ปิดรับบริจาค เชิญอนุโมทนา ภาพพิธีเททอง"พระพุทธมารดา ปางอุ้มเจ้าชายสิทธัตถะ"เเละสวดภาณยักษ์หน้า 12

ขอร่วมบุญเททองหล่อพระพุทธมารดาด้วยค่ะ ตามรายละเอียดการโอนเงินออนไลน์ข้างล่างนี้ และขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านด้วยนะคะ สาธุ

บัญชีผู้รับเงิน
เลขที่บัญชี 5912513775 - พระ ธนพล ธนพโล
จำนวนเงิน
จำนวนเงินที่ต้องการโอน 20.00 บาท
ค่าธรรมเนียม 10.00 บาท
วันที่ทำรายการ 10/06/2556 - 18:23:13

 

อนุโมทนาครับ

 

"ไปเดือดร้อนอะไรกับคนนินทา ใครนินทาเราไม่ได้ยินไม่ใส่ใจก็สบาย คนนินทาน่ะเป็นยาชูกำลังที่จะเตือนตัวเอง เขาติดีกว่าเขาชมจะได้รู้ตัว ถ้าเราเป็นอย่างนั้นจะได้ปรับปรุง เราจะไปโกรธเขาทำไม ถ้าไปโกรธเขาก็เรียกว่าเราแพ้ตัวเอง"

หลวงปู่ท่อน ญาณธโร

 

" หลวงพ่อพระราชพรหมยานพูดถึงหลวงปู่เทพโลกอุดร "

~~ ฉันฟังมาตั้งนาน โลกอุดร โลกอุดรใครหนอ มีวันหนึ่งก็เลยนั่งอยู่ ใครกันหนอ ? อ้อ พอเจอหน้าก็ร้องอ้อเลย แต่ว่าท่านพวกนี้ทั้งหมด เดิมทีต้องมาจากพุทธภูมิก่อน พอใกล้จะเต็มก็ลา ลาจากพุทธภูมิเป็นสาวก ก็เลยต้องทำงานพุทธภูมิ ถ้าสาวกจริง เขาไม่เอาด้วยหรอก เขาทำงานเฉพาะเรื่องของเขา ที่เห็นว่ามีเยอะๆ ทำได้ก็เงียบฉี่ คืองานของเขาไม่มี พวกนี้ถ้าถึงจุดเขาเว้นงาน คือต้องทำงานตามหน้าที่ มันมีเรื่องหนึ่งที่เราพูดกันแล้วเหมือนคนบ้า ไอ้ก่อนที่จะลงมานี่มันมีสัญญาใจ ว่าจะมาทำงานอะไร เวลาลงมาเกิดใหม่ๆ ไม่รู้เรื่องหรอก จิตไม่ถึงที่สุด ถ้าจิตถึงที่สุดกระเทาะเปลือกสัญญา อีตอนนี้แหละงานอื่นที่เคยทำมาแล้วก็โยนทิ้งหมด เอาเฉพาะงานของตน

ไปๆ มาๆ ก็ไปเจอะท่าน ไปเจอะกับท่าน ฉันอยากนึกจะเจอก็ชนปั้งเลย เมื่อชนปั๊บ ถามว่า "เป็นพุทธภูมิมาก่อนใช่ไหม" คือว่าพวกนี้ถ้าไม่สงสัยแกก็ไม่รู้เรื่อง ฉันถ้าสงสัยก็ชนกันเมื่อนั้นแหละ ต่างคนต่างขี้เกียจด้วยกัน มันไม่เก่งแล้ว มันต้องเก่งมาตอนต้นๆ ตอนต้นก็อยากเก่ง ไอ้นักมวยตอนที่หัดใหม่ๆ ไปไหนกำหมัดยิกๆๆ ฉันเป็นนักมวย เอาเข้าเป็นแชมป์แล้ว เขาก็เลิก พระก็เหมือนกัน แก่แล้วก็เลิก แก่ก็มีเรื่องเด็ก ขี้เกียจ จะรู้อะไรไปทางไหนก็ตายแหงๆๆ อย่างพวกนี้ ตายแล้วจะไปไหน หาทางให้มันให้ไปแล้วไม่มาใช่ไหม

