หลวงปู่ เพิ่ม วัดกลางบางแก้ว หรือ หลวงปู่บุญ อยากฟังประสบการณ์ครับ

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย fight001, 21 มิถุนายน 2011.

  1. fight001

    fight001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    236
    ค่าพลัง:
    +308
    ใครที่มีความรู้ สายหลวงปู่เพิ่มมาแบ่งปันความรู้หน่อยนะครับ อยากรู้ครับ รบกวนพี่ๆด้วยนะครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 มิถุนายน 2011
  2. fight001

    fight001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    236
    ค่าพลัง:
    +308
    ไม่ทราบว่าหลวงปู่เพิ่มท่านได้ทำเนื้อดินด้วยหรือเปล่าครับ
     
  3. jaruwat007

    jaruwat007 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    664
    ค่าพลัง:
    +362
    ลุงผมมีเบี้ยแก้หลวงปู่เพิ่ม2ตัวครับ ส่วนผมลุงให้เบี้ยแก้หลวงปู่เจือมาใช้รับมากับมือเลย เช่าหาระวังนะครับ มีแต่ประสบการณ์เบี้ยแก้หลวงปู่เจือครับ ผมเดินไปเหยียบไม้แหลมครับที่เป็นไม้เสียบลูกชิ้นนะครับ เสียบทะลุรองเท้าขึ้นมาเลยครับทะลุขึ้นมาเกือบมิดอ่ะครับ ทิ่มเข้าที่ส้นเท้าผมแต่ว่าหักติดคาเท้าเลยพอมาดูไม่เข้าครับแต่มีเลือดออกแบบซิบๆ ไม่แทงเข้าไปในขา ผทไม่รู้แบนี้เข้าเรียกไม่เข้าหรือป่าวหรือว่าเพราะแทงตรงส้นเท้าแต่ว่าผมศรัทธาครับ ส่วนเบี้ยแก้หลวงปู่เพิ่มลุงผมยังไม่ให้ครับ
     
  4. de4thz

    de4thz Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    32
    ค่าพลัง:
    +28
    ไม่มีประสบการณ์คับ แต่ศัทรามาก

    พ่อ-มี เบี้ยแแก้ ลป.บุญ
    อา-มี เหรียญเจ้าสัว ลป.บุญ
    ส่วนตัวผมมี ปิดตาข้างเม็ด ลป.เพิ่ม
     
  5. title25

    title25 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    14
    ค่าพลัง:
    +18
    อันนี้คือ ขมิ้กเสกของหลวงปู่เพิ่ม มีส่วนผสมของผงหลวงปู่บุญที่เหลืออยู่ด้วย
     
  6. title25

    title25 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    14
    ค่าพลัง:
    +18
    สายวัดกลางบางแก้ว ส่วนมากพุทธคุณจะเป็นพวกเมตตามหานิยม ค้าขายดี ชีวิตจากร้ายกลายเป็นดี ส่วนตัวผมต้องมีเบี้ยแก้ แล้วก้อเหรียญดวงดีปู่เพิ่มติดตัวตลอด
     
  7. fangdailynewstv

    fangdailynewstv สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +4
    องค์นี่ใช่สายวัดกลางบางแก้วไหมค้า
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  8. ura

    ura เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    4,438
    ค่าพลัง:
    +4,818
    อันนี้ก็เรียกว่าคงกระพันครับ หรือเรียกว่าเลือดออกเท่ายางบอนครับ :cool::cool::cool:
     
  9. ปะจะขะ

    ปะจะขะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    647
    ค่าพลัง:
    +4,409
    เข้ามาศึกษาหาความรู้ครับ วัดกลางบางแก้วผมไปกราบรูปหล่อ หลวงปู่บุญ หลวงปู่เพิ่ม และองค์พรหม กับ พระสังกระจาย์ บ่อยมากสมัยที่หลวงปู่เจืออยู่ครับ แต่เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยได้ผ่านเส้นนครชัยศรี เลยไม่ค่อยได้ไปแล้วครับ แต่ก็ยังเคารพนับถืออยู่ในใจตลอดครับ

