องหมาย ไม่ต้องขึ้นไปมองบนโน้น ก็เปรียบเหมือนผู้ปฏิบัติ ไม่ต้องมองที่อื่นมองที่ใจอย่างเดียวเป็นพอ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 ธันวาคม 2013
  17. st-antique

    st-antique ขอบารมีคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม เป็นที่พึ่ง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    18,851
    ค่าพลัง:
    +84,199
    คำสั่งสอนเรื่องการปฏิบัติธรรม

    กลางคืน วันที่ ๒๐ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๐๔

    นั่งเห็นภาพคนทำนา และถอนกล้ามาล้างแล้วมัด การมัดกล้านั้นเขาต้องกระทุ้งให้เรียบเสียก่อนแล้วมัดเป็นกำๆ แล้วเขาก็ตัดใบทิ้งเล็กน้อย เขาก็นำไปดำลงในน้ำ การดำข้าวกล้านั้น เขาถอยหลังเดินไปพลางแล้วก็ดำไปพลาง ตรงนี้ธรรมบอกว่า การปฏิบัติธรรมนั้น จะต้องทำเทือก เก็บหญ้าให้เรียบร้อย แล้วเขาก็หว่านข้าวงอกลงไปในโคลนนั้น ข้าวกล้าก็ขึ้นมาเป็นปึกคล้ายๆ ต้นหญ้าเล็กๆ แล้วเขาก็ถอนมาล้างดังกล่าวแล้ว ตอนนี้ธรรมบอกว่า ต้องตัดใบซึ่งเป็นฝอยทิ้งเล็กน้อย แล้วก็นำมาดำ เทียบเท่ากับการตัดกิเลสละเอียดได้แล้ว ก็ดำเนินตามธรรมะต่อไปแต่ต้องถอยหลังเดิน การปฏิบัติธรรมก็เหมือนกัน ถ้าไม่ถอยหลังก็เหยียบข้าวที่ดำลงแล้ว พอข้าวออกรวง เขาก็ไปตัดข้าวเป็นกำๆ แล้วเขาก็มัดอีก แต่ไม่มัดอย่างเก่า เขาใช้ต้นข้าวมัด ต่างกับมัดข้าวกล้า เพราะว่ามัดข้าวกล้านั้นเขาใช้ตอกมัด การมัดข้าวที่สุกแล้ว เขาใช้ต้นข้าวมัด ต่างกันดังนี้ การตัดข้าวแล้วเหลือแต่ต้นเดิม เขาเรียกว่าซังข้าวหรือต้นเดิม ถึงจะนำมาต่อก็ติดกันไม่ได้ เพราะว่าข้าวที่ตัดแล้ว เขาก็เก็บเอาไปใส่ลานสำหรับนวดข้าวแต่ต้องใช้ควายย่ำ จึงได้เมล็ดข้าว บางแห่งเขาใช้ฟาดเอา มีบันไดวางไว้ คือไม้เราดีๆ สำหรับรองรับที่ฟาด จึงได้เมล็ดข้าวไว้ทำพันธ์ต่อไป เทียบเท่ากับการปฏิบัติธรรม เมื่อต้องการมรรคผล ก็ต้องฟาดเต็มที่ จึงจะได้พันธ์ที่ดีไว้ ส่วนข้าวที่ทำพันธ์ไม่ได้เขาก็คัดออกทิ้งไป ผู้ปฏิบัติธรรมก็เช่นกัน ต้องคัดเลือกสิ่งที่เป็นธรรมล้วนๆ ถ้ามีกิเลสปน ก็เหมือนมีข้าวลีบปน เพราะฉะนั้นพระอรหันต์ทั้งหลาย ท่านรู้จักคัดเลือก สิ่งที่ควรปฏิบัตินำมาสอนพุทธบริษัททั้งหลายให้รู้ธรรมตามท่าน จึงจะชอบ
     
