จิตพร้อม? รับภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ภูภู, 6 เมษายน 2012.

  1. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
  2. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    วัดป่าภูก้อน
    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
    พระราชทานชื่อพระพุทธไสยาสน์หินอ่อนขาว ว่า “พระพุทธไสยาสน์โลกนาถศาสดามหามุนี”
    แปลว่า พระพุทธรูปปางไสยาสน์แห่งพระมหามุนีผู้ทรงเป็นบรมครู ที่ทรงเป็นที่พึ่งของชาวโลก
    ตั้งแต่วันที่ 12 กันยายน 2552
    วัดป่าภูก้อน บ้านนาคำใหญ่ ตำบลบ้านก้อง อำเภอนายูง จังหวัดอุดรธานี


    http://watpaphukon.org/index.php
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 6 มิถุนายน 2013
  3. Golden Sky

    Golden Sky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    575
    ค่าพลัง:
    +8,976
    การพัฒนาจิตใจ เป็นของสําคัญ เพราะจิตใจที่ได้ถูกพัฒนาให้ดีงามด้วยดีแล้ว ก็เป็นจิตที่มีคุณภาพ และเป็นการสร้างฐานของจิตให้เป็นหลักสําคัญ ก็มีสติธรรม ปัญญาธรรม จิตเป็นสิ่งที่ฝึกได้ และศีล สมาธิ ปัญญา ก็เป็นถานะ คือเป็นไปได้ ไม่ใช่อถานะ เพราะจิตที่สงบลงได้ด้วยสมาธิธรรม แล้วทําความรู้สึกอยู่กับลมหรือ อานาปาสติก่อนนั้นแหละ จิตที่ได้รับความทุกข์ ความวุ่นวาย เพราะไม่มีสติธรรม จิตจะไม่เหนืออํานาจของสติธรรมไปได้ ต้องใช้สติบังคับให้จิตสงบลงที่ฐานที่อยู่ที่ทําให้เกิด สมาธิ ก็อยู่ที่จิต ความทุกข์ก็เกิดขึ้นที่จิตใจ เหมือนความทุกข์เกิดขึ้นก็ต้องรู้ไม่มีใครไปถามใครเพราะทุกๆคนก็รู้ว่านั้นเราเป็นทุกข์ เพราะธรรมชาติของจิตเป็นธาตุรู้ หรือ ตัวผู้รู้นั้นเอง เพราะถ้าจิตเราเริ่มมีธรรม หรือมีความบริสุทธิ์ขึ้นมาตามความพรากเพียร มีปัญญาคือ มีความสงบเราก็จะเห็นประจักษ์เอง หรือ ผู้รู้เอง เห็นเอง เพราะท่านได้เอาชนะใจของท่านได้ เพราะการฝึกจิตนั้นเอง...สาค่ะ
    ที่มา ธรรมะขององค์หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
    ลูกขอน้อมกราบองค์หลวงตาด้วยเศียรเกล้าค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 มิถุนายน 2013
  4. มาลินี UK

    มาลินี UK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    807
    ค่าพลัง:
    +12,713
    (ธรรมะของหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน)

    เรื่องในครั้งพุทธกาล...เมื่อได้อ่านตามตำหรับตำรา รู้สึกว่าเป็นสิ่งอัศจรรย์ทั้งเรื่อง

    ของพระพุทธเจ้า...ทั้งเรื่องของสาวกอรหันต์และพุทธบริษัททั้งหลาย...มาสมัยของเรา

    ทั้งหลายนี้ไม่ค่อยปรากฏอย่างนั้นทั้งๆ...ที่ธรรมก็เป็นสาวกขาตธรรมที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้

    ชอบแล้วเรื่อยมาจนกระทั่งปัจจุบัน...การที่เป็นเช่นนี้ก็ขึ้นอยู่กับความสนใจใคร่ต่อธรรม...

    -และการประพฤติปฏิบัติธรรม ...มีความย่อหย่อนต่างกันโดยไม่สงสัย.

    ...หลวงตาท่านได้สอนไว้เมื่อ. วันที่ ๒๖ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๑๘...

    ...น้อมกราบองค์หลวงตามหาบัว ญารสัมปันโนด้วยเศียรเกล้าเจ้าค่ะ.กราบ กราบๆ...
     
  5. Golden Sky

    Golden Sky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    575
    ค่าพลัง:
    +8,976
    [​IMG]
    ทุกข์คืออะไร? บางคนอยู่กับทุกข์แต่ไม่รู้จักทุกข์

    ทุกข์มี 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ

    1.) ทุกข์ในอริยสัจ 4
    2.) ทุกข์ในไตรลักษณ์

    ทุกข์ในอริยสัจ 4 ก็คือทุกขเวทนาหรือความรู้สึกที่เป็นทุกข์ ซึ่งก็คือความทุกข์ในความหมายของคนทั่ว ๆ ไปนั่นเอง ทุกขเวทนามี 2 ทางคือ ทุกข์ทางกาย กับทุกข์ทางใจ

    ทุกข์ทางกาย หมายถึงทุกข์ที่มีกายเป็นเหตุ ได้แก่ ทุกข์ที่เกิดจากความหนาว ความร้อน ความป่วยไข้ ความบาดเจ็บ ความหิวกระหาย ความเสื่อมสภาพของร่างกาย ทุกข์ที่เกิดจากการที่ต้องคอยประคบประหงม ดูแลบำรุงรักษาทำความสะอาดร่างกาย และความทุกข์อื่น ๆ อันมีกายเป็นต้นเหตุอีกเป็นจำนวนมาก ทุกข์ทางกายเหล่านี้เป็นสิ่งที่เกิดมาคู่กับร่างกาย เป็นสิ่งที่เลี่ยงได้ยาก ตราบใดที่ยังมีร่างกายอยู่ก็ต้องทนกับทุกข์ทางกายนี้เรื่อยไปไม่มีวันพ้นไปได้ แม้แต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าซึ่งเป็นผู้ที่สร้างสมบุญบารมีมาอย่างมากมาย มากกว่ามนุษย์และเทวดาทั้งหลาย ก็ยังต้องทนทุกข์ทางกายนี้จนกระทั่งถึงวันปรินิพพาน สมกับคำที่ว่า การเกิดทุกคราวเป็นทุกข์ร่ำไป

