ตะลึง นักวิทยาศาสตร์ไขปริศนา"สามเหลี่ยมผีสิง"เบอร์มิวด้า"ได้แล้ว

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย สันโดษ, 10 สิงหาคม 2010.

  1. ๖T8๙

    ๖T8๙ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    251
    ค่าพลัง:
    +302
    เดากันเข้าไป.. ไม่แตกต่าง!!
     
  2. nutt2522

    nutt2522 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    106
    ค่าพลัง:
    +70
    ไหน ใครนั่งทางในดูได้ ไปดูให้หน่อยสิ ว่ามันมีอะไรที่นั่นรึเปล่า
     
  3. a-pin-ya

    a-pin-ya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    314
    ค่าพลัง:
    +672
    ในบางกรณี อาจเป็นตาม ที่นักวิทยาศาสตร์ว่า
    แต่ในบางกรณี ที่เกิดขึ้น มันนอกเหนือไปกว่านี้
     
  4. sassyblue

    sassyblue Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    57
    ค่าพลัง:
    +52
    [[

    อันที่จิงการเขียนหัวเรื่องต้องพิจารณาให้ดี ทุกสิ่งที่นักวิทยาศาสตร์คิดมันเป็นเพียงสันนิษฐาน ไม่ใช้เรื่องที่จะสรุปได้ว่าเป็นจริง หากเราพูดว่า ไขปริศนาได้แล้ว จะเกิดความเข้าใจผิด เรื่องพวกนั้นมันเป็นสันนิษฐาน ความเป็นจริงอาจไม่ใช้
    เชื่อว่าอีก400ปีนู้นแหละถึงไขปริษนาสามเหลี่ยมเบอมิวด้าได้ ไม่ก่อเร็วกว่านั้น ปัจจุบันมีพระที่มีอภิญญาหยั่งรู้มากมายที่ บอกทฤษฎีของเรื่องนี้ ซึ่งไม่ตรงกับนัก:cool::cool:วิทยาศสตร์คิด ความรู้ที่เกิดจากฌาน เป็นจริง กว่าความรู้ที่เกิดจากความคิ
     
  5. thanyapim

    thanyapim สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2010
    โพสต์:
    4
    ค่าพลัง:
    +14
    เคยอ่านเรื่องนี้เหมือนกันค่ะกับหนังสือต่วยตูน และประหลาดใจมากอยู่เหมือนกัน เป็นสิ่งที่น่าสงสัยและหาคำตอบที่ชัดเจนได้ยาก คิดว่าก็คงจะเป็นปรฺิศนาให้คนสงสัย งงงวยไปอีกนานหมือนกัน ส่วนตัวแล้วคิดว่าอเมริกาจะรู้เรื่องดีเป็นที่สุดค่ะ อยู่ที่ว่าพวกเขาอยากจะเปิดเผยให้โลก หรือผู้คนได้รับรู้ว่าเป็นอย่างไรเท่านั้นเอง
    ;aa19
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 กันยายน 2010
  6. เด็กสร้างบ้าน

    เด็กสร้างบ้าน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,195
    ค่าพลัง:
    +538
    อาจเป็นบางส่วนของข้อสงสัยก็เป็นได้ครับ
     
  7. Jjfreeman

    Jjfreeman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กันยายน 2010
    โพสต์:
    101
    ค่าพลัง:
    +130
    ...มันที่ปล่อยของเสียมั้ง ก็เห็นบอกว่ามีโลกใต้ดินเป็นที่อยู่ของมนุษย์อีเผ่าพันธ์หนึ่ง และก๊าซนั่น เป็นก๊าซมีเทนไม่ใช่เหรอ ผิดถูกอย่าว่ากันนะครับ (ขออภัยด้วย)
     
  8. big beet

    big beet Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    45
    ค่าพลัง:
    +39
    ผมว่าน่าจะเป็นไปได้เพราะในมหาสมุทรเรามีพื้นที่ 2 ใน 3 ของโลกแล้วนักสำรวจก็ยังสำรวจไม่หมดเลย
     
  9. มหาเศรษฐีชัมภล

    มหาเศรษฐีชัมภล สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2006
    โพสต์:
    18
    ค่าพลัง:
    +17
    มั่วมากๆค่รับข้อมูลนี้ ไม่ใช่ก๊าซแน่นอนครับ ผมทำงานเป็นวิศวกรในบริษัทที่ผลิตและสำรวจปิโตรเลียมแห่งหนึ่ง เป็นวิศวกรเกี่ยวกับปิโตรเลียมโดยตรง ยืนยันได้ว่าไม่ใช่แน่นอนครับ

