จิตพร้อม? รับภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ภูภู, 6 เมษายน 2012.

  1. Linda2009

    Linda2009 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    956
    ค่าพลัง:
    +9,998
    ขออุทิศบุญที่ข้าพเจ้าทำมาดีแล้วแต่อดีตถึงปัจจุบัน แก่ธาตุขันธ์ ของคุณภู ขอให้หายป่วยโดยเร็วนะคะ เช็ดปัดฝุ่น
    ธรรมมาสน์ ไว้รอเสมอ อิ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. มาลินี UK

    มาลินี UK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    807
    ค่าพลัง:
    +12,713
     
  3. มาลินี UK

    มาลินี UK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    807
    ค่าพลัง:
    +12,713
    น้อมกราบหลวงปู่สังวาลย์ เขมโก เพื่อขออนุญาตนำเอาประวัติของหลวงปู่มาลงใน

    กระทู้ เพื่อเป็นธรรมทานค่ะ...

    ...หลวงปู่สังวาลย์ เขมโก มีนามเดิมว่า นายสังวาลย์ จันทร์เรือง เป็นบุตรของ

    นายห่วง นางวาด จันทร์เรือง อยู่บ้านหนองผักนาก อ. สามชุก จ. สุพรรณบุรี เกิด

    วันจันทร์ เดือนมีนาคม พ.ศ. ๒๔๕๙ ปีมะโรง มีพี่น้องร่วมบิดามารดา ๕ คน คือ

    ...๑. นายวุฒิ จันทร์เรือง ๒. นายเวช จันทร์เรือง ๓. หลวงปู่สังวาลย์ เขมโก

    ๔. หลวงพ่อสมบูรณ์ ฐิตวโร (มรณภาพแล้ว) ๕. แม่ชีสายบัว อภิเดช

    ...ครอบครัวเป็นครอบครัวมีฐานะอันจะกิน "คนมี" ในหมู่บ้านหนองผักนากมีไร่มีนามาก

    มีโรงสีข้าว มีควายเป็นจำนวนมาก...คนโบราณคิดกันว่า ปู่ย่าตายายก็ไม่ได้เรียนหนังสือ

    ยังทำกินจนร่ำจนรวย ฉนั้นเด็กที่เกิดมารวย ผู้ใหญ่มักไม่สนใจส่งไปเรียนหนังสือ เด็กชาย

    สังวาลย์จึงไม่ได้เรียนหนังสือ แต่ต้องทำนา ทำสวน เลี้ยงควาย ซึ่งถือกันว่าเป็นงานประจำ

    วันที่ต้องรับผิดชอบ...ท่านเล่าว่า ท่านเป็นคนเพรียวแข็งแรง วิ่งเร็ว ทำงานว่องไวจนเติบ

    ใหญ่ครบบวช จึงบวชตามประเพณี จำพรรษาอยู่ที่วัดบ้านทึงในละแวกนั้นซึ่งเต็มไปด้วย

    หมู่ญาติพี่น้อง...การที่หลวงปู่อ่านหนังสือไม่ออก ท่านจึงต้องใช้วิธีต่อหนังสือคือให้พระที่

    สวดได้สวดให้ฟัง แล้วท่านก็ว่าตามไปด้วย...อาศัยความจำเป็นหลัก จึงเป็นเรื่องล่าช้า

    ในการสวดแต่ละบท ฉนั้นเมื่อมีเวลามีกิจนิมนต์ ท่านจะขออนุญาตไม่ไป เพราะท่านสวด

    กับเขาไม่ได้ ทำให้มีเพื่อนพระล้อเลียนเสมอๆ...พอออกพรรษาท่านจึงต้องตัดสินใจลา

    สิกขา ออกมาทำงานของครอบครัว...ในที่สุดก็ได้อยู่กินกับแม่บาง แต่ว่าไม่มีบุตรสืบสกุล

    ...สังขารไม่เที่ยง ต่อมาสุขภาพของท่านไม่ดี โรคาพยาธิเบียดเบียน จากนั้น

    ท่านก็มีร่างกายอ่อนแอ ทำงานไม่ไหว เดินเหินก็ไม่สะดวก ชาวบ้านเรียกท่านว่า ...

    "เป็นง่อย" จะออกไร่ไปทำนาก็ไม่ไหว...ในช่วงนั้นน้องชายท่าน( นายบุญ หรือหลวงพ่อ

    สมบูรณ์ ปัจจุบันมรณภาพแล้ว) เคยฝึกสมาธิมาก่อน เลยชวนกันฝึกที่บ้าน ระยะนั้นแม่ชี

    จินตนาซึ่งเป็นคนบ้านไกล้เรือนเคียง เป็นลูกศิษย์หลวงพ่อวัดปากน้ำ รู้เข้าจึงมาเยี่ยม แต่

    ท่านเลือกภาวนา "พุทโธ" ซึ่งถูกจริตเป็นอย่างมาก ภาวนาจนร่างกายของท่านแข็งแรง

    อย่างอัศจรรย์ ความรู้ความเห็นต่างๆ ผ่านเข้ามาในใจมากมาย รู้จักปลงรู้จักพิจารณาตาม

    ความจริงอย่างที่ไม่เคยมี ไม่เคยเป็น ไม่เคยรู้ ไม่เคยเห็น นี่ที่รู้ ก็เพราะ "พุทโธ"

    หลวงปู่ให้เล่าเท่านี้ก่อนแล้วจะมาเล่าต่อของจริงค่ะ.....

