ข้อความจาก กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)(ปิดกระทู้)

เพิ่งมีเวลาอ่านคับ ผมเองก็เคยเจอเรื่องการเดินทางที่สุดงง อยู่ครั้งนึง เมื่อประมาณ 2 ปีที่แล้ว ผมได้เดินทางไปทำงานช่วยพี่ชายที่หาดใหญ่ ไปพบลูกค้า ขับรถจากกรุงเทพ ไปเรื่อยออกสายแล้ว เพราะฉะนั้นมันจะมืดตรงบริเวณจ.สุราษฎธานี ก็ขับมาเรื่อยๆไม่ได้คิดอะไร ผ่านเข้ามา จ.นครศรีธรรมราช ก็เวลาเกือบ 4 ทุ่ม มืดมากๆ ขับมาเรื่อยๆเป็นทางตรง ซึ่งช่วงนั้นป้ายบอกทางหายไป ไม่เห็นเลยสักอัน ขับตรงเรื่อยแล้วกัน แต่สักพักใหญ่รู้สึกคุ้นๆตาว่า นี่เป็นทางไปพังงาแน่ๆ เพราะจำทิวเขาได้ โดนเข้าแล้ว นี่มันอะไร ขับรถเข้าทางเปลี่ยวทั้งๆที่เป็นทางหลวง แล้วเขาเปลี่ยวๆนี่มาจากไหน เพราะพังงาก็ไปบ่อยๆ จนกระทั่งเริ่มเอะใจทั้งผมและพี่ เริ่มใจเสียเพราะดึกมากแล้ว ผมก็เลยนิ่งเงียบแล้วขอให้สิ่งที่ผมนับถือช่วย ขับไปเรื่อยๆจนเริ่มเห็นแสงไฟ ปรากฏว่าเลยมาพังงาจิงๆ ทั้งๆที่ยังไม่ได้ผ่านสามแยก จ.นครศรีฯ แล้วเลี้ยวขวามาเลย(จิงๆแล้ว ต้องเลี่ยวซ้ายถึงจะไปหาดใหญ่) เลย วก รถกลับก็มาถึงสามแยกที่ควรต้องผ่านมาตั้งแต่แรก ก็พากันขนลุกไปชั่วขณะ เพราะผ่านจุดนี้ไปได้ยังไง เป็นไปไม่ได้ ตอนนั้นผมคิดว่าคงโดยอะไรสักอย่างแถวๆนั้น เล่นเอาเข้าแล้ว ตั้งแต่นั้นมาจะเลี่ยงเดินทางไกลตอนสายแล้ว ออกตอนเช้ามืดแทน

 

สวัสดีครับพี่สุดใจ
ผม รวิช ครับ
แวะมาสวัสดี

 

เรียนไรหรอครับมาบอกกันมั้งนะครับ แล้วทำไมภึงทุกข์หละครับ ^ ^

 

ดีครับ พี่ รวิช ผมก็มาทักทายครับ *-*และสวัสดีทุกคนด้วยครับ^-^

 

สวัสดีครับ
อย่าคิดว่าภาระหน้าที่เป็นทุกข์สิครับ
แยกการกระทำ กับตนเอง ออกจากกัน ทำตามหน้าที่ แต่อย่าไปยึดมั่นถือมั้น ก็จะไม่เกิดทุกข์

 

จานบิน...มาโปรด

นำพาให้ผู้พบเห็น
ค้นหา ความจริง
ค้นหา สัจจะธรรม
ค้นหา โลกุตตระธรรม
ค้นหา โลกุตตระ
อยู่ในเมืองไทย ... ที่ไม่มีใครสนใจมา ๔๐ ปี

