พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

บางครั้ง คนที่ปากเก่งๆ ส่วนใหญ่ก็เก่งแต่ปากพูดก็แค่นั้น

เวลาที่ผมท้าเรื่องต่างๆ ไม่เห็นมีคนเก่งสักที

.

 

อ้างได้สารพัดเรื่อง นำเรื่องโน้นผสมเรื่องนี้
เวลามีปัญหา หายจ้อย

บอกแต่ว่าผมมีอัตตาสูง

แต่บางคนต้องบอกว่า โคตรอภิมหาอัตตาสูง กว่าผมอีก ว่าจะหยุดแล้วนะเนี่ย

.

 

รู้สึกภูมิใจครับ ที่ได้ความรู้จากปู่เล่ามาก่อน ทำให้เกิดภูมิต้านทานความรู้จากคนที่คิดว่ารู้
ไม่งั้นก็คงหลงทางโดยคิดว่าถูกทาง

ขอกราบขอบพระคุณปู่ที่ให้ความรู้ยิ่ง
ขอขอบคุณคุณหนุ่มที่นำความรู้มาเผยแพร่ต่อในโลกเทคโนโลยีที่แม้อยู่คนละฟากฟ้าก็ไปถึง

โมทนาสาธุครับ

 

อ้างอิง:
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong
บางครั้ง คนที่ปากเก่งๆ ส่วนใหญ่ก็เก่งแต่ปากพูดก็แค่นั้น

เวลาที่ผมท้าเรื่องต่างๆ ไม่เห็นมีคนเก่งสักที

.

</TD></TR></TBODY></TABLE>

แล้วเวลาที่ขอความช่วยเหลือ ก็เช่นกัน

ท่านใดมีหนังสือประวัติหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร ลองเปิดไปด้านหลังที่มีรายชื่อผู้ที่ร่วมทำบุญสร้างหนังสือ เรื่องที่จะเผยแพร่ประวัติหลวงปู่ บริจาคครั้งละ 500 บ้าง 300 บ้าง ปากก็บอกว่า นับถือ การกระทำกับปากพูด คนละเรื่องเดียวกัน (eek)

แต่ท่านอื่นๆ มาช้า มาทีหลัง แต่เต็มที่ จริงใจ ไม่จิงโจ้(good)

.

 

ยังไม่รวมเรื่องที่เกี่ยวกับคุณ....เมื่อวานซืนนี้ ผมคิดเท่าไรก็คิดไม่ออกว่าทำเพื่ออะไร

.

 

กว่าจะมารู้จักท่านอาจารย์ประถม กว่าจะทำเรื่องอื่นๆ ผมเองก็เป็นคนที่พามาเอง ถ้าไม่มีผมคงไม่มีวันนี้กัน

ผมถือว่าคนพวกนี้ เ.....
<!-- / message --><!-- sig -->

 

http://matichon.co.th/prachachat/pr...g=02edi02291150&day=2007-11-29&sectionid=0212​

วันที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550 ปีที่ 31 ฉบับที่ 3953 (3153)​

สารพัดรูปแบบกลโกง

นอกจากอาชญากรรมทางเศรษฐกิจจะกลับมาระบาดหนักในช่วงนี้ ประเด็นสำคัญประการหนึ่งที่สำรวจพบก็คือ รูปแบบ กลโกงอาชญากรรมที่มีมากยิ่งขึ้น ไล่มาตั้งแต่แชร์ลูกโซ่ โจรปั่นหุ้น โจรบัตรเครดิต และโจรไฮเทคออนไลน์ หากใครไม่ระวังอาจตกเป็นเหยื่อได้โดยไม่รู้ตัว

กลโกงแบบแรกคือ แชร์ข้าวสาร-แชร์ลูกโช่ ล่าสุดเป็นกรณีบริษัทร่วมทุนค้าปลีก ของนายรัชตะ ชวาลาอกนิษฐ์ ที่ จ.เชียงใหม่ มูลค่าความเสียหายเฉพาะคนที่ยอมออกมาแจ้งความประมาณ 1 พันล้านบาท ส่วนที่เหลือยอมให้หลอกอีกเพียบ