    ทุกข์ทางใจ หมายถึงทุกข์ที่เกิดจากการปรุงแต่งของใจ ทุกข์ทางใจนี้ส่วนหนึ่งมีทุกข์ทางกายเป็นสิ่งเร้าให้เกิด เช่น เมื่อได้รับบาดเจ็บหรือป่วยไข้ขึ้นมาทำให้เกิดทุกข์ทางกายขึ้นแล้ว ต่อมาก็เกิดความกังวลใจ ความหวาดกลัวขึ้นมาอีกว่าอาจจะรักษาไม่หาย อาจจะต้องสูญเสียอวัยวะไป หรืออาจจะต้องถึงตาย ซึ่งความกังวลความหวาดกลัวเหล่านี้จะก่อให้เกิดทุกข์ทางใจขึ้นมา ทุกข์ทางใจอีกส่วนหนึ่งเกิดขึ้นโดยไม่มีทุกข์ทางกายเป็นต้นเหตุ เช่น ความทุกข์จากการประสบกับสิ่งที่ไม่เป็นที่รักที่พอใจ ความทุกข์จากการพลัดพรากจากสิ่งที่เป็นที่รักที่พอใจ ทุกข์จากการไม่ได้ในสิ่งที่ปรารถนา ทุกข์จากความโกรธความขัดเคืองใจ ทุกข์จากความกลัว ทุกข์จากความกังวลใจ ความคับแค้นใจ ทุกข์จากความกลัวว่าความสุขที่มีอยู่จะต้องหมดไป ทุกข์จากความกลัวความทุกข์ยากลำบากที่อาจจะมีขึ้นในอนาคต ทุกข์จากการกลัวความเสื่อมลาภ เสื่อมยศ เสื่อมสรรเสริญ และทุกข์ทางใจอื่น ๆ อีกนับไม่ถ้วน
    กล่าวโดยสรุป ทุกข์ทางใจทั้งหมดล้วนมีต้นเหตุมาจากความโลภ ความโกรธ และความยึดมั่นถือมั่น .
    ที่มา fb เครดิต พี่จุ๋มเยอรมันค่ะ
     
  6. ธรรมมณี

    ธรรมมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,044
    ค่าพลัง:
    +14,027
    พอดีว่า..เจ้าตูนน้อยมาเขียนโพสต์ลงบนกระทู้ยังไม่เป็นค่ะ..ครูเกษก็เลยขอทำหน้าที่เป็นผู้นำสานส์นี้อีกสักครั้งค่ะ..ขอทุกท่านได้โมทนาบุญกับธรรมทานของคุณตูนโดยถ้วนหน้ากันด้วยเถิด...สาธุๆๆ..:cool:({):cool:({):cool:

    รายงานตัวบนกระทู้ค่ะ

    สวัสดีค่ะ ก่อนอื่นตูนต้องขอแนะนำตัวเองก่อนนะคะ (ตูนชื่อ จีระนันท์ หรือใครๆ เรียกว่าตูนคะ) ตูนเป็นเด็กต่างจังหวัด ที่มาจากฐานครอบครัวที่แตกแยกกัน ตั้งแต่ตูนอายุ 2 ขวบ ซึ่งเหตุผลนี้เองมั่ง ที่ทำให้ตูนมีมานะทิฐฐิ ความถึอตัวถือตน มาตั้งแต่ยังเด็กจนถึงทุกวันนี้ แต่แล้วตูนก็ได้ประสบทุกข์ครั้งใหญ่ ซึ่งทุกข์ครั้งนี้เกือบเอาชีวิตของตูนและลูกไป (ซึ่งมันเป็นความโง่ๆๆๆ ที่เราไม่คิดว่าจะทำไปได้) แต่สำหรับตูนนั้น ตูนเริ่มเข้าใจแล้วนะคะ ว่าทำไม่ทุกๆท่านที่เป็นทุกข์นั้น บางครั้งจึงมีความคิดอย่างนั้นเกิดขึ้น(อวิชา) เพราะเวลานั้น จิตของเรานั้นทนสภาพทุกข์ที่เกิดขึ้นไม่ได้ เลยทำให้อวิชาเกิดขึ้นโดยที่เราไม่มีสติและจิตที่จะควบคุมมันได้ ก็เหมือนกับว่ามีคนยื่นมีด(ความทุกข์)ให้เรา แต่เราไม่รู้จักคุณค่าของมัน เราก็เลยตัดสินสินใจเอามีดไว้ใช้ค่าตัวตาย แต่ถ้าเรามองลึกๆ เข้าไปข้างในของคุณค่าของมีดนั้น เราสามารถนำมาทำอื่นๆ ได้หลายอย่างเช่น นำมีดนั้นมาตัดปมเชือกที่ผูกมัดตัณหา กิเลส และราคะต่างๆ ที่เกิดขึ้นในใจเรานะคะ

    แต่แล้ววิถีทางชีวิตของตูนก็ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิงนั้น เมื่อตูนเริ่มหาทางออกโดยพึ่งธรรม คือเริ่มสวดมนต์ไหว้พระ และนั่งสมาธิ นอกจากนี้ตูนเริ่มรักษาศีลห้าอย่างจริงจังนะคะ (เมื่อก่อนก็รักษาศีล5 แต่ทำไม่ครบนะคะ ยังชอบจิบไวน์ ดื่มไวน์บ้างเป็นครั้งคราวที่ออกงาน หรือดื่มเป็นเพื่อนแฟนนะคะ) แต่เพราะว่าตูนทุกข์หนักตูนเริ่มหาธรรมเป็นที่พึ่ง แต่ทุกข์นั้นก็ยังไม่หายไปเสียที่ แต่หยุดชะงัดชั่วคราว จนตูนได้รับโทรศัพท์จากคุณครูแพท ซึ่งท่านแนะนำตูนให้มาฝึกจิตเกาะพระ และสิ่งนี้เองทำให้ชีวิตตูนเปลี่ยนไปอย่างไม่น่าเชื่อ

    ณ วันนีี้ตูนได้ปฏิบัติจนจิตของตูนยกแล้ว(เดินทางสู่พระนิพานเพื่อกลับไปหาพ่อของตูน พ่อของตูนนั้นก็คือพ่อฤาษีลิงดำ เพราะทุกๆ ครั้งที่ตูนนึกถึงรูปพระ นั้นตูนจะเห็นท่านพ่อนั่งดูตูนอยู่ห่างๆ เหมือนเป็นกำลังใจให้ตูนมีมานะและความเพียรมากๆๆขึ้น)

    วันนี้ตูนจะมาเล่าถึงประสบการณ์ที่ตูนปฏิบัติจิตเกาะพระให้เพื่อนๆ ร่วมโลกให้ได้ฟัง เพราะบางทีประสบการณ์ของตูนนั้นอาจจะเหมือนใครบางคนที่กำลังมีทุกข์ หรือเผชิญหน้าอยู่กับมัน แต่ไม่มีสติและจิตที่ไปต่อสู้ทุกข์เหล่านั้น ถ้าเพื่อนๆ ได้อ่านเรื่องราวของตูนแล้วไม่แน่นะคะ ทุกข์ที่ใครๆ คิดว่าทนได้ยากนั้นอาจจะไม่ใช่ก็ได้นะคะ และตูนหวังว่าประสบการณ์ที่ตูนเล่ามานี้อาจจะช่วยเหลือใครบางคน หรือเป็นธรรมทานบางอย่างให้กับคนที่กำลังจะว่ายน้ำข้ามฝั่งแต่กลับเหนื่อยพัก หรือหมดแรงเสียก่อนเลยคว้าเชือกไม่ทัน กลับต้องจมน้ำตายไปก่อน เลยไม่ถึงฝั่งนะคะ

