ปัญหาการมีอยู่จริงของพระผู้เป็นเจ้าในศาสนาฮินดู

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย Sirius Galaxy, 19 มิถุนายน 2013.

  1. stone111

    stone111 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 เมษายน 2012
    โพสต์:
    72
    ค่าพลัง:
    +32
    ปากหมา อีหน้าตุ๊ด
    ยะโสไปเถอะ เสือกลงก่อนกูเสียอีก อีเวร
    หนังหน้าอย่างมึง มีปัญญาอะไร จะไปชี้แนะใครเขาได้
    เสือกไม่เข้าเรื่อง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 26 มิถุนายน 2013
  2. stone111

    stone111 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 เมษายน 2012
    โพสต์:
    72
    ค่าพลัง:
    +32
    องค์เดียวกันนั้นแหละ
    อ่านดูคำตอบที่ผ่านๆ มา
     
  3. อภิมาร

    อภิมาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    711
    ค่าพลัง:
    +2,154


    จา..คึด.จาว่าว..จาเฮ็ดหยัง..ระวังเจตนาให้ดี

    ระวังจาเป็นเวร..เป็นกรรมเด้อบักจ่อย..กล้าเล่น

    ก็ต้องเตรียมใจรับเด้อ..เวลามันมาจาหนักหลายเด้อ

    ห่วง..เด้อ..บักจ่อยเด้อ.
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  4. stone111

    stone111 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 เมษายน 2012
    โพสต์:
    72
    ค่าพลัง:
    +32
    ขอบคุณหลาย
    ที่เป็นห่วงเป็นใยข้อย
    อย่างมากข้อย ก็เผ่นละจ้า

    ไม่หนุกแล้ว เบื่อจังเบย ไปแหละ ไม่มาแหละ
     
  5. choksila58

    choksila58 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    631
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,059
    ..สุภาพหน่อยยย ก้อได้นะเฮีย ผ่อนคันเร่งบ้าง.. มันเยอะไป
     
  6. อภิมาร

    อภิมาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    711
    ค่าพลัง:
    +2,154


    จา..คึด.จาว่าว..จาเฮ็ดหยัง..ระวังเจตนาให้ดี ไปโดนไผ..เป็นไผ

    ระวังจาเป็นเวร..เป็นกรรมเด้อบักจ่อย..กล้าเล่น

    ก็ต้องเตรียมใจรับเด้อ..เวลามันมาจาหนักหลายเด้อ

    ห่วง..เด้อ..บักจ่อยเด้อ.
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  7. ธัมมะสามี

    ธัมมะสามี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2013
    โพสต์:
    513
    ค่าพลัง:
    +2,781
    ..... ไอ้น้อง ชักหนักข้อเกินไปแล้วนะเราน่ะ พูดจาก้าวร้าวเป็นเด็กสลัมไปได้ พูดกันดีๆ จะเป็นไรไป ไม่เห็นมีใครเขาด่าเขาว่าเธอสักหน่อย มีมารยาทหน่อยเวลาอยู่ในสังคม หางเริ่มโผล่แล้ว รีบเก็บหน่อย.
     
  8. อภิมาร

    อภิมาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    711
    ค่าพลัง:
    +2,154


    ขออภัยครับ

    เท่าที่จำได้..อภัยมีไว้ให้กับความไม่รู้..ความพลั้งพลาด

    และความประมาทครับ.
     
  9. ธัมมะสามี

    ธัมมะสามี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2013
    โพสต์:
    513
    ค่าพลัง:
    +2,781
    ..... ขอโทษครับคุณอภิมาร ผมใส่อารมณ์ไปหน่อย ผมว่าให้แต่ไอ้คุณ 5buddha มันก็เกินไปเที่ยวว่าคนที่มาแสดงความคิดเห็นแทบทุกคน มันจะอะไรกันนักกันหนา กัดเขาไปทั่ว ใช้คำหยาบคาย คนอะไรนิสัยหยาบๆ แย่จริงๆ
     
  10. อินทรบุตร

    อินทรบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +7,320
    กัมมุนา วัตตติ โลโก

    เขาสร้างเหตุปัจจัยเช่นใดไว้ เขาก็จะรับผลของเหตุปัจจัยนั้น

    หน้าที่ของท่านธัมมะสามี คือสร้างเหตุปัจจัย ในบารมี 30 ทัศ
     
  11. พระยาเดโชชัยมือศึก

    พระยาเดโชชัยมือศึก สินธพอมรินทร์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2005
    โพสต์:
    2,742
    ค่าพลัง:
    +12,024
    จะได้เป็นเทพ ต้องสร้างสมบารมี องค์เทพต่างๆ ส่วนมาก ก็ล้วนแต่เกี่ยวเนื่องกัน เคยเกิดเป็นพ่อแม่ลูกสร้างบารมีกันมา พระพรหมหลายองค์ที่ท่านมีบารมีมากๆก็ไปสงเคราะห์ภพภูมิ ด้วยการรับตำแหน่งต่างๆ ทางเทพ
    พวกเราส่วนมาก ล้วนเคยเป็นลูกหลานของพระอินทร์องค์ปัจจุบัน เลยเคารพเทพ แล้วก็เคารพพระพุทธเจ้าด้วย เพราะจุดหมายของพวกเราส่วนมาก คือการปรารถนาที่จะเป็นพระพุทธเจ้า
    กระแสพระนารายณ์ ที่ได้รับในช่วงนี้ ก็เป็นกระแสของพระนารายณ์มหาราช ซึ่งพระองค์ทรงเป็นพระโพธิสัตว์ใหญ่ หากเราช่วยงานท่านมา เวลาเราบูชาองค์เทพพระนารายณ์ ท่านก็อาจจะมาโปรดเราในปางนี้ และก็สามารถที่จะมีองค์อื่นๆมาได้เช่นกัน อย่างท่านพี่มเหสักฯท่านก็มาโปรดได้ เพราะทั้งสองพระองค์ท่านก็ย่อมสงเคราะห์ลูกหลานบริวารของท่านได้
     
