ตามรอย "พระมหาชนก"

กรรมปัจจุบัน ขอให้เสื้อแดงตาสว่าง ไม่ฆ่าไทยกันเอง
อย่าเป็นเครื่องมือให้พวกคอร์รัปชั่น โกงชาติ โกงแผ่นดิน
นำพาประเทศ สู่ยุคศิวิไลซ์ ไปด้วยกัน

..
๐ จะมีการต่อตีกันกลางเมือง ขุนนางเขื่องกังฉินกินทั่วหล้า
คอรัปชั่นจะกัดกร่อนทั้งพารา ประดุจปลวกกินฝานั้นปะไร
ข้าราชการตงฉินถูกประณาม สามคนหามสี่คนแห่มาลากไส้
เกิดวิกฤติผิดเพี้ยนโดยทั่วไป โกลาหลหม่นไหม้ไร้ความดี

๐ ประชาชีจะสับสนเรื่องดีชั่ว ถ้วนทุกทั่วจะมุดขุดรูหนี
ไม่แน่ใจสิ่งที่ทำนำความดี เกรงเป็นผีตายตกไปตามกัน
พุทธศาสน์จะถูกรุกและล้ำ มิตรเคยค้ำเป็นศัตรูมุ่งอาสัญ
เกิดวิกฤติธรรมชาติอุบาทว์ครัน พายุลั่นน้ำถล่มดินทลาย

๐ แผ่นดินแยกแตกเป็นสองปกครองยาก เกิดวิบากทุกข์เข็ญระส่ำระสาย
เกิดการปราบจลาจลชนล้มตาย เลือดเป็นสายน้ำตานองสองแผ่นดิน
ข้าเป็นนายนายเป็นข้าน่าสมเพช ผู้มีบุญมีเดชจะสูญสิ้น
ทั้งพฤฒาจารย์ลือระบิล จะร่วงรินดุจใบไม้ต้องสายลม

๐ ความระทมจะถมทับนับเทวศ ดั่งดวงเนตรมืดบอดสุดขื่นขม
คนที่ดีจะก้มหน้าสุดระทม ส่วนคนชั่วหัวร่อทำท่าดัง
จะมีหนึ่งนารีขี่ม้าขาว ควงคทามุ่งสู่ดาวสร้างความหวัง
ผู้ปกครองจะเป็นหญิงพึงระวัง สายน้ำหลั่งกรากเชี่ยวหวาดเสียวใจ

๐ ศิวิไลซ์จะบังเกิดในสยาม หลังฝนคร้ามลั่นครืนจะยืนได้
จะเข้าสู่ยุคมหาชนพาไป เปลี่ยนเมืองใหม่ศักราชแห่งประชา
คนชั่วจะถูกปราบราบคาบสิ้น แผ่นดินเดือดสูญหายไร้ปัญหา
ประเทศชาติผ่านวิกฤติด้วยศรัทธา ยามเมื่อฟ้าสีทองผ่องอำไพ

 

ประเทศที่แตกความสามัคคีจะพาความล่มสลายให้กับประเทศ

การแตกความสามัคคีของคนในชาติจะไม่มีฝ่ายใด สีใดชนะ จะแพ้กันทั้งหมด ทุกสีทุกฝ่าย ถึงขั้นชาติล่มสลาย ดังคำทำนายเขมรโบราณ ที่ตรงกับยุคปัจจุบันมีใจความสรุปโดยย่อดังนี้
ท่อนที่ 1 ช่วงน้ำท่วมสูงเท่าปลายยอดไฝ่ แต่ช่วงไม่มีน้ำปลาแห้งตาย (แล้งมาก)
ท่อนที่ 2 กรุงเทพฯจะล่มสลาย กรุงพนมเปญ (เขมร)ก็จะสลายเช่นกัน เพราะการแตกความสามัคคี
ท่อนที่ 3 นครหนึ่งที่เต็มไปด้วยต้นโสน(กรุงเทพฯ) จะล่มลสายด้วยตัวของมันเอง ไม่ต้องมีใครทำลายมันจะทำลายกันเอง
ท่อนที่ 4 จะมีคนมีธรรมะมีศีล ทาน นำพวกเรา ไปสู่สิ่งที่ถูกต้อง นำไปสู่ชัยชนะ