ล่าสุด นายสุรศักดิ์ วงศ์มังกร นักธุรกิจที่ปรึกษาหอการค้าจังหวัดมหาสารคาม เปิดเผยว่า มีชาวบ้านมาหารือกับตนหลายราย เนื่องจากได้รับการชักชวนจากนายหน้าคนไทยให้ไปลงทุนกับบริษัทต่างประเทศ ซึ่งขณะนี้มีสมาชิกทั่วประเทศกว่า 6 พันคน โดยอ้างว่าจะได้รับค่าตอบแทนสูงเป็น 10 เท่าของเงินลงทุน พร้อมกับอ้างว่ามีคนร่ำรวยจากการลงทุนไปแล้วหลายราย

โดยขั้นแรกจะต้องจ่ายเงินค่าสมัครเป็นสมาชิกก่อนตั้งแต่ 6 พันบาทไปจนถึง 27,000 บาท จากนั้นก็จะมีแพ็กเกจให้ลงทุน เช่นลงทุน 13,000 บาท จะได้เงินปันผลสัปดาห์ละ 550 บาท ลงทุน 67,000 บาท จะได้ปันผลสัปดาห์ละ 4,500 บาท และหากลงทุน 270,000 บาท จะได้ปันผลถึงสัปดาห์ละ 28,000 บาท เดือนเดียวได้กำไรกว่าแสนบาท

"ผมอยากเตือนประชาชนอย่าได้โลภหลงเชื่อเพราะไม่มีธุรกิจอะไรจะทำกำไรต่อเดือนได้มากขนาดนี้โดยไม่ทำอะไรเลย พฤติกรรมเช่นนี้ฟันธงได้เลยว่าเป็นแชร์ลูกโซ่แน่นอน" นักธุรกิจภูธรกล่าว

ต่อมาคือ การลงทุนซื้อขายเงินดอลลาร์ หรือมันนี่เกมผ่านเว็บไซต์ ข่าวว่าช่วงนี้กลโกงแบบมันนี่เกมระบาดหนักทางภาคใต้ แตกสายพันธุ์ธุรกิจขายตรงแชร์ลูกโซ่ลวงเข้าสู่รากหญ้า ล่าสุดตุ๋นคนสงขลาสูญหลายสิบล้านบาท

นายวชิรชัย คงชัย อดีตประธานชมรมธุรกิจขายตรงภาคใต้กล่าวว่า มันนี่เกมเป็นเชื้อร้ายพันธุ์ใหม่ที่กำลังแพร่ระบาดในสังคมทุกวันนี้ คือการหลอกลวงชักจูงให้คนหลงเข้ามาเล่นกับมันนี่เกม เป็นกับดักล่อในยุคที่เศรษฐกิจทำมาหากินลำบากในทุกวันนี้ คนอยากได้เงิน อยากรวยเร็ว โดยเฉพาะทางใต้นั้นใช้หาดใหญ่เป็นฐานแพร่เชื้อเพราะเป็นเมืองหลักเศรษฐกิจทางใต้ ระบบจะผ่านเข้ามาจากมาเลเซีย ไต้หวัน อเมริกา และยอมรับว่ามีคนที่อยู่ในวงการธุรกิจขายตรงนอกคอกเข้าไปเล่นกันมาก และไปตั้งเครือข่าย ใช้วิธีชักชวนคนเหมือนระบบขายตรง คนไม่รู้ก็หลงเชื่อ อ่อยเหยื่อเหมือนการพนัน หลอกให้ได้เงินก่อนครั้ง 2 ครั้ง ยืนยันว่าธุรกิจขายตรงจริงๆ ไม่มีใครทำแบบนี้ ซึ่งทำให้ธุรกิจขายตรงเสียหายในภาพรวมได้

ผู้ที่เคยลงทุนค้าเงินเหรียญผ่านเว็บไซต์ผู้หนึ่ง เล่าว่า ต้องนำเงินบาทไปซื้อเงินดอลลาร์อัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 38 บาทต่อเหรียญ แต่จะซื้อเรากลับ 34 บาทต่อเหรียญ โดยจะขาย 100, 500, 1,000, 10,000 เหรียญ ถ้า 100 เหรียญ เป็นเงิน 3,800 บาท จะได้รับส่วนแบ่งวันละ 85 บาท จะจ่าย 100 วัน ถ้าครบจะได้กำไร 1,500 บาท ถ้าลงทุน 500 เหรียญ เป็นเงินบาท 19,000 บาท จะได้รับส่วนแบ่งประมาณวันละ 400 บาท ถ้าครบ 100 วันจะได้กำไรประมาณ 9,000 บาท ถ้าลงทุน 1,000 เหรียญ เป็นเงินไทย 38,000 บาท จะจ่ายให้วันละประมาณ 900 บาท

