พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>กษัตริย์ผู้สร้างแรงบันดาลใจ
    http://www.manager.co.th/Campus/ViewNews.aspx?NewsID=9500000143366
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>4 ธันวาคม 2550 22:57 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=480 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=480>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> หากปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2549 ซึ่งเป็นวันที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี จะสร้างความตื่นตะลึงให้แก่คนทั้งโลก เพราะประชาชนจำนวนนับแสนต่างพร้อมใจกันสวมใส่เสื้อสีเหลืองมาเข้าเฝ้าฯพระองค์เพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อ
    กษัตริย์ผู้ทรงตรากตรำพระวรกายเพื่อพสกนิกรของพระองค์ ณ ลานพระบรมรูปทรงม้า ต่อเนื่องยาวไปตลอดถนนราชดำเนิน จะกลายเป็นสิ่งที่ทั่วโลกต้องตะลึงแล้ว

    พระบรมฉายาลักษณ์ของพระองค์ที่ปรากฏอยู่ในบ้านของคนไทยทุกหลัง อยู่ในที่ทำงานทุกที่ อยู่ในทุกๆ สถานที่ น่าจะสร้างความประหลาดใจให้แก่ชาวต่างชาติที่ไม่มีศูนย์รวมดวงใจทุกดวงเหมือนกับพวกเราชาวไทย และพระบรมฉายาลักษณ์ที่ปรากฏอยู่นั้น พสกนิกรชาวไทยสัมผัสได้ถึงพระเมตตาที่พระองค์ท่านทรงมีต่อพสกนิกรอีกทั้งเป็นแรงบันดาลใจต่อผู้เฝ้ามองเป็นยิ่งนัก ไม่เว้นแม้เหล่านิสิต-นักศึกษา พวกเขาก็มีพระบรมฉายาลักษณ์ของพระองค์ติดไว้เหมือนกัน

    “ณัษฐพร อินทร์คง” นักศึกษาคณะนิเทศศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย บอกว่าที่พระบรมฉายาลักษณ์ในบ้านที่กรุงเทพฯซึ่งเป็นบ้านที่เธออยู่กับคุณป้า “รัตนา ถุงทอง” นั้นเป็นพระบรมฉายาลักษณ์ที่ได้มาจากกรมอู่ทหารเรือและนำมาติดไว้ที่ผนังบ้านเป็นเวลากว่า 30 ปี

    โดยคุณป้ารัตนาเล่าว่า พระบรมฉายาลักษณ์ที่ติดอยู่ที่ผนังบ้านนั้น สามีของป้า(เสียชีวิตแล้ว)ได้มาช่วงที่ทำงานอยู่กรมอู่ทหารเรือ และหลังจากได้มาก็นำมาติดตั้งที่ผนังบ้าน ด้วยประสงค์ที่จะแสดงความเคารพและเทิดทูนพระองค์ ซึ่งเด็กในบ้านเห็นก็ทำตาม เป็นการหล่อหลอมกันไปในตัว

    ส่วน “ณัษฐพร” เล่าว่า เธอเห็นพระบรมฉายาลักษณ์ของพระองค์นับตั้งแต่เธอย้ายมาอยู่กับป้าที่กรุงเทพฯเป็นเวลากว่า 9 ปีแล้ว

    “หนูรู้สึกดีนะค่ะที่ในบ้านมีพระบรมฉายาลักษณ์ของพระองค์ เราได้รับการสอนให้รู้จักรักในหลวง และเทิดทูนพระองค์ท่าน เพราะสิ่งที่พระองค์ท่านทำเพื่อคนไทยนั้นท่านทำมานานมาก ก่อนหนูจะเกิดอีก จนถึงวันนี้หนูก็ยังเห็นพระองค์ท่านทรงงานเพื่อคนไทยโดยตลอด”

    “ทุกครั้งเมื่อไม่สบายใจก็จะมานั่งมองรูปพระองค์ท่าน แล้วคิดถึงสิ่งที่พระองค์ท่านทำซึ่งล้วนแต่เป็นเรื่องหนักๆ หนักกว่าเรื่องที่เราไม่สบายใจ ก็ทำให้เราคิดได้และมีแรงทำอะไรต่อไป”

    “ปิ่นหทัย โตปู่” นักศึกษาปริญญาโท มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี เธอตั้งหน้าจอคอมพิวเตอร์ไว้เป็นพระบรมฉายาลักษณ์ของพระองค์เพื่อสร้างแรงบันดาลใจของความใฝ่รู้

    “การตั้งภาพหน้าจอในคอมพิวเตอร์ใครจะเอารูปไหนขึ้นมาแสดงก็ได้ แต่ที่นำรูปพระองค์ท่านขึ้นก็เพราะว่าทุกครั้งที่ได้เปิดคอมพิวเตอร์ทำงานเราก็รู้สึกได้ว่าเราโชคดีทีได้เกิดมาเป็นคนไทยและเรามีในหลวงที่ทรงมีพระราชอัจฉริยภาพในหลากหลายด้าน และเป็นแบบอย่างของผู้ใฝ่รู้

    ตั้งแต่เด็กๆ ที่บ้านเราก็มีรูปท่าน พอย้ายออกมาอยู่ห้องพักของเราเอง ก็เลยนำรูปของพระองค์ท่านตั้งไว้เทิดทูน เวลาที่เราเปิดคอมพ์ มาค้นคว้า เราจะได้ระลึกถึงอยู่เสมอว่า พระองค์ท่านทรงเหน็ดเหนื่อยกว่าเรา เราก็ต้องทำให้ดีที่สุด”

    “ณัฐธิดา การย์กุลวิทิต” นักศึกษาชั้นปีที่ 4 คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เล่าว่า เมื่อครั้งที่ในหลวงทรงพระอาการประชวรเธอมีโอกาสได้ไปลงนามถวายพระพร ดาบอกปกติไม่มีรูปภาพในหลวงอยู่ในหอพัก แต่ตอนไปลงนามถวายพระพรเธอได้รับแจกจากเจ้าหน้าที่

    “ตอนนี้กำลังฝึกงานข่าวอยู่ มีโอกาสได้ไปทำข่าวที่โรงพยาบาลศิริราชในช่วงที่พระองค์ทรงพระอาการประชวร เลยไม่พลาดที่จะลงนามถวายพระพร รูปที่ได้รับมาจึงเก็บไว้ในหอพัก เพื่อเป็นสิ่งเตือนใจให้นึกถึงคำสอนของพระองค์ท่าน ทำให้เรามีแนวทางในการดำเนินชีวิตที่ดีขึ้น อย่างการพอเพียงอะไรที่ไม่จำเป็นก็จะไม่ซื้อ ทำให้มีเงินเหลือเก็บมากขึ้น”

    “การทำงานข่าวเป็นอะไรที่ค่อนข้างเหนื่อย แต่ทุกครั้งที่ท้อเมื่อเห็นรูปในหลวง ทำให้รู้ว่าท่านทรงงานหนัก เหน็ดเหนื่อยกว่าเรามาก ทำให้เรามีกำลังใจที่จะพยายามตั้งใจทำงานต่อไป”

    “วรพจน์ เชาวะวณิช” นักศึกษาชั้นปีที่ 5 คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่าเมื่อครั้งในหลวงทรงพระอาการประชวร เขามีโอกาสได้รอรับเสด็จฯอยู่เกือบทุกครั้ง

    “ ก่อนหน้านี้เคยเห็นพระองค์ท่านแต่ในทีวีไม่เคยได้สัมผัส หรือไปรับเสด็จสักที พอพระองค์ท่านมีอาการพระประชวร ก็ขอไปรอรับเสด็จฯ ผมรู้สึกได้ถึงความศรัทธา ความรักที่ประชาชนมีต่อท่าน รูปของท่านที่ตั้งอยู่ที่โต๊ะผมนั้นก็มีอยู่นานแล้ว ผมได้มาจากที่บ้าน แค่พบเห็นรูปของพระองค์เราก็ไม่กล้าไปวางทิ้งไว้ที่ไหนแล้ว

    พระบรมฉายาลักษณ์ที่ผมมี เป็นรูปที่ท่านกำลังเสด็จพระราชดำเนินไปที่ไหนสักแห่ง เพื่อปฏิบัติพระราชกรณียกิจอยู่ นั่นยิ่งเป็นแรงบันดาลใจให้เราคิดที่จะทำอะไรเพื่อสังคม พร้อมๆ กับปฏิบัติหน้าที่แพทย์รักษาพยาบาลคนอื่นอย่างเหมาะสม และนั่นมันก็ทำให้ผมรู้สึกภูมิใจกับวิชาชีพแพทย์ และจะตั้งใจทำหน้าที่ให้ดีที่สุด”

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  2. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>เส้นทางการเดินทางของ “เงินจีน” สู่ความเป็น “สกุลเงินสากล”
    http://www.manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9500000139833
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>5 ธันวาคม 2550 09:24 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=280 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=280>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=5>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> หลังประเทศจีนได้เริ่มต้นประกาศนโยบาย “ก้าวออกไป” อันเป็นนโยบายสำคัญทางด้านยุทธศาสตร์ ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณสนับสนุนให้วิสาหกิจรัฐ และเอกชนจีนกระโจนเข้าสู่กระแสระบบเศรษฐกิจโลก ทำให้บริษัทจีนจำนวนไม่น้อย ที่เริ่มสามารถระดมทุนจากการจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เริ่มตั้งเป้าในการไล่ล่าผลประโยชน์ในต่างแดนทั้งจากการตั้งกิจการ การซื้อกรรมสิทธิ์หุ้น การควบรวมกิจการ

    เมื่อพิจารณาจากปัจจัยขั้นต้น กับเศรษฐกิจของจีนที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลาหลายปี กอปรกับสินค้า “เมด อิน ไชน่า” ที่ออกกระจายสู่ตลาดบนและล่างของประเทศต่างๆทั่วโลก ได้ทำให้อุปสงค์ของทุนสกุลเงินเหรินหมินปี้ กลายเป็นที่ต้องการในตลาดต่างแดนมากขึ้นอย่างมหาศาล นั่นก็หมายความว่า ปัจจุบัน เงินหยวน เริ่มกลายเป็นที่ยอมรับในตลาดการเงินสากลมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ “เงินหยวน” ที่เคยถูกมองว่าเป็นเงินสกุลเล็กในตลาดโลกนั้น กำลังเริ่มถูกเปลี่ยนบทบาทไป