    ธรรมในความคิด
    เมื่อก่อนตูนคิดว่าการที่เข้าวัด ได้ไปทำบุญ ทำทานกับสัตว์ต่างๆ ปล่อยนก ปล่อยปลาเราก็ถือว่าทำบุญแล้ว ซึ่งสมัยเด็กๆ ตูนไปวัดบ่อยกับแม่ของตูน และบาวครั้วตูนก็ช่วยทางวัดทำความสะอาดวัดบ้างนะคะ(แม่ชอบไปช่วยงานบุญบ่อย เพราะสนิทกับเจ้าอาวาสนะคะ) แต่พออายุ15 และจนถึงปัจจุบันก่อนหน้านี้ ตูนไม่ค่อยเข้าวัดเลย และยิ่งธรรมด้วยแล้ว ไม่ค่อยได้สนใจ
    ช่วงนั้นตูนหลงไปกับกิเสลต่างๆ หลงไปกับขันท์5 ว่าร่างกายนี้เป็นของเรา เราไม่มีวันแก่และไม่มีวันตาย ยิ่งศีล5 อย่าได้พูดถึง ไม่ค่อยได้ปฎิบัติด้วยซ้ำ

    ความทุกข์กับธรรม
    ตอนที่ตูนทำคดีหย่าร้างกับสามีนั้น ตูนสู้คดีกันมาจนถึง 7 ปี อย่าได้พูดถึงเลยว่ามันทุกข์ขนาดไหน ทุกข์อย่างหาที่เปรียบไม่ได้ จากคนที่ไม่เคยมีหนี้สินเลยในชีวิต แต่ก็มีหนี้สินมากมายกายกองอย่างไม่น่าเชื่อ(ไม่เคยได้เห็นเงินเลยสักบาท) แถมยังโดนสามีเก่าปลอมแปลงลายเซ็นต์การกู้เงิน (มารู้อีกทีก็ตอนใกล้จะตัดสินคดีแล้ว) ทุกข์ขนาดหนัก มีอยู่หลายครั้งที่คิดจะฆ่าตัวตายไปพร้อมกับลูก แถมเกือบโดนจับเข้าคุก(เกือบไป) และสุดท้ายหนักสุดๆๆๆ คือได้เข้าไปคุยกับจิตแพทย์ ยัง..ทุกข์ยังไม่หมด มันยังตามมาหลอกหลอนตูนอีก มีแฟนใหม่ ก็มีปัญหาอีกนะคะ และปัญหานี้ก็ไม่มีใครสามารถแก้ได้นอกจากตัวตูนเอง (แฟนอยากมีลูกมากๆๆๆ แต่กลับคิดว่าตูนแก่ไปแล้วคงจะมีลูกยาก) ตูนร้องไห้กับตัวเองมาตลอดแต่ไม่รู้จะทำอย่างไรดี จะอยู่หรือจะไป แต่ถ้าจะไปก็กลัวไปไม่รอด เพราะไม่ใช่ตูนคนเดียวแต่มีอีกหนึ่งชีวิตที่ตามมากับตูนด้วย

    ธรรมกับความสุข
    แต่แล้วสุขนั้นก็มาถึง เมื่อคุณครูแพทแนะนำให้ตูนมาเริ่มเรียนจิตเกาะพระ ตูนเริ่มๆ มองเห็นทางออกของชีวิตที่สดใส ซึ่งตอนแรกๆ ที่ฝึกจิตเกาะพระนั้น ตูนไม่คิดนะคะ ว่าเราจะพ้นทุกข์นั้นได้ แต่แล้วด้วยความที่ทุกข์มันท่วมท้น และไม่มีอะไรจะเสียอีกแล้ว เลยทำให้ได้มาพบกับแม่พระคนหนึ่ง ก็คือคุณครูเกษนั้นเอง (ไหนๆก็พูดแล้ว ก็ขอพูดอีกนิดหนึ่งนะคะ เพราะมันซึ้งอย่างบอกไม่ถูกนะคะ ตูนมีความรู้สึกเหมือนคุณครูเกษเป็นแม่คนที่สองของตูน แม่คนแรกก็คือแม่คนที่ให้กำเนิดตูนลืมตาดูโลก ส่วนแม่คนที่สองก็คือแม่คนที่ให้กำเนิดเปิดตาอันที่บอดสนิทให้เห็นถึงหลักธรรม) ช่วงที่ตูนปฏิบัติฝึกจิตนั้น ตูนเริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงของตูนมากๆขึ้น จากตูนที่เคยเป็นตัวกูของกู และไม่เคยไหว้พระสวดมนต์ และไม่เคยนั่งสมาธิอย่างเป็นทางการ แต่ทุกๆวันนี้ ถ้าไม่ได้ทำมันเหมือนชีวิตขาดอะไรไปบางอย่างนะคะ แล้วศีล5 ที่เคยคิดว่าคงทำไม่ได้ แต่ตอนนี้ถือศีล5 แบบสบายๆ เลยคะ

    ธรรมกับปัจจุบันนี้
    ตูนหลังจากที่ปฏิบัติจิตเกาะพระมาจนถึงจุดนี้ ตูนเริ่มรู้แล้วว่า ทำไมคุณครูเกษถึงพูดเสมอว่า ให้นึกถึงภาพพระเป็นอารมณ์ตลอดทุกๆเวลา เพราะตอนนี้จิตของตูนมันทำเองโดยอัตโนมัติเลยคะ พอเรานึกถึงท่าน จิตเราจะนิ่ง พอจิตเรานิ่ง จิตเราเองนั้นแหล่ะ ที่มันจะสอนให้เห็นถึงหลักของกฏพระไตรลักษณ์(เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป) พอจิตเราเริ่มวางลงนั้น ก็ปล่อยให้วางลง แต่ถ้าน้องจิตไม่วางลง ก็กลับไปเริ่มต้นใหม่ ตั้งแต่แรกจนจบ ทำไปๆๆๆๆๆ สุดท้ายจิตก็จะยอมจำนนไปเองนะคะ และยิ่งไปกว่านั้น เมื่อก่อนตูนชอบฟังพระท่านเทศน์เป็นทุนอยู่แล้ว แต่หลังจากจิตยกนั้น ตูนฟังพระเทศน์นั้นยิ่งจับใจ และทราบซึ้งอย่างบอกไม่ถูก จนบางครั้งเห็นตัวเองนั่งอยู่หน้าพระองค์นั้นที่กำลังเทศน์นะคะ

    ธรรมกับอนาคต
    หลังจากนี้ต่อไปของชีวิตตูน ก่อนที่ขันธ์5 ของตูนจะดับลงนั้น ตูนคงจะอุทิศตัวตนของตูน(ที่เรายังอาศัยอยู่นี้) ฝึกปฎิบัติ(แยกกายและแยกจิต) เจริญสติไปตลอดจนกว่าจะตายไป และอะไรที่เราสามารถช่วยเหลือเพื่อนร่วมโลกได้ตูนก็จะทำ อยู่กับปัจจุบัน และคิดในสิ่งที่สมควรจะคิด เรื่องที่ไม่สมครวคิดก็จงหยุดซะ เหมือนกับดาบที่ไร้เงา