เมื่อครบ 100 วันจะได้กำไร 23,000 บาท ถ้าลงทุน 10,000 เหรียญ เงินไทย 380,000 บาท จะจ่ายให้ประมาณ 9,000 บาท เมื่อครบ 100 วันจะได้กำไร 230,000 บาท (กำไรคือส่วนที่ลบจากเงินลงทุนแล้ว)

เมื่อทราบถึงผลตอบรับหลายคนรวมถึงตัวเองก็เกิดความโลภอยากได้เงิน และผู้ชักชวนจะกล่าวให้เกิดความมั่นใจว่าถ้าลงทุน 38,000 บาท ประมาณ 30 วัน คือ 1 เดือนก็เกือบจะคืนทุน หลังจากนั้นก็กำไร

ตนจึงตัดสินใจลงไป 1,000 เหรียญ เป็นเงิน 38,000 บาท หลังจากลงทุนก็ได้รับเงินทุกวันเข้าบัญชีวันละประมาณ 300 กว่าบาท เพราะ โดนหักค่าโอนผ่านบัญชี 25 บาท ได้รับอยู่ประมาณ 20 วัน หลังจากนั้นเงินในบัญชีที่โอนเข้ามาน้อยลง จึงโทร.ไปถามก็ได้รับคำตอบว่าตอนนี้มีการลดอัตราเงินดอลล์จากแต่ก่อนเหรียญละ 34 บาท เหลือเพียง เหรียญละ 28 บาท

เหยื่อรายนี้เผยว่า แต่ก่อนปัญหาในข้อนี้ไม่เคยมีการกล่าวถึง มีแต่ยืนยันว่าจะอย่างไรก็จะจ่ายต่ำกว่าที่ตกลง แต่เมื่อลงทุนไปแล้วก็มีเงื่อนไขมากมายเพิ่มขึ้น ซึ่งทุกข้อผู้ที่ลงทุนจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบตลอด ก็คิดว่าไม่เป็นไร กำไรน้อยลงก็ไม่เป็นไร แต่เมื่อเวลาผ่านไปก็ได้เงินน้อยลงเรื่อยๆ จนปัจจุบันไม่มีการจ่ายเงินให้แล้ว เมื่อไปถามได้รับคำตอบว่าล่มสลายไปแล้ว ไม่สามารถเอาผิดอะไรที่ใครได้เพราะเป็นสิ่งที่กฎหมายเมืองไทยไม่รองรับ

อีกแบบคือ การหลอกผู้บริโภคหรือลูกค้าเข้ามาซื้อหุ้นแล้วบอกว่าจะจ่ายเงินปันผลให้ในจำนวนเงินที่สูง แต่สุดท้ายหมดตัวกันหลายแสนบาท

ส่วนแบบสุดท้ายกำลังระบาดหนักคือ หลอกให้โอนเงินผ่านเอทีเอ็ม เช่น หลอกว่าได้รับรางวัล แต่ต้องเสียภาษีให้ก่อน หรือกรณีหลอกขอรหัสบัตรเครดิตหรือแจ้งว่าเรามีหนี้ค้างเยอะ

ว่ากันว่าอาชญากรประเภทนี้กล้าล้วงคองูเห่า โทร.ไปหลอกเจ้าหน้าที่ ปปง.มาแล้ว !

นี่คือกลโกงอาชญากรรมเศรษฐกิจที่กำลังระบาดหนักในยุคเศรษฐกิจกำลังเสื่อมทรุดอย่างหนัก

 

http://matichon.co.th/prachachat/pr...g=02edi01291150&day=2007-11-29&sectionid=0212

วันที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550 ปีที่ 31 ฉบับที่ 3953 (3153)​

