พญานาคกับอดีตที่ผ่านมา

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย คุรุวาโร, 1 กันยายน 2012.

  1. กอ กล้วย

    กอ กล้วย สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 เมษายน 2013
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +22
    เราจะมาจ่ายค่าที่พักนะ หนา นะ เดินไป เดินมา คิดถึงเรื่องนี้ เลยไปหา มาเล่าให้ฟัง
    เอ้า ฟังนะ หนา ใครเคยฟัง แล้วก็ไม่ต้องอ่าน นะ หนา นะ

    ตำนานรักอมตะ “ผาแดง-นางไอ่

    ตามเรื่องที่เล่าขานสืบต่อกันมามูลเหตุที่ทำให้เกิด "หนองหาน" ต้นลำน้ำปาว ในปัจจุบันมีเรื่องเกี่ยวพันกับวรรณคดีของอีสานเรื่อง "ผาแดง - นางไอ่"นิยายรักระหว่าง "หนึ่งหญิง สองชาย"เมื่ออีกฝ่ายหนึ่งพลาดรักและถูกทำร้ายจนตายก็กลายเป็นสงครามทำให้บ้านเมืองถล่มทลายเป็นหนองน้ำใหญ่และวรรณคดีอีสานเรื่องนี้เป็นปฐมเหตุของ "ประเพณีบุญบั้งไฟ" ซึ่งเป็นประเพณีที่ขึ้นชื่อลือชาของชาวอีสานตั้งแต่โบราณจนถึงปัจจุบัน เรื่องมีอยู่ว่า

    "พระยาขอม"ผู้ครอง "เมืองเอกชะทีตา"ซึ่งเป็นหนึ่งใน ๔ เมืองใหญ่ในยุคอดีต(เมืองเอกชะทีตานคร เมืองสาเกตุนคร เมืองศรีโคตรบูรณ์นคร และเมืองอินทรปัตถ์หรือเมืองพนมเปญนคร)ที่สาบานและคอยปกปักรักษาและบูรณะซ่อมแซม "พระธาตุพนม"(พระธาตุเจดีย์ศักดิ์สิทธิ์ในสุวรรณภูมิทวีปแห่งนี้ ซึ่งสร้างเมื่อ พ.ศ. ๘ โดยพระมหากัสสปะเถระ และเหล่าอรหันต์สาวกที่เหาะเหิรมาจากประเทศอินเดีย เพื่อประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุพระอุรังคธาตุ(กระดูกส่วนอกของพระพุทธองค์)ในพระธาตุพนมแห่งนี้ โดยเจ้ากรุงใหญ่ทั้ง ๔ เมืองในยุคนั้น สัญญากันว่าจะคอยผลัดกันเป็นเจ้าภาพดูแลและบูรณะปฏิสังขรณ์คราวละ ๔ ปี โดยจะผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันไป พระยาขอมมีพระญาติเป็นกษัตริย์และเป็นเจ้าเมืองต่างๆมากมาย เช่น พระอนุชาคือพระยาแดดครองเมืองฟ้าแดดสูงยาง พระอนุชาอีกพระองค์คือพระยาเชียงเหียนครองเมืองเชียงเหียน พระราชนัดดาต่างก็ครองเมืองต่างๆ เช่น เมืองหงส์ เมืองไพร และเมืองทอง เป็นต้น ซึ่งถือได้ว่าพระยาขอมเมืองเอกชะทีตาน้ันมั่นคง แข็งแรง อุดมสมบูรณ์และเป็นปึกแผ่นยิ่งนัก เมืองต่างๆก็ยำเกรงและชื่นชมในพระบารมีของพระองค์

    พระยาขอมมีธิดานางหนึ่งชื่อ "นางไอ่คำ"เป็นสตรีที่มีรูปร่างสวยสดงดงามมากสวยงามกว่านางฟ้าและเทพธิดาในสรวงสวรรค์อีก โดยพระบิดาและพระมารดาต่างก็รักใคร่ทนุถนอมยิ่งนัก ได้สร้างปราสาท ๗ ชั้นให้อยู่กับนางบริวารรับใช้ ไม่เปิดโอกาสให้มาคลุกคลีกับคนทั่วๆ ไปโดยเฉพาะผู้ชายแต่อย่างใด นางไอ่คำก็เจริญวัยขึ้นและเมื่อโตเป็นวัยรุ่นแล้ว ความสวยงามของนางเป็นที่เลืองลือไปถึงบรรดาเจ้าชายเมืองต่าง ๆ จนเป็นที่หมายปองอยากจะได้มาเป็นคู่ครองและเป็นพระมเหสีกันทุกพระองค์

    “ท้าวผาแดง”โอรสของเจ้าเมือง "ผาโพง"ได้ทราบข่าวเล่าลือถึงความงดงามของนางไอ่ก็เกิดความหลงใหลใฝ่ฝันในตัวนางเป็นอันมาก จึงวางแผนทอดสัมพันธไมตรีด้วยการเตรียมแก้วแหวนเงินทองพร้อมด้วยผ้าเนื้อดีไปฝากนางไอ่มากมาย เมื่อมหาดเล็กนำสิ่งของไปมอบให้นางไอ่ตามที่ท้าวผาแดงประสงค์ และเล่าถึงความรูปหล่อ ความสง่างาม องอาจ ผึ่งผาย สมชายชาตรีของผาแดงให้นางไอ่ฟังเท่านั้น นางก็เกิดความสนใจและฝากเครื่องบรรณาการไปให้ท้าวผาแดง เป็นการตอบแทนด้วยเช่นกัน ก่อนที่มหาดเล็ก จะเดินทางกลับนางไอ่คำได้ฝากคำกล่าวเชิญท้าวผาแดงซึ่งตั้งทัพรออยู่นอกเมืองไม่ให้เข้าไปในเมืองขอม เพื่อรอพบกับนางที่นอกเมืองก่อนด้วย และเมื่อทั้งสองได้พบกัน ต่างก็ตกตะลึงในกันและกันแล้วก็เกิดความรักขึ้นอย่างรุนแรงและลึกซึ้งเกินหักห้ามใจ อาจเป็นเพราะบุพเพสันนิวาสในชาติปางก่อนของทั้งคู่ ในที่สุดทั้งสองก็ได้ครองรักกันเป็นสามีภรรยาของกันและกัน และทั้งคู่ก็ได้แลกสวมแหวนเป็นสัญญารักให้ไว้แก่กันและกันด้วย ท้าวผาแดงสัญญาไว้ว่าจะกลับมาสู่ขอนางไอ่ไปเป็นภรรยาคู่ชีวิตในเร็ววัน