    ณ สถานที่แห่งนั้น ท่านอยู่ที่นั่นครับ มนุษย์จะผ่านเศียรท่านไม่ได้ จริงๆแล้วท่านไม่ได้ทำแต่เป็นเพราะบารมีของท่านครับที่ปกป้อง ไม่ให้มนุษย์ตกนรกโดยไม่ตั้งใจ
     
  10. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    แล้วที่ว่าสิ่งที่หายไป เรื่อเครื่องบินผู้คน หายไปอย่างลึกลับ

    วันดีคืนดี ทั้งเรื่อเครื่องบินผู้คน ก็ปรากฏให้คนเห็นจากนั้นก็หายไปไม่มีใครได้พบเห็นอีกละคับ นักวิทยาศาสตร์สามคนว่าอย่างไงคับ

    แต่ที่จิตผมสัมผัสดู มีอุโมงค์ของภูเขาไต้น้ำ เชื่อมต่อกับมิติของมนุษย์จานบิน
    สร้างเป็นบ้านเป็นเมือง ในทำนองนครลับแล อย่างไงอย่างนั้นเลยคับ
     
  11. jinzon

    jinzon สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    10
    ค่าพลัง:
    +18
    อยากให้คุณน้าต้อม ช่วยอธิบายเพิ่มเติมได้ใหมครับว่า "ท่าน" ในที่นี้คืออะไร
    ช่วยขยายความเพิ่มอีกหน่อยครับ ขอบคุณครับ
     
  12. sron2006

    sron2006 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    541
    ค่าพลัง:
    +1,202
    ดูแล้วไม่มีผี
     
  13. มหาเศรษฐีชัมภล

    มหาเศรษฐีชัมภล สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2006
    โพสต์:
    18
    ค่าพลัง:
    +17
    "พระมหาอุปคุตเถระ" ครับ
     
  14. phataravudh

    phataravudh เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    465
    ค่าพลัง:
    +2,440
    อาจใช่ผมคิดไว้ไม่มีผิด ตรงกับความคิดผมเลย พระอุปคุตเถระท่านยังไม่มรณะภาพเข้านิพพาน ท่านสร้างวิมานและอยู่ใต้สดือทะเล ครั้งหนึ่งท่านเคยปราบพญามารที่เข้ามาก่อความวุ่นวายในพิธีฉลองสมโภชพระสถูปเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช ประมาณพุทธศตวรรษที่ ๒ หลังพุทธปรินิพพาน
    จากการค้นหาข้อมูลของพระอุปคุตนั้น เราทราบเพียงว่า ท่านเกิดหลัง พระพุทธเจ้า เสด็จปรินิพพานแล้ว ประมาณ พ.ศ. 218 ปี
    ท่านเป็นพระเถระสำคัญองค์หนึ่ง ในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช (ผู้นำกองทัพธรรมแผ่กระจายไปทั่วโลก) เป็นพระเถระผู้เปี่ยมด้วยพุทธานุภาพ และฤทธิ์เดชเกรียงไกร สามารถปราบพญามารและกำจัดสิ่งชั่วร้าย ที่จะมาทำลายพิธีกรรมใหญ่ ๆ มาแต่ครั้งโบราณ

    <iframe width="420" height="315" src="//www.youtube.com/embed/n5Q89WCsxGY" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

    <iframe width="420" height="315" src="//www.youtube.com/embed/gAE8UoheMr0" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

    มีพระอริยะเจ้าจำนวนมากที่ได้เป­็นลูกศิษย์พระอุปคุตนะครับเช่น หลวงปู่พิศดู ธัมมจารี ,หลวงปู่ไม อินธสิรินะครับและสามารถติดต่อก­ับท่านได้ด้วยและองค์ท่านก็ได้ม­าสอน เท่าที่ทราบมีตำราบางตำราบอกว่า­พระพุทธเจ้ายกย่องท่านเป็นเลิศใ­นการแสดงธรรมและเป็นอนุพุทธด้วย­นะครับไม่ใช่ว่าจะเด่นเรื่องฤทธ­ิ์อย่างเดียว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 สิงหาคม 2013
  15. phataravudh

    phataravudh เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    465
    ค่าพลัง:
    +2,440
    จากการค้นหาข้อมูลของพระอุปคุตนั้น เราทราบเพียงว่า ท่านเกิดหลัง พระพุทธเจ้า เสด็จปรินิพพานแล้ว ประมาณ พ.ศ. 218 ปี แต่ไม่ทราบ ภูมิเดิมของท่านละเอียด ว่าเป็นบุตรของใคร เกิดในวรรณะอะไร และที่ไหน

