จิตพร้อม? รับภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ภูภู, 6 เมษายน 2012.

  1. อุษาวดี

    อุษาวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2012
    โพสต์:
    531
    ค่าพลัง:
    +12,151
    ศีล

    "ศีล เป็นคุณธรรมช่วยปกป้องความชั่ว
    ไม่ไห้รั่วไหลเข้ามาหากาย วาจา ใจ
    ของผู้รักษาไว้ได้เป็นอย่างดีเลิศ
    ยิ่งกว่า...เครื่องป้องกันอะไรทั้งหมด
    เมื่อความชั่วไม่รั่วไหลเข้ามาถึงกาย วาจา ใจ แล้ว
    ศีลยังเป็นเครื่องปรับปรุงแต่งกาย วาจา และใจ
    ให้สะอาด เยือกเย็น.. เป็นรากฐานของสมาธิอีกด้วย

    ฉะนั้น..
    ศีลจึงเป็นเครื่องเสริมสร้างคุณงามความดี
    ตั้งแต่เบื้องต้นจนอวสาน ช่วยสร้างคนให้เป็นพระ
    ช่วยสร้างพระธรรมดา ให้เป็นพระอริยเจ้า.."

    -:- หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี -:-
    วัดหินหมากเป้ง จ.หนองคาย
    Cr:เครือข่ายกลุ่มพุทธธรรมกรรมฐาน สายท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต
     
  2. ธรรมมณี

    ธรรมมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,044
    ค่าพลัง:
    +14,027
    โมทนาสาธุ ความรู้สึก นึกคิด ไม่ต่างกันเลยค่ะ พี่หมอ ยินดีที่กระทู้เรากลับมาแล้ว สาธุ สาธุ สาธุ
     
  3. Kim_UoonSo

    Kim_UoonSo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    518
    ค่าพลัง:
    +5,937
    สวัสดีค่ะทุกท่าน
    วันนี้วันอาทิตย์ได้ถือโอกาสนัดบัดดี้ไปทำบุญร่วมกัน
    เราได้ไปบริจาคทาน-ทานบารมี
    และได้ไปวัดคู้บอน รามอินทรา
    กราบสักการะองค์พระประธานในโบสถ์แก้วระยิบระยับหลังเล็ก
    งามคล้ายที่วัดท่าซุงเลยค่ะ แต่หลังเล็กกว่า
    ช่วงที่ไปอากาศค่อนข้างร้อน
    จึงไม่ได้ถ่ายภาพด้านนอกมาให้ชม


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    เรากำหนดจิตถวายบุญบารมีที่เราได้ทำทุกภพชาติ
    แด่องค์พระพุทธรูปที่วัด,
    แด่พระรัตนตรัย ณ โบสถ์หลังใหญ่และเล็กตามลำดับ
    ซึ่งภายในโบสถ์หลังเล็กงดงามมาก
    ราวกับเห็นทั้งสามโลกธาตุ
    เบื้องบน-เบื้องกลาง-เบื้องล่าง
    จากนั้นเราก็ได้แผ่เมตตาให้เหล่าสรรพสัตว์
    และทุกดวงจิตในบริเวณวัดและทั่วทั้งสามภพ
    พร้อมกับให้อาหารปลาที่ท่าน้ำข้างวัด และทำทานด้วยทรัพย์ค่ะ


    จากนั้นในระหว่างเดินทางกลับก็เห็นองค์รูปท่านแม่กวนอิมอยู่ข้างทาง
    ซึ่งผ่านอยู่บ่อยครั้ง (ในเส้นทางคู้บอน รามอินทรา)
    แต่ก็ได้แค่กำหนดจิตระลึกถึงท่าน
    ในแว๊บนึงก็เห็นองค์พระสีขาวภายในอาคาร
    ใกล้ๆ กับองค์รูปท่านแม่กวนอิม
    จึงได้ขอให้บัดดี พี่ newwave1959 ถอยรถกลับมาที่หน้าอาคารอีกครั้ง
    ปกติหมูผ่านบ่อยครั้งแต่ก็ไม่เคยเห็นประตูเปิด
    แต่วันนี้หมูได้เห็นองค์พระภายในฯ เป็นที่ปีติใจมาก
    แม้ว่าจะเห็นแค่แว๊บเดียวก็ตาม


    [​IMG]


    [​IMG]


    พอลงจากรถแล้วเดินเข้าไปในอาคารก็ยิ่งปีติ
    ตะลึงกับพระบารมีแห่งองค์พระพุทธรูป
    จึงทราบว่าที่นี่คือ
    "ศูนย์มหายานศึกษา โฝวกวงซัน ไทย-จีนสัมพันธ์"
    คู้บอน รามอินทรา
    องค์พระเปี่ยมด้วยพระเมตตาเป็นอย่างยิ่ง


    เราขอนำบุญมาฝากทุกท่านในวันนี้ค่ะ
    ขอเชิญร่วมโมทนาบุญและขอให้ทุกท่านมากด้วยปัญญาและบารมียิ่งๆ ขึ้นไป
    และเข้าสู่พระนิพพานชาตินี้นะคะ สาธุ


    [​IMG]
     
  4. มาลินี UK

    มาลินี UK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    807
    ค่าพลัง:
    +12,713

    น้อมกราบแทบเท้า ขององค์พระปฐม และท่านพ่อฤาษี ลูกขอกราบน้อมรับ

    พระธรรมคำสั่งสอนขององค์ท่าน เพื่อนำมาปฏิบัติตาม ขออนุโมทนากับครูแนทที่

    นำธรรมะขององค์ท่านมาเป็นธรรมทาน ขอนุโมทนากับท่านผู้ที่ดำเนินการให้

    กระทู้ จิตพร้อมรับภัยพิบัติมาใช้ได้เหมือนเดิมขอบพระคุณที่แจ้งข่าวมาให้

    ทราบค่ะ...ยังไม่พอมีภาพท่านพ่อมาให้พวกเราได้กราบบูชาถึงสองภาพ

    ...น้อมกราบองค์ท่านด้วยเศียรเก้ลาเจ้าค่ะ กราบ กราบ กราบ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กรกฎาคม 2013
  5. Natcha@uk

    Natcha@uk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    618
    ค่าพลัง:
    +9,444
    คำสอน สมเด็จองค์ปฐม

    "ฟังใครพูดถึงพระพุทธศาสนาไปในแง่ไม่ถูกไม่ควร แม้แต่สมมุติสงฆ์เองพูดถึงก็ตาม ก็จงอย่านำมาใส่ใจ ให้ปล่อยวาง ถ้านำเหตุเหล่านี้มาปรุงแต่ง หรือจิตหวั่นไหวไปตามคำพูดนั้น ก็จักแสดงว่าไฟได้ไหม้จิตใจของพวกเจ้าแล้ว รวมทั้งถ้าหากนำไปพูดต่อบุคคลอื่น ก็เท่ากับนำไฟไปจุดต่อบุคคลอื่นให้เผาไหม้ไปด้วย จักมีประโยชน์อันใด ต่อไปให้รู้เท่าทันกิเลส เพียรละปล่อยวางที่จิตใจของตนเองนี้ ให้รู้จักคำว่า กรรมใครกรรมมันให้มากๆ แล้วจักได้ตัดกรรมที่จักไปยังบุคคลอื่นได้มากอีกด้วย ทุกวันนี้คนเดือดร้อนกันเพราะวจีกรรมมีมาก จึงพึงสังวร - พิจารณา - ใคร่ครวญเสียก่อนจึงพูด เพื่อความไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น อย่าตีตนไปก่อนไข้ ทำไมไม่คิดในแง่ดีเสียบ้าง ให้รักษาอารมณ์ใจให้อยู่ในปัจจุบันให้มากที่สุด เรื่องเบื้องหน้ามีอะไรจักเกิดขึ้น ก็ค่อยแก้ไขไปในปัจจุบันนั้น จักหนักใจให้จิตเป็นทุกข์ตั้งแต่บัดนี้เพื่อประโยชน์อันใด ให้มั่นใจในพุทธคุณ-ธรรมคุณ-สังฆคุณ แล้วเรื่องทั้งหมดจักคลี่คลายไปได้ด้วยดี รักษาอารมณ์ใจให้เป็นสุข อย่าให้ความทุกข์ ความหนักใจเข้ามาครอบงำจิตใจ เพราะจักทำให้ไปพระนิพพานไม่ได้ รู้จักคิดพิจารณาให้เป็น แล้วเจ้าจักไม่หนักใจอะไรอีกเลย จงรักษาจิตเพื่อให้มั่นคงอยู่ในศีล - สมาธิ - ปัญญา เพื่อนำจิตให้พ้นไปจากทุกข์ภัยแห่งวัฏฏะสงสารเกิด อย่าเศร้าใจ อย่าหดหู่ใจกับข่าวต่างๆ ที่เข้ามากระทบ โดยเฉพาะเรื่องการเจ็บไข้ได้ป่วยของบุคคลอื่นที่เรารู้จักคุ้นเคย หรือแม้ร่างกายที่เราอาศัยมันอยู่ชั่วคราวจักป่วยก็ตาม ให้เห็นเป็นธรรมดาของการมีร่างกาย ยอมรับนับถือในกฎธรรมดานี้ แล้วจิตจักสงบเยือกเย็น มันอยากจักเป็นให้มันเป็นไป เนื่องจากไม่มีใครฝืนกฎธรรมดานี้ได้ พิจารณาจุดนี้ให้มากๆ ถ้าหากต้องการที่จักพ้นทุกข์"