  12. พระยาเดโชชัยมือศึก

    พระยาเดโชชัยมือศึก สินธพอมรินทร์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2005
    โพสต์:
    2,742
    ค่าพลัง:
    +12,024
    สร้างสมบารมีกันมานาน เรื่องเมตตา เป็นหัวใจสำคัญ จะโกธรและทะเลาะกันไปทำไม มีบ้างที่ไม่ค่อยจะลงรอยในความคิดเห็น เพราะเราก็อยู่ในความเป็นมนุษย์ แต่อย่าให้ทะเลาะเบาะแว้ง อิอิ
     
  13. ผมยังเลวอยู่มาก

    ผมยังเลวอยู่มาก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2008
    โพสต์:
    187
    ค่าพลัง:
    +539
    ตอบ คุณ 5 buddha ดังนี้คับ
    ขอแบ่งปริศนา เป็น 2 ประเด็น
    1) ยุคก่อนพุทธกาล เป็นยุคศาสนาพราหมณ์รุ่งเรือง *************ถูกต้องแล้วคับ
    2) ยุคพุทธกาล เป็นยุคพระพุทธศาสนารุ่งเรือง จวบจนกระทั่งศาสนาพราหมณ์มาเปลี่ยนเป็นศาสนาฮินดู************ถูกต้องคับเริ่มเสื่อมลง

    ศาสนาพุทธที่รุ่งเรืองจริงๆ กลับไม่ใช่เถรวาท แต่ศาสนาพุทธที่รุ่งเรืองในอินเดีย ณ ขณะนั้น ก็คือ ศาสนาพุทธมหายาน
    โดยมีหลักฐานที่ค้นพบ จากถ้ำอจันตา (Ajanta) หรือถ้ำพระพุทธเจ้าหมื่นองค์
    แม้กระทั่งวิหาร ม.นาลันทา ก็ล้วนแล้วแต่เป็นของมหายาน ทั้งสิ้นประเด็นอยู่ที่ว่าพระนาม พระศิวะ พระพรหม พระนาราณย์ ทำไมยังไม่ปรากฏอยู่ในคัมภีร์หรือพระสูตรพุทธของเถรวาท
    แต่กลับไปปรากฎในมหายาน

    ปัจจุบันหลักฐานที่ค้นพบปรากฎอยู่ในวัดเล่งเน่ยยี่ 1 และ2 ทุกมหาเทพ, มหาเทวี ทุกพระนาม
    ของฮินดูไปปรากฎทั้งรูปลักษณ์ในวัดนี้ ทั้งสิ้น***** ประเด็นนี้คุณก็ต้องเข้าใจมูลเหตุของการเกิดมหายานขึ้นมาด้วยว่าเกิดจากอะไรอะไรเป็นสาเหตุ และ และความแตกต่าง กันอย่างไร ทำไมเถรวาทถึงยังคงยึดรูปแบบเดิมแต่มหายานกลับเปลี่ยนแปลงในส่วนของพระวินัยและคำสอนบางส่วนโดยมี เทพเจ้าฝ่ายพุทธ เข้ามามากมาย เพราะอะไรล่ะ คับ ก็เพราะเพื่อตอบโจทย์การแย่งพื้นที่ศรัทธาในสมัยนั้นที่ ผู้คนเริ่มหันไปนับถือและนิยมสวดอ้อนวอนเทพเจ้าตามหลักฮินดูกัน

    เหตุผลหลัก ก็คือ เถรวาท ไม่ยอมรับและพยายามเป็นปรปักษ์กับศาสนาฮินดู
    แม้แต่ศาสนาพุทธมหายานด้วยกัน ก็เพื่อแย่งศรัทธานั้นเอง*****อันนี้ไม่เป็นความจริงเลยย คับ ที่เราเถรวาทยังคงรูปแบบเดิม คือ ปฏิเสธทั้งฝ่ายมหายานและฮินดูในยุคนั้น เพราะเราเถรวาท เป็นฝ่ายที่ยึดถือคำสอนพระธรรมวินัยแบบดั้งเดิมสมัยที่พระพุทธเจ้ามีชนชีพอยู่ ดังนั้นถ้าวัดของฝ่ายเถรวาทจะไม่มีเทพเจ้าฮินดูก้ไม่แปลกนิคับในเมื่อดั้งเดิมไม่ได้มีเถรวาทยืนยันที่จะทรงพระสัจธรรมเอาไว้ให้บริสุทธิ์ที่สุดเพื่อสืบทอดให้คนรุ่นหลัง ถึงแม้ในความเป็นจริงธรรมะต่างๆมักจะไม่เป็นที่นิยมในทางโลก คนเราจึงให้ไปหาสิ่งที่เขาชอบและพึ่งพิงได้ ซึ่งพุทธแบบมหายานและฮินดู ตอบโจทย์ได้ในตรงนี้จึงมีความนิยมมากขึ้น

    ถามว่า พระนามแห่งพระนาราณย์ พระกฤษณะ เกิดก่อนพุทธกาล จริงหรือไม่
    ให้ไปค้นหา นครทวารกะ/Dwarka ในมหารตยุทธ (ภควัทคีตา)

    Bloggang.com : surya21 -
    Dhammasala 卍 ธรรมศาลา • แสดงกระทู้ - ภควัทคีตา บทเพลงแห่งพระผู้เป็นเจ้า - คัมภีร์มหาภารตยุทธ

