ฉันเสียใจยังไม่พออีกหรือ

ในห้อง 'ทุกข์และปัญหาชีวิต' ตั้งกระทู้โดย ดานัง, 18 กันยายน 2013.

  1. ดานัง

    ดานัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2013
    โพสต์:
    23
    ค่าพลัง:
    +110
    ขอพื้นที่ระบายหน่อยเถอะค่ะ

    วันนี้ได้รับ e-mail เขาบอกว่าส่งมาจากสามีเรา แนบด้วย ใบทะเบียนสมรสที่เขาจดกับผู้หญิงอื่น เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา จดที่อำเภอใกล้ ๆ บ้านเราด้วย

    ไม่เคยคิดเลยว่า พ่อของลูกจะทำกันได้ขนาดนี้ เรารู้ว่าเขาย้ายไปอยู่กับผู้หญิงอื่นที่จังหวัดอื่นเมื่อเดือนที่แล้ว รู้ว่าผู้หญิงคนนี้รู้จักกันทาง facebook

    พ่อของลูกเป็นคนธรรมะธัมโม และจะเปิดฟังเทศน์หลวงพ่อฉันท์ตลอดเวลา แม้กระทั่งเวลาคุยกับกิ๊ก เขาก็ยังเปิดฟังหลวงพ่อฉันท์ด้วย แต่เปิดดังกว่าปกติ ฉันแอบได้ยินที่เขาคุยกันแล้วเข่าอ่อน แต่เขาว่าไม่มีอะไรแค่ทักทายกัน ฉันไม่อยากให้ลูกมีปัญหาจึงเก็บไว้ในใจคนเดียว

    เราทำใจมาเป็นเดือนแล้วว่าเขาไม่กลับมาอีก และก็ไม่ได้ตอแยหรือติดต่อไป แต่ทำไมวันนี้เขาส่ง e-mail นี้มาให้ ฉันพยายามแล้วพยายามอยู่กับลูกอย่างสงบแล้ว ถ้าไม่ได้ธรรมะของพระพุทธองค์คงบ้าไปแล้วด้วย

    แต่สิ่งที่เขาทำวันนี้ ทำให้ฉันสงบไม่ลงแล้ว
     
  2. Deep Blue

    Deep Blue เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    210
    ค่าพลัง:
    +887
    กลางคืนที่เงียบสงัด... คือช่วงเวลาแห่งการพักผ่อนนอนหลับ
    ทุกบ้านปิดไฟ แต่ใจคนไม่ได้ปิดตาม

    คนแก่คิดถึงลูกหลาน และโรคภัยที่รุมเร้า
    ผู้เป็นพ่อแม่คิดถึงทางมาซึ่งรายได้ ปัญหาหนี้สิน และอนาคตของลูกๆ
    หนุ่มสาวคิดถึงการได้เจอคู่แท้

    พนักงานร้านเซเว่น กำลังคิดถึงการลาออก
    ชายชราบนรถเข็ญ กำลังภาวนาขอให้ตัวเองตายไวๆ
    เด็กทารกกำลังร้องไห้...

    ในทุกตรอกซอกซอย มีคนกำลังร้องไห้อยู่ตลอดเวลา... ไม่เคยขาดสาย
    ฝนที่กำลังตกลงมาอย่างหนัก ใช่อื่นใด... น้ำตาของเราทั้งหลายนั่นเอง

    ถ้าความคิดของมนุษย์ ถูกฉายออกมาให้เห็นเหมือนกับภาพยนตร์ได้

    เราทุกคน ก็จะได้ดูแต่หนังเศร้าสะเทือนใจ... ตลอดเวลา
     
  3. ddman

    ddman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,046
    ค่าพลัง:
    +11,941
    ท่านจขกท เมื่อวางใจทำใจยอมรับไว้แต่แรกแล้วว่า ไม่หวังว่าพ่อของลูกที่เปลี่ยนไปจะไม่กลับมาอีก ...บัดนี้ การได้รับ email แสดงหลักฐานการเปลี่ยนภรรยาของเขา ก็น่าจะเป็นสิ่งที่ดี แก่ท่านเป็นอย่างมาก .

    .ท่านควรจะขอบใจเขาที่สามารถทำความกระจ่างชัดในเรื่องนี้ให้ปรากฏได้ และเเสดงตัวตนที่แท้จริง...ให้ท่านประจักษ์ว่า.. แม้ท่านเห็นเขาด้วยตาตนว่าเขาสนใจธรรมะอยู่ก็ดี ได้ยินด้วยหูว่าเขาฟังธรรมะอยู่ก็ดี..ภาพและเสียงที่รับรู้นั้นหาใช่เครื่องรับประกันความเป็นคนดีมีธรรมะของเขาไม่..ที่แท้แล้ว การฟังธรรมไรๆ หากเขามิได้นำไปปฏิบัติแล้ว สิ่งแรกที่ท่านจะเห็นคือการที่เขาสามารถล่วงศีลทำลายตนได้อย่างง่ายดายและเบียดเบียนบริวารได้เป็นปรกติ..คนเช่นนี้ เป็นได้แต่พาลชนผู้ไม่ควรแก่การเข้าใกล้หรืออยู่ด้วย เพราะเป็นเหตุแห่งทุกข์เสียหายนานัปการ..


    ... ท่านพึงยุติความชอกช้ำซ้ำทุกข์ของตนลง เรียกรวมสติให้กลับคืนมา เพื่อความราบรื่นในการดำเนินชีวิตของตนและลูกผู้ที่ท่านต้องเลี้ยงดูต่อไป ...สิ่งใดล่วงผ่านไปแล้วไม่พึงเก็บมาคิดตอกย้ำให้เจ็บช้ำอีก ปลงด้วยปัญญาว่าแม้เรื่องอันเลวร้ายนี้ย่อมเกิดเพราะตนเคยทำกรรมทำนองเดียวกับที่ชายคนนี้ทำแก่ตนในบัดนี้...แล้วรักษาใจตนไว้ในอาการสงบ ตัดเยื่อใยแห่งรัก ที่เคยมีให้ขาด เพราะสิ่งนี้คือที่มาของความขมขื่นไม่สร่างซา..เมื่อเขาไม่รักเรา เราต้องรักตนเองเป็น การรักใครข้างเดียวเป็นเรื่องของคนไม่มีสติปัญญา เพราะตนจะคอยหวังลมๆแล้งๆไปฝ่ายเดียว หาประโยชน์อันใดไม่มีเลย..

    มีรักที่ใดก็มีทุกข์ที่นั่น นี้เป็นเรื่องจริงที่ท่านต้องนำมาไตร่ตรอง เพื่อที่จะไม่พาตนเข้าร่องเดิมแห่งทุกข์ อีกในภายหน้า บัดนี้ขอให้รักษาใจตนให้สู่ภาวะปรกติ ท่านมีภาระหน้าที่ใหม่ที่ต้องใส่ใจ คือการเลี้ยงลูก สิ่งนี้ควรเป็นเชื้อพลังให้ท่านสู้ด้วยใจเข้มเเข็ง นี้เป็นทางบุญที่ท่านควรทำด้วยเต็มใจเต็มกำลัง ผลอันเลิศรอท่านอยู่..

