จิตพร้อม? รับภัยพิบัติ

คำสอนของพ่อ...

จงอย่าผิดศีลเพราะเกรงใจสังคม

การปฏิบัติพระกรรมฐาน ก่อนที่จะหวังให้ฌานสมาบัติ อุบัติปรากฏแก่จิตใจนั้นต้องมีศีลบริสุทธิ์เสียก่อน
ถ้าศีลของท่านยังขาดตกบกพร่อง รักษาบ้าง ไม่รักษาบ้าง ยังเกรงใจความชั่ว คือสังคมที่มอมแมมด้วยความชั่ว
ที่ต้องมีการดื่มของมึนเมา ต้องกินเนื้อสัตว์ที่ยังมีชีวิต เพราะถ้าสัตว์ตายก่อนแล้ว เนื้อมีรสไม่อร่อย
ต้องพูดตลบตะแลงให้คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง เกรงใจสังคมที่นิยม มีเมียเก็บ เมียอะไหล่
นิยมสะสมสมบัติที่ได้มาโดยมิชอบธรรม

เฉพาะอย่างยิ่งการดื่ม ถึงแม้ว่าท่านจะละมาในวันอื่น ๆ ทุกวัน แต่ถ้าวันใดมีการเลี้ยงก็ต้องดื่มเพื่อสังคม
แม้อย่างนี้ก็ชื่อว่าท่านไม่มีความบริสุทธิ์ ไม่มีศีลเป็น อธิศีล แม้แต่ปกติศีลก็ยังไม่จัดว่าท่านเป็นผู้มีศีลทั้งนี้
เพราะการบกพร่องในศีลเป็นความชั่วจะด้วยกรณีใดก็ตาม

ถ้าท่านล่วงศีลด้วยเจตนาแล้ว ท่านก็เป็นคนเลวสำหรับนักปฏิบัติในศีล
ท่านจะอ้างว่าท่านล่วงเพื่อสังคม ก็ไม่มีทางจะเอาตัวรอดได้ เพราะการที่ท่านต้องเกรงใจสังคมที่มุ่งทำลายความดี
สิ่งที่ท่านทำไปนั้นมันเป็นเหตุของความชั่ว ขึ้นชื่อว่าความชั่ว แม้แต่นิดหนึ่งก็เป็นความชั่ว


พระราชพรหมยานมหาเถระ (หลวงพ่อฤาษี)​

Cr...FB ปัจจัตตัง

 

ขออนุญาตสรุปยอดล่าสุดครั้งสุดท้ายค่ะ (แก้ไขรายชื่อบางชื่อค่ะ)
​

รายชื่อผู้ร่วมทำบุญในงานถวายเครื่องไทยทาน ณ วัดท่าซุง วันที่ 28-29 กันยายน 2556

1. ครูลูกพลัง 2,000.00 16/9/13
2. คุณสะอาด 1,000.00 16/9/13
3. คุณลินดา 1,000.00 17/9/13
4. คุณแหม่ม ขวัญสีรี 1,000.00 17/9/13
5. 500.00 17/9/13 ผู้ไม่ประสงค์ออกนาม
6. คุณสุข ฟ้าภิญโญ 500.00 18/9/13
7. คุณมณีตรี 1,000.00 19/9/13
8. คุณจ๋าย ตะกั่วป่า 1,000.00 19/9/13
9. พี่ภู 10,000.00 19/9/13
10. คุณติ๊ก-natatik 500.00 19/9/13
11. คุณแพท-uk 1,000.00 20/9/13
12. คุณการ์ตูน-Uk 1,000.00 20/9/13
13 480.00 23/9/13 ยอดนี้น่าจะเป็นของน้องหน่องมั้ยหน๋อ
14. คุณเกียรติ-จกพ 500.00 25/9/13 โทรเข้ามาแจ้งวันนี้ค่ะ
15. พี่แนท+สายบุญUK 15,200.00 25/9/13
16. คุณนิรุทธ์ ล่องเซ่ง 1,000.00 26/9/13
17. คุณก้องเกียรติ 500.00 26/9/13
18. น้องนอร์ท 500.00 27/9/13
19. น้องหว้า 520.00 27/9/13
20. น้องแจง แคนาดา 200.00 ฝากเงินมาทำบุญ
21. ครูเกษ 600.00 ขอต่อยอดบุญให้เป็นสี่หมื่นบาทค่ะ
40,000.00

ทำบุญไทยทาน (2,000.00)
ถวายสังฆทาน-หลวงพ่อ (2,000.00)
ถวายสังฆทาน-ท่านพ่อ (2,000.00)
ใส่ยาม 20*100 องค์ (2,000.00)
คงเหลือถวายวัดร่วมทำบุญทุกอย่าง 32,000.00

หมายเหตุ..ครูเกษขออนุญาตปิดรับการโอนร่วมบุญนี้ในวันศุกร์ที่ 27 กย.56 นี้เท่านั้นน่ะค่ะ (เพราะต้องเดินทางตั้งแต่เช้ามืดวันเสาร์ที่ 28 กย.ค่ะ) แล้วคืนวันศุกร์จะสรุปยอดล่าสุดให้ทราบโดยทั่วกันอีกครั้งค่ะ

โมทนาสาธุ [/QUOTE]


ครูเกษขออนุญาตปิดยอดเงินทำบุญตามรายงานล่าสุดข้างต้นนี้น่ะค่ะ..