สรุปคำทำนาย กรุงเทพฯและ กรุงพนมเปญ (เขมร) จะล่มสลาย เพราะการแตกความสามัคคี แต่สุดท้ายจะมีคนมีธรรมะมีศีล ทาน นำไปสู่สิ่งที่ถูกต้อง นำไปสู่ชัยชนะ คาดได้ว่าอาจจะมีผู้ปกครองที่มีธรรมะมาปกครองทั้ง กรุงเทพฯและ กรุงพนมเปญ (เขมร) ในยุคศิวิไลซ์

 

ทำนายเขมรโบราณ

[ame="http://www.youtube.com/watch?v=zgg288BrB4A&feature=g-vrec"]คำทำนายเขมร - YouTube[/ame]

ที่มาคำทำนายเขมรโบราณ เกี่ยวกับกรุงเทพ และภัยพิบัติ

 

หลังภาพศึกชนช้าง
จะกล่าวถึงพระโพธิสัตว์(พระมหาชนก) เจริญเติบโต
กลับมาที่บ้านเมืองเพื่อฟื้นฟู
ซึ่งระหว่างทาง ต้องข้ามทะเล..(ใช้ความวิริยะอุตส่าหะ)
ในภาพแต่ละภาพ มีนัยยะเชิงสัญลักษณ์ ถึงภัยพิบัติต่างๆ
ก่อนจะถึงเมือง ซึ่งต้องบูรณะอีกมากมาย ในแต่ละภาพก็มีนัยยะเชิงสัญลักษณ์อีกมากมาย

 

มีคนชักศึกเข้าบ้าน
ทัพช้างสีน้ำเงิน น่ากลัวไม่น้อย..
จีนคงอยากให้แก้ ม.190 แย่แล้ว
เราไม่ได้เจอแค่เขมร แต่ยังเจอ พม่า จีน ด้วย
อย่าให้ใคร มาเอาแผ่นดินของเราไปขายให้ใครง่ายๆ

 

----------------------------------------
อนุญาตเดานะครับ.. น่าจะเป็นจุดดับบนดวงอาทิตย์ .. ลองนับจำนวนดูซิครับ

 

ตรงหัวช้างน้ำเงิน หลังฉัตรช้างแดง เป็นหน้าคนชาติไหน?(สีม่วงๆ) ใครบอกได้บ้าง

 

ช้างสีน้ำเงินไม่รู้ครับ แต่ว่าสีม่วงหมายถึงคนไสช้าง หมายถึงฝรั่งเศสครับ

 

ตำแหน่งของผู้ที่นั่งบนหลังช้างจะมีด้วยกัน 3 คน คือ ตำแหน่งบนคอช้าง จะเป็นผู้ทำการต่อสู้ โดยอาวุธที่ใช้สู้ส่วนมากจะเป็นง้าว ตำแหน่งกลางช้าง จะเป็นตำแหน่งที่จะให้สัญญาณและส่งอาวุธที่อยู่บนสับคับให้แก่คอช้าง โดยอาวุธได้แก่ ง้าว, หอก, โตมร, หอกซัด และเครื่องป้องกันต่าง ๆ เช่น โล่ เป็นต้น และตำแหน่งควาญช้างซึ่งจะเป็นผู้บังคับช้างจะนั่งอยู่หลังสุด และหากเป็นช้างทรงของพระมหากษัตริย์ จะมีทหารฝีมือดี 4 คนประจำตำแหน่งเท้าช้างทั้ง 4 ข้างด้วย เรียกว่า "จาตุรงคบาท" ซึ่งไม่ว่าช้างทรงจะไปทางไหน จาตุรงคบาทต้องตามไปคุ้มกันด้วย หากตามไม่ทันจะมีโทษถึงชีวิต