    ประโยชน์ไรๆจากความโศกรันทดเพราะคนไม่มีศีลกระเด็นหลุดไปจากชีวิต ไม่มีเลย ท่านน่าจะดีใจบันเทิงในบุญดีที่รักษาท่าน ช่วยให้หลุดจากโมฆะบุรุษเช่นนี้ได้โดยเร็ว เพราะไม่ช้าก็เร็ว ชายโลเลคนนี้ย่อมต้องแสวงหาหญิงใหม่ไปเรื่อยๆตามสันดานที่สั่งสมมาจนชำนาญนั่นแหละ.....ก็หญิงใหม่เหล่่านั้นผู้ไม่รู้ธาตุแท้ชายคนนี้จะได้ชื่อว่าได้ความเกษมปลอดภัยในรักอันยั่งยืนมั่นคงจากเขา ย่อมเป็นได้แต่ความคาดหวังที่มืดมนนัก..ข้อนี้ จะรู้ได้ว่าอะไรเป็นอะไรก็เข้าถึงอาการที่เรียกว่า..สายเกินไปเสียแล้ว อนิจจา! ต่างพากันดิ้นรนเพื่อความไพบูลย์แห่งทุกข์ทั้งในปัจจุบันแลสัมปรายภพ น่าสงสารแท้..



    ขอความสร่างจากความโศกสลดพึงบังเกิดแก่ท่านจขกท ขอให้บุญรักษาท่านและลูกให้สามารถฟันฝ่าวิกฤติชีวิต เข้าถึงความเกษมสวัสดี มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง ดำรงตนไว้ในครรลองแห่งศีลอันเป็นเกราะคุ้มครองตนตลอดไปครับ..



    เป็นกำลังใจให้ครับ ไม่ท้อและรักษาใจครับ:cool::cool:
     
  4. bluebaby2

    bluebaby2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2010
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +4,288
    สิ่งที่จะช่วยคุณออกจากทุกข์ได้คือการตั้งสติให้ดี รู้ว่าตอนนี้เรารู้สึกยังไง เราโกรธไหม เราทุกข์ไหม ทะเบียนสมรสที่เขาส่งมาทำให้เราทุกข์ได้อย่างไร การที่สามีทำอย่างนี้ทำให้เรารู้สึกทุกข์ได้อย่างไร การอยู่กับปัจจุบันจะทำให้คุณเห็นว่าความทุกข์ของคุณนั่นไม่เที่ยง มันไม่ได้ทุกข์อยู่ตลอดหรอก มันจะทุกข์เมื่อคุณไปย้อนคิดถึงอดีต คิดไปว่าทำไมเขาถึงทำกับเราอย่างนั้น เมื่อคุณอยู่กับปัจจุบันได้คุณจะรู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเรื่องชั่วคราวเท่านั้น มองความคิดที่ผ่านเข้ามาแล้วปล่อยให้มันผ่านไป ถ้าคุณวางเฉยกับความคิดได้ไม่ปรุงต่อคุณจะเห็นความทุกข์ดับลง แล้วมันก็จะกลับมาอยู่เรื่อย เพียงแค่ทำแบบเดียวกันดูจนความทุกข์ดับลง จนถึงจุดหนึ่งคุณจะไม่อยากที่จะกลับไปคิดทำร้ายจิตใจตนเองอีก พยายามมองเรื่องที่เกิดขึ้นว่าเป็นผลของการกระทำของเรา ถ้าเราไม่ยอมรับมันเราก็แก้ไขอะไรมันไม่ได้ ยอมรับมันเพราะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริง ไม่ได้เป็นอื่น มันจะเป็นอื่นก็ได้ ในความเป็นไปได้ที่ไม่มีที่สิ้นสุดมันจะเป็นอื่นก็ได้ คุณจะไม่เจอสามีคนนี้ในชาตินี้ก็ได้ เขาจะไม่เจอผู้หญิงคนนั้นก็ได้ คุณจะเจอเขาแล้วไม่เลือกอยู่กับเขาก็ได้ หรืออยู่กับเขาแล้วแยกทางกันก่อนนีก็ได้ ทำไมมันถึงเป็นอย่างที่เป็นอยู่ ก็เพราะมันเป็นเช่นนั้นเอง มันไม่ได้เป็นอื่น เมื่อรู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นผลของการกระทำแล้ว เราจะทุกข์ใจเสียใจที่มันไม่ได้เป็นอื่นต่อไปก็ได้ หรือจะพยายามสร้างเหตุที่ดีเพื่อที่จะไม่ต้องเป็นแบบเดิมอีกก็ได้ ทั้งหมดอยู่ที่ตัวเรา
     
  5. pongio

    pongio เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    843
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +6,850
    เชกสเปียร์ มาเองเลยวุ๊ย
     
  6. Deep Blue

    Deep Blue เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    210
    ค่าพลัง:
    +887
    มาเองแบบไม่มีใครเชิญอีกต่างหาก

    pig_cryy2
     
  7. โมทนาman

    โมทนาman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    5,665
    ค่าพลัง:
    +6,165
    ถ้ายังไม่ได้หย่า ไปจดทะเบียนสมรสใหม่ผิดกฎหมายนะ
     
  8. makigochan

    makigochan ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    6,247
    ค่าพลัง:
    +68,038
    สิ่งที่คุณดานังเจอ นับว่ากระทบกับใจอย่างมากค่ะ

    ทำเอาแทบตั้งตัว เตรียมใจไม่ทัน

    คุณดานังคะ นับจากนี้ คุณก็ต้องพบกับความรู้สึกที่ตามมา

    ที่มันจะทำให้คุณทุกข์ใจ เศร้าใจ

    ตอนนี้ ขอให้กำลังใจคุณค่ะ ขอให้เข้มแข็ง ให้มากๆ ประคับประคองจิตใจให้ได้

    แม้ว่าสภาพตอนนี้ แทบจะทำให้คุณหมดแรงก็ตาม

    คุณทำถูกทางแล้วใช้ธรรมะเป็นที่พึ่งทางใจ นำทางให้คุณสงบได้

    ขอโปรดให้ความเมตตา กับบุคคลที่ทำร้ายจิตใจคุณ

    คิดเสียว่า นั่นคือ ทางเลือกของเขา คนเราเกิดมา ชีวิตไม่ได้อยู่เป็นอมตะ

    ต้องมีพรากจากกันแน่นอน คิดเสียว่านี่คือการจากกัน คล้ายวัฏฏะสงสาร

    ที่หมุนเวียนมา แม้ว่า การพรากนี้จะเร็วเกินไป

    ขอให้คุณมีกำลังใจเต็มเปี่ยมนะคะ เป็นคนดี มีชีวิตที่ดี ดูแลครอบครัวที่เหลืออยู่

    เท่านี้ ก็มีความสุขอย่างพอเพียงแล้วค่ะ

    ธรรมะย่อมคุ้มครองผู้ประพฤติธรรม สาธุ
     
  9. ดานัง

    ดานัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2013
    โพสต์:
    23
    ค่าพลัง:
    +110
    อ่านแล้วน้ำตาไหล เหมือนได้รับคำปลอบโยนจากญาติพี่น้องผู้หวังดี ซึ่งดิฉันให้ญาติ ๆ รู้ไม่ได้