    ...ลูกขอน้อมกราบหลวงปู่สังวาลย์ เขมโกด้วยเศียรเก้ลาเจ้าค่ะกราบ กราบ กราบ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 กันยายน 2013
  4. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089

    โมทนาสาธุครับคุณลินดา ขอบใจหลายๆเด้อสำหรับกำลังใจ
    ขอบุญกุศลที่ให้มานั้นกลับคืนไปหาคุณลินดาแสนเท่า ล้านเท่า
    กายเปื่อย เอ๊ย กายป่วย แต่จิตไม่ป่วยก็ใช้ได้นะ แยกได้ก็สบายไป
    เราไปห้ามมิให้กายป่วยก็ไม่ได้
    เราปฎิบัติธรรมกันก็เพื่อปล่อยวาง ยอมรับกฎธรรมดา ยอมรับกฎแห่งกรรมของตนเองกันนี่แหล่ะ
    เมื่อปฎิบัติได้ทั้งสติปัญญา ย่อมนำมาปรับใช้กับชีวิตประจำวันของเราได้
    มิใช่เอาสติปัญญาไปแต่ภายในอย่างเดียว ต้องไม่ติดฌาน ติดนิมิต บ้าอภิญญา

    โทษที ติดธรรมาสน์ เอ๊ย ติดลมบน..ฮ่าๆ
    ป่วยก็เทศน์ได้นะ คุณลินดา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 26 กันยายน 2013
  5. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    บัญชีกรรม

    อย่าเปิดบัญชีกระแสกรรมรายวัน
    อย่าฝากกิเลสประจำ อย่าฝากตัณหาและอุปทานรายเดือน รายปี
    อย่าเอาการปรุงแต่งจากสังขารขันธ์เป็นดอกเบี้ย

    ปิดบัญชีกระแสกรรมรายวันของตนเสีย
    เลิกฝากกิเลสประจำเดือนกันซะ เลิกฝากตัณหาและอุปาทานรายปีกันเสีย
    เลิกคบอารมณ์ปรุงแต่งเป็นดอกเบี้ยของตนเองเสีย

    รู้นะ..ว่าทำไม่ได้หรอก พูดไปอย่างนั้นแหล่ะ คนที่ทำได้ก็ขออนุโมทนาด้วย

    แต่ที่แน่ๆ พระพุทธองค์ทรงตรัสให้ชาวพุทธบริษัทควรกระทำ ๓ อย่างต่อไปนี้
    ๑.ละบาป ละอกุศล ทั้งปวง (ถ้าเป็นไปได้)
    ๒.สร้างแต่บุญ ทำแต่กุศล หรือทำภาวนาได้ก็จะดีที่สุด
    ๓.ทำจิตให้ผ่องใส

    โดยเฉพาะข้อสุดท้าย ดูเหมือนง่ายเน๊อะ ทำยากเพราะตราบใดที่จิตยังละกิเลสไม่ได้หมดหรือเกือบหมด

    (สู้ต่อไป(คนดี)..ทาเคชิ!)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 26 กันยายน 2013
  6. จิตบุญ ๑๐๗

    จิตบุญ ๑๐๗ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    9
    ค่าพลัง:
    +65
    การปราถนาพระนิพพานในชาตินี้


    คนเรานี้ ย่อมมีความปรารถนาหลายอย่าง แต่ความปรารถนา ที่ดี หรือที่ควรปรารถนานั้น ก็มีอยู่ 3 อย่าง คือมนุษย์สมบัติ สวรรค์สมบัติ พระนิพพานสมบัติ
    การปรารถนาความดี คือมนุษย์สมบัติ สวรรค์สมบัติ พระนิพพานสมบัติ อันนี้เป็นความปราถนาที่ดี ทีนี้ก็มีบางคน พูดว่า ข้าพเจ้า ปรารถนานิพพานสมบัติปรารถนาจะให้สำเร็จ ถึงพระนิพพานในชาตินี้ ผู้ที่ปรารถนาหรือที่กล่าว นั้นเป็นใคร ก็คือ เป็นคนชาวบ้าน คนธรรมดาของเราดีๆนี้เอง ปรารถนานิพพานในชาตินี้

    ท่านผู้ฟังทั้งหลาย อย่างนี้ก็นับว่าเป็นความปรารถนาที่ดี หรือที่ถูก เพราะความปรารถนาพระนิพพานนั้น คือเป็นความพ้นทุกข์ หรือถึงสุขอย่างยิ่ง คือบรมสุข การปรารถนาของท่านดังที่ได้กล่าวมาแล้วนี้นั้น ก็เป็นข้อที่น่าคิดอยู่ประการหนึ่งว่า

    ความปรารถนาของท่าน ทั้งๆที่เป็นฆราวาส ครองบ้าน ครองเรือนอยู่ แล้วก็ปรารถนาให้สำเร็จ ให้ถึงพระนิพพานสมบัติ ในชาติปัจจุบันนี้ จะสำเร็จได้อย่างไร หรือจะสำเร็จได้นั้น มันก็จะต้องทำเหตุให้ถึงพร้อม คือพร้อมด้วยเหตุอันจะถึงซึ่งนิพพานสมบัติ แต่เพียงปรารถนานิพพานสมบัติในชาตินี้ แต่ไม่ทำเหตุให้มันถึงพร้อม