    แล้วคุณจะเข้าใจว่า เมืองที่หายสาบสูญจมไปในทะเลนี้
    มีอายุในทางโบราณคดีนานถึง 12,000 ปี นั้นก็หมายความว่า
    หลักฐานและพระนามแห่งมหาเทพพระนารายณ์ พระกฤษณะ มีมาก่อนพุทธกาลนานมากๆๆๆๆๆๆ
    หากจะเปรียเทียบอายุแล้ว ศาสนาพุทธ อายุแค่ 2500 ปี
    ศาสนาฮินดู มีมากนานมากกว่า 12,000 ปี
    จนได้รับการกล่าวว่า เป็นศาสนาที่เก่าแก่ที่สุดในโลก*************** อันนี้ต้องแยกประเด็นกันนะคับ เมืองนี้อาจมีอยู่จริงแต่เรื่องราวต่างๆใครแต่งล่ะคับ หนังสือคัมภีร์ที่แต่งขึ้นก็เกิดขึ้นมาพันกว่าปีให้หลังไม่ใช่เหรอคับ ลัทธิการอวตาร อะไรต่างๆก็เพิ่งจะมาช่วงหลังไม่ใช่เหรอคับ นิยายจะแต่งอย่างไรก็ได้นิคับ ขนาดกำเนิดเทพเทวี บางตำราบางฉบับยังไม่เหมือนกันเลยคับ และฮินดูก่อนพุทธกาลกลับหลังพุทธกาลก็ต่างกันคับอย่างที่บอกจะอธิบายให้ละเอียดศาสนาพราหมณ์เป็นศาสนาธรรมชาติ แรกเริ่มเดิมที กำเนิดมาจากความเชื่อ ของชาวอารยันที่นับถือบูชากราบไหว้ธรรมชาติ และเชื่อว่า มีเทพเจ้าประจำ ธรรมชาตินั้น ๆ (ทำนองเดียวกันกับ การเชื่อ หรือการนับถือผีปู่ยา่า ตายาย ของไทยเราในสมัยโบราณ) เช่น ในสมัยพระเวทตอนต้น ชาวอารยัน จัดเทพเจ้า เป็น 3 หมวด คือ พวกที่หนึ่งอยู่บนสวรรค์ ได้แก่ วรุณ (ฝน = ไทยเรียก พระพิรุณ) สูรย์ (พระอาทิตย์) โสมะ (พระจันทร์) อุษา (แสงเงินแสงทอง) เป็นต้น พวกที่สองอยู่บนฟ้า เป็นเทวดาประจำอากาศ ได้แก่ อินทระ (พระอินทร์ = ในศาสนาพุทธ เรียก ท้าวสักกะ เจ้าแห่งสวรรค์ชั้นดาวดึงส์) มารุต (ลม) เป็นต้น พวกที่สามอยู่บนพื้นโลก เป็นเทวดาประจำแผ่นดิน ได้แก่ อัคนี (ไฟ) ปฤถวี (แผ่นดิน) และยม (พระยม) เป็นต้น ในสมัยพระเวท นับถือพระอินทร์ว่า เป็นทพเจ้า สูงสุด มีสายฟ้าเป็นอาวุธ สามารถทำลายศัตรูให้พินาศราบคาบลงได้ชั่วพริบตา

    ต่อมาในสมัยพราหมณะ เกิดคำสอนว่า มีเทพองค์หนึ่ง เป็นใหญ่กว่าเทพเจ้า ทั้งหลาย เรียกว่า พระเป็นเจ้า หรือพรหม ซึ่งเป็นผู้สร้างโลก รวมทั้งเทพเจ้า ทั้งหลาย และมนุษย์ แล้วขีดชะตาชีวิตให้ เรียกว่า พรหมเนรมิต และพรหมลิขิต ตามลำดับ (ซึ่งพระพุทธเจ้าทรงปฏิเสธว่า ไม่เป็นความจริง พ่อแม่เท่านั้น สร้างโลก และสร้างมนุษย์ จึงเรียกพ่อแม่ว่าเป็นพรหม) ในสมัยต่อมา ก็มีการเปลี่ยนแปลง ความเชื่อถือ และลัทธิพิธีมาโดยลำดับทุกระยะ จากศตวรรษหนึ่ง ไปยังศตวรรษหนึ่ง กล่าวคือ ได้เทวดาใหม่ ๆ มาเพิ่มเติม เช่น พระวิษณุ และพระศิวะ ส่วนเทวดาเก่า ในสมัยพระเวท ก็ลดความสำคัญลง เช่น พระอินทร์ บางอค์ถูกทอดทิ้ง เช่น พระอัคนี พระวรุณ เป็นต้น

    ต่อมานักปราชญ์พราหมณ์ คนสำคัญ คือ ศังกรายจารย์ เห็นว่า ศาสนาพราหมณ์ จะอยู่ไม่ได้ เนื่องจากคนหันไปฟังคำสอนของพระพุทธเจ้ามากขึ้น ไม่เว้นแม้แต่ พราหมณ์เอง พราหมณ์ที่มีชื่อเสียงหลายท่านหันไปพุทธมามกะ เช่น พระสารีบุตร พระโมคคัลลานะ พระมหากัสสปะ และคนอื่น ๆ อีกมากมาย สังกรายจารย์ จึงไปศึกษาคำสอนของพุทธศาสนา แล้วเอามาดัดแปลงเข้ากับศาสนาพราหมณ์ แล้วเรียกใหม่ว่า ฮินดู ซึ่งแปลว่า ศาสนาของชาวอินเดียว คือ รวมทุกศาสนา ที่มีอยู่ ในอินเดียวว่า เป็นฮินดูหมด พระพุทธเจ้า ก็เป็นปางหนึ่งของพระนารายณ์ ที่เรียกว่า นารายณ์อวตาร คือ เป็นปางที่ 9 ปางพุทธมายา แล้วแบ่งคำสอนเลียนแบบพุทธ ว่า ตรีมูรติ (เลียนแบบ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ = ไตรรัตน์) ซึ่งแปลว่า รูปสาม สอนว่า เทพเจ้าที่สำคัญมี 3 องค์ คือ พระพรหม พระวิษณุ (พระนารายณ์) และพระศิวะ เทพเจ้าทั้งสามพระองค์นี้ แท้จริงเป็นองค์เดียวกัน แต่แบ่งภาคออกเป็น 3 องค์ เพื่อทำหน้าที่สามประการ คือ พระพรหม มีหน้าที่สร้างสรรค์ พระวิษณุ มีหน้าที่ทะนุบำรุง เลี้ยงดู (นารายณ์อวตาร ลงมาปราบมาร) พระศิวะ มีหน้าที่ทำลาย

    สมัยก่อนในศาสนาพราหมณ์ จะไม่มีวัด แต่จะเป็นเทวสถาน และไม่มีนักบวช หรือ ที่เรียกว่า พระ ศาสนาพราหมณ์ จะคล้าย ๆ กับ ศาสนาอิสลาม คือ มีครอบครัว มีลูกมีเมียได้ เป็นเศรษฐี เป็นฏุฎุมพี เป็นยาจก เป็นชาวนา ก็มีทั้งนั้น เมื่อสังกราจารย์ เลียนแบบพุทธ จึงมีวัด มีนักบวช **************พวกฮินดู โดยเฉพาะศังกราจารย์ เป็นใครผมว่าในกูเกิ้ลน่าจะมีเขาทำลายพุทธศาสนาอย่างไรลองอ่านดูได้คับ อันนี้ไม่ได้ว่าฮินดูนะคับ พูดตามข้อเท็จจริง