    สาธุ สาธุ สาธุ
     
  10. หน้ากาล

    หน้ากาล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    90
    ค่าพลัง:
    +362
    หลวงปู่เพิ่มมีเนื้อดินด้วยเป็นสมเด็จ 5ชั้น หลังจารยันต์เฑาะครับ
     
  11. porpek

    porpek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,680
    ค่าพลัง:
    +4,273
    ฝันมาตั้งแต่ปีที่ไปงานพระราชเพลิงศพ หลวงปู่เพิ่ม เห็นทางวัดกลางบางแก้ว ตัดจากช่อให้บูชาองค์ละ 1,200.-บาทแต่เป็นเด็กมัธยมต้นเลยไม่มีเงิน พอทำงานได้เลยให้รางวัลกับตัวเองซักหน่อยครับ...

    พระชัยวัฒน์ป้อมเล็กฐานสูง หลวงปู่บุญ


    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]

    [​IMG]

    พระชัยวัฒน์ หลวงปู่บุญ สร้างครั้งเดียวเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์



    หลวงปู่บุญ หรือ พระพุทธวิถีนายก เป็นพระสงฆ์ที่มีความเชี่ยวชาญในพุทธาคมและไสยศาสตร์แตกฉานหลายแขนง จนอาจกล่าวได้ว่าในสมัยนั้น ท่านเป็นผู้มีความรู้แตกฉานในศาสตร์แขนงนี้ ทั้งนี้เพราะมีสนใจในเรื่องนี้เป็นอย่างมาก จึงทำให้สามารถสร้างวัตถุมงคลให้มีความศักดิ์สิทธิ์ได้ และยังสร้างวัตถุมงคลที่หลายๆ เกจิอาจารย์สร้างไม่ได้ เช่น พระผงยาจินดามณี ประคำนเรศวรปราบหงสาวดี และเบี้ยแก้ เป็นต้น วัตถุมงคลของหลวงปู่บุญ ล้วนแต่เป็นที่ยอมรับกันว่ามีพุทธคุณสูง รวมไปถึงพระชัยวัฒน์ที่เวลานี้มีค่านิยมอย่างมาก

    และเป็นทราบกันดีว่าตำราสร้างพระกริ่ง- พระชัยวัฒน์แต่ดั้งเดิมนั้นเป็นของสมเด็จนพรัต วัดป่าแก้ว พระอาจารย์ของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชแล้วต่อมาก็ได้สืบทอดมาถึงสมัยรัตนโกสินทร์ แต่เนื่องจากเป็นวัตถุมงคลที่สร้างได้ยากเพราะมีขั้นตอนที่ยุ่งยากสลับซับซ้อนหลายอย่าง หลวงปู่บุญท่านจึงได้สร้างพระชัยวัฒน์ขึ้นมาเพียงครั้งเดียว และได้สร้างไว้จำนวนมากมายหลายองค์

    สำหรับพระชัยวัฒน์ของหลวงปู่บุญ เป็นพระเครื่องที่สร้างเป็นกรณีพิเศษ พระชัยวัฒน์ของหลวงปู่บุญ มีสร้างขึ้นจำนวนมากนับได้หลายพันองค์และมีด้วยกันหลายพิมพ์ เช่น พิมพ์ชะลูด พิมพ์ขัดสมาธิเพชร บัวชั้นเดียว พิมพ์ป้อมใหญ่ พิมพ์ป้อมเล็ก(พิมพ์คอหนอก) พิมพ์ต้อ และพิมพ์ใหญ่ เป็นต้น สำหรับพิมพ์ชะลูดนั้น บางองค์ก็มีจารึกเป็นตัวนูนที่ใต้ฐานว่า "118" เป็นเลขไทย อันหมายถึง ร.ศ.118 ซึ่งตรงกับปี พ.ศ.2444 อันเป็นปีที่สร้างพระชัยวัฒน์