    ขอบพระคุณทุกท่านค่ะ นี้แหละสิ่งที่ดิฉันปราถานาในยามทุกข์ระทมเช่นนี้ อ่านแล้วคิดได้อีกมาก ดิฉันรู้อยู่เต็มอกว่า ทุกข์มันไม่เที่ยง พยายามจะปล่อยมันไป

    นั่งสมาธิเสร็จ ดิฉันอารธนาพระบารมีพระพุทธ พระธรรม พระสงค์ มาโปรดดิฉัน ขอตัดกรรมจากเขา ตัดพันธะสัญญา ตัดเยื่อใยที่เคยมีกันมาทุกภพทุกชาติ และก็แผ่บุญกุศลให้เขาทุกครั้ง ไม่ว่าจะก่อนหน้านี้หรือเกิดเหตุการณ์นี้แล้ว

    ขอบพระคุณอีกครั้งค่ะ ดิฉันขอเก็บทุกข้อความนี้ไว้ตลอดไป

    ขออนุญาตคุณ Deep Blue แชร์ข้อความนี้นะคะ
     
  10. ดานัง

    ดานัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2013
    โพสต์:
    23
    ค่าพลัง:
    +110
    ดิฉันชอบอ่านทุกครั้งที่คุณ ddman ตอบกระทู้ คุณมีคำแนะนำที่โดนใจ เข้าใจง่ายและแสดงถึงความเมตตาอย่างมาก
     
  11. ดานัง

    ดานัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2013
    โพสต์:
    23
    ค่าพลัง:
    +110
    ดิฉันไม่ได้จดทะเบียนสมรสกับเขาค่ะ แต่เขารับรองบุตร เราอยู่ด้วยกันมา 26 ปี คบกันตั้งแต่เรียนมัธยม เขาไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่ เขาเองเป็นคนแนะนำให้ดิฉันเข้าหาธรรมะ เขาก็เป็นสมาชิกเวปนี้เหมือนกัน

    ดิฉันปลงได้แล้ว ปล่อยเขาไปค่ะ ตามที่เขาชอบ

    ขอชดใช้กรรมที่ทำกับเขามาแต่ปางก่อน
     
  12. markdee

    markdee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    745
    ค่าพลัง:
    +1,911
    ขอเป็นกำลังใจให้คุณดานังก้าวพ้นทุกข์นี้ไปโดยเร็วค่ะ
     
  13. Janthakorn

    Janthakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    18
    ค่าพลัง:
    +141
    ช่วงแรกคงเสียใจเป็นธรรมดา แต่เวลาจะช่วยคุณได้ ถ้าศึกษาธรรมะมาก็คงจะรู้คำสอนที่ว่าไม่มีอะไรเป็นของเราเลยในโลกสมมตินี้ อย่าจมอยู่กับความทุกข์นานนะคะ เวลาของทุกคนเหลือน้อยลงกันทุกวัน ไม่ใช่เหลือมากขึ้นนะคะ คิดอะไรให้ทุกข์น้อยๆ หรือไม่ทุกข์เลยจะเป็นการดี เอาเวลาที่เหลือน้อยลงทุกวันมาทำสิ่งดีๆ ดีกว่าค่ะ ปฎิบัติจิตค่ะ พูดง่ายแต่เหมือนทำยาก แต่ไม่น่าเกินความเป็นไปได้ เข้าใจธรรมะให้มากๆ จะนำพาคุณไปสู่ความหลุดพ้นค่ะ เป็นกำลังใจให้ต่อสู้นะคะ เคยผ่านความทุกข์คล้ายคลึงนี้มาเช่นกัน
     
  14. Drew610

    Drew610 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2012
    โพสต์:
    23
    ค่าพลัง:
    +190
    ผมขอเป็นกำลังใจให้พี่นะครับ ขอให้ความดีของพี่คุ้มครองและทำให้พี่หลุดพ้นจากความทุกข์ครั้งนี้ครับ
     
  15. ทะเล้น

    ทะเล้น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    69
    ค่าพลัง:
    +208
    ตถาคตตรัสไว้ว่า..คนเรามีความพรัดพรากเป็นที่สุด ไม่มีใครหลุดล่วงพ้นสิ่งนี้ไปได้ คุณควรยอมรับสัจธรรมในข้อนี้เสียให้ได้

    - ธรรมมะใดๆในเวลานี้คงยากที่จะถึงในจิตใจคุณ
    แต่ในขณะเดียวกันสิ่งที่คุณพานพบอยู่นี้เป็นกำไรชีวิตสำหรับคุณเสมอ

    - กำไรชีวิตอย่างไร..กำไรที่ว่าคือ คุณได้เห็นตามสัจธรรมแล้วว่า ไม่มีสิ่งใดเที่ยงแท้แน้นอน ทุกสิ่งมันมีความเสื่อมสูญสลายไปเป็นธรรมดา ไม่ด้วยสภาพแวดล้อมภายนอก ก็สภาพธรรมปรุงแต่งภายใน ไม่ก็ความตาย หรือ ไม่ก็ด้วยกาลเวลาอย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งเราไม่สามารถไปบังคับจับต้องยื้อยึดฉุดรั้งให้มันเป็นไปดั่งใจได้ เพราะไม่มีสิ่งใดที่เป็นเราไม่มีสิ่งใดเป็นของเรา การเข้าไปปารถนาในสิ่งที่ไม่ใช่เราไม่ใช่ของเรา ไม่เที่ยง ไม่มีตัวตน มันเป็นทุกข์
    - ดังนั้นละความปารถนาใคร่ได้ที่จะเสพย์ในอารมณ์ใดๆที่จะไปยึดมั่นถือมั่นในสิ่งที่ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรานี้ๆไปเสีย
    - ยิ่งปารถนามาก-ก็ทุกข์มาก ปารถนาน้อย-ก็ทุกข์น้อย
    - ให้ความสำคัญมั่นหมายไว้ในใจมาก-เราก็ปารถนามาก
    - ให้ความสำคัญมั่นหมายไว้ในใจน้อย-เราก็ปารถนาน้อย
    - ยึดมั่นถือมั่นในสุขที่เราเอาไปฝากขึ้นไว้กับเขามาก-เราก็สำคัญมั่นหมายเอาไว้ในใจมาก
    - ยึดมั่นถือมั่นในสุขที่เราเอาไปฝากขึ้นไว้กับเขาน้อยเราก็สำคัญมั่นหมายเอาไว้ในใจน้อย
    - มีความพอใจยินดีในเขามาก-เราก็ยึดถือมั่นในสุขที่เอาไปฝากไว้กับเขามากขึ้น
    - มีความพอใจยินดีในเขาน้อย-เราก็ยึดถือมั่นในสุขที่เอาไปฝากไว้กับเขาน้อยลง
    - เมื่อคุณไม่มีทั้ง ความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดีในเขา คุณก็จะมีเพียงความวางใจไว้กลางๆ ไม่หยิบจับเอาความพอใจยินดีและไม่พอใจยินดีมาเป็นที่ตั้งแห่งจิตจนเกิดทุกข์