ขอโมทนาสาธุบุญกับทุกๆ ท่าน มา ณ โอกาสนี้ด้วยอีกครั้งค่ะ สาธุ..

แล้วเจอกันที่วัดจ้าาา...:z10:z8

 

"หมั่นสอดส่องจิตตนอยู่เสมอ"

ตั้งสติพิจารณาทั้งกาย ทั้งจิต
ดูให้ดีว่าปัจจุบันขณะ กายเรากำลังทำอะไร-ใจเรากำลังทำอะไร
สิ่งใดที่ทำแล้วไม่สบายใจ อึดอัด ให้นำมาพิจารณาที่ต้นเหตุ
และพิจารณาตามอริยสัจ อยู่บนพื้นฐานของความจริง
โดยเริ่มต้นจากจิตเราที่ต้องยอมรับความจริงในใจตนให้ได้เสียก่อน
อย่าหลีกปัญหา อย่าหนีปมตนเอง


สิ่งใดที่เกิดขึ้นในใจเรา ตัวเราเองล้วนเป็นผู้ก่อทั้งสิ้น
เมื่อก่อขึ้นในใจเราย่อมไม่สงบ บริสุทธิ์
พลอยทำให้จิตหม่นหมอง
แม้ว่าจะพยายามทำความดีหลายอย่างสักเท่าไร
ก็ไม่อาจทำให้จิตเราสว่างได้
เพราะมีปมในใจคอยทำให้เราไม่สบายทุกเวลา


ทางที่แก้ปัญหาได้เราจึงต้องกลับไปดูที่ต้นเหตุในใจเรา
แล้วแก้ต้นเหตุที่ตัวเรา
อย่ากล่าวโทษคนอื่นและอย่ากล่าวโทษตนเอง
เพราะกล่าวโทษไปก็ไม่ได้ทำให้ปัญหาในใจคลี่คลายได้


อย่าหลีกหนีปัญหาด้วยการสร้างปมใหม่ที่เด่นกว่ามาทับถมปมเดิม
เพื่อทำให้ตนเองรู้สึกดีขึ้น หรือมีคุณค่าขึ้น
สุดท้ายแล้วเราก็ยังจะวนเวียนใน "โลกธรรม ๘"
จิตยึดในโลกธรรมนี้ ก็เท่ากับจิตไม่ว่าง
เมื่อจิตไม่ว่างก็ไม่สามารถหลุดพ้นได้
สิ่งใดที่ทำไปจึงต้องพิจารณาด้วยสติสัมปะชัญญา
และอยู่กับความจริงของโลก (ไม่ใช่ความจริงที่ตนเองสร้างขึ้นมา)


หมั่นพิจารณาให้จิตตนอยู่เหนือร่างกาย อยู่เหนือโลกธรรมเสมอ
หากตั้งใจจะหลุดพ้น ก็จงนำจิตตนให้หลุดพ้นจากตรงนี้ให้ได้
เพราะแม้จะทำความดีสักเท่าไร ก็ไม่สำคัญเท่ากับ "จิตตนเอง"
ที่ยึดอะไรไว้ หรือวางอะไรทั้งหมดลงแล้วหรือยัง


อย่าทะนงตน อย่าหยิ่งในศักดิ์ศรีความเป็นคน ความเป็นผู้นำ ความเป็นครูคน
เพราะสิ่งทั้งหลายล้วนไม่เที่ยง เรา-ท่านมีเท่ากัน ตายไปก็มีเท่ากัน
จึงควรนำจิตมาให้อยู่เหนือโลกธรรมทั้งหลายจะดีกว่า
อย่าเสียเวลาไปหลงในสิ่งที่ไม่มีตัวตน และไม่เที่ยง ล้วนทำให้จิตเราทุกข์เลย

​

 

โมทนาสาธุในบุญกุศลทุกท่านค่ะ ขอให้ทุกดวงจิตถึงซึ่งพระนิพพานในชาตินี้เทอญ
เจอกันวันอาทิตย์นะคะ ทุกท่าน ร่วมกำหนดจิตไปกราบหลวงพ่อด้วยกันค่ะ​

​

 

​

...เสื้อยืดคอปก สีขาว สกรีนสัญลักษณ์ "สมาคมจิตเกาะพระ"
ที่ได้ทำเสร็จแล้ว จำนวน 10 ตัว
เตรียมเอาไว้แจก จิตบุญ จิตเกาะพระ
ที่จะไปร่วมในงานบุญ ถวายไทยทานหลวงพ่อฤาษีลิงดำ
ที่วัดท่าซุง วันอาทิตย์ ที่ 29 ก.ย. นี้

...คุณภูทยานฌาน๒ เป็นเจ้าภาพในการทำเสื้อแจกครั้งนี้
ขอทุกท่านร่วมโมทนาด้วยเทอญ

...ท่านใดที่จะไปกับรถตู้ ขอให้รีบแจ้งมาได้ ยังพอมีที่ว่างอยู่ครับ
(ภาพ 4 ภาพนี้ ถ่ายจากโทรศัพท์มือถือธรรมดา อาจจะไม่ค่อยชัด ต้องขออภัยด้วยครับ)​