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

สวัสดีครับ ..ผมเป็นสมาชิกใหม่ ...ได้อ่านเรื่องราวของกลุ่มเขากะลาแล้ว รู้สึก อึ้ง ทึ่ง มากเลยครับ ผมเป็นคนนครสวรรค์แท้ๆ อยู่ห่างจากเขากะลา ไม่ถึง 40 กม. แต่ไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อนเลย ....ตอนนี้ที่ศูนย์ฯที่เขากะลายังเปิดอยู่หรือเปล่าครับ---คนนอกเข้าได้หรือเปล่า---ผมอยากไปดูบ้าง ถ้าจะไป-ไปทางไหนครับ--อยากเห็นผู้มาเยือนจากนอกโลกบ้าง---

 

อยากถามคุณน้าสุดใจนะคะว่าภัยพิบัติใกล้เข้ามารึยัง ติดตามจากการรับมือกับภัยพิบัติว่า วันที่ 23 /12/2550
จะเกิดสึนามิทางภาคใต้ และอื่นๆที่คาดการณ์ไม่ได้กำลังตามมา
เป็นเช่นจริงๆรึป่าวคะ

 

คงกำหนดเวลาแน่นอนของการเกิดภัยภิบัติไม่ได้ครับ แต่เท่าที่ทราบทางระบบจะบอกมาล่วงหน้าเพื่อมีเวลาในการอพยพ แต่ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะล่วงหน้าก่อนเกิดนานเท่าไหร่

 

คนนอกไปได้ครับ แต่ขอเตือนก่อนว่าถ้าหากแอบไปเงียบๆล่ะก็ ระวังสัญญานกันโขมยดัง ระบบกันขโมยทำงานนะครับ...หุหุ

ถ้าอยากรู้ว่าระบบกันขโมยคืออะไร ให้อาสุดใจ หรือพี่คณานันท์ กับพี่ zz เป็นผู้ที่มีประสบการณ์มาบอกเล่าให้ฟังดีกว่า...อิ๊อิ๊

 

ยินดีต้อนรับครับ คนนครสวรรค์แท้ๆ เราเคยปลอมเป็นคนนครสวรรค์อยู่พักนึง อิ อิ เด๋วมีโอกาส ขึ้นไปเขากะลาด้วยกัน ทำตัวว่างๆ

 

คับ ใช่ ไม่กำหนดบอกเวลา ใจจะได้ไม่ฟุ้ง ไม่ปรุงแต่ง ไม่ดึงเข้า ไม่ผลักออก อยู่แบบใจร่ม ร่ม สงบ สงบ วาง วางคับ (ถือไว้มันหนักอ่ะ จะให้ใครแอบมาช่วยถือก็ไม่ได้ ต้องวางอย่างเดียว เดี๋ยวสัญญาณกันโขมยดัง ฮิ ฮิ)

 

ไปเมื่อไรบอกด้วยนะครับ

 

ขอบคุณนะคะ ที่นำประสบการณ์ที่พบเจอมาเล่าให้เพื่อนสมาชิก และท่านที่สนใจได้รับฟัง​

จริง ๆ แล้ว เรื่องจานบิน เรื่องมนุษย์ต่างดาว เรื่องการมาติดต่อสื่อสาร การมาเตรียมการ การมาแจกอุปกรณ์เพื่อสะดวกในการสื่อสารกับมนุษย์มากขึ้น สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ ย่อมเป็นเรื่องที่เชื่อได้ยากทั้งสิ้น ​

ดังนั้น แม้แต่มนุษย์ต่างดาวที่ให้เผยแพร่เรื่องราวเหล่านี้ออกสู่สาธารณะให้บุคคลภายนอกได้รับรู้ จึงมิได้มุ่งหมายให้เชื่อ เพราะเป็นเรื่องที่เชื่อได้ยาก แต่เป็นการ " แจ้งเพื่อทราบ " เท่านั้น ​

เปรียบเสมือนหน่วยดับเพลิง เมื่อไม่ใช่เวลาปฏิบัติงาน เขาก็ใช้ชีวิตเป็นปกติ เหมือนมนุษย์ธรรมดาทั่ว ๆ ไปนี่แหละ แต่เขาย่อมมีความรู้ ความเชี่ยวชาญในการดับเพลิงมากกว่าบุคคลธรรมดา มีการฝึกซ้อม มีความพร้อม ทั้งกำลังกาย กำลังใจ ซึ่งดูภายนอกเราอาจมองไม่เห็นความแตกต่างอะไร​