    ฝ่าย “ท้าวพังคี”โอรสของพญานาคราชเมืองบาดาล ก็ได้ยินกิตติศัพท์ถึงความงดงามของนางไอ่เช่นเดียวกัน ก็เลยอยากจะมายลโฉมนางไอ่เช่นกัน อันเนื่องด้วยบุพกรรมในอดีตชาติบันดาลให้เป็นไป โดยเรื่องมีอยู่ว่า

    ท้าวพังคีในอดีตชาตินั้นเป็นชายหนุ่มที่ยากจนและเป็นใบ้เดินทางขอทานไปตามหมู่บ้านต่างๆจนมาถึงบ้านของเศรษฐีคนหนึ่งจึงได้ไปขออาศัยอยู่และช่วยทำงานให้เศรษฐีคนนั้นโดยไม่เห็นแก่ความเหน็ดเหนื่อยทำให้เศรษฐีพอใจและรักใคร่เป็นอย่างมากถึงกับยกลูกสาวคนหนึ่งซึ่งเป็นชาติปางก่อน (อดีตชาติ)ของนางไอ่ให้เป็นภรรยาท้าวพังคี ในชาตินั้นเป็นชายหนุ่มที่ไม่เหมือนใครแทนที่จะรักใคร่ภรรยา ของตนแต่เขาเขากลับไม่สนใจใยดี ไม่เคยรวมหลับนอนด้วยกันแม้แต่ครั้งเดียวแต่ภรรยาก็ไม่เคยปริปากบอกให้ใครทราบนางปรนนิบัติสามีเยื่องภรรยาที่ดีเสมอมา ต่อมาท้าวพังคีคิดถึงบ้านจึงพาภรรยาเดินทางไปเยี่ยมบ้านเกิดเมืองนอนของตน เศรษฐีผู้เป็นบิดาจัดเสบียงให้มีภรรยาเป็นคนหาบเสบียงให้ ส่วนหนุ่มพังคีไม่เคย ช่วยเหลือนางเลยทำให้นางลำบากและเหน็ดเหนื่อยมากในขณะที่เดินข้ามห้วย ภูเขาและป่าดงพงไพรจนกระทั่งเสบียงที่นำไปหมดลงกลางทางท้าวพังคีเห็นต้นมะเดื่อมีผลสุกเต็มต้นจึงขึ้นไปเก็บกินต่างข้าว ฝ่ายนางไอ่คอยให้สามีโยนผลมะเดื่อสุกลงมาให้ แต่ไม่ได้รับความสนใจแต่อย่างใด ส่วนสามีกินอิ่มคนเดียวแล้วลงมาจากต้นมะเดื่อเดินหนีไป นางจึงตัดสินใจขึ้นไปเก็บกินเองเมื่อนางกินอิ่มแล้วลงจากต้นมะเดื่อ ไม่พบสามีเดินตามหาอย่างไรไม่พบ นางจึงมีความทุกข์ทรมานเป็นอย่างยิ่งพอมาถึงต้นไทรริมฝั่งแม่น้ำแห่งหนึ่งนางจึงลงไปอาบน้ำและดื่มกินพอมีความสดชื่นขึ้นมาบ้าง แล้วนางก็ตั้งจิตอธิษฐาน"ชาติหน้าขอให้สามีนอนตายอยู่บนกิ่งไม้อย่าได้เป็นสามีภรรยากันอีกเลย"ด้วยแรงอธิษฐานของนางในชาติต่อมาสามีของนางจึงเกิดมาเป็นท้าวพังคีส่วนนางได้เกิดมาเป็นนางไอ่คำนั้นเอง
    เมื่อนางไอ่ผู้มีสิริโฉมงดงามเติบโตเป็นสาวแล้วพระยาขอมผู้เป็นบิดาได้มีใบฎีกาแจ้งข่าวให้หัวเมืองน้อยใหญ่ต่างๆ ให้จัดทำบั้งไฟมาจุดแข่งขันกันที่เมืองเอกชะทีตา โดยมีจุดประสงค์เพื่อจุดขึ้นไปบูชาพระยาแถนอยู่บนฟ้าให้บันดาลให้ฝนตกลงมาตามฤดูกาลประการหนึ่ง และอีกประการหนึ่ง หากบั้งไฟของคนใดขึ้นสูงกว่าเพื่อนคนนั้นจะได้นางไอ่ไปเป็นคู่ครอง โดยพระยาขอมได้กำหนดให้จัดงานขึ้นในวัน ขึ้น๑๕ ค่ำเดือน ๖ เป็นวันงาน ทำให้บ้านเมืองน้อยใหญ่พากันทำบุญบั้งไฟหมื่นบั้งไฟแสนมาแข่งกันมากมาย งานบุญบั้งไฟครั้งนั้นนับเป็นงานที่ใหญ่โตมากเพราะเป็นงานของกษัตริย์ พอถึงวันงานผู้คนต่างหลั่งไหลมาทั่วทุกสารทิศ ในงานมีมหรสพสมโภชต่างอย่างสนุกสนานมากมาย มีการแข่งขันตีกอง หรือภาษาอีสานเรียกว่า "เส็งกอง"กันอย่างครึกครื้น หนุ่มสาวต่าง “จ่ายผญา” เกี้ยวพาราศีกันอย่างสนุกสนาน แม้งานบุญบั้งไฟครั้งนี้ท้าวผาแดงจะไม่ได้รับหนังสือฎีกาบอกบุญแต่ก็ได้นำบั้งไฟมาร่วมงานด้วย(เป็นแผนของพระยาขอมที่จะพิสูจน์รักแท้ของผาแดงที่มีต่อนางไอ่ เพราะหากรักจริงรักแท้แล้ว ถึงไม่เชิญก็ต้องมาวันยังค่ำ ซึ่งผาแดงก็มาร่วมงานนี้จริงๆ เพราะว่าทุกลมหายใจเข้าออกมีแต่นางไอ่คำคนเดียวเท่านั้น อยากมาหาอยากมาเห็นหน้าและอยู่ใกล้ชิดทุกวินาทีเลยทีเดียว และยังขมักเขม้นขมีขมันซุ่มทำบั้งไฟอย่างดีเพื่องานนี้โดยเฉพาะ โดยพระองค์ได้เฝ้าควบคุมดูแลและสั่งการการทำบั้งไฟทุกขั้นตอนด้วยพระองค์เองเลยทีเดียว)