    ดร.เฉาหงฮุย ผู้อำนวยการสำนักวิจัยตลาดการเงิน ของบัณฑิตยสภาด้านสังคมศาสตร์ของจีนได้ให้สัมภาษณ์ต่อกรณีดังกล่าวกับนิตยสารรายสัปดาห์ “Outlook Weekly” ของจีนโดยระบุว่า “ปัจจุบัน ประชาชนที่อยู่ตามแนวชายแดนของจีน เริ่มใช้เงิน “เหรินหมินปี้” ในการซื้อขายแลกเปลี่ยนกับประเทศอื่นๆมากยิ่งขึ้น โดยสิ่งนี้เป็นผลสะท้อนมาจากเศรษฐกิจจีนที่เติบโตอย่างมีเสถียรภาพมากขึ้น ผนวกกับศักยภาพทางเศรษฐกิจของจีนที่ผลักดันให้สถานะของเงินหยวนเข้มแข็งมากขึ้น การที่เงินหยวนเริ่มกระจายออกสู่ประเทศหรือภูมิภาครอบด้านมากขึ้นเรื่อยๆ ล้วนเป็นไปตามอุปสงค์ของตลาด และการตัดสินใจเลือกจากนานาประเทศ”

    ต่อกรณีดังกล่าว จัดว่าเป็นประเด็นที่ดร.เฉาได้ทำการศึกษาวิจัยมาเป็นเวลานาน จนถึงขั้นเดินเข้าสู่ร้านรับแลกเงินในที่ต่างๆอย่างเซินเจิ้น หรือฮ่องกง อีกทั้งได้ลงทุนเดินทางไปสำรวจถึงแถบเฮยหลงเจียง เพื่อดูว่าเงินหยวนได้ไหลสู่ภายนอกมากน้อยเพียงใด ซึ่งจากการสำรวจดังกล่าวพบว่า “ในอดีตเงินหยวนนั้น มีการใช้เพียงแค่บางภูมิภาคที่มีพื้นที่ติดชายแดนเท่านั้น แต่ในปัจจุบัน ได้เริ่มมีการแลกเปลี่ยนหรือแพร่สะพัดไปในประเทศที่พัฒนาแล้วหลายแห่ง”

    ฉายา “ดอลลาร์น้อย”
    สำหรับประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เงินหยวนได้กลายเป็นสกุลเงินสำคัญที่เป็นรองเพียงแค่เงินดอลลาร์ เงินยูโร เงินเยนเท่านั้น ในขณะที่ทางชายแดนด้านตะวันตกเฉียงใต้ เงินหยวน ถูกขนานนามว่าเป็น “ดอลลาร์น้อย” ที่ใช้เป็นสกุลเงินซื้อขายแลกเปลี่ยนมากขึ้น ส่วนประเทศลาวนั้น 3 แขวงทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือก็สามารถใช้เงินหยวนแทนที่เงินท้องถิ่นได้เลย ทางด้านพม่า เพียงแค่เม็ดเงินที่ไหลเข้าออกจากการซื้อขายชายแดนกับกิจกรรมท่องเที่ยวในแต่ละปีก็มีมากกว่า 1,000 ล้านหยวนแล้ว และที่ประเทศเวียดนาม เงินหยวนแพร่สะพัดถึงขนาดธนาคารแห่งรัฐเวียดนาม ( State Bank of Vietnam) ได้มีการเปิดให้เปิดบัญชีเงินฝากสกุลเหรินหมินปี้ได้

    นอกจากนั้น เงินหยวนยังเข้าไปมีบทบาทในภูมิภาคเอเชียกลางทั้ง 5 ประเทศ (คาซัคสถาน คีร์กิซสถาน อุซเบกิสถาน ทาจิกิสถานและเติร์กเมนิสถาน) รวมไปถึงรัสเซีย และปากีสถาน โดยปัจจุบันมีเงินหยวนไหลเข้าคาซัคสถานราวปีละกว่า 1,000 ล้านหยวน และประเทศอื่นๆในเอเชียกลางรวมกันอีกว่า 1,000 ล้านหยวน

    ยังไม่นับมองโกเลียที่เงินหยวนได้กลายเป็นสกุลเงินต่างประเทศหลัก ถึงขนาดธนาคารแต่ละแห่งมีการเปิดให้มีบัญชีเงินฝากเป็นเงินหยวนได้ หรือแม้แต่ในประเทศญี่ปุ่น เขตที่มีคนจีนกระจุกตัวมากนั้น ก็มีการเริ่มรับชำระสินค้าเป็นเงินหยวนได้แล้ว ส่วนฮ่องกง ซึ่งถือว่าเป็นภูมิภาคที่เงินหยวนไหลเข้ามากที่สุด กลายเป็นแหล่งที่สามารถใช้วิธีการต่างๆมากมายในการที่จะแลกเงินหยวน โดยเฉพาะนับตั้งแต่เงินหยวนแข็งค่าเกินกว่าเงินดอลลาร์ฮ่องกง ในย่านการค้าหลายแห่งของฮ่องกง ต่างก็ยินดีให้ใช้เงินหยวนในการซื้อขายสินค้า หรือหลายคนถึงขั้นใช้เงินหยวนเป็นสกุลเงินที่ใช้ในการออมเพื่อการลงทุน

    “การที่เงินหยวนเริ่มมีความเป็นสากลมากขึ้นเรื่อยๆนั้น เกิดขึ้นจากการเลือกของตลาด ไม่ใช่เกิดจากการผลักดันของรัฐบาล” ดร.เฉาระบุ

    โดยทั่วไปแล้ว การที่สกุลเงินของประเทศใดประเทศหนึ่งจะสามารถกลายเป็นสกุลเงินสากลได้นั้นจุดเริ่มต้นต้องพิจารณาจากระบบเศรษฐกิจพื้นฐานของประเทศดังกล่าว คือจะต้องมีระบบเศรษฐกิจที่ใหญ่พอ อีกทั้งมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสิ่งนี้จะเป็นการสร้างเสถียรภาพให้กับสกุลเงินของประเทศนั้นๆ ต่อมาก็พิจารณาด้านการเปิดกว้างทางด้านเศรษฐกิจ ประเทศที่มีความสำคัญในระบบเศรษฐกิจโลก จะทำให้นานาชาติมีอุปสงค์ต่อสกุลเงินชาตินั้นๆเพิ่มมากขึ้น

    ตั้งแต่หลังวิกฤตทางการเงินในเอเชียปี 1997 เงินหยวนยังคงสามารถรักษาจุดยืนของ “เงินดี” มาโดยตลอด ซึ่งดร.เฉามองว่า หากรูปแบบเศรษฐกิจของจีนยังคงเติบโตขึ้นเรื่อยๆในเวทีสากล จะทำให้ประเทศที่ทำการซื้อขายมีความเชื่อมั่นและมีอุปสงค์ต่อเหริมหมินปี้มากขึ้น จนกระทั่งวันหนึ่ง เงินหยวนจะกลายเป็นสกุลเงินสากลขึ้น

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right border=0><TBODY><TR><TD width=5>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=250 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=250>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> อย่างไรก็ตาม นายหวังหยวนหลง เจ้าหน้าที่วิจัยจากธนาคารแห่งประเทศจีน (บีโอซี) ได้ระบุว่า “แม้ปัจจุบันเงินหยวนจะเริ่มแพร่หลายในต่างประเทศ แต่นั่นยังไม่ได้หมายความว่าเงินหยวนได้กลายเป็นสกุลเงินสากล เพียงแต่การที่เงินหยวนเริ่มแพร่หลายในนานาประเทศสูงขึ้นเรื่อยๆนั้น จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้เงินหยวนกลายเป็นสกุลเงินสากล หรือกลายเป็นสกุลเงินของโลกในอนาคต”

    ผลได้-ผลเสีย กับการเป็นสกุลเงินสากล

    ประเทศจีนยังจัดอยู่ในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา ดังนั้น วันใดที่เงินหยวนกลายเป็นสกุลเงินสากลได้ ไม่เพียงแต่จะเป็นการลดความสูญเสียจากการใช้เงินสกุลต่างชาติเท่านั้น แต่ยังจะเป็นประโยชน์ต่อการเปิดเส้นทางเงินทุนเส้นใหม่อีกด้วย

    หวังหยวนหลงได้ระบุว่า เมื่อเงินหยวนกลายเป็นสกุลเงินสากล จะปรากฏทั้งข้อดีและข้อเสีย ด้านดีที่เห็นได้ชัดก็คือการยกระดับฐานะในเวทีสากล และอิทธิพลที่มีต่อเศรษฐกิจโลก นอกจากนั้นยังเป็นการลดความเสี่ยงที่เกิดจากมูลค่าเงิน ซึ่งจะมีส่วนช่วยในการพัฒนาการค้าการลงทุนของจีนกับนานาชาติ

    ทว่าข้อเสียที่จะตามมาก็มีอยู่เช่น การได้รับผลสะท้อนอันส่งผลต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจการเงินในประเทศ เพราะเมื่อเงินหยวนกลายเป็นสกุลเงินสากล นั่นก็เท่ากับว่าเศรษฐกิจของจีนจะเชื่อมต่อกับระบบเศรษฐกิจโลกมากขึ้น ซึ่งในปัจจุบัน ตลาดการเงินสากลนั้นยังจัดว่ามีความอ่อนไหวอยู่มาก นอกจากนั้นการควบคุมเศรษฐกิจในระดับมหภาคที่จีนทำมาอย่างต่อเนื่อง ก็จะทวีดีกรีความยากยิ่งขึ้น ยกตัวอย่างเช่น หากปรากฏปัญหาเงินเฟ้อเกิดขึ้น ธนาคารกลางอาจจะใช้วิธีการขึ้นดอกเบี้ยเพื่อแก้ปัญหา ในเวลานี้ผู้ที่ถือครองเงินหยวนอยู่ในตลาดนานาชาติ ก็จะฉวยโอกาสในการเพิ่มอุปทานของเงินหยวน อันจะทำให้มาตรการที่แบงก์ชาติออกมานั้นมีประสิทธิภาพน้อยลง

    นอกจากนั้น อีกสิ่งหนึ่งที่ลืมไม่ได้ก็คือ เมื่อเงินสกุลเหรินหมินปี้ได้กลายเป็นสกุลเงินสากล ก็อาจจะทำให้ประเด็น “การคุกคามจากจีน” ถูกรื้อฟื้นกลับขึ้นมาอีกครั้ง โดยหวังหยวนหลงได้ระบุว่า เมื่อเงินหยวนนั้นเริ่มเป็นที่ยอมรับจากเวทีนานาชาติอย่างเด่นชัดมากขึ้น ประเทศทางตะวันตก จะแสดงออกถึงท่าทีอันขัดแย้ง ต่อฐานะของ“เงินสกุลจีน”ออกมทันที กล่าวคือ ด้านหนึ่งจะปรารถนาให้เงินหยวนแข็งค่ามาเพื่อ “แก้ปัญหา” ดุลการค้าที่ไมสมดุลของโลก แต่อีกด้านหนึ่ง การที่เงินหยวนแข็งค่าขึ้นเรื่อยๆนั้น จะทำให้เงินหยวนค่อยๆไปแทนที่เงินสกุลอื่นๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่ชาวตะวันตกคงไม่อยากจะเห็นภาพนี้เกิดขึ้น