    ส่วนประเด็นที่อ้างหลวงพ่อลิงดำ กล่าวข้างต้นผมก็เห็นด้วยเพียงบางส่วน
    เพราะองค์พระศรีคเนศ (Ganesha) มีรูปลักษณ์เป็นเทพบุตรที่งดงามมาก
    แต่ท่านบิดเบือนกาย เพียงเพื่อต้องการให้เป็นไปตามเวยไนยสัตว์ เพื่อการโปรดนั้นเอง

    ที่เขียนมาก็ไม่ได้ต้องการมาหักล้างอะไรคุณ
    เพียงแต่ต้องการแสดงความเห็นเติมเต็มให้สมบูรณ์มากขึ้น

    ขอบคุณคับที่ร่วมแสดงความคิดเห็นคับ เพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้อ่านคับ ขอบคุณคับ
     
  14. ผมยังเลวอยู่มาก

    ผมยังเลวอยู่มาก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2008
    โพสต์:
    187
    ค่าพลัง:
    +539
    เรียนท่าน Sirius Galaxy
    ที่ท่าน มงกุฏ ได้เขียนมา ผมจับใจความได้ว่า ศังกราจารย์ได้แต่งเรื่องรามเกียรติ์ซึ่งมีเค้าโครงมาจากพระสูตร ผมเข้าใจถูกไหมครับ และผมเกิดความสนใจอยากศึกษารู้ว่าพระสูตรไหนครับ ช่วยค้นคว้ามาให้ก็จะเป็นพระคุณ เรื่องของเรื่อง คือ ผมขี้เกียจค้นคว้าครับ

    *****ทั้งหมดมาจากทศรถชาดกคับ
    ดังที่เรารู้กันว่า ฮินดูเข้าใช้วิธีการ การอวตารของเทพ มากลืนศาสนาพุทธ ดังเห้นได้จากกล่าวว่า พระพุทธเจ้าคือพระนารายณ์อวตาร อวตารมาเพื่อหลอกเหล่ามารร้ายให้เหินห่างจากคัมภีร์พระเวทจะได้ไม่ต้องมีฤทธิ์มาก จากนั้นพระนารายณ์จะอวตารมาเป็นปางที่ 10 เพื่อขจัดยุคเข็ญปราบมารร้ายเหล่านั้น ....... แต่งได้เป็นเรื่องเป็นราวมากเลย ซึ่งขัดกับหลักทางพุทธชัดเจนมาก การที่จะเป็นพระพุทธเจ้านั้นไม่ใช่ว่าใครหรือเทพองค์ไหนจะเป็นได้ต้องบำเพ็ญบารมีกันยาวนาน ฉะนั้นก็ไม่แปลกที่ เขาจะเอาเรื่องราวต่างๆมาแต่งเป็นกลอน โศลก เพื่อเผยแผ่ศาสนาของเขา โดยในนั้นเขาก็กล่าวถึงพระกฤษณะซึ่งก็อาจจะมีอยู่จริง แต่ก็แต่งเรื่องให้เป็นอวตารของพระนารายณ์ไปดังที่เขาทำกับพระพุทธเจ้าของเราก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะถ้าทุกอย่างเป็นจริงอย่างที่เขาแต่งกัน ทำไมบางประวัติของเทพบางองค์จึงขัดกันไม่เหมือนกัน บางทีไปคนละทิศละทางก็มี

    ขอบคุณคับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 28 มิถุนายน 2013
  15. โฮดี้โจนส์

    โฮดี้โจนส์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กันยายน 2011
    โพสต์:
    1,152
    ค่าพลัง:
    +1,487
    ไม่ถูกนะครับ ยุคพุทธกาล ศาสนาพราหมณ์และไม่ใช่พราหมณ์ ไม่ใช่พุทธยังรุ่งเรืองอยู่ พุทธยังไม่รุ่งนะครับ อย่าเข้าใจผิดพุทธนะมีคนนับถือน้อยมาก เพราะพึ่งเริ่มก่อตัวครับ

    ว่าตามประวัติศาสตร์ พุทธมารุ่งยุคพระเจ้าอโศกมหาราช ถือ พุทธ นั้นพุทธเป็นศาสนาประจำจักรวรรดิ์ ของพระเจ้าอโศก และเริ่มเสื่อมลงและรุ่งเรื่องขึ้นแข่งกันไปกับศาสนาพราหมณ์ แล้วแต่สมัยคือขึ้นกับรัฐว่ารัฐจะสนับสนุนหรือไม่นี่พูดถึงแต่อินเดียไม่ได้พูดถึงศาสนาพุทธในต่างแดน

    ส่วนพวกไม่ใช่พราหมณ์ ไม่ใช่พุทธนี่จะเสื่อมลงเรื่อยๆๆ เช่น เชน และ จารวาท
    ต่อมาพุทธและพราหมณ์ ก็เสื่อมทั้งคู่ จากการแข่งอำนาจกัน

    และพราหมญ์ดิ้นรนอีกครั้ง เพื่อสร้างลัทธิใหม่โดยเอาคำสอนของพุทธ เชน จารวาทมาใช้บางส่วนแก้ไขหลักเดิมของตน รวมไปถึงปฏิรูปคำสอนเดิมให้รัดกุมขึ้นเกิดลัทธิฮินดู

    มุสลิมเข้ามา กำจัดพุทธศาสนาที่ไม่ปรับตัวเหมือนฮินดูเสียสิ้น พุทธศาสนาจึ่งหมดไปจากอินเดีย