 

ธรรมในจิตจะกลับมาสอนตนเอง

เพราะไม่มีผู้ใดมาสอนตนดีเท่ากับตนสอนตนเอง
โดยเฉพาะผู้ปฎิบัติที่มีปัญญาแล้ว ยิ่งสอนกันไม่ได้เลยเพราะถือว่าตนก็มีปัญญา
นอกเสียจาก ธรรมภายในจิตตนเอง เพราะฉะนั้น อย่าเสียเวลาไปสอนคนอื่น

ถ้าเป็นลูกหลานของหลวงพ่อฯกันจริงๆ
โปรดนำคำสอนของหลวงพ่อมาปฎิบัติตามให้ได้
อย่านำธรรมะของพระพุทธองค์ อย่านำคำสอนของหลวงพ่อ..ไปสอนแต่ผู้อื่น
อย่าลืมสอนสั่งตนเองด้วย

โดยเฉพาะ คำว่า อย่าสนใจในจริยาผู้อื่น

โดยเฉพาะ คำว่า อย่าสนใจในจริยาผู้อื่น
เพราะว่าคนอื่นจะดีหรือเลวก็ไม่เกี่ยวมรรคผลตนเอง (ตัวกรูน่ะ ดีพอรึยัง?)
ไม่ได้ตำหนิใครนะ แค่สอนตนเอง พยายามพูดคุยกันระหว่างสติ(หยาบ)กับจิต(ละเอียด)

แต่ถ้าไม่มีสติกันจริงๆ จิตย่อมใหลหลงไปกับธรรมารมณ์ของตนเองแน่
นี่ยังไงหล่ะ ที่ข้าพเจ้าก็เคยเน้นย้ำบ่อยๆว่า คอยหมั่นเจริญปัญญาบ่อย
เพราะจะนำไปสู่การละตัววิญญาณขันธ์ โดยเฉพาะตัวสังขารขันธ์

คำว่า สังขารขันธ์ มีความหมายเช่น เจตสิก ธรรมารมณ์ อาการของจิต
หรืออารมณ์ต่างๆของตน

ตัวสังขารขันธ์ที่กล่าวมานี้ แต่ถ้าผู้ปฎิบัติยังเจริญไม่ต่อเนื่อง บอกตามตรงว่า ไม่มีตามทันแน่ๆ
ตัวสังขารขันธ์ที่ว่ามานี้ แท้จริงเป็นส่วนหนึ่งของจิต(อาการ) เกิดขึ้นพร้อมกับตัวจิต(วิญญาขันธ์)
และดับพร้อมกับจิต(วิญญาณขันธ์)
เกิดอย่าไปสนใจ ให้เราสนใจดับ เพราะการดับของแต่ละบุคคลจะไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่ที่จิตปัญญา
ถ้าไม่มีปัญญา มีแต่สติธรรมดาสามัญ คำว่าดับนั้น อาจจะใช้เวลานานพอสมควร
เช่น ความโกรธ คือกิเลสอย่างหนึ่ง ที่คนทั่วไปพบเจอบ่อย
เวลาฉันโกรธ หรือไม่พอใจใครสักคน ทำไมฉันได้โกรธนานแท้ บางทีคนที่ทำให้โกรธนั้น
มันไปมีความสุขที่ไหนแล้วก็ไม่รู้ แต่ทำไมเรายังคงโกรธเขาอยู่ได้ ก็เพราะว่าจิตเขายังไม่ปล่อยวาง
คนเราถ้ามีปัญญาตามที่พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ดีแล้ว ชอบแล้วนั้น ย่อมรู้เข้าใจและปล่อยวางง่าย
เพราะจิตเข้าใจธรรม และคนส่วนใหญ่เป็นทุกข์มากกับตัวสังขารขันธ์
เพราะธรรมชาติแห่งจิตของคนเรานั้นชอบคิด ชอบปรุงแต่ง บวกลบคูณหาร ถูกผิดไม่รู้
รู้เพียงอย่างเดียวว่า ฉันไม่แคร์ใคร คนอื่นฉันไม่สน สนใจแต่ตนเอง หรือแคร์ตนฝ่ายเดียว
ถ้าเป็นอย่างนี้ โลกใบนี้ก็จงเจริญ(วุ่นวาย)ต่อไป