เมื่อมีการแจ้งให้ทราบว่า หน่วยดับเพลิง ตั้งอยู่ที่นี่ แจ้งเหตุฉุกเฉินได้ตามหมายเลขนี้ เราก็ได้รับทราบ รับรู้ แม้จะไม่ได้สนใจก็ตาม​

แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ไฟไหม้ในหมู่บ้าน สิ่งที่เราจะนึกถึงก่อนเป็นอันดับแรกก็คือ หน่วยดับเพลิง เพราะรู้ว่าเขาทำหน้าที่อะไร และแจ้งได้ที่ไหน​

ในขณะที่ทุกคนต้องวิ่งหนีออกจากไฟ แต่นักดับเพลิงต้องวิ่งเข้าไปหาไฟ ต้องเข้าช่วยคนที่ติดอยู่ข้างใน เข้าไปฉีดน้ำสกัดเพลิง ในวินาทีนั้น เขาต้องใช้ทั้งกำลังกาย กำลังใจ ความมุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือโดยไม่ห่วงชีวิตตนเอง และมันก็เป็นอัตโนมัติของผู้ทำหน้าที่เช่นนี้ โดยมีอุปกรณ์คือชุดป้องกันไฟในการเข้าไปช่วยชีวิตผู้ที่ติดอยู่ในกองไฟ ภายในอาคารนั้น​

ดังนั้น เราไม่จำเป็นต้องไปรับรู้ก็ได้ว่า เขามีขั้นตอนการทำงานกันอย่างไร เขาต้องเตรียมอุปกรณ์อะไรไปบ้าง เขาเตรียมการอย่างไรเมื่อไฟไหม้ วิธีการช่วยเหลือต้องทำอย่างไร หรือเขามีวิธีการฝึกซ้อมกันมาอย่างไรจึงไม่กลัวที่จะเข้าไปในกองเพลิงนั้น ​

สิ่งเหล่านี้ ไม่จำเป็นต้องทราบก็ได้ในบุคคลโดยทั่วไป แค่รับทราบผ่าน ๆ ก็ได้ แต่สิ่งหนึ่งที่ควรรู้ไว้ก็คือ มี หน่วยดับเพลิง ตั้งอยู่ที่ตรงนี้ และทำหน้าที่ดับเพลิงเมื่อเกิดไฟไหม้เท่านั้นก็พอ​

 

ซึ่งสิ่งที่ยกตัวอย่างมานี้ มนุษย์ต่างดาวได้เคยเปรียบเทียบให้ฟัง ซึ่งใช้ได้ทั้งทางโลกและทางธรรม​

ทางโลกก็คือได้ " แจ้งเพื่อทราบ " ไว้ว่า กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย (เขากะลา) เป็นกลุ่มที่ทำหน้าที่รับข้อมูลการสื่อสารมาจากมนุษย์ต่างดาว ซึ่งภารกิจนี้ก็เพื่อเป็นศูนย์กลางในการประสานงานระหว่างมนุษย์ต่างดาว กับมนุษย์โลก และเป็นศูนย์กลางในการช่วยเหลือในเวลาที่เกิดวิกฤตกับโลกใบนี้ ดัวยเทคโนโลยีจากมนุษย์ต่างดาว ​

ซึ่งโลกใบนี้ วิกฤตการณ์เรื่องของภัยพิบัติ ไม่ใช่เป็นเรื่องของบุคคลใด บุคคลหนึ่ง แต่เป็นเรื่องของส่วนรวมของมนุษย์โลก ดังนั้น คนที่จะต้องมาทำงานเรื่องของภัยพิบัติ ก็ย่อมต้องมีจำนวนมากด้วย มิใช่แค่คนกลุ่มเล็ก ๆ กลุ่มเดียว แต่ทำอย่างไรจึงจะสามารถให้คนกลุ่มใหญ่สามารถรับทราบข้อมูล รับทราบข่าวสาร รับทราบกระบวนการช่วยเหลือภัยพิบัตินี้ได้โดยทั่วถึงกันล่ะ เพราะมีมากถึง 5,000 คนทั่วโลก ​

