ช่วยทีครับ นั่งสมาธินานๆ รู้สึกว่าจะหงายหลัง

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย Sir-Pai, 24 กันยายน 2013.

  1. Sir-Pai

    Sir-Pai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2010
    โพสต์:
    1,157
    ค่าพลัง:
    +3,358
    คือพอนั่งนานๆปุ๊บ จะรู้สึกว่าหลังจะหงายละ ต้องเอากลับมาที่เดิม ซักพักๆก็หงาย เป็นแบบนี้ตลอด เลยไปเกร็งเรื่องที่หลังแทน ทำไงความรู้สึกนี้จะหายครับ

    นั่งสมาธินะครับ ไม่ถึงขั้นวิปัสสนาเลย

    ขอบคุณทุกคำตอบล่วงหน้าครับ ^_^
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 24 กันยายน 2013
  2. qillip

    qillip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    164
    ค่าพลัง:
    +366
    ในความคิดผมครับอาจไม่ถูกก็อย่าว่ากันครับ
    ผมคิดว่าเป็นตัว ปีติ ครับ เพราะเคยเป็นและใช้เวลานานเหมือนกันครับกว่าจะผ่านจุดนี้ได้
    ต้องปล่อยให้เป็นไปครับ กำหนดรู้เฉยๆ มันจะไปยังไงก็ช่างมัน หรือนั่งใกล้กำแพงช่วยก็ได้ครับ
    จากที่เคยสังเกตุตัวเองตอนที่เป็น ยิ่งไปเครียดตามอาการ หรือไปนึกตามอาการยิ่งเสียเวลาครับ จับลมหายใจกับคำภาวนาแค่นั้นพอครับ เป็นก็ชั่งไม่เป็นก็ช่างวางอารมณ์ให้สบายๆเข้าไว้ครับ เหมือนตอนเราเพลียแล้วกำลังหลับตาตอนเข้านอน ปล่อยวางครับ
     
  3. ฐสิษฐ์929

    ฐสิษฐ์929 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    876
    ค่าพลัง:
    +1,844
    กำหนดอย่างไร และตรงไหนครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 กันยายน 2013
  4. qillip

    qillip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    164
    ค่าพลัง:
    +366
    ลมหายใจ กับคำภาวนาครับ อย่าให้หลุด ทำแบบสบายๆเหมือนนอนเล่น จะเกิดอะไรก็อย่าไปสนครับ
     
  5. อินทรบุตร

    อินทรบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +7,320
    ถ้ารู้ตัวเมื่อไหร่ ว่าหลังไม่ตรง ก็ปรับกลับมาให้ตรง แล้วก็ภาวนาต่อไป

    เมื่อกำลังฌานสมาธิแข็งแรงเมื่อไหร่ จะนั่งอย่างไร ร่างกายก็ไม่ขยับ
     
  6. Norlnorrakuln

    Norlnorrakuln เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    3,813
    ค่าพลัง:
    +15,095
    เริ่มแรกต้องรู้จักการปรับสมดุลของลมหายใจให้เหมาะสมกับท่านั่งก่อน
    โดยการสูดลมหายใจเข้าออกยาวๆลึกๆลงถึงท้อง ทำหลายๆครั้ง
    จะรู้สึกได้ว่า ร่างกายเราจะตั้งตรงดูสง่างาม สมส่วน

    ข้อสังเกตุคือ ถ้าเราหายใจสั้นๆไม่ลงถึงท้อง การทรงกายในท่านั่งอาจโน้มไปข้างหน้า หรือข้างหลังก็ได้

    แม้จะเพิ่งเริ่มนั่งใหม่ๆ หรือนั่งมาตั้งนานแล้วก็ตาม ตราบใดที่จิตยังไม่เข้าสู่ฌาน ร่างกายย่อมเกิดทุกข์เวทนาโดยธรรมชาติอยู่ดี ดังนั้นเราควรพิจารณาใช้วิริยะ และขันติ ตามกำลังสติปัญญาของตนครับ :cool:
     