ชายเสื้อม่วงนั่งตำแหน่งคอช้าง? ทั้งแต่งตัวไม่เหมือนผู้นำทัพ
สังเกตว่าไม่มีคนส่งอาวุธให้โดยตรง(ไม่มีคนที่นั่งกลางช้าง อาจหมายถึงไม่ได้เปิดเผยตัวโดยตรง)
คนนุ่งเขียวโผกห้ว.. ??
ช่วยกันดูค่ะ

 

ดูภาพใหญ่อีกที
แต่ก่อนมีม็อบเสื้อแดงเผาบ้านเผาเมืองฆ่าเจ้าหน้าที่(ตำรวจทหาร)
ตอนนี้ เสื้อแดงกลายเป็นเจ้าหน้าที่ สังเกตขี่ม้าถือดาบ ฆ่าประชาชน

 

ดูกลางภาพ หัวช้างตัวที่ 3 เป็นหัวคน(ดูเผินๆเหมือนฉากหลัง)นะคะ น่าจะเป็นต่างชาติหรือเปล่า คนที่รอเก็บเกี่ยวผล

 

ตามเนื้อหาของภาพ น่าจะเป็นไปตามนั้นครับ

 

คืดว่าเป็นเขมร ดูจากคนนุ่งเขียวอ่ะจ๊ะ

 

มือใหม่หัดแปลภาพ

ศึกครั้งนี้ยิ่งใหญ่กว่าครั้งก่อน น่าจะเป็นศึกครั้งสุดท้าย ภาพก่อนหน้าใช้แค่ม้า แต่ครั้งนี้ใช้ช้าง

ช้างศึกจะมีบุคคลอยู่บนช้างสามส่วน คือ คอ กลางช้าง ท้ายช้าง
บุคคลที่นั่งตรงคอช้างจะเป็นจอมทัพ
พรมบนคอช้างทั้งสามเชือกมีสี แดง น้ำเงิน แดง

บุคคลบนคอช้างซ้ายและขวาเครื่องทรงแสดงถึงอำนาจ
บุคคลบนคอช้างตรงขวาบนน่าจะเป็นแกนนำ
ช้างขวา พรมทุกผืนดูยิ่งใหญ่กว่าช้างซ้าย และมีพู้ห้อย มีสีธงชาติครบ

บุคคลที่นั่งบนช้างซ้ายหน้าตาเจ้าเล่ห์ทั้งสองคน
ส่วนบุคคลที่นั่งบนช้างขวาดูสงบ มีสมาธิ

ช้างบนขวานั้น คิดว่าพยายามนำคนมาช่วย แต่คนเหล่านั้นม้วนเสื่อ ย่องหนี เพราะเริ่มรู้ทัน


ส่วนรถถังทำให้ภาพนี้ดูเป็นปัจจุบัน ศึกนี้ทหารดูเหมือนจะเป็นกลางๆ แต่เล็งเป้าไว้แล้ว

ส่วนภาพที่มีผู้หญิงนางหนึ่ง บังเอิญสีหลังคากับรั้วบ้าน เหมือนสีพรมช้างซ้าย แล้วบังเอิญสีไปตรงกับสีธงชาติของประเทศที่กำลังจะไปหรือเปล่า ภาพนี้บอกได้แค่ ไปก่อนนะ บ๊ายบาย


ส่วนภาพด้านบนจะเป็นยุคที่สองประเทศมหาอำนาจ คานอำนาจกันและสู้แบบจิตวิทยาหรือสงความเย็น เหมือนยืนบนตาชั่ง



สรุป

ช้างผู้ใดที่มีกำลังมากและสามารถสู้งัดช้างของศัตรูก็จะเป็นฝ่ายได้เปรียบ เพราะจะทำให้แม่ทัพนั้นสามารถใช้ของ้าวฟันคู่ต่อสู้ได้อย่างสะดวกและได้ชัยชนะ

 

​

หนังสือพิมพ์มติชน แม่น้ำโขงบึงกาฬแห้งเป็นหาดทรายยาวกว่า 3 กม.ต้องสร้างสระชั่วคราวลอยกระทง​

