ภาพงานพระศพสมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปรินายก วันแรก ที่วัดบวรนิเวศน์

ในห้อง 'ข่าวพุทธศาสนา' ตั้งกระทู้โดย นิลศิลป์, 25 ตุลาคม 2013.

  1. นิลศิลป์

    นิลศิลป์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    1,241
    ค่าพลัง:
    +1,664
    มาฟังสวดงานพระศพสมเด็จพระสังฆราช มาดูภาพบรรยากาศในงานกันครับ สดจากวัดบวร
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. นิลศิลป์

    นิลศิลป์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    1,241
    ค่าพลัง:
    +1,664
    มากราบสมเด็จพระชินสีห์ และที่เห็นคนกราบไหว้อยู่คือทแท่นวางพระศพ สมเด็จท่านขณะที่มาถึงวัดบวรครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  3. นิลศิลป์

    นิลศิลป์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    1,241
    ค่าพลัง:
    +1,664
    รูปสมเด็จพระสังฆราชครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  4. นิลศิลป์

    นิลศิลป์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    1,241
    ค่าพลัง:
    +1,664
    มีพุทธศาสนิกชนมาฟังสวดพระอภิธรรม และแสดงความอาลัยต่อการจากไปขององค์ท่านกันมาก แถวที่ต่อเพื่อรดน้ำต่อหน้าพระรูปท่านยางมากๆ และรอนาน มีแจกรูปถ่ายเพื่อให้คนนำไปบูชาครับ
     
  5. นิลศิลป์

    นิลศิลป์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    1,241
    ค่าพลัง:
    +1,664
    สิ่งเคารพแทนองค์ท่านครับที่ผมจะเก็บไว้บูชาไปตราบนานเท่านาน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  6. นิลศิลป์

    นิลศิลป์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    1,241
    ค่าพลัง:
    +1,664
    ท่านใดมีเวลาเชิญไปสรงน้ำต่อหน้าพระรูปพระองค์ท่านได้นะครับ แต่ต้องทำใจสักนิด เพราะคนค่อนค้างมากครับ ถ้าไปแต่เช้าได้จะดีมากๆครับ และได้รับแจกรูปถ่ายไปบูชาด้วยครับ
     
  7. นิลศิลป์

    นิลศิลป์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    1,241
    ค่าพลัง:
    +1,664
    เล่าให้ทราบอีกเรื่องนะครับ เมื่อประมาณ 4 ปีก่อน ผมกับพวกพี่ๆ เพื่อนๆ เคยเข้าเฝ้าท่านที่โรงพยาบาลจุฬา เพื่อขอประทานพระบรทสารีริกธาตุ เพื่อนำไปบรรจุพระพุทธรูป โดยได่ทำหนังสือขอประทานไปที่เลขาพระสังฆราชเมื่อก่อนหน้านี้แล้ว เมื่อได้เวลาท่านจะออกมานั่งนิ่งๆ และพวกผมก็เข้าไปนมัสการกราบท่าน โดยมีข้อห้ามห้ามถ่ายรูปตรงๆ ถ่ายด้านข้างองค์ท่านได้ ท่านนั่งนิ่งๆทำสมาธิ แต่หน้าตาองค์ท่านดูผ่องใสมากๆ ยังได้รับแจกพระไพรีพินาศคนละ 1 องค์ไปบูชา ยังรู้สึกประทับใจต่อองค์ท่านมิรู้ลืมจนบัดนี้ครับ ท่านใดมีเรื่องราวน่าประทับใจต่อองค์ท่าน ถ่ายทอดให้รับทราบกันบ้างครับ
     
  8. นิลศิลป์

    นิลศิลป์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    1,241
    ค่าพลัง:
    +1,664
    มาอ่านเรื่องปาฏิหาริย์ และอภิญญาของพระองค์ท่านกันบ้างครับ

    สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชโปรดสวดชินบัญชรคาถาเป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปว่า สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช วัดบวรนิเวศวิหารนั้น ทรงสนพระทัยพระคาถาชินบัญชรเป็นอย่างยิ่ง ถึงขนาดทรงเคยศึกษาและไต่ถามข้อมูลเบื้องลึกเกี ่ยวกับประวัติที่มาของพระคาถานี้กับพระเถระผู้ทรงคุณและเหล่านักปราชญ์ราชบัณฑิตเป็นอันเอนกปริยาย  ทำให้ทรงสามารถเข้าถึงความศักดิ์สิทธิ์ของพระคาถาชินบัญชรได้ลึกซึ้งอย่างยิ่งได้ยินข่าวจากศิษย์ใกล้ชิดเล่าให้ฟังว่า ในทุกคราวที่สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชทรงอธิษฐานจิตนั่งปรกพุทธาภิเษกนั้น หนึ่งในพระคาถาที่จะทรงบริกรรมลงสู่วัตถุมงคลทั้งปวงอันจะขาดมิได้เลย นั่นก็คือชินบัญชรคาถานั่นเอง โดยครั้งหนึ่ง ทรงมีรับสั่งกับศิษย์ใกล้ชิดท ีเดียวว่า"อานุภาพของพระคาถาชินบัญชรนี้  สามารถคุ้มได้ทั้งตัวของเราและคนรอบข้างทีเดียวน๊ะ..!!!!!!!!"ขอถวายอนุโมทนาสาธุการ.......... 