  7. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    มองให้ออกสิคร้าบท่าน

    ปัญหาแบบนี้ เขาเรียกว่า " พัดโบกในมือท่านนั่นแหละพาเรือหาย "

    ยังไงหละ

    ก็ สังเกตดีๆ เวลาทำสมาธิ จิตมันก็เฝ้น เขม็ง เพียร เพ่ง อะไรที่มันไหวๆ
    เพื่อไล่จับ ไล่งับ กัดแน่น ไม่ปล่อย ไม่ให้หลุด เหมือน อย่างหมาที่หิว
    อารมณ์เพราะสำคัญมั่นหมายว่า งับแล้วจะดี ....ดังนั้น เวลา มันเกิดการ
    เคลื่อนไหวของกาย ของกล้ามเนื้อ ซึ่ง อาจจะเกิดจาก การผ่อนคลายเนื่อง
    จากได้พักผ่อน แต่ ความที่ สำคัญมั่นหมายว่างับอะไรให้แน่นๆ กัดไม่ปล่อย
    เพียรเพ่ง มันจะนำ สุขมาก สุขมาก สุขมาก สุขมาก สุขมาก สุขมาก สุขมาก
    สุขมาก สุขมาก สุขมาก สุขมาก สุขมาก สุขมาก สุขมาก สุขมาก สุขมาก
    สุขมาก สุขมาก สุขมาก สุขมาก สุขมาก สุขมาก สุขมาก สุขมาก สุขมาก สุข
    มาก สุขมาก สุขมาก สุขมาก สุขมาก สุขมาก สุขมาก สุขมาก สุขมาก สุข
    มาก สุขมาก สุขมาก สุขมาก สุขมาก สุขมาก สุขมาก สุขมาก สุขมาก สุขมาก
    สุขมาก สุขมาก สุขมาก สุขมาก สุขมาก สุขมาก สุขมาก สุขมาก สุขมาก
    สุขมาก สุขมาก สุขมาก สุขมาก สุขมาก สุขมาก สุขมาก สุขมาก สุขมาก สุข
    มาก สุขมาก สุขมาก สุขมาก สุขมาก สุขมาก สุขมาก สุขมาก .....มาให้
    อย่างที่ เคย เคย

    มันก็ไล่งับแม้กระทั่ง กล้ามเนื้อที่ผ่อนคลาย จนตวัดกลับมา แข็งเกรียว เอน
    ไป เอนมา บางทีก็ไม่ได้เอนไป เอนมา มีแต่ ความรู้สึก ต่อให้เอา แท่งเหล็ก
    แทงทางปากทะลุตูด ปักเอาไว้กับที่ พอทำสมาธิเพื่อสุขมาก มันก็ให้ความ
    รู้สึกไหวเอน โอนอ่อน เบา ลอย ซ้าย ขวา ของมันอยู่ดี เพราะ มันเป็น ปิติ
    หรือ นามธรรม เท่านั้น เป็นเพียง เวทนากองหนึ่งเท่านั้น ไม่ใช่กาย

    แต่เพราะ ความโง่ ไม่ฉลาดในธรรม ไม่แยกแยะ ขันธ์5 ให้เป็น ก็เลย
    เห็นเป็นกลุ่มเป็นก้อน เห็นเป็นตน มีตนเอง มีตนลอย มีตนจม มีตนหาย

    ทีนี้ สมาธิเนียะ ปฏิบัติยังไง มันก็มัก ให้ผลอย่างนั้น ร้อยแปดพัรเก้า ถึง
    ขั้น บรรยายได้ไม่หมด หากใครบ้าบรรยายอาการ เขาเรียกว่า ปรารภว่า
    รู้อจิณไตย ฌาณวิสัย อันนี้ พระพุทธองค์ฟันธงไว้ว่า บ้าแน่นอน !!!

    ดังนั้น ไม่ต้องไป เอะ อะ กับ อาการ ....