อะไรบ้างที่เราจะเปลื้องความทุกข์ไอ้การเวียนว่ายตายเกิด ก็ภาวะจิตมุ่งตรงสู่นิพพาน คือไอ้การอยากรู้ อยากเห็นก็เลิกกัน แต่ว่าเหตุใหญ่มันชนกันเข้าก็ต้องรู้ สงสัยเขาก็พูดกันเรื่อยเลย โลกอุดรๆๆ คือใคร ก็มีคนหนึ่งบังเอิญเข้าไปพบ และก็ขอถ่ายภาพ ภาพแรกเป็นพระ กล้องเดียวกันถ่ายทีเดียว ขอถ่ายอีกทีกันเสีย มีภาพนุ่งโสร่ง ผ้าขาวม้าคาดพุงมีดเหน็บข้างหลัง ถาม มึงถ่ายอะไร ฟิลม์เดียวกันครับ ขอถ่ายครั้งที่ ๒ แกร็ก กันเสีย ก็ไม่เสีย ได้อีกภาพหนึ่ง ถ้าได้ซ้ำก็เสียฟิลม์เปล่าใช่ไหม พวกตกใจใหญ่ เป็นไปได้รึ เขาเป็นจะถามทำเกลืออะไร ก็เพราะมันเอง มันเห็นเอง ถามเป็นไปได้หรือ เป็นไปได้แล้ว ไม่น่าจะมาถามเลยโลกอุดร ชื่อจริงๆ ก็ อุตตระ พระที่นำพระไตรปิฎกเข้ามาสุวรรณภูมิ อุตตระกับโสณะ หลังจากที่พระพุทธเจ้าปรินิพพานไปแล้ว ถ้าถามว่าอยู่ได้ยังไง อย่าลืมคำหนึ่ง พระพุทธเจ้าตรัสว่า

" ผู้ใดถ้าคล่องอิทธิบาท ๔ สามารถจะอธิษฐานร่างกายอยู่ถึงกัปหนึ่ง " อย่าลืมนะ ผู้ที่คล่องอิทธิบาท ๔ คือ พระอรหันต์ พระอนาคามี นี่ถือว่ายังไม่คล่อง เพราะอะไร ยังตัดสังโยชน์อีก ๕ ไม่ได้ ถ้าพระอรหันต์ก็ถือว่าคล่อง ไอ้คล่องไม่ใช่ว่าเฉยๆ ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา อั๊วะก็ว่าได้นี่ นี่ไม่ได้นะ" ~~

*ที่มา หนังสือ ธัมมวิโมกข์ ปีที่ ๖ ฉบับที่ ๕๖

 

ภาพรวมการก่อสร้างสวนพุทธธรรมหลวงปู่ใหญ่ในขณะนี้ ก่อสร้างมา 1 ปีกับ6เดือนคับ

 

พุทธวจน : ที่สุดแห่งการท่องเที่ยวของพระองค์

" เมื่อเรายังค้นไม่พบแสงสว่าง
มัวเสาะหานายช่างผู้ปลูกเรื่อนอยู่
ได้ท่องเที่ยวไปในสังสารวัฏ
กล่าวคือ ความเกิดแล้วเกิดอีกเป็นอเนกชาติ
ความเกิดเป็นทุกข์ร่ำไปทุกชาติ.
แน่ะ นายช่างผู้ปลูกเรือนจำเอ๋ย !
เรารู้จักเจ้าเสียแล้ว, เจ้าจะสร้างเรือนให้เราต่อไปอีกไม่ได้.
โครงเรือนของเจ้า เราหักเสียยับเยินหมดแล้ว;
ยอดเรือน เราก็ขยี้เสียแล้ว.
จิตของเราถึงความเป็นธรรมชาติ
ที่อารมณ์จะยุแหย่ ยั่วเย้า ไม่ได้เสียแล้ว
มันได้ถึงแล้ว ซึ่งความหมดอยากทุกอย่าง. "
- ธ. ขุ. ๒๕/๓๕/๒๑..