    ท่านพระคุณเจ้าหลวงพ่อว่า มันเป็นไปไม่ได้ คือจะสำเร็จถึงพระนิพพานไม่ได้ ก็จะเปรียบเหมือนกับว่า ไม้ดิบ มันแช่อยู่ในน้ำ จะให้เอามาทำฟืนมาสีไฟ หรือเอามาก่อไฟ มันก็ติดไฟไม่ได้ ลุกเป็นไฟไม่ได้เพราะเป็นไม้ดิบ เมื่อเอาฟืนนั้นขึ้นมาจากน้ำ แต่ถ้าเป็นไม้แห้ง แล้วเอาออกจากน้ำ ก็มีโอกาส ที่จะเอามาสีไฟ หรือก่อไฟให้ติดได้ ฉันใดก็ดี ผู้ที่ครองบ้าน ครองเรือน อยู่กับโลกธรรม ก็เหมือนกับว่าเป็นไม้ อาจจะเป็นไม้แห้งก็ได้ แต่ว่าแช่เป็นไม้ชื้นอยู่ในน้ำ เอามาสีไฟ จะติดทันทีก็เป็นไปไม่ได้ ก็หาโอกาส ให้มันตากลม ตากแดดให้มันแห้ง เมื่อสมควรจึงจะสีไฟติด ขึ้นมาได้ ฉันใดก็ดี ผู้ครองเรือน อยู่ด้วยเย้า อยู่ด้วยเรือน การครองเรือน มีการทำมาหากิน มีการรักษาสมบัติ บ้านเรือนหวงแหน มีการถือว่าไอ้นั่นของกู ไอ้นี่ก็ของกู สิ่งเหล่านี้ มันก็เหมือนกับน้ำชุ่ม อยู่ด้วยน้ำเหมือนกับน้ำชุ่ม หรือยางที่อยู่ติดไม้ ก็คือกิเลส อันว่าของกู หรือตัวกู สิ่งเหล่านี้นั้นนะ มันตรงกันข้ามกับพระนิพพาน

    ก็เพราะฉะนั้น การจะทำให้ถึงพร้อม ซึ่งพระนิพพานในชาติปัจจุบันนั้น ก็ทำให้ถึงพร้อมปัจจุบันเสียก่อน ด้วยการสลัด สลัดก็คือ สละทุกสิ่งทุกอย่าง ทรัพย์สินเงินทอง ทรัพย์สมบัติ ไร่นาสาโท ทุกอย่างที่เขาหวงแหนกัน
    แล้วก็ถือบวช กระทำในใจหรือถือเพศพรหมจรรย์ อันนี้ก็เรียกว่าเป็นมูลฐาน อันที่จะทำให้แจ้ง ในชาติปัจจุบันได้ แต่ถ้ายังเป็นเพศครองเรือนอยู่ ดังที่ได้กล่าวมาข้างต้น ก็ย่อมจะเป็นไปได้ยาก อันที่จะเข้าถึงซึ่งพระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้ ว่าเป็นไปไม่ได้นั่นเอง แต่ถ้าทำเหตุให้มันเป็นไปตามขั้นตอน ก็จะสำเร็จได้ ถึงไม่สำเร็จในชาตินี้ ก็จะสำเร็จในชาติหน้า คือได้ ถึงพระนิพพานในชาติหน้าได้

    ขั้นตอนหรือมูลฐาน หรือเหตุให้ถึงพร้อม เบื้องต้น หมายถึง เหตุดังที่พระคุณเจ้ากล่าวมาแล้วข้างต้น เช่นต้องการพระนิพพานในชาติปัจจุบัน ถือเพศออกบวช นุ่งขาว ห่มเหลือง หรือไม่เอาอะไรทั้งหมด ปล่อยวางการยึดถือแล้วก็ปฏิบัติ
    มุ่งไปสู่พระนิพพาน ทำลาย โลภะ โทสะ โมหะ เจริญสมถะวิปัสสนากรรรมฐานไป ก็จะสำเร็จในชาติปัจจุบันเรา อันนี้เป็นมูลฐาน หรือการถึงพร้อมเบื้องต้น แต่ถ้าปรารถนาพระนิพพาน แต่ว่าไม่ได้ปราถนาให้สำเร็จ ในชาตินี้ มูลฐานเบื้องต้น หรือการถึงพร้อมเบื้องต้น เพียงแค่ ศีล ๕ อยู่บ้านครองเรือน อันนี้ก็เป็นเหตุให้ถึงพระนิพพานในชาติหน้า ได้อย่างแน่นอน
    กราบ หลวงพ่อ ดาบส สุมโน ด้วยเศียรเกล้าเจ้าค่ะ สาธุ สาธุ สาธุ
     
  7. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 36 คน ( เป็นสมาชิก 1 คน และ บุคคลทั่วไป 35 คน ) [ แนะนำเรื่องเด่น ]
    ภูทยานฌาน2

    ขอให้ทุกท่านจงมีแต่ความสุขกายสบายใจ และเจริญในธรรม

    ปู่ภูเฝ้ากระทู้
     
  8. ธรรมมณี

    ธรรมมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,044
    ค่าพลัง:
    +14,027
    สวัสดีค่า..มาแล้วววว...คิดถึงบ้านน้อยหลังนี้ที่สุดเลย...หายไปนาน..ลืมกันแล้วรึยังค่ะ..อิๆๆ...ขออภัยในความไม่สะดวก..ว่าแล้วก็ขอสรุปยอดเงินโอนเข้ามาทำบุญให้ทุกท่านทราบและได้ร่วมโมทนาบุญกันดังนี้ค่ะ.

