เรื่องเด่น แชร์เล่าเรื่องหลวงปู่มีชัย กามฉินโธประสบการณ์ในสามจังหวัดชายแดนใต้ครับ

จองงงงงงงงงงงง ครับ ท่านสารวัตร

 

สวัสดียามเช้าครับท่านสารวัตรและทุกๆท่านนะครับ ผมขอร่วมรับพรด้วยคนครับ
เฝ้าติดตามกระทู้นี้อยากใกล้ชิดครับ และขอขอบคุณข้อมูลที่ดีๆของทุกๆท่านด้วยนะครับที่ร่วมแชร์ประสบการณ์ของหลวงปู่

 

ขอรับพรครับท่าน
ชัยยะ ชัยยะ ไชโย

 

กราบๆๆ หลวงปู่มีชัย เอาฤกษ์เอาชัย แล้วไปสู้ ชีวิต ต่อครับ ชัยยะชัยยะ ไชโย

 

รออ่านเรื่องปราบผีครับ

 

นึกว่าลืมเสียแล้วครับ

 

ดีครับเป็นบุญที่ได้ฟังจากคุณ falkman จะตั้งตารอนะครับ

 

กราบหลวงปู่มีชัยคับ กราบ กราบ กราบ คับ

 

เสียดายผมความรู้น้อย หลวงปู่ท่านเคยสอนการแยกรูปธรรมกับนามธรรมออกจากกัน สอนอยู่นานมาก ก่อนจะสอนคณะผม ท่านก็สอนหมอท่านหนึ่งอยู่ก่อนแล้ว ซึ่งคณะของหมอมีอยู่ 2 ท่าน ท่านเพียรสอนอยู่อย่างนั้นผมจับเวลาได้ 2-3 ช.ม. ผมนั่งรอจนคณะหมอกลับ พอกลับผมก็เข้าไป ท่านก็สอนผมต่ออีก 3 ช.ม. พอดีเที่ยงคืนผมก็ขออนุญาตลากลับเพราะไม่ไหวแล้ว เสียดายการสอนครั้งนี้ผมไม่เข้าใจเอาเสียเลยไม่งั้นจะถ่ายทอดให้ผู้อ่านทุกท่านทราบได้แต่เสียดายอยู่ในใจว่าเราไม่เข้าใจในสิ่งที่ท่านพูดเลย เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลังจากที่ท่านออกจากนิโรธสมาบัติที่อินโดนิเซีย 15 วัน ไม่นานพอออกมาจากป่าท่านก็ป่วยแล้วนิมนต์ท่านมารักษาที่ประเทศไทย นี่แหละเป็นที่มาของการสอนการแยกรูปธรรมกับนามธรรมออกจากกัน

 

คราวหน้าผมจะไปหาใหม่นะครับพี่ แต่คราวนี้ผมจะไม่คุยนาน..... ฮ่า

ขอบคุณมากครับ ในระหว่าที่รอท่าน Falkman มาเล่าเรื่องหลวงปู่ปราบผี
ผมว่าพี่ประกิจช่วยเล่าเรื่องที่ตำรวจไปจับผีก่อนดีกว่ามั้ยครับพี่

 

อยากฟัง ตำรวจปราบผีค่ะท่าน:boo::boo::boo:

 

ใจตรงกันเลยค่ะ คุณ Pattana

 

การแยกรูปกับนาม ผมเข้าใจว่าคงเป็นการแยกจิตออกจากกาย เอาจากที่เคยอ่านเจอก็แล้วกันนะครับ ถ้าเรานั่งสมาธิจนจิตเข้าถึงระดับณาน จิตก็จะเริ่มที่จะไม่รับรู้อาการทางร่างกาย ถ้าเข้าถึงระดับณานสี่ได้ก็จะไม่รับรู้อาการทางร่างกายเลย คือสามารถตัดทุกขเวทนาที่เกิดขึ้นกับร่างกายในขณะนั้นได้ ไม่รู้ว่าผมจะเข้าใจถูกหรือเปล่านะครับ

 

มาตามคำเรียกร้องครับที่ผมติดเอาไว้ว่าจะเล่าเรื่องตำรวจจับผี มีสองเรื่องครับ เดี๋ยวจะเขียนเรื่องแรกก่อนนะครับผู้อ่าน

 