    ที่ว่าไม่ปรับตัวหมายถึงไม่ปรับตัวขึ้นมาหาจุดยืนของศาสนาตน คือคำสอนของศาสนาเล่าเรียนปฏิบัติแล้วเผยแพร่ออกไปซึ่งชาวฮินดูทำ แต่หันไปยุ่งกับไสย์ศาสตร์มากเกินไป จนกลายเป็นลัทธิตันตระ ฮินดูเองก็เหมือนกันแต่มีข้อดีตรงที่ ฮินดูรักษาความสัมพันธ์ได้ดีกับคนทุกคนในอินเดียไม่เหมือนพุทธศาสนา ที่จำกัดแค่วงพระแล้วในยุคหลังๆๆ และพระเราหัวโล้น มุสลิมมาก็ฆ่าคนพวกนี้หมดหาง่าย มันก็หมดไปแต่นักบวชฮินดู หรือ สวามีนี้เหมือนชาวบ้านธรรมดาดูยากก็รอดเยอะ และ เข้าถคึงชาวบ้านได้ดีกว่าพุทธมาก และมัน ก็พยายามพื้นฟูตัวเองขึ้นมาตลอด แม้แต่ในยุคที่อังกฤษเข้ามามีอำนาจแทนมุสลิม


    เถรวาทยังคงรูปแบบเดิม อันนี้เป็นแค่หลักการไม่ใช่ความจริงดูประเทศไทยเป็นตัวอย่าง ก็รู้เป็นแค่โวหาร จึ่งไม่มีสิทธิไปว่ามหายาน ที่ปรับแก้ เพราะแม้จะปรับแก้ก็ยังรักษาข้อสำคัญๆๆเอาไว้ข้อไหนที่ล้าสมัยก็ทิ้งไป และ ที่สำคัญก็คือมีการเพิ่มเติมไปจนมากกว่าเดิมอีกหลายข้อและบทลงโทษรุนแรงกว่าเดิม

    แต่พระมหายานจะทำได้หรือไม่ไม่รู้ ก็คงเหมือนพระเถรวาทที่มีทั้งที่ทำไม่ได้และที่ทำได้ก็ไม่ว่ากัน แต่ประเด็นที่ว่า จุดยืนของเถรวาทคือยอมรับวินัยตามเดิมไม่แก้ไข นั้นถูกแต่ในทางปฏิบัติเกรงว่าจะเป็นโวหาร

    จึ่ง
    ต้องมองดูกว้างๆๆ

    ส่วนพระนาราณย์เกิดหลังจริง แต่พระกฤษณะและมหาภารตะมีมานานแล้ว พระกฤษณะ
    ก็คือฮีโร่ของคนอารยัน เป็นผู้นำทางการทหารและศาสนา มหาภารตะมีมานานแล้วแต่ได้รับการแต่งต่อไปเรื่อยๆๆจนกลายมาเป็นอย่างที่เห็น จากคนอีกหลายคน และต่างกันไปบ้างในรายละเอียดของแต่ละที่ในอินเดีย

    มหาภารตะ คือการรบระหว่างอารยันกับอารยัน

    รามายณะ คือการรบระหว่างอารยันกับคนพื้นเมืองเดิมในชมพูทวีป จนพวกนี้ต้องหนีไปที่ลังกาทวีป แม้ทุกวันนี้ความขัดแย้งระหว่างสองพวกก็ยังอยู่ โดยมีพระรามเป็นหัวหน้าของอารยัน
    ที่เขามารุกรานเขา ลงกาก็คือลังกา คนพื้นเมืองเดิมในชมพูทวีปก็คือยักษ์ และอารยันเป็นพวกเทวดา คนพื้นเมืองเดิมที่หันมาเป็นพวกกะอารยันก็เป็นลิง ต่อมาก็แต่งเพิ่มให้อลังการขึ้นเป็นมหากาพย์

    และเมื่อความเชื่อเรื่องวิษณุเทพเกิดขึ้นก็ถูกรวมเข้ากับคนเหล่านี้ซึ่งเป็นฮีโร่ เป็นผู้นำในอดีตของอารยัน.....เป็นองค์อวตารไป

    ศังกรายจารย์ ไม่ได้ศึกษาคำสอนพุทธศาสนา แต่เป็นว่ามีครูที่เอาคำสอนในพระพุทธศาสนามาปรับใช้อยู่แล้วแล้วมีผลมาถึงศังกรายจารย์ โดยตัวศังกราจารย์เองก็ไม่รู้ตัว และพึ่งมารู้ที่หลังว่า คำสอนตนได้มาจากพระพุทธศาสนามหายาน ที่เรียกว่านิกายมาธยมิกะ ของนาคารชุน ค่อนข้างมาก ดั้งนั้นในขณะที่แกสอนลัทธิตน แกจึ่ง ไม่เคยเล่นงานนิกายมาธยมิกะ
    แต่เล่นงานสำนักพุทธอื่นทั้งหมด ทั้งฝ่ายหินยาน และฝ่ายมหายาน
    เพราะรู้ว่ามีหลายส่วนที่เหมือนกันและจะเป็นการโจมตีลัทธิคำพูดตัวเอง แกจึ่งเลี่ยงไป พวกฮินดูด้วยกันก็รู้จากการอ่านงานของศังกราจารย์ก็เลยพูดถึงแกในเชิงคนพุทธปลอมตัวเข้ามาทำนองนี้

    ที่ชาวพุทธเราชอบโจมตีะศังกราจารย์ ก็เพราะในบรรดาฮินดูทั้งหมด แกยิ่งใหญ่สุดคนฮินดูบูชามากที่สุด และแกนี่แหละที่ทำใหศาสนาพุทธต่ำลงถึงสุดขีด(ก่อนหน้านี้ก็สู้กับสางขยะจนใกล้ตายทั้งคู่แล้ว)

    ที่ต้องพูดเช่นนี้เพราะเชื่อว่าคนพุทธที่ชอบโจมตีศังกราจารย์เคยอ่านงานของ ศังกราจารย์ รึเปล่าน่าสงสัย จึ่งไม่รู้ว่า แกมีสติปัญญาลึกซึ้งแค่ไหน.....อันนี้ก็ต้องยอมรับถ้าเคยอ่านงั้นคนอินเดียที่เป็นนักคิดศาสนากันทั้งประเทศคงจะไม่นับถือ ก็แสดงว่าแกก็มีดี

