พระโสดาบันโลกุตรภูมิ ภูมิ ที่พ้นจากภพ3ของผู้ถึงดระแสพระนิพพาน

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย ยศวดี, 29 พฤศจิกายน 2013.

  1. ยศวดี

    ยศวดี ยายแก่แล้ว*_*

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2010
    โพสต์:
    4,255
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +5,796
    โสดาบันโลกุตรภูมิ 
    ภูมิของพระโสดาบัน เป็นโลกุตรภูมิชั้นต้น
    เป็น 1 ใน 4 ของโลกุตรภูมิ  
    พระโสดาบันผู้ถึงกระแสพระนิพพานหลุดพ้นจากภพภูมิทั้ง 3     
    โสดาบันโลกุตรภูมิ คือ ภูมิที่พ้นจากภพ 3 ของผู้ถึงกระแสพระนิพพาน เป็นพระอริยบุคคลชั้นต้น
    พระโสดาบันเป็นสัทธานุจารี จะมีความเลื่อมใสแบบไม่สงสัยในพระรัตนตรัย และศีลไม่ขาดตลอดไป จัดเป็นทักขิไณยบุคคลหนึ่งใน 8 จำพวก     
    ในภาคปฏิบัติของการเจริญภาวนาเพื่อเข้าถึงพระธรรมกาย ของพระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ได้ขยายความในส่วนนี้ว่า หมายถึง ภาวะที่เข้าถึงและเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับพระธรรมกายโสดาบัน ซึ่งมี อยู่ภายในกลางกายของทุกคน 
    คุณวิเศษของพระโสดาบัน      เราจะเห็นว่า ในสมัยพุทธกาลมีผู้บรรลุธรรมเป็นพระโสดาบันเป็นจำนวนมาก ทั้งบรรพชิตและคฤหัสถ์
    แล้วใช้อะไรเป็นหลักในการตรวจสอบว่า คนนั้นบรรลุธรรมเป็นพระโสดาบัน เขาวัดกันที่การขจัดกิเลสอาสวะให้หมดไปจากใจ
    ซึ่งพระโสดาบันสามารถละสังโยชน์เบื้องต่ำได้ 3 ชนิด1 คือ 
    1. สักกายทิฏฐิ คือ ความเห็นว่าเป็นตัวของตน ความเห็นเป็นเหตุถือตัวตน เช่น เห็นรูปเป็นตน เห็นเวทนาเป็นตน 
    2. วิจิกิจฉา คือ ความสงสัยในพระรัตนตรัย และในกุศลธรรมทั้งหลาย 
    3. สีลัพพตปรามาส คือ ความยึดมั่นในข้อปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ที่เข้าใจว่าเป็นข้อปฏิบัติที่บริสุทธิ์หลุดพ้น เช่น การประพฤติวัตรอย่างโค การนอนบนหนามของพวกโยคี เป็นต้น 
    ประเภทของพระโสดาบัน      ดังที่กล่าวมาแล้วพระโสดาบันสามารถละสังโยชน์ 3 ประการ ตัดขาดออกจากใจได้สิ้นเชื้อไม่เหลือเศษนั้น แม้ว่าจะตัดสังโยชน์ได้เพียง 3 ประการก็ตาม แต่ก็สามารถตัดเส้นทางในการเวียนว่ายตายเกิดให้สั้นลงได้อีกด้วย
    เพราะผู้เป็นโสดาบันบุคคลมีกฎตายตัวว่า ย่อมเกิดอีกไม่เกิน 7 ชาติ ซึ่งสามารถแบ่งประเภทของพระโสดาบันได้เป็น 3 ประเภทดังนี้ 
    ประเภทที่ 1 เอกพีชีโสดาบัน จะเกิดเพียงชาติเดียว เป็นผู้เที่ยงแท้ต่อการเสวยวิมุตติสุขในอายตนนิพพานมากที่สุด เพราะเมื่อมาเกิดแล้ว ลงมือปฏิบัติธรรมก็จะได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ ซึ่งเป็นพระอริยบุคคลที่สูงสุดในพระพุทธศาสนา 
    ประเภทที่ 2 โกลังโกลโสดาบัน เป็นพระอริยบุคคลที่มีความพิเศษรองลงมา คือ จะมาเกิดอีกเพียง 2-3 ชาติเท่านั้น แล้วจะได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์ 
    ประเภทที่ 3 สัตตักขัตตุปรมโสดาบัน คือ เป็นพระอริยบุคคล ที่จะต้องเวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏอีกไม่เกิน 7 ชาติ ก็จะได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ ไม่ต้องเวียนว่ายตายเกิดอีกต่อไป     

    การที่พระโสดาบัน แบ่งเป็น 3 ประเภท ดังที่กล่าวมา เพราะว่าการสั่งสมบุญบารมี อีกทั้งอินทรีย์ 5 ที่อบรมมาแตกต่างกัน เช่น ผู้ที่สร้างบารมีมาอย่างแก่กล้า เกิดในภพชาตินี้ เมื่ออินทรีย์ทั้ง 5 ประการ คือ ศรัทธา วิริยะ สติสมาธิ(Meditation) และปัญญา ถึงความแก่รอบสม่ำเสมอ ก็สามารถบรรลุผลได้อย่างรวดเร็ว พระโสดาบันประเภทนี้ คือ ประเภทเอกพีชีดังกล่าว  