    แปลและเรียบเรียงโดย ยุทธชัย อนันตศักรานนท์

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#cccccc><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR vAlign=baseline><TD vAlign=top width=21 height=19>[​IMG]</TD><TD class=hit align=left height=19>ข่าวที่เกี่ยวข้อง</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR vAlign=baseline><TD align=middle width=21 height=19>[​IMG]</TD><TD align=left height=19>หยวนฉุดไม่อยู่ทำนิวไฮทะลุ 7.4 ต่อดอลล์แล้ว</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  3. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  4. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)
    ขอความเมตตาช่วยต่อชีวิตพระเณร บช.ออมทรัพย์ 2030-06304-5 บัญชี รร.พระปริยัติธรรมบ่อเงินบ่อทอง บมจ.ธ.กรุงไทย สาขาพนมสารคาม
    ขอเชิญร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ณ สำนักสงฆ์ผาผึ้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ บมจ.ธนาคารกรุงไทย สาขาลาดพร้าว 102 บช.ออมทรัพย์เลขที่ 1890-13128-8 ชื่อบัญชี นางพิชญ์สินี ชาญปารีชญา ,นายอุเทน งามศิริ ,นายสิรเชษฏ์ ลีละสุนทเลิศ
    ประวัติหลวงปู่เทพโลกอุดร ประวัติหลวงปู่ เทพโลกอุดร พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....
    <!-- / sig -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 ธันวาคม 2007
  5. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ผมนำประวัติหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรไปลงในเว็บธรรมจักรแล้วครับ

    ลานธรรมจักร &raquo; ประวัติและปฏิปทาของครูบาอาจารย์

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=2 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=maintitle vAlign=top>หลวงปู่เทพโลกอุดร</TD></TR></TBODY></TABLE>

    http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?p=55305#55305

    โมทนาสาธุครับ

    .
     
  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=alt1 width="100%"><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR vAlign=bottom><TD>[​IMG]</TD><TD></TD><TD width="100%">palungjit.org > พลังจิต > ศูนย์ ประชาสัมพันธ์ </TD></TR><TR><TD class=navbar style="FONT-SIZE: 10pt; PADDING-TOP: 1px" colSpan=3>[​IMG] ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์และสัตว์</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

    การบริจาคเลือด , ดวงตา , อวัยวะ , ร่างกาย ให้สภากาชาดไทย

    http://palungjit.org/showthread.php?t=32274

    ผมนำเรื่องนี้ไปลงในเว็บลานธรรมจักรและเว็บวัดถ้ำเมืองนะแล้วครับ

    ลานธรรมจักร &raquo; นานาสาระ <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=2 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=maintitle vAlign=top>การบริจาคโลหิต , ดวงตา , อวัยวะ , ร่างกาย ให้สภากาชาดไทย</TD></TR></TBODY></TABLE>

    http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?p=55283#55283

    และ
    วัดถ้ำเมืองนะ จังหวัดเชียงใหม่ หมวดเสวนา - ประชาสัมพันธ์ ทั่วไป

    การบริจาคโลหิต , ดวงตา , อวัยวะ , ร่างกาย ให้สภากาชาดไทย
    http://watthummuangna.com/board/showthread.php?t=2502
    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  7. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>"ดอยคำ" แหล่งจำหน่ายผลิตภัณฑ์คุณภาพจากโครงการหลวง
    http://www.manager.co.th/Travel/View...=9500000144323

    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>5 ธันวาคม 2550 15:43 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>หลากหลายสินค้าแปรรูปที่มีจำหน่ายในร้านดอยคำ</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>สำหรับผลผลิตทั้งหลายไม่ว่าจะเป็น พืช ผัก ผลไม้ หรือผลิตผลอื่นๆ ที่ได้มาจากโครงการหลวงนั้น หากผู้บริโภคที่อยากจะอุดหนุนผลิตภัณฑ์ที่มาจากโครงการหลวง ก็สามารถหาซื้อผลิตภัณฑ์ต่างๆ เหล่านั้นได้จากสินค้าที่ผลิตออกมาภายใต้แบรนด์ที่มีชื่อว่า "ดอยคำ" ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่นำเอาผลผลิตทั้งหลายจากโครงการหลวงต่างๆ มาแปรรูปเป็นสินค้า เพื่อจัดจำหน่ายให้แก่ผู้บริโภคได้สัมผัสกับสินค้าจากโครงการหลวงที่มีคุณภาพ โดยมีการจัดขาย จัดตั้งเป็นร้านค้าจำหน่ายขึ้นมาภายใต้ชื่อว่า "ร้านดอยคำ" ซึ่งปัจจุบันมีเปิดให้บริการอยู่หลายสาขา อาทิ สาขาอาคารสินธร สาขามอเตอร์เวย์ สาขาเชียงราย โดยมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ร้านดอยคำเทเวศร์

    สุกัญญา นิลสม ผู้จัดการสายพัฒนาธุรกิจและการตลาดของ บริษัทดอยคำผลิตภัณฑ์อาหาร จำกัด กล่าวว่า บริษัท ดอยคำ ผลิตภัณฑ์อาหาร จำกัด ถูกจัดตั้งขึ้นเป็นนิติบุคคล เมื่อปี 2537 โดยมีสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์และมูลนิธิโครงการหลวงเป็นผู้ถือหุ้น เปิดดำเนินกิจการในเชิงธุรกิจ เพื่อรับซื้อผลผลิตทางการเกษตร จากมูลนิธิฯและเกษตรกรในพื้นที่ ด้วยราคาที่เป็นธรรม เพื่อนำมาผลิตและจัดจำหน่ายเป็นผลิตภัณฑ์แปรรูปภายใต้ตราสัญลักษณ์ "ดอยคำ"

    "ในส่วนของร้านดอยคำตรงนี้ เราจะขายโดยใช้ตราแบรนด์ว่าดอยคำ วัตถุดิบของเราส่วนหนึ่งจะมาจากโครงการหลวง เพราะโครงการหลวงเขาปลูกขึ้นมา แล้วเขาก็ขายสด และส่วนที่เหลือจากการขายสด ที่ไม่มีคนจองในวันที่เก็บเขาเขาก็จะขายเรา เราก็ไปซื้อแล้วก็จะนำมาแปรรูปเป็นสินค้า" สุกัญญา บอก


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ร้านดอยคำสถานที่จำหน่ายสินค้าคุณภาพจากโครงการหลวง</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>สำหรับผลิตภัณฑ์ของดอยคำนั้น จะเน้นการผลิตสินค้าที่มีคุณภาพ ทั้งในด้านรสชาติ และความปลอดภัย และคงไว้ซึ่งคุณค่าทางโภชนาการ และเกิดเป็นผลิตภัณฑ์แปรรูปหลากหลายชนิดให้เลือกสรร อาทิ น้ำผลไม้พร้อมดื่ม ที่ไม่ใส่สีและวัตถุกันเสียเจือปน มีให้เลือกหลายรส อาทิ น้ำเสาวรส น้ำบ๊วย น้ำสตรอเบอรี่ น้ำเห็ดหลินจือผสมน้ำผึ้ง ฯลฯ และยังมีน้ำผลไม้เข้มข้น ที่ทำมาจากผลไม้สด 100% ส่งตรงจากไร่ ซึ่งดอยคำนำมาแปรรูปเป็นน้ำผลไม้เข้มข้นที่มีส่วนผสมของเนื้อผลไม้ ที่หอมหวานอร่อย มีวิตามิน มีให้เลือกหลายรสชาติ อาทิ น้ำกระเจี๊ยบเข้มข้น น้ำลิ้นจี่เข้มข้น ฯลฯ

    ไม่หมดเพียงเท่านี้ยังมีแยมผลไม้ ที่แปรรูปจากเนื้อผลไม้แท้ๆ คัดผลไม้สดที่ได้มาตรฐาน และไม่ใส่สารกันบูด มีทั้ง แยมมะม่วง มาร์มาเลดส้ม ฯลฯ ในส่วนของผลไม้อบแห้งก็มี โดยนำผลไม้มาแปรรูปอบแห้ง ปราศจากสารกันบูด ขัณฑสกรและน้ำตาล มีให้เลือกหลายอย่าง อาทิ สตรอเบอร์รี่อบแห้ง บ๊วย 3 รส ฝรั่งอบแห้ง ฯลฯ และนี้ยังมีผลไม้ในน้ำเชื่อม มีน้ำผึ้งแท้ 100% จากธรรมชาติ มีผลิตภัณฑ์นมถั่วเหลือง และผลิตภัณฑ์จากมะเขือเทศ

    "ในแบรนด์ของดอยคำ เรายังยึดปณิธานของในหลวง อยู่ว่าเราจะผลิตสินค้าที่มีคุณภาพแล้วก็ปลอดภัยจากสารเคมี จากสิ่งต่างๆที่ไม่ใช่ธรรมชาติ เราจะพยายามทำให้ไม่มีสารเคมี เพื่อคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้บริโภค และเราก็เริ่มพัฒนาสินค้าใหม่ที่เน้นทางด้านประโยชน์ทางด้านสารอาหารให้มากขึ้น โดยมีการเติมวิตามินอะไรหลายๆ อย่าง เพื่อให้ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคเพิ่มมากขึ้น" สุกัญญากล่าว

    ทั้งนี้ทางร้านดอยคำนอกจากจะจำหน่ายสินค้าตราดอยคำแล้ว ยังมีสินค้าอื่นๆ ที่มาจากโครงการหลวงอีกไม่ว่าจะเป็นผัก ผลไม้สดๆ ดอกไม้แห้ง ผลิตภัณฑ์จากสมุนไพร ฯลฯ และก็ยังรับเอาสินค้าจากโครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดามาจำหน่ายอีกด้วย
    http://palungjit.org/showthread.php?p=848890#post848890

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>"ผลผลิตโครงการหลวง" คุณภาพแห่งคุณภาพ
    http://www.manager.co.th/Travel/View...=9500000144321

    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>5 ธันวาคม 2550 15:41 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=250 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=250>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>โครงการหลวงโครงการใต้พระบารมีที่จัดตั้งขึ้นเพื่อ"ช่วยชาวเขา ช่วยชาวเรา ช่วยชาวโลก"</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>"ช่วยชาวเขา ช่วยชาวเรา ช่วยชาวโลก"

    พระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่มีต่อชาวไทยภูเขา มาวันนี้นับเป็นเวลาเกือบ 40 ปีมาแล้วที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงจัดตั้ง "โครงการหลวง" ขึ้น เพื่อช่วยเหลือชาวไทยภูเขาทางภาคเหนือ