ดังนั้น จึงต้องมีการตั้งทีมงานไว้ก่อนล่วงหน้า มีการวางแผน มีการเตรียมการ มีการแจกงานกันมาตั้งแต่ก่อนที่จะมาเกิดแล้ว มีการขันอาสามาทำงานเฉพาะกิจในครั้งนี้ ซึ่งมนุษย์ต่างดาวได้บอกไว้แล้วว่า เขาเตรียมการเรื่องการช่วยเหลือภัยพิบัติไว้เป็น 3 ช่วง คือตั้งแต่ก่อนเกิด ขณะเกิด และฟื้นฟูหลังการเกิดภัยพิบัติ​

ก่อนเกิดภัยพิบัติ ก็มีการมาวางแผนงาน วางโครงการ เตรียมกลุ่มบุคคลที่ต้องสื่อสาร เตรียมสถานที่ไว้หลายแห่งโดยการสร้างเครื่องป้องกันรังสี สำรวจแหล่งอาหารเพื่อเตรียมการช่วยเหลือ บางแห่งอาจต้องมีการช่วยเหลือที่มากกว่าจุดอื่น ๆ เช่นบริเวณริมทะเล ที่จุดอื่นต้องจมไป แต่จุดช่วยเหลือจุดนั้นต้องตั้งอยู่ไม่ได้จมตามจุดอื่น ๆ ก็เพราะต้องมีการใช้เทคโนโลยีของมนุษย์ต่างดาวเข้าไปเสริม มีการสร้างระบบป้องกันที่ต้องมากกว่าจุดอื่นทั่ว ๆ ไปนั่นเอง เพื่อป้องกันมิให้จม มิให้กระทบ และสามารถตั้งอยู่ตรงจุดนั้นได้ และมนุษย์โลกก็ไม่จำเป็นต้องรู้ก็ได้ว่าทำอย่างไร เพราะถึงบอกไปก็ไม่อาจเข้าใจได้เพราะเทคโนโลยีของมนุษย์ยังไปไม่ถึง

ซึ่งบางท่านที่ทำเกี่ยวกับเรื่องของภัยพิบัติ ก็จะพอทราบว่า มีบางจุดเตรียมสร้างจุดให้ความช่วยเหลือเรื่องของภัยพิบัติที่ริมทะเลบ้าง สมุทรปราการบ้าง ชลบุรีบ้าง ภาคใต้ชายทะเล หรือแม้แต่ราชบุรี กาญจนบุรีก็ตาม ซึ่งดูแล้วไม่น่าจะเป็นที่ปลอดภัย แต่ทำไมคนสร้างจึงได้รับการสื่อสารมาว่า ที่นี่ปลอดภัยให้สร้างเป็นจุดหลบภัยได้ ทั้ง ๆ ที่มองภายนอกย่อมเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้เลยที่จะปลอดภัย ​

แต่สิ่งเหล่านี้ ผู้ที่ได้รับการสื่อสารเพื่อสร้างที่แต่ละแห่งในจุดเสี่ยงภัยนั้น ย่อมตระหนักดี และมีความมั่นใจว่าจะปลอดภัยได้จริง และจุดเหล่านั้นเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อเป็นที่รองรับบุคคลในส่วนต่าง ๆ ที่อยู่ในบริเวณนั้น และไม่สามารถที่จะเดินทางไปยังจุดอื่นในภาคต่าง ๆ ได้​

ดังนั้น ในระยะนี้ จะเห็นการสร้างสถานที่หลบภัยขึ้นจำนวนมาก ในจุดเสี่ยงภัย และจุดที่คิดว่าปลอดภัย และในแต่ละจุด มนุษย์ต่างดาวก็จะมีการเตรียมการให้การช่วยเหลือไว้แล้วแทบทั้งสิ้น แม้ว่าจุดนั้น เขาจะไม่รู้เรื่องของมนุษย์ต่างดาวเลยก็ตาม ​