    รายชื่อผู้ร่วมทำบุญในงานถวายเครื่องไทยทาน ณ วัดท่าซุง วันที่ 28-29 กันยายน 2556

    1. ครูลูกพลัง 2,000.00 16/9/13
    2. คุณสะอาด 1,000.00 16/9/13
    3. คุณลินดา 1,000.00 17/9/13
    4. คุณแหม่ม ขวัญสีรี 1,000.00 17/9/13
    5.คุณเกียรติ-จกพ 500.00 17/9/13
    6. คุณสุข ฟ้าภิญโญ 500.00 18/9/13
    7. คุณมณีตรี 1,000.00 19/9/13
    8. คุณจ๋าย ตะกั่วป่า 1,000.00 19/9/13
    9. พี่ภู 10,000.00 19/9/13
    10. คุณติ๊ก-natatik 500.00 19/9/13
    11. คุณแพท-uk 1,000.00 20/9/13
    12. คุณการ์ตูน-Uk 1,000.00 20/9/13
    13 480.00 23/9/13 ไม่ทราบว่าใคร
    14 500.00 25/9/13 ไม่ได้แจ้งมาค่ะ 2 ยอดนี้
    15. พี่แนท+สายบุญUK 15,200.00 25/9/13
    16. คุณนิรุทธ์ ล่องเซ่ง 1,000.00 26/9/13
    17. คุณก้องเกียรติ 500.00 26/9/13
    38,180.00
    ทำบุญไทยทาน (2,000.00)
    ถวายสังฆทาน-หลวงพ่อ (2,000.00)
    ถวายสังฆทาน-ท่านพ่อ (2,000.00)
    ใส่ยาม 20*100 องค์ (2,000.00)
    คงเหลือถวายวัดร่วมทำบุญทุกอย่าง 30,180.00

    หมายเหตุ..ครูเกษขออนุญาตปิดรับการโอนร่วมบุญนี้ในวันศุกร์ที่ 27 กย.56 นี้เท่านั้นน่ะค่ะ (เพราะต้องเดินทางตั้งแต่เช้ามืดวันเสาร์ที่ 28 กย.ค่ะ) แล้วคืนวันศุกร์จะสรุปยอดล่าสุดให้ทราบโดยทั่วกันอีกครั้งค่ะ

    โมทนาสาธุ
     
  9. Natcha@uk

    Natcha@uk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    618
    ค่าพลัง:
    +9,444


    คิดถึงพ่อ...

    อีก 2 วัน ลูกหลานจะไป กราบแทบเท้าพระเดชพระคุณหลวงพ่อฯ ที่วัดท่าซุง อีกครั้งหนี่ง....
     
  10. Natcha@uk

    Natcha@uk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    618
    ค่าพลัง:
    +9,444
     
  11. มาลินี UK

    มาลินี UK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    807
    ค่าพลัง:
    +12,713
    "ของจริง"

    ...ของจริงที่หลวงปู่สังวาลย์ท่านเจอ...วันหนึ่งท่านยืยส่องกระจกอยู่ มีผู้หญิงเดินผ่าน

    มา...ท่านกลับเห็นเป็นกระดูกเดินได้ผ่านหน้าท่านไป...ทำให้จิตท่านเกิดสังเวช ท่านเริ่ม

    คิดอยากจะออกบวช...เพราะจะได้หลุดจากภาวะฆราวาส และเข้าสู่การปฏิบัติทำใจได้

    อย่างเต็มที่...ตรงนั้นเป็นจุดหักเหสำคัญ ทำให้ท่านพิจารณาในรูปของอสุภะดียิ่งขึ้น...

    ...อยู่มาวันหนึ่งแม่บางป่วยเป็นไข้มาหลายวัน...พอไข้เริ่มสร่างก็อยากอาบน้ำ ท่าน

    จึงช่วยเอาน้ำรดลงไปบนหัวแม่บางซึ่งไม่ได้อาบน้ำมาหลายวัน...กลิ่นธรรมชาติธรรมดา

    ตามจริงตามสังขารลอยกระทบเข้าทางจมูก...แล้วถูกหัวใจนักฝึกจิต.

    ...ท่านเล่าว่า กลิ่นเหมือนศพจริงๆ กลิ่นสาบสางนั้นทำความสว่างให้ใจเกิดสังเวช

    ...เห็นความหลงของคนและสัตว์ที่หมกอยู่ในกามคุณ...หลงผัวหลงเมียจนมองข้ามความ

    ความจริง "จุดนั้นเป็นวาระที่ ๒ ในการคิดจะออกบวช...

    ...การได้พิจารณาด้วยอารมณ์ที่ละเอียดจากการฝึกจิต ทำให้ท่านเห็นกายเรากาย

    เขาเต็มไปด้วยความไม่งาม น่าสังเวช ภัยของรูปกายนานาประการ ซึ่งกายเนื้อที่เราผูก

    พันนี้ จริงๆ แล้วมันเป็นรังของโรค...มีความเป็นทุกข์และความเสื่อมสลายไปในที่สุด...

    "ท่านว่า การดูกายเราเองให้เห็นตามความจริง...แล้วก็จะเห็นกายคนอื่นตามจริง

    เหมือนกัน" เรื่องลึกซึ้งอย่างนี้ท่านก็ไม่เคยพูดให้ใครรู้...แม้แต่แม่บางเอง...

    ...มหาทาน...ท่านเคยปรารภกับแม่บางว่าอยากออกบวช แม่บางก็คิดไม่ถึงว่า

    เรื่องบวชนี้มันจะเป็นจริงเป็นจัง...ในที่สุดท่านพิจารณาว่าบวชดีที่สุด จึงบอกแม่บางตาม

    ความจริง ก็ไม่ได้รับกายขัดขวางมากนัก...