    - แต่เรามักจะติดคำถามที่ขัดเคืองใจว่า..โลกนี้มีคนเป็นล้านๆคนทำไำมต้องเป็นเราที่เจอใช่ไหมครับ เราทำอะไรผิด ไม่เคยไปทำร้ายใคร ทำไมเราต้องเจอ เมื่อเกิดความคิดขึ้นอย่างนี้ ให้คุณลองคิดทวนกระแสว่า..เขาจากไปวันนี้บางครั้งอาจจะดีกว่าที่เ้ขาอยู่กับเราแล้วค่อยๆกระทำทางกาย วาจา ใจ ที่กัดกินเราไปทีละนิดจนตาย บางครั้งเจ็บหนักครั้งเดียวแต่ทำให้เราๆได้เรียนรู้สภาพชีวิตของคำว่าปุถุชนมากขึ้น ได้เห็นสัจธรรมที่พระพุทธเจ้าตรัสสอน แต่บางครั้งใจเราก็มักจะคิดว่าขอแค่เขาอยู่กับเราอะไรก็ยอม ซึ่งความร้สึกนี้มันคงได้เพียงในช่วงเวลานั้น พอเอาจริงๆเข้ามันก็รับไม่ไหว

    - ขณะเวลานี้ให้คุณพึงกระทำใจไว้ อดใจไว้ ด้วยเจตนาที่ตั้งมันที่จะกระทำเพื่อปาฏิหาริย์ตัวน้อยๆที่อยู่ข้างๆคุณแล้วมองดูลูก ลูกนี่ขาดคุณได้ไหม เมื่อเขาเสียพ่อไปแล้วเราในฐานะของคนที่เป็นแม่ควรจะกัดฟัน ระลึกรู้ว่าความเศร้าหมองใจนี้เราควรอดใจไว้ อดโทษไว้แก่สามี เราควรละความขุ่นมัวขัดเคืองใจไรๆไปเสีย แล้วใช้เวลาที่เราเศร้าหมองใจ โศรกเศร้า ร่ำไรรำพันนั้นให้กับลูก เด็กนั้นไม่มีความผิดไรๆ ในขณะที่คุณและสามีให้เขาเกิดมาก็เพราะความรัก ดังนั้นสิ่งที่ยังคงเป็นความรักอันอบอุ่นนั้นก็คือลูกที่คุณควรจะมุ่งหน้าเพื่อเขา ในโลกนี้ไม่ใช่คุณเพียงผู้เดียวที่พบเจอ มีคนอีกมากมายหลายร้อย หลายพัน หลายล้านคน ดูได้ตาม Link นี้เป็นต้น นี่แค่ส่วนหนึ่งเท่านั้นนะครับ http://www.carefor.org/ คุณจึงควรเข้มแข็งไว้หากทำได้อย่างนี้ คิดได้อย่างนี้ คุณก็จะทุกข์น้อยลงไปอีกส่วนหนึ่ง
    - ขณะเวลานี้ให้คุณพึงกระทำในใจไว้แล้วหวนระลึกในความทรงจำใดๆที่ผ่านมาที่เขาเคยทำดีกับคุณ แม้คุณพลาดพลั้งผิดพลั้งเขาก็ยังให้อภัยและร่วมสู้กับคุณมา หวนระลึกถึงสิ่งที่ดีงามเป็นกุศลที่เคยทำร่วมกันมา ระลึกถึงสิ่งที่ดีมีสุขที่เขาเคยทำให้เรามา เมื่อคุณระลึกอยู่อย่างนี้จิตใจคุณจะทุเลาเพลาจากความเศร้าหมองใจ เกิดความผ่องใสในจิตมากขึ้น
    - เมื่อมีความผ่องใสในจิตแล้วให้คุณพึงระลึกถึงว่าการที่เราไปจับนกสักตัวมาขังกรงไว้เพื่อให้อยู่กับเรา ทั้งๆที่นกตัวนั้นไม่ใช่ของเรา ไม่พึงพอใจที่จะอยู่กับกับเรามันอยากจะไปอยู่ในที่ๆมันชอบมันต้องการ ในป่าในเขาในที่ที่มันควรอยู่ แม้ขังมันไว้ต่อไปมันก็ไม่มีความสุขที่จะอยู่กับเราอาจจะตรอมใจหรือเกิดสภาวะดุร้ายกับเราและคนในครอบครัวได้ ดังนั้นควรปล่อยมันไปในที่ๆมันควรอยู่เสีย หากมันรู้ว่ามันควรอยู่ข้างเรามันก็คงจะบินมาหาและอยู่กับเราเอง นกตัวนั้นมันก็ทนทุกข์มานานแล้ว ทุกข์ที่เกิดจากความขุ่นมัวขัดเคืองใจที่เรากักขังมันไว้กับเรา เราปล่อยมันไปเสียถือเสียว่าเป็นอภัยทานปล่อยนกปล่อยปลาไปให้มันได้รับอิสระสุขนี้
    - มองย้อนกลับมาว่าสามีคุณก็เป็นดั่งนกตัวนั้น ให้คุณเจริญใจขึ้น ปารถนาให้เขาเป็นสุข ปารถนาให้เขาพ้นจากทุกข์ด้วยความอนุเคราะห์แบ่งปันเกิดเป็นความสละให้ ให้เขาไปมีความสุขตามที่เขาต้องการเสีย เรายืมเขามาใช้ได้ระยะหนึ่งแล้วควรปล่อยเขาไปในที่ๆเขาควรอยู่ควรเป็น แม้การกระทำนี้ๆของเขามันจะทำร้ายเบียดเบียนเรา ถือเป็นการสละให้ที่เรียกว่าทานถึงอภัยทานอัประเสริฐ ก็ให้เราพึงตั้งจิตระลึกว่า

