อยากทราบจริตที่เหมาะกับตัวเองครับ

กราบนมัสการแม่ชีครับ...ขอรบกวนแม่ชีนิดนึงนะครับ

ผมได้เริ่มศึกษาปฎิบัติธรรมะ ( สมาธิ) มาสามเดือนกว่าแล้ว หนังสือหนังหาก็หามาอ่านเยอะมาก หาวิธีอุบายหลอกจิตตัวเองให้สงบอย่างที่สุด ตลอดเวลาที่ศึกษาก็ปฎิบัติแทบทุกวันไม่ขาดเลยครับ นั่งๆไปไม่พอใจก็เลยตัดสินใจไปบวชเพื่อทดแทนบุญคุณพ่อแม่และปฎิบัติสมาธิให้มากที่สุด ปรากฎว่าก็ยังไม่เป็นที่พอใจ ไม่สงบนิ่งดิ่งจิตชิดแอบเหมือนชาวบ้านเขาสักที

พยายามหาวิธีหลอกจิตตัวเองไปเรื่อยๆ ดูลม ยุบพอง บริกรรมสารพัดคำ จนทุกวันนี้ก็คิดว่าไม่เดินหน้าแต่ก็ไม่ถึงกับทรุด ทรงๆอยู่

กระผมเลยอยากขอรบกวนแม่ชีแบบตรงๆ ว่าจะโทรไปถามก็เกรงใจมากมายเพราะว่ามันอาจจะเป็นเรื่องเล็กๆ แต่สำหรับผมคิดว่าใหญ่พอสมควร ต้องการอาจารย์ชี้แนะกรรมฐานที่ตรงกับตัวเองที่สุด ไม่อยากขึ้นรถผิดสาย ไปเท่าไหร่ก็ไปไม่ถึง ...กราบขอกรรมฐานให้ผมด้วยนะครับ จะนำไปปฎิบัติจนถึงที่สุด

อ่านประวัติโดยเกือบสังเขปของแม่ชีแล้ว..สงสัยอยู่นิดนึงครับว่า ลักษณะธรรมะที่แม่ชีได้มาเกิดจากการปฎิบัติแล้วเกิดขึ้นเองหรือว่าเป็นแนวถ่ายทอดวิชาโดยตรง ..เห็นอยู่ตอนนึงหลวงปู่บอกว่า "เห็นดวงมรรคหรือยัง"

ขอบพระคุณแม่ชีมากครับ..ขอให้สุขภาพแข็งแรง เป็นหมอรักษาใจ และสอนใจผู้อื่นให้ถึงธรรมะต่อไปนะครับ นมัสการครับ

ปล.รูปข้างๆ เป็นรูปที่บวชเมื่อไม่นานมานี้ และสึกออกมาเป็นที่เรียบร้อย เกรงว่าจะเข้าใจผิดกัน...เป็นคฤหัสถ์แล้วนะจ๊ะ

 

เพิ่มเติมอีกนิดครับ...พอดีได้รู้จักกับผู้มีตาทิพย์ (ว่าอย่างนั้น เท็จจริงแค่ไหนไม่ทราบนะครับ) เขาบอกว่าผมในอดีตชาติเคยเป็นฤาษี เป็นพระมาก่อน ชาติที่เป็นพระนั้นเกือบบรรลุธรรมแบบไปโลดเลยทีเดียว เลยสงสัยครับว่าถ้าเป็นจริงเราจะสามารถเอาของเก่ามาสานต่อได้มั้ย (ผมเห็นเขาพูดกันว่าทำไปเดี๋ยวของเก่าก็ผุดขึ้นมาเอง) ถ้าเป็นจริงอย่างนั้น ทำมาแล้วสามเดือนกว่าทำไมยังแน่นิ่ง หรือว่ายังไม่สะกิดต่อมของเก่า ยังสะกิดไม่โดนใจดำหรืออย่างไร...และถ้าเป็นจริงอย่างเขาว่า เราจะมีวิธีทำให้ของเก่ากลับมาได้เร็วขึ้นมั้ยครับ