    พระยาขอมก็ได้ให้การต้อนรับท้าวผาแดงเป็นอย่างดี ฝ่ายท้าวพังคีโอรสเจ้าเมืองบาดาลทราบข่าวอยากมาร่วมงานที่เมืองมนุษย์ด้วยทั้งนี้เพราะท้าวพังคีต้องการชมโฉมนางไอ่ เป็นกำลังอยู่แล้วและคิดในใจว่าจะต้องไปชมบุญบั้งไฟครั้งนี้ให้ได้ แม้ว่าพระบิดาจะห้ามไม่ให้ไปยุ่งกับพวกมนุษย์อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะโผล่ขึ้นที่เมืองเอกชะทีตาของพระยาขอมท้าวพังคีสั่งให้บริวารแปลงร่างเป็นมนูษย์บ้างเป็นสัตว์บ้าง ส่วนตนเองแปลงร่างเป็น"กระรอกเผือก" หรือภาษาอีสานเรียก "กระฮอกด่อน"ออกติดตามชมความงามของนางไอ่ตามขบวนแห่ของเจ้าเมืองไปอย่างหลงใหล การแข่งขันบั้งไฟ เป็นไปด้วยความสนุกสนานทุกคนจดจ่ออยากรู้ว่าใครจะชนะและใครจะได้นางไอ่เป็นคู่ครอง ซึ่งการแข่งขันบั้งไฟในครั้งนั้นท้าวผาแดงกับพระยาขอมมีการพนันกันว่าถ้าบั้งไฟของท้าวผาแดงชนะพระยาขอมก็จะยกนางไอ่ให้เป็นคู่ครอง

    ผลการแข่งขันปรากฏว่าบั้งไฟของพระยาขอมและท้าวผาแดงต่างไม่ขึ้นด้วยกันทั้งสองบั้ง(ด้วยอิทธิฤทธิ์แห่งพระยานาคท้าวพังคีที่ได้บังคับให้บั้งไฟของพระยาขอมไม่ขึ้น หรือ “ซุ” ส่วนบั้งไฟของผาแดงนั้น พญานาคได้ใช้ฤทธิ์ทำให้แตก “ระเบิด”กลางอากาศ หรือ “แตกกลางบั้ง” ทั้งๆที่บั้งไฟจากฝีมือช่างของเมืองผาโพงนั้นดีมากและจะชนะบั้งไฟจากทุกเมือง) คงมีแต่บั้งไฟของพระยาแดด "เมืองฟ้าแดดสูงยาง" และบั้งไฟจาก "เมืองเชียงเหียน"ของพระยาเชียงเหียนเท่านั้นที่ขึ้นสู่ท้องฟ้าเป็นเวลานานถึงสามวันสามคืนจึงตกลงมายังพื้นดิน แต่พระยาทั้งสองนั้นเป็นอาของนางไอ่ด้วย การแข่งขันเพื่อได้นางไอ่เป็นรางวัลนั้นจึงต้องล้มเลิกไป
    เมื่องานบุญบั้งไฟเสร็จสิ้นแล้วท้าวผาแดงและท้าวพังคีต่างฝ่ายต่างกลับบ้านเมืองของตน ในที่สุดท้าวพังคีทนอยู่ในเมืองบาดาลต่อไปไม่ได้เพราะหลงใหลในสิริโฉมของนางไอ่ จึงพาบริวารกลับมายังเมืองมนุษย์อีกโดยแปลงร่างเป็นกระรอกเผือกอย่างเดิมส่วนที่คอจะแขวนกระดิ่งทองไว้ และได้กระโดดไปเกาะอยู่บนกิ่งไม้ใกล้หน้าต่างห้องนอนของนางไอ่ เสียงกระดิ่งทองดังกังวาลขึ้นนางไอ่ได้ยินเสียงกระดิ่งเกิดความสงสัยจึงเปิดหน้าต่างออกมาดู เห็นกระรอกเผือกแล้ว มีความพอใจอยากได้ นางจึงสั่งให้นายพรานฝีมือดีจากบ้านกงพาน ให้ตามจับกระรอกเผือกตัวนั้นมาให้ได้ไม่ว่าจะจับตายหรือจับเป็น นายพรานออกติดตามกระรอกเผือกที่กระโดดไปตามกิ่งไม้ เริ่มตั้งแต่บ้านพันดอนบ้านน้ำฆ้อง นายพรานไม่ได้โอกาสเหมาะสักทีจึงไล่ติดตามไปเรื่อย ๆ จนถึงบ้านนาแบก บ้านดอนเงิน บ้านยางหล่อ บ้านเหล่าใหญ่ บ้านเมืองพรึก บ้านม่วง ก็ไม่มีโอกาสยิงกระรอกสักที ในที่สุดผลกรรมเก่าในอดีตส่งผลตามมาทัน ขณะที่กระรอกมาถึงต้นมะเดื่อที่มีผลสุกเต็มต้นกระรอกได้ก้มหน้าก้มตากินผลมะเดื่อสุกด้วยความหิวโหย นายพรานจึงได้โอกาสยิงกระรอกด้วยหน้าไม้ซึ่งเป็นลูกดอกอาบยาพิษ เมื่อถูกยิงท้าวพังคีในร่างของกระรอกเผือกรู้สึกเจ็บปวดมาก เมื่อรู้ตัวว่าตนเองว่าจะต้องตายแน่นอน จึงสั่งให้บริวารนำความไปแจ้งให้บิดาของตนทราบด้วย โดยก่อนตายพังคีในร่างกระรอกเผือกได้อธิษฐานว่า ขอให้เนื้อของตนมีมากมายถึงแปดพันเล่มเกวียนพอเลี้ยงคนได้ทั่วถึงทั้งเมือง เมื่อกระรอกสิ้นใจตายนายพรานกับพวกได้นำเอาไปชำแหละที่บ้านเชียงแหว โดยแบ่งให้ผู้คนทั้งบ้านใกล้และบ้านไกลได้กินกันโดยทั่วถึงยกเว้น "บ้านดอนแม่หม้าย"ที่ไม่มีผัวหรือ "บ้านดอนแก้ว"ซึ่งเป็นเกาะอยู่กลางทุ่งหนองหานที่รอดพ้นจากการถูกถล่มทลายและยังปรากฎอยู่จนถึงปัจจุบันนี้
    เมื่อบริวารไปบอก "พระยาศรีสุทโธนาคราช"เจ้าแห่งบาดาลผู้เป็นบิดาของพังคี ก็โกรธแค้นเดือดดาลเป็นอย่างมาก พร้อมกับประกาศก้องว่า "พวกมึงจงขึ้นไปถล่มเมืองเอกชะทีตาให้ล่มจมในบัดนี้ และใครที่กินเนื้อลูกของกูพวกมึงจงอย่าไว้ชีวิตพวกมัน" จึงสั่งบ่าวไพร่จัดพลขึ้นไปอาละวาดบนโลกมนุษย์เสียงดังครืน ๆ ทั่วแผ่นดินของเมืองเอกชะทีตา