    [​IMG]

    จากการสันนิษฐานตามตำนาน พระเถระอุปคุต น่าจะเป็นชาวเมืองปาตลีบุตร เมื่อบวชแล้วบำเพ็ญเพียร จนสำเร็จเป็นพระอรหันต์ขีณาสพ สำเร็จอภิญญาต่างๆ จนสามารถแสดงอภินิหาร เป็นที่เล่าลือมาจนทุกวันนี้ มีปฏิปทาดำเนินไปในทางสันโดษ มักน้อย นัยว่าท่านเนรมิตเรือนแก้ว (กุฏิแก้ว) ขึ้นในท้องทะเลหลวง (สะดือทะเล) แล้วก็ลงไปอยู่ประจำ ที่กุฏิแก้วตลอดเวลา เมื่อมีเหตุเภทภัยเกิดขึ้นในพระศาสนา หรือเมื่อมีพิธีกรรมใหญ่ๆ หรือมีผู้นิมนต์ ท่านก็จะขึ้นมาช่วยเหลือ ด้วยความเต็มใจเสมอ

    สรุปรวมความได้ว่า ท่านเป็นพระเถระสำคัญองค์หนึ่ง ในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช (ผู้นำกองทัพธรรมแผ่กระจายไปทั่วโลก) เป็นพระเถระผู้เปี่ยมด้วยพุทธานุภาพ และฤทธิ์เดชเกรียงไกร สามารถปราบพญามารและกำจัดสิ่งชั่วร้าย ที่จะมาทำลายพิธีกรรมใหญ่ ๆ มาแต่ครั้งโบราณ

    เรื่องราวก็มีอยู่ว่า เมื่อประมาณปลายพุทธศตวรรษที่ 2 หลังพุทธปรินิพพาน ณ นครปาตลีบุตราชธานี (ปัจจุบันคือเมืองปัตนะ ภาคใต้อินเดีย) พระเจ้าอโศกมหาราช ผู้ครองราชสมบัติในขณะนั้น ทรงเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาเป็นอย่างยิ่ง ตามตำนานกล่าวว่า ได้ทรงสร้างพระวิหารและพระสถูป มากมายทั่วทั้งชมพูทวีป (เค้าว่ามากถึงแปดหมื่นสี่พันองค์) เป็นผู้รวบรวมและขุดค้นพระบรมสารีริกธาตุ เพื่อจะนำไปบรรจุในสถูปที่พระองค์ทรงสร้างไว้ทุกแห่ง

    เมื่อการบรรจุพระบรมสารีริกธาตุเสร็จเรียบร้อยแล้ว พระองค์ก็ทรงปรารภ ที่จะจัดให้มีการฉลองสมโภช พระสถูปเจดีย์ทั้งหมดนั้น เป็นการมโหฬารยิ่ง ตลอด 7 ปี 7 เดือน 7 วัน และเพื่อให้การฉลองสมโภช เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ปราศจากอุปสรรค จึงใคร่จะอาราธนาพระสงฆ์ขีณาสพ ที่ทรงอิทธิฤทธิ์ มาเป็นผู้คุ้มครองงาน ให้ปราศจากการรบกวนจากมารร้ายต่าง ๆ