กราบรบกวนเท่านี้ครับ นมัสการครับแม่ชีผู้น่ารัก

 

อนุโมทนาสาธุกับคุณสังวุฒโฒด้วยค่ะ การที่ไม่โทร.ถาม เป็นความประสงค์ของท่านอาจารย์แม่ชีค่ะ ถ้าคำถามเปิดเผยได้ เป็นประโยชน์ทั้งตนเองและผู้อื่นก็อยากให้เข้ามาถามในกระทู้ คำตอบที่ได้รับนั้นอาจโดนใจผู้อ่านบางท่าน ซึ่งมีคำถามอยู่ในใจแต่ไม่กล้าถาม

(verygood) (verygood) (verygood)

 

จ้า..คุณหงสา

ก็หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับผู้อื่นบ้างนะครับ..
แต่แม่ชีไปไหนหนอ ดูเงียบๆไป สงสัยธุระจะเยอะ ไม่เป็นไรครับ รอได้ รอต่อไป อดทนเรื่องเล็ก....อิอิ

 

เจริญธรรม...

ขอบคุญสำหรับคำชมจากหนุ่มน้อยหน้ามลจ้า...

เรื่องจริตทั้ง 6 นั้นเป็นนิสัยของบุคคลที่มีจริต 6 อย่างนี้ในตัวตนทุกคน
แต่ว่าจะดึงออกมาใช้ตอนไหนและจริตใดมีกำลังแรงกว่ากัน

จุดประสงค์ของการให้รู้จริตตน คือ จะได้รู้ว่านิสัยตนเป็นอย่างไรและคนบนโลกนี้ก็มีจริตทั้ง 6 เหมือนเรา เมื่อเรารู้จริตเรา เราก็จะรู้จริตหรือนิสัยผู้อื่นเหมือนกัน
นี่จึงเป็นที่มาของการเอาใจเขามาใส่ใจเรานั่นเอง

อย่ามัวพะวงสงสัยกับจริตตนจริตอะไรเลย มันมีทั้ง 6 จริตนั่นแหละ
และที่บอกว่าปฏิบัติแล้วไม่ก้าวหน้านั้นเพราะมีความเพียรน้อย ความอยากมากกว่านั่นเอง

เริ่มต้นใหม่แล้วกันยังไม่สาย เริ่มจากทำใจหรือความคิดให้ว่างดีกว่า ไม่ต้องท่องอะไรหรอก ยิ่งท่องมันก็ยิ่งสับสน ไม่ว่างเสียที

ในชีวิตประจำวันของคนเรา สมองไม่เคยว่างจากความคิดเลย ดูเหมือนว่างตอนหลับเท่านั้นเอง

หนุ่มตัดความกังวล สงสัยออกไปก่อน หลับตาเพื่อปิดอายาตนะภายนอก สายตาได้พักผ่อน จะนั่งหรือทำท่าไหนก็ได้ แต่ยังหนุ่มยังแน่นอย่าทำท่านอนมาก เพราะมันจะเป็นการสะสมความขี้เกียจ ท่านอนนี้ท่านใช้กับผู้ป่วยทางกาย หรือผู้สูงวัย

เมื่อหลับตาแล้วหายใจเข้าผ่อนคลาย หายใจออกสบาย ไม่ต้องท่องอะไร และไม่ต้องไปจับลมหายใจหรอก ยังไงลมหายใจมันก็ทำงานไป
ตามปกติอยู่แล้ว ถ้าขี้เกียจทำงาน ก็ตายเท่านั้นเอง

การไปเพ่งกับอะไรมากไปอาจทำให้เครียดได้ แต่ให้รู้ว่าทำอะไรอยู่ คือมีสตินั่นแหละ

ถ้าความคิดอื่นแล่นเข้ามาไม่ต้องไปบังคับให้มันหยุดคิด เพราะนี่มันเป็นธรรมชาติของจิตหรือความคิดที่ชอบซัดส่าย ส่งความคิดไปนอกกาย
จิตนาการกว้างไกล ไม่ต้องไปห้ามมัน ตามดูตามรู้กับมันว่ามันคิดอะไร ส่งไปไหน ไม่ต้องไปห้ามมัน