    ธรรมนำไปสู่ความหลุดพ้น เล่ม ๑๒
    รวบรวมโดย พล.ต.ท. นพ. สมศักดิ์ สืบสงวน​
     
  6. มาลินี UK

    มาลินี UK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    807
    ค่าพลัง:
    +12,713
    "พระพุทธเจ้า" ทรงรู้แจ้งเห็นจริงด้วยกายคตาอันนี้ สาวกวกทั้งหลายก็เหมือน

    กัน...สติปัจฐาน ๔ เป็นทางเดินเพื่อความพ้นทุกข์ อริยสัจ ๔ เป็นทางเดินเพื่อความพ้น

    ทุกข์...ฟังให้ดีให้ถึงใจ ความพ้นทุกข์จริงๆ อยู่นอกอริยสัจ ความพ้นทุกข์จริงๆ อยู่นอก

    สติปัฏฐานอีกทีหนึ่ง...ทั้งสองนี้เป็นทางเป็นความเดินเพื่อความพ้นทุกข์...ผู้พ้นทุกข์ คือ

    ...จิต จิตที่บริสุทธิ์แล้วเป็นผู้พ้นทุกข์ มิใช่สติปัฏฐาน ๔ และ อริยสัจ ๔ ...

    ...เป็นผู้บริสุทธิ์และเป็นผู้พ้นทุกข์...นั่นเป็นทางเดินอันชอบธรรมของจิตต่างหาก...

    ...พระธรรมคำสั่งสอนของหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน วัดป่าบ้านตาด อุดรธานี...

    ...๒๓ สิงหาคม ๒๕๒๑ กราบน้อมรับพระธรรมคำสั่งสอนขององค์ท่านเพื่อปฏิตามสาธุ

     
  7. มาลินี UK

    มาลินี UK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    807
    ค่าพลัง:
    +12,713
    สาธุค่ะขอน้อมรับบุญที่ท่านได้นำมาฝากค่ะ ขอบพระคุณมากๆเลยค่ะ

    ...นี่แหละผู้มีจิตบุญจิตกุศล คนบุญไปที่ไหนก็จะพบแต่สิ่งที่ดีๆ แต่ก็ยังมีจิต

    ...บุญนำสิ่งดีๆมาฝากจิตบุญด้วยกัน ภาพทุกภาพสวยมากค่ะ ขอบพระคุณค่ะ

    ...ขอให้บุญรักษาทุกท่านนะคะสาธุค่ะ...
     
  8. มาลินี UK

    มาลินี UK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    807
    ค่าพลัง:
    +12,713


    สวัสดีค่ะท่านผู้อ่านที่น่ารัก ขอนำเอาธรรมะของคุณภูทยาน มาให้ท่าน

    ได้อ่านอีกหลายๆรอบ พักนี้คุณภูติดงาน ไม่ได้นำธรรมะมาเป็นธรรมทานแต่

    ท่านได้ฝากธรรมะดีๆลงไว้ก่อนนี้มากมาย ถ้าผู้อ่านๆย้อนไปจะมีธรรมะธรรม

    ทานของท่านให้พวกเราได้ทบทวน ถึงความหว่งใยของท่าน ซึ่งท่านนำมา

    เขียนไว้ด้วยความเป็นห่วง ซึ่งผู้เขียนก็คิดถึงธรรมะธรรมทานของท่านอยู่ก็

    เลยใช้วิธีอ่านย้อนหลังทบทวน...ก็ทำให้หายคิดถึงธรรมทานของท่านได้บ้าง

    อย่างไรเสียท่านก็ไม่เคยลืมพวกเรา เดี๋ยวเมื่อน่าที่การงานของท่านลงตัวแล้ว

    ท่านจะกลับมาให้พวกเราได้อ่านธรรมะธรรมทานของท่านในเร็วๆนี้แหละค่ะ

    ...อย่างไรก็ตามผู้เขียนขออวยพรให้คุณภูทยานทำน่าที่การงานให้สำเร็จดั่งที่ใจ

    ท่านได้มุ่งมั่นตั้งใจนะคะขอเป็นกำลังใจให้ค่ะ ท่านพ่อและสิ่งศักสิทธิ์ติดตาม

    คุ้มครองคุณภูทยาน ให้พบแต่ความสำเร็จดั่งที่คุณปรารถนาค่ะ.สาธุ คนดีมีศีล

    มีธรรม ตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้ค่ะ โชคดีนะคะ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 กรกฎาคม 2013
  9. มาลินี UK

    มาลินี UK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    807
    ค่าพลัง:
    +12,713
    ถาม - ตอบ ปัญหาธรรม...

    -ถาม - พอดีมีถามปัญหาธรรมหลวงตา...คือเขาปฏิบัติไปจนกระทั่งกระดูกหลุดค่ะ

    ...คือทำลายรูปแล้ว หลวงตาก็ตอบว่าทำลายรูปแล้วจิตมีความว้าเหว่ ก่อนการพิจารณา

    นาม...ทำไมจิตว้าเหว่ค่ะ...

    -ตอบ - ท่านไม่ได้หมายถึงความว้าเหว่ แต่หมายถึงเวิ้งว้างว่างเปล่า ว่างจากกาย

    ...เมื่อปล่อยกายไปแล้ว...กายก็ไม่มีปัญหาต่อไปจิตจะว่างจากกาย พิจารณาไปก็ไม่

    เกิดประโยชน์อะไร...เพราะไม่ได้เป็นปัญหาแล้ว จิตไม่มีอารมณ์อะไรกัยกาย ไม่ได้ไม่

    เสียอะไรกับกาย...เป็นร่างกายของคนอื่น จะเจ็บจะปวดจะเป็นอะไรอย่างไร ก็ไม่กระทบ

    กับจิต...ถ้ายังไม่ได้พิจารณาจนปล่อยวางร่างกายได้ ก็ยังมีความห่วง มีความกังวล มีความ

    ผูกพันกับมันอยู่...แต่ถ้าได้พิจารณาจนมันกลายเป็นดินไปแล้วก็ไม่รู้จะไปห่วงอะไรกับ

    ก้อนดินก้อนหนึ่ง...ในที่สุดร่างกายก็ต้องเป็นอย่างนี้ ก็หมดปัญหาไป...