    ส่วนศังกราจารย์เลียนแบบพุทธ จึงมีวัด มีนักบวช ก็เป็นการพูดเอาเองของชาวพุทธ ฮินดูเขาว่าแบบนี้ได้ ไม่ผิดเขา เหมือนกันเขาก็ว่าท่านศังกราจารย์ คิดของท่านเองเพราะเห็นว่าเป็นประโยชน์ในการเข้าถึงธรรมะมากกว่า มันก็ได้ ไม่ได้เลียนแบบใครคุณอย่าอคติ....นี้จบแล้ว เถียงเขาไม่ได้ ก็ไม่ได้ว่าที่เราพูดนะมันผิด แต่ของทุกอย่างมันมองได้หลายมุม เรายกย่องพระพุทธเจ้ายังไง ฮินดูเขาก็ยกย่องศังกราจารย์เท่าๆๆกันอาจจะน้อยกว่านิดหน่อยมั้ง เพราะผมเห็นเขายกย่องพระพุทธเจ้ามากที่สุดแต่ไม่ได้ยกย่องในฐานศาสดาต่างศาสนา เขาถือว่าเป็นนักคิดคนหนึ่งในศาสนาเขาที่เรียกว่าฮินดูนั้นแหละ สงสัยเป็นเพราะความคิดธรรมะของพระพุทธเจ้านั้นไปไกลจนแทบจะทั่วโลกแต่ฮินดูดูจะจำกัดแค่ในอินเดีย แม้จะส่งออกไปตะวันตกก็ดูจะไม่ติดตลาดเท่าพุทธตันตระ ที่กำลังกระแสแรงในช่วงนี้นะ

    ส่วนพระคเณศตำนานว่าท่านไม่ได้บิดเบือนกาย แต่หัวท่านขาดท่านเลยมีการเอาหัวช้างมาใส่ให้ท่าน ท่านเลยมีหัวช้างมานับแต่นั้น ส่วนไอ้คำว่า "ท่านบิดเบือนกาย เพียงเพื่อต้องการให้เป็นไปตามเวยไนยสัตว์ เพื่อการโปรด"

    เป็นการพูดในบริบทพุทธ เอาคติพระโพธิสตว์มาใส่เทพเจ้าฮินดู ก็อาจจะจริงอย่างว่าพระคเณศเทำอย่างงี้จริงๆๆ หรือพูดเอามั่วๆๆสนุกปากเทพฮินดู เทพจีน เทพอะไรเราเอาหมดก็ปรับมันหน่อย ใช้ได้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 มิถุนายน 2013
  16. ปรมิตร

    ปรมิตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    404
    ค่าพลัง:
    +528
    ความจริงการรวมกลุ่มความคิดบางอย่าง คำสอนหลายๆศาสนาอาจเป็นไปเพื่อความไม่ขัดเเย้ง
    เป็นอุบายของ คนฉลาดที่จะอยู่ร่วมกันของคนหลายๆความเชื่อก็ได้นะครับ แต่เขาจะไม่ทำลายหลัก เพียงแต่ปรับเล็กน้อย ยังคงรักษาบัญญัติที่แท้จริงไว้และศึกษาคำสอนด้วยใจที่ดี นำมาปฏิบัติด้วยความเห็นตรง ถ้าเข้าใจสัจจะธรรมจริงๆ ด้วยปัญญา
    แม้จะเคยเข้าใจผิด จะเข้าใจใหม่เเละ ละความเชื่อที่ผิดๆออกไปเอง เว้นแต่เขานับถือด้วยศรัทธาอย่างเดียว

    เช่น พระเจ้าอาศัยกฏของพระธรรมชาติเจ้าในการสร้างโลก พระพุทธเจ้าค้นพบกฏเหล่านั้น
    สัจจะธรรม จะมีไม่มีพระพุทธเจ้า ความจริงอันทำให้หมู่สัตว์พ้นจากทุกข์ ก็มีอยู่
    แล้วแต่ใครจะ นับถือใครเลย พระธรรมชาติเจ้า พระเจ้า เทพเจ้า พระพุทธเจ้า
    ชาวพุทธ เชื่อมั่นศรัทธาพระพุทธเจ้า สำหรับผมเห็นว่ามันใกล้ตัวมาก ท่านเป็นมนุษย์
    และคำสอนของพระองค์ก็ ดีแล้ว เรยังศึกษาไม่ละเอียดไม่รู้เเจ้งเลย
    เทพเจ้ารู้ไหม รู้ เรายังรู้เลย อริยสัจจ์สี่ประการ บางคนรู็มากกว่านี้อีก
    แต่พระอริยบุคคล รู้เเจ้ง เข้าใจอย่างเเจ่มแจ้ง

    ถามว่ามีเทพเข้าใจเเจ่มแจ้งได้ไหม ได้ พรหมเข้าใจเเจ่มเเจ้งได้ไหม ได้[มีเทพ มีพรหมที่เป็นพระอริยบุคคลอยู่] ท่านเหล่านั้นมิได้ขัดเเย้งกัน
    แต่คนที่เชื่อ ที่ศรัทธาในคำสอน ประวัติและที่มา กลับยึดมั่นในความเห็น ขัดเเย้งกันเอง
    แต่เอามามั่วกันไปหมด แบบบางลัทธิก็ไม่ไหว
    หรือคนที่สอน ที่อธิบายไม่เข้าใจหลักธรรม มีความยึิดมั่นถือมั่นในบุคคล ในบางอย่างก็พาไปผิดๆก็มี

    อย่างที่ผมพูด เจตนาดั้งเดิมอาจไม่ได้ตั้งใจจะกลืนศาสนา
    แต่พอมีหลายๆคนคิด หลายๆคนเห็น นานาจิตตัง
    เลยเป็นอย่างอื่นไป อันนี้พูดในเเง่ประวัติศาสตร์
    ก็มีบันทึกมีเรื่องเล่าแบบไหนก็คง ต้องฟังไปอย่างงั้นเพราะเกิดไม่ทัน
    แต่เคยได้ยินไหมครับ ใครเขียนประวัติศาสตร์ ใครรักษาไว้ ใครปรับปรุง ยังไงก็ไม่มีทางเหมือนเดิม 100% สิ่งทั้งหลายไม่เที่ยง คำบางคำแปลผิด ลอกผิด ความหมายผิด เรียกชื่อคนละอย่าง สมมติก็คือ สมมติ