  18. st-antique

    st-antique ขอบารมีคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม เป็นที่พึ่ง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    18,851
    ค่าพลัง:
    +84,199
    คำอธิษฐานธรรม ประจุธรรมในพระพุทโธให้ศักดิ์สิทธิ์

    วันที่ ๑๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๐๐


    ข้าพเจ้าได้นำพระพุทธปฏิมากร คือเป็นพระรูปของพระสมณโคดม คือพระพุทธเจ้าในศาสนาพุทธ ตั้งแต่ปฐมศาสนาต่อมาถึงสมัยปัจจุบันนี้ ข้าพเจ้าทั้งหลายมีศรัทธาที่จะทำพุทธบูชาแด่องค์พระพุทโธที่ศักดิ์สิทธิ์ ขอธรรมทั้งหลายจงสถิตย์ ณ พระรูปของพระพุทธองค์ที่นำมาตั้งไว้ ณ บ้านสันติธรรมพิทักษ์ ซึ่งมียี่ห้อของนางบุญเรือนว่าสูนเฮงนี้ต่อไป ในเคารพที่สองนี้ เป็นวันสำคัญ คือตั้งแต่คืนวันนี้ นางบุญเรือนจะประจุธรรมให้ ขอให้ธรรมทั้งหลายที่สถิตย์ ณ พระพุทโธให้ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดสำหรับข้าพเจ้าและตระกูลของข้าพเจ้า จะได้นมัสการกันต่อๆ ไป

    ขอให้เทพยเจ้าทั้งหลายจงอนุโมทนาและให้พรแก่ข้าพเจ้าด้วย เพราะว่าพระอิศวรผู้เป็นใหญ่ในหมู่เทพยดา ได้มีบัญชาให้ไปถอนธรรมที่พระพุทโธใหญ่จอมมุนีมาให้ ข้าพเจ้าจึงได้พระศักดิ์สิทธิ์สมความปรารถนา ช่วยให้ข้ามีความสุขความเจริญยิ่งใหญ่ไพศาล เพราะได้พระราชทานพระพรชัยแด่พระคุณเจ้าทั้งหลาย ที่ให้พรในวันนี้และพรุ่งนี้ ขอพรนั้นจงศักดิ์สิทธิ์เหมือนกับพรของพระพุทธเจ้าทีเดียว ขอเดชะพระคุณของพระพุทธเจ้าจงเข้าไปอยู่ในองค์พระพุทโธ ไม่เสื่อมคลาย จนกว่าศาสนาของสมณโคดมจะครบถ้วนห้าพันพระวสา ข้าพเจ้าขอให้ธรรมของพระบรมศาสดาจงประทับอยู่ดังข้าพเจ้าขอมานี้ นางบุญเรือนจะเป็นผู้ประจุให้ หรืออธิษฐานใดๆ ก็ให้สำเร็จผลตามประสงค์ของข้าพเจ้า

    ขอให้พระพุทโธคราวนี้ศักดิ์สิทธิ์มีฤทธิ์อำนาจแทนพระพุทธองค์ทีเดียว ให้พระราชทานพรได้ทุกชนิดเมื่อข้าพเจ้าต้องการขอ ถ้าข้าพเจ้าทั้งหลายได้มีไว้ประจำบ้าน ได้นมัสการ ขอให้มีแต่ความเจริญ



    บุญเรือน โตงบุญเติม
     
  19. st-antique

    st-antique ขอบารมีคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม เป็นที่พึ่ง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    18,851
    ค่าพลัง:
    +84,199