    แต่พระสงฆ์ในนครปาตลีบุตร ไม่มีรูปใดที่จะสามารถ เป็นผู้คุ้มครองงานมหกรรมอันยิ่งใหญ่นี้ ให้พ้นจากภัยทั้งหลายทั้งปวงได้ (โดยเฉพาะภัยจากพญาวัสสวดีมาร ผู้มีฤทธิ์ยิ่งกว่าภูตผีปีศาจทั้งหลาย) นอกเสียจากพระอุปคุตเถระผู้เดียวเท่านั้น พระสงฆ์ทั้งปวงจึงตั้งตัวแทน ๒ รูป ลงไปอาราธนาพระอุปคุตเถระผู้เรืองฤทธิ์ มาช่วยรักษาความปลอดภัย ในงานสมโภชครั้งนี้ ซึ่งกล่าวกันว่า พระอุปคุตเถระองค์นี้ มีปกติสันโดษอยู่องค์เดียว เข้าฌานสมาบัติเสวยวิมุตติสุข อยู่ในมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ ภายในปราสาทแก้วที่เนรมิตขึ้น เหนือรัตนะบัลลังก์ จะออกจากสมาบัติ เหาะขึ้นมาบิณฑบาต ในโลกมนุษย์ ในวันพุธเพ็ญกลางเดือนเท่านั้น


    และในครั้งนี้เอง พระอุปคุตเถระ ถูกพระภิกษุสองรูป ผู้ได้อภิญญาสมาบัติ ชำแรกมหาสมุทร ลงมาถึงตัวท่านแจ้งว่า ให้ท่านจงเป็นธุระ ป้องกันพญามารอย่าให้รบกวนงานฉลองพระสถูปเจดีย์ ของพระเจ้าอโศกมหาราชได้

    เมื่อพระอุปคุตเถระได้รับนิมนต์ ก็เดินทางมานมัสการ และรายงานตัวต่อคณะสงฆ์ในวันรุ่งขึ้น พระเจ้าอโศกมหาราช จึงได้เสด็จเข้ามานมัสการคณะสงฆ์ เพื่อขอทราบเรื่อง ผู้จะที่จะมาทำหน้าที่รักษาการ งานฉลองสมโภชพระสถูปเจดีย์ เมื่อพระองค์ทรงทราบ ว่าผู้ที่จะมาทำหน้าที่นี้ คือพระอุปคุตเถระ ก็ทรงนึกแคลงพระทัย เนื่องจากพระอุปคุตเถระนั้น มีร่างกายผ่ายผอมดูอ่อนแอ ก็ทรงไม่แน่ใจ เกรงจะทำหน้าที่ได้ไม่สมบูรณ์ แต่ไม่ทรงตรัสว่ากระไร

    ครั้นรุ่งเช้าวันใหม่ ขณะที่พระอุปคุตหาเถระ ออกบิณฑบาตในนครปาตลีบุตรนั้น พระเจ้าอโศกมหาราช ใคร่จะทดสอบฤทธิ์พระเถระ จึงทรงปล่อยช้างซับมัน (ช้างตกมัน) ให้เข้าทำร้ายพระเถระ พระมหาอุปคุตเถระเห็นดังนั้น จึงสะกดช้าง ที่กำลังวิ่งเข้ามา ให้หยุดอยู่กับที่ ไม่ไหวติงประดุจช้างที่สลักด้วยศิลา พระเจ้าอโศกมหาราช ทอดพระเนตรเห็นดังนั้น ก็ทรงเลื่อมใส จึงเสด็จไปขอขมาพระเถระ พระมหาอุปคุตเถระ ก็ให้อภัยทั้งแก่พระเจ้าอโศกมหาราช และพญาคชสาร

    เมื่อเห็นว่าพระอุปคุตเถระ มีฤทธิ์เดชมาก พระเจ้าอโศกมหาราช ก็ทรงวางพระทัย ตรัสสั่งให้เตรียมฉลองสมโภช พระสถูปเจดีย์ทั้งหมด ด้วยการปลูกปะรำร้านโรง ประดับธงทิว และประทีปโคมไฟ ตลอดระยะทางกึ่งโยชน์ ทำให้ตามแนวฝั่งแม่น้ำคงคา สว่างไสวไปทั่วทั้งบริเวณ

    บรรลุฤกษ์งามยามดีตามที่กำหนดไว้ บรรดาพระสงฆ์ขีณาสพ และพระสงฆ์ปุถุชน ตลอดจนพุทธศาสนิกชน ทั้งในนครปาตลีบุตร และต่างแดนจากจตุรทิศ ก็เริ่มหลั่งไหลเข้าสู่บริเวณงาน พร้อมเครื่องสักการบูชา เพื่อร่วมพิธีฉลองสมโภช พระบรมสารีริกธาตุที่บรรจุอยู่ในมหาเจดีย์ และเจดีย์ ทั้งแปดหมื่นสี่พันองค์ ด้วยความเลื่อมใส ศรัทธาเป็นอย่างยิ่ง