    ...คัดจากหนังสือกำลังใจ ๓๐ โดยพระจุลนายก (สุชาติ อภิชาโต)
     
  10. Natcha@uk

    Natcha@uk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    618
    ค่าพลัง:
    +9,444
    [​IMG]

    ภาวนาอย่าหาที่สงัด

    ถ้าไปจับเอาเวลาจะตายนี่ ไม่ต้องอุบัติเหตุนะ คนธรรมดามันก็จับไม่ได้
    เพราะว่า ทุกขเวทนามันมาก ที่เขาฝึกทำสมาธิ ฝึกทำวิปัสสนาญานกันนี่ ไอ้ตัวนี้
    มันจะเป็นกุศลจริง หมายความว่า ไอ้การฝึกสมาธิวิปัสสนาญาน นี่ก็ไม่ใช่ว่าจะไปเอาดี
    เฉพาะที่ตอนนั่งสงัด ถ้าเอาดีแต่ตอนนั่งสงัดก็ไม่มีทางได้ดีหรอก มันต้องดีกันตลอดวันนะโยม

    ถ้าเราดีตลอดไม่ได้ ก็ต้องดีตอนเช้ามืด แล้วก็ดีก่อนหลับ สองจุดนี่เป็นเรื่องสำคัญ
    ดีตอนเช้ามืดนี่ เช้ามืดเมือตื่นขี้นมาแล้วก็ ตัดสินใจตั้งใจไว้ก่อนว่า วันนี้ทั้งวันเราจะไม่ยอมให้ศีล๕ ขาด
    แล้วด้านใจก็ระมัดระวังศีล๕ ไว้ มันอาจจะขาดพลาดพลั้งบกพร่องบ้างเมื่อตอนพลั้งเผลอ นี่คือ เรื่องธรรมดา แต่เราต้องตั้งอารมณ์ไว้ก่อน

    ถ้าเราเมื่อเวลาออกจากบ้านนี่คุณพบอุบัติเหตุ ออกจากบ้านนี่เราออกแล้ว อารมณ์ดี หรืออารมณ์ชั่ว
    ถ้าทะเลาะกันแล้ว ออกจากบ้าน รถชน มันลงนรกแหงๆ เพราะ อารมณ์มันกลุ้ม

    พระพุทธเจ้าท่านว่า จิตเต สังกิลิฏเฐ ทุคคติ ปาฏิกังขา ถ้าก่อนจะตายอารมณ์ใจ มันเศร้าหมองลงอบายภูมิไปสู่ ทุคติ
    จิตเต อสังกิลิฏเฐ สุคติ ปาฏิกังขา ก่อนจะตายถ้าอารมณ์ใจผ่องใสบริสุทธิ์ปกติ อย่างน้องต้องไปเกิดใน สวรรค์

    ที่นี้ก่อนเขาจะออกจากบ้านเขาต้องทำใจให้สบาย ถ้าคนที่มีอารมณ์เป็นกุศลจริง ก็ไปไหว้พระพุทธรูปก่อน
    แล้วเวลาที่จะไหว้พระไม่ทัน จิตก็นึกถึงพระ ถ้าไปกราบพระบูชาไม่ทัน เวลามันมีจำกัดต้องรีบไป....ก็เอาจิตนึกถึงพระไว้ก่อน

    หนังสือ ทางสายเอก
    พระราชพรหมยาน (หลวงพ่อพระมหาวีระ ถาวโร
    )
     
  11. Kim_UoonSo

    Kim_UoonSo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    518
    ค่าพลัง:
    +5,937
    แจ้งข่าวเว็บ www.jitkohphra.com
    ขณะนี้กำลังทยอยปรับปรุงระบบใหม่อยู่นะคะ
    ช่วงหลายเดือน ที่ผ่านมาไม่ค่อยว่างเลย
    หมูก็ว่าจะจ้างทีมทำเว็บไซต์ให้เลย
    แต่คุยๆ กับเพื่อนแล้ว ทำเองน่าจะไหว
    ช่วงนี้หมูเตรียมสอบอยู่ด้วย
    แต่กลางเดือนน่าจะพยายามเจียดเวลามาทำให้เว็บสมบูรณ์
    พร้อมใช้กว่านี้นะคะ


    ...สิ่งที่อยากทำ ก็มีประมาณว่า..
    หน้าหลัก, ประวัติที่มา, กระทู้, กระดานสนทนา, ห้องสนทนา
    สำหรับตอนนี้เพิ่งลงระบบใหม่ แต่ยังไม่มีเวลาปรับปรุงค่ะ
    เลยจะดูร้างๆ ไปอยู่ จึงอยากมาแจ้งให้ทุกท่านทราบนะคะ
    ว่าเรากำลังดำเนินการในงานจิตเกาะพระทุกทาง ทุกรูปแบบอยู่
    ซึ่งขณะนี้มีหลายท่านได้เริ่มทำงานอย่างเป็นรูปธรรมแล้ว
    คาดว่าไม่เกินปีนี้เราน่าจะมีความสมบูรณ์มากขึ้น
    ทั้งอาคาร สถานที่ บุคลากร ทีมงาน เว็บไซต์ ประชาสัมพันธ์ ฯลฯ ...


    ...ขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่านได้ใช้ชีวิตชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย
    ได้อย่างคุ้มค่าที่สุดก่อนกลับบ้านพระนิพพานของเรา
    อย่างไม่มีวันกลับ (มาเกิด) อีก,

    ขอเป็นกำลังใจให้พี่ภู สำหรับงานบ้านรากแก่นฯ ที่งวดเข้ามาทุกที,
    ขอเป็นกำลังใจให้พี่แนท พี่เพ็ญ๒ พี่ดาว พี่เป้
    และพี่ๆ ทางยุโรปที่ยังคงกำลังอย่างเหนี่ยวแน่น,
    ขอเป็นกำลังใจให้จิตบุญประเทศไทย
    ที่สักวันเราคงได้เจอกันอย่างพร้อมเพรียง


    ...สำหรับจิตบุญประเทศไทย เดือนนี้จะเริ่มมีมีทติ้งกลุ่มย่อยแล้วนะคะ
    รายละเอียดและสถานที่จะแจ้งให้ทราบเร็วๆ นี้ค่ะ


    ...ขอเป็นกำลังใจให้จิตบุญทุกท่านผ่านวิปัสสนาต่างๆ
    ไปได้จนถึงที่สุดแห่งพระนิพพาน
    เราทุกคนเป็นลูกหลานพระ มีหน้าที่กันทุกคน
    แต่แตกต่างในรายละเอียด
    แต่เป้าหมายของเรามีหนึ่งเดียวคือ
    เพื่อ "พระนิพพาน"
    เพื่อพระรัตนตรัย​


    [​IMG]
     
  12. Kim_UoonSo

    Kim_UoonSo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    518
    ค่าพลัง:
    +5,937
    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=ZF8tUerUfTE"]??????????????? MV ( Full ) - YouTube[/ame]

    ไม่ใช่เราคนเดียวที่สุข
    ไม่ใช่เราคนเดียวที่ทุกข์
    ถ้าอยู่ใต้ฟ้าเดียวกัน
    อยู่บนโลกเดียวกัน
    ขึ้นชื่อว่า "โลก" - "ภพชาติ" - "การเกิดดับ"
    ก็ทุกข์เหมือนกัน

    จิตอยู่ใต้ฟ้า ก็เจอแต่ฝน
    (จิตอยู่ในโลก จึงมีแต่ทุกข์)

    จิตอยู่เหนือฟ้า ก็จะเจอความงดงามเบื้องบน
    (จิตอยู่เหนือโลก ก็จะเจอ "ความว่าง")


    ไม่มีอะไรคงอยู่กับเราตลอดไป
    ทั้งความสุขและทุกข์
    มันจะเข้ามาหาเรา แล้วมันก็จะผ่านไป
    จากนั้นมันก็จะกลับมาหาเราใหม่
    ไม่มีอะไรวัดใจเราได้หรอกว่า
    "จะมั่นคงกับสิ่งที่ทำได้มากขนาดไหน"
    มันขึ้นอยู่กับปัจจุบัน
    หากตั้งมั่นและแน่วแน่ว่าจะกลับพระนิพพานชาติใด
    ชาตินั้นก็ต้องได้กลับแน่ "ถ้าใจเราถึง"


    อุปสรรคที่ผ่านเข้ามาในชีวิตคือบททดสอบที่คุ้มค่า
    เพื่อดูว่าหัวใจเราจะแข็งแกร่งและมั่นคงแค่ไหนต่อพระรัตนตรัย
    ยึดมั่นและศรัทธาในพระรัตนตรัยผู้อยู่สูงสุด
    ไม่ใช่ตัวบุคคล..

    ขอเป็นกำลังใจให้เราฝ่าฟันอุปสรรค ดงกิเลส และอัตตาทั้งหลาย
    จวบจนวันสุดท้ายของชีวิต ก็ถึงจะได้รู้เองว่า ... เราจะกลับบ้านได้แล้วหรือยัง?
     