นั่นหมายความว่าเราต้องใช้เวลาในการตามดู ตามรู้กับมันนานพอสมควร พูดง่ายๆคือต้องนั่งนาน หรือทำในท่าที่ทำนั้นนาน เมื่อเวลาผ่านไป

ตัวรู้และเข้าใจมันจะเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ แม่ชีไม่อยากชี้นำว่าเมื่อนั่นงนานแล้วอะไรจะเกิดขึ้น
"บอกหมดก็ขาดรสชาติของการหยั่งรู้" ทำก่อนแล้วกัน สิ่งสำคัญเป้าหมายต้องชัดเจนและต้องอย่าละความเพียร

ที่อาจารย์ถามว่า เห็นดวงมรรคดวงผลหรือดวงธรรมหรือยังนั้น เมื่อปฏิบัติผ่านขั้นตอนของความวิตกกังวลและความอยาก จิตจะว่าง เมื่อว่างมันก็สบาย เมื่อสบายมันก็สว่าง เมื่อสว่างความสุขจะเข้ามาแทนที่ จากนั้นคตินิมิตหรือภาพต่างๆจะผุดขึ้นมา

ให้เราได้สัมผัสเห็นรู้กับมัน คำว่า สัมผัสคือรู้สึก เห็น คือจับต้องได้ด้วยใจ และรู้คือเข้าใจอย่างถ่องแท้นั่นเอง

การแนะนำของแม่ชีอาจจะไม่เหมือนความรู้เก่าที่หนุ่มรู้มา แต่บอกเลยว่าแม่ชีชี้ทางลัดให้ ไม่ต้องอ้อมโลกอยู่นานเสียเวลาเปล่า
บอกให้หมดแล้วโดยไม่กลัวว่าใครจะปฏิบัติล้ำหน้ากว่าตัวเอง ยินดีที่มีคนปฏิบัติมากๆและเข้าใจกันดีเยอะๆ
ถือว่าเป็นลาภอันยิ่งใหญ่ที่ได้ประสบพบเจอผู้ปฏิบัติธรรมตัวจริง

เอาใจช่วยนะ ถ้าอยากโทรก็โทรหาได้แต่เช้านี้ต้องเข้าโรงพยาบาล รักษาตัวก่อนจ้า...
บุญรักษา/ธรรมะสวัสดี

 

กราบเรียนแม่ชีค่ะ

ถ้าความคิดอื่นแล่นเข้ามาไม่ต้องไปบังคับให้มันหยุดคิด เพราะนี่มันเป็นธรรมชาติของจิตหรือความคิดที่ชอบซัดส่าย ส่งความคิดไปนอกกาย
จิตนาการกว้างไกล ไม่ต้องไปห้ามมัน ตามดูตามรู้กับมันว่ามันคิดอะไร ส่งไปไหน ไม่ต้องไปห้ามมัน

ประโยคนี้ด้านบนนี้ ถ้าเปรียบว่า สมมุติพอเราหลับตาจิตมันพุ่งไปด้านหน้าจากตรงกลางระหว่างคิ้วของเรา เราก็ต้องปล่อยมันไปเหรอค่ะแม่ชี