    พระองค์ทรงพลิกฟื้นให้แผ่นดินบนยอดดอยอันแห้งแล้ง ไร้ซึ่งต้นไม้ใหญ่ ที่มีแต่แปลงปลูกฝิ่นของชาวเขา ซึ่งเป็นพืชเสพติดที่สร้างรายได้ให้กับพวกชาวเขา ณ ตอนนั้น และมีการทำไร่เลื่อนลอยเป็นจำนวนมาก ให้กลับกลายมาเป็นผืนแผ่นดินแห่งความชุ่มชื้นอีกครั้ง ไร่ฝิ่นถูกเปลี่ยนแปลง เป็นไร่พืชผัก ผลไม้ ไม้ดอกเมืองหนาว ซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจที่สร้างอาชีพอันสุจริตใจให้กับชาวเขา ให้พวกชาวเขามีรายได้ และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>สตรอเบอร์รี่สีแดงฉ่ำหวานผลผลิตจากสถานีเกษตรหลวงอ่างขาง</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>ปัจจุบันนี้โครงการหลวงตั้งกระจายอยู่ในพื้นที่ 5 จังหวัดทางภาคเหนือ คือ เชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน พะเยา และลำพูน มีโครงการหลวงถึง 38 แห่ง ที่แต่ละโครงการหลวงก็จะมีทำการเกษตรปลูกพืช ผัก ผลไม้ ดอกไม้เมืองหนาว และการปศุสัตว์ ที่ในหลวงทรงพระราชทาน ให้ทำการวิจัยจนประสบความสำเร็จ และก็นำไปส่งเสริมให้ชาวเขานำไปเพาะปลูก และเพาะเลี้ยง จนเกิดเป็นผลผลิตที่มีคุณค่า มีราคา เป็นการสร้างอาชีพและสร้างรายได้ ให้แก่ชาวเขา ให้พวกชาวเขามีคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right border=0><TBODY><TR><TD width=5>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=250 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=250>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>พืชผักเมืองหนาว ผลผลิตคุณภาพจากโครงการหลวง </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>สำหรับผลผลิตต่างๆ ที่มีอยู่ภายในโครงการหลวงในแต่ละพื้นที่นั้น จะมีความแตกต่างกันไปตามแต่ละสภาพพื้นที่ โดยทั้ง 38 โครงการหลวงนั้นมีผลผลิตนานาชนิด และนานาพันธุ์มากมาย ที่ล้วนแล้วแต่เป็นผลผลิตที่มีคุณภาพ มีความสด สะอาด และปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็นพวกพืชผัก ไม้ผลเมืองหนาว หรือการปศุสัตว์ ที่หลายคนอาจจะไม่เคยรู้ หรือไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าในประเทศไทยของเราจะมีผลผลิตที่สามารถเพาะปลูก และเพาะเลี้ยงได้เหล่านี้บนยอดดอยสูงทางภาคเหนือของเมืองไทย

    และนี่คือบางส่วนของผลผลิตจากโครงการหลวง ซึ่งถือเป็นผลผลิตระดับคุณภาพแห่งคุณภาพที่ทุกคนต่างให้การยอมรับ

    "สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง" มากมายพืชผลเมืองหนาว

    "สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง" ต. แม่งอน อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ เป็นโครงหารหลวงแห่งแรกที่จัดตั้งขึ้นเมื่อปี 2512 ภายในศูนย์มีการส่งเสริมให้เกษตรกรชาวเขานำพืชผัก ผลไม้เมืองหนาวไปปลูกทดแทนการปลูกฝิ่น ซึ่งปัจจุบันนี้ภายในพื้นที่โครงการหลวงอ่างขาง มีพวกไม้ผล พืชผัก เมืองหนาวนานาชนิดที่สามารถปลูกและได้ผลผลิตที่ดี สร้างอาชีพและรายได้ให้กับชาวเขาในพื้นที่เป็นอย่างมาก

    "ตอนแรกๆ จะเป็นพวกไม้ผลเข้ามาก่อน คือพวกพีช ท้อเข้ามา หลังจากพีชเข้ามาแล้วเราต้องรอระยะเวลา 2-3 ปีกว่าจะได้ผลผลิต หรือถึง 4 -5 ปีกว่าจะคุ้มทุน จึงได้มีการเอาไม้ดอก กับผักเข้ามาแซมเพื่อให้ชาวเขามีรายได้ทุกวัน หรือทุกสัปดาห์ ทุกเดือน เข้ามาไม่อย่างนั้นชาวเขาจะอยู่ไม่ได้"


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>แปลงบ๊วยในสถานีเกษตรหลวงอ่างขาง</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>อาณัติ เจริญพงษ์ หัวหน้าแผนกคัดบรรจุสถานีเกษตรหลวงอ่างขาง พูดถึงผลผลิตที่มีการเพาะปลูกที่โครงการหลวงอ่างขางให้ฟัง พร้อมกับยังได้บอกว่า สำหรับไม้ผลที่เด่นของอ่างขางจะเป็นพวกพีช กีวีฟรุ๊ต บ๊วย ลูกพลับ ลูกพลัม และมีไม้ผลขนาดเล็กคือ สตรอเบอร์รี่ ซึ่งที่อ่างขางเน้นเป็นพันธุ์บริโภคสดเท่านั้น

    สำหรับฤดูกาลของการออกผลผลิตของไม้ผลในอ่างขางนั้น มีดังนี้คือ พีช จะออกประมาณเดือนเม.ย.-พ.ค. พอประมาณเดือนพ.ค. จะมีพลัมออก พอเดือนมิ.ย.ถึง ก.ค. ก็จะมีราสเบอร์รี่ ออกมา ครั้นพอเดือนส.ค.ถึง ก.ย. จะมีสาลี่ออก และประมาณเดือนก.ย. ถึง .ต.ค. จะเป็นฤดูของพลับ ส่วนสตรอเบอร์รี่จะเริ่มออกตั้งแต่ปลายเดือนต.ค. ไปจนถึงต้นเดือนเม.ย. และจะมีกีวี ที่จะออกเดือนพ.ย. และบ๊วยจะมีในเดือนมี.ค.-เม.ย. เรียกว่าตลอดทั้งปีจะมีไม้ผลเมืองหนาวออกผลต่อเนื่องกันตลอดทั้งปี


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง เป็นแหล่งปลูกกีวีฟรุ๊ตมากที่สุดในเมืองไทย </TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=5>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>"ตอนนี้ไม้ผลที่เราเน้นก็จะมีพีช กีวีฟรุ๊ต และสตรอเบอร์รี่ สามตัวนี้เป็นหลักเลย สตรอเบอร์รี่เราถือว่าเราปลูกได้ดีที่สุดในประเทศไทย เพราะที่อื่นรสชาติอาจจะสู้เราไม่ได้ เราเลยพัฒนาสตรอเบอร์รี่นี้ให้เป็นตัวหลัก ส่วนพีชเขาต้องการความหนาวเยอะ และก็นาน แต่ที่อื่นไม่หนาวนานเท่ากับอ่างขาง เราก็เลยมาเน้นพีช ส่วนกีวีที่อื่นการปลูกมีไม่เยอะเท่ากับที่อ่างขาง เพราะที่อ่างขางถือว่าเป็นแหล่งปลูกกีวีที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย" อาณัติ บอก

    และนอกจากไม้ผลเด่นๆ นี้แล้ว ที่อ่างขางก็ยังมีพืชผักที่จะออกตลอดทั้งปี ซึ่งตอนนี้ที่อ่างขางมีการปลูกผักแบบเกษตรอินทรีย์ คือปลูกแบบไร้สาร ปลอดสารพิษ ซึ่งมีพืชผักเกษตรอินทรีย์อยู่ประมาณ 15 ชนิด อาทิ กะหล่ำปลีรูปหัวใจ คะน้า เบบี้ฮ่องเต้ ยอดซาโยเต้ และยังมีการปลูกผักในน้ำ หรือ ผักไฮโดรโพนิกส์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผักที่อยู่ในตระกูลสลัด อาทิ ผักกาดหอม โอ๊คเขียว บัตเตอร์เฮด

    ทั้งนี้สำหรับผลิตผลทั้งหมดที่เก็บได้ ทางโครงการฯ จะมีการรวบรวมเข้าไปที่อาคารของคัดบรรจุ บนดอยที่สถานีอ่างขางก่อน เพื่อไปคัดเกรดและตรวจสอบคุณภาพเสร็จแล้วก็บรรจุ แล้วส่งลงไปที่งานคัดบรรจุที่เชียงใหม่อีกครั้งหนึ่ง เพื่อไปตรวจสอบคุณภาพอีกครั้งหนึ่ง ก่อนที่จะส่งต่อไปที่ฝ่ายตลาดที่เชียงใหม่ เพื่อทำการขายให้กับลูกค้า เรียกว่าต้องผ่านขั้นตอนการตรวจสอบอย่างพิถีพิถัน ก่อนที่จะส่งผลิตผลที่มีคุณภาพให้ถึงมือผู้บริโภค

    กาแฟอาราบิก้ารสดีและเสาวรส ที่ "โครงการหลวงแม่ลาน้อย"

    จากพืชผัก และผลไม้เมืองหนาวที่โครงการหลวงอ่างขาง หันมารู้จักกับอีกหนึ่งผลิตผลที่มีชื่อเสียงของ บ้านห้วยห้อม "โครงการหลวงแม่ลาน้อย" ที่ตั้งอยู่ ต. ห้วยห้อม อ. แม่ลาน้อย จ. แม่ฮ่องสอน จัดตั้งขึ้นเมื่อปี 2523 ภายในโครงการหลวงมีการส่งเสริมให้เกษตรชาวเขาหมู่บ้านห้วยห้อม ทำการเพาะปลูกพืชสวน และทำการเลี้ยงสัตว์ ทอผ้า โดยผลผลิตที่มีชื่อเสียงของที่นี่อันสร้างรายได้ให้กับชาวเขาเป็นอย่างมากก็คือ กาแฟ ซึ่งเป็นกาแฟสายพันธุ์อาราบิก้า ที่เป็นผลิตผลชั้นดีที่มีสารกาแฟระดับยอดเยี่ยม มีคุณภาพสูง และมีรสชาติของกาแฟที่หอมหวานยอดเยี่ยมชวนดื่ม


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=250 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=250>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>กาแฟอาราบิก้าพันธุ์ดี ผลผลิตจาก"โครงการหลวงแม่ลาน้อย"</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>กาแฟอาราบิก้าของที่นี่มียอดการทำสัญญาสั่งซื้อตลอดทั้งปี และมีการจัดจำหน่ายส่งออกไปกว่า 10 ประเทศ นอกจากนี้ยังได้ส่งขายให้กับร้านกาแฟแฟรนไชส์ชื่อดังในเมืองไทย ถือว่าเป็นการสร้างรายได้ให้กับชาวเขาได้เป็นอย่างดี ซึ่งในทุกๆ ปีช่วงเดือนธันวาคม จะมีการจัดเทศกาลกาแฟสดห้วยห้อมขึ้น ซึ่งผู้ที่พิสมัยการดื่มกาแฟรสชาติดีไม่ควรพลาดที่จะมาลองลิ้มรส