    ในสมัยพุทธกาลมีผู้บรรลุธรรมเป็นพระโสดาบันมากมายทั้งบรรพชิตและคฤหัสถ์ 

    พระโสดาบันผู้ท่องอยู่ใน 2 โลก      พระโสดาบัน เป็นผู้ที่ฝึกฝนตนเองได้เป็นอย่างดี สั่งสมบุญบารมีจนสามารถตัดกิเลสได้ 3 ประการ จนมีกิเลสเบาบาง เป็นผู้ไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา คือ ไม่ต้องไปเกิดในอบายอีกต่อไป เป็นผู้ปิดอบายได้โดยเด็ดขาด เพราะจิตจะมีความผ่องใสตลอดเวลา

    ถ้าไม่เกิดเป็นมนุษย์อีก ก็จะไปบังเกิดในสวรรค์ชั้นใดชั้นหนึ่งอย่างแน่นอน และมีทิพยสมบัติ วิมาน บริวารอันอลังการ เป็นสหายแห่งเทวดาผู้มีศักดิ์ใหญ่

    มีคำอ้างอิงในโมคคัลลานสูตร3 ถึงการที่พระโสดาบันย่อมเกิดในสวรรค์ชั้นต่างๆ ซึ่งสรุปย่อ ดังนี้   
       พระโมคคัลลานะได้ไปยังวิมานของติสสมหาพรหม อดีตเป็นพระภิกษุผู้บรรลุฌาน เมื่อละสังขารแล้วจึงไปเกิดเป็นพรหม พระโมคคัลลานะได้สอบถามติสสมหาพรหมว่า      
    “ ในบรรดาเทวดาที่ท่านรู้จักเทวดาชั้นใดที่เป็นพระอริยบุคคลชั้นโสดาบัน ซึ่งมีความไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา และเป็นผู้ที่เที่ยงแท้ว่าจะตรัสรู้ในเบื้องหน้า” 
    ติสสมหาพรหมตอบว่า      “ ข้าพเจ้าเห็นว่า เทวดาที่มีคุณวิเศษ ได้สำเร็จเป็นพระโสดาบันนั้น มีอยู่ในสวรรค์ทุกชั้น ตั้งแต่สวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา ถึงปรนิมมิตวสวัตตี เทวดาเหล่านี้ ย่อมเป็นผู้ไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา เป็นผู้เที่ยงแท้จะตรัสรู้ในเบื้องหน้าทั้งนั้น”     

     จากบทสนทนาจะเห็นได้ว่า ผู้ที่เป็นพระโสดาบันนั้น จะเกิดในสวรรค์ทุกชั้น ตั้งแต่ชั้นที่ 1 จนถึง ชั้นที่ 6 เป็นผู้ไม่ตกต่ำ
    และจะต้องบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ในภายภาคหน้าอย่างแน่นอน เมื่อเกิดบนสวรรค์ แล้วอย่างไรก็ต้องกลับมาเกิดเป็นมนุษย์ เพื่อจะบรรลุธรรมเป็นพระอริยบุคคลขั้นสูงต่อไป หรืออาจจะบรรลุบนสวรรค์ก็ได้เช่นกัน 

    1 สังคีติสูตร, ทีฆนิกาย ปาฏกวรรค, มก. เล่ม 16 ข้อ 284 หน้า 201.
    2 เอกาภิญญาสูตร, สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค, มก. เล่ม 31 ข้อ 900 หน้า 32.
    3 โมคคัลลานสูตร, อังคุตตรนิกาย ฉักกนิบาต, มก. เล่ม 36 ข้อ 305 หน้า 619
     
  2. ธมมสุนทโร

    ธมมสุนทโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    41
    ค่าพลัง:
    +107
    สาธุ

    รักษาศีล 5 นี้แล ให้บริสุทธิ์ เพื่อการปิดทางแห่งอบาย
     
  3. sirigul

    sirigul เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    805
    ค่าพลัง:
    +2,515
    หลวงพ่อฤาษีสอนว่า พระโสดาบันนี่ มีศีลเป็นปกติ ไม่ละเมิดในศีล มีกรรมบท 10 ระลึกถึงความตายอยู่เสมอ เคารพพระรัตนตรัยอย่างจริงใจ พระโสดาบันยังมีความโกรธ แต่ไม่อาฆาตพยาบาท พระโสดาบันยังมีครอบครัวมีลูกมีเมีย แต่อยู่ในศีลในธรรมไม่ระเมิดศีลข้อ 3 พระโสดาบันยังต้องการความรวย แต่ไม่โกงไม่เบียดเบียนใคร หากินสุจริต จะเห็นว่าทั้งหมดที่พูดมา เป็นธรรมดาที่ชาวบ้านเค้าปฏิบัติกัน ไม่มีอะไรเป็นของหนัก
     
  4. Nat Simon

    Nat Simon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 เมษายน 2010
    โพสต์:
    128
    ค่าพลัง:
    +172
    อนุโมทนาสาธุค่ะ ถือศีลห้า ทำทานและสมาธิเป็นประจำทำจิตใจสงบดีค่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...