    แล้วพิจารณาดีๆ ปัญหาเนี่ยะ ไม่ได้เกิด ตอนที่ กายเอนซ้าย เอนขวา
    ลอยขึ้น จมลง

    ปัญหามันอยู่ที่ พัดโบก ที่คอยสังการภายหลัง ที่ ฝุ่นในสนามรบ มัน
    หายไปตั้งนานแล้ว ศึกสงคราม เอนซ้าย ย้ายขวา มันจบไปตั้งนาน
    แล้ว เกิด ดับ เกิด ดับ ไปตั้งนานแล้ว

    แต่ ไอ้ความฉลาด ที่ถือพัด เพื่อสั่งการเนี่ยะ อันเนี่ยะ มันไป ควักกะปิ
    มันไปเอา ฝุ่นตลบมาคุยว่า ข้ารู้ ข้าเห็น เดี๋ยวข้า วางแผนการรบให้

    ให้คอยเอนซ้าย เวลามันตึงขวา ให้คอยเอนหน้า เวลามันปวดหลัง

    เนี่ยะ โดน อภิสังขารมาร มารคือ ความคิด ดำริ ของตน ที่ อวดรู้
    อวดเห็น วางแผนล่วงหน้า นั่นแหละ มันหลอกเอา จังหนับ

    การปฏิบัติ พระพุทธองค์ก็ตรัสบอกตรงๆ อยู่แล้ว ตั้งกายตรง ดำรงสติเฉพาะหน้า

    คือ ให้ระลึกสภาพธรรมที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน รู้ไปเรื่อยๆ เอนซ้าย เอนขวา
    จะไปมีปัญหาอะไร ก็ นั่งอยู่กับที่ ไม่ได้ขับรถ ขับเรือ สักกะหน่อย

    ลองดูนะ

    แล้วจะเห็นเลย วิปัสสนา เนี่ยะ ไม่ใช่ยังไม่เริ่ม แต่ มันเริ่มไปแล้ว

    ไอ้ที่มันบอกว่า ยังไม่ได้เริ่ม ก็ไอ้ตัวเดิมนั่นแหละ ที่มันถือพัดตัวนั้นแหละ มันหลอกเอา
     
  8. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    นี่ถ้า ชำนาญใน การเข้า การอยู่ การออกสมาธิ ประเภทเพ่งอารมณ์นะ

    เวลา เดินเหิน นอนอยู่ กิน ดื่ม ทำ พูด คิด หรือแม่แต่ ฉิ้งฉ่อง หรือ นั่งส้วม

    อาการเอนซ้าย เอนขวา เอนหน้า เอนหลัง ตัวเบา ตัวลอย ขาหายไป
    แขนหายไป เนี่ยะ มันเกิดของมันได้ตลอดแหละ มันไม่ถามเราหลอก
    ว่า ชอบไม๊ ชอบไม๊ เกลี่ยดเหรอ เกลียดเหรอ ......

    พอชินกับอาการ เขาก็เรียกว่า ข้ามปิติได้ .....จิตจะเริ่มรู้ว่า อ๋อ สงบ
    เป็นอย่างนี้ และ ทันทีที่ ไม่เอะ เออะ อะ กับ ปิติ มันก็ อุเบกขาไง

    ทีนี้ ก็แค่ พิจารณา องค์ธรรมเหล่านั้น เป็นของแปรปรวน ไม่เที่ยง
    ไปทั้งหมด แม้แต่ อุเบกขาด้วย

    พอเห็น อุเบกขาจิตก็เป็นสิ่งไม่เที่ยง ไม่ใช่เรา ความนิ่ง สงบ รำงับ
    มันก็หลอกเราให้ สุขมาก สุขมาก ไม่ได้ .....