    และนอกจากกาแฟอาราบิก้าแล้ว ที่นี่ยังมีไม้ผลอีกหนึ่งตัวที่ได้ผ่านการทดสอบ และศึกษาวิจัยว่าเหมาะสมแก่การปลูกในพื้นที่โครงการหลวงแม่ลาน้อยมากที่สุดนั่นก็คือ เสาวรส เพราะสามารถเติบโตได้ดีและให้ผลผลิตสูงสุด ซึ่งเสาวรสเป็นผลไม้ที่ทานแล้วให้ความสดชื่น ให้วิตามันซีสูง ช่วยลดความดันโลหิต ลดไขมัน และยังป้องกันไข้หวัดได้ดี จึงทำให้โครงการหลวงแม่ลาน้อยส่งเสริมให้เกษตรปลูกเสาวรสเป็นจำนวนมาก ทำให้สามารถผลิตได้มากที่สุดถึง 211 ตันต่อปี ในช่วงแรกที่ได้รับผลผลิตทำให้โครงการหลวงสามารถส่งน้ำเสาวรสออกสู่ตลาดต่างประเทศได้ และในปีต่อ ๆ มาก็สามารถผลิตเพิ่มได้ถึง 600 ตันต่อปี ซึ่งฤดูกาลของการเริ่มต้นปลูกเสาวรส จะเริ่มในเดือนธันวาคม และจะเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ในช่วงระหว่างเดือนสิงหาคมถึงเดือนมกราคม


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ปลาเทราต์ โครงการหลวงอินทนนท์ที่เพาะเลี้ยงได้แห่งแรกในเมืองไทย</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>"ปลาเทราต์" เพาะเลี้ยงแห่งแรกในไทยที่โครงการหลวงอินทนนท์

    และนอกจากพืชผัก ผลไม้เมืองหนาวแล้ว ก็ยังมีผลผลิตทางด้านประมงที่น่าสนใจอีกนั่นก็คือ ปลาเทารต์ ที่ในหลวงทรงพระราชทานให้มีการเพาะเลี้ยงอยู่ที่ "หน่วยวิจัยประมงบนพื้นที่สูงดอยอินทนนท์" ซึ่งตั้งอยู่ภายใน "ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงอินทนนท์" ดอยอินทนนท์ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ ซึ่งที่นี่ถือว่าเป็นยอดดอยที่สูงสุดของสยาม มีอุณหภูมิหนาวเย็นตลอดปี และมีสภาพของน้ำที่เย็นเหมาะสมแก่การเพาะเลี้ยงปลาเทราต์ นับเป็นการเพาะเลี้ยงปลาเทราต์เป็นแห่งแรกในเมืองไทย


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>กุ้งก้ามแดงผลผลิตทางประมงจากโครงการหลวงอินทนนท์</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>ดร.ประสาน พรโสภิณ นักวิชาการประมง 6 ว. ที่หน่วยวิจัยประมงบนพื้นที่สูงดอยอินทนนท์ กล่าวถึงที่มาของการเพาะเลี้ยงปลาเทราต์ที่โครงการหลวงอินทนนท์ว่า โครงการเพาะเลี้ยงปลาเทราต์ได้เริ่มเมื่อปี 2516 เมื่อครั้งที่อธิบดีกรมประมงได้เข้าเฝ้าในหลวง และพระองค์ท่านได้มีรับสั่งให้หาพันธุ์ปลาที่เหมาะสมกับน้ำเย็นบนพื้นที่สูงมาเลี้ยงในพื้นที่โครงการหลวง ทางกรมประมงได้ถวายว่ามี "ปลาเรนโบว์ เทราต์" ที่มีถิ่นกำเนิดอยู่ที่อเมริกา แถบอลาสก้า สามารถนำมาเพาะเลี้ยงในน้ำเย็นของพื้นที่นี้ได้ จึงทำให้ได้เริ่มทดลองนำมาเพาะเลี้ยงตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

    สำหรับการเพาะเลี้ยงปลาเทราต์ นั้นต้องมีปัจจัยดังนี้ คือ ต้องมีที่เย็น มีอุณหภูมิไม่เกิน 24 องศาเซลเซียส และก็ต้องมีน้ำที่สะอาด ไม่มีสารเคมีหรือยาฆ่าแมลงใดไปเจือปน และสุดท้ายน้ำที่เพาะเลี้ยงต้องใส ซึ่งเป็นคุณสมบัติของน้ำที่ปลาเทราต์ต้องการ โดยทางหน่วยวิจัยฯ ได้รับน้ำจากน้ำตกสิริภูมิ ซึ่งมีอุณหภูมิไม่เกิน 24 องศา และมีคุณสมบัติตรงความต้องการในการเพาะเลี้ยงปลาเทราต์ จนปัจจุบันสามารถผลิตลูกพันธุ์ปลาเทราต์ได้ถึงปีละ 1 แสนตัว


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>พีชผลิตผลตัวเด่นจากสถานีเกษตรหลวงอ่างขาง</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>"ปลาเทราต์เป็นปลาที่มีเนื้อนุ่ม เนื้อปลามีสีขาว มีลักษณะอ่อนนุ่มเด่นกว่าปลาแซลมอนซึ่งอยู่ในตระกูลเดียวกัน ซึ่งตลาดนิยมบริโภคเนื้อปลาเทราต์ ซึ่งการที่เราเพาะเลี้ยงปลาเทราต์ เพราะต้องการลดการนำเข้าปลาชนิดนี้ที่ต้องนำเข้ามาทุกปี และที่สำคัญเราต้องการเปลี่ยนสรรพยากรน้ำเย็นให้มีมูลค่า และก็ต้องการให้ชาวเขาได้มีอาชีพเลี้ยงปลาที่มีราคา ต้องการให้ชาวเขามีอาชีพที่มีรายได้ มีมูลค่าสูง" ดร.ประสาน บอก

    ดร.ประสาน ได้กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า นอกจากปลาเทราต์แล้วที่นี่ยังได้เพาะเลี้ยงกุ้งก้ามแดง เป็นผลผลิตเด่นอีกหนึ่งตัว "กุ้งก้ามแดงนำเข้ามาจากออสเตรเลีย เดิมทีเอกชนของเรานำเข้ามาก่อน แล้วเราหยิบมาใช้ประโยชน์บนพื้นที่สูง โดยนำขึ้นไปทดลองเพาะเลี้ยงในนาข้าวของเกษตรกร เพราะว่าชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยงเขานิยมปลูกข้าวไว้บริโภคในครัวเรือน เราไม่ต้องการที่จะเปลี่ยนวิถีชีวิตเขา เราจะเติมโครงการลงไปเรามองถึงวิถีชีวิตเขาด้วย เพราะฉะนั้นการเลี้ยงกุ้งก้ามแดงในนาข้าวนั้น ชาวเขาได้ทั้งสองอย่าง อย่างแรกเขาได้ข้าว อย่างที่สองเขาได้กุ้งไว้ขาย ซึ่งมีราคาแพง เพราะกุ้งก้ามแดงมีความพิเศษอยู่ตรงที่เนื้อจะแน่น สีสันจะสวยงาม นำไปตกแต่งอาหารโดยใช้แทนพวกกุ้งลอบสเตอร์ได้"


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=250 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=250>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ผักปลอดสารพิษสดใหม่จากสถานีเกษตรหลวงอ่างขาง </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>"ตอนนี้โครงการหลวงอินทนนท์มีสินค้าเด่นๆ อยู่สองชนิดคือ ปลาเรนโบว์ เทราต์ และกุ้งก้ามแดง ซึ่งทางโครงการได้ส่งขายในกรุงเทพตามโรงแรม หรือภัตตาคารใหญ่ๆ ทำให้ชาวเขาได้มีอาชีพ มีรายได้ที่ดี" ดร.ประสานกล่าวทิ้งท้าย

    และนี่ถือเป็นส่วนหนึ่งของผลผลิตแห่งโครงการหลวง ผลผลิตอันเปี่ยมไปด้วยคุณภาพใต้พระบารมีแห่งองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทั่วโลกยกย่องว่าเป็น "พระมหากษัตริย์ที่ทรงงานหนักที่สุดในโลก"


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#cccccc><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR vAlign=baseline><TD vAlign=top width=21 height=19>[​IMG]</TD><TD class=hit align=left height=19>ข่าวล่าสุด ในหมวด</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR vAlign=baseline><TD align=middle width=21 height=19>[​IMG]</TD><TD align=left height=19>"ดอยคำ" แหล่งจำหน่ายผลิตภัณฑ์คุณภาพจากโครงการหลวง</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>http://palungjit.org/showthread.php?t=103355</TD></TR></TBODY></TABLE>


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  8. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    วันที่ 8 หรือ 9 ธันวาคม 50 นี้ ผมว่าจะไปงานวิทยาศาสตร์ทางจิต จะไปถ่ายรูปออร่าดู หลังจากคราวที่แล้วถ่ายรูปมาแล้ว จะดูว่ามีความเปลี่ยนแปลงอย่างไร

    รูปออร่าครั้งที่แล้วครับ
    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 ธันวาคม 2007
  12. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ผมขอแจ้งงานศพคุณพ่อ(ตา)ของท่านๆหนึ่งในคณะเรา หากท่านใดมีความประสงค์ที่จะร่วมทำบุญในงานศพของคุณพ่อ(ตา) ผมรบกวนขอให้โทรศัพท์แจ้งผมด้วยนะครับว่า จะร่วมทำบุญกันหรือไม่ อย่างไร แต่ผมเองตั้งใจที่จะทำอยู่แล้วครับ

    โมทนาสาธุครับ

    .
     