    ขณะที่บ้านเมืองถูกพระยานาคถล่มทลายอยู่นั้น ท้าวผาแดงกำลังขี่ม้า"บักสาม"มุ่งหน้าไปหานางไอ่ด้วยความรักและความคิดถึงใจจะขาด ก็ได้เห็นนาคเต็มไปหมดและได้เล่าเรื่องที่พบเห็นให้นางไอ่ฟัง นางไอ่ไม่สนใจแต่ได้ทำอาหารที่มีกลิ่นหอมเป็นพิเศษมาให้ผาแดงรับประทาน ท้าวผาแดงจึงถามว่าเนื้ออะไรจึงมีกลิ่นหอมนัก ก็ได้รับคำตอบว่าเนื้อกระรอกเผือกที่ถูกนายพรานยิงตาย แต่ผาแดงไม่ยอมกินอาหารนั้น(และยังถูกกระแนะกระแหนว่า "หึงแม้กระทั่งกระรอกที่ตายแล้ว" จึงไม่พูดอะไรต่ออีก)ได้แต่กินอย่างอื่นแทน พอตกตอนกลางคืนขณะที่ผู้คนหลับสนิทเหตุการณ์ที่ใคร ๆ ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น คือมีเสียงดังครืน ๆ ทั่วแผ่นดินเมืองเอกชะทีตาของพระยาขอม แล้วเมืองก็ได้ถล่มทลายลงเป็นหนองหานหลวง (จังหวัดสกลนครในปัจจุบัน) ท้าวผาแดงทราบได้ทันทีว่าเป็นการกระทำของพวกพญานาค จึงคว้าแขนนางไอ่ขึ้นหลังม้าบักสาม พร้อมกับเก็บเอาสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองและของจำเป็นของเมืองเอกทีตาไปด้วย คือ กลอง และฆ้อง แล้วก็ควบม้าหนีออกจากเมืองเพื่อให้พ้นภัย แต่เนื่องจากนางไอ่ได้รับประทานเนื้อกระรอกเผือกกับเขาด้วย แม้จะหนีไปทางไหนพวกนาคก็ตามไปและทำให้แผ่นดินถล่มถล่มทลายไปด้วย ท้าวผาแดงมุ่งหน้าไปทางเทือกเขาภูพาน ม้าบักสามกระโดดอย่างสุดฤทธิ์ สองขาหน้าข้ามขอนไปได้แต่สองขาหลังคู้ขึ้นมาไม่ข้าม จึงทำให้ม้าเสียหลักล้มพังพาบลง อวัยวะเพศของม้าไปกระแทกกับภูพานน้อยเป็นร่องลึกลงไป (กลายเป็น "ห้วยสามพาด"ตั้งแต่นั้นมา) จากห้วยสามพาดเพื่อหนีไปเมืองผาโพงของท้าวผาแดงแต่ก็ไร้ผล เพราะถูกพวกนาคติดตามอย่างไม่ลดละนั้นเอง ในที่สุดนางไอ่ก็ถูกพญานาคใช้หางฟาดตกจากหลังม้าและจมหายไปในพื้นดินลงสู่เมืองบาดาลทันที สุดแรงที่จะตามเมียรักกลับมาได้ทัน
    นางไอ่จมลงดินหายไปต่อหน้าต่อตา ส่วนท้าวผาแดงและม้าบักสามเองตกใจสุดขีด ท้าวผาแดงได้กระเด็นตกจากหลังม้าบักสามแล้วก็ล้มลงสลบหมดสติไปนาน จนหมอกและน้ำค้างลงจัดจึงได้สติและฟื้นคืนมา หลังจากนั้นท้าวผาแดงและม้าบักสามต่างแข็งใจเดินโซซัดโซเซกลับถึงเมืองผาโพงอย่างเจ็บปวดทุกข์ทรมานเกินบรรยาย ด้วยความรัก สงสาร และห่วงหาอาลัยในนางไอ่เมียสุดที่รัก ท้าวผาแดงเกิดตรอมใจคิดถึงแต่นางไอ่ตลอดเวลา ข้าวปลาอาหารต่างๆไม่ยอมเสวยจนผ่ายผอม และแล้วก็ได้ล้มป่วยลง ในที่สุดพระองค์ก็ตรอมใจตายบนปราสาทตามนางไอ่ไป โดยก่อนตายพระองค์ได้ตั้งจิตอธิษฐานขอให้กลายเป็นผีที่มีอิทธิฤทธิ์และมีบริวารมาก จะได้ตามไปทำสงครามรบกับพวกพญานาคเมืองบาดาล เพื่อไปตามเอาคนรักของตนกลับคืนมา

    เมื่อท้าวผาแดงตายไปกลายเป็นผี มีความอาฆาตพยาบาทต่อพญานาคอยู่ไม่วาย ครั้นมีโอกาสเหมาะผีท้าวผาแดงก็สั่งไพร่พลวิญญาณผีเตรียมตัวเดินกองทัพผีไปรบกับพวกพญานาคที่เมืองบาดาลให้หายแค้น ซึ่งผีท้าวผาแดงมีบริวารผีเป็นแสน ๆ การเดินทัพมีเสียงดังอึกทึกคึกโครมปานแผ่นดินจะถล่ม และได้รายล้อมเมืองบาดาลซึ่งเป็นเมืองของพญานาคไว้รอบด้าน และแล้วกองทัพทั้งสองก็เปิดศึกสงครามกัน ต่างฝ่ายต่างใช้อิทธิฤทธิ์รบกันนานถึงเจ็ดวันเจ็ดคืน(ชาวมนุษย์ได้ยินเสียงอึกทึกครึกโครม หนองน้ำและแม่น้ำต่างๆก็ขุ่น ดินบนบกก็กลายเป็นฝุ่นตลบไปหมด แต่ชาวมนุษย์ก็มองไม่เห็นตัวอะไรได้ยินแต่เสียง ชาวบ้านต่างเดือดร้อน เพราะว่าจะนำน้ำมาดื่มกินจะหลับจะนอนก็ลำบาก) ผลการรบไม่มีใครแพ้ไม่มีใครชนะต่างฝ่ายต่างล้มตายกันมาก โดยเฉพาะเหล่าพญานาคทั้งหลายซึ่งล้มตายมากขึ้นๆ ทุกวันๆ