  13. มาลินี UK

    มาลินี UK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    807
    ค่าพลัง:
    +12,713
    " โลกธรรม"

    .ไม่รู้จักโลก ก็ไม่รู้จักธรรม

    -ไม่รู้จักทองคำ ก็ไม่รู้จักเพชร

    ...ไม่รู้จักสูง ก็ไม่รู้จักต่ำ...

    ...ศีลธรรม ทวนกระแส ของโลก...

    ...ผู้ประสบโชค ก็ต้อง มีศีลธรรม...

    ...คนดี แต่ไม่มี ศีลธรรม...

    ...เปรียบเหมือน ทองคำ ที่ไม่มีราคา...

    คนไม่มีมลทิน ส่งกลิ่น ทวนกระแส...

    ...ทั้งคนหนุ่ม คนแก่ ยังมีคนบูชา...

    ...คัดจากหนังสือแสงเทียนส่องธรรม (หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมุโม)

    ...กราบนมัสการหลวงพ่อจรัญเจ้าค่ะ กราบ กราบ กราบ...
     
  14. มาลินี UK

    มาลินี UK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    807
    ค่าพลัง:
    +12,713
    ดินแดนที่พ้นกรรมนั้นไม่มี

    ...จะอยู่ในอากาศ...ในช่องเขาในทะเล...

    ...หรือที่ไหน ที่ๆ ...คนพ้นจากกรรมนั้นไม่มี...

    ...ถ้าทำกรรมอะไร ...ก็จะได้รับกรรมอันนั้น...

    ...พระธรรมคำสั่งสอนของหลวงปู่ทอง วัดพระธาตุศรีจอมทอง จ.เชียงใหม่...

    ...กราบนมัสการหลวงปู่ทองเจ้าค่ะกราบ กราบ กราบ...
     
  15. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    46,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,043
    พระอริยสงฆ์ สายหลวงปู่มั่น
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=PwDraqB-T-Q&feature=endscreen]พระอริยสงฆ์ สายหลวงปู่มั่น - YouTube[/ame]
    ขอให้เจริญในธรรมทุกๆท่านค่ะ
     
  16. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    46,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,043
    เรื่องจริงอิงนิทาน เล่ม ๑ - ตอนที่ ๑๓. ผีวัดท่าซุง
    หลวงพ่อพระราชพรหมยาน - เรื่องจริงอิงนิทาน เล่ม ๑

    alt

    13. ผีวัดท่าซุง

    ตานี้ก็ผ่านเรื่องนี้ไป เอาอะไรกันดีล่ะ เอายังงี้ดีกว่า ผีวัดท่าซุง เหลือเวลาอีกประมาณ 28 นาที วันหนึ่ง คราวหนึ่งพูดประมาณ 1 ชั่วโมง

    ผีวัดท่าซุงนี้ก็ดีเหมือนกัน คือว่าเมื่อ พ.ศ. 2509 กับ พ.ศ. 2510 พระอาจารย์อรุณ อรุโณ เจ้าอาวาสวัดท่าซุงไปพบกับอาตมา ขอร้อง แค่นหลายวาระให้ช่วยมาสร้างหอสวดมนต์ให้ ทีนี้เมื่อปี พ.ศ. 2510 แกไปขอร้องอีก ก็เลยรับปาก ตอนนั้นอยู่วัดสะพาน เมื่อปี พ.ศ. 2509 อยู่วัดปากคลองมะขามเฒ่า แล้วท่านเจ้าอาวาสวัดสะพานมาขอให้ไปร่วม ก็เลยบอกว่าปี พ.ศ. 2510 จะไปอยู่ด้วย 1 ปี หลังจากนั้น อยากจะเข้ากรุงเทพฯ แต่ก็พอดีพระอาจารย์อรุณ อรุโณ ไปขอร้องบอกว่าช่วยสร้างหอสวดมนต์ด้วยเถอะ เสาตั้งค้างมา 10 ปีแล้ว แล้วปีนั้นก็พอดีขอพระครูฐานานุกรมให้พระครูแช่มกับพระครูประเทือง แล้วก็พระครูปลัดผ่อง ก็เลยขอให้พระอรุณด้วย อธิการอรุณ เป็นพระครูสังฆรักษ์

    นี่ขอให้นะ ไม่ได้ขาย ครั้นเมื่อปี พ.ศ. 2511 ทางพระครูสังฆรักษ์ อรุณ อรุโณ เจ้าอาวาสวัดท่าซุง ก็จัดขบวนแห่ไปรับ ตรงกับวันที่ 11 เห็นจะเป็น 11 มีนาคม พ.ศ. 2511 กระมัง อ้อวันที่ 25 วันที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2511 เขา ไปแห่กันเป็นการใหญ่ ก็นึกในใจว่านี่มันจะแห่กันไปถึงไหน แล้วก็คิดไว้แล้วว่า วัดนี้คงไม่เป็นเรื่อง มีความรู้สึกยังงั้นนะ ว่าวัดนี้คงไม่เป็นเรื่อง ชาวบ้านอาจจะดีบ้าง บางส่วนอาจจะเป๋ไป ตอนที่เขาไปชวนมีความรู้สึกแบบนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระนี่ไม่ได้ความ แต่ที่ตัดสินใจมา ก็เพราะ

    เรื่อง ราวของอดีต มีความรู้สึกในใจอยู่อย่างหนึ่ง คิดว่าวัดท่าซุงนี่เคยร่วมทำการสร้างมาในกาลก่อนนะ ไอ้นี่ไม่ใช่ผู้วิเศษละ มันมีความรู้สึกขึ้นมาเฉยๆ คิดว่าเวลานี้วัดที่เราเคยทะนุบำรุงมาถึงสองวาระมันพังไปหมดแล้วนี่ ควรจะไปทำอีกวาระหนึ่ง เป็นวาระที่ 3 และเป็นครั้งสุดท้าย เพราะพระนี่ไม่เคยทำอะไรเกิน 3 วาระ ตามระเบียบของพระ เมื่อครบ 3 ครั้ง แล้วก็เลิกกัน ก็เลยรับปากแก แกยกกระบวนแห่ไปรับมาก็มา พอถึงหน้าวัด เห็นโรงลิเกตั้งอยู่ก็ถามว่าอะไร ท่านก็บอกว่าโรงลิเก ก็เลยถามว่ามีลิเกทำไม ตอบว่ามีลิเกต้อนรับท่าน บอกว่านี่ ฉันไม่ชอบนะไอ้มหรสพนี่ ไม่น่าจะมีเลยนี่ ความจริงมันเสียเงินเสียทองเปล่าๆ เอาเงินจำนวนนั้นมาทะนุบำรุงวัดจะดีกว่า เขาก็บอกว่าชาวบ้านจะมีกัน ก็บอกใช่ละ ชาวบ้านมีก็ควรจะบอกชาวบ้าน ว่าเงินบาทหนึ่งก็ซื้อตะปูได้ตั้งหลายตัว ไอ้เรื่องการมีมหรสพนี่ไม่ควรจะปรารภ แต่ว่ามันมีแล้วก็แล้วกันไป เขาก็นิมนต์ขึ้นกุฏิ ไอ้กุฏิที่เขาให้ขึ้นน่ะ ความจริง นาวาอากาศเอกอาทร และคุณศิริรัตน์ โรจนวิภาต ช่วยส่งของมาตั้งเยอะ ทำครบได้ เอาเงินไว้ให้ด้วย ให้พระอรุณ อรุโณ หรือ

    พระ ครูสังฆรักษ์นี่ จัดช่างมาทำ เพราะท่านรับรองไว้ ว่าถ้ามาอยู่ที่วัดนี้ เรื่องอาหารการบริโภคบริบูรณ์ สมบูรณ์ การทำงานทำการต่างๆ ช่างมีเยอะ ไม่ต้องจ้าง อะไรเขาก็ช่วยกัน แล้ววัตถุก่อสร้างที่ซื้อเข้ามาท่านจะออกครึ่งหนึ่ง ให้อาตมาออกครึ่งหนึ่งนี่เป็นสัญญาเดิม แล้วหมูหมาต่างๆ ที่มีอยู่เอาไปเถอะ อาหารเหลือเยอะ