  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    วันที่ 8 หรือ 9 ธันวาคม 50 นี้ ผมว่าจะไปงานวิทยาศาสตร์ทางจิต จะไปถ่ายรูปออร่าดู หลังจากคราวที่แล้วถ่ายรูปมาแล้ว จะดูว่ามีความเปลี่ยนแปลงอย่างไร

    รูปออร่าครั้งที่แล้วครับ
    [​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    มหกรรมวิทยาศาสตร์ทางจิตนานาชาติ ครั้งที่ 12
    <TABLE class=tborder id=post796830 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">06-11-2007, 12:58 PM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right> #1 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>MOUNTAIN<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_796830", true); </SCRIPT>
    สมาชิก ยอดนิยม
    สมาชิกยอดฮิต

    [​IMG]

    เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 08:08 AM
    วันที่สมัคร: Dec 2005
    ข้อความ: 7,112 <!-- Start Post Thank You Hack -->
    ได้ให้อนุโมทนา 43,771 ครั้ง
    ได้รับอนุโมทนา 93,989 ครั้ง ใน 8,561 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
    พลังการให้คะแนน: 10382 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


    </TD><TD class=alt1 id=td_post_796830 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- icon and title -->มหกรรมวิทยาศาสตร์ทางจิตนานาชาติ ครั้งที่ 12
    <HR style="COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message -->มหกรรมวิทยาศาสตร์ทางจิตนานาชาติ ครั้งที่ 12 "พลังจิตเพื่อสุขภาพและความงาม"

    โดยสถาบันวิทยาศาสตร์ทางจิตและองค์เจ้าภาพร่วม
    วันที่ 8-9-10 ธันวาคม 2550 ตั้งแต่เวลา 10.00 น.- 18.00 น. ณ โรงเรียนสุรศักดิ์มนตรี เขตดินแดง กรุงเทพฯ

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  14. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  15. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    นำมาให้ชมกันอีกครั้งครับ

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR vAlign=bottom><TD>[​IMG]</TD><TD></TD><TD width="100%">palungjit.org > พุทธศาสนา > พุทธศาสนา</TD></TR></TBODY></TABLE>
    ใช้ธูปเท่าไร ไหว้พระไหว้เจ้า
    http://palungjit.org/showthread.php?t=57125

    ใช้ธูปเท่าไร ไหว้พระไหว้เจ้า (ผู้เขียน ซินแสน้อย) <O:p</O:p

    ธูป 1 ดอก นิยมใช้ไหว้ศพ เจ้าที่ เจ้าทาง ภูมิ ผี ต่างๆ กล่าวคือวิญญาณธรรมดาที่ยังไม่ได้ขึ้นเป็นชั้นเทพ<O:p</O:p
    ธูป 2 ดอก ไม่ปรากฏนิยมใช้<O:p</O:p
    ธูป 3 ดอก นิยมไหว้พระพุทธ อันมีความหมายถึง พระรัตนตรัย หรือแม้แต่การไหว้เทพก็มีผู้ไหว้ 3 ดอก เช่นกัน อันมีความหมายถึงพระศิวะ พระนารายณ์ และพระพรหม<O:p</O:p
    ธูป 4 ดอก ไม่ปรากฏนิยมใช้<O:p</O:p
    ธูป 5 ดอก มีผู้นิยมใช้ไหว้ตี่จูเอี้ย โดยปักที่กระถางธูป 3 ดอกและข้างประตู ข้างละ 1 ดอก นอกจากนี้ก็มีผู้นิยมไหว้พระรูปรัชการที่ ๕ คงมีคติมาจากรัชการที่ ๕ ก็ใช้ 5 ดอก การไหว้ท้าวจตุโลกบาลก็นิยมใช้ธูป 5 ดอก เพราะหมายถึงทิศใหญ่ทั้ง 5 อันมี ตะวันตก ตะวันออก เหนือ ใต้ และทิศกลาง ตามความเชื่อของชาวจีน รวมทั้งเทพอื่นๆ ก็เห็นมีปรากฏ<O:p</O:p
    ธูป 6 ดอก ไม่นิยมใช้<O:p</O:p
    ธูป 7 ดอก นิยมไหว้พระภูมิไชยศรี นอกจากนี้ก็มีผู้ที่เคารพบูชาพระอาทิตย์ก็นิยมไหว้ ซึ่งความหมายของธูป 7 ดอก ก็หมายถึงความคุ้มครองวันทั้ง 7 ในหนึ่งสัปดาห์<O:p</O:p
    ธูป 8 ดอก ชาวฮินดูนิยมใช้ธูป 8 ดอก ในการไหว้เทพแทบจะทุกองค์ ที่เป็นเทพชั้นสูง อันได้แก่ พระศิวะ พระนารายณ์ พระพรหม พระแม่อุมา พระลักษมี พระสุรัสวดี พระพิฆเนศ พระขันธกุมาร ร่วมไปถึง พระราม พระกฤษณะ ด้วยจะพบว่า กล่องธูปที่ใช้บรรจุธูปหอมของอินเดียกล่องหนึ่งจะมีธูป 8 ดอก ให้บูชาครั้งละ 1 กล่องเล็ก นอกจากนี้ก็มีความเชื่อว่า การไหว้พระราหู ก็นิยมใช้ธูป 8 ดอกเช่นกัน<O:p</O:p
    ธูป 9 ดอก นับเป็นจำนวนธูปที่นิยม ใช้ในการไหว้ทั้งพระทั้งเทพสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ด้วยคนไทยถือว่าเลข 9 เป็นเลขมงคล หมายถึงความเจริญก้าวหน้า หากแต่ในประเทศอื่นเขาไม่ได้นิยมเช่นคนไทย<O:p</O:p
    ธูป 10 ดอก สำหรับชาวจีนดั้งเดิมแล้วนิยมใช้เลขนี้ในการจุดธูปเช่นเดียวกันคนไทยนิยมเลข 9 เลขสิบนับเป็นเลขเต็ม และความหมายของสิบ (ภาษาจีนคือจั๊บ)นั้นหากจะประดุจนิ้วมือก็หมายถึงการจับได้เต็มไม้เต็มมือ ได้อะไรที่เต็มมือ ได้อะไรที่เต็มสิบก็คือความสมบูรณ์เต็มที่<O:p</O:p
    ธูป 11 ดอก ไม่ปรากฏความนิยม<O:p</O:p
    ธูป 12 ดอก ชาวจีนนิยมไหว้เจ้าแม่กวนอิม บางคนใช้ 13 ดอก แต่จะไหว้เฉพาะในช่วงเดือน 12 เท่านั้น<O:p</O:p
    ธูป 14, 15 ดอก ไม่ปรากฏความนิยม<O:p</O:p
    ธูป 16 ดอก นิยมใช้ในพิธีบวงสรวงบูชาเทพ บูชาครู หรือพิธีกลางแจ้ง ที่มีการอัญเชิญเทวดาที่สำคัญต่างๆ 16 ดอก หมายถึง สวรรค์ 16 ชั้น<O:p</O:p
    นอกจากนี้ที่ได้สืบเสาะมาก็มี 31 ดอก และ 32 ดอก<O:p</O:p
    ที่นิยมใช้ในการบวงสรวง เช่นเดียวกันกับ 16 ดอก <O:p</O:p
    โดย ธูป 31 ดอก หมายถึงการเชิญเทพทั้ง 16 ชั้นฟ้า 15 ชั้นดิน ต้องเป็นการบวงสรวงเครื่องบัดพลีใหญ่<O:p</O:p
    หรือ ธูป 32 ดอก หมายถึง 16 ชั้นฟ้า 15 ชั้นดิน และบนโลกมนุษย์ อีก 1 จะนิยมใช้ในการบวงสรวงใหญ่เท่านั้น เพราะเครื่องบวงสรวงต้องมากเพียงพอกับการอัญเชิญด้วย<O:p</O:p
    เจ้าคุณอมร วัดบวรนิเวศ กรุงเทพฯ ท่านให้ข้อคิดที่น่าสนใจมากคือ จำนวนเท่าไร มันอยู่ที่ใจ มนุษย์ตั้งกันขึ้นมาเอง ตามความพอใจ ซึ่งที่จริงแล้วหากใจเป็นสมาธิศรัทธาจริง มือเปล่า ใจเปล่า ก็ศักดิ์สิทธิ์ ได้<O:p</O:p
    ผู้เขียนเองก็มีความเห็นตรงกันเพราะเวลาเราฟังเทศน์ ฟังธรรม หรือจบมือขึ้น สาธุ อนุโมทนากุศลนั้น ท่านเชื่อไหมว่า อานิสงส์แรงนักแล แค่เอามือเปล่าจบขึ้นเหนือหัวตั้งจิตให้มั่น กล่าวคำว่า สาธุ


    หมายเหตุ ผมเองจำไม่ได้ว่านำมาจากหนังสือ ชื่อหนังสืออะไรครับ

    ขอขอบคุณ คุณซินแสน้อย ผู้เขียนครับ

    ************************************************

    <!-- / message --><!-- sig -->
    พระคุณเจ้าหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ วัดสะแก จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ท่านเป็นพระสุปฏิปันโนที่เปี่ยมล้นด้วยความเมตตาต่อบรรดาศิษย์อย่างยิ่ง แม้อายุสังขารท่านจะร่วงโรยเพียงใด ท่านก็ยังเมตตาอบรมสั่งสอนศิษย์ ตลอดจนผู้ใฝ่ธรรมทั้งหลายที่มากราบนมัสการ จวบจนกระทั่งท่านอาพาธด้วยโรคหัวใจ ท่านก็ยิ่งให้ความเมตตาแก่ศิษย์โดยไม่รู้เหน็ดเหนื่อย ในยามดึกที่ควรจะได้พักผ่อน ท่านก็ยังแสดงธรรมแก่ผู้มากราบนมัสการตลอดมา ธรรมโอวาท ที่ท่านให้เป็นคติเตือนใจแก่ศิษย์ทั้งหลายคือ
     
  16. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE class=tborder id=threadslist cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=alt1 id=td_threadtitle_88315 title="มอบพระบรมสารีริกธาตุในการร่วมสร้างสมเด็จองค์ปฐมเนื้อเรซิ่นหน้าตัก ๑๔ นิ้ว จำนวน ๓ องค์ บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ<O:p</O:pมอบพระบรมสารีริกธาตุในการร่วมสร้างสมเด็จองค์ปฐมเนื้อเรซิ่นบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ([​IMG] 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17)
    :::เพชร:::
    </TD><TD class=alt2 title="จำนวนตอบ: 321, จำนวนอ่าน: 8,144">วันนี้ 10:01 AM
    โดย choke_mu-7 [​IMG]

    </TD><TD class=alt1 align=middle>321</TD><TD class=alt2 align=middle>8,144</TD><TD class=alt1>พระเครื่อง - วัตถุมงคล</TD></TR></TBODY></TABLE>

    <TABLE class=tborder id=threadslist cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=alt1 id=td_threadtitle_88314 title="มอบพระบรมสารีริกธาตุในการร่วมสร้างสมเด็จองค์ปฐมเนื้อเรซิ่นหน้าตัก ๑๔ นิ้ว จำนวน ๓ องค์ บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ<O:p</O:pมอบพระบรมสารีริกธาตุในการร่วมสร้างสมเด็จองค์ปฐมเนื้อเรซิ่นบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ([​IMG] 1 2 3 4 5 6 7 8)
    :::เพชร:::
    </TD><TD class=alt2 title="จำนวนตอบ: 152, จำนวนอ่าน: 3,559">01-12-2007 07:06 AM
    โดย :::เพชร::: [​IMG]

    </TD><TD class=alt1 align=middle>152</TD><TD class=alt2 align=middle>3,559</TD><TD class=alt1>กฐิน - ผ้าป่า - งานวัด</TD></TR></TBODY></TABLE>