    ** เริ่มต้นให้แผ่เมตตาให้ตนเองก่อนนะครับ โดยเจริญจิตตั้งมั่นระลึกให้ตนเองนั้นมีสภาพกาย-วาจา-ใจ ดังนี้คือ
    - เราจักเป็นผู้มีปกติจิตเป็นกุศล คิด พูด ทำแต่สิ่งที่ดีงามไม่เบียดเบียนทำร้ายผู้อื่น มีปกติจิตผ่องใส เบิกบาน เป็นสุข
    - เราจักเป็นผู้มีความสงบรำงับปราศจาก กาม ราคะ โมหะ พยาบาท อยู่เป็นปกติจิต
    - เราจักเป็นผู้ไม่ผูกจองเวรใคร
    - เราจักเป็นผู้ไม่เบียดเบียนพยาบาททำร้ายใคร
    - เราจักเป็นผู้ไม่มีความขุ่นเคือง-ขัดข้อง-มัวหมองใจ
    - เราจักเป็นผู้ไม่มีความคับแค้น-อึดอัด-อัดอั้น-เดือดร้อน-ร้อนรนใจ
    (ให้พึงหวนรำลึกถึงช่วงเวลาที่เรานั้นผูกเวรจองเวรพยายาทใคร เรานั้นจะคอยแต่คิดจะหาเรื่องทำร้ายเขา ทะยานอยากต้องการจะทำอย่างนั้นอย่างนี้ให้เขา ต้องให้ให้เขาประสบพบเจอสิ่งร้ายๆเรื่องร้ายๆอย่างนี้ๆ พอใจยินดีที่จะทำให้เข้าเจ็บปวดทุกข์ทรมานกาย-ใจอย่างนี้ ขณะที่เรา คิด พูด ทำ อย่างนั้นเรามีแต่ความร้อนรุ่มใจ ร้อนรนกระวนกระวายใจ คับแค้นกาย-ใจอยู่อย่างนั้นไม่เป็นปกติสุขเลย มันทุกข์ทรมานกายใจมากใช่ไหม เราจะดับทุกข์นี้ได้ก็ด้วยการที่เรานั้นไม่เป็นผู้ผูกเวรใคร ไม่พยาบามเบียดเบียนทำร้ายใคร)
    - เราจักเป็นผู้มีความปกติสุขยินดีมีสติอยู่เสมอ มีความสงบ-ผ่องใสทั้งกายและใจ มีจิตตั้งมั่นควรแก่งาน ปราศจากทุกภัยใดๆที่ทำให้หมองมัวใจ-เศร้าหมองใจ-คับแค้นกสยและใจ ปราศจากติดใจใคร่ตามเพลิดเพลินยินดีในอกุศลธรรมใดๆ
    - เราจักเป็นผู้มีความปกติสุขยินดีมีสติอยู่เสมอ มีจิตสงบ-ผ่องใสทั้งหายและใจ เป็นผู้มีความคิดดี-พูดดี-ทำดีเป็นกุศล ไม่คิด-พูด-ทำในสิ่งใดๆที่เป็นการเบียดเบียนทำร้ายใคร
    - เราจักเป็นผู้มีสติอยู่เสมอจิตปารถนาดี-มีความเอื้อเฟื้อ-อนุเคราะห์-รู้จักสละให้-แบ่งปันสิ่งดีๆที่เป็นสุขให้แก่ผู้อื่นด้วยความยินดี มีจิตปกติสุขยินดีเมื่อเห็นผู้อื่นเป็นสุขได้พ้นจากทุกข์ เป็นผู้มีจิตรู้จักอดโทษ-ละโทษ-ปล่อยวางโทษ จนถึงความสงบผ่องใสมีใจวางไว้กลางๆ

    3. การแผ่เมตตาให้แก่บุคคลผู้ทำให้เราต้องความผิดหวัง เจ็บช้ำ ทุกข์ทน อัดอั้น คับแค้น ทรมานไปทั้งกายและใจ ทำให้เราต้องโศรกเศร้า เสียใจ หรือ เมื่อเราอยู่ด้วยแล้วไม่มีความสุข ไม่มีความยินดีเลย เกลียด กลัว เช่น ถูกแฟนทิ้ง ถูกเขาหลอก ถูกเขาด่า ถูกเขานินทา ถูกทำร้าย