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปริมาณน้ำในแม่น้ำโขงบริเวณหน้าเทศบาลตำบลบึงกาฬ จ.บึงกาฬ ลดลงเร็วกว่าทุกปี ทำให้เกิดหาดทรายยาวหลายกิโลเมตร ชาวบ้านไม่สามารถลอยกระทงได้ เทศบาลต้องสร้างสระน้ำชั่วคราวให้ชาวบ้านลอยกระทงแทน ประกอบกับพายุดีเปรสชั่นโพดอล (PODUL) จะเคลื่อนตัวผ่านประเทศกัมพูชา และเข้าปกคลุมภาคตะวันออก อ่าวไทยตอนบน และภาคใต้ตอนบน ในช่วงวันที่ 16-17 พฤศจิกายน ทำให้บรรยากาศที่ จ.บึงกาฬช่วงเช้าวันที่ 16 พฤศจิกายน มีเมฆเป็นส่วนมาก มีฝนตกลงมาปรอยๆ และมีลมค่อนข้างแรง



ทุกปีที่ผ่านมาเทศกาลลอยกระทงที่เทศบาลตำบลบึงกาฬ อำเภอเมืองบึงกาฬ จ.บึงกาฬ จะมีชาวอำเภอบึงกาฬ และอำเภอใกล้เคียงนิยมมาลอยกระทงในแม่น้ำโขง เพราะเป็นแม่น้ำสายใหญ่ที่หล่อเลี้ยงประชาชนที่อาศัยอยู่ตามริมน้ำ และเพื่อเป็นการขอขมาพระแม่คงคาในวันลอยกระทง แต่มาปีนี้น้ำในแม่น้ำโขงกลับแห้งขอดเร็วกว่าทุกปีจนเกิดหาดทรายยาวกว่า 3 กม. เหลือเพียงบ่อน้ำเล็กๆ และยังเป็นดินโคลน ทำให้ชาวบ้านลงไปลอยกระทงไม่ได้ ทางเทศบาลจึงแก้ปัญหาด้วยการสร้างสระน้ำชั่วคราวให้ชาวบ้านได้มาเที่ยวงาน และร่วมลอยกระทงในสระน้ำชั่วคราว

ที่มา หนังสือพิมพ์มติชน แม่น้ำโขงบึงกาฬแห้งเป็นหาดทรายยาวกว่า 3 กม.ต้องสร้างสระชั่วคราวลอยกระทง

 

คำทำนายสมเด็จพระพุทธาจารย์ (โต พรหมรังสี)

คำทำนายสมเด็จพระพุทธาจารย์ (โต พรหมรังสี)
รัชกาลที่ 1 ทำนายว่า มหากาฬ (ทำลายเพื่อน-พี่น้อง)
รัชกาลที่ 2 ทำนายว่า ฌานยักษ์ (ชำนาญเวทย์มนต์)
รัชกาลที่ 3 ทำนายว่า รักมิตร (มีการค้าขายกับต่างชาติมากมาย)
รัชกาลที่ 4 ทำนายว่า สนิทคำ (ออกบวช)
ในปีจอนี้ ในเมืองจันทร์จะมีฤาองค์ทองคำ สิกขาเพศออกมาเป็นพ่อค้า ในปีจอขึ้น 8 ค่ำ ห้ามบ่(ไม่)ให้ตักน้ำอาบ น้ำกิน ตามห้วยหนองคลองบึง หลังพระอาทิตย์ตกดิน(ก่อนค่ำ) พระยายมราชจะนำเอายาพิษพ่นใส่โลกมนุษย์
รัชกาลที่ 5 ทำนายว่า จำแขนขาด (คือ ต้องยอมเสียดินแดนฝั่งซ้ายแม่น้ำโขงและเขมร เพื่อป้องกันอธิปไตย)
รัชกาลที่ 6 ทำนายว่า ราชโจร (เกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 เกิดกลุ่มโจรมากมาย มีการก่อตั้งกองลุกเสือป่าครั้งแรกของไทย)
รัชกาลที่ 7 ทำนายว่า ชนร้องทุกข์ (เกิดการเดินขบวนเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตย)
รัชกาลที่ 8 ทำนายว่า ยุคทมิฬ (พระเจ้าแผ่นดินถูกลอบปลงพระชนม์)
รัชกาลที่ 9 ทำนายว่า ถิ่นกาขาว (ปัจจุบันนี้ครับ)