เศรษฐกิจขาลง กับเล่ห์อาชญากรรมทางเศรษฐกิจ

โดย ศาสตราจารย์วีระพงษ์ บุญโญภาส ผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอาชญากรรมทางธุรกิจ และการฟอกเงิน คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#f8b8cb><TD>
</TD></TR></TBODY></TABLE>เมื่อกล่าวถึงประเทศไทย บุคคลทั่วไปมักจะนึกถึงประเทศที่มีแต่ ความสงบ อุดมไปด้วยทรัพยากร (ก่อนที่จะถูกอมนุษย์ก่นทำลายจนจะไม่มีอะไรจะเหลือ) ทัศนียภาพสวยงาม ประชาชนมีจิตใจดี นั่นเป็นภาพลักษณ์ของประเทศไทยเมื่อสามทศวรรษที่ผ่านมา ปัจจุบันประเทศไทยกลายเป็นประเทศที่น่าจะได้รับความเห็นใจมากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ความเสียหายที่ส่งผลกระทบต่อชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สิน เกิดขึ้นเป็นประจำในส่วนของสามจังหวัดภาคใต้โดยชนกลุ่มน้อยเพียง 6% ของประเทศ แต่ต้องการครอบครองประเทศไทยทั้งประเทศ การทุจริต คอร์รัปชั่น ของแทบทุกรัฐบาลที่ผ่านมาเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและยาวนาน ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลที่ผ่านการเลือกตั้งจากประชาชน หรือรัฐบาลที่เกิดจากการปฏิวัติ-ปฏิรูป ทุกคนดูเหมือนมีจุดมุ่งหมายเดียวกัน คือ ตักตวงให้กับตนเอง และพรรคพวกให้มากที่สุด แต่อาจจะแตกต่างกันในเรื่องรูปแบบ

ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2550 เห็นได้ว่าประเทศไทยอยู่ในช่วงเศรษฐกิจขาลงอย่างแท้จริง ความเติบโตทางเศรษฐกิจอยู่ในเกณฑ์ต่ำสุดเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศทั้งหลายในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จากประเทศซึ่งเคยเป็นพี่ใหญ่ในภูมิภาค กลับกลายเป็นน้องเล็กสุดในภูมิภาคนี้ไปแล้ว คงไม่ต้องถามว่าเป็นเพราะฝีมือใคร เพราะในเรื่องนี้ นักเศรษฐศาสตร์ นักการเงิน และนักธุรกิจจะสามารถให้คำตอบได้ดีที่สุด

หันกลับมาพิจารณาปัญหาอาชญากรรมทางเศรษฐกิจดูบ้าง ข้อเท็จจริงที่ไม่อาจปฏิเสธได้ก็คือ เมื่อใดที่ประเทศมีปัญหาทางด้านเศรษฐกิจเช่นในปัจจุบัน เมื่อนั้นจะเป็นช่วงเวลาของอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ เหตุผลก็คือ เมื่อรายได้ของคนมีน้อย ในขณะที่รายจ่ายเพิ่มขึ้น การพยายามหารายได้อื่นมาเสริมจึงเกิดขึ้น อาชญากรทางเศรษฐกิจเข้าใจในปัญหานี้ดี รูปแบบการหลอกที่หลากหลายจึงเกิดขึ้น และรูปแบบที่เห็นเป็นรูปธรรมมากที่สุดก็คือ "แชร์ลูกโซ่"

นับตั้งแต่ในอดีตที่ผ่านมา อาชญากรรมทางเศรษฐกิจประเภทแชร์ลูกโซ่อยู่คู่กับสังคมไทยมาโดยตลอด ผิดแต่เพียงว่า รูปแบบของธุรกิจที่ใช้เป็นเครื่องมือในการหลอกได้พัฒนาเปลี่ยนไป เช่น แชร์น้ำมัน-แชร์อสังหาริมทรัพย์-แชร์ธุรกิจจัดสรรวันพักผ่อน (time sharing)-แชร์อัญมณี-ปุ๋ยลูกโซ่-แชร์รากหญ้า-คอนซูเมอร์ช็อป-ปฏิวัติเขียว