    3.1 กรณีที่ประสบกับความพรัดพราก เช่น ผิดหวัง-ไม่สมหวังในรัก เลิกรา-ร้างลากับคนที่รัก ถูกแฟนทิ้ง ซึ่งทำให้เราได้รับความผิดหวัง ช้ำใจ โศรกเศร้าเสียใจ เป็นต้น
    3.1.1 เวลาที่เราจะแผ่เมตตาจิตให้แก่บุคคลที่ทำให้เราต้องประสบพบเจอกับสภาพความรู้สึกเช่นนี้ เราต้องพึงพิจารณาทบทวนให้เห็นถึง ข้อดี-ข้อเสีย และ ผลได้-ผลเสีย ความรู้สึก-นึกคิด ต่างๆ จากการที่เรานั้นได้ประสบพบเจอในความไม่สมหวังปารถนา และ ความพรัดพรากที่เป็นอยู่ในตอนนี้ แล้วเราก็จะมองเห็นว่า
    - หากเรามีจิตที่คิด อาลัย อาวรณ์ เสียดาย ร้องไห้ เสียใจ ต้องการอยากจะได้กลับคืน หรือ หวนเวลากลับคืน หรือ ขอให้มันย้อนกลับจะขอแก้ไขส่วนใดๆที่ขาดตกไปด้วยความใคร่ครวญ สภาพความรู้สึกของจิตใจเรานั้นจะ เศร้าหมอง ขุ่นมัว อัดอั้น คับแค้น กรีด หวีด หวิวทั้งกายและใจ โศรกเศร้า ร่ำไร รำพัน จิตใจสั่นเครือ จิตใจอ่อนล้า จิตใจไร้แรงกำลัง ลมหายใจระรัว แผ่วเบาบ้าง ถี่ติดขัดบ้าง ไม่เป็นปกติสุข
    - หากเรามีจิตที่คิด ผูกเวร จองเวร พยาบาท อาฆาตแค้น สภาพความรู้สึกของจิตใจเรานั้นจะ ขุ่นข้อง ขัดเคือง มัวหมอง อัดอั้น คับแค้นกายและใจ ถี่ติดขัดบ้าง ไม่เป็นปกติสุข มีแต่ทุกข์ เพราะจิตใจและความตรึกนึกคิดของเรานั้นจะคอยคิดเคียดแค้น อยากแก้แค้นจะเอาคืน จนร้อนรุ่มไปทั้งกายและใจ จิตใจเดือดดานอยู่ไม่เป็นปกติสุข ฟุ้งซ่าน ทุรนทุราย เพราะคอยคิดที่จะหาทาง อาฆาต ทำร้าย เบียดเบียนบุคคลนั้นให้มันเป็นไปตามความทะยานอยากตน
    - สิ่งทั้งหลายที่ผมกล่าวมานี้เกิดขึ้นและเป็นจริงใช่ไหมครับ เมื่อเกิดความ อาลัย-อาวรณ์ และ ผูกจองเวร-พยาบาท
    - ดังนั้นเราต้องวางใจออกจากทั้ง 2 สิ่งนี้ให้ได้ เพื่อให้สภาพร้ายๆนี้ลดลงและหดหายไป โดยเรียนรู้และยอมรับในสัจธรรมที่ว่า ไม่มีสิ่งใดที่จะสมหวังปารถนาใคร่ได้ดั่งใจเราหมดทุกอย่าง คนเรามีความพรัดพรากเป็นที่สุดไม่ด้วยเหตุใดก็เหตุหนึ่ง ซึ่งต่อให้ทำยังไงทุกสิ่งทุกอย่างก็ไม่อาจหวนย้อนวันเวลากลับคืนไปได้ ทำได้ในตอนนี้คือการอยู่กับตนเอง รู้ตนเอง ทำสภาพจิตให้สงบ ผ่องใส จนเป็นปกติสุข
    - พึงเจริญจิตหวนรำลึกถึงสิ่งที่ดีงามที่ได้ทำให้เรานั้นเป็นสุขกายและใจ พึงหวนรำลึกถึงสิ่งที่ดีงามใดๆที่เขาทำให้เรานั้นเป็นสุขทั้งกาย-ใจ พึงหวนรำลึกถึงสิ่งที่ดีที่เป็นสุขเป็นกุศลใดๆที่เรานั้นเคยทำร่วมกันมา ให้พึงระลึกถึงความดีงามหรือกุศลกรรมใดๆที่เขาเคยมีให้แก่เรา พึงระลึกถึงกุศลกรรมนั้นมาตั้งเป็นอารมณ์แห่งจิต แล้วพึงระลึกถึงแต่ความดีของเขาหรือสิ่งดีๆที่เขาได้ทำให้เราเป็นสุขใจ มันจะทำให้จิตใจของเราแจ่มใส เบิกบาน มีความอิ่มเอม สงบและเป็นสุข แล้วความร้อนรุ่มใจใดๆจะลดน้อยลง แล้วจิตเราก็จะแลดูรู้เห็นว่าสิ่งนี้ๆเราควรละมันไปเสีย สิ่งนี้เราๆควรปล่อยมันไปเสีย สิ่งนี้ๆเราควรอดใจไว้เสีย สิ่งนี้ๆเราควรอดโทษไว้เสีย สิ่งนี้ๆเราควรวางมันไปเสีย มีจิตรู้ว่าเราควรอดใจละมันไว้ไม่ควรติดข้องใจใดๆในสิ่งนั้นเพราะมันหาประโยชน์ใดๆไม่ได้นอกจากทุกข์ แล้วจะเข้าถึงความดับไปแห่งความโกรธอันร้อนรุ่มใจนั้นๆ
    - เมื่อจิตใจเราผ่อนคลายลง ผ่องใสขึ้น สงบขึ้น และ มีใจที่อดไว้ซึ่งโทษนั้นๆแก่เขา ให้พึงตรึกนึกว่า เขานั้นคงได้รับความทุกข์ทน ทรมาน คับแค้นใจ อัดอั้นใจ ฝืดเคือง ขัดข้องใจ ไม่มีความสงบสุขใดๆแก่ใจเขาเลย ซึ่งความสุขใดๆที่ขาดหายตกหล่นไปจากใจเขานั้นเราไม่สามารถให้ได้
    - เหมือนดั่งเวลามีคนที่เราไม่ได้รัก ไม่ชอบใจ ไม่พอใจยินดี รำคาญ หรือ บุคคลใดที่คอยแต่ทำร้ายเราทั้งกายและใจเข้ามาอยู่เคียงข้างชิดใกล้กับเรา เราย่อมรู้สึกอึดอัดใจ ทุกข์ทน ทรมาน คับแค้นใจ ไม่สบายกาย ไม่สบายใจ อยากจะหนีหรือผลักไสให้พ้นไปไกลๆจากเราใช่มั้ยครับ ลองเอาใจเขามายกใส่ใจเราในความรู้สึกเช่นนี้ๆก็คงไม่ต่างกัน
    - ให้คิดเสียว่าหากเขาอยู่กับเรามันอาจจะไม่ดี หรือ ไม่เพียงพอที่จะทำให้เขามีความสุขทั้งกายและใจ หากแม้เขาอยู่กับเราต่อไปก็รังแต่ทำให้เขาเกิดความคับแค้น อัดอั้น ลำบาก ทุกข์กายและใจ สิ่งที่พอจะทำให้ได้ในตอนนี้คือการมีจิต เมตตา กรุณา ทาน และ มุทิตา ให้แก่เขาได้ ภายภาคหน้าเมื่อพานพบเจอกันจะได้ไม่ต้องอยู่กันแบบคับแค้นใจอีก
    - เหมือนพ่อ-แม่ที่อยากให้ลูกตั้งใจเรียน ไม่เกเร ขยันทำงาน กตัญญู รู้คุณ เป็นเด็กดีอยู่ในโอวาท ต้องการอยากให้ลูกนั้นเรียนตามที่ตนเองพอใจต้องการเป็นต้น แต่ทว่าก็ไม่สามารถบังคับให้ลูกนั้นกระทำ หรือ เป็นไปดั่งใจที่ต้องการได้ ลูกก็ย่อมทะยานออกไปหาสิ่งที่ลูกนั้นปารถนาใคร่ได้ พอใจยินดี โดยที่พ่อ-แม่ห้ามไม่ได้ ถึงแม้เสียใจไปลูกก็คงไม่เข้าใจ เห็นใจ หรือ มองย้อนกลับมาดู และ ทำตามที่พ่อแม่ขอร้องต้องการได้ ที่พ่อ-แม่ทำได้นั้นก็เพียงแค่คอยดู และ ตักเตือนให้แง่คิดแนะนำ ประครองให้ลูกไม่พลาดพลั้งอยู่ห่างๆ ด้วยหวังให้ลูกนั้นได้รับสุขจากการกระทำต่างๆ
    3.1.2 ให้ตั้งเจริญอยู่ในจิตที่ปารถนาให้เขานั้นได้พ้นจากทุกข์ประสบสุข และ ได้รับความสุขยินดีกับเส้นทาง หรือ สิ่งที่เขาเลือกแล้วนั้น เหมือนที่พ่อ-แม่ หรือ ผู้มีความอุปการะคุณนั้นมีให้แก่เรา
    3.1.3 ให้ตั้งเจริญอยู่ในจิตที่มีความสงสารด้วยความปารถนาให้เขาเป็นสุขมีจิตเอื้อเฟื้อ อนุเคราะห์ แบ่งปัน จากบุญใดๆที่เราได้เจริญ ได้กระทำ ได้ปฏิบัติดี ได้ปฏิบัติชอบมา ทั้ง กาย วาจา และ ใจ ได้แผ่ไพศาลถึงแก่เขาให้เขาได้รับสุขจากสิ่งที่เราได้ให้มอบเขานี้ ให้เขาได้พานพบได้อยู่กับสิ่งที่เขาต้องการ
    3.1.4 ปล่อยให้เขาไปเป็น "อภัยทาน" อันประเสริฐแก่เขา เว้นเสียซึ่งโทษ อดโทษ และ ความเบียดเบียน พยาบาทแก่เขา เพื่อให้เขาได้มีอิสระสุขตามที่ต้องการ การที่เราปล่อยให้เขาจากไปนั้นมันอาจจะเป็นหนทางที่เป็นประโยชน์สุขให้กับเขา เขาอาจจะมีความสุข สบายยินดีมากกว่าที่อยู่กับเรา ความคับแค้น อัดอั้น เสียใจนั้นๆจะได้ไม่เกิดกับเขาอีกต่อไป เมื่อเขาได้เลือกที่จะไปแล้วก็ขอให้เขาอย่าพบเจอกับความโศรกเศร้า เสียใจ หรือ คับแค้นกายและใจอีกเลย ขอให้เขาได้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีงาม เป็นผู้ไม่ผูกจองเวรใคร เป็นผู้ไม่พยาบาทเบียดเบียนใครและปราศจากผู้ที่จะมาผูกเวรพยาบาทในเขา ขอให้เขาเป็นผู้มีปกติสุขยินดี มีจิตใจผ่องใสไม่เศร้ามัวใจ ไม่หมองมัวใจ ไม่ขุ่นมัวขัดเคืองใจ ปราศจากทุกข์ภัย-ขอให้โรคภัยทั้งหลายอย่าได้มากล้ำกลาย และได้หลุดพ้นจากทุกข์ทางกายและใจทั้งหลาย