    เมื่อ มาสำรวจแล้วก็เป็นความจริง จริงตามนั้นทุกอย่าง แต่ว่าสัญญาของท่านไม่มีอะไรจริงเลย พอมาแล้วพ่อเบี้ยวหมด ทีนี้ตอนก่อนจะขึ้นวัด มองก่อนไปที่กุฏิที่ให้ทำของมีครบ เงินเขาไว้ให้แล้ว ปรากฏว่ามีแต่พื้นกับหลังคา ฝาไม่มี เสร็จ คิดแล้วว่าพระองค์นี้น่ากลัวจะแย่ ไม่ไหวแล้ว หาความเป็นพระจะยาก เพราะว่าสัจจะไม่มี สัญญาว่าจะทำได้เท่านั้นเท่านี้ ใช้เวลาไม่เท่าไหร่ ช่างก็เยอะ ไม่ต้องจ้างกัน แต่เอาเข้าจริงๆ จังๆ สตางค์ที่เขาให้ไว้ก็สูญไป ของที่เขาให้ไว้ก็ทำไม่เสร็จ ก็นึกว่าไอ้ที่เราคิดไว้คงไม่ผิด แต่ว่าเพื่อพระศาสนา ก็ตัดสินใจมา นี่เขาบอกให้ไปกุฏิก็บอกว่ายังก่อน เดี๋ยวเข้าโบสถ์กันก่อน พอเข้าโบสถ์ ก็ทำพิธีบวงสรวงตามแบบฉบับของหลวงพ่อปาน และ

    วิธีการของพระพุทธเจ้า มีอีกอย่างหนึ่งคือ เมตตัญสัพพโร นี่เป็นแบบฉบับ ขณะที่บวงสรวงก็เห็นอดีตเจ้าอาวาสทั้งหมดท่านมานั่งพร้อมกัน แต่ว่ามีพระอยู่องค์หนึ่งไม่ยอมเข้ามา เดินกรายไปกรายมาอยู่หลังโบสถ์ ก็ถามว่านี่ จะเอายังไงกัน จะเต็มใจให้มาอยู่หรือไม่เต็มใจให้มาอยู่ นี่ของยังไม่ได้สั่งขนนะ ยังไม่ได้ขนขึ้นจากเรือ ถ้าไม่เต็มใจให้มาอยู่ก็จะไปเดี๋ยวนี้แหละ จะกลับ ถ้าเต็มใจให้มาอยู่ก็มาประชุมพร้อมกัน แกก็มาประชุม พอมาประชุมพร้อมกันก็ถามพฤติกรรมต่างๆ ท่านก็บอกว่า เอายังงี้ก็แล้วกัน เวลานี้เวลามันน้อย เวลากลางคืนจะเล่าสู่กันฟัง เป็นอันว่าท่านมาผมรับรอง ผมสนับสนุนทุกอย่าง นี่บรรดีผีอดีตเจ้าอาวาสว่ายังงั้น นี่ตามวิธีการบวงสรวงนะ เขาเห็นผีกัน เขาพบผีกันได้ เมื่อท่านรับปากแล้วก็เป็นอันเสร็จพิธีขึ้นกุฏิ ขึ้นกุฏิแล้วเขาก็จัดการอาบน้ำเป็นพิธีการ เขาเรียกว่าเอาผักชีโรยหน้า มีการสวดมนต์เย็น ว่ากันไปตามเรื่อง เช้าทำบุญ พอทำบุญตอนเช้า แจกผ้าแดงปรากฏว่า นอกชานหัก แหมถ้ามันหักตรงนั้น ตรงที่เขาตั้งให้รดน้ำ ถ้าหากมันหักตอนนั้น อาตมาหัวแตกหัวแตนแน่ คนมาก เวลาคนมากมักไม่หัก ไปหักตอนคนน้อยก็ดีอยู่

    ตา นี้หลังจากนั้นมาเวลากลางคืนนะ วันถึงวันแรก ลิเขาก็เริ่มแสดง อาตมาก็เริ่มนอน โรคมันไม่ถูกกัน พอนอนลงไปแล้วก็ใส่กลอนห้องที่เขาให้พัก แทนที่จะหลับ ก็ไม่หลับ แต่ก็ไม่ได้ยินเสียงลิเก พระองค์ไม่เดินเข้ามาตอนบวงสรวงน่ะแหละ แกมานั่งคุยด้วย พระผี ชื่อหลวงตาเส็ง เสียงเป็นเจ๊กคุยล้งเล้งๆๆ แกก็เล่าให้ฟัง ว่า

    วัดท่าซุงนี้ตั้งมาตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนต้น ในยุคต้นของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา แล้วส่วนใหญ่พระที่เป็นเจ้าอาวาสตั้งแต่หลวงพ่อใหญ่ หลวงพ่อใหญ่องค์แรกที่เป็นผู้สร้างวัด ชื่อปานเหมือน กัน ชื่อปานเหมือนกับหลวงพ่อปาน รูปร่างหน้าตาใหญ่โต ท่านธุดงค์มาพบที่นี่เข้าแล้วก็เลยสร้างวัดตรงนี้ ปลูกหลังคาแฝกขึ้นมา แล้วท่านก็คุยต่อไปว่าในสมัยก่อนโน้น ลำคลองนี้เป็นลำคลองเล็ก ลำคลองนี้มันโตสมัยที่มีเรือเมล์ เรือเขียว เรือแดง วิ่ง มีคลื่น ตลิ่งมันพัง สมัยก่อนลำคลองเล็ก ใช้น้ำในลำคลองไม่ได้ ต้องใช้น้ำในห้วยเล็กๆ หลังวัด แกก็ชี้ออกไปให้เห็น เดิมในสมัยที่วัดมีความรุ่งเรืองมีเสาหงส์ แต่เสาหงส์ที่ปักอยู่ ถ้าจะวัดถึงเวลานี้ก็ประมาณกลางแม่น้ำ แกว่ายังงั้น แกชี้สถานที่ให้ดูว่า เสาหงส์สมัยตั้งวัด ตั้งตรงนั้น บริเวณที่ท่านจะสร้างกุฏินี่เป็นบริเวณป่าช้าเดิม ท่านขุดหลุมลงไปบางหลุม จะพบกระดูกและหม้อ หม้อดินใส่กระดูก แกบอกว่ายังงั้น

    สำหรับวัดนี้ตั้งแต่หลวงพ่อใหญ่ ลงมาจนกระทั่งหน้าหลวงพ่อเล่ง หลวงพ่อไล้ ก่อนหลวงพ่อเล้งหลวงพ่อไล้ ส่วนใหญ่เป็นพระอริยเจ้า ท่านบอกว่าพระเจ้าอาวาสทั้งหมดที่เป็นลำดับมาน่ะ เป็นพระอริยเจ้าทั้งหมด เป็นดินแดนของพระอริยะ คำว่าอริยะในที่นี้ ท่านหมายตั้งแต่พระโสดาบันขึ้นไปถึงพระอรหันต์ จะเป็นขั้นไหนบ้างท่านไม่ได้บอก ท่านบอกว่ามาขาดตอนพระอริยเจ้าเอาตอนหลวงพ่อเล้ง หลวงพ่อไล้ แต่ก็เป็นพระทรงฌาณอยู่ดี เมื่อหลวงพ่อเล้งหลวงพ่อไล้ตายแล้ว มาหลวงพ่อทองรู้สึกว่าเป็นพระพอไปได้ มีศีลาจารวัตรพอสมควรหลังจากหลวงพ่อทองมาแล้วทั้งหมดก็ปรากฏว่าเป็นภิกขุพา นิช หมายความว่ามีจิตไม่เป็นพระแล้ว เจ้าอาวาสตั้งแต่บัดนี้มาจนถึงปัจจุบัน ท่านบอกว่าพวกนี้แสวงหาความร่ำรวยเอาภาษีให้วัด ของวัดมีเท่าไหร่ก็ขายหมด รื้อขายบ้าง เอาซุงมาเลื่อยขายบ้าง มาทำตู้ทำโต๊ะ ขายกันบ้าง ทำไร่บ้าง อะไรก็ตาม หาอาชีพกัน เอาวัดเป็นอาชีพ การซ่อมแซมไม่มีมาแล้ว 47 ปี นี่พูดกันถึงว่าปี พ.ศ. 2511 นะ ท่านบอกว่าการซ่อมแซมไม่มีมาแล้ว 41 ปี มีแต่รื้อถอนปล่อยให้พัง เจ้าอาวาสผ่านไป 7 ท่าน แต่ละท่านมีเงินร่ำรวยมาก แต่ออกไปไม่ช้าก็บรรลัยหมด เพราะเงินของสงฆ์นี่น่ะ เอาไปได้ไม่นาน