(ยังมีต่อค่ะ) ​

<!-- / message --><!-- edit note -->

 

ขณะเกิดภัยพิบัติ มนุษย์ต่างดาวก็ยังคงให้ความช่วยเหลือ ในรูปแบบต่าง ๆ จะเห็นจานบิน บินกันให้ว่อน เพราะมนุษย์ไม่สามารถมียานพาหนะใด ๆ ไปช่วยเหลือกันเองได้แล้ว จะอยู่กันเป็นจุด ๆ เป็นกลุ่ม ๆ ตามแหล่งต่าง ๆ ตามป่าเขา กลางทะเล เมื่อเกิดพร้อมกันทั่วโลก ก็จะไม่มีใครสามารถช่วยเหลือใครได้ เขาก็ต้องให้การช่วยเหลือในทุก ๆ ด้าน ไม่ว่ามนุษย์จะเข้าใจหรือไม่ก็ตาม ซึ่งเรื่องนี้ มนุษย์ต่างดาวได้เคยกล่าวไว้แล้วเมื่อ 30 กว่าปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นโครงการเดียวกันกับที่สื่อสารกับมนุษย์ในประเทศไทย ซึ่งได้แจ้งให้มนุษย์โลกได้รับทราบผ่านทางต่างประเทศไปแล้ว ( บทความบางส่วนจากหนังสือจานบินวิเคราะห์)

"ในการเตรียมงานตามแผนที่หนึ่งคือการลงจอดบนพิภพโลก กลุ่มผู้แทนจากหน่วยงานใหญ่ได้เข้าสำรวจสภาวะและสถานการณ์ต่าง ๆ เพื่อรวบรวมข้อมูลไว้เรียบร้อยแล้วเรื่องยูเอฟโอที่พวกมนุษย์ตกใจและพากันสงสัยนั่น คือยานของพวกที่มาทำการเก็บรวบรวมข้อมูลเพื่อการประเมินผลการทดลองและทดสอบข้อมูลต่าง ๆได้กระทำสำเร็จไปแล้วหลายเรื่องเราเตรียมการทุกอย่างเพื่อดำเนินเข้าสู่แผนที่หนึ่ง เมื่อเวลานั้นมาถึง
ปฏิบัติการลงสู่พื้นพิภพจะทำให้มนุษย์ส่วนหนึ่งตกใจและเกิดปฎิกิริยาโต้ตอบอย่างรุนแรง
เราได้ศึกษาแล้วว่าช่วงเวลานั้นจะไม่กินเวลานานเท่าใดความกระทบกระเทือนจะไม่ก่อให้เกิดผลการเปลี่ยนแปลงมากถึงกับเกิดการเสียหายหรือเกิดสภาพที่เรียกว่า "สังคมช้อค" มนุษย์จะยอมรับพวกที่มาลงโดยดี"

"พูดถึงจานบินผมอยากทราบว่ามันเป็นอะไรกันแน่"ดร.แอนดริจาถามต่อไป

"ส่วนใหญ่แล้ว ยานบินที่มาปรากฎบนโลกของท่านเป็นยานบินของพวกสมาชิกกลุ่มสากล
มาจากดวงดาวหลายแห่งยานพวกนี้มาในรูปแบบของวัตถุที่เป็นมวลสารแต่มียานบินของพวกเราบางครั้งได้ถูกส่งมาเพื่อปฏิบัติการบางอย่าง
ยานพวกนี้เป็น "เครื่องจักรไร้มวลสาร" (Non physical)