    ในยุครัตนโกสินทร์นี้ แม้ว่ามีสมเด็จพระสังฆราชมาแล้วหลายพระองค์ แต่ที่ได้รับพระราชทานนามตามพระสุพรรณบัตรว่า “ญาณสังวร” นั้นมีอยู่เพียง 2 พระองค์เท่านั้นพระองค์แรกคือสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช (สุก ไก่เถื่อน) ซึ่งเป็นที่รู้กันโดยทั่วไปว่าทรงเป็นพระมหาเถระที่ทรงภูมิธรรมอันประเสริฐยิ่งในพระพุทธศาสนา ทรงอภิญญา และอิทธิปาฏิหาริย์ เป็นที่เลื่องชื่อลือชาแห่งยุครัตนโกสินทร์พระองค์ที่สองคือสมเด็จพระสังฆราชองค์ปัจจุบัน ได้รับพระราชทานนามตามที่จารึกในพระสุพรรณบัตรว่าสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายกและถ้าจะนับเนื่องในเรื่องทรงอภิญญา ทรงอิทธิปาฏิหาริย์ อันเป็นที่ประจักษ์แล้ว ก็กล่าวได้ว่าในยุครัตนโกสินทร์นี้มีพระสมเด็จพระสังฆราชและสมเด็จพระราชาคณะเพียง 3 รูปเท่านั้นนั่นคือสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช (สุก ไก่เถื่อน) สมเ ด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) และสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช (เจริญ) องค์ปัจจุบันพระคุณของสมเด็จพระสังฆราช (สุก ไก่เถื่อน) และสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) นั้นเป็นที่รู้ประจักษ์โดยทั่วไป ไม่จำเป็นต้องกล่าวซ้ำอีก และในโอกาสนี้ย่อมสมควรกล่าวถึงพระคุณประการนี้ในสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช องค์ปัจจุบันเป็นสำคัญที่มาของคำว่า “ญาณสังวร” นั้นมาจากความสำรวมหรือความสังวรใน 3 ระดับ ตามภูมิธรรมในพระพุทธศาสนา คือ ศีลสังวร อินทรีย์สังวร และญาณสังวรศีลสังวร ได้แก่การสำรวมหรือสังวรในศีล โดยศีลที่ว่านี้หมายถึงศีล < /SPAN>2 ชนิด คือ ศีลซึ่งมีลักษณะเป็นพระวินัย ตามพระปาติโมกข์ชนิดหนึ่ง และศีลจากพระโอษฐ์ ซึ่งเป็นศีลที่พระพุทธองค์ทรงตรัสสอนเพื่อการศึกษาและปฏิบัติในการประพฤติพรหมจรรย์ในพระธรรมวินัยแห่งพระบรมศาสดาโดยตรง ได้แก่ จุลศีล มัชฌิมศีล และมหาศีล เมื่อศีลสมบูรณ์บริสุทธิ์แล้ว ย่อมเป็นบาทฐานแห่งสมาธิและปัญญา เพื่อถึงซึ่งความหลุดพ้นหรือนิพพานในที่สุดอินทรีย์สังวร ได้แก่การสำรวมหรือสังวรในอินทรีย์ทั้งปวงโดยเฉพาะ ในที่นี้หมายถึงตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ให้มีความเป็นปกติ ไม่วอกแวกหวั่นไหว เมื่อกระทบกับอายตนะภายนอก ได้แก่ รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส และธรรมารมณ์ต่างๆ ถึงซึ่งความเป็นอุเบกขาญาณสังวร ได้แก่กา รสำรวมหรือสังวรในญาณ ซึ่งครอบคลุมถึงรูปฌาน และอรูปฌาน ขึ้นไปจนถึงญาณทั้งสาม อันเป็นสุดยอดสามวิชชาในพระพุทธศาสนา คือบุพเพนิวาสานุสติญาณ จุตูปปาตถญาณ และอาสวัคขยญาณพระนามญาณสังวรของสมเด็จพระสังฆราช ทั้งสองพระองค์แห่งกรุงรัตนโกสินทร์จึงมีที่มาจากคำว่าญาณสังวรและความหมายของญาณสังวรอันเป็นภูมิธรรมขั้นสูงและสูงที่สุดในพระพุทธศาสนานั่นเองศีลสังวร อินทรีย์สังวร และญาณสังวร เมื่อบริบูรณ์แล้วพระตถาคตเจ้าทรงตรัสรับรองว่าสามารถกระทำอิทธิป าฏิหาริย์ได้นานาประการอันสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช พระองค์ปัจจุบันนี้ ทรงอิทธิปาฏิหาริย์หลายประการ ทั้งอนุศาสนีย์ปาฏิหาริย์ และอิทธิปาฏิหาริย์อนุศาสนีย์ปาฏิหาริย์ คือปาฏิหาริย์ในการเทศนาอบรมสั่งสอนเวไนยสัตว์ให้รู้ ให้เข้าใจ และสามารถน้อมนำพระธรรมคำสอนไปประพฤติปฏิบัติเพื่อประโยชน์ตนและประโยชน์ท่านให้ถึงพร้อมได้สมเด็จพระสังฆราชพระองค์ปัจจุบันนี้ทรงพระคุณอันประเสริฐในด้านอนุศาสนีย์ปาฏิหาริย์ เป็นที่ไว้วางพระราชหฤทัยมาแต่ครั้งสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ที่โปรดให้ทรงนิพนธ์คำสอนหลากหลายเรื่อง เพื่อเป็นคู่มือการศึกษาและปฏิบัติของชาวพุทธ อันมีประจักษ์พยานหลักฐานอยู่ในปัจจุบันอิทธิปาฏิหาริย์คือการกระทำความมหัศจรรย์เหนือกว่าความสามารถของมนุษย์ธรรมดา ซึ่งในประการนี้คนจำนวนมากอาจไม่รู้หรือไม่ทราบ กระทั่งเข้าใจว่าทรงเป็นแค่พระสงฆ์ธรรมดา ที่ปฏิบัติธรรมวินัยไปตามปกติ แต่ความจริงหาเป็นเช่นนั้นไม่สมเด็จพระสังฆราชพระองค์ปัจจุบันทรงอิทธิปาฏิหาริย์ตามภูมิธรรมอันประเสริฐสูงที่พระองค์ทรงบรรลุแล้ว และเคยมีผู้เห็นประจักษ์หลายครั้ง ดังที่จะยกมาเป็นตัวอย่างดังต่อไปนี้เมื่อประมาณปี 2519 ครั้งยังไม่ได้ดำรงตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราช มีผู้ศรัทธาแถวมีนบุรีท่านหนึ่งได้กราบอาราธนานิมนต์เจ้าพระคุณสมเด็จพระญาณสังวรไปทำบุญที่บ้านซึ่งอยู่แถวเขตมีนบุรี ซึ่งห่างไกลจากวัดบวรนิเวศวิหารหลายสิบกิโลเมตร ซึ่งตามปกติแล้ว หากรถไม่ติด ก็น่าจะใช้เวลาเดินทางโดยรถยนต์ประมาณ 45 - 60 นาทีเป็นอย่างน้อยโดยผู้ศรัท ธาท่านนั้น กราบอาราธนานิมนต์สมเด็จฯท่านไว้ที่ 11 นาฬิกาตรงพอถึงวัน สมเด็จพระญาณสังวรท่านติดภารกิจหลายประการ จนเวลาล่วงใกล้ 10 นาฬิกาแล้ว พระภาระก็ยังไม่เสร็จสิ้น จนผู้ที่ถวายงานและทราบหมายกำหนดการที่มีนบุรีดังกล่าวจึงกราบเรียนว่า  เวลาจะไปไม่ทันที่นิมนต์แล้ว  สมเด็จฯจะยังคงเสด็จไปอยู่อีกหรือไม่..??? ซึ่งสมเด็จพระญาณสังวรก็ทรงยืนยันว่า จะเสด็จไปตามนิมนต์ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆจนเมื่อภารกิจที่วัดบวรนิเวศวิหารทั้งปวงลุล่วง และทรงขึ้นรถยนต์ที่มีผู้ใหญ่แห่งวงการฟุตบอลท่านหนึ่งขับถวายออกจากวัด เวลาก็กว่า "10.30 น."แล้ว ซึ่งหากคำนวนตามเวลาเดินทางที่ต้องใช้เวลา 45 นาทีถึง 1 ชั่วโมงเป็นอย่างน้อย ก็นับได้ว่า ไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะไปทันงานตามเวลาด้วยประการทั้งปวงและสิ่งที่น่าอัศจรรย์ที่บังเกิดขึ้นในทัน ใดนั่นเองหนึ่งในผู้ตามเสด็จในครั้งนั้นได้เล่าให้ฟังว่า เมื่อรถได้เคลื่อนออกไปไม่เท่าไร  ก็มีความรู้สึก"วูบๆๆๆ"ไปชั่วระยะหนึ่ง  และมิพลันช้า พริบตาเดียว รถยนต์ที่ประทับก็ได้ไปถึงสถานที่นิมนต์ที่มีนบุรีโดยฉับพลันทันใดอย่างน่าอัศจรรย์ที่สุด.!?!?เข็มนาฬิกาบ่งบอกชัดเจนว่า เวลาที่รถยนต์ที่สมเด็จพระญาณสังวรทรงประทับไปถึงมีนบุรีนั้น เป็นเวลาประมาณ 10.50 น.ก่อนเวลา 11 นาฬิกาที่อาราธนาไว้ถึง 10 นาทีเต็มๆใช้เวลาเดินทางจากวัดบวรนิเวศวิหารถึงบ้านที่นิมนต์ที่มีนบุรีภายในเวลา "20นาที"เท่านั้น..!!!!!!!ซึ่งไม่มีทางเป็นไปได้เลย สำหรับ"กรณีปกติ" หากมิได้ทรงใช้"อิทธิวิธี"ในการ"ย่นระยะทาง"ทั้งคนทั้งรถให้ไปถึงที่หมายก่อนเวลาเห็นปานนั้นได้ยอดเยี่ยมและประเสริฐเลิศในทุกๆทางอย่างที่สุดแล้ว สำหรับ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชแห่งสยามประเทศของพวกเราท่านทั้งหลายพระองค์นี้ขอถวายอนุโมทนาสาธุการ............. 