    ดูเพิ่มเติมได้ที่นี่ครับ http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=8226.msg30508#msg30508

    ให้เจริญเป็นประจำนะครับ ประมาณ 15 วัน แล้วลองดูว่าจิตใจเราเป็นอย่างไรบ้าง แล้วอาจจะมาตั้งกระทู้ปรึกษากันต่อเพิ่มเติมได้ครับ ผู้รู้ ที่นี่ทุกท่านยินดีช่วยเหลือครับ หากคุณทำได้ดั่งแนวทางนี้ผมเชื่อว่าจะมีคุณประโยชน์สุขแก่คุณและลูกเป็นอันมาก เรียกว่าเป็นแม่ที่ประเสริฐที่ผมพร้อมจะเคารพกราบไหว้ เป็นบุคคลที่เทวดาและมนุษย์ควรเคารพนับถือครับ บางครั้งคุณอาจจะมองว่าสิ่งนี้ๆไม่เกิดกับใครเขาไม่รู้หรอกแต่ผมนั้นก้าวข้ามสิ่งนี้มานานมากแล้วตามสิ่งที่ผมเจริญปฏิบัติก้าวข้ามมาได้ผมได้บอกแก่คุณแล้วนะครับ อยู่ที่คุณจะทำหรือไม่ และ มีความเพียรกระทำไหม วันนึงเมื่อคุณก้าวข้ามไปสิ่งนี้แหละจะเป้นแนวทางอันประเสริฐไว้สอนลูกให้ลูกได้ใช้แก้ปัญหาที่ถูกต้องดีงาม
    ผมรู้ธรรมน้อย ปฏิบัติน้อย คงจะบอกกล่าวได้เท่านี้น่ะครับ หวังว่าจะเป็นประโยชน์แก่ท่านเจ้าของกระทู้บ้างนะครับ ขอให้เห็นธรรมโดยไวเพื่อสลัดจากกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้นะครับ สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 11 ตุลาคม 2013
  16. ดานัง

    ดานัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2013
    โพสต์:
    23
    ค่าพลัง:
    +110
    ขอบพระคุณค่ะ สำหรับคำแนะนำ ดิฉันจะนำไปปฏิบัตินะคะ

    แต่ตอนนี้สภาพจิตใจก็ดีขึ้นมาก ดำเนินชีวิตเป็นปกติกับลูกที่น่ารัก คนรอบข้างไม่มีใครรู้ว่าดิฉันเจอเหตุการณ์อะไร สามีหายไปไหน

    ดิฉันขอพรพระทุกคืน เพื่อตัดกรรมจากเขา ตัดพันธะสัญญาเยื่อใย ขอยกเลิกคำสาบาน ที่อาจเคยประมาณพลาดพลั่งทำกับเขามา แต่ชาติก่อนก็ดี ชาตินี้ก็ดี และก็ส่งบุญกุศลให้เขากับเมียใหม่ ขออโหสิกรรมจากเขาทั้ง 2 เพราะเราอาจเคยกระทำกับเขามา เราจึงมีสภาพเช่นนี้ ความน้อยใจยังมีอยู่บ้างบางเวลา แต่ไม่โกรธเกลียดเขาทั้ง 2 แล้ว ทำบุญนั่งสมาธิก็นึกถึงเขาทั้ง 2 เสมอ

    เขาก็ยังโทรหาลูกประจำ แต่ไม่กล้าคุยกับดิฉัน ดิฉันก็ไม่คุยกับเขาเหมือนกัน เราไม่เคยติดตามติดต่อเขาเลยตั้งแต่เขาจากเราไปอย่างเงียบเชียบ มีแต่เขาติดต่อเข้ามาเอง เขาส่ง line มาขอโทษ บอกว่าที่เขาส่งทะเบียนสมรสมาให้ดูเพราะไม่อยากโกหกเรา

    แต่ก่อนดิฉันไม่เคยเล่น line กับเพื่อน ๆ พอเขารู้ว่าเล่น เขาก็ขอร้องให้เลิก ประมาณว่ากลัวจะมีคนใหม่ ก็เลยบอกเขาว่า ทำใจเถอะเราอยู่ส่วนเราเขาอยู่ส่วนเขา ดูแลคนของเขาไปเถอะ อย่าคิดว่าใคร ๆ อยากจะไปเดินในนรกเหมือนกันซิ เขาก็โกรธที่ไม่เชื่อเขา

    ในใจลึก ๆ แล้ว ยังมีเยื่อใยบาง ๆ อยู่ แต่ทุกข์เพราะเขาน้อยลง สงบมากขึ้น อีกไม่นานแผลมันก็จะหายไปเอง โดยระยะเวลา
     
  17. makigochan

    makigochan ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    6,247
    ค่าพลัง:
    +68,038
    สภาพจิตใจคุณดานังดีขึ้นแล้ว นับว่าคุณดานังมีความสงบ มีความนิ่งในใจแล้วค่ะ

    คุณเริ่มมองเห็นสิ่งที่ไม่เที่ยง และยังไม่คิดแค้นเขาสองคนนั้น

    นับว่า เป็นผลดีกับตัวคุณ และจิตใจคุณอย่างมากค่ะ

    เพราะกรณีเช่นนี้ ส่วนใหญ่ก็มีสองทางเลือกคือ โกรธแค้น ไม่สิ้นสุด

    ตัวเราก็จะมีจิตใจไม่สงบไปตลอด แม้จะไม่อยู่ด้วยกันเราก็แค้นอยู่

    และอีกทางคือ ไม่โกรธแค้น ดังเช่นที่คุณดานังทำอยุ่นี้ นับว่ามาถูกทางแล้วค่ะ

    ขอเป็นกำลังใจให้ พบแต่สิ่งดีๆ เราต้องเดินไปข้างหน้า

    เพื่ออนาคตที่สดใส ทั้งของคุณและลูกที่คุณรักค่ะ
     
  18. สีลสิกขา

    สีลสิกขา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    1,271
    ค่าพลัง:
    +7,137
    หลักกรรม เป็นกฏเกณฑ์ที่ให้ผลได้แยบยลทั้งในปัจจุบันและอนาคต ปัญหาบางอย่างที่แก้ไม่ตก ที่สลัดไม่ออก ที่ไม่มีทางจะหลบลี้หนีได้ เป็นสิ่งที่เราต้องแบกรับด้วยชีวิต ดีเป็นอย่างยิ่งที่ท่าน จขกท พิจารณาความจริงย้อนหลัง และยอมรับเหตุการณ์นั้นได้ สิ่งหนึ่งที่ควรคิดคือ เรื่องผลกรรมที่เกิดขึ้นจากกรรมในอดีตที่เราไม่ได้ทำให้เป็น "อโหสิกรรม" คือไม่ยอมให้อภัยในภพชาติที่แล้วและวันนี้สิ่งที่เกิดกับเราจึงเป็นสิ่งสมควร สมเหตุสมผล สิ่งสำคัญอีกเรื่องคือเรื่อง ความคิด เพราะความคิดเป็นสิ่งที่ทรงพลังมาก สุขหรือทุกข์ของมนุษย์อยู่ที่วิธีคิด คิดเป็นก็พ้นทุกข์เช่นที่เป็นนั่นหละค่ะ..