    ท่าน เล่าสู่กันฟังก็เป็นอันทราบประวัติความเป็นมา แล้วท่านก็เลยถามว่าท่านรู้ไหม ว่าตัวท่านเองเคยร่วมในการก่อสร้างวัดนี้มาก่อน ก็เลยถามว่าผมเคยเป็นเจ้าอาวาสวัดนี้รึ ท่านบอกว่าไม่เคย แต่ว่าเป็นฆราวาสเคยสนับสนุนในการสร้างวัดนี้ เป็นตัวตั้งตัวตีในการทะนุบำรุง เรียกว่าทำมาแล้ว 2 วาระ ก็เลยบอกว่าท่านว่าความรู้สึกมันก็เป็นยังงั้น เวลาที่เจ้าอาวาสไปนิมนต์ก็รู้สึกว่าเจ้าอาวาสองค์นี้คงจะเข้ากันไม่ได้ เพราะว่ามีจริยะกันคนละทางตามความรู้สึก แต่ทว่าที่ตัดสินใจมาก็เพราะความรู้สึกอีกดวงหนึ่งมันเกิดขึ้น ว่าวัดนี้ เราเคยบูรณะปฏิสังขรณ์มา แต่กำลังจะทรุดโทรมหนัก มีสภาพไม่เป็นวัดก็อยากจะมาทำคืน ให้มันทรงตัวขึ้นมา มีความรู้สึกอย่างนั้น ก็เลยถามท่านว่า ผมมานี่ก็รู้สึกลำบาก นาวาอากาศเอกอาทร โรจนวิภาตกับภรรยาก็รู้สึกว่ายังเป็นเด็กอยู่ ไม่กว้างขวาง เพราะว่ายังไม่เคยเป็นผู้หลักผู้ใหญ่มาก จะไปเกณฑ์ใครก็ยาก นี่ผมจะทำได้หรือขอรับ ท่านก็ตอบว่าได้ ท่านผู้ใหญ่ทั้งหมดที่มาประชุม เป็นพระอริยเจ้าทั้งหมด มีพระไม่ใช่พระอริยะเจ้ามีหลวงพ่อเล่ง หลวงพ่อไล้เท่านั้นที่ตายไปแล้ว แต่ว่าหลวงพ่อไล้ก็เป็นพระฌานโลกีย์ จัดว่าดีอยู่ ตัวท่านเองที่พูดท่านก็บอกว่าเป็นพระอริยะเจ้า

    ท่านบอกว่าทุกองค์เต็มใจช่วย เทวดาเขาก็ช่วย ไม่เป็นไร ก็เป็นอันว่าปีต้น นาวาอากาศเอก อาทร กับ ศิริรัตน์ โรจนวิภาตเป็นกำลัง แล้วคุณอาทรก็มาบวช เงินช่วยในการบวชเขา 8,000 บาท เขาไม่ได้หักค่าใช้จ่ายเลย เอาเงินส่วนตัวจ่าย ถวายเข้ามาเป็นทุนซ่อมวัด ตอนที่อยู่วัดสะพานเขาจัดงานกันขึ้น ในฐานะที่จะรวมสตางค์ทอดผ้าป่าหรือทำบุญนั่นแหละ เลี้ยงพระเพลได้เงิน 8,000 บาท ให้อาตมาไว้รักษาตัว อาตมาใช้ไป 2,000 บาท เหลือ 6,000 บาท เลยเอามารวมหมด แล้วปีนั้นก็ปรากฏว่าพลอากาศโทพะเนียง กานตรัตน์ ผู้ช่วยเสนาธิการทหารอากาศคนปัจจุบัน มาทอดกฐินให้ ขณะที่ทอดกฐินก็ปรากฏว่าพลอากาศตรีหม่อมราชวงศ์ เสริม สุขสวัสดิ์ เจ้ากรมสื่อสารทหารอากาศมาด้วย ก็เลยขอร้องท่านบอกว่า ขอให้เป็นทายกประจำวัด ปรากฏว่าหลังจากนั้นเป็นต้นมา ท่านพลอากาศตรีหม่อมราชวงศ์ เสริม สุขสวัสดิ์ เจ้ากรมสื่อสารทหารอากาศ กับภรรยาก็เป็นกำลังใหญ่ ช่วยทุนบำรุงวัดนี้เท่าที่เป็นอยู่ปัจจุบันนี่แหละ นับตั้งแต่วัดโกรงเกรงมีสภาพไม่เป็นวัด จนกระทั่งบัดนี้รู้สึกว่าเป็นวัดในชนบทพอที่จะลืมตาอ้าปากได้ เรียกว่าพอโชว์เขาได้นิดๆ นะ ไม่ใช่สวยหรู วัดชนบท พอดูหน้าดูตาเป็นวัดขึ้นมาได้ ถ้าจะดูวัดแถวอุทัยกันละก็ วัดชนบทด้วยกันน่ากลัวจะไม่พบละ ดีกว่าเขา ใช้เวลาก่อสร้างเอาที่เป็นล่ำเป็นสันจริงๆ แค่ 2 ปี คือ ปี พ.ศ. 2513 กับ พ.ศ. 2515 เพราะปี พ.ศ. 2514 ไปสร้างเสียที่โน่น วัดสามจีนท่าโป๊ะ ยกคณะไปสร้างกันที่นั่น แล้วก็ปี พ.ศ. 2511 ก็ทำกันแต่ที่พักอาศัย ปี พ.ศ. 2512 ทำอาคารสื่อสารขึ้นมา เป็นอาคารชั่วคราว เพื่อเป็นการรับกฐิน ทีนี้กำลังงานจริงที่เป็นหลักเป็นฐานจริงๆ ก็แค่ 2 ปี คือ พ.ศ. 2513 กับ พ.ศ. 2515 แล้วก็มาดูกันเอาก็แล้วว่าชั่วระยะเวลา 2 ปี ท่านพลอากาศตรีหม่อมราชวงศ์ เสริม สุขสวัสดิ์ พร้อมด้วยภรรยารับเป็นภาระธุระทายกประจำ ชักชวนบรรดาญาติมิตรทั้งหลายมาซ่อมแซมบูรณะปฏิสังขรณ์แล้วก็สร้างใหม่ในวัด นี้ มีอะไรบ้าง อย่าขอให้บอกเลย ประเดี๋ยวจะหาว่าโชว์พรรคพวกมากเกินไป จะเลยดีไป

    เป็น อันว่า ความศักดิ์สิทธิ์ของผีมีจริง ในขณะนั้น ขณะที่ทำการก่อสร้างปีแรกก็คิดว่าจะทำอะไรให้เป็นอนุสรณ์สักอย่าง ก็เอายังงี้ก่อน ตอนก่อสร้างอาคารเล็กๆ เป็นที่พักชั่วคราวหน้าท่า ก็เอา ชย. ของ บน. 4 มาช่วย ขณะนั้น

    นายโต อ่อนคำ เขาก็มาช่วยด้วย นอนอยู่ใต้ถุนอาคารที่พัก พอตกตอนดึกปรากฏว่าเห็นคน 2 คน คนหนึ่งนั่งอยู่ที่โคนต้นโพธิ์ อีกคนหนึ่งเดินอยู่ใกล้ๆ นายโต เดินผ่านไปผ่านมา นายโตแกก็คิดว่าขโมย หยิบไฟฉายจะส่อง ยกไฟฉายไม่ขึ้น พอหยิบปืนขึ้นมา ก็ปรากฏว่ายกปืนไม่ขึ้น เสียงเจ้าคนนั้นเขาบอกว่าไอ้ปืนไม่มีความหมายสำหรับข้า นายโตก็ถามว่าแกเป็นใคร เขาก็บอกว่าข้าเป็นผีโว้ย กูเฝ้าทรัพย์ของกูอยู่ที่โคนต้นโพธิ์ โน่นเพื่อนกูนั่งอยู่โน่นคนหนึ่ง ถามว่ามาเดินทำไม ตอบว่ากูก็มาเดินเล่นของมั่งน่ะซี มึงจะทำไมล่ะ ไอ้ปืนมึงน่ะอย่าหยิบขึ้นมาเลย ยิงผีไม่ได้หรอก หยิบก็ยกไม่ขึ้น นี่เป็นตอนหนึ่งของผีโคนต้นโพธิ์