    สุดท้ายนี้ ตูนขอขอบพระคุณ คุณท่านพี่ภูอย่างสูงที่ได้ จัดสรรคุณครูเกษมาให้ตูน ตูนขอขอบคุณคุณครูลูกพลังที่เป็นกำลังหนุนครูเกษอย่างเต็มที่ คุณครูปุ้ยที่เป็นผู้ที่ให้กำลังใจ คุณครูแพทเป็นผู้ยื่นมือให้ตูนแล้วดึงขึ้นมาจากหลุมลึก เพื่อให้ตูนได้พบทางออกของชีวิต และท้ายสุด ตูนต้องขอขอบคุณตัวเองที่เปิดโอกาสตอบรับสิ่งดีๆ เข้ามาในชีวิต และตูนขอขอบคุณพี่ๆ ชาวจิตบุญทุกๆ ท่านที่เป็นกำลังใจให้เสมอมา ตูนน้อยขอฝากตัวมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ

    ชิตังเม...ตูนขอเป็นผู้ที่ไม่แพ้...ไม่แพ้ใจตนเอง..ไม่หลงไปกับสิ่งที่อยู่รอบๆตัวเรา..สาธุๆๆ

    ตูนน้อย-UK
    Sent from my iPhone
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 8 มิถุนายน 2013
  7. มาลินี UK

    มาลินี UK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    807
    ค่าพลัง:
    +12,713
    มีสติมากเท่าไร ความชั่วในตัวเราก็เอาออกไปมากเท่านั้น

    ถ้าสติไม่ดี ความชั่วอาจจะปนอยู่ในจิตใจของเรา มันมีทั้งดี ทั้งชั่ว มีทั้งผิด

    ...ทั้งถูก อยู่ในตัวเราครบ ถ้าเรามีสติครบแล้ว ความชั่วร้ายมันจะออกไป

    โดยความอัตโนมัติ...มันจะไม่อยู่ในจิตในใจเราเลย และจิตใจของเราก็สบาย

    ...ทำอะไรก็มีศักดิ์ศรี...มีมิ่งมงคล อยู่ในชีวิตของตน คือมีผลเป็นงานนั้น ๆ

    นี่แหละการปฏิบัติจึงมีประโยชน์...ประการที่สอง ปฏิบัติได้แล้วออกจาก...

    ...กรรมฐาน...โยมจิตว่างจะแผ่ไปหาใครก็แผ่ไป แผ่ไปให้ลูกอยู่เย็นเป็นสุข

    ...แผ่ไปให้บิดามารดาจงเกิดเจริญสุข...เมื่อเกิดมีสุขในพฤติกรรมของเรา...

    ...อย่างไรพ่อแม่เราก็มีความสุขอย่างนั้น...ถ้าเราขาดความสบาย มีความ...

    ...ทุกข์ แผ่ตอนนั้นไปให้ใคร...แผ่ให้ลูกลูกก็ทุกข์ด้วย เอาความทุกข์ไปให้.

    -ลูกเสียแล้ว แผ่ตอนไม่สบายใจ ตอนเศ้ราใจ หมองใจ...คิดถึงแม่แล้วก็แผ่

    ...ออกไปไม่ได้ผลนะ...เอาของไม่ดีไปให้แม่ของเรา ถ้าแม่ของเราเจริญ

    กรรมฐานอยู่...ท่านก็จะไม่รับรู้ เพราะท่านปิดประตูไม่รับ...

    ...นี่คือจุดหมายของกรรมฐานเบื้องต้น...

    ...คัดจากหนังสือแก้กรรมปัจจุบันให้ทันชาตินี้ (หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมุโม)

    ...น้อมกราบหลวงพ่อจรัญด้วยเศียรเก้ลาเจ้าค่ะสาธุ สาธุ สาธุ.
     
  8. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ธรรมารมณ์
    เป็นสภาวะอารมณ์อันละเอียดของจิตคนเรา
    อาจมีทั้งดีเลววิปริตแปรปรวน ซึ่งเป็นปรากฎการณ์ธรรมชาติแห่งจิตมนุษย์ทั่วไป
    ถือเป็นเรื่องปกติ มิใช่เรื่องผิดปกติ ซึ่งเป็นสภาพธรรมที่มีอยู่จริงตามธรรมชาติอยู่แล้ว
    แต่พระพุทธองค์ทรงค้นพบเป็นท่านแรก นั่นหมายถึง ปรมัตถธรรม นั่นเอง
    อันได้แก่ รูป๒๘ เจตสิก๕๒ จิต๘๙/๑๒๑ และนิพพาน๑(สภาวะจิตหลุดพ้น)

    ถ้าเป็นจิตปุถุชน หรือผู้ที่มิได้ฝึกจิตมาดีย่อมตามไม่ทันสภาวะอารมณ์ต่างๆของจิต
    แต่หากผู้ใดจิตนิ่งมากย่อมไม่วิ่งตามสภาวะต่างๆ ดังที่กล่าวมาแล้ว

    อย่าลืม! ทุกธรรมย่อมหนีไม่พ้นกฎไตรลักษณ์ของพระพุทธองค์เป็นแน่แท้
    แต่ถ้านักภาวนามีสติปัญญามากพอย่อมรู้เท่าทันธรรมารมณ์ต่างๆที่เกิด-ดับเป็นธรรมดา
    ส่วนผู้ใดจะรู้เท่าทันธรรมารมณ์ต่างๆของจิตตนได้ตลอดเวลาหรือไม่นั้น
    ขอตอบว่าขึ้นอยู่กับจิตผู้นั้น ว่า..มีสติและมีปัญญาต่อเนื่องหรือไม่ ขนาดไหน

    ขอฝากเรื่องธรรมารมณ์ต่างๆของตน โดยเฉพาะจิตที่ยกแล้ว(จิตบุญ) ก็อย่าประมาท!
    ถึงจิตยกไปแล้ว แต่อย่าลืม! จะต้องเจริญสติภาวนาตราบสิ้นลมหายใจของตน

    สรุปแล้ว สติก็เรา จิตก็เรา
    เพราะฉะนั้น จงเอาสติมารวมกับจิตให้เป็นอารมณ์หนึ่งเดียว เรียกว่า เอกัคคตารมณ์
    แต่ถ้าหากสติกับจิตเราห่างกัน หรือต่างคนต่างอยู่แล้วมันจะยุ่งยากและเป็นทุกข์
    เราจะอยู่อย่างสงบสุขกันได้เฉพาะจิตที่นิ่งได้ที่เท่านั้น และตรงนี้เรียกว่า เขตบุญ/กุศล
    แต่ถ้าจิตไม่นิ่งพอ นั่นจะหมายถึงความวุ่นวาย เป็นทุกข์ และตรงนี้เรียกว่า เขตบาป/อกุศล