ตัวสังขารขันธ์ที่ว่ามานี้ มักตามดู ตามรู้ยาก โดยเฉพาะผู้ไม่ฝึกจิต
ขนาดนักภาวนา นึกว่าตนแน่แล้วนะก็ยังพลาดพลั้ง เพราะเผลอสตินิดเดียวตามไม่ทันเจตสิกตนแล้ว
กิเลสพาไปแฮบ(ไปแด๊ก)เป็นที่เรียบร้อยแล้ว จงรู้ไว้เสียด้วย ว่ากิเลสมันเก่งกว่าหลายร้อยเท่า
จิตธรรมดาย่อมตามไม่ทันมันแน่ ถ้าใครนึกไม่ออกอีก ก็ขอให้เรานึกถึงเวลาเราลื่นล้ม(หกล้ม)
หรือรถลื่นไหล ควคุมรถไม่ได้ ทั้งพวกมาลัยและเบรคควบคุมก็ไร้ความหมาย (Uncontrollable)
เพราะฉะนั้น เลิกคิด เลิกติดตามตัวสังขารขันธ์(เจตสิกหรือธรรมารมณ์หรืออาการจิต)
เพราะแท้ที่จริงแล้ว มันก็เกิดดับไปตามธรรมชาติของจิต ที่จิตไปรับเอามาจากอายตนะทั้งภายนอกและภายใน
หรือจากสิ่งที่กระทบจิต จากภายนอก(จากผู้อื่น) จากภายใน(กรูคิดเอง)
เพราะฉะนั้น คนส่วนใหญ่ทุกข์มากก็เพราะตัวสังขารขันธ์นี้ทั้งนั้นเลย เพราะไม่มีสติปัญญาตามทัน

ทางแก้มีอยู่ทางเดียวนั่นก้คือ พยายามให้เรามีสติหรือความรู้สึกตัวให้มาก ให้บ่อยๆ อันนี้คำแนะนำสำหรับคนทั่วๆไป
แต่ถ้านักภาวนาทั่วไปก็ให้พยายามเจริญปัญญให้ต่อเนื่อง ยิ่งทรงอารมณ์เอกัคคตารมณ์ก็ยิ่งดีใหญ่
นี่แหล่ะ ที่มาของกระทู้จิตพร้อม คือหมวดพร้อมรับทุกสถานการณ์ทั้งภายนอกจิต ทั้งภายในจิตตน

ทางแก้แบบขั้นอุกฤษฏ์นั่นก็คือ ละตัววิญญาขันธ์ของตนเองให้ได้ ถ้าผู้ใดละได้แล้วย่อมจะมองเห็นความเกิดดับของจิตได้ไว
แทบจะเห็นเกิดดับพร้อมๆกันเลย นั่นแสดงว่าผู้นั้นสามารถมองเห็นสภาวธรรม หรือสภาวะจิตตนเอง
หรือตามทัน รู้ทันสภาวะธรรมชาติแห่งจิตของตนเองแล้ว ต่อไปจักไร้ทุกข์ เพราะจิตรู้จิต
อันเกิดจากจิตในจิตอีกทีนึง พยายามออกจากจิตของตนเองให้ได้ เหมือนเราออกมายืนดูตัวสังขารขันธ์(เจตสิก)ของตนเองเลย
คราวนี้นะ ดูไปขำ(กลิ้ง)ไป เมื่อไหร่ถ้าจิตเราไปรู้ความจริงธรรมชาติแล้ว จิตก็จะปล่อยวางโดยปริยาย
แบบไร้เงื่อนไขใดๆ ไม่มีเหตุผลต้องยกนำมากล่าวอ้าง หรือสิ้นความลังเลสงสัยทันที

เดี๋ยวเราก้จะรู้และเข้าใจ คำว่าดับ ดับไม่เหลือเชื้อนั้นแปลว่าอะไร
สรุปแล้วก็ดับที่ตัวจิตตนเองนี่แหล่ะ จบกัน ธรรมอะไรก็ดับมิได้เท่ากับดับจิตตนเอง
ดับซะให้ไว ไม่อย่างนั้นจะมีบางสิ่งมาดับให้สูญสิ้นไป นั้นก้คือ มิสเตอร์กิเลส

เฉพาะจิตบุญ ถ้าไม่รู้จักวิธีละนามสองตัวสุดท้าย สองเกลอหัวแข็งนี้ ให้บอกมา
แต่ถ้าใครคิดมาลองภูิมิก็อย่ามา เสียเวลาเปล่า

สวัสดีตีหนึ่งจะครึ่งแล้ว ขอพากายหยาบไปพักผ่อน มีแต่จิต(ว่าง)เท่านั้น ไม่ยอมนอน
จิตตื่น จิตรู้ จิตเบิกบานตลอดเวลา...สาธุ

สิ่งใดที่จิตใจของข้าพเจ้าผ่องใสหรือผ่องแผ้ว ก็ขอให้กายหยาบของข้าพเจ้าได้อานิสงส์ คือเบา โล่ง โปร่งใสตามไปด้วยทุกครั้ง
ขอให้พวกเราอธิษฐานอย่างนี้นะครับ เวลาที่เรา(จิต)รู้สึกว่าสบายๆ
เพราะดวงจิตที่ตกหล่น โดยเฉพาะจิตอาฆาต พยาบาท คือสิ่งบ่อเกิดแห่งโรคา
เช่น มะเร็งหรือโรคร้ายต่างๆที่เข้ามาสิงอยู่แทบจะทุกส่วนอวัยวะของตน
ดวงจิตเขาจะได้อานิสงส์ รับผลบุญและอโหสิกรรมให้กับเราไปด้วย
โดยเฉพาะ หน้าตาของเราก็จะดูดีขึ้นไปตามลำดับความละเอียดแห่งจิตตนเอง

ขอให้พวกเรารักกันแบบเมตตา ซึ่งกันและกันให้มากที่สุดนะครับ
เพราะเป็นพลังงานบวกที่โลกมนุษย์ต้องการมากที่สุดในขณะนี้
โดยเฉพาะ คุณธรรมหรือจริยธรรม ที่สังคมปัจจุบันกำลังเรียกร้องกัน
จิตพร้อมพยายามกระทำหรือสนองให้ อาจจะเป็นเล็กน้อย แต่ก็พยายามจะทำ
แต่ถ้าพวกเราช่วยกันคนละไม้ละมือ ข้าพเจ้าว่า..โลกนี้แลน่าอยู่มากทีเดียว
ขอความสวัสดี มีสุขจงบังเกิดกับพวกท่านทั้งหลาย...