รัชกาลที่ 10 ทำนายว่า ชาวศิวิไลซ์ (จะเหลือเฉพาะผู้มีบุญเท่านั้น ที่รอคอยเป็นยุคของพระศรีอาริยเมตไตย)

 

กา แปลว่าอะไร พระพุทธภาษิต ทสก. อํ. ๒๔/๑๕๙/๗๗, ตรัสแก่ภิกษุทั้งหลาย.

ภิกษุ ภิกษุทั้งหลาย! กา เป็นสัตว์ที่ประกอบด้วยความเลวสิบประการ. สิบประการ
อะไรกันเล่า ? สิบประการคือ :-
(๑) กา เป็นสัตว์ทำลายความดี,
(๒) กา เป็นสัตว์คะนอง,
(๓) กา เป็นสัตว์ทะเยอทะยาน,
(๔) กา เป็นสัตว์กินจุ,
(๕) กา เป็นสัตว์หยาบคาย,
(๖) กา เป็นสัตว์ไม่กรุณาปราณี,
(๗) กา เป็นสัตว์ทุรพล,
(๘) กา เป็นสัตว์ร้องเสียงอึง,
(๙) กา เป็นสัตว์ปล่อยสติ,
(๑๐) กา เป็นสัตว์สะสมของกิน.
ภิกษุ ภิกษุทั้งหลาย! กา เป็นสัตว์ที่ประกอบด้วยความเลวสิบประการ เหล่านี้.

ที่มา ขุมทรัพย์จากพระโอษฐ์ หมวดที่ ๘ พระพุทธภาษิต ทสก. อํ. ๒๔/๑๕๙/๗๗, ตรัสแก่ภิกษุทั้งหลาย.

 

กาเป็นสัตว์ที่เลวที่สุด พระสูตรและอรรถกถาแปล ขุททกนิกายชาดก เล่มที่ ๓ ภาคที่ ๔

ในสมัยหนึ่ง พระพุทธเจ้าประทับอยู่วัดเชตวันเมืองสาวัตถี ทรงปรารภพระเทวทัตกับพระโกกาลิกะต่างสรรเสริญกันเอง ได้ตรัสอดีตนิทานมาสาธก ว่า...

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว พระโพธิสัตว์เกิดเป็นรุกขเทวดาประจำอยู่ที่ต้นละหุ่ง ในบริเวณบ้านหลังหนึ่ง วันหนึ่งมีโคแก่ตัวหนึ่งในบ้านนั้นได้ตายลง เจ้าของบ้านได้ลากซากศพมันไปทิ้งเป็นอาหารสัตว์ไว้ที่ข้างต้นละหุ่งนั้น ต่อมาไม่นานมีสุนัขจิ้งจอกตัวหนึ่งมาแทะกินเนื้อโคนั้นอยู่ และมีกาตัวหนึ่งบินมาจับที่ต้นละหุ่งนั้น ด้วยหวังจะกินเนื้อโคนั้นเช่นกัน จึงพูดยกย่องสุนัขจิ้งจอกขึ้นว่า " ท่านพญาเนื้อ ผู้มีร่างกายเหมือนโคถึก มีความองอาจดังราชสีห์ ข้าพเจ้าขอนอบน้อมแก่ท่าน ทำอย่างไร ข้าพเจ้าจักได้อาหารสักหน่อยหนึ่ง "