    และในเวลานี้เอง พญามาร (พญาวัสสวดีเทพบุตรมาร) ก็มุ่งหน้าเข้ามาในงานกับเค้าเหมือนกัน ทั้งนี้ก็เพื่อที่จะก่อความวุ่นวาย ต่างๆ นานา ทั้งบันดาลให้เกิดลมพายุ ทั้งแปลงร่างเป็นสัตว์ป่า และสัตว์หิมพานต์ แต่ทุกครั้งก็โดนพระอุปคุตเถระ กำราบได้หมด และสุดท้าย เพื่อให้พญามาร ออกไปจากบริเวณพิธี พระอุปคุตเถระ จึงเนรมิตร่างหมาเน่าขึ้นมาตัวหนึ่ง แล้วดึงประคตจากเอวของท่าน ออกมาผูกร่างหมาเน่านั้น คล้องคอพญามารไว้ แล้วสำทับว่าไม่ว่าใครก็ตาม (นอกจากท่านเอง) จะเอาหมาเน่านี้ออก จากคอพญามารไม่ได้ แล้วขับพญามารออกไป จากบริเวณงานทันที

    ด้วยความอับอาย พญามารก็ออกมาจากบริเวณงาน และพยายามแก้ร่างสุนัขเน่า ออกด้วยฤทธานุภาพ แต่ทำอย่างไร ก็ไม่สามารถแก้ได้ เพราะเมื่อเอามือทั้งสอง ต้องสายประคตที่คล้องคอทีไร ต้องมีไฟลุกขึ้นไหม้คอ และมือทันที สุดจะแก้ไขด้วยตนเองได้ ก็ไปหาที่พึ่งอื่น (ที่คิดว่าน่าจะช่วยได้)

    แต่ถึงแม้จะไปหาท้าวมหาราชทั้งสี่ พระอินทร์ ท้าวยามา ท้าวสันดุสิต ท้าวนิมิตเทวราช ตลอดจนท้าวสหัสบดีพรม ก็ไม่มีใครสามารถช่วยได้ ต่างได้แต่แนะนำว่า ให้พญามารไปขอขมา และขอความเมตตา จากพระเถระผู้นั้นเสียดีกว่า

    พญามารเห็นดังนั้น จึงจำใจต้องกลับไปหาพระเถระ อ้อนวอน ให้ช่วยเอาซากหมาเน่าออกจากคอให้ แล้วจะไม่มารบกวน การจัดงานอีก พระอุปคุตเถระก็อนุโลมตาม แต่ยังไม่ไว้ใจพญามารนัก เกรงพญามาร จะกลับมาทำลายพิธีในภายหลัง จึงเดินนำพญามาร ไปยังเขาใหญ่ลูกหนึ่ง แล้วเอาร่างหมาเน่าทิ้งลงเหว และเนรมิตให้สายประคตยาวขึ้น แล้วพันคอพญามาร ไว้กับเขาลูกนั้น พร้อมทั้งแจ้งว่า เมื่อเสร็จพิธีฉลองสมโภช พระมหาเจดีย์สิ้นสุดลงแล้ว จึงจะแก้โซ่ออก ปล่อยให้พญามารเป็นอิสระ (7 ปี 7 เดือน 7 วัน)

    เวลาผ่านไปตามที่ตกลงกัน การจัดงานสมโภชน์ ก็สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี พระอุปคุตเถระ จึงกลับมาหาพญามาร โดยแอบอยู่ห่างๆ เพื่อฟังเสียงพญามารว่า ละพยศร้ายหรือยัง