    หากสังเกตุพระชัยวัฒน์ของหลวงปู่บุญ จะเห็นว่ามีเนื้อโลหะแก่ไปทางทองเหลืองแบบทองผสม ส่วนกระแสวรรณะของเนื้อโลหะออกไปทางเหลืองอมเขียว ยกเว้นพระชัยวัฒน์บางองค์มีการทาหรดาลสีเหลืองทับ หรือบางองค์ปิดทองทับไว้และบางองค์ก็ทาชาดสีแดง ส่วนที่เป็นทองเหลืองล้วนๆ ไม่ได้ทาอะไรปิดทับเอาไว้เลยนั้นมีไม่น้อย
    หลังจากสร้างเสร็จหลวงปู่บุญก็ได้แจกพระชัยวัฒน์ให้กับผู้ที่ศรัทธา และมีเหลือเก็บในกรุไว้บนเพดานมณฑปภายในวัดกลางบางแก้ว

    จากเวป พุทธามหาเวท
     
  12. porpek

    porpek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,680
    ค่าพลัง:
    +4,273
    ผมไปวัดกลางบางแก้วปี 2527 งานเผาสรีระสังขารหลวงปู่เพิ่ม ทางวัดเก็บไว้ 1 ปี เปิดโลงมาท่านหลวงปู่เพิ่มเหมือนคนนอนหลับเลย ไม่มีกลิ่นเหม็น มีแต่กลิ่นหอมของน้ำอบ น้ำหอม ฟุ้งเลย ทางวัดเปิดให้ดู เสียดายไม่น่าเผาเลยครับ เด็กน้อยอายุ 15 ปีไม่ค่อยมีตังค์เลยบูชาหลวงปู่บุญ เนื้อว่านพญาไม้ผุได้องค์เดียว 400 บาทครับเก็บมา 28 ปีแล้ว (พระชัยตัดช่อตอนนั้นองค์ 1,200.-บาทเองเสียดายจังแต่ก็ทำใจเพราะไม่มีตังค์หรอกครับ) ส่วนของหลวงปู่เพิ่ม เนื้อขมิ้นองค์ละ 50 บาทบูชาได้ 4 องค์ ไม่เหลือแล้วแจกเพื่อนๆ ญาติๆ หมด เก็บแต่เนื้อว่านพญาไม้ผุหลวงปู่บุญ 1 องค์ครับ


    พระผงพญาว่านไม้ผุหลังจารเฑาะว์ และนะล้อม


    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]



    ส่วนเนื้อพญาว่านไม้ผุ ถามคณะกรรมการวัดที่เป็นพระสงฆ์ที่ให้บูชาวัตถุมงคล ท่านบอกว่าเป็นว่านที่ขึ้นที่ไม้ หรือที่ว่านต่างๆ ไม้นั้น หรือว่านต่างๆ นั้น จะผุ เปื่อยหมด เป็นเคล็ดว่ามีตบะ พลังอำนาจเพราะหลวงปู่บุญท่านเก่งเรื่องตบะ อำนาจ และเนื้อว่านพญาไม้ผุใส่แต่ในพิมพ์นี้เท่านั้น
     
  13. porpek

    porpek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,680
    ค่าพลัง:
    +4,273
    นางกวัก ไม้รักแกะหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว จ.นครปฐม ทาสีฝุ่นลงทอง(เป็นการแยกหลวงพ่อต่างๆ ได้ชัดเจน เพราะจะมีแต่สำนักวัดกลางบางแก้วที่นางกวักไม้รักแกะจะทาสีฝุ่นและลงทอง ถ้าเป็นสำนักอื่นๆ นางกวักไม้รักแกะจะทาแต่สีฝุ่น เช่น หลวงปู่แช่ม วัดตาก้อง หลวงพ่อเต๋ คงทอง ฯลฯ) ฐานอุดคลั่งพุทรา เป็นเคล็ด "ว่าให้คนคลั่งไคล้ รักใคร่ไหลหลง ค้าขายดีๆ มีเงินทองเข้ามาครับ"