    คงจำได้ข่าวใหญ่หน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ทุกฉบับเมื่อประมาณปีพ.ศ. 2530 ต้นๆ ได้เกิดเหตุไฟไหม้ที่ชุมชนแออัดบางลำพู  หลังวัดบวรนิเวศ  ซึ่งตรงนั้นชาวบ้านอาศัยกันอยู่อย่างเนืองแน่น  ไฟได้เริ่มลุกขึ้นโหมแดง  เสียงรถน้ำของตำรวจหลายสิบคันมุ่งหน้ามาที่ซอยนี้ แต่ทว่ายังเข้าไม่ได้เพราะซอยเล็กมากมีเรื่องเล่ากันว่า  ในวันนั้น สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชพระองค์ทรงประทับอยู่ที่วัดบวรนิเวศวิหาร  ไม่มีภารกิจเสด็จไปไหน  เมื่อทรงทราบข่าวว่ามีไฟไหม้หลังวัด  ทรงดำเ นินลงจากพระตำหนักมาทอดพระเนตรไปยังจุดที่เกิดเหตุอย่างจิตใจที่ตั้งมั่น  ไม่มีผู้ใดทราบได้ว่าพระองค์ทรงดำริอะไร  แม้แต่พระผู้ที่ติดตามในวันนั้น  นายตำรวจที่ติดตามในวันนั้นเองก็ไม่ทราบแต่ความอัศจรรย์ของอานุภาพแห่งธรรมได้ปรากฏ  เมื่อพระองค์ละสายตาจากการทอดพระเนตรที่เพ่งมองด้วยจิตตั้งมั่นแล้วไม่ช้าไม่นาน  ไฟที่ลุกโชตินั้นค่อยๆ   สงบลงอย่างช้าๆ ทีละน้อยทีละน้อย  ทั้งที่รถน้ำยังไม่ได้ทำการฉีดน้ำสักหยดอย่างน่าตื่นตะลึงเป็นที่สุด..!!!!! ข่าวได้แพร่สะพัดไปอย่างกว้างขวางว่า  ท่านเจ้าพระคุณสมเด็จพระญาณสังวรทรงอธิษฐานจิตดับไฟหลังวัดบวรนิเวศเพื่อช่วยเหลือผู้ที่อยู่อาศัยในชุมชนหลังวัดบวรนิเวศวิหารให้พ้นจากวิบัติภัย  นี่ก็นับได้ว่าเป็นความอัศจรรย์ขอ งอานุภาพแห่งธรรมอย่างหนึ่ง  ซึ่งจะปรากฏและมีได้ต่อผู้ที่มีศีลและธรรมอันบริสุทธิ์  พระองค์เคยตรัสสอนเหล่าภิกษุนวกะบ้างพอสังเขปในเรื่องลักษณะเหตุแห่งธรรม  ทรงตรัสว่า  "หากเรามีศีลบริสุทธิ์  มีสมาธิที่สงบ  จิตตั้งมั่นดีแล้ว  อะไรๆ  ก็ปรากฏเกิดขึ้นได้  สิ่งเหล่านั้นก็เป็นธรรมะชนิดหนึ่งเหมือนกัน...