ภูทยานฌาน

 

Don't Worry Be Happy... จ้ะ แม่มาลินี ....
สมาชิกสมาคมฯ สายUK... เตรียมตัวสวยได้เลย ต้อนรับ New Year จ้า...

 

เชิญท่าน อาจารย์ภู พักผ่อนก่อนนะคะ รักษาธาตุขันธ์ให้หายป่วยไวๆ นะคะ ...
มิตรรัก แฟนคลับหลายท่าน เป็นห่วงค่ะ..​

.

วันหยุด อาทิตย์นี้ ...
ขอคั่นรายการเทศน์ธรรมะสด ท่านอาจารย์ภู...
ด้วยการพาทุกท่าน ไปเยี่ยมชม วัดท่าซุง นะคะ
(คลิกตรง ลิงค์ ข้างล่างเข้าชม ได้เลยค่ะ )
ไปชมภาพการเตรียมงาน และ ร่วมโมทนากับทุกท่าน
ที่เสียสละด้วยแรงกาย แรงใจทุ่มเท ...
เพื่องานวันสำคัญ ของ พ่อเรา...
หลวงพ่อฤๅษี ผู้เป็นที่รัก ของ ศิษยานุศิษย์ ทั่วประเทศ​

�Ѵ�ѹ����� (��ҫا) �.��ӫ�� �.���ͧ �.�ط�¸ҹ� �����

พ่อของฉัน

[ame="http://www.youtube.com/watch?v=fIxgPOkLdoE"]?????????????-???????????????????? - YouTube[/ame]​

ขอบคุณฟ้า...ที่ส่งพ่อมาให้ฉัน
มาเป็นมิ่งขวัญและให้ฝันที่สวยงาม
ขอบคุณฟ้า...ที่พ่อห่วงใยฉัน
พ่อ คือ หนึ่งในดวงใจ นิรันดร์...​

*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*​

 

ศิษย์แท้ ของ หลวงพ่อฤาษีเป็นอย่างไร?

"คนเราจะดีหรือไม่ดี ขึ้นอยู่ที่ความจริงใจและจริงจังในความพยายามที่จะแก้ไขปรับปรุงตัวเองมีอยู่หรือเปล่า ถ้าหากว่ามีอยู่ ตั้งใจทำดีจริง ต้องเอาดีจนได้

เพราะฉะนั้น...ต่อไปถ้าใครบอกว่าเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ ไปวัดท่าซุงประจำหรือว่าอะไรก็ตาม อย่าเพิ่งไปเชื่อว่าจะดี กระทั่งสำนักพระพุทธเจ้ายังมีพระเทวทัต สำนักของหลวงพ่ออาจจะมีอาตมาเป็นเทวทัตก็ได้ เพราะฉะนั้น...อย่าเพิ่งไปเชื่อว่าใครจะดี ดูกันไปนาน ๆ

ถ้าหากว่าเห็นว่าไม่ดีจริง มีอะไรที่แปร่งแปลกก็ถอยออกมาห่าง ๆ

บางครั้งเหมือนกับเขาเอาหลวงพ่อมาขาย เหมือนอย่างกับจะให้หลวงพ่อการันตีความประพฤติของเขาอะไรอย่างนั้น อาตมาเจอมาเยอะต่อเยอะแล้ว สมัยที่หลวงพ่ออยู่ก็เหมือนกัน คนโน้นก็ลูกศิษย์หลวงพ่อ คนนี้ก็ลูกศิษย์หลวงพ่อ ยิ่งระยะหลัง ๆ ยิ่งหนักใหญ่เลย อยู่กับหลวงพ่อมากี่ปี ๆ อย่างนั้นความประพฤติของเขาไม่ได้บอกเลยว่าอยู่กับหลวงพ่อมา

เคยมีคนถามหลวงพ่อสมัยที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ บอกว่า “จะเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อต้องทำอย่างไรบ้างครับ ?