    ...จากนั้นจึงขอร้องพ่อห่วงให้เอาหนังสือสัญญาการกู้เงินยืมเงินของลูกหนี้ทุกฉบับ

    ...คืนให้กลับลูกหนี้ทั้งหมด...พร้อมกับให้ทำลายหลักฐานนั้นทิ้งไป ว่ากันว่าหนังสือสัญ

    ญาสูงเป็นตั้งๆ ทีเดียวนับเป็น "มหาทาน" เป็นความกรุณาอย่างใหญ่หลวง...

    ...เพื่อนมาโปรด อยู่มาวันหนึ่งเพื่อนรักของหลวงปู่สังวาลย์คือนายลี่ (หรือเรียกว่า

    ตาลี่ก็ได้) เขามีฝีมือทางช่างไม้ถูกเรียกให้มาซ้อมบ้าน มีนิสัยใจคอถูกใจกันกับหลวงปู่มา

    ตั้งแต่เด็กตอนนี้เป็นหนุ่มใหญ่หากินเลี้ยงตัวได้...ไม่มีอะไรเป็นเรื่องน่ารังเกียจท่านจึงคิด

    ว่าเพื่อเราลี่น่าจะเหมาะสมกับแม่บางมากกว่าคนอื่น ท่านคิดว่าถ้าท่านออกบวชจะได้ไม่

    ต้องเป็นห่วงแม่บาง...ภายหลังจึงพูดเลียบเคียง กลับเพื่อนขอฝากแม่บางไว้ให้เพื่อน

    อุปการะสุดท้ายเพื่อนรักก็ไม่ปฏิเสธ...ส่วนแม่บางเองก็ตกลงปลงใจเห็นด้วยเรื่องก็เลย

    ลงเอยตกท้องช้าง... แล้วท่านก็ตัดสินใจบวช ท่านลาญาติพี่น้อง บวชแบบข้าวหม้อ

    แกงหม้อ ไม่มีอะไรเอิกเกริก...ท่านกล่าวว่า คืนสุดท้ายก่อนวันที่จะออกบวช แม่บางได้

    ข้าวมากวนท่าน...การที่ท่านเห็นโทษในกามคุณ เรื่องสังลาก่อนบวชจึงไม่มีขึ้นในคืนนั้น

    ...ท่านว่า "ถ้าเป็นคนอื่นทนไหวไหม?" แล้วจะนำมาเล่าต่อถึงชีวิตใหม่ของหลวงปู่

    สังวาลย์ เขมโกนะคะขอบพระคุณที่ติดตามอ่านเรื่องราวของหลวงปู่สังวาลย์ เขมโก.

    ...น้อมกราบหลวงปู่สังวาลย์ด้วยเศียรเก้ลาเจ้าค่ะ กราบ กราบ กราบ...
     
  12. Natcha@uk

    Natcha@uk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    618
    ค่าพลัง:
    +9,444
    ความสามัคคี



    ความสามัคคีของหมู่คณะ ล้วนนำพาให้เกิดสุข เกิดความสำเร็จ ภายใต้ในความสามัคคีกลมเกลียวนั้น
    นับเป็นการปฏิบัติธรรมเพื่อก่อให้เกิดความสำเร็จประโยชน์ทั้งทางโลกแลทางธรรม เสมือนเชือก ๑ เส้น กว่าจักมาเป็นเชือกเส้นใหญ่ได้
    ย่อมเกิดจากใยเชือกเส้นบาง ๆ หลายสิบเส้นปั่นทอเป็นเกลียวเชือกรวมกัน
    มิได้ต่างอันใดกับการใช้กำลังคุณของ บารมีทั้ง ๑๐ ประการ เข้ามาประสมกัน
    หากใยเชือกเส้นใด เส้นหนึ่งเปื่อย หรือขาดไป
    เชือกเส้นนั้นก็นับว่าเป็นเส้นเชือกที่ไม่สมบูรณ์ หากไม่มีการซ่อมแซม
    ใยเชือกเส้นอื่นๆ ก็จักต้านทานน้ำหนักไม่ไหว ก็จักพากันเปื่อยขาดกันต่อไป กลายเป็นเชือกใหญ่ที่ใช้การใด ๆ อีกต่อไปมิได้เลย
    ฉะนั้น ความสามัคคีของหมู่คณะ ย่อมนำพาให้เกิดสุข
    ในความสำเร็จสมปรารถนา เจริญก้าวหน้าทั้งทางฝ่ายโลกียะ แลโลกุตตระ
    ได้อย่างแท้จริง...



    พระครูวิบูลสรกิจ (พระคุณหลวงพี่เอก)
    วัดเขาแร่ฯ กรุงสุโขทัย
     
  13. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ประมาทมิได้

    ตราบใดยังมีขันธ์๕ หรือยังอยู่กับขันธ์นี้
    พวกเราประมาทมิได้เลย
    โดยเฉพาะ จิตยังไม่เข้าถึงกระแสโลกุตตระหรือมรรคผลนิพพาน

    เพราะฉะนั้น เพื่อความไม่ประมาท พยายามรวบรวบกำลังสติปัญญาตนที่มีอยู่นั้นให้ดี
    โดยเฉพาะ เรื่องศีลของตน คอยตรวจสอบให้ดี
    โดยเฉพาะ เรื่องจิตของตน คอยตรวจสอบให้ีดี
    ก็คือ พยายามทำจิตให้เป็นสมาธิ ถ้าทรงเอกัคคตารมณ์ก็ยิ่งดีใหญ่
    เพราะในขณะที่จิตนิ่งนั้น เป็นบุญเป็นกุศลใหญ่ มีกำลังชำระล้างกิเลสได้เป็นอย่างดี