    พอหลอกไม่ได้ ก็จะรู้จัก ปัสสัทธิ เข้ามา วิปัสสนามันก็ค่อย เขยิบ
    เข้ามาให้รู้ชัด

    *************

    ทีนี้ พอกล่าวแบบนี้ ก็อาจจะมี มารหัวขน กระซิบบอกว่า เห้ย
    เอ็งอย่ารีบร้อนวิปัสสนานะ เดี๋ยวอดสำเร็จสมาธิ เพราะ วิปัสสนา
    มันจะทำลาย สมถะกรรมฐาน

    อันนี้ ก็ ขอท้าเลย

    เอา การปฏิบัติของคุณเป็น ประกันเลย

    ลองวิปัสสนาเข้ามาเถอะ แล้ว จะเห็นว่า อาการหนักกว่าเก่าอีก
    จะรู้เลยว่า เพ่งจนเขม็งเกลียว แน่นปั๊ก ไปทั้งตัว เนี่ยะ มันก็
    เกิดขึ้นได้ ไม่ได้หายไปไหน เพราะอะไร

    เพราะมันเป็น กองขันธ์อย่างหนึ่ง ดังนั้น มันไม่ถามเราหลอก
    เวลามันจะแฉลบไปเพ่ง ไปจ้อง จะล่อง จะลอย เนี่ยะ

    วิปัสสนา จะเป็นตัวซักฟอกให้มัน แจ่ม แจ๋ว กว่าเดิม ได้ต่างหาก

    ไม่ใช่ ตัด หรือ ทำลาย

    ***************

    ถ้าจะเอาหลักฐาน...

    ก็คงต้อง อาศัย มหาธรรมเสนาบดีสารีบุตร ....ที่กล่าว คาถาไว้
    ประมาณว่า "....ก็บรรดาอิทธิฤทธฺ์ทั้งหลายที่เหล่าสาวกจะพึงมี ข้า
    สารีบุตรก็สำเร็จฤทธ์เหล่านั้นทั้งหมด ........."

    เพียงแต่ว่า ตอนแก้ปัญหาให้เหล่า สานุศิษย์ มัน สะเตะ สำหรับท่าน
    ที่จะกล่าวแค่ วาจา ก็ทำให้ เหล่าศิษย์หยั่งลงสู่ธรรมได้ ไม่ต้อง
    เล่นฤทธิ์เล่นอะไรเข้ามาช่วย

    พระสารีบุตรก็ ถือพัดนะ ตวัดสองทีเท่านั้นแหละ กิเลสราบเป็นหน้ากลองเลย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 กันยายน 2013
  9. hastin

    hastin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,113
    ค่าพลัง:
    +3,083
    สมาธิมาก สติน้อย ครับ

    ท่านไผ่ได้ใช้คำภาวนาหรือปล่าวครับ

    ควรเพิ่มเจริญ สติ ระหว่างวันด้วยครับ ให้จิตมันชิน
     
  10. วรกฤต

    วรกฤต สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +0
    สำหรับผมเวลานั่งไปนานๆ เหมือนกับนั่งก้มหน้าครับ
     
  11. อินทรบุตร

    อินทรบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +7,320
    จุดที่บริกรรม กำหนดไว้ตรงไหนครับ? ท้องหรือเปล่าครับ?
     
  12. วรกฤต

    วรกฤต สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +0
    ไมเคยกำหนดไว้ตรงไหน รู้แต่ว่าหายใจเข้าออก นั่งเป็นชั่วโมงก็นั่งอยู่ เหมือนกับไม่ได้ก้าวหน้า มันนั่งนิ่งๆอย่างงั้น
     
  13. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,709
    ค่าพลัง:
    +3,235
    ชุดของการระบุ แนวดิ่งแนวตั้งของร่างกายคน
    น่าจะอยู่ในโพลงหู
    ยาแก้เมารถเมาเรือ จะทำให้ของเหลวในโพลงหู
    ไม่สามารถระบุว่าเราตัวโครงเครงหรือไม่
    แบบ ไจโรสโคปในโทรศัพท์มือถือ
    ที่ระบุว่าจอตั้ง หรือจอนอน