    พญามารเอง เมื่อจากทิพยวิมานอันบรมสุข มารับทุกขเวทนาเช่นนี้ ก็ละพยศร้ายในสันดาน หวนนึกถึงพระพุทธโคดม จึงกล่าวสดุดี ในความเมตตากรุณา ของพระพุทธเจ้า ในเรื่องที่ทรงมีมหากรุณาธิคุณ อันยิ่งใหญ่ว่า “ทรงบำเพ็ญสิ่งอันเป็นที่สุดหามิได้ เป็นที่พึ่งพำนักแก่สัตว์โลกทั้งมวล ในกาลทุกเมื่อ พระองค์นั้น เป็นผู้ประเสริฐหาผู้เสมอเหมือนมิได้ อนึ่ง ในกาลก่อน ข้าพเจ้าได้ทำร้ายพระองค์ โดยประการต่างๆ แต่พระองค์ ก็ยังทรงมหากรุณาธิคุณ มิได้กระทำการโต้ตอบ แก่ข้าพเจ้าเลย มาบัดนี้ สาวกของพระองค์นามว่าอุปคุต ไม่มีเมตตาแก่ข้าพเจ้าเลย กระทำกับข้าพเจ้า ให้ได้รับความทุกข์ทรมานแสนสาหัส และได้รับความอับอาย เป็นอย่างยิ่ง ถ้าหากว่าข้ายังมีบุญกุศล ที่ได้สั่งสมไว้แต่กาลก่อน ข้าพเจ้าขอตั้งจิตอธิษฐาน ปรารถนาเป็นพระสัพพัญญูในอนาคต ดังเช่นพระองค์ต่อไป”


    กล่าวได้ว่า การตกระกำลำบากในครั้งนี้ ทำให้พญามาร ซึ่งความจริงแล้ว ในอดีตชาติ (ในยุคของพระกัสสปพุทธเจ้า) เคยมีจิตตั้งมั่น ที่จะบำเพ็ญเพียร ให้ได้เป็นพระพุทธเจ้าเช่นกัน แต่ที่ได้กระทำการขัดขวาง พุทธศาสดาของพระพุทธโคดม ก็ด้วยความริษยา พระพุทธโคดม (มีมิจฉาทิฐิ) เนื่องด้วยพระองค์ ได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าก่อนตน ทั้งๆ ที่ตนบำเพ็ญบารมี มามากพอสมควรเหมือนกัน แต่การกระทำในแต่ละครั้ง ก็มิได้ล่วงเกิน ทำบาปหนักแต่ประการใด

    เมื่อพระอุปคุตเถระ ได้ยินคำปรารภดังนั้น ก็เห็นว่าพญามารสิ้นพยศแล้ว จึงแก้โซ่ออก ปล่อยให้พญามารเป็นอิสระ พร้อมทั้งขอขมาพญามาร และบอกว่า การกระทำครั้งนี้ ก็เพื่อให้พญามาร ระลึกได้ถึงพุทธภูมิ ที่ท่านเคยปรารถนาไว้เท่านั้นเอง มิได้มีเจตนา ที่จะล่วงเกินประการใด ซึ่งพญามารก็เข้าใจด้วยดี


    พระอุปคุต เขมร
    ต่อจากนั้นพระเถระ ก็ได้ขอให้พญามาร เนรมิตกาย เป็นพระพุทธองค์ เพื่อจะได้เห็น เป็นพุทธานุสติบ้าง ซึ่งพญามารก็รับคำ แต่ขอร้องว่า เมื่อเห็นเขาเนรมิตกาย เป็นพระพุทธองค์แล้ว อย่าหลงกราบไหว้เป็นอันขาด เพราะจะให้เขาบาปหนัก

    ครั้นเมื่อพญามารเนรมิตกาย เป็นพระพุทธเจ้า ประกอบด้วยมหาปุริสลักษณะ และฉัพพรรณรังสี อันวิจิตร มีพระอัครสาวกเบื้องซ้าย เบื้องขวา แวดล้อมด้วย มหาสาวกทั้งหลายเป็นบริวาร เสด็จเยื้องย่าง ด้วยพุทธลีลาอันงดงามยิ่ง พระเถระ และบรรดาพุทธบริษัททั้งหลาย เห็นเช่นนั้น ก็ลืมตัวพากันถวายนมัสการ ทำเอาพญามารตกใจ รีบคืนร่างเดิม และท้วงติงว่า ทำให้ตนมีบาปหนัก แต่พระเถระ ก็กล่าวให้พญามารสบายใจว่า ทุกคนกราบไหว้พระพุทธเจ้า และพญามารก็ไม่บาปหรอก จะได้กุศลมากกว่า

    พระอุปคุต ลงรักปิดทองเก่า


    จากนั้นพญามาร ก็กลับคืนสู่สวรรค์ ชั้นที่ 6 วิมานของตน และนับแต่นั้นมา พญามารได้มีจิตอ่อนน้อมเลื่อมใส ในพระพุทธศาสนา หมดสิ้นน้ำใจริษยา และบำเพ็ญบารมี เพื่อพุทธภูมิต่อไป