    ผู้ปฎิบัติไม่ต้องตรวจสอบอะไรมากไปกว่านี้แล้ว
    นอกจาก เรื่องศีลและเรื่องจิตของตน
    พยายามเอาข้างในของเราให้ดี เตรียมกำลังใจให้พร้อมรับทุกสถานการณ์อยู่เสมอ
    อย่าไปตามหาความดีจากที่อื่นเลย ถ้าภายในของเรายังหาดีไม่ได้
    แต่ถ้าภายในของเรามันดีซะอย่างเดียว โลกใบนี้ย่อมน่าอยู่มากทีเดียว

    พยายามเกาะแต่บุญกุศล พยายามเกาะพระธรรมคำสอนของพระองค์ พระสงฆ์สาวก
    พยายามมีสติระลึกรู้ตัวบ่อยๆเป็นปรกตินิสัย เพราะความสงบเป็นบ่อเกิดแห่งปัญญา
    ถ้าจิตยังไม่รู้จักนิ่งสงบก็จะหาดีไม่ได้ เพราะจิตมักจะหาแต่เรื่อง(ไม่ดี)อยู่เสมอ
    (แกว่งเท้าหาเสี่ยน)

    สุดท้ายเราเองนี่แหล่ะ ทุกข์เอง


    ปล.ขอโมทนาบุญทุกท่าน ที่ช่วยกันร่วมทำบุญครบรอบ ๒๑ ปี การมรณะภาพของหลวงพ่อฯ
     
  14. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    หลุดพ้น

    อะไรหลุดพ้น หลุดพ้นจากอะไร

    คำว่า หลุดพ้น ก็หมายความว่า ปฎิบัติหรือแยกจิตออกมาจากรูปนามสมมุติทั้งหลายทั้งปวง
    ประการแรก แยกจิตออกมาจากขันธ์ ๕ ของตนเองให้ได้เสียก่อน
    แต่ถ้าแยกได้ สิ่งที่เหลือก็ไม่ยากแล้ว

    ลูกหลานพระพุทธเจ้าทุกคนจักต้องฉลาดหลักแหลม คือมีสติปัญญามาก
    รู้วิธีว่าจะปฎิบัติตนอย่างไร ให้หลุดพ้นจริงๆ
    คือต้องทำจริงๆ ถึงจะได้ผลจริงๆ
    เจริญมรรคย่อมได้ผล เด๊่วผลก็จะกลายเป็นนิพพานเอง ไม่วันใดก็วันนึง
    อย่าละความเพียรของตนก็แล้วกัน

    ถ้าหากผู้ใดเจริญมรรคมีองค์ ๘ (ครบถ้วนเสมอ) ย่อมไม่มีคำว่า หลง
    ย่อมไม่ว่างเว้น คำว่า อรหันต์ หรือวิมุตติ (ไม่จำเป็น ไม่อยากพูดคำนี้เลย)

    การปฎิบัติธรรมอย่ารอรี อย่ารอเวลา อย่าท่าเยอะ รีบค้นหาจิตตนให้พบไวๆ
    ถ้าพบแล้วก็ให้รีบชำระล้างให้หมดจดไวๆ รีบฝึกจิต เป็นจิตธรรมไวๆ
    เดี๋ยวก็จะเข้าใจคำว่า ปัจจัตตัง อกาลิโก พุทโธอัปปมาโณ(คุณของพระพุทธเจ้าหาประมาณมิได้)
    ใครที่ยังลังเลสงสัยในพระรัตนตรัย หรือในพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์สาวก
    โดยเฉพาะ ยังเข้าไม่ถึงพระธรรมหรือคำสั่งสอน
    โดยเฉพาะ พระพุทธเจ้าดับขันธปรินิพพานไปตั้งสองพันห้ากว่าปีแล้ว ยังจะกลับมาหาพวกเราได้อีกหรือ?

    อย่าเอาความลังเล ความสงสัยตนนำหน้า ขอให้ปฎิบัตินำความลังเลหรือสงสัย
    มัวแต่ลังเลสงสัยก็ไม่มีประโยชน์อันใด เพราะเรายังไม่ได้พิสูจน์ หรือลงมือปฎิบัติธรรม

    เป็นพระโสดาบันไม่ยาก ถ้าทำความเห็นดังนี้
    หนึ่ง..ทำความเห็นเสียใหม่ว่า กายนี้ ร่างกายของเรานี้ มิใช่เป็นเรา เป็นของเรา
    นั่นก็หมายถึง สังโยชน์ข้อที่หนึ่ง ว่าด้วย สักกายทิฎฐิ

    สอง..ห้ามมีความสงสัยในพระพรัตนตรัย เช่น พระพุทธเจ้ามีจริงหรือ ถ้าปฎิบัติตามคำสอนพ้นทุกข์จริงได้หรือ
    พระสงฆ์ปฎิบัติตามพระธรรมแล้วบรรลุธรรมดั่งพระพุทธเจ้าจริงหรือ
    ซึ่งตรงกับสังโชน์ข้อที่สอง ว่าด้วย วิจิกิจฉา