    อย่าลืม! *โอวาทปาติโมกข์*ของพระพุทธองค์
    เป็นหลักคำสอนสำคัญหรือเป็นหัวใจพระพุทธศาสนา เป็นไปเพื่อความหลุดพ้น
    หลักธรรมทั้ง ๓ ประกอบไปด้วย
    ๑).การไม่ทำบาปทั้งปวง คือการงดเว้น/ลด/ละเลิกทำบาปทั้งปวง
    เช่น อกุศลกรรมบถ ๑๐(ทางแห่งความชั่ว) อันได้แก่ ความชั่วทางกาย ทางวาจาและทางใจ
    ความชั่วทางกาย เช่น ฆ่าสัตว์/ลักทรัพย์/ประพฤติผิดในกาม
    ความชั่วทางวาจา เช่น พูดเท็จ/ส่อเสียด/เพ้อเจ้อ
    ความชั่วทางใจ เช่น จิตเต็มไปด้วยกิเลส ตัณหาและอุปาทาน เช่น รักทางโลกเป็นยึดติดเห็นแก่ตัว
    โลภอยากได้ทรัพย์ผู้อื่น โกรธอาฆาตพยาบาท หลงหึงหวงหลงคิดถึงและห่วงใย

    ๒).การทำกุศลให้ถึงพร้อม คือการทำความดีทุกอย่าง
    เช่น กุศลกรรมบถ ๑๐ อันได้แก่ ความดีทางกาย ทางวาจาและทางใจ

    ๓).การทำจิตของตนให้ผ่องใส คือปราศจากนิวรณ์๕ เป็นเครื่องขัดขวางจิตไม่ให้เข้าถึงความสงบ
    อันได้แก่ ๑.ความพอใจในกาม(กามฉันทะ) ๒.ความอาฆาตพยาบาท(พยาบาท)
    ๓.ความหดหู่ท้อแท้ ง่วงเหงาหาวนอน(ถีนะมิทธะ) ๔.ความฟุ้งซ่าน รำคาญ(อุทธัจจะกุกกุจจะ)
    ๕.ความลังเลสงสัย(วิกิจฉา)

    ขอให้พวกเรา โดยเฉพาะจิตเกาะพระพยายามจดจำอารมณ์ผ่องใสที่สุดของตน
    และพยายามทรงให้ได้ทุกวันหรือนานๆเท่าที่จะทำได้
    เพราะเป็นฝ่ายบุญกุศลและเป็นผลดีต่อจิตของท่านโดยตรง
    ด้วยความปรารถนาดี อยากเห็นจิตทุกท่านหลุดพ้นกับสิ่งทั้งปวง(จิตอิสระ)...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 8 มิถุนายน 2013
  9. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    อยากให้อ่าน..
    โดยเฉพาะผู้ที่กำลังเป็นทุกข์ กำลังมองหาประตู/ทางออกจากทุกข์ของตนเอง
    ครูเกษ..กำลังรอคอยทุกๆท่าน


    ก่อนอื่นขออภิมหาโมทนาสาธุอีกครั้งนึงกับครูเกษ ครูแพทและผู้ที่เกี่ยวข้องทุกท่าน
    ข้าพเจ้าอ่านแล้วเกิดปิติ+ซาบซึ้งใจยิ่งนัก
    โดยเฉพาะเพื่อนกัลยาณมิตรของคุณตูนนั่นก็คือ คุณแพท
    และแม่พระหรือแม่คนที่สองของคุณตูนนั่นก็คือ ครูเกษ
    *สงสัยงานนี้ครูเกษคงอิ่มทิพย์ไปหลายสัป/เดือน/ปีทีเดียว สังเกตจากใบหน้าครูเกษ

    นับตั้งแต่ข้าพเจ้ารับสื่อจิตเกาะพระนี้
    โดยเฉพาะมีส่วนช่วยให้ออกจากทุกข์ได้ ถึงแม้นเพียงคนเดียวก็ถือว่าสุดคุ้มแล้ว
    ขอขอบพระคุณท่านพ่อ(สมเด็จองค์ปฐม)และหลวงพ่อ(ฤาษีลิงดำ)
    ท่านทั้งสองคือผู้ให้กำเนิดจิตเกาะพระกับพวกเรา
    ข้าพเจ้าขอเป็นตัวแทนจิตเกาะพระทุกท่าน ขอน้อมจิตก้มกราบแทบพระบาทสมเด็จองค์ปฐม
    และขอน้อมจิตก้มกราบแทบเท้าหลวงพ่อฤาษีลิงดำด้วยเศียรเกล้า..สาธุๆๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 8 มิถุนายน 2013
  10. Golden Sky

    Golden Sky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    575
    ค่าพลัง:
    +8,976
    สุดท้ายนี้ ตูนขอขอบพระคุณ คุณท่านพี่ภูอย่างสูงที่ได้ จัดสรรคุณครูเกษมาให้ตูน ตูนขอขอบคุณคุณครูลูกพลังที่เป็นกำลังหนุนครูเกษอย่างเต็มที่ คุณครูปุ้ยที่เป็นผู้ที่ให้กำลังใจ คุณครูแพทเป็นผู้ยื่นมือให้ตูนแล้วดึงขึ้นมาจากหลุมลึก เพื่อให้ตูนได้พบทางออกของชีวิต และท้ายสุด ตูนต้องขอขอบคุณตัวเองที่เปิดโอกาสตอบรับสิ่งดีๆ เข้ามาในชีวิต และตูนขอขอบคุณพี่ๆ ชาวจิตบุญทุกๆ ท่านที่เป็นกำลังใจให้เสมอมา ตูนน้อยขอฝากตัวมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ

    ชิตังเม...ตูนขอเป็นผู้ที่ไม่แพ้...ไม่แพ้ใจตนเอง..ไม่หลงไปกับสิ่งที่อยู่รอบๆตัวเรา..สาธุๆๆ

    ตูนน้อย-UK

    ขอกล่าวคําอนุโมทนาสาธุ กับคุณตูนuk ที่ท่านได้เดินเข้ามาถูกทางแล้ว ทางแห่งความสว่างและทางแห่งความหลุดพ้น ทางที่พระพุทธเจ้าท่านได้ชี้บอก ทางนี้ผู้ใดได้เห็นเป็นบุญอย่างสูงสุด เพราะทางอื่นนั้นไม่ใช่ทางที่เป็นสุขอย่างแท้จริง เพราะสุขที่แท้จริง คือการได้รู้เห็นความจริงของเราเอง ที่มีอยู่ในกาย ในใจ ที่มีอยู่แล้วตั้งแต่เราเกิดมาและนั้นก็คือ สัจธรรมความเป็นจริง ที่คุณตูนได้สัมผัส และได้เห็นและได้มีกัลยาณมิตรที่ดี ที่คอยช่วยเหลือกัน เพราะผู้ใดเห็นทุกข์ ผู้นั้นเห็นธรรม ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา "ตถาคต" ขออนุโมทนาสาธุค่ะ ขอให้ท่านจงเจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปด้วยเทอญ
     