    ที นี้อีตอนหนึ่งก็มีอยู่ว่า อาตมามีความตั้งใจอยากจะหล่อรูปหรือปั้นรูปเจ้าอาวาสอดีตเจ้าอาวาส ก็คิดในใจว่าเอเจ้าอาวาสก็มีเยอะที่มีความดี ถ้าหากจะปั้นกันจริงๆ (หล่อมันแพง) จะ ปั้นกันจริงๆ แล้วก็ต้องปั้นกันทุกองค์ ถ้าปั้นองค์อื่นนะ ที่ถูกแล้วต้องปั้นองค์แรก องค์สถาปนา ถ้าปั้นองค์สถาปนาก็ไม่ต้องไล่เบี้ย ก็คิดว่าจะปั้นองค์แรก คือหลวงพ่อใหญ่ ที่เรียกกันว่าหลวงพ่อปาน หลวงพ่อปานเหมือนกันนะ อาจารย์อาตมาก็หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค ที่วัดนี้องค์แรกที่เราเรียกว่าหลวงพ่อใหญ่ ท่านมาบอกว่าท่านชื่อปาน ก็ให้ช่างเขามาปั้นให้ปั้นรูปหลวงพ่อใหญ่ หลวงพ่อสุขวัดปากคลองมะขามเฒ่า แล้วก็หลวงพ่อปานวัดบางนมโค แล้วก็พระพุทธรูป ให้ปั้น 4 องค์ ช่างเขาก็ปั้นไปแล้ว 3 องค์ รูปหลวงพ่อใหญ่ทำเป็นองค์เล็กๆ ไว้ก่อน เพราะหารูปดูไม่ได้ เขาถามว่ารูปร่างท่านเป็นยังไง ก็บอกว่ารูปร่างท่านใหญ่ ท่านอ้วนขาว เหลือง ว่าอย่างงั้นนะ ช่างเขาถามว่าทำยังไงถึงจะถูกล่ะ ก็ตอบว่าปั้นส่งเดชไปเฮอะ เอาอ้วนๆ ใหญ่ๆ ก็แล้วกัน อย่าไปทำองค์เล็กเข้า รูปจะดูไม่มีนี่จะทำให้เหมือนน่ะไม่ได้ ขั้นแรกเขาก็ทำเอาดินพอกเหล็กขึ้นไป พอตกกลางคืนสัก 6 ทุ่ม ปรากฏว่ายังไม่หลับ หลวงพ่อใหญ่มาหา ท่านก็เลยมาบอกว่า นี่ ข้ามันตัวโตขนาดนี้นี่หว่า มันอ้วนยังงี้ และมันทำตัวเล็กๆ ยังงั้นใช้ได้หรือไอ้ช่าง ถ้าขืนทำแบบนั้นข้าจะไปบีบคอมัน ท่านพูดแบบนั้นก็เป็นการล้อเล่น ก็เลยกราบเรียนท่านว่า หลวงพ่อ ยังงั้นไม่ถูกหรอก บีบคอไม่ดี ทางที่ดีละก็ หลวงพ่อไปทำตัวให้เขาเห็นซี ให้เขาจำได้ แล้วเขาสเก็ชภาพไว้ เขาจะได้ทำถูก ท่านก็เลยบอกเอ้อ ดีเหมือนกันว่ะ ไอ้ช่างมันอยู่ที่ชัยนาทใช่ไหม ก็ตอบว่าใช่ขอรับ อยู่หน้าวัดสะพาน ชัยนาท เอาถ้ายังงั้นข้าจะไป ข้าลาละ แล้วท่านก็หายไป

    พอ รุ่งเช้า ช่างจะมาปั้น ปรากฏว่ามีรูปหลวงพ่อใหญ่มาด้วย เขียนมา แกมาถึงแสดงอาการตกใจใหญ่ บอกว่า เมื่อคืนนี้มีพระองค์หนึ่งไปปลุกให้ตื่นขึ้น ท่านบอกว่าท่านชื่อหลวงพ่อใหญ่ที่เขาจะปั้นรูปนี่แหละ แล้วท่านก็นั่งให้ดู บอก นี่มึงจำรูปกู รูปใหญ่โตขนาดนี้ มึงเอาไปปั้น มึงจะทำเล็กๆอย่างนั้นไม่ได้หรอก ถ้ามันจำไม่ได้ กลัวจะไม่ได้ก็เขียนเอาไว้ ช่างก็เลยหยิบกระดาษมาเขียนวาดภาพ ปรากฏว่ามีส่วนคล้ายคลึงท่านมาก เป็นอันว่าปั้นได้ เมื่อปั้นเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็กลับมาท้วงอีก บอกว่า เฮ้ย หัวกูมันโตกว่านี่หน่อยว่ะ ทำไมปั้นหัวเล็กไปวะ แต่ไม่เป็นไร มันปั้นเล็กไปนิดก็ไม่เป็นไรหรอก มันย่อมทำไม่ได้ เพราะมันไม่ได้เห็นข้าจริงๆ มันไม่ได้วัดสัดวัดส่วน นี่ก็เป็นเรื่องของผีเหมือนกันผีพระ แล้วนอกจากผีพระ ก็มีผีฆราวาส จะขอเล่าเรื่องให้ฟังอีกสักนิด คือว่าผีฆราวาส ก็เรียกว่าผีเผ้าทรัพย์นั่นแหละ

    (อ่านต่อข้างล่างค่ะ)
     
  17. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    46,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,043
    ในกาลบางครั้ง เมื่อปี พ.ศ. 2512 อาตมา อยู่คนเดียว ทุกคนเขาไปธุระกันหมด กลางคืนก็ออกมาเดินจงกรมใต้อาคารหลังที่เป็นครัวเดี๋ยวนี้ ขณะทีเดินจงกรม เดินไป เสียงบนหลังคาก็เดินบ้าง หลังคาสังกะสีเสียงปังๆๆๆ เอาเท้ากระทืบ เราเดินมา แกก็เดินบ้าง เราเดินไปแกก็เดินบ้าง เป็นอันว่าแกชอบเดินตาม ก็เลยหยุด แล้วบอกว่านี่พ่อคุณ อยากจะเดินตามก็เชิญเดินเถอะ เดินไป ฉันจะหยุด แกก็เลยไม่เดินต่อไป แล้วก็เลยบอกว่านี่เรา ฉันอยู่คนเดียวนะ ช่วยอยู่ยามนะ อย่าให้ใครมันย่องเข้ามาในเขตรั้วนี่ไม่ได้นะ เราเป็นนายยาม ฉันจะได้ไม่ต้องห่วงยาม เสียงข้างบนเขาว่ายังไง บอกขอรับ ถามเขาว่าชอบอะไรล่ะ แกบอกว่าเหล้ากับไก่ก็ดีเหมือนกันแหละ ก็เลยบอกว่าเอาอย่างนี้ซี เป็นพระจะไปซื้อยังไงเล่า ถ้าคนเขากลับมาแล้วล่ะ จะให้เขาซื้อมาเลี้ยงนะ เสียงข้างบนบอกขอรับ ขอรับ ถามว่ามีกี่คนด้วยกันล่ะ บอกมาว่ามีผู้ชาย 4 ผู้หญิง 5 ขอ รับ ถามว่าผู้หญิงกินเหล้าไหม เสียงบอกลงมาบอกว่า ไม่ชอบเจ้าค่ะ ชอบผลไม้ ก็เป็นอันว่าจะเลี้ยงไก่กับเหล้าและผลไม้ เมื่อเวลาคนเขามากันจริงๆ ก็เลี้ยงตามนั้นไม่โกหกผี

    เอาละบรรดาท่านผู้ฟังทั้งหลาย ตามที่กล่าวมานี้ มันก็ยาวนะ เวลาใกล้จะถึงชั่วโมงเหลือเวลาอีก 3 นาทีครึ่งก็จะถึง 1 ชั่วโมงแล้ว ก็เป็นอันว่าเลิกกันดีละมัง