    หมายเหตุ
    เนื้อเรื่องได้กล่าวถึง พระพระกัสสปพุทธเจ้า ดังนั้นเพื่อความเข้าใจ ในการอ่าน ขอเสริมว่าตามตำนาน โลกเรานั้น แบ่งช่วงเวลาเป็นกัลป์ ซึ่งแต่ละช่วง ในแต่ละกัลป์ ก็จะมีพระพุทธเจ้า ที่มาตรัสรู้ โปรดบรรดาสัตว์โลก เป็นคราวไป ดังนั้นพระพุทธเจ้า จึงมีหลายพระองค์ ซึ่งเวลาหนึ่งกัลป์นั้นนานนัก (กัลป์ที่เราอยู่นี้ มีพระพุทธเจ้า มาตรัสรู้แค่ 5 พระองค์ และมีหลายๆ ช่วงในแต่ละกัลป์ ที่ปราศจากพระพุทธศาสนา โดยสิ้นเชิง ดังนั้นถือว่าเราโชคดีมาก ที่เกิดมาพบพระพุทธศาสนาในชาตินี้

    ประวัติเพิ่มเติมตามตำนาน พระอุปคุต คัมภีร์อโศกอวทาน

    ประวัติเพิ่มเติมตามตำนาน พระอุปคุต คัมภีร์ปฐมสมโพธิ์
    http://www.veeranon.com/saranaroo/1306-phaaupakood.html
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 สิงหาคม 2013
  16. battosai

    battosai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2008
    โพสต์:
    208
    ค่าพลัง:
    +346
    ฮ่าๆๆๆ ผมเคยตอบกระทู้แบบนี้มาแล้วครั้งนึงครับ

    ผมก็จะบอกเหมือนเดิมครับ

    ปู่ อินทร์ บอกว่ามันเป็นของที่ถูกสร้างมานานมากแล้วคนไม่สามารถควบคุมมันได้จึงเอามันไปทิ้งครับ ปู่ก็ไม่รู้ว่าตอนไหน แต่ข้างล่างนั่นมี
    ที่จอดเครื่องบิน กว้างเลยครับ มีเยอะมากด้วย และอีกอย่างที่จำได้นะครับ อเมริกา ข้างล่างเป็นน้ำครับ ผมจำได้แค่นี้ ถ้าอยากรู้ไปถามปู่เองนะ อยู่ อ.ปักธงชัย ติดกับวังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา ชื่อปู่ อินทร์ ถามคนแถวนั้นใครก็รู้จัก อายุตอนนี้น่าจะร้อยกว่าแล้วครับ ปู่ชอบกิน ทุเรียนกวนนะครับ
     
  17. ฐสิษฐ์929

    ฐสิษฐ์929 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    876
    ค่าพลัง:
    +1,844
    เรื่องนี้หลวงปู่สาวกโลกอุดรได้อธิบายว่าเป็นเรื่องมิติซ้อนมิติ หรือว่าโลกซ้อนโลก ที่ญาณระดับพระอรหันต์สามารถหยั่งรู้ได้
    เรื่องอย่างนี้ในบ้านเราก็มีเช่นว่าแดนอาถรรพ์ต่างๆ บางคนก็เรียกว่าผี หลวงปู่บางครั้งก็เรียกว่าผี แต่หลวงปู่ก็แสดงว่าเขาคือบรรพบุรุษของทั้งคนและสัตว์ เมื่อกำเหนิดโลกใหม่ๆ ก็พวกเขานี้ละที่รวมตัวเป็นคนเป็นสัตว์ทั้งหลาย เขารวมตัวเป็นสัตว์เป็นพืชทุกชนิดในโลกนี้
    สิ่งเหล่านี้มีขนาดเล็กมาก ปัจจุบันเขามีน้อยลงรวมให้เป็นอะไรอีกไม่ได้ การรวมจะรวมตัวได้เพียงชั่วขณะหนึ่งและสลายตัวไป เช่นว่าจานบิน จานผี หรือพวกผีสางต่างๆในบ้านเรา รวมทั้งบ้องไฟพญานาคที่ลุ่มแม่น้ำโขงก็เขานี้ละ
    สิ่งเหล่านี้ก็ต้องการอาหารเช่นเดียวกับคนหรือสัตว์ทั้งหลาย อาหารที่เขาต้องการมากที่สุดก็คือของสด ของคาว ซึ่งบ้านเราก็ชอบเอาไปเซ่นไหว้ และสิ่งที่มีชีวิตทั้งหลายที่เป็นลูกหลานของเขาเองนี้ละ
    ที่อ่าวเมอร์บิวด้าก็มีสิ่งเหล่าอยู่เป็นปริมาณมาก เวลาเขาหิวขึ้นมาเขาก็ขึ้นมาสร้างปรากฏการณ์ต่างๆขึ้นและเอาสิ่งมีชีวิตต่างๆรวมทั้งคนด้วยไปเป็นอาหาร
    พวกเขาจะอยู่ภายในโลกของเรา ซึ่งภายในโลกของเราเป็นอากาศ
    ธรรมนี้หลวงปู่สาวกโลกอุดรแสดงไว้ครับ
     