 

วันนี้ นำซุ้มเรือนเเก้วขึ้นประดิษฐานเเล้วครับ

​

 

บุคคล ๔ จำพวก
คัมภีร์ปุคคลบัญญัติ ได้จำแนกบุคคลที่พบพระพุทธศาสนาไว้ ๔ เหล่าด้วยกัน คือ

๑. อุคฆฏิตัญญู คือ บุคคลที่มีโอกาสพบพระพุทธองค์ และเมื่อได้ฟังหัวข้อธรรมที่ยกขึ้นแสดงเพียงสั้นๆ ก็เข้าใจแจ่มแจ้งและบรรลุมรรคผลได้โดยฉับพลัน

๒. วิปจิตัญญู คือ แม้จะไม่สามารถบรรลุมรรคผลได้ด้วยการฟังหัวข้อธรรมเพียงสั้นๆหากแต่เมื่อมีการอธิบายขยายความข้อธรรมนั้นโดยพิสดารต่อไป ก็สามารถบรรลุมรรคผลได้

๓. เนยยะ คือ บุคคลที่ยังไม่สามารถบรรลุมรรคผลได้ไม่ว่าจะได้ฟังหัวข้อธรรมเพียงสั้นๆ หรือได้รับการอธิบายขยายความหัวข้อธรรมนั้นออกไปโดยพิสดารแล้วก็ตาม บุคคลประเภทนี้จำต้องอาศัยการศึกษา ตลอดจนการแนะนำชี้แจงหัวข้อธรรมต่างๆอย่างละเอียดลออ และยังต้องฝึกฝนปฏิบัติธรรมตามความรู้ที่ได้เรียนรู้มาแล้วนั้นเป็นวันๆ เป็นเดือน หรือเป็นปีๆ ก็อาจบรรลุมรรคผลได้

๔. ปทปรมะ คือ บุคคลที่ไม่อาจบรรลุมรรผลได้ในชาตินี้ ถึงแม้ว่าจะได้เกิดมาพบพระพุทธศาสนาและทุ่มเทศึกษาข้อธรรม ทำความเพียรอย่างยิ่งยวดสุดกำลังความสามารถของตนแล้วก็ตาม หนทางเดียวที่เขาพึงกระทำได้ก็คือ เพียรสั่งสมให้เป็นความเคยชิน (วาสนา)

โอกาสทรงค่าแห่งชีวิต ตอนที่ ๑ จากหนังสือโพธิปักขิยทีปนี
รจนาโดย พระอาจารย์แลดี สยาดอ อัครมหาบัณฑิต ปรมาจารย์ชาวพม่า

 

พุทธเมืองไทย ใจงาม ยามเช้าสร้าง
บุญนำทาง ห่างภัย ใจสดศรี
ชำระจิต คิดทาน การไมตรี
อรุณนี้ มีสุข ทุกท่านเทอญ
​

 

การเจริญพระกรรมฐานเอาดีไม่ใด้ก็เพราะใจมันไม่รักดี ใจไม่ทรงอารมณ์ ภาวนาพุธโท ธัมโม สังโฆ เดี๋ยวก็ส่งกระแสจิตไปที่อื่นยอมให้อารมณ์อี่นเข้ามาทับจิต อย่างนี้เขาเรียกว่ายอมแพ้กิเลส ถ้าจิตใจฟุ้งซ่านไม่ทรงตัว อย่างนี้จะไปหาใครสอนที่ใหนก็เอาดีไม่ได้ การจะดีหรือไม่ดีก็ขึ้นอยู่กับตัวเราเอง