แล้วขอเรียนถามแม่ชีว่า อย่างเวลาเพ่งกสิน กับทำสมาธิ
อาการที่เกิดระหว่างการทำสมาธิและการเพ่งกสินนั้น จะเกิดขึ้นกับเราตอนนที่เราไม่ได้ทำกิจกรรม2อย่างนี้อยู่หรือไม่ค่ะ
อย่างเวลาเรา ออกไปข้างนอก ยืน เดินตัวโคลงเคลงเหมือนมีแรงโน้มถ่วง หรือตอนเตรียมจะนอน ซึ่งเราไม่ต้องการทำสมาธิ พอหลับตาก็จิตมันก็พุ่งไปด้านหน้า พยายามจะไม่ให้มันพุ่งไปโดย ลืมตาใหม่แล้วหลับตาอีก ช่วงนี้หนูนอนไม่ค่อยพอเลยค่ะ อาจจะเพราะทำสมาธิแล้ว จิตมันปรุงแต่งให้เหมือนว่า เรารู้สึกว่ามีคลื่นพลังงานมารบกวนตอนนอน หรือคล้ายคลื่นวิ่งอยู่เหนือศรีษะ เห็นไฟแป๊ปๆเป็นบางที เฉพาะตอนจะนอนน่ะค่ะ
หนูเลยแก้ปัญหาโดย นึกถึงลูกแก้วใส ที่เรียกว่าธรรมกาย ให้ลูกแก้วใสมาอยู่ที่กลางลำตัวเรา คือเหนือสะดือ 1นิ้ว

บางทีก็นึกถึงพระรัตนตรัย ให้คุ้มครองยามหลับ โดยตอนนี้สวมลูกแก้ว จากวัดธรรมกาย พอดีพี่สาวให้มาค่ะ พี่บอกว่า ลูกแก้วคือ กายของพระพุทธเจ้า อะไรประมาณเนี้ยค่ะ ให้หนูใส่จะได้ปลอดภัยจากผี หรือมาร
แต่ตอนนี้ก็ยังรู้สึกเหมือนนอนไม่พอ เพราะเหมือนว่าตัวเราไม่หลับดี จะหลับจริงก็ช่วงจะตี3ตี4นู้น พอหลับก็เหมือนหลับไม่สนิท

(ลืมบอกแม่ชีว่าตัวหนูกับพี่สาว มักมีประสบการ์ณ้รื่องผี ตั้งแต่เด็กๆแล้ว คือสัมผัสได้ เห็นบ้าง ไม่เห็นบ้าง โดนอำมานับครั้งไม่ถ้วน เมื่อก่อนแม่ยังบอกว่าหนูชอบบอกว่า เห็นผีตอนเด็กๆประจำ จนแม่กลัว พอย้ายไปบ้านไหน อยู่ได้สักพัก หนูก็บอกว่าเจอผีอีกแล้ว แม่บอกไม่มีบ้านไหนเลยมั้งที่หนูกับพี่จะไม่เจอผี)

นี่แหล่ะเหตุผลที่หนูกลัวการทำสมาธิ และหลีกเลี่ยงมาตลอด เพราะกลัวจะรับรู้อะไรชัดเจนกว่าเดิมค่ะ ซึ่งตอนนี้เริ่มทำสมาธิไม่นาน แต่หยุดไว้ก่อน เพื่อจะศึกษาอาการของคนทำสมาธิ และวินิจฉัยอาการที่ตัวเองเจอ นะขณะนี้ เพราะไม่งั้นกลัวว่าจิตเราจะฟุ้งซ่านแล้วประสาทเอาง่ายๆถ้าไม่มีที่ปรึกษาดีๆค่ะ

 

ท่านอาจารย์แม่ชีเข้ารับการผ่าตัดที่โรงพยาบาลบ่ายพรุ่งนี้ค่ะ คงจะเข้ามาตอบไม่ได้อีกหลายวัน รอหน่อยนะคะ

 

ขอกราบขอบพระคุณแม่ชีอย่างสูงที่ชี้แนะสั่งสอนข้าพเจ้า อ่านดูแล้วเหมือนจะไม่มีอะไรมาก แต่จริงๆแล้วได้มากกว่าที่คิดเยอะเลย ก็ได้ลองปฎิบัติเมื่อช่วงบ่ายดูก็พบว่าเข้าไปได้ลึกพอสมควรแบบสบายๆ เข้าทำนองที่ว่า "อยู่เฉยๆแล้วจะดีเอง" แต่ก็ต้องระลึกรู้ตลอดเวลาว่าทำอะไรอยู่ด้วยดังคำที่แม่ชี้แนะนำมา

