สนทนาสบายๆ ตามประสา

ผมว่าไปฉุดญ่าญ่าเอามาแลกปิดตาพี่ทิพย์ดีกว่าครับคุณหมอๆอิอิ

 

ขอร้องเลย ! ช่วยฉุดมาให้ที จะรีบบบเอาไปแลกเลยครับพี่น้ำข้าว 55555

 

55555555+++

แต่ที่รู้มา แม่บ้านคุณทิพย์ เค้าดุ ผมเกรงว่า....ซะมากกว่า

 

ผบ ผมเขาก็ชอบ ญาญ่า น่าจะเคลียร์ กันได้ครับพี่หมอ 555555

 

อ้าวซะงั้น

ไว้เดียวจะหาทางจัดให้ :boo:

 

thaxx

thaxx thaxx thaxx

 

วันไหนถ้าญ่าญ่ามาบ้านณเดชผมจะส่งข่าวนะครับเพราะผมอยู่หมู่บ้านเดียวกะณเดช

 

ญ่าญ่าเป็นเด็กน่ารักครับ

ตอนนี้ผมเลยไปหยิบองค์นี้มาใส่ก่อน ผู้ใหญ่ที่ให้มาบอกว่าหลวงปู่ศุข สร้าง บรรจุเม็ดกริ่งด้วย แต่จริง ๆ ตามสากล เค้ายังไม่มีพิมพ์นี้ครับ

ป.ล. องค์สายพลังจะชอบเลยครับ จับแล้วชาไปทั้งมือ ถ่ายภาพแล้วออร่าเป็นสีทอง แต่ผมยังอิงตามสากลอยู่ครับ

 

เนื้อคล้ายพระทางภาคตะวันออกเลยนะครับ

 

ใช่ครับ ปกติที่เห็นปิดตาของหลวงปู่ศุข เนื้อจะดูแห้ง ๆ บางทีก็ดูไปคล้ายเนื้อยาจินดามณีของหลวงปู่บุญด้วยซ้ำครับ องค์นี้เนื้อกึ่งมันเลย (ยังไม่เคยใช้เลยนะครับ) ไปคล้ายสายตะวัน แต่ดูอายุแล้วก็น่าจะเก่าซัก 50 ปีอัพได้ ครับ (ที่มาองค์นี้อยู่ในกรุที่เค้าถามหากันอยากได้กันนักกันหนา ว่ามีสมเด็จเยอะแยะอะครับ) :boo:


ป.ล. สมเด็จที่เค้าว่ากัน ยังดูเก่าไม่เท่าองค์นี้เลยละครับ (ไม่รู้ผมดูอายุผิดทางอีกไหมเนีย กลัวคุณธณตต้องออกแรงดีง 555+)

 

อุ้ยกรุท่านปเจ้าของสมเด็จองค์อ. เหรอครับคุณหมอ

 

เอาเป็นดูแล้วเก่าได้ยุคสัก 50 ปีอัพ ก็พอแล้วละกัน เดี๋ยวเป็นประเด็นร้อนอีก 555555+

เพราะองค์เล็กมากกกกก สูงไม่ถึง 1 ซม. กว้าง ครึ่งซม.กว่า และบรรจุกริ่ง ผมว่าก็ทำยากแล้วครับ ลักษณะจะไปคล้ายกริ่งคลองตะเคียน แต่องค์นี้เล็กกว่าครับ

กริ่งคลองตะเคียน เดิมเค้าว่ากริ่งที่บรรจุอยู่ข้างใน บ้างก็ว่าเม็ดกริ่งนั้นเป็นโลหะ บ้างก็ว่าเป็นเหล็กไหล เพราะเคยมีคนเจาะแล้ววิ่งหนีหายไป แต่เผอิญพี่เขยผมมีอยู่องค์นี่ง เก็บใส่กล่องไว้ บังเอิงเนื้อพระคงปริแตก ทำให้เม็ดกริ่งหลุดออกมา แต่ด้วยอยู่ในกล่อง ทำให้เม็ดกริ่งยังคงอยู่ในกล่องนั้น และได้เห็นว่าที่เค้าว่าเป็นเหล็กไหลนั้น จริง ๆ เป็นเม็ดคล้ายเม็ดของผลไม้เล็ก ๆ ครับ ไม่ใช่โลหะอย่างที่เข้าใจกัน แต่ที่ทำไมเวลาเจาะเวลาวิ่งหนีหายไป ก็เพราะคิดเป็นวิทยาศาสตร์อากาศมันดัน เพราะข้างในเหมือนเป็นสูญากาศอะครับ (ผมเข้าใจอย่างนี้ครับ) เลยเล่าให้ฟัง :boo:

 

สังเกตุอย่างนะครับ สมมุตินะครับว่าพระองคืนี้ชุบรักมาตั้งแต่เเรก ก็จะรักษาเนื้อในไว้ อันนี้ถูกต้องนะครับ กาลเวลาผ่านไปส่วนที่จะย่นจะยับก็น่าจะเป็นรักใช่มั้ยครับ ไม่น่าเป็นเนื้อ ใช่มั้ยครับ

 

พี่ธนต ลึกซึ้งมากครับพี่

 

แค่ใจเย็นๆค่อยๆคิดค่อยๆนึกถึงความน่าจะเป็นก็เท่านั้นละครับ

 

แสดงว่าปิดตาไม่เก่าหรอครับ วันนี้สมองเบลอ ๆ ตามอากาศครับ



ไม่ได้อยู่ในกรุบางขุนพรหมนะครับ อันนี้กรุแห้งที่สูงไม่โดนน้ำ

 