ที่มา: กรรมฐาน 40 พิมพ์โดย: กฤษดา ตรีทิพย์
ขอบคุณ http://palungjit.org/threads/รวมคำสอนพระเดชพระคุณหลวงพ่อ.99836/page-2

 

การเจริญพระกรรมฐานเอาดีไม่ใด้ก็เพราะใจมันไม่รักดี ใจไม่ทรงอารมณ์ ภาวนาพุธโท ธัมโม สังโฆ เดี๋ยวก็ส่งกระแสจิตไปที่อื่นยอมให้อารมณ์อี่นเข้ามาทับจิต อย่างนี้เขาเรียกว่ายอมแพ้กิเลส ถ้าจิตใจฟุ้งซ่านไม่ทรงตัว อย่างนี้จะไปหาใครสอนที่ใหนก็เอาดีไม่ได้ การจะดีหรือไม่ดีก็ขึ้นอยู่กับตัวเราเอง

ที่มา: กรรมฐาน 40 พิมพ์โดย: กฤษดา ตรีทิพย์
ขอบคุณ http://palungjit.org/threads/รวมคำสอนพระเดชพระคุณหลวงพ่อ.99836/page-2

 

คำสอนสมเด็จองค์ปฐม

ระมัดระวังอารมณ์เอาไว้ให้ดี หากยังมีความขัดข้องขุ่นเคือง ก็แสดงว่านี่เจ้ายังรับเอาความเลวเข้ามาใส่ใจ ยังชอบเป็นใบตองที่ห่อสุนัขเน่าอยู่ ยังใช้ไม่ได้

ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น
รวบรวมโดย พล.ต.ท. นพ. สมศักดิ์ สืบสงวน

 

เราผู้หวังจะเอาชนะมัน(กิเลส) จะต้องใช้ศรัทธาพละเป็นทัพหน้า วิริยะเป็นกองเสบียง สติเป็นแม่ทัพ ปัญญาเป็นอาวุธ เข้าต่อสู้ ณ สนามยุทธคือกายที่กว้างศอก ยาววา หนาคืบ ด้วยความกล้าหาญ ชาญชัย ................. หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี

 

โยม : ลูกเป็นคนยากจน .... . มีเงินน้อย อยากจะได้อานิสงฆ์มากๆ จะทำบุญอย่างไรดีคะ"

หลวงพ่อ : คือ อานิสงฆ์จริงๆ ต้องทำบุญให้มากที่สุด เท่าที่พึงจะทำได้

การทำบุญมากๆ คำว่า "ทำมาก" หมายความว่า ทำบ่อยๆ
แต่คำว่า "บ่อยๆ" ไม่ต้องทำทุกวันก็ได้นะ
คำว่า "มาก" หมายความว่า ทำเต็มกำลังที่พึงทำ ไม่ใช่ขนเงินมามาก
เวลาทำบุญ ต้องดูว่าค่าใช้จ่าย เรามีความจำเป็นเพียงไร
เงินที่มีความจำเป็น ...อย่านำมาทำบุญ
ให้เหลือส่วนหนึ่งไว้ แบ่งทำบุญตามสมควร

สมมติ..........
เรามี 10 บาท จะไปจะมานี่ เสียค่ารถ 6 บาท กินก๋วยเตี๋ยวได้ครึ่งชามแล้ว หมดไป 9 บาท คงเหลือ 1 บาท ......
เขียนที่หน้าซองเลยว่า เงิน1 บาทนี้ ขอถวายสังฆทาน...วิหารทาน และ ธรรมทาน
คนนี้ ก็ได้อานิสงฆ์มากเหลือเกิน

(หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง)

 

ข้าพเจ้าและบิดามารดาร่วมทำบุญ 100 บาทคะ
เพื่ออุทิศให้เจ้ากรรมนายเวร
โอนเงินเข้า SCB วันนี้เวลา 13.15 น. คะ
ขออนุโมทนากับทุกท่านที่ร่วมทำบุญครั้งนี้คะ

 

ขออนุโมทนาครับ