สุนัขจิ้งจอกได้ฟังคำยกย่องนั้นแล้วชื่นใจพูดตอบว่า " กุลบุตรย่อมสรรเสริญกุลบุตรด้วยกัน ท่านกาผู้มีสร้อยคองามเด่นเช่นนกยูง เชิญท่านลงมาจากต้นละหุ่ง มากินเนื้อให้สบายใจเถิด"

รุกขเทวดาเห็นกากับสุนัขจิ้งจอกกล่าวยกย่องกันตามที่ไม่เป็นจริง จึงกล่าวคาถาว่า

" บรรดามฤคชาติทั้งหลาย สุนัขจิ้งจอกเป็นสัตว์เลวที่สุด
บรรดาปักษีทั้งหลาย กาเป็นสัตว์ที่เลวที่สุด
และบรรดารุกขชาติทั้งหลาย ต้นละหุ่งเป็นต้นไม้ที่เลวที่สุด
ที่สุด ๓ อย่าง มาประจวบกันเข้าแล้ว "​

ที่มา เรื่องที่ ๕ ในกุมภวรรค หน้า ๓๔๑ - ๓๔๓ พระสูตรและอรรถกถาแปล ขุททกนิกายชาดก เล่มที่ ๓ ภาคที่ ๔

 

ถิ่นกาขาว แปลว่าอะไร กลับไปดูคำตอบข้างบน เพราะเคยแปลถูกต้องคนมักจะไม่ยอมรับและรับไม่ได้ จึงยกพุทธะวจนะมาเป็นคำตอบ

 

ประเทศชาติแตกแยก(วิบัติ) เนื่องด้วยผลของกรรม

กรรมอะไรที่จะยิ่งใหญ่ที่จะสามารถทำให้ชาติ แตกแยก(วิบัติ) ได้ คำตอบ คือ ผลของกรรมที่ฆ่าพระมหากษัตริย์ รัชกาลที่ 8 พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร พระมหากษัตริย์ จัดได้ว่าเป็นผู้มีบุญญาธิการ มากด้วยบุญและบารมี อันจะหาผู้ใดในชาติเปรียบได้ยาก กรรมของการฆ่าพระมหากษัตริย์ รัชกาลที่ 8 พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร ส่งผลร้ายแรงดังนี้

1.บุคคล (วิบัติ) เป็นกรรมที่ส่งผลเร็วที่สุดแก่ผู้กระทำ บุคคล นั้น ก็จะเกิดความวิบัติ ภัยพิบัติแก่ตนเอง โดยปราศจากการกระทำของบุคคลอื่น,เป็นผู้มีอบายภูมิเป็นที่ตั้ง จึงไม่สามารถหาความสุขได้ในชีวิต ผู้ที่ฆ่า พระมหากษัตริย์ รัชกาลที่ 8 จัดเป็นผู้ที่เลวที่สุดในแผ่นดิน
2.ตระกูล (วิบัติ) เป็นกรรมที่ส่งผลอย่างกลางให้ผู้แก่ตระกูลของผู้ที่ฆ่าพระมหากษัตริย์ รัชกาลที่ 8 เป็นเหตุให้ตระกูลนั้น วิบัติ มีลูกมาหลานก็ไม่ได้ดังใจ ล้วนแต่ไม่มีคุญธรรม และหาผู้สืบสกุลยาก
3.ชาติ (วิบัติ) เป็นกรรมที่ผลท้ายสุดแรงที่สุดให้ชาติแตกความสามัคคี ชาติวิบัติ

ในยุคถิ่นกาขาว ประเทศไทย จะไม่มีทางที่จะสามัคคีกันได้เลย เพราะความสามัคคีจะเกิดขึ้นได้ ถ้าทุกฝ่ายได้รับความเป็นธรรม และทำความเป็นธรรมให้เกิดขึ้นแก่ทุกฝ่าย
การจะให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่ายได้ต้องอาศัยผู้นำที่มีธรรมะ มีศีล มีทาน ดังคำทำนายเขมร
ผู้นำที่มีธรรมะ มีศีล มีทาน ใช้ธรรมเป็นใหญ่ เรียกอีกอย่างว่า ธรรมิกราช