ปัจจุบันแชร์ลูกโซ่ที่อาศัยธุรกิจเกี่ยวกับการเสริมสุขภาพ รวมทั้งอุปกรณ์ออกกำลังกายกำลังเกิดขึ้นอย่างดาษดื่น หนึ่งในจำนวนนั้นก็คือ กรีนแพลเน็ต 108 ซึ่งให้ผลตอบแทนสมาชิกที่หาสมาชิกได้ถึงเป้าหมาย เป็นรถจักรยานยนต์ รถยนต์โตโยต้าวีออส รถยนต์โตโยต้าคัมรี่ และรถเบนซ์ นอกจากนั้นธุรกิจที่มีลักษณะเป็นแชร์ลูกโซ่ ซึ่งนำเอาเครื่องอุปโภค บริโภค มาเป็นจุดขายคือ "อีซี่เน็ตเวิร์กมาร์เก็ตติ้ง" ซึ่งขยายเครือข่ายออกสู่ต่างจังหวัดอย่างรวดเร็ว มีผู้มาแจ้งความแล้วเป็นจำนวนร้อย และเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาได้มีการแสดงพลังโดยระดมสมาชิกทั่วประเทศจำนวน 50,000 คน มาประชุมที่สนามกีฬารัชมังคลากีฬาสถาน โดยแชร์ลูกโซ่วงนี้ มีผู้อยู่เบื้องหลังเป็นคนมีสี นักการเมือง และนักกฎหมายขายตัว

ข้อควรระวังมิให้ตกเป็นเหยื่อแชร์ลูกโซ่เหล่านี้ก็คือ

1.ในเรื่องธุรกิจหรือสินค้าที่นำมาชี้ชวนเพื่อลงทุนนั้น จะต้องดูว่ามีความ มุ่งหมายอย่างจริงจังในการทำธุรกิจ หรือจำหน่ายสินค้าเพียงใดหรือไม่ ถึงแม้ว่าในช่วงแรกจะแสร้งทำเป็นดำเนินธุรกิจ หรือจำหน่ายสินค้าอย่างจริงจัง แต่ก็ต้องพิจารณาดูเงื่อนไขว่ามีอะไรแอบแฝงอยู่หรือไม่

2.ผลตอบแทนซึ่งเป็นสิ่งโน้มน้าวให้มาลงทุน พิจารณาแล้วดูเกินความเป็นจริงหรือไม่ ให้คิดในมุมกลับว่า ในสถานการณ์เช่นนี้ การทำธุรกิจอะไรที่จะให้ผลตอบแทนได้ดีถึงขนาดนั้น

3.หมั่นตรวจสอบข่าวจากหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายต่อเงินนอกระบบเหล่านี้ เช่น สำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค สำนักนายกฯ กลุ่มงานป้องปรามเงินนอกระบบ สำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง กรมสอบสวนคดีพิเศษ กระทรวงยุติธรรม และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

นอกจากแชร์ลูกโซ่ที่ยังเกิดขึ้นมากในขณะนี้ ยังมีอาชญากรรมทางเศรษฐกิจอีกประเภทหนึ่ง สร้างความเสียหายแก่ผู้ใช้บัตรเครดิตอย่างมาก โดยใช้กลวิธีในการลวงถามข้อมูล ถ้าผู้ใช้บัตรหลงเชื่อ ก็จะนำเอาข้อมูลนั้นไปทำบัตรปลอม หรือสร้างความเสียหายประการอื่นแก่เจ้าของบัตร กลวิธีของอาชญากรทางเศรษฐกิจประเภทนี้ได้แก่

1.จะมีโทรศัพท์เข้ามาในเครื่องของท่าน โดยมักจะเป็นเบอร์แปลกๆ เช่น 015935761815 หรือ 0159355761040 (เลขเกิน 10 หลัก) หรือบางครั้งจะไม่โชว์เบอร์เลย

2.พอรับสายจะเป็นเสียงตอบรับอัตโนมัติ โดยอ้างว่าโทร.มาจากธนาคารมีชื่อ แจ้งว่าท่านไม่ได้ชำระค่าบัตรเครดิตของธนาคารเลย จึงจำเป็นต้องระงับการใช้บัตรของท่าน หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมให้กด 9 ถ้าต้องการ ฟังซ้ำกด 1 เมื่อกด 9 เพื่อต้องการตรวจสอบ ก็จะมีผู้รับสาย โดยอ้างว่าเป็นฝ่ายเร่งรัดหนี้สินของธนาคารนั้นๆ หรืออ้างว่าเรื่องของท่านได้ถูกส่งไปยัง ฝ่ายกฎหมายของธนาคารแห่งประเทศไทยแล้ว และมีเสียงโทร.จาก ฝ่ายกฎหมายของธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นเรื่องเท็จ