    ฝ่าย"สุทโธนาคราช"เจ้าเมืองบาดาลเห็นดังนั้น ซึ่งตัวเองก็แก่ชรามากแล้วด้วย กังวลว่าจะแพ้และสูญพันธุ์นาคแน่ๆหากรบกันยืดเยื้อต่อไป และก็ไม่อยากทำบาปทำกรรมต่อไปอีก เพราะต้องการไปเกิดในภพของพระศรีอาริยเมตไตรย(พระพุทธเจ้าลำดับถัดในอนาคตกาล) จึงรีบรุดไปขอร้อง "ท้าวสักกะเทวราช" หรือ "พระอินทร์"ผู้เป็นใหญ่ในสรวงสวรรค์ให้มาช่วยห้ามผีท้าวผาแดงและเหล่าผีจากเมืองมนุษย์ให้ด้วย เมื่อพระอินทร์ทราบดังนั้น ท่านจึงได้สั่งให้ “ท้าวเวสสุวัณ”ผู้เป็นใหญ่หนึ่งในสี่(จตุโลกบาล)ในสวรรค์ชั้น "จาตุมหาราชิกา" หรือ "โลกบาล"ให้มาห้ามศึกและตัดสินความให้ เมื่อท้าวเวสสุวัณได้ทราบเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดแล้วนั้น ก็ทรงทราบว่า เป็นเรื่องของกรรมเก่าที่ตามมาให้ผลในชาตินี้นั้นเอง ซึ่งทั้งสองฝ่ายต่างๆก็มีเหตุผลพอ ๆ กัน ดังนั้นท้าวเวสสุวัณ จึงขอให้ทั้งสองฝ่ายเลิกราต่อกันไป ไม่ต้องฆ่ากันให้มีเมตตาต่อกัน ให้รักษาศีลห้าปฏิบัติธรรมและให้มีขันติธรรม ซึ่งทั้งผีท้าวผาแดงและศรีพญาสุทโธนาคราช เมื่อได้ฟังคำสั่งสอนของท้าวเวสสุวัณแล้ว ต่างก็เข้าใจในเหตุผล ต่างฝ่ายต่างอนุโมทนาสาธุการ แล้วเหตุการณ์จึงยุติลงด้วยความเข้าใจอันดีต่อกันและอภัยกันในที่สุด...

    ********************************************

    # ต่างดวงจิตดวงวิญญาณ ต่างก็ไปเวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏ ตามบุญตามกรรมที่ได้สร้างสมกันมา

    # หนองหานของเมืองสกลนครในปัจจุบันนั้น คือที่ตั้ง “เมืองเอกชะทีตา”ในสมัยโน้นที่จมหายลงไป(หนองที่เกิดจากเมืองจมหายไป = หนองเมืองหาย = หนองเมืองหาน = หนองหาย= หนองหาน หรือ เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า หนองหานหลวง)

    # “ดอนแม่หม้าย”คือ หมู่บ้านแม่หม้าย หรือบ้านดอนแก้ว ที่ไม่ได้ถูกแบ่งเนื้อกระรอกเผือกให้กินจึงไม่จมลงไป(แม่หม้ายสมัยโน้นถูกรังเกียจ หาว่าไม่มีสามีได้ทำงานรับใช้บ้านเมือง)

    # หนองหานกุมภวาปี(อุดรธานี)คือสถานที่สุดท้ายที่ท้าวผาแดงขี่ม้าพาแฟน(นางไอ่)มาถึง แต่พญานาคตามมาทันและได้พรากนางไอ่จมลงสู่เมืองบาดาล(หนองที่เกิดจากแฟนจมหายไป = หนองแฟนจมหาย = หนองแฟนหาย = หนองหาย = หนองหาน หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า หนองหานน้อย)

    # แปลกแต่จริง!หนองหานกุมภวาปี จังหวัดอุดรธานี มีแต่ดอกบัวสีชมพูและสีแดงเกิดขึ้นตั้งแต่โบราณมาจนถึงปัจจุบัน(ทะเลบัวชมพูหรือทะเลบัวแดง)...ช่างน่าอัศจรรย์จริงๆ

    # ประเพณี “บุญบั้งไฟ”ที่ยิ่งใหญ่และงดงามของชาวอีสานยังบอกกล่าวเล่าเรื่องราวของ “ผาแดง-นางไอ่”สู่รุ่นลูกหลานจนถึงปัจจุบันนี้...น่าศึกษาจริงๆ

    # ประเพณี “แห่ผีตาโขน”(อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย) ที่ตั้ง “เมืองผาโผง”ของเจ้าชายผาแดง ที่พระองค์ตรอมใจตายบนปราสาทแล้วกลายไปเป็นผี แล้วเตรียมขบวนกองทัพผีไปปราบพวกพญานาคเมืองบาดาล...เป็นประเพณีตรงกันตามตำนาน...และมีการปฏิบัติเป็นประเพณีสืบมาจนปัจจุบัน..ซึ่งตรงกันกับอดีต...ช่างน่าอัศจรรย์จริงๆ

    # ที่ตั้ง “พระธาตุศรีสองรัก”(อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย)คือสถานที่ๆท้าวเวสสุวัณได้ไกล่เกลี่ยให้กองทัพผีของผาแดงกับกองทัพของพญานาคเมืองบาดาลได้เจรจาสงบศึกและให้อภัยกัน...แปลกแต่จริง!...พระธาตุนี้สร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยา(พระมหาจักรพรรดิ)ของราชอาณาจักรสยาม กับ พระไชยเชษฐากำแพงนครเวียงจันทร์ของราชอาณาจักรล้านช้าง(ลาว) ได้ทำไมตรีเป็นพันธมิตรไม่รุกรานกัน และจะร่วมต่อต้านการรุกรานของพม่าหงสาวดี...โดยพระธาตุนี้ห้ามนุ่งชุด "สีแดง"หรืออะไรที่เกี่ยวกับสีแดงเข้าไปกราบไหว้สักการะบูชา???...และก็ยังปฏิบัติมาจนถึงทุกวันนี้!...