    พอคนเรา
    ที่อาจจะมีมีวิธีการตั้งกายให้ตรง
    เฉพาะแบบ ไม่เหมือนคนที่ใช่วิธีมาตรฐานคือใช่ของเหลวในหู
    เช่นใช้ ร่างกายส่วนอื่นประกอบ อาจจะเป็นของเหลวในช่องท้องระบุแกนตั้งแกนนอน
    พอภาวนา ร่าง
    กายย้ายกลับไปใช้เครื่องระบุแกนนอนแกนราบในหู ตามที่คนทั่วๆไปทำ
    เลยสับสนว่านี่เรานั้งตัวตรงหรือนอนราบ

    วิธีแก้ เคยเห็นคนภาวนาสไตล์มหายานบางคน
    หมุนตัว ไปภาวนาไป แบบปั่นจิ้งหรีดที่ทหารเค้าลงโทษกัน

    แต่ไม่น่าจะเวิร์ค
    วิธีแก้นึกไม่ออก
    ถ้าเปลี่ยนความเคยชินมาใช้ของเหลวในหูตามปรกติได้
    ก็จะไม่อยากเอนตัวลงนอน
    ท่านั่งภาวนาตัวตรง น่าจะสบายที่สุดถ้าภาวนาจิตดิ่งแน่นๆ
     
  14. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,709
    ค่าพลัง:
    +3,235
    ถ้าหากท่านที่ภาวนาปลงตก
    ว่าเค้าอบรมให้เรานั่ง แต่จริงๆแล้วเราทำงี้เราต้องนอน
    แล้วจริงๆแล้วถ้าเราต้องนอนลง เพราะเค้าอบรมกันมางี้
    แต่เราบ้านหมุนเราต้องลุกขึ้นนั่งหอบหายใจ

    ก็ถ้าปลงได้
    เห็นกายในกาย ภายใน เห็นกายในกายภายนอก
    ก็จะเห็น
    I see
    บางที่แปลว่า เข้าใจ เก็ต อะไรงี้
     
  15. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,709
    ค่าพลัง:
    +3,235
    เช่นความเข้าใจ I see
    กายในกายภายในของเรา มันผิด
    ก็คือเราไม่เข้าใจ
    แต่กายในกายภายนอก ก็จะขับไสให้เข้าใจ
    ตามที่กายในกาย ภายนอก จะอบรมบังคับบัญชาให้ได้

    ก็น่าจะเป็นปัจจัยในเกิด ทุกข์เวทนา
    คราวนี้เป็นเวทนา ให้เกิดทุกข์เวทนาเข้าไปอีก
    เพราะไม่เข้าใจว่าจริงๆแล้วที่ถูกแล้วเราต้องสุขหรือเราต้องทุกข์
    ตามเวทนาภายนอกอบรม บัญชา

    นั้นแหละ เวทนา ใน เวทนา
    หวังว่าจะ see
     
  16. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,709
    ค่าพลัง:
    +3,235
    อนุ แปลว่า มาทีหลัง
    ถึงจะไม่ใช่ ธรรมานุปัสสนาในมหาสติปัฏฐานสูตร
    ก็เป็นอนุปัสสนา ในธรรมานุปัสสนา

    มหา ก็น่าจะใหญ่กว่าอนุ
    จะให้มหาไปตามอนุ มันก็ จะเวทนา เฉยๆ

    แต่ถ้างงว่าเราควรจะเวทนาเฉยๆหรือเปล่า
    แล้ว ทุกข์
    ก็เป็นเวทนา ใน เวทนา

    แบบเดียวกะกาย เข้าไปอยู่ในกาย
    เป็นอนุ ของมหา อีกที

    ของที่อยู่ข้างในมันใหญ่กว่าของที่อยู่ข้างนอก
    มันก็แปลกๆ
     
  17. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,709
    ค่าพลัง:
    +3,235
    เช่นเรามีบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เกือบสำเร็จ กึ่งๆ
    มันสามารถบรรจุ ใน ชามได้

    ถ้าชามมันหงายอยู่แล้วไม่มีอะไรปิกปิดเราก็สามารถ see
    ได้
    ว่ามันอยู่ข้างในหรือข้างนอก ชาม