อยากรบกวนถามเพิ่มเติมนิดนึงครับว่า ระลึกรู้กับสิ่งที่ทำอยู่ แล้วเอาอารมณ์ไปจับความรู้สึกทั่วสรรพางค์กายด้วย ใช่หรือไม่ครับ (หากมีอะไรแนะนำเพิ่มเติมก็ลงมาเต็มๆ ได้เลยนะครับแม่ชี ไม่ว่าจะตำนิติเตียนอะไรก็ตาม อยากให้จิตมันสะดุ้ง ให้มันตื่นเสียทีกับโลกใบนี้)

ทิ้งท้ายก่อนแม่ชีไปผ่าตัด ...กุศลผลบุญบารมีใดที่ข้าพเจ้าได้ปฎิบัติ ทำความดี ความเพียรตั้งแต่ต้นจนบัดนี้ ทำให้ข้าพเจ้าได้รับประโยชน์ ได้รับความสุข ขอให้แม่ชีได้รับด้วยเช่นกัน ผ่าตัดสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี หายวันหายคืน เป็นที่เคารพบูชาของมวลชนต่อไปด้วยเทอญ

สาธุ สาธุ สาธุ

 

สาธุ สาธุ สาธุ
ชอให้แม่ชีผ่าตัดผ่านไปได้ด้วยดี
แผลหายไวๆนะคะ

 

อนุโมทนาสาธุด้วยนะ เอ็มขอให้คุณบรรลุธรรมสมใจหมายไวๆนะ

 

ขอให้แม่ชีหายไวๆน่ะค่ะ

 

ท่านอาจารย์ผ่าตัดเรียบร้อยแล้ว กลับมาพักที่สถานปฏิธรรมที่เกาะยอ ตั้งแต่เมื่อวานนี้ค่ะ

อนุโมทนาสาธุกับทุกๆท่านด้วยค่ะ

 

ขอบคุณ คุณหงสาสำหรับการแจ้งข่าวของแม่ชีครับ

ผมเชื่อเหลือเกินว่าธรรมจะรักษาผู้ปฎิบัติดี ปฎิบัติชอบ ขอให้แม่ชีสุขภาพแข็งแรงไวๆนะครับ

สาธุ สาธุ สาธุ

 

เจริญธรรม...
การที่เราเห็นผีนั้นดีนะ หมายความว่าเรามีบุญ พลังแห่งความดีที่หนูมี ผีสัมผัสได้จึงอยากใกล้ชิด อยากให้หนูเห็นรู้และสัมผ้สได้อย่ากลัวเลย คนที่ไม่เห็นนั่นแหละโชคร้ายนะ เพราะไม่รู้ไม่เห็นอะไรเลย

ส่วนเรื่องการปฏิบัติทำสมาธิแล้วจิตฟุ้งไปทั่วนั่นเป็นเรื่องปกติธรรมดา พยายามต่อไปจับอะไรไว้ให้มั่นสักอย่าง

ถ้าชอบเพ่งกสิณก็ทำไป แต่อย่าไปยึดกับการเพ่งเห็น เพ่งเพื่อให้จิตไม่ซัดส่ายในเบื้องต้น จากนั้นปล่อยวางจากสิ่งที่เพ่ง ปล่อยให้จิตหรือความคิดว่าง อย่ายึดกับวัตถุที่เพ่ง เมื่อนั้นจะสบาย อาการทางกายจะเบาโหวงเหวงหรือเหมือนลอยๆ ช่างมัน

แต่ให้มีสติรู้ว่าอิริยาบถปัจจุบันของเรานั้นทำอะไรอยู่ เมื่อเลิกจากการเพ่งให้รวมสติให้มั่นอย่าเคลิบเคลิ้มกับอารมณ์และอาการที่เพ่ง เพราะถ้ายึดกับอารมณ์นั้น
จะทำให้นอนหลับเหมือนไม่หลับ แต่ที่จริงแล้วร่างกายหลับแต่จิตไม่หลับจึงทำให้เพลียในเวลากลางวัน