    สาม..ต้องรักษาศีลของตนให้ครบบริบูรณ์ ทั้งต่อหน้าและลับหลัง
    มิใช่ถือศีลตามกันมาเป็นธรรมเนียบ ต้องรักษาศีลตนด้วยชีวิตและจิตใจจริงๆ
    คือให้ความสำคัญเรื่องศีลมากๆนั่นเอง เพราะถ้าไม่อย่างนั้นย่อมไม่เจริญในธรรม
    เพราะศีลมีความสำคัญมากสำหรับคำว่าภาวนา
    ซึ่งตรงกับสังโยชน์ข้อที่สาม ว่าด้วย สีลัพพตปรามาส
    แต่ถ้าผู้ใดอยากเป็นมากกว่าพระโสดาบัน ก็ไปศึกษาต่อกันเอง
    เพราะพูดไปก็ไม่มีประโยชน์ เป็นพระโสดาบันให้ได้ก่อน(จิตเป็นนะ มิใช่กายภายนอก)
    แต่จะมีประโยชน์มากสำหรับผู้ที่ปรารถนาพระนิพพาน

    โมทนาสาธุกับผู้ปฎิบัติดี ปฎิบัติชอบ

    ***-ของฝากจิตบุญทุกท่าน***
    พยายามทรงอารมณ์หนึ่งเดียว จิตต้องเข้มดั่งพระอริยะ
    แต่ถ้าทรงไม่ได้ คำว่าจิตบุญก็หมดความหมาย เพราะกำลังใจไม่เข้ม ไปนิพพานไม่ถึง
    เพราะฉะนั้น จะมามัวทำเล่นๆไม่ได้
    อย่าลืม..คำว่าจิตบุญก็แค่สมมุติเท่านั้น


    ภูทยานฌาน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 27 กันยายน 2013
  15. Natcha@uk

    Natcha@uk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    618
    ค่าพลัง:
    +9,444
    น้อมรำลึกพระคุณพ่อ...
    ครบรอบ 21ปี แห่งการมรณภาพหลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี​



    [​IMG]



    29 กันยามาบรรจบ
    เป็นวันครบ 21 ปี ที่หรรษา
    พ่อพ้นสุข พ้นทุกข์ พ้นโรคา
    พ้นวัฏฏาสงสาร นิรันดร

    เป็นวันดีที่พวกเรา เหล่าลูกหลาน
    มาร่วมกันสร้างทาน สร้างกุศล
    อีกทั้งศีลสมาธิ มิ่งมงคล
    ถวายกุศลผลบุญ แทนคุณเอย...

    กราบแทบพระบาท พระเดชพระคุณหลวงพ่อ พระราชพรหมยาน วัดท่าซุง ด้วยเศียรเกล้า

    สมาคมจิตเกาะพระ​
     
  16. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ความสัมพันธ์ระหว่างศีล ธรรม จิต

    ศีลและธรรมไม่มี ถ้าหากจิตเรายังหยาบอยู่
    ศีลและธรรมละเอียด ถ้าหากจิตเราละเอียด


    ธรรมไม่เกิด ถ้าจิตไร้ศีล
    ศีลไม่รักษา ถ้าจิตไร้ธรรม


    คำว่า ศีลและธรรม ย่อมตามหลังจิตของผู้ผฎิบัติธรรมเสมอ
    เพราะฉะนั้น ผู้ปฎิบัติธรรมใหม่ให้ตั้งใจรักษาศีลของตนให้ครบบริบูรณ์จริงๆเสียก่อน แล้วค่อยมาว่าเรื่องภาวนา
    สำหรับผู้ปฎิบัติที่ค้นหาจิตตนเองพบแล้ว พยายามเจริญสติให้ต่อเนื่อง
    สำหรับผู้ปฎิบัติที่พบตัวปัญญาของตนเองแล้ว พยายามเจริญปัญญาให้ต่อเนื่อง เพราะเหลืออีกนิดเดียวเอง
    ก็จะพบเห็นสภาวธรรม หรือสภาวะจิตตนเอง เรียกว่าสภาวะธรรมชาติ สภาวะนี้ก็คือ ธรรม(จิตธรรม)
    เดี๋ยวจิตธรรมของตนนี้จะกลับมาสอนเรา(สติ)หรือสภาวะหยาบ(ขันธ์๕หรือกายหยาบตนเอง

    ขอเน้นย้ำ คำว่า *ต่อเนื่อง* เพราะสำคัญมากๆซึ่งเป็นจุดอ่อนของนักภาวนาทั่วไป
    เพราะผู้ปฎิบัติจะเจริญในธรรมเท่าที่ควรหรือไม่ ก็อยู่ที่ความต่อเนื่อง หรือความเพียรของตนเอง


    นี่ขนาดป่วยนะ
    ความเจ็บ ความป่วยนั้น เป็นเรื่องของกายหยาบ มิใช่เรื่องของเรา(จิต)
    วันหนึ่ง จิตกลายเป็นสัมมาทิฎฐิ โดยเฉพาะเรื่องสักกายทิฎฐิแล้ว ต่อไปจิตก็มิใช่เรา มิใช่ของเรา
    นั่นหมายถึง จิตกลายเป็นความว่าง
    ความว่างนี้ มิใช่ จิตทรงฌานสมาบัติ แต่ความว่างนี้หมายถึง อนัตตา
    วันหนึ่ง หรือวันหน้า ถ้าจิตกลายเป็นอนัตตา นี่ก็คือ ความว่างแบบถาวร
    มิใช่ความว่างแบบชั่วคราว เช่น ความว่างจากทรงฌาน เพราะฌานก้ไม่เที่ยง
    ถ้าจิตรู้และเข้าใจความไม่เที่ยงนั้น เป็นธรรมดา(ขอเน้นคำว่าธรรมดา)แล้ว จิตก็จะเข้าถึงอนัตตา