3.ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เป็นลูกค้าของธนาคารแต่อย่างใด ทางเจ้าหน้าที่ปลอมก็จะถามชื่อ-นามสกุล-วันเดือนปีเกิดของท่าน โดยอ้างว่าต้องใช้เพื่อจะได้เรียกข้อมูลนี้มาดู (หากไม่เฉลียวใจ ก็มักจะมีการให้ข้อมูลไปตามนั้น)

4.จากนั้นก็จะแจ้งว่า ท่านได้เปิดบัตรเครดิตกับธนาคารนั้นได้ ในวงเงินเท่านั้นเท่านี้ โดยได้ฝืนเอกสารรับรองต่างๆ ไว้ด้วย และได้รูดซื้อสินค้าในห้างสรรพสินค้าเป็นจำนวน........บาท เมื่อวันที่............ และกดเงินสดเป็นจำนวน........ บาท เมื่อวันที่ ........... ตามแต่จะอ้าง ซึ่งฝ่ายผู้รับสายก็มักจะปฏิเสธไปว่าไม่เป็นความจริง

5.ทางฝ่ายเจ้าหน้าที่ปลอมก็จะแจ้งว่า ท่านอาจจะถูกโจรกรรมข้อมูล บัตรเครดิต และฝ่ายเจ้าหน้าที่ปลอมจะแจ้งไปยังฝ่ายกฎหมายของธนาคารแห่งประเทศไทย หรืออาจจะเป็นศูนย์ข้อมูลบัตรเครดิตแห่งชาติ และอีกไม่เกิน 30 นาที จะมีเจ้าหน้าที่จากธนาคารแห่งประเทศไทยโทร.กลับ ขอให้รอรับสาย

6.อีกชั่วครู่จะมีโทรศัพท์เข้ามา โดยไม่โชว์เบอร์อีกเช่นกัน และอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ศูนย์ข้อมูลบัตรเครดิตแห่งชาติ หรือเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมายของธนาคารแห่งประเทศไทย ได้รับติดต่อมาจากทางธนาคารแล้ว และจะสอบถามข้อมูลจากท่านเพิ่มเติม เช่น ท่านถือบัตรเครดิตของธนาคารอะไรบ้าง วงเงินเท่าใด รวมถึงจะช่วยแก้ไขรหัสท้ายบัตร 4 หลักให้ ทั้งนี้เพื่อนำข้อมูลเกี่ยวกับบัตรเครดิตของท่านไปสร้างความเสียหายแก่ท่านต่อไป

ที่กล่าวมานี้ คือ เล่ห์กลของอาชญากรทางเศรษฐกิจ ซึ่งมักจะเปลี่ยนกรรมวิธี หรือรูปแบบในการประกอบอาชญากรรมไปเรื่อย สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ การระมัดระวังตัวเอง และโปรดจำไว้ว่าความอยากได้ผลตอบแทนจำนวนมาก อาจจะตกเป็นเหยื่ออาชญากรทางเศรษฐกิจในที่สุด

 

555 คุณเพชรน่ะไปรังแกผู้สูงอายุแล้ว เขาpm มาบ่นกับผมต่างๆนานา ผมก็ตอบไปว่าอย่าคิดมากเลยครับ เค้าแซวเล่น ดูอย่างผมสิ หล่อจาแย่อยู่แล้ว เป็นคนแสนดี้..ดี (ยอตัวเอง) ท่านเพชรยังมาให้ผมเป็นอินเดียนหน้าโจรเลย ขำๆ ออก ผมถือโอกาสนี้บอกทุกท่านเลยครับพยายามมองดีๆชีวิตจะมีความสุขครับ อย่างผมหล่อกว่าท่านตั้งใจนี่ ทุกคนทราบดีครับ(smile)

 

อ่า...เป็นคนเดียวเลยครับที่ผมเขม่นอยู่ เพราะหล่อกว่า
นี่แหละครับเขา



ส่วนผม


ก็ยังเดะๆอยู่เลย

แต่อืม ป้า thanya อย่าคิดมากนะครับ พวกลุงๆเขาก็งี้ล่ะ ชอบล้อเล่น
(kiss)

 