..." ในการติดต่อครั้งนี้ จุดประสงค์ใหญ่คือเราต้องการทำโครงการเพื่อเตรียมมนุษย์โลกให้พร้อมเพื่อรับการลงสู่พิภพ..... การลงจอดของยานที่พวกท่านเรียกว่า "จานบิน" ...ตามโครงการนี้ การลงจอดจะใช้เวลา 9 วัน ตามเวลาบนโลกของท่าน ในช่วงเวลา 9 วัน ท่านจะเห็นยานบินของพวกเราลงจอดทั่วไปตามจุดกำหนดที่จะบอกให้ทราบต่อไป การลงสู่พื้นพิภพโลกจะกระทำด้วยยานบินหลายประเภทยานส่วนมากจะอยู่บนผิวพื้นโลกเพื่อดำเนินงานตามโครงการแผนขั้นที่ 2 คือการติดต่อกับผู้นำของพวกท่านทั่วโลก เพื่อดำเนินการตามแผนขั้นที่ 3 ต่อไป"

เป็นข้อความบางส่วนที่มนุษย์ต่างดาวในโครงการเดียวกันนี้ ที่ได้มีการติดต่อกับทั่วโลก และมีการแจ้งให้ทราบไว้เป็นหลักฐานแล้ว
(ท่านที่สนใจหาอ่านได้จากเวปไซด์ จิตวิญญาณ (jitwinyan) ซึ่งคุณ Zeus@ เป็นเวปมาสเตอร์จัดรวบรวมไว้ค่ะ)

ดังนั้นใน ขณะเกิดภัยพิบัติ มนุษย์ต่างดาวก็ยังคงให้ความช่วยเหลือ และผู้ที่จะต้องเข้าร่วมงานกับมนุษย์ต่างดาวในขณะนั้น ก็คือผู้ที่ได้รับการสื่อสารผ่านอุปกรณ์ที่มนุษย์ต่างดาวติดตั้งไว้ให้นั่นเอง ผู้นั้นจะทราบหรือไม่ทราบ แต่ในเวลาที่เกิดความวิกฤต ก็จะสามารถรับข่าวสาร ข้อมูลในการให้ความช่วยเหลือ และเป็นผู้นำในพื้นพิภพ ที่จะนำผู้อื่นไปยังจุดปลอดภัยต่าง ๆ ซึ่งการรับข้อมูลนั้นจะมีความเข้าใจในข้อมูลได้เลย โดยไม่ต้องใช้การแปล

มนุษย์ต่างดาวได้บอกไว้นานแล้วว่า จะต้องมีผู้นำบนพื้นพิภพโลก ในการให้ความช่วยเหลือบุคคลอื่น และรับข้อมูลเพื่อช่วยเหลือมนุษย์ด้วยกัน เพราะมนุษย์ต่างดาวจะไม่สามารถเดินลงมาจากยานอวกาศได้เพื่อช่วยเหลือมนุษย์ได้ในเวลานั้น แต่ต้องใช้มนุษย์ที่ขันอาสามานี้เป็นผู้รับข้อมูล รับอุปกรณ์ในการช่วยเหลือด้านต่าง ๆ ไปให้มนุษย์ด้วยกัน

ดังนั้น หลายท่านที่เริ่มพบเจอเรื่องแปลก ๆ เรื่องมิติ เรื่องจานบิน เรื่องมนุษย์ต่างดาว เรื่องเห็นวัตถุแปลก ๆ เรื่องการฝันเห็นจานบิน เห็นมนุษย์ต่างดาว มีความไว้วางใจ มีการพบเรื่องราวต่าง ๆหลากหลายรูปแบบนั้น ก็อาจเป็นผู้ที่ได้ขันอาสามาทำงานในโครงการนี้ และเป็นผู้นำบนพื้นพิภพในเวลาวิกฤตนั้นก็เป็นได้ เพราะจะเริ่มมีการสื่อสารผ่านอุปกรณ์เพื่อทดลองการใช้งานในแต่ละรูปแบบ จึงได้มีการพบเจอเรื่องแปลก ๆ กันบ่อยมากขึ้นในระยะนี้ แต่ทั้งหลายทั้งปวง ก็ไม่เกินไปจาก การทำตัวอย่าง ไว้ให้ดูแล้วกับกลุ่มที่ถูกฝึกให้เรียนรู้เกี่ยวกับอุปกรณ์ของมนุษย์ต่างดาวโดยตรง ดังนั้น ก็สามารถสอบถาม และเล่าสู่กันฟังเพื่อเป็นตัวอย่างกับท่านอื่น ๆ ที่เริ่มพบเจอด้วยตัวเอง มากขึ้น และบ่อยขึ้น เพื่อท่านต่าง ๆ นั้นจะได้รับทราบและนำไปเทียบเคียง ดีกว่าคิดว่าตนเองเพี้ยนอยู่คนเดียว