    เชื่อไม่เชื่อ ผมว่าไม่เห็นต้องเถียงกัน
    อีกร้อยปี พันปี อาจมีคนเชื่อเหมือนเรา ไม่เหมือนเราก็ได้
    แต่ความจริง ก็เป็นความจริง ถ้าความเห็น ความเชื่อเราเป็นจริง มันก็จริงเหมือนเดิม
    ไฟ เเม้จะมีทั้งคนเชื่อว่าร้อนหรือไม่ เวลาจับก็ร้อนทุกคน ไหม้สิ่งของได้ เหมือนกัน
    กรรม จะเชื่อไม่เชื่อว่ามี ผู้ทำก็ย่ิอมต้ิองได้รับ ไม่เว้นคนเลย

    แต่ดีนะครับ แม้จะมีข้อเสีย ถ้าจะเลือกมองข้อดี การโต้เเย้งมีไว้ใช้ดูใจ ว่าตนมีโทษะมีอคติ มีทิฐิมานะมากขนาดไหน
    ประเด็นคือ เข้ามาขอบคุณ ผมอ่านเเล้วสนุกมาก 555
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 มิถุนายน 2013
  17. มหนฺตยศฺ

    มหนฺตยศฺ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    72
    ค่าพลัง:
    +112
    ข้อเท็จจริงคือ ผมไม่ได้ระบุว่าใครเป็นเดียรถีย์ เห็นแต่คุณเลข๕มารับสมอ้างเองไม่ใช่เหรอ ?
    และที่คุณ๕ว่าหน้าอย่างนี้จะมีปัญญาไปชี้แนะใครได้ สำหรับผมไม่ได้คิดจะไปชี้แนะใครเพียงผมนึกอะไรได้ก็พิมพ์ๆไปตามประสาเพราะที่นี่เป็นพื้นที่สาธารณะ
    และเรื่องดูหน้า ครูบาอาจารย์ผมไม่สอนให้ดูหน้า ท่านให้ดูใจ ขนาดดูใจนั้นยังยากเลยเพราะจิตมนุษย์นั้นหยั่งยาก
     
  18. โฮดี้โจนส์

    โฮดี้โจนส์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กันยายน 2011
    โพสต์:
    1,152
    ค่าพลัง:
    +1,487
    ค่อนข้างเห็นด้วยกับคุณปรมิตรในบางจุดนะ อย่างมันเป็นการผสมกันทางวัฒนธรรมนั้นแหละ ฮินดู พุทธ เชน มันเกิดในที่เดียวกันมันก็แลกเปลี่ยนกันได้ อย่างอิสลามเข้าไปในอินเดียก็เกิดการรวมศาสนาอินเดียซึ่งเหลือแต่ฮินดู๔แล้วในยุคนั้น พุทธหายไปแล้ว เชนยังอยู่ในคนกลุ่มเล็กๆๆไม่มีอิทธิผล ฮินดูนี้เป็นฮินดูแบบมีชาวพุทธอยู่ในฮินดูด้วยนะ แต่ถือว่าเป็นฮินดูคือศึกษาคำสอนพุทธ เพราะไม่ได้มองว่าพูดเป็นอีกศาสนา แต่มองว่าเป็นอีกสำนักคิดของศาสนาของอินเดีย

    ที่นี้มุสลิมเจอฮินดู ก็เกิดซิกข์ จริงๆๆ มันมีศาสนาโซโรอัสเตอร์ด้วย ศาสนาซิกข์นี่ดีมาก เพราะนานัก ศาสดาศาสนานี้เป็นคนที่เก่งมากแกไปศึกษามันทุกศาสนา ฮินดู พุทธ เชน โซโรอัสเตอร์ แล้วมารวมกันเป็นศาสนาเดียว เพราะคนแต่ละพวกโดยเฉพาะ อิสลามกับฮินดูจะฆ่ากันหรือฆ่ากันเพราะศาสนามันต่าง นานักก็ว่าแก่นมันเหมือนกันมันเอามาบูรณาการได้ ก็ก็เอามาหยิบนู้นมาสนับสนุนนี้ จะให้คนมันเห็นตรงนี้มันจะได้ไม่ตีกัน คนก็ไม่ยอม นานักยังโอเคแต่ไปดูคนที่สืบจากนานักที่ชาวซิกข์ เขาถือว่าเป็นศาสดาสิ พวกนี้โดนฆ่าตาย หมดจากคนฮินดูและคนอิสลาม จริงๆๆ อิสลามนี่มีบทบาทมาก ว่าพวกนี้นอกศาสนาลบหลู่พระเจ้า

    นานๆๆ เข้าศาสนาซิกข์แทนที่จะสร้างสันติระหว่างศาสนา คือรวมกันได้เป็นเอกภาพ มันก็ดันกลายมาเป็นอีกศาสนาหนึ่งต่างหากไป คือศาสนาซิกข์ นี่มันเป็นแบบนี้

    แล้วที่ตลกคือ นานักเป็นคนเก่ง เป็นนักคิดศาสนาที่ยิ่งใหญ่คนหนึ่ง คนฮินดูว่านานักเป็นคนของแก มุสลิมก็ว่าเป็นคนของแก แล้วหลุมศพนี่ตลกมากคือสร้างคนละครี่ง แล้วฮินดูกราบฝั่งของตัวเองอิสลามกราบฝั่งของตัวเอง บนหลุมศพคนเดียวกัน บ้าไหม?

    การหลอมรวมทางวัฒนธรรมนี่เป็นเรื่องธรรมชาติ

    อย่างไปดูเมืองจีน จะเห็นว่าพุทธ เต๋า ขงจื่อ และก็ศาสนาจีนโบราณที่มีอิทธิผลมาถึงลัทธิเต๋าและขงจื่อ คือศาสนาที่นับถือเทียนตี้ หรือ จักรพรรดิ์หยก หรือ เง็กเซียน (ตำราบางเล่มว่าเป็นคนเดียวกับเทพฝานกู่ที่เสียสละตนเองสร้างจักรวาล)นี่
    มันผสมกันอยู่