    ถ้าถ้าชามมันคว่ำอยู่
    เราอยากรู้ว่าบะหมี่ กึ่งๆ นั้นยังอยู่ข้างในหรือข้างนอก
    เราจะรู้ได้ไง
    โดยไม่ส่งบะหมี่ ให้ออกมานอกชาม

    บรรจุภัณฑ์ที่ระบุว่าของสิ่งนี้อยู่ข้างในของสิ่งนี้ห้อหุ้มสิ่งนี้
    เรียกว่า อายตนะ
    มีทั้งแบบที่เป็นรูป เช่นอยู่ในรั่วบ้าน อยู่ในลัง
    และที่เป็นนาม
    คือเราบรรจุมันลงไปด้วยความปรุงความแต่ง ที่เรียกว่า
    สังขารขันธ์

    ไอ้อาการรู้ว่าอยู่ข้างในหรือยู่ข้างนอก โดยที่ยังไม่ see
    เรียกว่าวิญญาณขันธ์
     
  18. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,709
    ค่าพลัง:
    +3,235
    เช่นการที่เรารู้
    ไปเอง
    ว่าชุดระบุพิกกัdแนวราบหรือแนวดิ่งของร่างกาย
    อยู่ที่โพรงหู หรือย้ายไปอยู่ที่อื่นๆ ที่ไม่ใช่โพลงหู

    โดยที่เรายังไม่ได้หงายชามขึ้นดูเพราะกลัวบะหมี่โดนส่งออกนอกชาม

    เรียกว่า สังขารขันธ์มันปรุงให้เรารู้
    เป็นปัจจัยของการรู้
    รู้นี้ถ้ารู้ไปเองไม่สามารถหาข้อสรุป ปรงไม่ได้
    ก็คือวิญญาณขันธ์

    พอเราไม่ see กายในกาย ภายในแต่กายในกายภายนอกจะอบรม
    ให้เรา see ตาม อนุ ให้ได้
    ก็อาจจะเกิดเวทนา เฉยๆ
     
  19. ฐสิษฐ์929

    ฐสิษฐ์929 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    876
    ค่าพลัง:
    +1,844
    ผมว่าอารมณ์คุณหันมาทางฌานสมาบัติครับ
    อาการหงายหลังเป็นอาการของกำลังสติผลักกลับ(ผู้ปฏิบัติทางฌานสมาบัติจะทราบกันเป็นอย่างดีเพราะเป็นอารมณ์ของฌานสมาบัติ) ซึ่งก็หมายความว่าคุณมีกำลังของสติมาก การแก้ให้นั่งขัดสมาธิแต่ใช้มือทั้งสองข้างมาจับที่เข่า(ท่านี้เรียกว่าปรางค์สัพพัญญูเสวยวิมุติสุข) และก็หาพนักพิงหลังด้วยครับ(ในโบราณเขาจะนั่งพิงต้นไม้)
    อาการนิ่งนั้นละครับคือความก้าวหน้า ที่เราต้องทุกข์กันก็เพราะจิตเราไม่นิ่ง มันส่ายไปหาแต่ทุกข์ทั้งนั้นครับ ยิ่งนิ่งมากเท่าไหร่คุณก็ยิ่งจะเห็นความเป็นจริงของกิเลสมากเท่านั้น
    วิธีปราบกิเลสโดยฌานสมาบัติใช้ความนิ่งปราบความไม่นิ่ง(กิเลส)ครับ
    การปฏิบัติให้ดูความนิ่งที่จุดกลึ่งกลางของใบหน้า ที่จุดดั้งหักระหว่างลูกนัยตาทั้งสองข้าง ตรงนี้เรียกว่าจุดมโนทวารครับ
    เจริญในธรรมครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 กันยายน 2013
  20. อินทรบุตร

    อินทรบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +7,320
    ถ้าจิตนิ่งแล้วมันจะไปผลักร่างกายได้ยังไงหละครับ?
     

แชร์หน้านี้

Loading...