หลวงพ่อบอกว่า

“ลูกศิษย์ชั้นจิ๋วจะต้องรักษาศีลห้าได้บริสุทธิ์

ลูกศิษย์ชั้นกลางต้องรักษาศีลห้าให้บริสุทธิ์ และทรงฌานสมาบัติให้เกิดได้

ส่วนลูกศิษย์ชั้นผู้ใหญ่ที่รักมากจะต้องพยายามรักษาอารมณ์พระโสดาบันให้ได้"

ถ้าหากว่าท่านทำได้อย่างนี้ บอกว่าเป็นลูกศิษย์ ถึงไม่เคยเห็นหน้าหลวงพ่อเลย หลวงพ่อก็ยอมรับว่าเป็นลูกศิษย์ แต่ถ้าหากว่าใครบอกว่าเป็นลูกศิษย์ใกล้ชิดขนาดไหนก็ตาม ทำไม่ได้ตาม ๓ ข้อนี้ หลวงพ่อไม่รับเป็นลูกศิษย์ ต่อให้มันนั่งอยู่ข้างตัวก็ไม่ใช่ คราวนี้เราก็เอาตามหลักของหลวงพ่อ ใครบอกว่าเป็นลูกศิษย์ ดูซิมันทำได้แค่ไหน"

พระอาจารย์เล็ก สุธัมมปัญโญ
วัดท่าขนุน จ.กาญจนบุรี

Cr.. FB ปัจจัตตัง

 

​

สมเด็จองค์ปัจจุบัน ทรงเมตตาสอนว่า

ก) “อารมณ์สังขารุเบกขาญาณ มิใช่จักเกิดขึ้นง่าย ๆ ถ้าหากบุคคลนั้นปราศจากการสำรวม กาย วาจา ใจ
กรรมทั้ง ๓ ประการที่สุดก็จักรวมตัวกันเหลือเพียงหนึ่ง คือ จิตในจิต พระธรรมในพระพุทธศาสนาแห่งตถาคต มุ่งสอนเพื่อให้หลุดพ้น ก็ที่ตรงนี้นะ”

ข) “อย่าพึงลิงโลดปีติกับสุขมากเกินไป แลอย่าพึงเศร้าสลดกับทุกข์มากเกินไป ต้องควบคุมอารมณ์ จิตในจิต ให้อยู่ในอารมณ์สังขารุเบกขาญาณ ดูจิตในจิต ให้อยู่ในความสงบ มิหวั่นไหวต่อการกระทบ ไม่ว่าจักเป็น อายตนะภายใน หรือ ภายนอกก็ดี สรรพสิ่งใด ๆ ที่เกิดขึ้นแล้ว ล้วนเป็นกฎธรรมดา เป็น กฎของกรรม เป็นอริยสัจ ที่ผู้เข้าถึงพระพุทธศาสนา จักต้องยอมรับโดยความสงบ มิหวั่นไหว"

ค) “การพ้นทุกข์ พ้นสุข พ้นสมมุติ ได้ก็ที่ตรงนี้ วิมุติ เกิดได้ไม่ยากนะ ถ้าหากเข้าใจ”

ง) “วิมุติล้วน ๆ มิได้อิง ความสุข ความทุกข์ หากแต่อิงสังขารุเบกขาญาณ ขอให้เข้าใจ”

จ) “อย่าลืม ต้องหมั่นรักษาอารมณ์จิตให้ดี ๆ ธรรมะมีแต่ปัจจุบัน รักษาอารมณ์ จิตปัจจุบันให้ดี ๆ ความทุกข์ ความสุข จักพ้นได้ก็ที่ตรงนี้”

สมเด็จองค์ปัจจุบัน ทรงตรัสว่า “เวลานี้ขอให้พวกเจ้าอย่าห่วงใคร ขอให้ห่วงตนเอง ห่วงอารมณ์จิตของตนเองให้มาก ๆ “

จากหนังสือธรรมะหลวงพ่อ

 

ขณะนี้เวลาที่อังกฤษ หนึ่งทุ่มสิบห้านาที แต่เวลาทีเมืองไทยตีหนึ่ง

สิบห้านาที หลายๆท่านที่อยู่ไกลจากวัดท่าซุงคงเตรียมตัวที่จะเดินทาง และ

บางท่านก็คงมาค้างที่วัดท่าซุง เพื่อเตรียมตัวร่วมทำบุญระลึกถึงท่านพ่อฤาษี

ขอให้บุญกุศลที่ได้ร่วมกันทำในครั้งนี้ได้ส่งผลบุญให้ทุกๆท่านที่มีความตั้งใจ

แน่วแน่ในบุญครั้งนี้ จงเป็นภารวะปัจจัย เป็นนิสัยตามส่งให้ลูกหลานของท่าน

พ่อฤาษี ให้ทุกๆท่านได้มีสติ และปัญญามีดวงตาเห็นธรรม และตามท่านพ่อ

ไปนิพพานดังที่ท่านพ่อท่านได้เมตตา เป็นห่วงคอยสั่งคอยสอน ลูกขอน้อม

กราบแทบพระบาทขององค์ท่านและจะนำคำสั่งสอนขององค์ท่านมาปฏิบัติค่ะ

...ขอร่วมอนุโมทนาบุญกับทุกๆท่านที่มีส่วนร่วมในงาน ระลึกถึงท่านพ่อฤาษีลิงดำ

-ครบรอบ ๒๑ปี ๒๙กันยายน ๒๕๕๖ น้อมกราบท่านพ่อฤาษีด้วยเศียรเก้ลาเจ้าค่ะกราบ กราบ กราบ

 

​

 

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=tEwuyzhSb1E&feature=share&list=PLRtpooCdRigMlwyMm11KBDezWL4YJgNOC]เพลงคำหวาน-หลวงพ่อพระราชพรหมยาน - YouTube[/ame]​