นี่เป็นขั้นตอนขณะเกิดภัยพิบัติ ที่มนุษย์ต่างดาว ก็ยังอยู่ให้ความช่วยเหลือ และสื่อสารผ่านบุคคลจำนวนมาก เพื่อให้เป็นตัวแทนของมนุษย์บนโลกนี้ รับการช่วยเหลือในด้านต่าง ๆ และเป็นผู้นำในการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกันในเวลานั้น

ยิ่งได้ฟัง ก็ยิ่งยากจะเชื่อได้ นอกจากบางท่านที่พบเห็นจานบิน พบเจอปรากฏการณ์ต่าง ๆ ที่อธิบายไม่ได้บ่อยครั้งเข้า ก็เริ่มที่จะสังเกต และค้นหาว่าสิ่งเหล่านั้นคืออะไร เพราะสิ่งเหล่านี้หากไม่ได้ประสบด้วยตนเอง ก็ยากที่จะเชื่อได้ เพราะไม่สามารถหาสิ่งใดมาเทียบเคียง จึงลงความเห็นว่า เป็นไปไม่ได้ ไม่ใช่เรื่องจริง

มนุษย์ต่างดาวจึงทำได้เพียง ให้ "แจ้งเพื่อทราบ" เท่านั้น


หลังการเกิดภัยพิบัติ จะมีการช่วยเหลือต่อเนื่อง จนสามารถที่จะอยู่ได้ด้วยตนเอง และจะมีการถ่ายทอดเทคโนโลยีให้ก่อนที่จะกลับไปยังดวงดาวของเขา เพราะเขาบอกไว้แล้วว่า ไม่สามารถอยู่ได้บนโลกใบนี้ เมื่อหมดภารกิจ ก็จะกลับไปเพื่อช่วยเหลือยังดาวดวงอื่น ๆ ต่อไป

และมนุษย์ผู้ที่จะรับการถ่ายทอดทั้งด้านเทคโนโลยี และพัฒนาทางจิตควบคู่กันไปนั้น ซึ่งจะเป็นผู้ฟื้นฟูดาวดวงนี้ในรุ่นต่อ ๆ ไป ก็คือผู้ที่ยังเป็นเด็กอยู่ในขณะนี้ เด็กรุ่นหลังนี้ เราจะเห็นว่าบางคนมีความพิเศษมาตั้งแต่เกิด มีการพบเห็น มีการรับรู้เรื่องของมนุษย์ต่างดาว มีเซ้นท์มาตั้งแต่เกิด และสามารถรับการสื่อสารกับมนุษย์ต่างดาวในรูปแบบต่าง ๆ เช่นเห็นจานบิน เห็นวัตถุแปลก ๆ สนใจวาดภาพจานบิน สนใจเรื่องมนุษย์ต่างดาว ฝันเห็นมนุษย์ต่างดาว หรือรับข้อมูลเองได้เลย มาตั้งแต่เด็ก ๆ มีเซ้นท์พิเศษต่าง ๆ เด็กเหล่านี้แหละจะเป็นรุ่นต่อไปที่จะได้รับการถ่ายทอดทั้งทางเทคโนโลยี และทางจิตควบคู่กันไป นี่เป็นการแจ้งเพื่อทราบ ในขั้นตอนการช่วยเหลือ ตั้งแต่ก่อนเกิด ขณะเกิด และหลังเกิด ซึ่งท่านจะเชื่อหรือไม่ มนุษย์ต่างดาวก็ยังคงดำเนินโครงการต่อไปอยู่นั่นเอง