    <TABLE class=tborder id=threadslist cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=alt1 id=td_threadtitle_88854 title="เมื่อเช้าวันนี้ได้รับโทรศัพท์จากรุ่นพี่ที่เคยพาไปกราบพระผู้ปฏิบัติดีรูปหนึ่งที่วัดเบญจมบพิตร ท่านเป็นผู้ก่อตั้งโครงการบริจาครถจักรยานมอบให้เด็กๆในถิ่นทุรกันดาร และขณะนี้ท่านเป็นผู้ที่ดูแลวัตถุโบราณสมัยพระบาทสมเด็จจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ท่านเมตตาสงเคราะห์คนที่กราบท่านมากมาย...">ทำบุญกับพระที่กำลังอาพาธ(ป่วย)ด้วยโรคมะเร็งกระดูก ([​IMG] 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11)
    :::เพชร:::
    </TD><TD class=alt2 title="จำนวนตอบ: 212, จำนวนอ่าน: 5,770">27-11-2007 08:17 AM
    โดย sithiphong [​IMG]

    </TD><TD class=alt1 align=middle>212</TD><TD class=alt2 align=middle>5,770</TD><TD class=alt1>พระเครื่อง - วัตถุมงคล</TD></TR></TBODY></TABLE>

    <TABLE class=tborder id=threadslist cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=alt1 id=td_threadtitle_88841 title="เมื่อเช้าวันนี้ได้รับโทรศัพท์จากรุ่นพี่ที่เคยพาไปกราบพระผู้ปฏิบัติดีรูปหนึ่งที่วัดเบญจมบพิตร ท่านเป็นผู้ก่อตั้งโครงการบริจาครถจักรยานมอบให้เด็กๆในถิ่นทุรกันดาร และขณะนี้ท่านเป็นผู้ที่ดูแลวัตถุโบราณสมัยพระบาทสมเด็จจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ท่านเมตตาสงเคราะห์คนที่กราบท่านมากมาย...">ทำบุญกับพระที่กำลังอาพาธ(ป่วย)ด้วยโรคมะเร็งกระดูก ([​IMG] 1 2 3 4)
    :::เพชร:::
    </TD><TD class=alt2 title="จำนวนตอบ: 64, จำนวนอ่าน: 1,521">30-11-2007 12:37 PM
    โดย :::เพชร::: [​IMG]

    </TD><TD class=alt1 align=middle>64</TD><TD class=alt2 align=middle>1,521</TD><TD class=alt1>ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์และสัตว์</TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE class=tborder id=threadslist cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=alt1 id=td_threadtitle_68553 title="งานบุญที่1.สร้างกุฏิกัมฐาน หลวงปู่ทองดี อนีโฆ วัดใหม่ปลายห้วย (ถวายแล้ว 7/4/2550)
    งานบุญที่2.ผ้าป่า 80 กอง สนองคุณครูบา อาจารย์ หลวงปู่ทองดี อนีโฆ วัดใหม่ปลายห้วย(ถวายแล้ว 7/4/2550)
    งานบุญที่3.ขอเชิญร่วมสร้างพระพุทธรูปสมเด็จองค์ปฐม หน้าตัก4ศอกถวายหลวงปู่ทองดี ณ วัดใหม่ปลายห้วย(ถวายแล้ว...">แนะนำ 108 งานบุญ กับพระและวัตถุมงคลชั้นเยี่ยม ([​IMG] 1234567891011121314151617181920 ... หน้าสุดท้าย)
    guawn
    </TD><TD class=alt2 title="จำนวนตอบ: 1,410, จำนวนอ่าน: 25,855">วันนี้ 05:05 AM
    โดย guawn[​IMG]

    </TD><TD class=alt1 align=middle>1,410</TD><TD class=alt2 align=middle>25,855</TD><TD class=alt1>พระเครื่อง - วัตถุมงคล</TD></TR></TBODY></TABLE>

    <TABLE class=tborder id=threadslist cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=alt1 id=td_threadtitle_103158 title="เพื่อนๆสมาชิกที่ร่วมทำบุญและไม่ได้ร่วมทำบุญกับผม หากต้องการพระที่ผ่านการอธิษฐานจิตโดยพระเดชพระคุณหลวงพ่อสิริ สิริวัฒโน จะนำไปแจกในงานบุญต่างๆเช่นงานบวช งานผ้าป่า งานกฐิน งานแต่ง สามารถแจ้งความประสงค์

    ติดต่อขอรับได้จากท่านอ.จเร เกิดผล เบอร์โทรศัพท์ 0819911822 รบกวนโพสด้วยนะครับ

    ปล.ห้ามขอตํ่ากว่า...">แจกฟรี !!! พระและวัตถุมงคลอธิษฐานจิตโดยพระเดชพระคุณหลวงพ่อสิริ สิริวัฒโน ([​IMG] 123)
    guawn
    </TD><TD class=alt2 title="จำนวนตอบ: 51, จำนวนอ่าน: 527">วันนี้ 11:58 AM
    โดย guawn[​IMG]

    </TD><TD class=alt1 align=middle>51</TD><TD class=alt2 align=middle>527</TD><TD class=alt1>พระเครื่อง - วัตถุมงคล</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE class=tborder id=threadslist cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=alt1 id=td_threadtitle_102680 title="เพื่อนๆสมาชิกที่ร่วมทำบุญและไม่ได้ร่วมทำบุญ หากต้องการพระที่ผ่านการอธิษฐานจิตโดยพระเดชพระคุณหลวงพ่อสิริ สิริวัฒโน จะนำไปแจกในงานบุญต่างๆเช่นงานบวช งานผ้าป่า งานกฐิน งานแต่ง สามารถแจ้งความประสงค์

    ติดต่อขอรับได้จากท่านอ.จเร เกิดผล เบอร์โทรศัพท์ 0819911822 รบกวนโพสด้วยนะครับ

    ปล.ห้ามขอตํ่ากว่า 100...">แจกฟรี !!! พระและวัตถุมงคลอธิษฐานจิตโดยพระเดชพระคุณหลวงพ่อสิริ สิริวัฒโน
    guawn
    </TD><TD class=alt2 title="จำนวนตอบ: 8, จำนวนอ่าน: 71">เมื่อวานนี้ 08:20 PM
    โดย guawn[​IMG]

    </TD><TD class=alt1 align=middle>8</TD><TD class=alt2 align=middle>71</TD><TD class=alt1>ธรรมทาน - วิทยาทาน</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE class=tborder id=threadslist cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=alt1 id=td_threadtitle_95569 title="ขอเชิญร่วมสร้างทานบารมีทำบุญถวายพระและวัตถุมงคลแด่พระเดชพระคุณหลวงพ่อสิริ สิริวัฒโนและพระเดชพระคุณหลวงปู่ทองดี อนีโฆ ไว้แจกเป็นทานบารมีในงานบุญต่างๆ

    โดยทางท่านอ.จเร ได้แจ้งความประสงค์จัดสร้างกับพระเดชพระคุณหลวงพ่อสิริ สิริวัฒโนและพระเดชพระคุณหลวงปู่ทองดี อนีโฆ ไว้ดังนี้

    1.จัดสร้างพระพิมพ์...">ขอเชิญร่วมสร้างทานบารมีกับหลวงพ่อสิริ สิริวัฒโนและหลวงปู่ทองดี อนีโฆ ([​IMG] 12345678910)
    guawn
    </TD><TD class=alt2 title="จำนวนตอบ: 193, จำนวนอ่าน: 2,153">26-11-2007 09:03 PM
    โดย guawn[​IMG]

    </TD><TD class=alt1 align=middle>193</TD><TD class=alt2 align=middle>2,153</TD><TD class=alt1>พระเครื่อง - วัตถุมงคล</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE class=tborder id=threadslist cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=alt1 id=td_threadtitle_95155 title="ขอเชิญร่วมสร้างทานบารมีทำบุญถวายพระและวัตถุมงคลแด่พระเดชพระคุณหลวงพ่อสิริ สิริวัฒโนและพระเดชพระคุณหลวงปู่ทองดี อนีโฆ ไว้แจกเป็นทานบารมีในงานบุญต่างๆ

    โดยทางท่านอ.จเร ได้แจ้งความประสงค์จัดสร้างกับพระเดชพระคุณหลวงพ่อสิริ สิริวัฒโนและพระเดชพระคุณหลวงปู่ทองดี อนีโฆ ไว้ดังนี้

    1.จัดสร้างพระพิมพ์...">ขอเชิญร่วมสร้างทานบารมีกับหลวงพ่อสิริ สิริวัฒโนและหลวงปู่ทองดี อนีโฆ ([​IMG] 123456789)
    guawn
    </TD><TD class=alt2 title="จำนวนตอบ: 174, จำนวนอ่าน: 815">วันนี้ 05:05 AM
    โดย guawn[​IMG]

    </TD><TD class=alt1 align=middle>174</TD><TD class=alt2 align=middle>815</TD><TD class=alt1>ธรรมทาน - วิทยาทาน</TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  18. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    http://www.geocities.com/skychicus/pariyat_musawat.html

    วิธีดูว่าเข้าข่ายมุสาวาทหรือไม่

    การแสดงเท็จ หรือลักษณะมุสาวาท มี 7 วิธี

    1. ปด - การโกหกชัด ๆ เช่น ไม่รู้ว่ารู้ ไม่เห็นว่าเห็น ไม่มีว่ามี เป็นต้น

    2. ทนสาบาน - ทนสาบานเพื่อให้คนอื่นหลงเชื่อว่าตนไม่ได้เป็นเช่นนั้น จะเป็นวิธีแช่งตัวเอง หรือด้วยวิธีนั่งนิ่ง เมื่อถูกถาม ก็จัดเป็นทนสาบาน

    3. ทำเล่ห์กะเท่ห์ ได้แก่ การอวดอ้างความศักดิ์สิทธิ์เกินความจริง เช่น อวดวิเศษเรื่องใบหวย โดยไม่รู้จริงเห็นจริง เป็นต้น

    4. มายา แสดงอาการหลอกคนอื่น เช่น ไม่เจ็บ ทำเป็นเจ็บ เจ็บน้อย ทำเป็นเจ็บมาก เป็นต้น

    5. ทำเลศ คือ ใจอยากจะพูดเท็จ แต่พูดเล่นสำนวน พูดคลุมเครือให้ผู้ฟังคิดผิดไปเอง เช่น เห็นขโมยวิ่งผ่านหน้าไป ไม่อยากบอกให้ผู้ตามจับทราบว่าตนเห็น จึงย้ายที่ยืนหรือที่นั่งไป เมื่อถูกถามก็พูดเล่นสำนวนว่าอยู่นี่ไม่เห็น อย่างนี้เรียกว่าทำเลศ