วันนี้ลูกหลานทุกท่าน ขอถือโอกาสนี้ ครบรอบ ๒๑ ปีการมรณภาพของหลวงพ่อฯ
ขอระลึกนึกถึงหลวงพ่อฯ และคุณงามความดีของหลวงพ่อ ที่กระทำ ที่ประพฤติ ที่ปฎิบัติให้ลูกหลานของท่านดูไปหมดแล้ว
อย่างหาที่ติมิได้
ถึงหลวงพ่อจะจากพวกเราไปแล้วก็ตาม แต่ธรรมะหรือคำสอนของพ่อนั้นล้ำค่ายิ่งนัก
ลูกหลานทุกท่านจะพยายามปฎิบัติตามให้จงได้

ขอให้หลวงพ่อมีพระเมตตามาสอนธรรมะในจิตลูกหลาน โดยเฉพาะผู้ปฎิบัติธรรมทุกๆท่านด้วยเทอญ..สาธุๆๆ

ขอลูกหลานทุกคนพร้อมใจน้อมจิตลงก้มกราบแทบเท้าหลวงพ่อฯ ด้วยเศียรเกล้า..สาธุๆๆ​

 

หลวงพ่อฤาษีลิงดำสรรเสริญในหลวง.wmv - YouTube​

 

ตระการตากับวิหารแก้ว วัดท่าซุง - YouTube

ขอโมทนาบุญกับทุกท่านด้วยครับ ที่มีส่วนร่วมในการทำบุญทุกครั้งไป
ขอให้ทุกท่านมีแต่ความสุขใจ โดยเฉพาะเจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปด้วยเทอญ..สาธุ​

 

​

การขนศิษย์ไปนิพพาน


"...พระโพธิสัตว์ที่บำเพ็ญบารมีขั้นวิริยะธิกะใช้เวลา ๑๖ อสงไขยกับ แสนกัป และปรมัตถบารมีเต็มแล้วนั้น ย่อมมีบริวารที่ปรารถนาจะเป็นสาวกร่วมกันมากมายมหาศาล
และเมื่อพระมหาโพธิสัตว์ลงมาเกิดแต่ละชาตินั้น บริวารส่วนใหญ่จะลงมาเกิดด้วยเพื่อสร้างบารมีให้เต็ม แต่จะมีบริวารอีกส่วนหนึ่งซึ่งอาจติดอยู่ในภพภูมิอื่น ๆ หรือลงมาเกิดไม่ทัน

ดังนั้นบริวารของพระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์ จึงตกค้างวนเวียนอยู่ในสังสารวัฏเป็นจำนวนมากนับตั้งแต่บริวารของสมเด็จองค์ปฐมเป็นต้นมา จนกว่าบารมีจะเต็มหรือมีพระพุทธเจ้าองค์ต่อ ๆ มาโปรด และได้ตามลงมาเกิดด้วย เพื่อเร่งบำเพ็ญบารมีจนบรรลุอรหันตผลในพุทธกาลนั้น ๆ

ผู้เขียนเคยถามพระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านว่า ท่านจะตัดตอนอยู่เก็บลูกศิษย์แค่ไหน [ ที่เหลือก็ฝากพระพุทธเจ้าองค์ต่อไป ] ท่านตอบว่า

" ฉันจะเก็บของฉันไปจนหมด ฉันเก็บลูกศิษย์ของฉันครบแน่ !"

ท่านยืนยันว่าลูกศิษย์ของท่าน หนึ่งแสนเจ็ดหมื่นห้าพันสี่ร้อยคนเศษนี้ ท่านพบหมดแล้ว [ ในภพภูมิต่าง ๆ ] ตั้งแต่ปลายปี พ.ศ. ๒๕๓๓ และส่วนใหญ่จะถึงนิพพานในชาตินี้ แต่ทุกคนจะถึงนิพพานหมดในชาติหน้า ท่านได้ยืนยันความรู้นี้ไว้หลายแห่งด้วยกันกล่าวคือ

๑. ในการสร้างพระอุโบสถหลังใหม่ของวัดท่าซุง ท่านได้ให้จารึกไว้ในแผ่นทองบรรจุใต้แท่นพระประธาน เมื่อพ.ศ. ๒๕๑๙ ว่า

เราพระมหาวีระ มีพระราชานามว่า ภูมิพล เป็นผู้อุปถัมภ์
ร่วมด้วยพุทธสานิกชนส่วนใหญ่ สร้างวัดนี้เป็นพุทธบูชา
เมื่อศักราชล่วงไปแล้ว ๒,๗๐๐ ปีปลาย จะมีพระเจ้าธรรมิกราช
นามว่าศิริธรรมราชา สืบเชื้อสายมาจากเชียงแสนและสุโขทัย ร่วมกับพระอรหันต์
จะมาบูรณะวัดนี้ สืบพระศาสนาต่อไป
คณะของเราขอโมทนา แต่อยู่ช่วยไม่ได้ เพราะไปพระนิพพานหมดแล้ว​

๒. เพื่อให้แน่ใจว่าลูกหลานของท่านมีสุขคติเป็นที่ไป ท่านได้ตั้งสัตยาธิษฐาน ฝากลูกหลานของท่านไว้กับพระ พรหม และเทพยดาทั้งหมดดังนี้