    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
     
  14. porpek

    porpek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,680
    ค่าพลัง:
    +4,273
    ย้อนไปเมื่อหลายสิบปีก่อน หนังสือพระเล่มที่ 3 ที่พี่ชายคนโตมาให้อ่านคือ ประวัติหลวงปู่บุญวัดกลางบางแก้ว ที่คุณสุธน ศรีหิรัญเขียน ทำให้ไปทำบุญที่วัดกลางบางแก้ว รวมทั้งไปเจอในงานเผาหลวงปู่เพิ่ม และไปหาท่านที่กระทรวงมหาดไทยได้รูปหล่อท่านอาจารย์นำ และเหรียญหลวงปู่คลิ้งภปร.มาด้วยแต่พี่ชายขอเรียบ และความใฝ่ฝันเลยคือตะกรุดหน้าผากเสือ เพราะอ่านแล้วเยี่ยมสุดๆ ทำได้องค์เดียวคือหลวงปู่บุญ คุณสุธน เคยนำหน้าผากเสือไปให้หลวงปู่เพิ่มเพื่อเสก ให้หลวงปู่เพิ่มไม่เสกให้บอกว่า ไม่มีตบะ เหมือนหลวงปู่ใหญ่(หลวงปู่บุญ) ขนาดหลวงปู่เพิ่มได้เรียนวิชาจากหลวงปู่บุญทุกอย่างและได้สืบสานการสร้างแทบจะทุกอย่าง ทั้งยาจินดามณี เบี้ยแก้ ตะกรุด ขมิ้นเสก ผงจินดามณี แต่ยังไม่ยอมทำตะกรุดหน้าผากเสือ ย่อมแสดงว่าตะกรุดหน้าผากเสือของหลวงปู่บุญสุดยอดจริงๆ

             รวมทั้งถามคุณสุธน ว่าจริงไหมที่หลวงปู่เพิ่มไม่ยอมเสกตะกรุดหน้าผากเสือ คุณสุธนบอกว่าจริง เหตุผลเพราะ เสือเป็นสัตว์ที่มีตบะและส่วนมากจะตายโหง วิญญาณจะยังอาฆาตพยาบาท ดังนั้นผู้นำหนังเสือมาทำต้องมีตบะ ข่มวิญญาณเสือให้ยอมรับกฏแห่งกรรม และรับความเมตตากรุณาจากอาจารย์ผู้เสก โดยอาจารย์ผู้เสกจะแผ่เมตตาอุทิศส่วนกุศลผลบุญและผลสมาธิภาวนา ทำให้เค้าไปเกิดภพภูมิที่ดีเลิกอาฆาตพยาบาทยอมรับกฏแห่งกรรม และยังอวยพร อวยชัยให้ผู้สวมใส่ตะกรุดนั้นๆ ด้วย ซึ่งหลวงปู่เพิ่มท่านบอกว่าท่านไม่มีตบะเหมือนหลวงปู่ใหญ่ครับ คุณสุธนกล่าว

             เหตุผลดังกล่าวข้างต้นจึงต้องจัดหากันหน่อย แต่ดูไม่เป็น เลยยอมแบบมีใบประกาศรางวัล ไม่ได้ตั้งใจหาแบบที่ 1 หรอกครับแต่เลือกไม่ได้เพราะหาทางกูเกิลก็มีแต่ติดรางวัลที่ 1 เลยยอมอดค่าขนม หยุดบูชาพระซักหลายเดือนหน่อยครับ




    ตะกรุดหน้าผากเสือหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว ขนาดยาว สองนิ้วครึ่ง ถักเชือกคลุมหัวท้ายลงลักแดง


    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]


         ตะกรุดหนังหน้าผากเสือของหลวงปู่บุญจัดเป็นตะกรุดชั้นยอดของหลวงปู่ก็ว่าได้ เพราะว่าท่านสร้างไว้ไม่มาก กรรมวิธีการสร้างของท่านก็ลำบากยากยิ่งเพราะว่ากว่าจะลงได้จะต้องดูฤกษ์ดูยามและต้องทำพิธีบายศรี มีหัวหมูผู้ที่จะทำจะต้องจัดหาเครื่องพิธีมาครบและเอาหนังหน้าผากเสือมาให้ท่าน เสือหนึ่งตัวใช้ได้อันเดียว(ทำได้แค่ดอกเดียว เพราะตบะมหาอำนาจโดนดึงออกมาหมดแล้ว) ตะกรุดหน้าผากเสือของหลวงปู่บุญ ท่านกำหนดเอาหนังส่วนเฉพาะช่วงเหนือของตาเสือขึ้นไประหว่างทั้งสองเฉพาะช่วง นั้นเท่านั้น ดังนั้นหนังเสือตัวเดียวจะทำตะกรุดได้ดอกเดียวและหนังเสือตัวที่ตัดเอามา แล้ว เมื่อทิ้งไว้จะเป็นขมวนผุไปในที่สุด