ก่อนนอนไม่ต้องกำหนดอะไรมาก เพราะจะทำให้ไม่หลับ ทำจิตให้ว่างเดี๋ยวก็หลับเอง แต่ถ้าชอบกำหนดอะไรก่อนหลับ ทำแล้วรู้สึกดีก็ทำไป

ไม่มีวิธีไหนผิดหรอก มันอยู่ที่ความถนัดและความชอบที่เรียกว่า จริตต่างหาก อย่าพะวงให้มาก

ธรรมะและวิธีปฏิบัตินั้นเป็นกลอุบายให้จิตจับตัวรวมเป็นหนึ่งเกิดเป็นสมาธิจิตตั้งมั่น ทำบ่อยๆแล้วหนูจะเข้าใจเอง อย่าเพิ่งท้อและหยุดนะ
บุญรักษา/ธรรมะสวัสดี

 

เจริญธรรม...

ระลึกรู้ คือ รู้กับทุกสิ่งที่เข้ามากระทบทางอายตนะทั้งหมด เช่น หู ตา จมูก ลิ้น กายและใจ รู้ว่ามีอะไรเข้ามากระทบและรู้สึกกอย่างไร?และต้องรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับการถูกกระทบ

เพราะนี่จะเป็นที่มาของการสัมผัสกับสิ่งที่ละเอียดที่สุด จะรู้แม้กระทั่งลมที่กระทบ ไฟฟ้าที่สัมผัสกับกาย จิตที่ผู้คนส่งมาให้เป็นต้น
ขอให้ปฏิบัติเจริญขึ้นโดยลำดับนะ
ขอบคุณที่เป็นห่วง ยังตายไม่ได้ลูกศิษกำชับไว้ สาธุด้วยจ้า...

บุญรักษา/ธรรมะสวัสดี

 

แม่ชีกลับมาแล้ว..ดีใจมากเลยครับ แม่ชีไม่มาตอบกระดานรู้สึกว่าเงียบๆไป เหมือนไม่มีคนคุยกันเลย ...สุขภาพแข็งแรงในเร็ววันนะครับ สาธุจ้า

 

ดีใจเหมือนกันที่แม่ชีกลับมาแล้ว
แต่เดี๋ยวแม่ชีก็ต้องเข้าโรงพยาบาลอีก
เป็นห่วงแม่ชีนะคะ ออกมาไวๆนะคะ
สุขภาพแข็งแรงเร็ววันนะคะ
สาธุ สาธุ สาธุ

 

...เพิ่งทราบข่าวว่า คุณแม่ณัฐทิพย์ เข้าโรงพยาบาลผ่าตัด เพราะช่วงนี้ที่บริษัทที่ผมทำงานอยู่ กำลังขยาย Line การผลิต เพิ่งจะมีเวลาว่างเข้ามาหาความสว่างทางปัญญา แต่ก็ปลื้มใจที่ทราบว่า คุณแม่ณัฐทิพย์ หายดีแล้ว กลับมาเป็นประทีปแก้ว ให้กับผู้ที่ยังไม่มีความสว่างทางปัญญาธรรม ( เช่น ผม ครับ )
...ขออาราธณา พระพุทธานุภาพ พระธรรมานุภาพ และพระสังฆานุภาพ โปรดคุ้มครองรักษา กายสังขาร และญาณทิพย์ ของคุณแม่ณัฐทิพย์ ให้แข็งแรง อย่าได้มีโรคภัยมาเบียดเบียน เพื่อ เป็นโคมประทีปแก้วส่องนำแสงสว่างให้กับ ผู้ที่กำลังแสวงหาทางสว่าง และความเจริญ ทางปัญญา ด้วยเทอญ...สาธุ...
...เคารพรัก และนับถือ คุณแม่ณัฐทิพย์ จากใจจริง

 

ขออวยพรให้แม่ชี ร่างกายแข็งแรงยิ่งๆขึ้นไปนะครับ --สาธุ--

 

อนุโมทนาแด่แม่ชี และอนุโมทนาแด่เจ้าของกระทู้ครับ ถามเรื่องที่ค้างคาใจผมเช่นกัน