    ""สังฆราชเรียกฝนดับไฟ"เมื่อประมาณปลายปีพ.ศ. 2534 ได้เกิดเหตุเพลิงไหม้ใหญ่ที่ชุมชนตรอกบวรรังษี หลังวัดบวรนิเวศวิหารในตอนกลางดึกประมาณตี 1  ต้นเหตุเกิดจากบ้านของแขกขายถั่วซึ่งติดอยู่กับตึกสว.ธรรมนิเวศที่เตรียมทอดถั่วสำหรับขายในวันต่อไป  ไฟได้ลุกลามแผ่ขยายออกไปเรื่อยๆอย่างใหญ่โตมโหฬารไม่อาจยับยั้งได้ อีกทั้งถนนเข้าชุมชนนั้นก็คับแคบมาก และมีสิ่งกีดขวางมากมาย ยากที่รถดับเพลิงจะเข้าไปทำการสกัดไฟใดๆได้ศิษย์ของสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชบางท่านได้ทุบประตูพระตำหนักชั้นบนอันเป็นที่ประทับอย่างแรง เพื่อปลุกเจ้าพระคุณสมเด็จฯให้หนีไฟ ซึ ่งตอนนั้นเจ้าพระคุณสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชกำลังทรงนั่งสมาธิอยู่ จึงทรงมีรับสั่งสั้นๆอย่างพระทัยเย็นแต่เพียงว่า“ไฟไหม้รึ..??”ครั้นแล้ว เจ้าพระคุณสมเด็จฯก็ทรงครองจีวรเสด็จลงจากพระตำหนัก  ตอนนั้น พระสัทธิวิหาริกต้องการนำเสด็จไปที่ศาลา 150 ปีอันตั้งอยู่กลางวัด ซึ่งน่าจะเป็นที่น่าจะปลอดภัยกว่า  แต่สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชมิโปรดที่จะกระทำเช่นนั้น แต่กลับเสด็จเข้าไปที่ใกล้ที่เกิดเหตุ ที่เพลิงกำลังโหมไหม้อย่างหนักหน่วงอยู่   โดยเสด็จขึ้นไปยังบนชั้น 5 ของตึกสว. ธรรมนิเวศซึ่งอยู่ติดๆกับเขตเพลิงไหม้อย่างน่ากลัวที่สุดโดยมิทรงหวั่นเกรงต่อภยันตรายใดๆเมื่อสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชเสด็จขึ้นถึงชั้นที่ 5 ของตึกสว.ธรรมนิเวศ ก็มีรับสั่งให้ศิษย์เปิดหน้าต่างออก  ทำให้แลเห็นพระเพลิงกำลังโชนไหม้ชุมชนแออัดอย่างรุนแรง เสียงไฟที่กำลังโหมกระหน่ำ  เสียงผู้คนที่ขนของหนีไฟเอาชีวิตรอดดังอึงคะนึงสับสนอลหม่านระงมไปหมด เป็นที่น่าหวาดหวั่นป นน่าสังเวชเวทนาเป็นที่ยิ่งเมื่อสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชทรงทอดพระเนตรเห็นเช่นนั้น ก็ทรงมองตรงไปยังเบื้องหน้า  แล้วก็ทรงมองขึ้นไปยังฟ้าเบื้องบน ก่อนที่จะยกพระหัตถ์ขึ้นโบก 3 ครั้งและแล้ว สิ่งที่น่าอัศจรรย์อย่างยิ่งที่สุด ก็พลันบังเกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาของทุกผู้คนในฉับพลันพริบตาเดียว  ก็ปรากฏมหาเมฆก้อนใหญ่ลอยเหนือบริเวณที่เกิดเพลิงไหม้ในทันใด  ลมที่กำลังกรรโชกแรงที่ทำให้ไฟไหม้แผ่ขยายรุนแรงยิ่งขึ้นก็หยุดกึกราวกับปิดสวิทซ์  แม้กระทั่งใบไม้ก็ไม่ไหวกระดิกและในบัดดลนั้น ก็เกิดฝนตกกระหน่ำลงมาอย่างหนัก  หนักเสียจนไม่มีทีท่าวี่แววว่าจะหยุดได้ง่ายๆ ทำให้เพลิงไหม้มหาวินาศนั้นค่อยๆบรรเทาความร้อนแรงลงจนมอดดับไปต่อหน้าต่อตาอย่างน่าตื่นตะลึงเป็นที่สุด..!!!!!!!!เหตุการณ์ครั้งนี้  เกิดขึ้นตอนปลายเดือนธันวาคม ซึ่งเป็น”ฤดูหนาว” ซึ่งตามธรรมดา ฝนได้ขาดช่วงไปตามธรรมชาตินานมากแล้ว....เมื่อทอดพระเนตรเห็นฝนตกลงมาดับไฟ บรรเทาทุกขเวทนาแก่สัตว์ผู้ยากได้สมพระประสงค์แล้ว สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชก็เสด็จกลับเข้ามากราบพระพุทธรูปซึ่งประดิษฐานอยู่ที่ชั้น 5 อยู่พักใหญ่ จากนั้นก็เสด็จลงมายังชั้นล่างของตึกสว.ธรรมนิเวศ เพียงย่างพระบาทแรกที่เสด็จออกมา  ฝนที่กำลังตกอยู่ก ็หยุด ฟ้าที่กำลังฉ่ำด้วยเม็ดฝนก็เปิดโล่งขึ้นมาในทันที  บรรดาชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ต่างก็มาคุกเข่ารับเสด็จ พลางส่งเสียงสาธุการแด่สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชที่ได้ทรงพระเมตตา”เรียกฝนดับไฟ”ให้มอดดับไป  หลายๆคนต่างร่ำไห้น้ำตาไหลอาบหน้าด้วยความตื้นตันและซาบซึ้งในพระกรุณาปาฏิหาริย์ซึ่งทรงสำแดงให้ปรากฏต่อหน้าต่อตาของทุกๆคนอย่างที่ไม่มีใครอายใครฯ"                                     เรียบเรียงจาก  “สมเด็จพระสังฆราช”โดย “กันตสีโลภิกขุ”(Karyl  Bilbrey) จากนิตยสาร “น่านฟ้า”และ “เจ้าประคุณ” โดย”บรรณศาลา”จากหนังสือ"รวมเรื่องเล่า สิ่งที่เห็น")หมายเหตุ , 

    หลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้น "พุทธวงศ์" ซึ่งเคยมีวาสนาได้สดับพระธรรมเทศนาจากสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช ที่ทรงเสด็จมาอบรมพระกรรมฐานแก่พระเณรและอุบาสกอุบาสิกา ณ ที่แห่งนี้มาแต่ก่อน จึงเกิดความสนใจเข้าไปสำรวจดูที่ตึกสว.ธรรมนิเวศ ซึ่งตั้งอยู่ติดๆกับที่เกิดเหตุเพลิงไหม้ด้วยตนเอง พบว่า มีความเสียหายน้อยมากอย่างน่าอัศจรรย์ โดยที่มีกระจกอาคารชั้นล่างแตกเพราะความร้อนของไฟมหากาฬเพียงไม่กี่บานเท่านั้น.!!!???!!! นี่ถ้าหากมิได้พระบารมีของสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชแล้ว เชื่อแน่ได้ว่า ตึกอบรมพระกรรมฐาน สว. ธรรมนิเวศแห่งนี้ และวัดบวรนิเวศในหลายๆส่วน ก็ยากจะรอดพ้นอุบัติภัยอันร้ายแรงที่สุดในคราครั้งนั้นมาได้เป็นมั่นคงเลยทีเดียว..!!!!!