            กรรมวิธีการสร้าง เมื่อได้หนังหน้าผากเสือตามลักษณะดังกล่าวมาแล้ว ต้องให้หลวงปู่กำหนดฤกษ์จากนั้นจะตั้งเครื่องสังเวย บูชาเทวดา ครูอาจารย์ มีหัวหมู บายศรีแล้วท่านจะเข้าพิธีลงอักขระเลขยันต์ในแผ่นหนังหน้าผากเสือ เฉพาะพิธีแต่ละครั้งได้เพียงดอกเดียวเท่านั้น เมื่อลงเสร็จแล้วท่านจะปลุกเสกจนครบ เจ็ดเสาร์ เจ็ดอังคาร จึงจะใช้ได้นับว่ามีกรรมวิธีสร้างที่ค่อนข้างยากมากดังนั้น ในชีวิตของหลวงปู่จึงสร้างไว้ไม่มากนักคนมีความปรารถนาแรงกล้าและมีโอกาส เท่านั้นจึงได้ทำเอาไว้ตะกรุดหน้าผากเสือของหลวงปู่บุญจึงมิได้สร้างขึ้นแบบง่ายๆเหมือนทั่วไปแต่กรรมวิธีโดยเฉพาะที่เป็นแบบอย่างของท่านตามตำร้บที่ท่านได้ศึกษามา

            ขนาดของตะกรุดหน้าผากเสือหลวงปู่บุญมีขนาดไม่แน่นอนเท่าที่พบขนาดไม่เท่ากัน แม้แต่ดอกเดียวลักษณะเป็นหนังหน้าผากเสือม้วน ประมาณ2-3รอบเท่านั้นเพราะหนังซึ่งมีความหนาจะม้วนมากกว่านั้นได้ลำบากและทุกดอกจะถักเชือกค่อนไว้อย่างแน่นตึงเพราะหนังเสือซึ่งม้วนยากหากไม่ใช้เชือกถักแน่นแล้วจะคลายตัวออกทันที(แต่ที่ถักเชือกแล้วไม่ได้ลงรักเชือกเปื่อยขาดคลายตัว ออกไปจนเห็นขนเสือก็เคยมีให้เห็นกัน)ลักษณะการถักมีหลายแบบไม่แน่นอน มีทั้งลักษณะถักคลุมหัวท้ายกับถักไม่คลุมหัวท้าย ส่วนที่เชือกไม่คลุมไว้คือ หัวและท้ายจะเห็นขนเสือโผล่ออกมาบ้างเล็กน้อยเพราะไม่ได้เอาขนออก การลงอักขระเลขยันต์หลวงปู่ท่านลงด้านไม่มีขนฉะนั้นด้านที่มีขนจะยังคงสภาพเดิมอยู่เช่นนั้นทุกดอกที่ถักเชือกไว้แล้วส่วนมากมักจะลงรักทับไว้ด้วยเพื่อรักษาเนื้อของเชือกให้คงทนบางดอกปิดทองทับตลอดดอกก็มีเป็นความรู้เล็กๆครับ(ขอขอบคุณเอกสารอ้างอิงจากวัดกลางบางแก้ว)


    หน้าผากเสือหลวงปู่บุญ เชือกที่ถักห่างๆ พอเห็นชั้นของหนังตามลูกศรชี้ครับ

    [​IMG]



    และระหว่างช่องก็มีขนเสือ แซมประปราย อยู่หลายๆ ที่ตามที่วงกลมไว้ครับ

    [​IMG]