    เพราะฉะนั้น คำว่า นิพพาน จึงมิใช่ภาษาสมมุติ ถึงจะพูดอธิบายก้ไม่เข้าใจ
    เพราะคำว่า นิพพาน เป็นภาษาจิต หรือภาษาปฎิบัติ
    พูดอย่างนี้ขอจบดีกว่า...เดี๋ยวคนหาว่าเราเป็นอั่ยนั่นอั่ยนี่อีก เดี๋ยวจะยุ่ง
    ทำไปนะ ปฎิบัติไปนะ ตรงที่จิตของตนนี่แหล่ะ คือของจริง ธรรมของจริง
    ส่วนความว่างชั่วคราวหรือถาวร ก็อยู่ที่จิตเรานี่แหล่ะ
    (พยายามเลี่ยงพูดคำว่าอนัตตาหรือนิพพาน ก็เลยมาพูดคำว่าความว่างแทน)
    อย่าถามว่าทำไม ต้องพูดให้ฟัง เพราะคนที่พูดก็มีปัญญาแค่หางอึ่ง รู้อะไรก็จะพูดไปตามสติปัญญาของตน
    อย่าลืมนะ ปัญญาเรามีแค่ไหนก็รู้แค่นั้น จริงไหม?

    ผู้ใดรับได้หรือนำไปปฎิบัติก็ขอโมทนา แต่ถ้ารับไม่ได้ก็ก้าวข้ามผ่านไป อย่าติดใจ

    ภูทยานฌาน
     
  17. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    (หลวงพ่อฯกำลังจ้องมองลูกหลานของท่านอยู่นะ)

    ลูกคนนี้ขอน้อมจิตก้มกราบแทบเท้าหลวงพ่อ..ด้วยเศียรเกล้า สาธุๆๆ
    ลูกระลึกนึกถึงพระคุณของหลวงพ่อเสมอมา พยายามปฎิบัติตามคำสอนของหลวงพ่อ
    ลูกอยากเดินตามรอยเท้าหลวงพ่อ อยากนำพาลูกหลานปฎิบัติตามคำสอนของหลวงพ่อฯ
    ลูกหลานของหลวงพ่อ ก็อยากพ้นทุกข์ หรือหลุดพ้นเหมือนกับหลวงพ่อ
    ลูกหลานทุกคนยังรักเคารพ ศรัทธาและเลื่อมใสหลวงพ่อมากเหมือนเดิม
    ลูกทราบดีว่าหลวงพ่อ(จิต)ยังคงติดตามคอยและช่วยเหลือลูกหลานของหลวงพ่ออยู่
    ลูกจำได้เสมอว่าหลวงพ่อเคยสั่งเสียอะไรกับลูกคนนี้ หลวงพ่อคงจำได้ว่า ลูกพยักหน้ารับ

    ป่านนี้ฯ หลวงพ่อไปสบายแล้ว ไม่ต้องทนทุกข์กับกายหยาบเหมือนลูกหลาน อีกต่อไปแล้ว
    ลูกหลานอีกหลายท่าน ก็คงจะตามหลวงพ่อไปให้ถึงที่สุด
    ขอให้หลวงพ่อมาเป็นกำลังใจให้กับลูกหลานทุกท่านปฎิบัติได้อย่างหลวงพ่อด้วยเถิด
    สาธุๆๆ

    ขอโมทนาบุญกับคุณNatcha@uk ด้วยครับ
    (เธอพยายามทำดีที่สุดแล้ว และขอให้ทำดียิ่งๆขึ้นต่อไป)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 27 กันยายน 2013
  18. Natcha@uk

    Natcha@uk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    618
    ค่าพลัง:
    +9,444

    สาธุ สาธุ สาธุ.... อีกหนึ่งเทศน์ของท่าน ที่โดนใจข้าพเจ้ามาก...
     
  19. Maneetree

    Maneetree เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    9
    ค่าพลัง:
    +122
    ภาพสะท้อน ตอนเราบิน สิ้นสงสัย
    ไปต่อได้ ไม่ต้องมอง ลองร่อนลง
    มีสติ ส่องเห็นทาง วางปล่อยปลง
    อยู่สูงส่ง โฉบต่ำคง ไม่ช้ำใจ

    ไม่อายนก ได้ตกน้ำ เย็นฉ่ำชื่น
    จิตรู้ตื่น ไม่ทุกข์ใจ ไปตามฝัน
    อิสระ เหนือพันธะ ละผูกพัน
    มัดไม่ทัน เกิดดับนั้น ฉันไม่เอา

    จะบินเดี่ยว หรือบินคู่ อยู่สบาย
    หรือแบบไหน ก็สุขได้ ไปอย่างนั้น
    เข้าใจทำ ธรรมดา แลกแบ่งปัน
    ทางแบบฉัน ไปได้ทั่ว ไม่กลัวตาย
    ____//\\____
    แ ว ะ ม า เ ยี่ ย ม จ้ า.. วัดนี้สงบดีจัง อิอิ

    มณีตรี.....อุลตร้า
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • ggge.jpg
      ggge.jpg
      ขนาดไฟล์:
      86.3 KB
      เปิดดู:
      34
  20. ธรรมมณี

    ธรรมมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,044
    ค่าพลัง:
    +14,027
    สวัสดีค่ะ คุณมาริโกลด์...ครูเกษตัวจริง เสียงจริง มาแล้วค่ะ..ยินดีที่ได้รู้จักน่ะค่ะ..ต้องขออภัยที่ต้องกลายเป็นนินจาไปพักหนึ่ง..มีเรื่องอะไรให้ครูเกษได้รับใช้มั้ยค่ะ...ยินดีเสมอค่ะ ถ้าไม่เกินกำลังและความสามารถ..:z8
     

แชร์หน้านี้

Loading...