    # “เมืองหรือกรุงสาเกตุนคร” คือ อำเภอเมือง จังหวัดร้อยเอ็ด (ในปัจจุบัน)

    # “เมืองหรือกรุงศรีโคตรบูรณ์”คือ จังหวัดนครพนม (ในปัจจุบัน)

    # “เมืองหรือกรุงอินทรปัตถ์” คือ กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา (ในปัจจุบัน)

    # “เมืองฟ้าแดดสูงยาง”ของพระยาแดด ก็คือ จังหวัดกาฬสินธุ์ (ในปัจจุบัน)

    # “เมืองเชียงเหียน”ของพระยาเชียงเหียน ก็คือ อำเภอเชียงยืน จังหวัดมหาสารคาม (ในปัจจุบัน)

    # “เมืองหงส์ คือ อำเภอจตุรพักตรพิมาน จังหวัดร้อยเอ็ด (ในปัจจุบัน)

    # “เมืองไพร” คือ อำเภอเสลภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด (ในปัจจุบัน)

    # “เมืองทอง” คือ อำเภอสุวรรณภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด (ในปัจจุบัน)

    ฯลฯ

    # “ม้าบักสาม”คือ เทวดาที่ลงมาเกิดเพื่อรับใช้ท้าวผาแดง

    # แปลกแต่จริง! ที่ “ป่าคำชะโนด” อำเภอบ้านดุง จังหวัดอุดรธานี จะเป็นทางขึ้นลงแห่งหนึ่งของเหล่าพญานาค ที่เชื่อมต่อระหว่างเมืองบาดาล กับ โลกมนุษย์ ซึ่งมีมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันนี้

    # สถานที่ๆเกี่ยวข้องกับตำนานนี้ ล้วนศักดิ์สิทธิ์และมีปาฏิหาริย์เป็นที่ประจักษ์มาจนถึงทุกวันนี้ และตลอดไป...(มีคนไปลองและพิสูจน์มาแล้ว...ล้วนเจอดีและมีอันเป็นไปต่างๆนาๆ)...


    (...ช่างอัศจรรย์! และน่าศึกษาค้นคว้าจริงๆ...)

    ...กฎแห่งกรรมยังวนเวียนต่อไป จนกว่าว่าดวงจิตนั้นจะบรรลุ “พระนิพพาน”...
    .............................................................​

    ก๊อปมาจาก : http://www.sujipuli.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=539242725

    หนุกไม๊ หนุก ไม๊ เอาแจกกล้วยด้วย หย่อยยยย
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ซะะะะ...จายมากเลยหนอ...คุณกอกล้วย ขอหอมหน่อยจิ คริคริ :cool:
     
  3. EAKKARACH

    EAKKARACH Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    39
    ค่าพลัง:
    +43
    สวัสดีท่านประทานและทุกๆท่านด้วยนะครับ ผมเป็นอีกคนนึงที่ติดตามอ่านมาจากกระทู้เก่าครับ คือว่าผมและภรรยาเป็นคนชอบเรื่องเกี่ยวกับพญานาคคับ จนเมื่อปีที่แล้ว ผมได้มาเจอกระทู้ของท่านประธาน และอีกไม่นานผมก้อมีโอกาสได้บูชามณีนาคามา1เม็ดจากกัลยาณมิตรใหม่ท่านนึงที่เป็นศิษย์ของปู่ ฤาษี ไพรดำ แห่งวัด พรหม ฤาษีคับ เม็ดนี้ผมบูชาโดยเสียเงินนะคับแต่หลังจากนั้นมาผมก้อได้มาอีกหลายเม็ด จนไม่กี่วันมานี้ผมก้อได้ลูกแก้วเสด็จสีฟ้าของแม่ย่ามาจากเค้าครับ คือผมคิดว่าตัวผมน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับพญานาคในชาติปางก่อนแต่คงไม่มากมายเพราะผมไม่เคยฝันหรือมีนิมิตรอะไรเลยคับ แต่ก้ออยากรู้เหมือนกันคับอยากให้ท่านประธานช่วยดูให้ผมหน่อยจักเป็นพระคุณอย่างสูงคับ ผมชื่อ เอกราช ฟูแสง อายุ29ปี แฟนผมชื่อ พลอยพิชชา ทองมูลชัย อายุจะเข้า26ปีคับ ลูกผมชื่อ พิชญราช ฟูแสง อายุ1เดือนกว่าๆคับ ขอบคุณท่านประธานมากๆคับ และต้องขออภัยทุกท่านด้วยนะคับ อยากรู้จิงๆคับ ขอบพระคุณมากๆครับ
     
  4. กอ กล้วย

    กอ กล้วย สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 เมษายน 2013
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +22
    หายไปหนาย หมด หนา นี่ หนา.....
    เราผ่านไป มา ชะโงกหน้า ดูที่รั้ว หลายรอบแล้วหนา ...ไม่เห็นมีใครเลยยยย...

    แต่น้ำยังเต็มสระอยู่
    ดอกไม้ เริ่มโรยแล้ว หนา .... ที่นี่ไม่มีฝนเลยหรือ

    เราจะมาจ่ายค่าที่พัก เรื่องเล่าเรื่องที่สอง หนา มีใครอยู่ไหมเอ่ย
    เราจะเอามะม่วงน้ำปลาหวานมาฝากด้วย...หย่อยยย
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  5. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    เวปมีปัญหาโหลดข้อมูลมาไม่ครบ เป็นที่เวปหรือว่าเป็นที่เราหนอ คุณกอกล้วย...ขอโตดน้าาาาาา เราไปหาที่คุยกันเงียบๆ สองคนดีกว่าหนอ อิอิ
     
  6. kongpak

    kongpak เลื่อมใสอย่างยิ่งในตถาคต ถึงที่สุดโดยส่วนเดียว

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2009
    โพสต์:
    802
    ค่าพลัง:
    +6,118
    http://palungjit.org/threads/ตามหาลูกหลานพญานาคที่มาเกิด.471435/
     
  7. Norlnorrakuln

    Norlnorrakuln เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    3,813
    ค่าพลัง:
    +15,095
    วนวนเวียนเวียน แวะมาเยี่ยม
    กระทู้นาคประธานเลี่ยงหลบหาย
    คุรุบอกขอลา เปลี่ยนที่
    ปล่อยนาคานาคีให้ อ้อล้อ ลมหวน

    ปีหน้าปีโน้น อาจกลับ
    เผยความลับ ถูกนางฟ้าจับ จึ่งลี้
    แม่นางผู้บำเพ็ญร่วม สั่งห้าม
    หวั่นมารผจญแทรก เปลี่ยนเว็บ เฉยเลย!