  18. snakejoke

    snakejoke เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    374
    ค่าพลัง:
    +699
    ตอบตามจิตรู้นะครับใช้ปัญญาในการตัดสิน
    สามเหลี่ยมเมอร์มิวด้า คือ พลังงานมิติหนึ่งๆที่ดึงดูดสิ่งมีชีวิตเข้าไปเพื่อวิเคราะห์ความเป็นไปในจิตของกลุ่มมนุษย์ที่ถูกเลือก โดยที่ไม่ต้องรอตายเพื่อถูกตรวจสอบโดยยมพบาล ง่ายๆก้ออาจแบ่งได้หลายกลุ่มที่เอาพลังนี้มาจับกุมมนุษย์โลกไป กลุ่มแรก มาจากต่างดาว เขามาเอาตัวคนของดาวเขาไปวิเคราะห์ว่ามาอยู่ที่โลกในกายมนุษย์ได้ศึกษาเรียนรู้อะไรบ้างเพื่อเป็นแนวทางแก้ไขในดาวของพวกเขาเหล่านั้น กลุ่มสองสหพันธ์ต่างดาว ที่ส่งพลังมิติมาคัดคนในมนุษย์โลกเพื่อดูความเป็นไปในระบบร่างกาย จิต วิญญานเป็นแนวทางในการดูแลโลก ซึ่งสิ่งเหล่านี้ผู้สร้างคอยดูอยู่ว่ากลุ่มดังกล่าวทำอะไรไว้ มีการจะทำสิ่งไม่ดีเกิดขึ้นหรือไม่ เพราะการส่งคนมามาสืบข่าว มาทำอะไรบางอย่างและนำข้อมูลที่ได้ไปทำกิจการต่างๆถ้าในทางที่ดีก้อดีไปแต่ถ้าไม่ก็จะมีระบบไปจัดการ คนที่ไปแล้วตายสถานเดียวครับ กลุ่มคนที่ไปก้อจะเป็นกลุ่มคนที่มาจากมิติดาราอื่นซะส่วนให้ใครหลงไปกับพวกนี้ตายก้อไปเกิดใหม่ไม่ได้ถูกจับขังวิญญานอย่างที่เข้าใจกันครับ
     
  19. mazda626

    mazda626 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    150
    ค่าพลัง:
    +221
    พวกนักวิทยาศาสตร์เชื่อไม่ค่อยได้สักเท่าไหร่ โดยเฉพาะนักวิทยาศาสตร์เมกา
    ชอบหาเหตุผลต่างๆนาๆมาหลอกพวกเราให้เชื่อ และปิดบังข้อมูลลับบางอย่างไว้
    แต่อีกไม่นานเกินรอ ทุกสิ่งทุกอย่างจะถูกเปิดเผยออกมาให้ชาวโลกได้ประจักษ์แก่สายตา
    ทุกท่านโปรดเตรียมตัว เตรียมใจเอาไว้ให้ดีเถิด อิอิ
     
  20. tanyasa

    tanyasa สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    39
    ค่าพลัง:
    +21
    มีข้อมูลถามตอบของศิษย์กับอาจารย์ทางจิตวิญญาณเกี่ยวกับเรื่องสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า ใครต้องการข้อมูลนี้ เป็นภาษาไทยแล้ว หลายหน้าอยู่ แจ้ง email address มาที่หลังไมค์ได้เลย จะส่งให้จ้า
     

แชร์หน้านี้

Loading...