" ฉันขอตั้งสัตยาธิษฐาน อ้างคุณพระศรีรัตนตรัย มีองค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นประมุข พร้อมด้วยพระอริยสงฆ์ทั้งหมดและพระพรหม และเทพเจ้าทั้งหมด ขอทุกท่านจงกำหนดจิตจดจำลูกหลานของฉันไว้ ว่าบุคคลใดก็ตาม เมื่อเวลาจะตายขอให้สติสัมปชัญญะสมบูรณ์ มีจิตน้อมไปในกุศลกรรม และขอให้ได้รับผลที่ฉันได้ทำไปแล้วทุกประการ แก่ลูกหลานของฉันทุกคน

เวลานี้ฉันมองดูแล้วนะ ตรวจดูแล้ว สิ่งที่ฉันต้องการมันสมใจนึกแล้ว ฉันมีความอิ่มใจบอกไม่ถูก ปลื้มใจที่ความปรารถนาสมหวัง ที่ฉันตั้งใจไว้นาน ปรารถนาไว้นานคิดว่าจะทำไม่ได้ แต่เวลานี้ทำได้แล้ว ลูกหลานของฉันทุกคน มีศรัทธาเป็นอจลศรัทธาแล้ว มีความมั่นคงในพระพุทธศาสนาแล้ว มีความดีพอสมควรแล้ว "

ถ้าเผอิญจะมีใครสงสัยในอธิษฐานบารมีขององค์ท่าน ก็ขอบอกกล่าวให้รู้ทั่วกันว่า อธิษฐานบารมีท่านเต็มมานานแล้ว ตั้งแต่ก่อนชาติที่จะเกิด
เป็น "พระร่วงวาจาสิทธิ์" ผู้สร้างเมืองศรีสัชชนาลัยเสียอีก ท่านเคยสั่งลูกศิษย์ของท่านทุกคนไม่ให้แช่งใคร เพราะทุกคนเป็นลูกหลานพระร่วง แช่งคนแล้วจะมีผลตามนั้น

วิธีการเก็บของท่านเท่าที่ทราบมีอยู่ ๗ วิธีคือ

๑. การออกหมายเกณฑ์ คือการตั้งสัตยาธิษฐานว่า.....ถ้าผู้ใดเป็นเชื้อสายข องท่าน เมื่อได้อ่านหนังสือเล่มหนึ่งเล่มใดของท่าน หรือได้ฟังเทป หรือฟังวิทยุที่ท่านเทศน์ หรือได้อ่านได้ยินได้ฟังเรื่องราวเกี่ยวกับตัวท่าน แล้วขอให้เกิดศรัทธาปสาทะจนต้องมาหาท่าน

๒. ฝากพระ พรหม หรือเทพยดา ให้ไปเข้าฝันตามตัวให้ หรือให้ไปบอกในสมาธิ

๓. ท่านไปเข้าฝันเอง ทำให้ต้องตามมาหาท่าน [ มีเรื่องเล่ากันหลายเรื่องแล้ว ] หรือไปสงเคราะห์ด้วยอภิญญา

๔. ตามเพื่อน ญาติ พี่น้อง หรือคนรัก มาวัดหรือซอยสายลม หรือที่อื่น ๆ เพื่อมากราบท่าน แล้วก็มาติดใจหลวงพ่อ

๕. แสวงหาพระดีไปทั่วประเทศ พอมาเจอหลวงพ่อวัดท่าซุงเข้าก็เลิกแสวงหา

๖. พอเห็นท่านครั้งแรกโดยบังเอิญก็ติดใจ ทำบุญด้วยทันที โดยไม่รู้ว่าท่านเป็นใคร

คราวหนึ่ง ท่านขึ้นไปดอยตุงแล้วลงมาฉันก๋วยเตี๋ยวเเพลอยู่ที่ร้านข้างถนน ที่อำเภอแม่สาย มีผู้หญิงอายุราว ๓๐ เศษคนหนึ่งเดินผ่านมาพบเข้า ก็ไปซื้อลูกประคำมาถวายท่าน ท่านก็เอาประคำคล้องคอท่านทันที ( ตามปกติท่านจะไม่คล้องลูกประคำ นอกจากเพื่อเจริญศรัทธาหมู่คณะเฉพาะงาน ) พวกเราก็ล้อท่าน ท่านหัวเราะแล้วบอกว่า

" ท่านแม่มาบอกว่า น้องรักเขาถวาย คล้องให้กำลังใจเขาหน่อย "

๗. ท่านตามไปเก็บเองเมื่อเป็นลูกศิษย์ท่านแล้ว ทุกคนจะซาบซึ้งในมหากรุณาอันมหาศาลของท่านเอง โดยมิต้องบรรยายในที่นี้ เพราะท่านทำทุก ๆ อย่าง เพื่อสงเคราะห์ลูกหลานของท่านในทุกโอกาส.."


จาก "ประวัติหลวงพ่อพระราชพรหมยาน"

Cr... Fb ตามหลวงพ่อไปนิพพาน.../ สะพานบุญสู่แสงธรรม