    ไม่ยากหากจุดธูปเรียก คงร้อน
    อธิษฐานแล้วลองอ่อนวอน ค่ะขา
    เดี๋ยวก็มาเชื่อเหอะ คุรุฯ ท่าน
    แต่มาดูได้แป๊บเดียว
    ชะตาต้อง จึงสนอง!
     
  8. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ชักสงสัย...สงสัย ใครที่นี่
    คือคนที่บอกกล่าวและเล่าขาน
    เสียงโหยหวนชวนให้ใจรำคาญ
    อธิษฐานเพื่ออะไรไม่อยากฟัง

    มาหรือไม่ ไม่ใช่เรื่องเปลืองสมอง
    อุ๊ย..ขอโทษความคะนองของปากฉัน
    จะกี่เดือนกี่ปี...........หรือกี่วัน
    ความจริงนั้นย่อมเปลี่ยนแปลงแสร้งทำไม

    อยากจะบอกทุกท่านอย่าเพียรถาม
    เรื่องตำนานกาลก่อนย้อนหนหลัง
    เมื่อวันนี้ วันที่....มีกำลัง
    หยุดสร้างฝัน หันหาเหตุล้วนเภทภัย

    พญานาคกับอดีตที่ผ่านมา
    ชื่อก็บอกแล้วว่าเป็นความหลัง
    จะหันหาเหตุการณ์ปัจจุบัน
    ได้แค่ฝันเท่านั้นมันเรื่องจริง

    ห้องนิทานมากมายล้วนดาษดื่น
    ไปหาอ่านให้ระรื่นชื่นใจฉัน
    แวะห้องโน้นเข้าห้องนี้มีทุกวัน
    ล้วนสร้างสรรค์อ่านได้เพลินเจริญใจ
     
  9. แหมบศรี

    แหมบศรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2012
    โพสต์:
    422
    ค่าพลัง:
    +1,067
    ตอนนี้ท่านประธานไม่ค่อยเข้ามากระทู้แล้วคะ เนื่องจากมีปัญหาการดาวน์โหลดหน้าเว็บ ลองไปตาม เว็บบอร์ด - เพชรพญานาคเพื่อการบอกบุญ - Powered by Discuz! ดูนะคะ เพราะท่านประทานปู่จะออนเว็บนี้คะ
     
  10. แหมบศรี

    แหมบศรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2012
    โพสต์:
    422
    ค่าพลัง:
    +1,067
    แวะมาอ่านนิทาน อ่ะคร้า เผื่อมีใครมาเล่าทิ้งไว้ อิอิ
     
  11. จันทระ

    จันทระ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    143
    ค่าพลัง:
    +601
    สวัสดีคะทุกท่าน:boo:
     
  12. แหมบศรี

    แหมบศรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2012
    โพสต์:
    422
    ค่าพลัง:
    +1,067
    สวัสดีคะจันทระ ^__^
     
  13. 9999nui

    9999nui เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    167
    ค่าพลัง:
    +675
    ตะเอ๋ กลับบ้านเก่ากันเป็นแถว แล้วใยผีฟ้าอย่างเรา จะมิมาเยี่ยมเยือน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  14. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ผ่านมาหลายฝนแย้วววว ยังไม่เห็นวี่แววนิทานค่าพักเบยยยยย
    คุณกอกล้วย ออกจากกอกล้วย มาเล่านิทานได้แล้วหนอ...:cool:

    สภาพแวดล้อมปล่อยมันไปเถอะหนอ เดี๋ยวมันก็จะดีขึ้นเอง อิอิ
     
  15. Amata_club

    Amata_club เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    27,064
    ค่าพลัง:
    +52,162
    วันนี้เว็บลื่นไหลเป็นปกติแล้วครับ
     
  16. คุรุวาโร

    คุรุวาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    3,465
    ค่าพลัง:
    +13,430
    สวัสดีค่ะ คุณคุรุวาโร
    สืบเนื่องมาจาก การไปทำพิธีเปิดกรรมที่สำนักปฏิบัติธรรมถ้ำตอง อ.จอมทอง เชียงใหม่ของดิฉัน (เปิดกรรม ที่ว่า คือ การเปิดจิตให้เจ้ากรรมนายเวร หรือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ปกปักรักษาเรามาเปิดเผยตน ว่าเป็นใครต้องการอะไร โดยการผ่านร่างเรา)
    ดิฉันไปเปิดกรรมถึง 4ครั้ง ก็มีดวงจิตของพระแม่จามเทวีมาสามครั้ง แต่ก็ไม่รู้ว่าตัวดิฉันเกี่ยวข้องอย่างไรกับพระแม่ การเปิดจิตในสองครั้งแรก กำดาบมาด้วยอารมณ์โกรธ ครั้งล่าสุดทำมือเหมือนกับจะรำ
    และก่อนจะไปเปิดครั้งสุดท้ายนี้ ดิฉันฝันว่าตัวเองเป็นนางสนมใกล้ชิดของหญิงสูงศักดิ์ผู้หนึ่ง แต่ด้วยผิดใจกันทำให้นางสูงศักดิ์ผู้นั้นได้ประดาบกับดิฉัน ในฝันนั้น ดิฉันน้อยใจและเสียใจมาก จึงหนีออกจากนางผู้สูงศักดิ์นั้นออกมา และไม่ยอมกลับไปถึงแม้นางจะออกตามหาอย่างไรก็ตาม
    จากความฝันนั้น ก็ไม่แน่ใจว่าจะเป็นแค่ความฝันหรืออย่างไร จึงอยากจะมาปรึกษาคุณคุรุวาโร ดูค่ะ ดิฉันอยากจะรู้ว่า เมื่อชาติปางก่อนดิฉันเกี่ยวข้องอย่างไรกับพระแม่จามเทวี และได้โกรธเคืองอะไรกัน ดิฉันอยากจะขออโหสิกรรมกับพระแม่ แต่ก็อยากจะรู้ความเป็นมาว่าเรื่องราวเป็นอย่างไร ดิฉันถึงได้เสียใจขนาดนั้น จนกระทั่งตื่นจากฝันก็ยังไม่หมดความเสียใจไปหลายวันเลยค่ะ
    ขอบคุณค่ะ
    อาจจะตอบช้าหน่อยนะครับ แต่จะตอบอยู่ครับ
     
  17. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    สวัสดีค่ะ ท่านคุรุวาโร :cool::cool:
     