    ครั้งหนึ่งเมื่อประมาณ 10 ปีก่อน ท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ ท่านประทับเฮลิคอปเตอร์เพื่อทอดพระเนตรโครงการต่างๆในเขตวัดญาณสังวราราม อ.บางละมุง จ.ชลบุรี โดยมีนายตำรวจยศนายพล เป็นผู้ถวายการขับเครื่องบิน ด้วยเหตุใดไม่ทราบได้ในขณะที่กำลังนำเครื่องลงลานจอดเฮลิคอบเตอร์ที่ติดกับอ่างเก็บน้ำของวัดญาณฯ นักบินนำเครื่องลงไม่ตรงลานจอด แต่กลับนำเฮลิคอปเตอร์ที่ประทับนั้นลงไปในอ่างเก็บน้ำจนน้ำท่วมเอ่อเข้าพื้นเฮลิคอปเตอร์ที่ประทับน้ำท่วมถึงฝ่าพระบาทท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ นักบินเมื่อรู้ตัวว่านำเครื่องลงผิดเป้า หมายจนประสพเหตุร้ายแรงถึงเพียงนั้น ก็รีบดึงเครื่องขึ้นเต็มกำลังจนเครื่องเกือบที่จะตีกลับพลิกคว่ำ  แต่น่าเหลือเชื่อยิ่งที่นักบินกลับสามารถประคองเครื่องนำจอดได้สำเร็จโดยสวัสดิภาพ เมื่อผ่านเหตุการณ์อันน่าตกตะลึงไป นักบินกล่าวว่าต้องถือว่ามหัศจรรย์ที่นำเครื่องขึ้นได้น่าจะเป็นเพราะบารมีท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ เพราะน้ำท่วมเข้ามาถึงพื้นเครื่องแล้ว ซึ่งโดยทั่วไปไม่น่าจะสามารถกู้เครื่องกลับให้กลับมาเป็นปกติได้ แต่ท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ ทรงตบที่อังสะที่ท่านเหน็บพระเครื่องของพระองค์ท่าน พร้อมตรัสว่า "หลวงพ่อช่วยๆ" พร้อมกับแย้มพระสรวล โดยที่มิได้ทรงตกพระทัยใดๆเลย งานนี้  ผู้ที่มิได้ทรงญาณอันแก่กล้า ก็ยากที่จะสรุปให้ถ่องแท้ลงไปได้ว่า"หลวงพ่อ"ที่ช่วยให้ทุกคนปลอดภัยในครั้งนี้  จะเป็นพระเครื่องดีที่ท่านเจ้าพระคุณสมเด็จทรงพกไว้ หรืออำนาจของพลังจิตบุญฤทธิ์บารมีของ"หลวงพ่อสังฆราช"(พระองค์ท่านเอง)บัดดลให้เป็นไปหรือทั้งสองอย่างผนวกกัน..?????…………….."หลวงตาอาจจะมีบารมีทางด้านคุ้มครองรักษาประเทศชาติไทยเราได้  แต่หากเป็นด้านค้ำจุนพระศาสนาแล้ว สมเด็จพระญาณสังวร วัดบวรนิเวศจะมีบารมีมากกว่าเสียอีกน๊ะ..!!!!!!!!!!!"                                                                              

     หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน วัดป่าบ้านตาด อุดรธานีมีรายงานข่าวพิเศษจากวงในแจ้งมาให้"พุทธวงศ์"ได้ทราบเป็นการลับอย่างยิ่งว่า มีศิษย์ใกล้ชิด เคยกราบเรียนถามหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโนเป็นการส่วนตัวที่สุดครั้งหนึ่งว่า สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชประชวรมานานหลายปีแล้ว ทำไมจึงยังคงดำรงสังขารอยู่ได้ถึงปัจจุบันนี้..??? (ไปๆมาๆ หลวงตาที่ดูแข็งแรงกว่ามาก กลับนิพพานไปก่อนเสียอีก) ซึ่งหลวงตามหาบัวก็วิสัชนามาในทันทีเ ช่นกันว่า"สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชนั้น ท่านมีภาระต้องค้ำพระศาสนาไว้อยู่  ภาระธุระทางพระศาสนาของพระองค์ท่านยังไม่สุดสิ้นเมื่อใด ท่านก็คงต้องอยู่ต่อไปเรื่อยๆ(เจริญอิทธิบาทภาวนาต่ออายุขัย) จะยังตายไม่ได้อยู่ตราบนั้น..!!!!!!!!"  

    นำข้อมูลมาจากเว็ปเพื่อนบ้านครับ ขออนุญาติ และขอขอบคุณเจ้าของบทความด้วยครับ สาธุ 
     
  9. พชร (พสภัธ)

    พชร (พสภัธ) ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    5,746
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +49,866
    ได่เฝ้าสมเด็จพระสังฆราชตอนท่านยังแข็งแรงอยู่ ท่านยังได้ทรงประพรมน้ำพระพุทธมนต์ให้ ท่านทรงใจดีมากๆ มีพระเมตตามาก ครั้งสุดท้ายที่ได้เฝ้าท่านคือตอนที่เป็นตัวแทนwebพลังจิต เอาชาจากต่างประเทศไปถวายท่าน ท่านทรงมีพระเมตตามาก ท่านงามทั้งนอกทั้งใน สาธุๆๆ
     
  10. munee

    munee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2007
    โพสต์:
    367
    ค่าพลัง:
    +1,069
    ผมเคยเข้าเฝ้าที่วัดญาณ วันทำบุญแผ่นดินไทย ได้มีโอกาศยกพานพุ่มผ้าป่าถวายเจ้าประคุณสมเด็จที่เจดีย์มหาจักรีพิพัฒน์ พระวรกายท่านผุดผ่องมาก ทรงมีเมตตาอย่างยิ่งประทับใจมาจนถึงเดี๋ยวนี้ นึกถึงทีไรอิ่มเอิบใจบอกไม่ถูกเลยครับ ขอน้อมส่งเสด็จท่านเข้าสู่พระนิพพานด้วยครับ สาธุ
     
  11. นิลศิลป์

    นิลศิลป์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    1,241
    ค่าพลัง:
    +1,664
    วันนี้ 27 ต.ค.2556 และขณะนี้ ผมมางานพระศพ พระสังฆราช ที่วัดบวร ผู้คนหนาแน่น ต่อแถวรดน้ำ ยาวจนเลยออกนอกถนน ผม เลยมาพักในตึกพิพิธภัณฑ์ ก็จะโพสภาพให้ท่านที่อยู่ไกล แบะไม่มีโอกาสมาสักการะท่านได้รับทราบบรรยากาศกันนะครับ แบบสดๆให้ติดตาม และแสดงความไว้อาลัยท่านร่วมกันครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  12. นิลศิลป์

    นิลศิลป์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    1,241
    ค่าพลัง:
    +1,664
    ต่อนะครับ คนมากจริงๆ รอต่อแถวกราบพระศพ รอรับเสด็จสมเด็จพระเทพฯ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  13. นิลศิลป์

    นิลศิลป์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    1,241
    ค่าพลัง:
    +1,664
    มีทหารกองเกียรติยศ รับเสด็จพระบรมฯ ผบ.ทบ.ค.ร.ม.ผู้ใหญในบ้านเมือง ในรูปบางรูปกำลังจะกลับครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

แชร์หน้านี้

Loading...