    เนื้อหาด้านบนนี้เป็น บันทึกการอธิษฐานธรรมประจุลง "พระพุทโธกลาง" พระบูชาประจำบ้าน แต่มีบางคนที่มีความเข้าใจคลาดเคลื่อนหรืออาจจะพิจารณาไม่ดี เลยเข้าใจผิดเพี้ยนแล้วนำมาสรุปว่าเป็นการอธิษฐานพระพุทโธน้อย ท่านใดที่ได้รับข้อมูลผิดๆมา ขอให้ท่านเข้าใจใหม่นะครับและต่อไปหากท่านพบเจอเนื้อหาความรู้ต่างๆที่มีการวิเคราะห์ด้วยความคิดเห็นของผู้เขียน ขอให้อ่านและพิจารณาให้อย่างถี่ถ้วนว่าที่เขียนลงนั้น น่าจะจริงเท็จประการใด อย่าด่วนเชื่อในความเห็นนั้นทันทีทันใดเพราะคนที่วิเคราะห์มาเขียนนั้นอาจจะผิดพลาดได้และถ้าคนอ่านไม่ได้พิจารณาให้ดีว่าเป็นจริงอย่างนั้นหรือไม่ก็เชื่อไปจะยิ่งทำให้รับรู้เข้าใจผิดๆไปอีก
     
  20. st-antique

    st-antique ขอบารมีคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม เป็นที่พึ่ง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    18,851
    ค่าพลัง:
    +84,199
    คำอธิษฐานธรรม อาบน้ำในห้อง เป็นเพลงฉ่อย

    เพลงอาบน้ำในห้อง

    วันที่ ๑๘ วันพุธ แรม ๑๐ ค่ำ เดือน ๑๐ ปีระกา พ.ศ. ๒๕๐๐​


    ดอกเอ๋ย เจ้าดอกอินทะนิล ได้พรพระอินทร์ "จุดใต้ตำตา" เปลี่ยนการปกครอง พวกเจ้าต้องนองน้ำตา

    ดอกเอ๋ย เจ้าดอกระกำ เห็นแก่ตาดำๆ จึงไม่ทำทรมา เขาให้เจ้าลาออก เจ้ากลับย้อนยอกไปมา เขาทำรัฐประหาร จึงต้องรำคาญถึงข้า ต้องถ่างตาอดนอนกลับร้อนเป็นเย็น

    ดอกเอ๋ย เจ้าดอกจำปี เพราะว่า "ทำหนี้" ไว้เกินค่า ชาวประชาร้อนใจ จึงต้องขับไล่เจ้า เหมือน "อีกา" เอ็งเอาหน้าไปไว้ไหน

    ดอกเอ๋ย เจ้าดอกแค เจ้าไม่แยแสฟังใคร ตั้งหน้าหาความสำราญ จึงต้องเปลี่ยนรัฐบาลชุดใหม่

    ดอกเอ๋ย เจ้าดอกพุดตาล ต่อไปจะสุขสำราญเพราะว่ารัฐบาลชุดใหม่ ขอให้เป็นคนดีตั้งแต่วันนี้ต่อไป เมืองไทยจะได้เป็นเมืองทอง ปกครอง "แบบประชาธิปไตย" อยู่ "ใต้ร่มของรัฐธรรมนูญ" เกื้อกูลกันไป ไม่แตกสามัคคี มันช่างดีเหลือใจ จะได้ไม่ต้องเป็น "หนี้" ตั้งแต่วันนี้ต่อไป

    ดอกเอ๋ย เจ้าดอกสารภี ตั้งแต่วันนี้จะมีแต่ความสุขใจ

    ดอกเอ๋ย เจ้าดอกผักหวาน อายุยืนนานไม่ต้องรำคาญหัวใจ

    ดอกเอ๋ย เจ้าดอกผักกาด เจ้ามีความฉลาด เจ้าจึงไม่ขาดวินัย ช่วยคนไทยให้รอดเป็น "หนี้" ตั้งแต่วันนี้ต่อไป คงจะได้วิไลทั่วหล้า ชาวประชาเย็นใจ

    ดอกเอ๋ย เจ้าดอกมะละกอ เจ้าไม่ย่อท้อทำมาหากิน อยู่ในถิ่นเมืองไทย เพราะเจ้าเป็นคนดี จึงมั่งมียกใหญ่?
     

แชร์หน้านี้

Loading...