    6. เสริมความ เรื่องเล็ก แต่พูดให้คนฟังเห็นว่าเป็นเรื่องใหญ่ เช่น เห็นไฟก้นบุหรี่ไหม้หญ้าแห้ง ก็ตะโกนเสียงดังว่า ไฟ ๆ เพื่อให้คนแตกตื่นตกใจ เป็นต้น โฆษณาสินค้า พรรณาสรรพคุณจนเกินความจริงก็จัดเข้าข้อนี้

    7. อำความ - เรื่องใหญ่ แต่พูดให้เป็นเรื่องเล็ก หรือปิดบังอำพรางไว้ ไม่พูด ไม่รายงานต่อผู้มีหน้าที่รับทราบ

    การแสดงเท็จหรือโกหก แสดงได้ 2 ทาง คือ ทางวาจา กับทางกาย
    1. ทางวาจา คือพูดคำเท็จออกมา

    2. ทางกาย เช่น การเขียนจดหมายโกหก รายงานเท็จ ทำหลักฐานปลอม ตีพิมพ์ข่าวเท็จ เผยแผ่ ทำเครื่องหมายให้คนอื่นหลงเชื่อ ตลอดจนการใช้ใบให้คนอื่นเข้าใจผิด เช่น สั่นศีรษะ หรือโบกมือปฏิเสธในเรื่องควรรับ หรือพยักหน้ารับในเรื่องควรปฏิเสธ

    อนุโลมมุสา
    - พูดเรื่องไม่จริง ซึ่งไม่มีเจตนาจะกล่าวเท็จ แต่เจตนาจะให้เขาเจ็บใจหรือแตกร้าวกัน

    - พูดเสียดแทง กระทบกระแทก แดกดัน

    - พูดประชด ยกให้เกิน ความเป็นจริง

    - พูดด่า กดให้ต่ำกว่าความเป็นจริง

    - พูดสับปลับ ด้วยความคะนองวาจา แต่ไม่ได้ตั้งใจให้เข้าใจผิด

    - พูดคำหยาบคาย คำต่ำทราม
    ไม่จัดเป็นมุสาวาท

    ปฏิสสวะ ได้แก่ การรับคำของคนอื่น ด้วยเจตนาบริสุทธิ์ แต่ภายหลังกลับใจไม่ทำตามที่รับคำนั้น โดยที่ตนยังพอทำตามคำนั้นได้อยู่ มี 3 อย่าง

    1. ผิดสัญญา สัญญาว่าจะทำด้วยความสุจริตใจ แต่กลับไม่ทำภายหลัง

    2. เสียสัตย์ ให้สัตย์ปฏิญาณไว้แล้ว แต่ไม่ปฏิบัติตาม

    3. คืนคำ รับปากว่าจะไป แต่กลับใจภายหลังไม่ไป

    ไม่เป็นมุสาวาท ศีลไม่ขาด แต่ทำให้ศีลด่างพร้อยได้

    ที่มา : คลังปริยัติของนายแพทย์เกิด ธนชาติ และหนังสือศาสนาพุทธเล่มอื่นๆ ใน http://www.geocities.com/skychicus/pariyat_musawat.html


    http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=14207
    กุหลาบสีชา ผู้ตั้ง ลานธรรมจักร &raquo; บทความธรรมะ &raquo; วิธีดูว่าเข้าข่ายมุสาวาทหรือไม่ ?
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 ธันวาคม 2007
  19. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    http://www.idea2mobile.com/info/power.html
    ขอมอบกำลังใจสักเล็กน้อยเพื่อสู้ต่อไปในชีวิต

    เมื่อมีทุกข์หรือพบปัญหาและอุปสรรคในชีวิต หากมีความอดทน เข้มแข็งพอจะสามารถเปลี่ยนจากร้าย
    ให้กลายเป็นเรื่องดี และจะพบกับความสุขของชีวิตฉะนั้นจึงไม่ควรท้อแท้ หมดกำลังใจหรือล้มเลิกความตั้งใจ
    ขอให้มีความอดทนมานะพยายาม และ ต่อสู้ไปให้ถึงที่สุด


    <TABLE width="102%" border=0><TBODY><TR><TD align=left width="14%"></TD><TD align=left width="38%">
    " ต้นไม้ต้นหญ้า บางเบากว่าชีวิตมนุษย์มากนัก แต่ยังสู้และเบียดเสียดแทรกจากหินผาแล้วจงต่อสู้กับตนเอง เช่น ต้นไม้ ต้นหญ้า ต้นเล็กที่เบียดแทรกออกจากซอกแตกของร่องหิน จงพยายามที่จะอยู่รอดและดิ้นรนเพื่อตนเองเพื่อชิวิตที่ดีกว่าและเพื่อความไม่ทุกข์อันเป็นเป้าหมายของการดำรง ชีวิตอย่างมี ความสุข"


    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE width="101%" border=0><TBODY><TR><TD align=left width="18%">
    เลือกเกิดไม่ได"ไม่มีอะไรที่มนุษย์ทำไม่ได้ มนุษย์เลือกที่จะเกิดบนความพร้อมทุกสิ่งไม่ได้ แต่มนุษย์เลือกที่จะเกิด
    บนความพร้อมทุกสิ่งไม่ได้ แต่ มนุษย์เลือกที่จะเป็นในสิ่งที่ต้องการได้ .... ด้วยตนเอง"


    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE width="101%" border=0><TBODY><TR><TD align=left width="18%">
    ปราชญ์กล่าวไว้ว่า "ชีวิตเป็นตำราเล่มใหญ่ที่สุด หนาที่สุด มีชิวิตสั้นที่สุดน่าประทับใจที่สุดดูคล้ายจะอ่านง่าย แต่จริง ๆ แล้ว
    กลับเป็นตำราที่เข้าใจยากที่สุดน่าประทับใจที่สุด "ชีวิตเลือกเกิดไม่ได้ แต่เลือกที่จะเป็นได้ แม้จะเกิดมาบน
    ความไม่พร้อม แต่หากรู้จักใช้ชีวิตและมีความพร้อมขยันหมั่นเพียรก็จะสามารถผลักดันตนเองให้เดินไปใน
    ทางที่จะนำชีวิตสู่ความก้าวหน้า มีความสุข และประสบความสำเร็จได้ "



    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE width="101%" border=0><TBODY><TR><TD align=left width="18%">
    ที่นี่และเดี๋ยวนี้ "ไม่มีอะไรน่าเสียใจเลยสักนิด กับชิวิตเมื่อวานนี้ ไม่มีอะไรน่ากังวลใจเลยสักนิด กับชิวิตที่จะเกิดขึ้นพรุ่งนี้
    จะมีแต่ความทุกข์ใจ หากไม่คิดที่จะทำในวันนี้ และจะมีแต่ความเศร้าใจหากไม่เปลี่ยนแปลงตนเองตั้งแต่วันนี้
    จงจัดการกับปัจจุบันให้ดีไว้เถิด แล้วอนาคตก็ปล่อยให้มันดูแลตัวของมันเอง "


    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE width="101%" border=0><TBODY><TR><TD align=left width="18%">
    ไม่ประมาท "ความแตกต่างระหว่างผู้แพ้กับผู้ชนะคือ ผู้ชนะจะใช้เวลาที่มีอยู่ตรงกับว่ามันเป็นวันสุดท้ายของชีวิต โดยไม่
    ประมาท ไม่ใส่ใจกับอดีตและมิได้มุ่งหวังเวลาในอนาคต แต่ผู้แพ้นั้นมัวแต่วนเวียนเพ้อฝันกับความคิดว่า "สัก
    วันหนึ่งฉันจะเป็นและเป็นอยู่อย่างประมาท ซ้ำยังมัวแต่พะว้าพะวงกับอนาคตอาลัยอาวรณ์กับอดีตโดยมิได้ลง
    มือทำสิ่งใด ดังนั้นจงอย่าเสียเวลาแม้เพียงนิด กับ ความประมาทในชีวิตเลย

    พุทธภาษิตที่ว่า "ใครประมาทก็ช่างเขา เราอย่าประมาท ใครจะหลับใหลก็ช่างเขาเราอย่าหลับใหล จงตื่นตัว
    ก้าวไปข้างหน้า ประดุจม้าฝีเท้าดีวิ่งขึ้นหน้าฝีเท้าเลวฉันนั้น เป็นภาษิตเตือนใจมิให้ประมาทและมุ่งมั่นในการนำ
    ชีวิตของตนเองสู่ความสำเร็จดังนั้นให้ทบทวนชึวิตของตนเองที่ได้ดำเนินมาตลอดวันว่ามีสิ่งใดที่ยังต้องแก้ไข
    ปรับปรุง


    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE width="101%" border=0><TBODY><TR><TD align=left width="18%">
    ความพ่ายแพ้ "ความพ่ายแพ้และอุปสรรคอาจบั่นทอนกำลังใจไปบ้าง แต่ไม่มีใครในโลกนี้ที่จะพบกับความสำเร็จ โดยไม่
    เคยพ่ายแพ้ และไม่เคยพบอุปสรรคมาก่อน"

    อุปสรรคจะเล็กน้อยหรือจะใหญ่จะโต ขึ้นอยู่กับจิตใจนั้นคิดใหญ่หรือใจที่คิดเล็ก "ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม
    ปัญหาและอุปสรรคย่อยเกิดขึ้นเสมอหากไม่ท้อแท้หรือยอมแพ้ก็จะมีโอกาสกลับมาประสบความสำเร็จใหม่


    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    อย่างน้อยก็เป็นบทความเพียงเล็กน้อยที่สร้างเสริมกำลังใจให้ผู้เขียนโดยตลอด ถ้าชอบหรือไม่ชอบฝากข้อความไว้ใน [​IMG] เพื่อให้ผู้เขียนได้มีกำลังใจมุ่งมั่นในการหาบทความดี ๆมาอ่าน
    ต่อไป

    Anantachai Ittiworapong

    *****************************************

    นำมาฝากทุกๆท่าน และน้องๆหลายๆท่าน คนเราย่อมต้องมีเรื่องราวต่างๆมากมายที่ต้องผ่านเข้ามาในชีวิต ชีวิตไม่ได้เดินบนกลีบกุหลาบ จึงต้องสู้กันต่อไป บางครั้งเหยียบหิน เหยียบแก้ว เลือดออกบ้าง ก็รักษากันไป เพื่อเป็นฐานของพลังใจในวันข้างหน้า

    โมทนาสาธุครับ
     
  20. ตั้งจิต

    ตั้งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,574
    ค่าพลัง:
    +5,485
    ทั้งครั้งทีแล้วและครั้งต่อไปน่าจะถ่ายรูปเจ้าของออร่าด้วยนะครับ จะได้เห็นว่าแก่ขึ้นเพียงใด
    อ้อ ผมก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ติดตามพี่หนุ่มอย่างแนบสนิทนะฮะ
    (ping)
     

แชร์หน้านี้

Loading...