    อย่างเล่าจื่อก็กลายเป็นไท่ซ่านเหล่าจิ้น เป็นขุนนางคนหนึ่งของเทียนตี้ ไป คล้ายอำมาตย์เอก เขาก็ว่าเป็นเทพองค์หนึ่งบำเพ็ญบารมีมานานแล้วแล้วก็ลงมาเกิดเป็นเล่าจื่อ ขงจื่อเองก็คล้ายๆๆกัน ทั้งๆๆที่เดิมที่สองคนนี้ เป็นนักคิดในจีนยุคชุนชิว ไม่ได้เกี่ยวข้องกับศาสนาจีนโบราณเพียงแต่มีการพูดถึงบ้าง ตามวัฒนธรรมที่คนส่วนใหญ่เชื่อ ที่สองคนนี้พูดถึงจริงๆๆ ก็คือการปฏิรูปสังคมยุคชุนชินที่วุ่นวาย เล่าจื่อบอกให้กลับไปหาธรรมชาติ ชีวิตที่เรียบง่ายก็จะแก้ได้ ขงจื่อว่าให้ปลูกฝัง จริยธรรม ฟื้นฟูจารีตประเพณี จึ่งไม่เกี่ยวกับศาสนา แต่เมื่อผ่านไปมันก็กลายเป็นผู้วิเศษเป็นตัวแทนฟ้าเป็นเทพเจ้าไป ขงจื่อนี้เป็นโอรสสวรรค์ยิ่งใหญ่เท่าฮ่องเต้ ทั้งๆๆที่ขงจื่อเป็นคนธรรมดาเป็นแค่ครูสอนจริยธรรมเพราะไปขอตำแหน่งขุนนางบริหารไม่มีใครในยุคนั้นให้เขาว่าแกบ้า

    จีนเชื่อว่าฮ่องเต้เป็นโอรสสวรรค์ ได้สิทธิอำนาจมาจากเทียนตี้ให้ปกครองโลกมนุษย์ต้องเข้าใจว่า จีนเขาว่าเขาเป็นศูนย์กลางโลก ซึ่งก็จริงในยุคนั้นมันไม่มีประเทศใดจะยิ่งใหญ่กว่าจีนอีกแล้ว

    เห็นได้ว่ามันอิงกับรัฐกับอำนาจของฮ่องเต้อยู่ที่นี้ ใครที่มีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์จีน เขาก็ว่าเป็นเซียนเป็นดาวนั้นนี้ เทียนตี้ส่งลงมา

    ทีนี้ พอพุทธศาสนาเข้าไปในจีน นานเข้ามันก็ผสมความเชื่อ พระพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์ก็กลายเป็นเหมือนเทพที่ประทับบนสุขาวดี บนพุทธเกษตรอื่นๆๆ เป็นอีกโลกที่อยู่เหนือหรือติดกับสวรรค์ขึ้นไป โดยไปมาหาสู่ระหว่างสวรรค์ของเทียนตี้ กับแดนพุทธเกษตรของพุทธศาสนา และมีเทพบางองค์ของจีนที่ได้อิทธิผลมาจากเทพฮินดูแต่ปรับมาเป็นเทพจีนเสีย อย่างท้าวจตุรโลกบาล จีนก็มี เป็นขุนนางของจักรพรรดิ์หยก และยังมีหน้าที่เป็นเทพธรรมบาลให้พระพุทธศาสนา ยังมีอีกหลายเทพมาก บางเทพของฮินดูเอาไปผสมกับวีรบุรุษของจีนในอดีตก็กลายเป็นเทพองค์ใหม่ เช่น ถักทะลีทีอ๋อง

    ก็มาในแบบเดียวกันอีก คือที่นี้คนไหนในศาสนาพุทธที่เป็นคนจีน แต่มีชื่อมีความดีเขาก็ว่าเป็นเทพลงมาเกิดคือเป็นพระโพธิสัตว์มาเกิดอีกเพราะจีนกลายเป็นศูนย์กลางโลกอย่าง พระนางเมี้ยวซ่าน ก็เป็นพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรลงมาเกิดเป็นเจ้าหญิงจีน

    มันก็อยู่ได้มันเป็นการหลอมรวมทางความเชื่อการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม อิงอาศัยกันในหมู่คนจีน ดูไซอิ๋วสิมีทั้งพุทธ เต๋า ขงจื่อ ศาสนาปกรณัมโบราณของจีน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 กรกฎาคม 2013
  19. ผมยังเลวอยู่มาก

    ผมยังเลวอยู่มาก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2008
    โพสต์:
    187
    ค่าพลัง:
    +539
    คุณโฮดี้โจน ใครจะพูดอย่างไรก็พูดได้ มีหลักฐานอ้างอิง การวิเคราะห์ของคุณสักหน่อยมั้ยคับ ทั้งเรื่องของศังกราจารย์และเรื่องศษสนาพุทธตามคติของคุณที่พูดมาทั้งหมด
     
  20. พระยาเดโชชัยมือศึก

    พระยาเดโชชัยมือศึก สินธพอมรินทร์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2005
    โพสต์:
    2,742
    ค่าพลัง:
    +12,024
    ตัวอย่างสมัยขอมแล้วกัน พอดีว่าเกิดเป็นขอมบ่อยๆ หลังจากตีขอมกับพ่อมา อิอิ
    ผลประโยชน์อันมหาศาล คนโลภมีทุกยุคจริงๆ พราหมณ์ก็ถูกขุนนางชักจูงได้เช่นกัน ผมเป็นเจ้าเมือง ก็ต้องยอมอำนาจบารมีของพ่อตาแม่ยาย การที่พระพุทธศาสนาถูกพราหมณ์ฮินดูเข้ามาแทนที่ในยุคนั้น เพราะว่า พวกผลประโยชน์ก็จะยกเรื่องที่ว่า เจ้าเมืองเป็นภาคอวตารของมหาเทพ ยุคนั้นผมก็คิดว่าตนเองเป็นพวกเทพคือพระวิษณุด้วย เมื่อเขาส่งเสริม ชักจูงเพื่อให้เกิดอะไรก็ตาม ผลที่ตามมาคือผลประโยชน์ร่วมกัน ส่วนพระพุทธศาสนานั้นสอนให้คนละจากความรัก โลภ โกธร หลง ยุคนั้นเลยเป็นช่วงที่พระอวโลกิเตศวร ถูกลดบทบาทลง แต่ก็อย่างว่า เจ้าเมืองก็ยังมีความกตัญญูต่อพ่ออยู่ เลยยังมีให้เห็นพระอวโลกิเตศวร หากหลงผิดทำลายไปหมด นรกรับประทานไม่ได้มาแชทให้ข้อคิดแบบนี้แน่ๆ อิอิ
     

แชร์หน้านี้

Loading...