  11. Golden Sky

    Golden Sky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    575
    ค่าพลัง:
    +8,976
    ถ้าธรรมกับใจได้สัมผัสสัมพันธ์กันแล้ว คําว่าสงสัยในธรรมนั้นจะไม่เกิดขึ้นกับคนที่ได้เห็นประจักษ์ในธรรม เพราะธรรมนั้นต่างจากกิเลสอย่างสิ้นเชิง เพราะธรรมคือ ความสุข ความสบายใจ และความพอ ส่วนกิเลสนั้นมีแต่ก่อภัย ก่อทุกข์ให้เราโดยผู้เป็นทุกข์ก็ไม่รู้ตนเอง เพราะอวิชชาได้ปกปิดเอาไว้ไม่ให้เรารู้เราเห็นได้ เพราะผู้จะเปิดอวิชชาออกได้ ก็ต้องเข้ามาศึกษาธรรม เพราะธรรมเป็นเครื่องแก้กิเลส อย่างอื่นไม่มี ผู้ใดที่ได้ศึกษาธรรมแล้ว แล้วได้นําธรรมมาใช้กับชีวิตประจําวันนั้นแหละคือ ผู้จะไปได้รอดเพราะเป็นผู้มีเบรคมีการห้ามกิเลสของตัวเราเอง เพราะเราเริ่มคิดไตร่ตรอง คือมีสตินั้นเอง เพราะสติจะเป็นก้าวแรกของการปฏิบัติ เพราะไม่มีสติ ธรรมก็เกิดไม่ได้เราต้องอาศัยสติก่อน และก้าวต่อมาก็คือ สมาธิเพราะจะทําอะไรถ้าไม่มีสมาธิ งานที่ทําอยู่นั้นก็สําเร็จได้ยาก เพราะสมาธิไม่มีก็ไม่เกิดปัญญาได้ เพราะทุกๆอย่างต้องเดินตามขั้น เพราะการปฏิบัติก็ต้องเดินตามขั้น จะก้าวกระโดดเลยก็คงจะไม่ได้ เพราะทุกๆอย่างก็เริ่มจากสิ่งที่ง่ายไปหาสิ่งที่ยาก เหมือนการเรียนทางโลกก็ยังมีเป็นขั้นๆ ตามหลักสูตรที่เขาวางเอาไว้ ทางธรรมก็มีขั้นง่ายไปถึงขั้นยาก หรือขั้นละเอียดนั้นเอง จึงต้องมี ทาน ศีล ภาวนา ทานก็คือขั้นทําได้ง่าย แต่ศีล ภาวนานั้นไม่ได้ทําได้ง่ายๆเราต้องมีความเพียร หรือมีศรัทธาในพระพุทธเจ้า พระธรรมคําสั่งสอน และสงฆ์สาวกของท่านที่ท่านได้เห็นประจักษ์ และได้เป็นเนื้อนาบุญของพวกเรามาจนถึงทุกวันนี้ค่ะ สาธุค่ะ
     
  12. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ภาวนาเก่งเป็นอย่างไร?
    การปฏิบัติสมาธิภาวนา ถ้าหากว่าใครทำสมาธิเก่ง เคารพบูชาพ่อแม่ รักพ่อแม่มาก เคารพพ่อแม่มาก มีเมตตาสงสารต่อสังคม ถ้าตราบใดที่ยังแสดงตน เป็นศัตรูกับคนอื่นอยู่ แสดงว่าปฏิบัติไม่ถึงธรรม มีความหมั่นขยันในหน้าที่การงานของเราที่เรารับผิดชอบอยู่ จะไม่นึกว่างานพวกนี้มันวุ่นวาย เรื่องของโลกมันแค่นี้แหละ ใครไปคิดว่าเรื่องโลกมันวุ่นวี่วุ่นวาย มันแค่นี้แหละ นั่น! แสดงว่าจิตไม่ถึงธรรม ถ้าใครคิดว่าโลกนี้เป็นสิ่งที่น่าศึกษาให้รู้ความจริงของมัน โลกนี้เป็นสิ่งที่น่าต่อสู้ ไม่ถอยหลัง ถ้าใครคิดอย่างนี้ แสดงว่ามีความเข้าใจถูกต้อง


    หลวงพ่อพุธ ฐานิโย
     
  13. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    อาการปิติทั้ง ๕
    เป็นสภาวะของปิติ ซึ่งมีอยู่๕ ประเภท ได้แก่
    ๑. ขุททาปิติ เป็นปิติเล็กน้อย เช่น ขนลุกขนชัน น้ำตาไหล
    ๒. ขณิกาปิติ เป็นปิติชั่วขณะ รู้สึกเหมือนฟ้าแลบแปลบๆ
    ๓. โอกกันติกาปิติ เป็นสภาวะเกิดเป็นระลอก รู้สึกซู่เหมือนคลื่นกระทบฝั่ง
    ๔. อุพเพคาปิติ เป็นปิติโลดลอย โยกเยก โคลงเคลง รู้สึกตัวเบาหรือจะลอยได้
    ใจฟู บ้างที่ก็เกิดการพูดหรือสวดอะไรออกมา หรือเปล่งอุทาน
    ๕. ผรณาปิติ เป็นปิติที่ซาบซ่าน เย็นนุ่มอิ่มเอิบไปทั่วสรรพางค์กาย(แผ่ไปทั่วร่างกาย)


    ปิติทั้ง ๕ เป็นอาการของสมาธิ คือตั้งแต่ระดับอุปจารสมาธิ(เฉียดฌาน)
    เป็นอาการที่เกิดขึ้นกับนักภาวนาทั่วไป อาจเกิดขึ้นไม่ทุกคนเสมอไป
    บางคนอาจไม่เกิดเลย หรือเกิดเพียงข้อเดียว หรือเกิดหลายๆข้อก็เป็นได้
    ให้ถือเป็นเรื่องปกติ เป็นเรื่องธรรมดา อย่าไปให้ความสำคัญหรือความสนใจมากนัก
    ถ้านักภาวนาให้ความสำคัญ/สนใจมาก ก็จะพลาดยกระดับจิตให้สูงขึ้นไป
    เพราะถ้าหากไปสนใจ จิตอาจจะถอนออกจากสมาธิทันที หรือรู้สึกตัวทันที
    แต่ถ้าไม่สนใจ จิตก็จะยกขึ้นสู่สมาธิขั้นสูงต่อไปได้หรือเรียกว่า อัปปนาสมาธิ(ฌาน)

    ระดับจิตอุปจารสมาธิก็วิปัสสนา(พิจาณาธรรม)ได้
    แต่ความเข้มข้นระดับปัญญาจะไม่เท่ากับอัปปนาสมาธิ(ฌาน) เพราะจิตนิ่งไม่เท่ากัน