  18. นิตยา11

    นิตยา11 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    116
    ค่าพลัง:
    +355
    ขออนุญาตอธิบายเรื่องกรรมก่อนนะคะ

    กรรมใดทำไปแล้ว ไม่เป็นเหตุให้เราหลุดพ้น จากรัก โลภ โกรธ หลง การใดทำแล้วไม่อาจทำให้เราหลุดจากวิกิจฉาความลังเลสงสัย กรรมนั้นการนั้นไม่ควรทำ ถ้ารู้ว่าเมื่อชาติก่อนได้เป็นใคร ทำอะไรไว้ ถ้าน้อมนำมาพิจารณาว่าไม่มีอะไรยั่งยืน ตั้งขึ้นเปลี่ยนแปลงแล้วดับไป ก็พอจะมีประโยชน์บ้าง แต่ส่วนใหญ่พอรู้ก็เกิดสงสัยว่าจริงหรือเปล่า

    ถ้าเชื่อว่าจริงถ้าเหตุนั้นเป็นเรื่องน่าพอใจก็เกิดหลงยึดติด ถ้าไม่พอใจก็จะไม่ยอมรับ ดิ้นรนหาทางแก้ไขในสิ่งที่ได้ทำไปแล้ว เกิดการตัดกรรม ถ้าเชื่อเรื่องตัดกรรมก็ต้องเชื่อเรื่องกรรมและต้องเชื่อเรื่องชาติก่อน เราเกิดมาเกิดดับเกิดดับนับครั้งไม่ถ้วน ถ้าเกิดมาเป็นสัตว์มีกระดูกกระดูกก็ทับถมกันจนกองเป็นภูเขา ทำกรรมมาไม่รู้เท่าไรทั้งดีและร้าย หาต้นไม่ได้หาปลายไม่พบ แล้วจะตัดตรงไหนตัดอย่างไร เหมือนถังน้ำขนาดใหญ่มากถ้าดีเปรียบเหมือนใส่น้ำตาลลงไปถ้าเลวก็เปรียบเหมือนใส่เกลือลงไป ไม่อาจจะเอาอะไรไปตักเกลือออกจากน้ำในถังนั้นแล้วเหลือแต่น้ำตาลเอาไว้

    กรรมที่ทำไปแล้วจะยังคงอยู่รอให้ผล พอจะทำได้ก็คือประกอบกรรมปัจจุบันให้มีแต่ทางดีเปรียบเหมือนใส่น้ำตาลลงไปจนน้ำมีรสหวานนำ แต่อย่างไรเสียเกลือก็ยังคงอยู่กับอีกวิธีหนึ่งคือการเติมน้ำสะอาดลงในถังจนเจือจางรสเค็มแล้วประกอบกรรมดีเป็นการเติมน้ำตาลลงไปก็จะเป็นผลดีต่อตนเอง การเติมน้ำในถังเปรียบดังการยกภูมิจิตของตนเพื่อมุ่งไปสู่ความเป็นพระอริยะบุคคล

    หวังว่าจะมีประโยชน์บ้างนะคะ
     
  19. นิตยา11

    นิตยา11 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    116
    ค่าพลัง:
    +355
    การเปิดกรรม ก็เหมือนการสะกดจิตตัวเองค่ะ ทุกวันนี้มีอยู่เยอะเลยทีเดียว สิ่งที่แสดงออกมาทางกายเมื่อผู้ไปเปิดกรรมได้ร่วมในพิธีได้แสดงออกมานั้น ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ตกค้างอยู่ในใจของผู้ได้รับการเปิดกรรม จากภาวะของจิตสงบหรือการถูกกระตุ้นจากวิธีการต่างๆ ของสำนักนั้นๆ ถามว่าเชื่อได้ไหม ตอบว่าเชื่อได้ค่ะ เพราะว่ามันมาจากใจของเจ้าของเอง แต่ทีนี้ ลองมาพิจารณาดูอีกที แล้วใจของเจ้าของล่ะเชื่อถือได้ไหม มีใครบอกได้ว่า ใจนั้นเที่ยงตรง ไม่ได้ลำเอียงฝักใฝ่ไปในทางกิเลส ตัณหา อุปาทาน สิ่งนี้พึงนำมาพิจารณาว่า อยู่บนพื้นฐานของคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าหรือไม่

    เท่าที่รู้มา ยังไม่เคยได้ยินหรือได้อ่าน ได้เห็น เรื่องการเปิดกรรม จากตำราใดๆ หรือพระไตรปิฎกเล่มไหน ที่พระพุทธองค์จะทรงสอนเรื่องการเปิดกรรม

    สิ่งที่เคยเรียนรู้มาเกี่ยวกับเรื่องการระลึกกรรมหรือระลึกชาติได้ มีเพียงผู้ที่ปฏิบัติธรรมจนได้อภิญญาแล้วเท่านั้นค่ะ การได้อภิญญาก็ใช่ว่าจะฝึกเพียงชาติเดียวแล้วได้เลย จำต้องผ่านการฝึกฝนมาก่อนแล้วในอดีตเป็นเวลายาวนาน หรือว่าผู้นั้นเคยได้อภิญญามาก่อนแล้วในอดีตชาตินั่นเอง
     
  20. นิตยา11

    นิตยา11 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    116
    ค่าพลัง:
    +355
    ขอต่ออีกนิดนะคะ

    การจะระลึกชาติได้อย่างถูกต้องและน่าเชื่อถือได้ ต้องเกิดจากการปฏิบัติสมาธิตามหลักพุทธศาสนาจนถึงขั้นฌาณสมาบัติ แค่ได้โลกียฌาณก็สามารถระลึกชาติได้

    การระลึกชาตินั้นเพื่อให้เกิดปัญญามองเห็นภัยในวัฏฏสงสาร ไม่ใช่การปรุงแต่งจิต ส่วนใหญ่คนที่ระลึกชาติได้โดยทางสมาธิจะเห็นตนเองเหมือนดูภาพยนต์แต่จะรับรู้อารมณ์ร่วมในเหตุการณ์นั้นๆ เหมือนเราเป็นตัวเอกของเรื่องแต่จิตต้องมีสมาธิกำกับอยู่เสมอ รู้สักแต่ว่ารู้ เห็นสักแต่ว่าเห็น แล้วจึงเกิดปัญญาว่าวัฏฏสงสารนี้ช่างยาวไกล ไม่ควรประมาท รีบเร่งทำชาติภพให้หมดสิ้นโดยเร็วเถิด
     

แชร์หน้านี้

Loading...