เรื่องแรกเมื่อประมาณปี พ.ศ.2530 กว่าๆเห็นจะได้ขณะที่ผมเป็นตำรวจชั้นประทวนอยู่ ยศประมาณ สิบตำรวจโทเห็นจะได้ ได้ออกตรวจไปกับรุ่นพี่คนหนึ่งซึ่งเป็นพลขับ ขับไปเรื่อยๆในเขตนครบาลนั้นเอง สักสองทุ่มเห็นจะได้ ได้มีการเรียกขอกำลังตำรวจที่อยู่ใกล้เคียงที่เกิดเหตุให้ไประงับเหตุ ว200 เป็นที่รู้กันในหมู่คนใช้วิทยุนะครับว่าเหตุ 200คืออะไร ก็คือให้ไประงับเหตุทะเลาะวิวาทนั้นเอง สถานที่เกิดเหตุก็คือบริเวณโรงเรียนช่างฝีมือทหาร ผมกับพี่ขับผ่านโรงเรียนดังกล่าวพอดีก็เลยตอบ ผ่านฟ้าไปว่าจะเข้าไประงับเหตุ 200 ดังกล่าว พอไปถึงโรงเรียนช่างฝีมือทหาร ก็ได้สังเกตุเห็น มีกลุ่มชายหลายๆคนกำลังจับร่างของผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ และก็มี นายทหารยืนดูอยู่สัก2-3 ท่านผมก็แปลกใจไหนว่ามีเรื่องทะเลาะกัน ผมถามนายทหารว่าเกิดอะไรขึ้น ท่านสายหัวไม่รู้จะตอบว่าอะไร ตอบไม่ถูกว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่ที่เห็นก็คือเหล่านักเรียนช่างฝีมือทหารชายลุมจับนักเรียนช่างฝีมือทหารคนหนึ่งแต่เป็นผู้หญิงอยู่ ช่วยกันจับแต่จับไม่อยู่ ผมถามพี่ทหารว่าเอาไงดี นี่ไม่ได้มาระงับเหตุทะเลาะวิวาทแล้ว นี่มันผีเข้านี่หว่า นี่เรียกตำรวจมาจับผีว่างั้นเถอะ เอาไงผมคิดในใจผีกลัวพระนี่ เอ้าพวกเราใครใส่พระบ้างเอามาแขวนผีจะได้ออกไป ต่างคนต่างเอามาใส่สิบกว่าพวงเห็นจะได้ แต่ปรากฏว่าผีไม่ออก เอาแล้วซิไหนหนังไทยบอกว่าผีกลัวพระละ ไม่เห็นผีออกเลย พระเต็มคอ เอางี้ปลัด ใครมีปลัดขิกบ้างลองจี้ดู ผมมีครับตำรวจ เอ้าลองจี้ดูซิ ผีก็ไม่ยอมออก เอ้าผ้ายันต์ใครมีผ้ายันต์ ผมมีครับแม่ให้มาลองดูอาจกลัวผ้ายันต์ ผลเช่นเคยผีไม่ยอมออกคือเก่า หมดปัญญาแล้วใช้ทุกตำรา ผีมันก็ไม่ยอมออก หรือว่ามันจะไม่ใช่ผีกันแน่ ไหนลองถามดูซิ ผมก็เลยถามเขาไปว่า ร่างนะเป็นผู้หญิงแต่เสียงเป็นผู้ชาย ผมถามไปว่า เรามาสิงร่างเขาทำไม ผีตอบว่า น้องคนนี้พูดไม่ดีลบหลูเขา เขาจึงมาเข้าสิง เอ้าแล้วเราเป็นใครละ เป็นกุมารทองที่เขาเอามาทิ้งที่วัดมหาธาตุ แกคุยแบบตาดุๆ ชักได้ผลครับท่านผู้อ่านเขายอมคุยด้วยไม่ดิ้นเหมือนเก่า แล้วกุมารทองจะเอาอะไร เราหิวน้ำแดง และอยากสูบบุหรี่ เอาอย่างนี้ถ้าเราให้เจ้ากินเจ้าจะต้องออกจากร่างเด็กผู้หญิงคนนี้นะ ได้เราจะออกถ้าท่านพูดจริง ผมก็ให้น้องทหารไปซื้อน้ำแดงกับบุหรี่มาหนึ่งซอง ผีกุมารก็กินน้ำแดงก่อน พอหมดแกก็อยากสูบบุหรี่ แต่แกไม่ได้สูบมวนเดียวครับท่านผู้อ่าน แต่แกดูดทั้งซองเลยทีเดียวไม่เหลือเลยแปลกแต่จริง เหมือนคนตายอดตายอยาก พอดูดหมด ท่านจะต้องออกตามคำพูดนะ ได้เราจะออกสักพักแกก็ล้มหงายดึงไปเลย รับแทบไม่ทัน ผมก็แบกตัวน้องตัวนิดเดียวแต่หนักสักสองสามคนรวมกัน เพราะไม่มีใครกล้าแบก ผมก็แบกไปขึ้นรถให้พระที่วัดพรมน้ำมนต์ให้น้องเขาก็ฟืนจากการหมดสติ ถามแกว่าเราเป็นอะไรแกตอบว่าไม่รู้เรื่องเลยแต่มึนหัวมาก ผมถามชื่อที่อยู่ก็พาแกไปส่งบ้านครับท่านผู้อ่าน วันนั้นนั่นเอง ที่ทำให้ผมรู้ว่าผีไม่กลัวพระ เพราะพระในคอแกก็หลายสิบองค์ งง จริงๆ/COLOR][/B][/SIZE]

 

อู้ยยยยย ผีไม่กลัวพระ ไม่กลัวเครื่องลางของขลังเลย
น้องกุมาร ยังดีนะคะที่แค่อยากกินน้ำแดง ดูดบุหรี่.ยังรักษาคำพูดอีก:boo::boo::boo:เป็นหญ้าแห้งนะ วิ่งป่าราบแล้วค่ะ กลัวผีค่ะ แฮ่แฮ่

 

แปลกนะคะ ทำไมน้องกุมารถึงยอมคุยก่ะสารวัตร???

 

ตั้งคำถามได้ดี ไม่รู้เหมือนกัน

 

(||)น้องกุมาร เลือกคนใจดีคุยด้วยกระมังคะ เลือกถูกคนซะด้วยสิ