    อย่าลืม! สิ่งที่กีดกั้นมิให้นักภาวนาเข้าถึงความดีนั่นก็คือ นิวรณ์ ๕
    แต่ถ้าหากนักภาวนาเข้าเขตอุปจารสมาธิ(เฉียดฌาน)
    ก็จะมีสิ่งทดสอบจิตของเหล่านักภาวนาอีก นั่นก็คือ อาการปิติทั้ง ๕
    ถึงเตือนนักภาวนาว่า อย่าไปให้ความสำคัญหรือให้ความสนใจกับอาการเหล่านี้
    แต่ถ้าเราไม่สนใจ มีสติอยู่แต่ปัจจุบัน/คำภาวนา/นึกถึงภาพพระ(แนวจิตเกาะพระ)
    และอีกไม่นานนัก จิตก็จะเคลื่อนขึ้นไปสู่สมาธิขั้นสูงสุดนั่นก็คือ อัปปนาสมาธิ(ฌาน)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 8 มิถุนายน 2013
  14. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    อุปนิสสูตร
    พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๖

    (ว่าด้วยธรรมที่อิงอาศัยกัน)
    สังขารทั้งหลายมีอวิชชาเป็นที่อิงอาศัย วิญญาณมีสังขารเป็นที่อิงอาศัย นามรูปมีวิญญาณเป็นที่อิงอาศัย ผัสสะมีสฬายตนะเป็นที่อิงอาศัย เวทนามีผัสสะเป็นที่อิงอาศัย ตัณหามีเวทนาเป็นที่อิงอาศัย อุปาทานมีตัณหาเป็นที่อิงอาศัย ภพมีอุปาทานเป็นที่อิงอาศัย ชาติมีภพเป็นที่อิงอาศัย ทุกข์มีชาติเป็นที่อิงอาศัย ศรัทธามีทุกข์เป็นที่อิงอาศัย ความปราโมทย์มีศรัทธาเป็นที่อิงอาศัย ปีติมีปราโมทย์เป็นที่อิงอาศัย ปัสสัทธิมีปีติเป็นที่อิงอาศัย สุขมีปัสสัทธิเป็นที่อิงอาศัย สมาธิมีสุขเป็นที่อิงอาศัย ยถาภูตญาณทัสสนะมีสมาธิเป็นที่อิงอาศัย นิพพิทามียถาภูตญาณทัสสนะเป็นที่อิงอาศัย วิราคะมีนิพพิทาเป็นที่อิงอาศัย วิมุตติมีวิราคะเป็นที่อิงอาศัย ญาณในธรรมเป็นที่สิ้นไปมีวิมุตติเป็นที่อิงอาศัย


    ความหมาย:
    *สฬายตนะ แปลว่า อายตนะภายในทั้ง๖
    *ปีติ แปลว่า ความอิ่มใจ ความดื่มด่ำ
    *ปัสสัทธิ แปลว่า ความสงบเย็น
    *ยถาภูตญาณทัสสนะ ความรู้ความเห็นตามความเป็นจริง
    ยถาภูต(ตามความเป็นจริง )+ญาณ(ความรู้ )+ทัสสนา(การเห็น) เป็นญาณ๑๖ข้อที่๒(ปัจจยปริคคหญาณ)
    ประจักษ์แจ้งนามรูปพร้อมทั้งเหตุปัจจัยที่ทำให้นามรูปเหล่านั้นเกิดขึ้นตามความเป็นจริง
    *วิราคะ เป็นความหมายตรงข้ามกับคำว่า ราคะ
    สำรอกจิตความติดใจในยินดี/ยินร้าย อันเกิดจากรู้แจ้งในวิปัสสนาหรือเห็นตามเป็นจริง
    *วิมุตติ คือความหลุดพ้น เป็นวัตถุประสงค์ เป็นความมุ่งหมายของการปฏิบัติธรรมในพระพุทธศาสนา
    วิมุตติมี ๒ ประเภท
    ๑.เจโตวิมุตติ(ความหลุดพ้นแห่งจิต ด้วยกำลังสมาธิ)
    ๒.ปัญญาวิมุตติ(ความหลุดพ้นด้วยปัญญา ด้วยปัญญาที่รู้เห็นตามเป็นจริง)

    ปล.ไม่เบื่อนะ เอาปริยัติบ้าง รู้ธรรมใกล้ตัวบ้าง รู้ความหมายบ้าง
    เอาแต่ปฎิับัติ เอาแต่ปฎิเวธ ไม่เอาปริยัติ ขาดขาใดขาหนึ่งไปเดี๋ยวจะล้มไม่เป็นท่า
    ส่วนผู้ที่เอาแต่ปริยัติอย่างเดียว ไม่ยอมลงมือปฎิบัติ ปฎิเวธไม่ได้
    เดี๋ยวก็ไม่มีดวงตาเห็นธรรม ออกจากทุกข์ตนก็ไม่ได้ แบกตำราถกเถียงกันเปล่าๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 8 มิถุนายน 2013
  15. Natcha@uk

    Natcha@uk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    618
    ค่าพลัง:
    +9,444
    "ตัณหา ๓ เหตุแห่งทุกข์"



    ให้พิจารณาเห็นว่า ทุกข์ทั้งหมดที่ได้รับเป็นประจำไม่ว่างเว้นนี้ เกิดมีขึ้นได้เพราะอาศัย ตัณหา ความทะยานอยาก ๓ ประการ คือ

    - อยากมีในสิ่งที่ไม่เคยมี
    - อยากเป็นในสิ่งที่ไม่เคยเป็น
    - อยากปฏิเสธในเมื่อความสลายตัวเกิดขึ้น ไม่อยากให้สลายตัว

    เจ้าความอยากทั้ง ๓ นี้แหละ เป็นผู้สร้างความทุกข์ขึ้นมา ทุกข์นี้จะสิ้นไปได้ก็เพราะเข้าถึงจุดความดับ คือ นิโรธ เสียได้

    จุดดับนั้นท่านวางมาตราฐานไว้ ๓ ประการ คือ ศีล สมาธิ ปัญญา ที่ท่านเรียกว่า มรรค ๘ ย่อมรรค ๘ ลงเหลือ ๓ คือ ศีล สมาธิ ปัญญา

    เพราะอาศัยศีลบริบูรณ์ สมาธิเป็นฌาน ปัญญารู้เท่าทันสภาวะความเป็นจริง หมดความเมาในรูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส และดับอารมณ์พอใจ ไม่พอใจเสียได้ ตัดอารมณ์พอใจในโลกีย์วิสัยได้ ตัดความกำหนัดยินดีเสียได้ ด้วยปัญญาวิปัสสนาญาณ ชื่อว่าเห็นในอริยสัจ ๔

    ทำอย่างนี้ คิดอย่างนี้ให้คล่อง จนจิตครอบงำความรัก ความโลภ ความโกรธ ความหลง ความเมาในชีวิต เสียได้ ชื่อว่าท่านได้วิปัสสนาญาณ ๙ และอริยสัจ ๔

    แต่อย่าเพิ่งพอ หรือคิดว่าดีแล้ว ต้องฝึกฝนพิจารณาเรื่อยไป จนตัดสังโยชน์ทั้ง ๑๐ ประการได้แล้ว นั่นแหละ ชื่อว่าเอาตัวรอดได้แล้ว