    อภัยทาน เป็นทานบารมีที่สูงส่ง การให้อภัย จะทำให้เราสามารถยุติปัญหาต่างๆ ได้ ใจเราก็เบา เพราะหมดห่วง หมดทุกข์ หมดสนิมที่จะมากัดใจให้ผุกร่อน และการให้อภัย คือการแสดงกำลังใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุด แม้จะเป็นเรื่องดีที่ทำได้ยาก ก็ควรทำเพื่อยุติผลกรรมข้ามภพข้ามชาติค่ะ หากทำได้บ่อยๆ ก็จะถือเป็นเรื่องที่ทำง่ายค่ะ ฝึกเสมอๆ ไม่ว่าจะเกิดปัญหาอะไรกับเรา ขอให้เราฝึกให้อภัยทุกวัน ทำเหมือนที่เราแผ่เมตตาให้สรรพสัตว์ ทำทุกครั้ง ทุกวินาที ทำเหมือนกรวดน้ำหลังทำบุญ เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้สรรพสัตว์น้อยใหญ่ เมื่อเราสร้างอภัยทาน เป็นปกติแล้วเศษกรรมต่างๆ แทนที่จะติดตามเราไปข้ามภพข้ามชาติ ก็จะถูกสลัดออกคือตามไปไม่ได้ เพราะมิได้เป็นกรรมอีกต่อไป หากแต่เป็นแต่เพียงกิริยาที่แสดงออก เพราะเราให้อภัยไปเสียแล้ว เมื่อเราให้อภัยเสียแล้ว
    ใครๆ ที่ผูกอาฆาตพยาบาทเราไว้ แรงพยาบาทของเขา ก็จะหมดโอกาสติดตามเรา เพราะกรรมนั้นหมดแรงส่ง เนื่องจากเราได้ "อโหสิ" เสียแล้ว..

    ขอพระสัทธรรมดำรงค์อยู่ในใจทุกท่านนะคะ..^^
     
  19. sad boy

    sad boy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2010
    โพสต์:
    230
    ค่าพลัง:
    +454
    หลวงพ่อไม่ได้ช่วยอะไรเลยครับ ขอใหห้กําลังใจ อยู่กับธรรมะเยอะเยอะนะครับ
     
  20. sasin_wp

    sasin_wp สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 พฤศจิกายน 2013
    โพสต์:
    88
    ค่าพลัง:
    +23
    เหมือนกับชีวิตของเราเลยนะ เหมือนกันมาก เราอยู่กินกันโดยไม่ได้แต่งงาน เราเคยอภัยให้แล้ว 2 ครั้งในชีวิต ทั้งที่เราไม่ผิด แต่ที่ผิดเพราะเราไม่ได้ขออนุญาต จากพ่อแม่เรา เราเลือกเองเราก็ต้องรับผิดชอบชีวิตเอง อยู่ด้วยกันมันก็ไม่มีความสุข หรอกนะ เพราะเค้าเป็นคนที่เล่นการพนัน เงินเดือนไม่เคยให้ กินเหล้าเป็นอาจิณ อยู่กันมา เกือบ 30 ปี ยังไม่เคยไปที่ทำงานของเค้า ไม่เคยออกงานสังคมจากสังคมของเค้า ไม่เคยไปที่อยู่อาศัยซึ่งเป็นแฟลตทหาร กลับมาบ้านเฉพาะเสาร์อาทิตย์ วันที่เราคลอดลูกก็ไม่อยู่พาเราและลุกกับจากโรงพยาบาล ไม่ลา เราต้องให้รถจากหน่วยงานที่เราทำมารับเรากลับบ้าน ค่าใช้จ่ายไม่เคยได้ หลังจากนั้นไม่นาน เราต้องกลับไปทำงาน ต้องจ้างคนเลี้ยง เค้าก็จ่ายเฉพาะค่าจ้าง ค่ารักษา ค่าใช้จ่ายทุกอย่างไม่จ่ายเราเป็นคนจ่ายเองคนเดียว จนตอนนี้ลูกอายุ 16 ปี ถึงมารู้ว่าเค้าไปจดทะเบียนกับคนอื่น
    เราเลยบอกเลิก ไม่อยู่ด้วย แต่ก็ยังตามรังควาน ตอนนี้เราให้มาหาลูกได้แค่เดือนละครั้ง
    แต่กำลังพยายามที่จะให้มาได้เฉพาะกลางวัน เค้าชอบมากลางคืนและกลับเช้า เราก็อยู่แต่ในห้อง ไม่ออกมาจนเค้ากลับไปเป็นเวลา 2 ปีแล้ว เรากำลังตัดสินใจ เค้าเอาเรื่องเงินมาขู่ว่าจะไม่ส่งเสียลูกอีก เป็นผู้ชายที่เห็นแก่ตัวมากมาย เรากลัวอันตรายจะมาตกกับลูกทั้งสอง ไม่รู้จะทำยังไงดี ทุกข์นะ ทุกข์มากด้วย แต่ก็ต้องไม่ให้ลูกเห็นแม่ทุกข์ พยายามเลี้ยงเค้าให้เป็นคนดี สอนทุกอย่าง แต่นะเวลานี้เราก็มืดไปหมด แต่ถามว่าโกรธมั้ย เมื่อก่อนอ่ะใช่ แต่ตอนนี้ไม่ได้โกรธ แต่ไม่อยากเจออีก เพราะมันจะทำให้เราโกรธ และโมโห กับกิริยา และวาจาาของเค้า ทุกวันนี้พยายาม สวดมนต์ ไหว้พระ ทำบุญ ทำทาน ไปเรื่อยๆ แต่ก็อยากรู้เมื่อไหร่จะหมดปัญหานี้ไปสักที มันเหนื่อยมาก ไหนจะต้องหาเงินเลี้ยงลูก หนี้สินก็มี ไหนจะต้องหนีคนแบบนี้ ลูกก็จะเข้ามหาวิทยาลัยในปีหน้าแล้ว ต้องเตรียมทุกอย่าง เริ่มท้อนะ แต่มันทำไม่ได้ ยังมีอีก 2 ชีวิตที่ต้องดูแล ก็คงทำเท่าที่จะทำได้ เราขอเป็นกำลังใจให้นะ ชีวิตก็คือชีวิต
     

แชร์หน้านี้

Loading...