ก็น่าจะไม่นะครับ

 

แล้วองค์นี้พิมพ์ดูเพี้ยน ๆ เกิดจากการกรอคราบกรุผิดพลาดหรือเปล่าครับ

 

เท่าที่ทราบและได้ยินมานะหมอ

การกรอคราบกรอสมัยแรกๆ การเเขวนพระ ไม่นิยมแขวนพระที่เลอะเทอะ จึงนำไปทำให้คราบต่างๆหมดไป แต่นั้นก้หมายถึง พระที่เป็นคราบเกรอะ นะครับ พระสภาพนั้น เกิดจากที่จับกันเป็นก้อนของพระ ซึ่งทางวัดล้างไม่หมด โดยปกติคราบดินแม้จะจับเป็นเวลานานการล้างไม่น่ายาก แต่การเกะพระที่จับเป็นก้อนไม่ให้พระเสียหายยากมาก ยึ่งพระที่ลักลอบ ยิ่งผ่านการล้างแน่นอน แล้วทำไมถึงมีคราบหนาละ อันนี้ผมก็คงขอให้ย้อนกลับไปว่าเคยเห็นบางขุนพรหมองค์ที่ยอมรับว่าแน่นอนมีคราบแบบเกรอะกังมั้ย แต่เรื่องมีคราบ ที่ไม่ได้เกิดจากธรรมชาติ หลงเหลือจากการล้างมั้ยก็ต้องบอกว่ามี มันก็จะอยู่ตามคราบที่เกิดจากธรรมชาตินั้นเหละครับ

กลับมาที่กรอพระ เมื่อไม่ชอบพระเลอะ ก็มีการขูด เงะคราบต่างๆ ทำให้มีผิวเสียไป จึงคิดหาวิธีเอาคราบออกโดยไม่กระทบผิว สมัยนั้นเครื่องมือค่อนข้างราคาสูง การที่จะลงทุนซื้อมาเพื่อที่จะทำพระที่ตนมีอยู่ไม่กี่องค์น่าจะไม่คุ้มและไม่แน่ว่าจะทำได้ดีมั้ย ก็คงต้องอาศัยช่างฝีมือในการทำ ทีนี้สมัยนั้นช่างที่รับกรอรับแต่งก็จะเป็นงานทั่วๆไป หรืองานเฉพาะด้านอื่น น้อยนักที่จะหาช่างที่มีความรู้เรื่องพระ มีก็แพงและคิวยาวมาก เมื่อนำไปให้ช่างเหล่านี้ทำแน่นอนว่าผลที่ได้ออกมาบางองค์ก็ดี บางองค์ก็เสียหาย ก็เกิดมีการแต่งพิมพ์กัน การแต่งพิมพ์อาจจะผิดเพี้ยนไปบ้าง แต่องค์หลัก พิมพฺหลักยังอยู่ แต่เรื่องมาตราส่วนก็ยังดีอยู่
การแต่งพิมพ์พระใหม่ที่ไม่ได้เกิดจากการเกะทั้งองค์จึงไม่น่าทำให้พิมพ์ผิดเพี้ยนมากจนเกินงามครับ

 

เคยมีบ้างแต่น้อยมากครับที่วางการยอมรับและมีคราบหนา อย่างผมมีหนังสือชนะการประกวดรุ่นเก่าประกวดปี 2530 (ซึ่งเดียวนี้เค้าไม่เห็นทำกัน) ที่มีคราบหนาและติดรางวัล แต่ก็เป็นส่วนน้อย ซึ่งผมเคยตั้งข้อสังเกตุว่า ในตำราบอกมีคราบดิน แต่พอจริง ๆ พระที่มีให้ศึกษากลับหาคราบดินแทบไม่เจอะ ทำให้ผมมองข้ามพระที่บ้านไป (ซึ่งเป็นคราบดิน) จนไปเจอองค์ของคุณลุงที่เช่าจากวัดเป็นคราบดินหนามาก และมีเซียนท่านนึงมีคราบดินขายหลายองค์ (ส่วนใหญ่ติดรางวัลยุดนี้ แต่คราบค่อนข้างบางมาก) จึงนึกได้และกลับมาดูของตัวเอง
พอมาองค์นี้ผม จำลักษณะคราบดินของกรุนี้ว่าประมาณนี้ เห็นน่าสนใจ เลยลองศึกษาดูว่า คราบดินพอเข้าทาง แต่พอดูพิมพ์ผมว่าเพี้ยน ๆ ไป เลยต้องหาสาเหตุว่าเป็นไปได้ไหมที่พิมพ์จะเพี้ยน และเกิดจากอะไร และเป็นไปได้ไหมที่องค์นี้จะเป็นบางขุนพรหม พิมพ์สังฆาฏิ ครับ
อ้อ แล้วอีกกรณีนึง คือ ผมชอบคราบดิน เพราะอย่างที่บอก พอไม่ค่อยเห็นคราบดินให้ศึกษา เลยทำให้ไม่ค่อยสมเด็จที่คราบดินขายกัน รวมถึงพระฝืมือด้วย ผมเลยว่าความเสี่ยงต่ำกว่าที่จะเช่าหาคราบที่เป็นแคลเซียมครับ (ไม่รู้กบในกระลาหรือเปล่า)







บอกคราบกรุสีน้ำตาลเข้ม แล้วทำไมถ่ายออกมาเป็นสีเทา ๆ ละเนี้ย