เอ้าแจ้งน้องchaipatหน่อยจะได้โมทนาบุญร่วมกัน เมื่อวานที่เซ็นทรัลบางนามีตู้รับบริจาควัดพระบาทน้ำพุ ผมได้บริจาคตามที่ได้บอกไว้...แล้วก็ไม่ได้หวังอะไรนะจ๊ะ ไม่รับพระพิมพ์ครับ โมทนาบุญร่วมกันครับพี่น้อง(kiss)

 

55555 .... ขอขมากรรม และขออโหสิกรรมด้วยนะครับ นี่ก็คือ กุศลกรรมบถ ๑๐ อีกข้อที่ไม่ดีเลย คุณน้องนู๋"เคย"เขียนว่า อินเดีย"น่าโจน" ผมนำมาแปลงเสียงด้วยวจีกรรมเป็น"หน้าโจร" import มาจากฮ่องกงเลยนะครับ"ท่านนี้" อย่าถือโทษโกรธผมอีกท่านนา จะให้"พระปลอบใจ"ก่อนปีใหม่ซะหน่อย...อิอิ...

 

เป็นการ"ดิสเครดิต"กับบรรณาธิการที่ขาดความรับผิดชอบ ขาดจรรยาบรรณ เป็นมาตรการตอบโต้ทางสังคมองประชาชนทั่วไปที่บริโภคข่าว

 

เป็นภาพยนตร์ที่ประทับมากๆ ทั้ง ๓ ภาคน่าดูมาก ผมเก็บมา ๒ ภาคเอง ได้คืนอีกภาคไป เพราะ ต้นฉบับไม่ชัดเท่าไหร่ ไม่สมกับ DVD ยังหาซื้อไม่ได้เลย หน้าปกก็ต้องยังงั้นอย่างนี้ด้วย แผ่นทองด้วย จึงเป็นเงื่อนไขที่ผมยังหาแผ่นที่สมบูรณ์ได้ยากมาก

 

55555กำปั่นหรือ ไหเบญจรงค์ไม่เอาด้วยนาครับ เอรู้ไปหมดเลยท่านเพชรนี่ผมต้องทำหน้าที่ปลอบตั้งนานแน่ครับ อัตราการปลอบผู้สูงวัยนี่ผมต้องชาร์ ท่านเพชรหนักๆหน่อยครับ

 

แหมช่างเลือกจริงนะหน้าปกด้วย...นึกว่าจะเอาแต่แผ่นจา....ให้ เอาปกด้วยก็หาเองอ่ะกันครับ(deejai)

 

สงสัยพี่ต้องงัดเอาวิชา"ปรับธาตุย้อนอดีต"มาใช้เสียแล้วนะ น้องเอ เจาะเข้าไปใน"จิตใต้สำนึก"ของแต่ละท่าน พี่เข้าใจความรู้สึกของทุกท่านนะครับ ใช้เวลาหน่อย หากสามารถสละเรื่องส่วนตัวลงมาบ้างทั้ง ๒ ฝ่าย เพื่อเรื่องส่วนรวม กลุ่มวังหน้าจะกับมาน่ารักแบบเดิมนะ..

พี่มีเรื่องเล่าให้ฟังเป็นข้อคิดกันเล็กน้อย...บริษัทแห่งหนึ่งได้จัดวัน walk rally ขึ้นในสถานที่แห่งหนึ่ง กิจกรรมเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างพนักงานด้วยกัน ผู้บริหารกับผู้บริหารด้วยกัน ผมออกมาว่า ทีมผู้บริหารพ่ายแพ้ได้คะแนนรั้งบ๊วย น้องเอทราบไม๊ครับว่าสาเหตุเกิดจากอะไร ทำไมทีมผู้บริหารเก่งๆ เงินเดือนสูงๆ ดีกรีสูงๆทั้งนั้น จบนอกกันทุกท่าน แต่ทำไมถึงพ่ายแพ้ ABCD นี่ได้ "D" กันเลย อ่านดีๆนะ "D" นะ ไม่ใช่ "ดี" สาเหตุเพราะผู้บริหารทุกท่าน นำความเก่งมา "แข่ง"กันไม่ได้นำมา"เสริม"กัน กลับกันที่พนักงานชนะได้เกรด A กัน เพราะ ความที่ตนเองรู้สึกว่า"ด้อย"กว่านี้กลับเป็นจุดแข็งที่ทำให้"ฟัง"กันมากกว่า"พูด"กัน จึงเอวังด้วยประการละฉะนี้...