และที่มนุษย์ต่างดาวให้ "แจ้งเพื่อทราบ" ไว้ล่วงหน้า เพราะในขณะนี้เขาได้เริ่มมีการเปิดตัวมากขึ้น จึงมีการพบเห็นจานบินของเขามากขึ้นเรื่อย ๆ ทั่วโลก มีการพบเจอปรากฏการณ์แปลก ๆ มากขึ้น มีการฝันซ้ำ ๆ ในเรื่องเดียวกันบ่อยครั้ง มีการรับการสื่อข้อมูลเข้ามาในบางท่านได้ มีการพบเจอมิติหลากหลายรูปแบบ จึงได้มีการทำตัวอย่าง ไว้มากมายในหลายกลุ่ม หลายบุคคล และหลายสถานที่ เพราะเมื่อท่านใดพบเจอเกิดเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่ไม่ทราบว่าจะไปถามใคร ณ จุดนี้ ก็เป็นจุดที่สามารถอธิบายในสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับท่านได้ ดังนั้นจึงต้องแจ้งให้ท่านทราบ ในเรื่องราวต่าง ๆ เหล่านี้ค่ะ

 

ถ้ามนุษย์ต่างดาวต้องการช่วยมนุษย์เวลาเกิดภัยพิบัติ ทำไมไม่ถ่ายทอดเทคโนโลยีการสร้างอุปกรณ์ต้านแรงโน้มถ่วงให้กับมนุษย์ล่ะครับ เวลาจะอพยพคนถ้าใช้แต่จานบินของมนุษย์ต่างดาวอย่างเดียว ผมว่าคงช่วยไม่ได้มากมายอะไรนัก ลองคิดดูจานบินลำหนึ่งบรรทุกคนได้กี่คนกันเชียว แค่ประเทศไทยประเทศเดียว สมมุติอพยพคนสักสิบล้านคน ต่อให้จานบินลำหนึ่งบรรทุกได้ 1000 คน ก็ต้องใช้ยานตั้ง 10000 ลำ แต่ถ้าให้บินลำล่ะสิบเที่ยวก็ต้องใช้ตั้ง 1000 ลำอยู่ดี ผมว่าการถ่ายทอดเทคโนโลยีก็เหมือนกับการสอนให้จับปลาหรือสอนให้ประดิษฐ์คันเบ็ด ซึ่งย่อมที่จะดีกว่าการให้ปลาอย่างเดียว และถ้าเทคโนโลยีนั้นเป็นสิ่งที่สร้างให้เห็นได้จับต้องได้ ใครจะไม่เชื่อผมว่าก็ต้องปล่อยเค้าไปแล้วล่ะ...

 

ผมเกรงแต่ว่าจะเป็นกลยุทธม้าไม้เมืองทรอยเท่านั้นแหละ...ก่อนเกิดเหตุภัยพิบัติก็บอกว่าจะช่วย ให้รวมกลุ่มกัน พอเกิดเหตุการณ์เริ่มจะเลวร้ายขึ้นก็ส่งจานบินมาช่วยอพยพเฉพาะกลุ่มนั้นๆ ไปที่ปลอดภัย ............................. ........................ หลังจากนั้น มุนษย์ต่างดาวก็เฉลิมฉลอง............ ........................ ด้วยการกินพวกเรา...................................

 

ข้อความข้างบนผมเขียนแซวเล่นๆ นะครับ(kiss)

 

ขออนุญาติแสดงความเห็นส่วนตัวนะ
คนที่รอดคงไม่ได้เกิดจาก การนำขึ้นยานวิธีเดียวหรอก
และคนที่ขาดคุณสมบัติ ก็คงก็ต้องปล่อยไปตามกรรม เชื้อดีๆ
เขาต้องรักษาไว้ ให้สืบต่อไปในอนาคต

...