    ทีนี้ก็มาสรุปเรื่องกันเสียนิดหนึ่ง ว่าเรื่องที่กล่าวมามันเป็นเรื่อง ของผี จริงหรือไม่จริง เรื่องนี้พระพุทธเจ้าก็ทรงรับรองนะ ว่าผีมีจริง ปู่ย่าตาทวดของเราทั้งหลายท่านก็รับรอง ว่าผีมีจริง ตานี้พวกเด็กๆ เล็กๆ ก็กลัวผี บรรดาผู้ใหญ่ทั้งหลายก็กลัวผี แต่ก็มีหลายคนทั้งๆ ที่ตนเองกลัวผี แต่ก็ไม่เชื่อว่าผีมี นี่น่าคิดไหม น่าคิดไหมว่าทั้งๆ ที่กลัวผีแต่ไม่เชื่อว่าผีมี ทีนี้จะทำยังไงเล่าจึงจะพิสูจน์ได้ว่าผีมีจริงหรือไม่จริง

    ถ้า เราจะไปนั่งให้ผีหลอกนั่นเป็นการไม่สมควรแน่ อย่าลืมนะ ถ้าคนไม่กลัว ผีไม่หลอก ผีจะหลอกได้แต่คนกลัวเท่านั้น เพราะผีเป็นพวกอทิสมานกาย คล้ายๆ กับพวกอสุรกาย คือกายไม่กล้า ถ้าหากเราไม่กลัวเสียอย่างเดียว ผีก็ไม่ปรากฏ ถ้าหากจะให้ผีปรากฏเราก็อาจจะสงสัยว่ามันจะเป็นผีจริงๆ หรือว่าตาฝาดไป มองอะไรเข้าใจว่ามันเป็นผี มันก็ไม่แน่นัก ทางที่ดีเรามาศึกษาเพื่อการรู้เรื่องของผีสักหน่อยดีไหม การศึกษาแบบนี้ก็ไม่มีอะไร นอกจากขอเรียนสมาธิจิตจากสำนักอาจารย์ใดอาจารย์หนึ่งที่ท่านสามารถจะดูผี เห็น หรือว่าสามารถจะไปพบผีได้ วิธีเรียนอันนี้ก็ไม่ยาก ทำได้แต่ขอให้ทำจริงๆ นะ ทำให้ตรงตามแบบของพระพุทธเจ้า แบบของคนอื่นนี่รับรองไม่ได้ เพราะไม่เคยเรียน แบบของพระพุทธเจ้าก็มีอยู่ว่า หนึ่งตัดอารมณ์ยุ่งเสียให้หมด อารมณ์ฟุ้งซ่านอย่าให้มี สองมีศีลบริสุทธิ์ สามระงับนิวรณ์ 5 ประการได้ทุกขณะจิตที่เราตั้งใจจะระงับได้ สี่มีพรหมวิหาร 4 แล้วก็ห้า ทรงสมาธิจิตในด้านกสิณ 3 ประการ คือ เตโชกสิณ หรือโอทาตกสิณ หรืออาโลกกสิณ อย่างใดอย่างหนึ่งให้มั่นคง แล้วต่อจากนั้นไปก็ฝึกความต้องการเห็นผี เห็นสัตว์นรกเห็นเปรตเห็นอสุรกายเห็นพรหม อะไรก็ได้ตามความปรารถนา ทำให้ได้จริงๆ อย่างนี้แล้ว ก็ลองดูผีกัน เอาให้ได้เป็นฌานเสียก่อนนะ แล้วก็ลองดูผีกัน ว่าเราจะเห็นผีได้ไหม ถ้าเห็นไม่ได้ เราทำได้ดีแล้วเห็นผีไม่ได้ ก็ให้คิดว่าวิชาในพระพุทธศาสนาเหลวไหล พระพุทธเจ้าใช้ไม่ได้ แต่หากว่าท่านทำไม่ได้ แล้วท่านไม่เห็นผี ท่านจะไปโทษพระพุทธเจ้าไม่ได้ พระพุทธเจ้าไม่เหลวไหล ตัวท่านเองนั่นแหละเหลวไหล คือไม่เอาจริงไม่เอาจัง

    เอาละท่านผู้ฟัง เวลาหมดแล้ว ครบชั่วโมงพอดี สำหรับวันที่ 28 นี้ก็ขอลาก่อน ขอความสุขสวัสดิ์พิพัฒนมงคล สมบูรณ์พูนผลจงมีแด่ทุกๆ คนที่รับฟังทุกท่าน สวัสดี



    จาก หนังสือ เรื่องจริงอิงนิทาน เล่ม ๑

    เรื่องจริงอิงนิทาน เล่ม ๑ - ตอนที่ ๑๓. ผีวัดท่าซุง
    ****************************************
    ขอให้เจริญในธรรมทุกๆท่านค่ะ
     
  18. Natcha@uk

    Natcha@uk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    618
    ค่าพลัง:
    +9,444
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 กรกฎาคม 2013
  19. มาลินี UK

    มาลินี UK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    807
    ค่าพลัง:
    +12,713
    ฐานสำคัญ ๆ คือ อริยสัจได้มาเหมือนกัน...

    -ศาสนาเราไม่ได้ประมาทนะ...มีกี่หมืน กี่แสน กี่ล้านศาสนาก็ตามเถอะถ้าศาสนาใด

    ...ไม่มีอริยสัจแล้ว...ศาสนานั้นไม่มีเครื่องฆ่ากิเลสว่างั้นเลย...สติปัฏฐาน ๔ อริยสัจ ๔...

    ...นี่คือเครื่องสังหารกิเลสโดยตรง...ไม่บอกก็ผู้ฆ่ากิเลสด้วยเครื่องกิเลสเหล่านี้ก็รู้เอง...

    ...เพราะฉนั้นพระพุทธเจ้าจึงไม่จำเป็นว่า...ท่านนิพพานไปไม่นานเท่าไร สัจธรรมเป็น

    -กาลเป็นเวลาที่ไหน...ดูตัวของเรานี้ว่างั้นเลยเปิดขึ้นมาทีนี้ล่ะ...

    -ซึ่งมากจริงๆ ...อริยสัจนะ พอเปิดขึ้นมาที่นี่แล้ว ก็เท่ากับเปิดให้เห็นความจริงของ

    ...พระพุทธเจ้าทั้งหลายและพระสาวก...ตลอดถึงธรรมที่ท่านรู้ท่านเห็นเปิดขึ้นมาในขณะ

    ...เดียวกัน...ให้รู้ให้เห็นอย่างเดียวกันหมด ไอ้เรื่องความกว้างความแคบ ลึกตื้น หยาบ

    ...ละเอียด...มันเป็นประเภทหนึ่ง แต่ว่าฐานอันสำคัญๆได้มาเหมือนกันหมดเลย จาก...

    -อริยสัจ นั่นลงตรงนี้อีกแหละ ...ฐานสำคัญๆ คืออริยสัจได้มาเหมือนกันหมด...

    ...พระธรรมคำสั่งสอนของหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน วัดป่าบ้านตาด จ. อุดรธานี.

    -น้อมรับพระธรรมคำสอนขององค์ท่านและน้อมกราบองค์ท่านด้วยเศียรเก้ลาเจ้าค่ะ...
     
  20. มาลินี UK

    มาลินี UK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    807
    ค่าพลัง:
    +12,713
    ความจริงมันรู้จริงเห็นจริง...เพราะทำจริง ปฏิบัติจริง เห็นจริง พูดได้จริงๆ

    ...ตามหลักธรรมชาติที่เป็นจริงแล้วใครจะค้านได้...ค้านไม่ได้ มันต่างกันที่ตรงนี้...

    ...เพราะฉนั้นให้เรียนให้ถึงของจริง...ของจริงสมัยพุทธกาลกับของจริงครั้งนี้เหมือนกัน

    ...ทุกขัง อริยสัจจัง คงเส้นคงวา สมุทัย อริสัจจังก็คงเส้นคงวา นิโรธ อริสัจจัง ก็คงเส้น

    คงวา...นิโรธ อริยสัจจัง ก็คงเส้นคงวา...มัคคปฏิปหา อริยสัจจัง ก็คงเส้นคงวา...

    ...เอาเดินซิ...ไม่มีอะไรบกพร่องเลยธรรมของพระพุทธเจ้า...

    -พระธรรมคำสั่งสอนของหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ๓๐ กรกฏาคม ๒๕๒๑...

    น้อมกราบองค์หลวงตามหาบัวด้วยเศียรเก้ลาเจ้าค่ะ กราบ กราบ กราบ...
     

แชร์หน้านี้

Loading...