    หลวงพ่อพระราชพรหมยาน หลวงพ่อฤาษีลิงดำ
     
  16. Golden Sky

    Golden Sky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    575
    ค่าพลัง:
    +8,976
    เมื่อวานนี้ข้าพเจ้า ได้เข้าไปฟังประวัติของหลวงพ่อฤาษีลิงดํา เพราะข้าพเจ้าก็ไม่เคยเห็นตัวจริงของท่านเลยเคยได้ยินแต่ ชื่อเสียงของท่านแล้วก็คิดแต่ว่าท่าน เป็นพระอรหันต์ผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ แต่ยังไม่เคยได้รู้ได้เห็นผลงานของท่านว่าท่านได้ทําอะไรไว้ให้กับประเทศชาติบ้านเมืองของเราไว้บ้าง และไม่เคยได้ไปวัดของท่านเลย แต่พอข้าพเจ้าได้รู้ได้เห็นประวัติความเป็นมาของท่านและการก่อสร้างของท่านแล้ว ท่านเป็นพระอริยเจ้า เป็นผู้ทรงมีเมตตาต่อลูกๆหลานๆของท่าน ท่านทําเพื่อส่วนรวม ทําเพื่อให้ลูกๆหลานได้มากราบไหว้บูชา เหมือนท่านเห็นแล้วก็อยากให้ลูกๆหลานๆของท่านได้รู้ได้เห็นว่าการปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบนั้นทําให้เห็นของจริง คือไปเห็นได้ทั้งสวรรค์และนิพพาน ข้าพเจ้าได้รู้ได้เห็นผลงานของท่านแล้ว เกิดปิติอย่างแรงกล้า เพราะเห็นการเสียสละของท่านอย่างไม่มีวันที่ท่านจะท้อถอยจนวันสุดท้ายของชีวิตของท่านด้วย เพราะการทําได้อย่างท่านนั้นเรียกว่าท่านทํา เพื่อส่วนรวมหรือสังคมจริงๆ ข้าพเจ้าได้ระลึกถึงมหากรุณาของท่านหลวงพ่อ อย่างหาที่เปรียบไม่ได้ จึงขอน้อมกราบระลึกถึงคุณของหลวงพ่อฤาษีลิงดํา อย่างสุดซึ้ง และขอน้อมกราบแทบเท้าของท่านด้วยความเคารพด้วยเศียรเกล้าค่ะ และลูกขออาราชธนาบารมี ของเสด็จพ่อองค์ปฐม พระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ และหลวงพ่อฤาษีลิงดํา จงมาปกปักษ์คุ้มครองลูกๆหลานๆของท่านให้เจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปด้วยเทอญ สาธุค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 มิถุนายน 2013
  17. มาลินี UK

    มาลินี UK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    807
    ค่าพลัง:
    +12,713
    ธรรมเกิดขึ้นจากความอาจหาญร่าเริงต่อความเพียร เกิดขึ้นจากการสละเป็นสละ

    ตายต่อหลักความจริง คือ พระธรรมเสมอไปจนกลายเป็นพระพุทธเจ้าขึ้นมาด้วยความ

    รอดตาย...ให้เราทั้งหลายได้กราบไหว้พระองค์ท่านผู้รอดตาย และพระธรรมที่เกิดขึ้น

    จากความรอดตายของพระพุทธเจ้า...พร้อมทั้งพระสาวกอรหันต์ลูกศิษย์พระตถาคตผู้

    ผู้รอดตายซึ่งก็ต้องสวมรอยพระบาทของพระองค์ท่าน...มาด้วยความรอดตายเหมือนกัน

    ก่อนจะปรากฏองค์เป็นสาวกผู้ลือนามแต่ละท่านๆ...

    ...๕ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๐๕...พระอรหันต์ หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน...

    ...วัดป่าบ้านตาด จังหวัดอุดรธานี. กราบน้อมรับพระธรรมคำสั่งสอนเจ้าค่ะกราบ กราบๆ
     
  18. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089

    ปัญญาญาณปางก่อนเลือนลางหายไป เมื่อมีกายต้องกล้ำทุกข์เวียนวนอย่างนั้น
    อวิชชามากมายมามัดใจยากเปลี่ยนผัน เหล่าเวไนยเกี่ยวกรรมกันมาแสนนาน
    มือจูงมือเร่งช่วยพี่น้องรับธรรม ขอแจ้งธรรมในกาลนี้ถึงกาลสุดท้าย
    อย่าเพียงพบแล้วลาใจพุทธาต้องห่างหาย จากนาวาต้องตรมทุกข์ยากพ้นวัฏฏะ

    จิตแห่งฟ้าจงรักษาให้ประคองไว้ ดำเนินธรรมที่ตั้งใจ เพื่อไปสู่แดนนิพพาน
    ศรัทธาพร้อมร่วมกัน เซียนน้องพี่รอเบื้องบน สิ้นปุถุชน ดอกบัวงดงาม
    สายน้ำเอยคือการที่มันไหลไป แม้ร่างกายต้องสลายแล้วพันดับไป
    แต่จิตธรรมของเราจะไม่มีวันเสื่อมคลาย ยังมีกายจิตสวยงามบำเพ็ญให้ดี
    ..จากกายไปจิตสวยงามยังคงเช่นเดิม..​


    *กำลังใจแห่งตน* เป็นสิ่งสำคัญยิ่ง เราจะต้องรีบสร้างขึ้นมาเอง
    *ส่วนจิตตกไม่ต้องทำอะไร* เมื่อถึงเวลาจิตตกกันจริงๆ เดี๋ยวรู้เองว่า..มันทุกข์เพียงใด
    (หน้ามืดตามัวเลยมั๊ยหล่ะ!)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 9 มิถุนายน 2013
  19. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    กำลังใจชุดต่อไป
    พระธาตุมหัศจรรย์แห่งพระพุทธศาสนา
    https://www.youtube.com/watch?v=i714pegU3ic
    เรื่องพระบรมสารีริกธา­ตุ พระธาตุพระอรหันต์
    เรื่องราวพระธาตุเสด็จ เรื่อง­ราวของพระอริยสงฆ์ในปัจจุบันที่อัฐิธาตุกล­ายเป็นพระธาตุ
    แม้ไม่เกี่ยวกับทางหลุดพ้นโดยตรง แต่ดูไว้เพื่อเสริมความศรัทธาวัตรปฏิบัต­ิของพระพุทธศาสนา

    ขนาดดูเฉยๆ ดูด้วยจิตสงบสงัด ดูด้วยเคารพศรัทธา
    ยังได้กำลังใจเพี๊ยบเลย ไม่เชื่อก็เปิดดูกันเองสิ!
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 9 มิถุนายน 2013
  20. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=CWDscW5dW0E]พระคำข้าว ชานหมาก หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง ๙ - YouTube[/ame]
    พระคำข้าว พระชานหมากของหลงพ่อฤาษีลิงดำ
    มีไว้ัไม่มีจน รวยๆนะจ๊ะ
    ใครไม่เคยได้ยินหลวงพ่อหัวเราะบ้าง มาฟังจากที่นี่นะจ๊ะ
    แม้นกระทั่งชานหมากของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ก็ยังเป็นพระธาตุเลย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 9 มิถุนายน 2013

แชร์หน้านี้

Loading...