    [​IMG]
     
  15. porpek

    porpek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,680
    ค่าพลัง:
    +4,273
    เข็มกลัดทองเหลืองลงยาสีแดงที่ระลึกพระราชทานเพลิงศพหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว ปีพ.ศ. 2479 พระสังฆราชแพ เป็นแม่งานและประธานพุทธาภิเษก ขอบเลื่อย(คือใช้เลื่อยไฟฟ้าตัด เหมือนเหรียญพระธาตุพนมช่วยไทยรุ่นแรกปีพ.ศ. 2482)


    [​IMG]

    [​IMG]



    ขอบเลื่อย


    [​IMG] [​IMG]
     
  16. porpek

    porpek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,680
    ค่าพลัง:
    +4,273
    เบี้ยแก้หลวงปู่บุญ แชมป์ ออฟ เดอะ แชมป์ ได้ที่ 1 สองรางวัลซ้อนครับ

    - งานแรก เจ้าของเดิมใช้ชื่อคนอื่นส่งเข้าประกวดที่ลำปาง ได้ที่ 1

    - งานที่สอง เจ้าของเดิมใช้ชื่อภรรยาตัวเองส่งเข้าประกวดที่นครสวรรค์ ได้ที่ 1


    เบี้ยแก้หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว ได้รางวัลที่ 1 สองงานครับ



    [​IMG]
    [​IMG]


    กล่องพัสดุเพิ่งมาถึงเมื่อวันเสาร์ที่ 14 กรกฏาคม 2555

    [​IMG]


    เบี้ยแก้รูปที่ติดรางวัลกับในภาพตำหนิตรงกัน

    [​IMG]
    [​IMG]


    เบี้ยแก้หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว จ.นครปฐม รักดำออกแดงลูกใหญ่ครับ

    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
     
  17. porpek

    porpek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,680
    ค่าพลัง:
    +4,273
    พระเขี้ยวเสือแกะหลวงปู่บุญ หลังจารยันเฑาะว์

    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
     
  18. porpek

    porpek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,680
    ค่าพลัง:
    +4,273
    [​IMG]


    ประวัติหลวงปู่เพิ่ม ปุณณวสโน วัดกลางบางแก้ว

    พระพุทธวิถีนายก (หลวงปู่เพิ่ม ปุณณวสโน) นามเดิมว่า "เพิ่ม" ท่านเกิดเมื่อวันที่ 28 มกราคม พ.ศ.2429 ที่ตำบลไทยวาส อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม โยมบิดาชื่อ เกิด โยมมารดาชื่อ วรรณ ท่านบรรพชาเป็นสามเณรเมื่ออายุได้ 8 ขวบ สืบต่อมาจนอายุครบบวช จึงได้อุปสมบทในวันที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ.2450 ณ พัทธสีมาวัดกลางบางแก้ว โดยมีสมเด็จพระสังฆราชแพ ครั้งยังดำรงสมณศักดิ์เป็นสมเด็จพระวันรัต วัดสุทัศน์ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอธิการจอม เจ้าอาวาส วัดตุ๊กตา เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระครูทักษิณานุกิจ วัดสรรเพชญ์ เป็นพระอนุสาวนาจารย์

    เมื่อท่านอุปสมบทแล้วก็ได้เล่าเรียนพระธรรมวินัยอยู่ที่วัดกลางบางแก้วตลอดมา และถือได้ว่าหลวงปู่เพิ่ม ท่านเป็นศิษย์ที่ใกล้ชิดหลวงปู่บุญมากที่สุด เพราะท่านบวชเป็นสามเณรตั้งแต่อายุ 8 ขวบ ก็อยู่ปฏิบัติรับใช้หลวงปู่บุญมาตลอดจนกระทั่งหลวงปู่บุญมรณภาพ เป็นเวลาถึง 39 ปี ตลอดเวลานั้นท่านได้รับการถ่ายทอดวิชาความรู้ทั้งทางด้านคันถธุระและวิปัสสนาธุระ ตลอดจนเวทวิทยาคมต่างๆ ไว้มากมาย หลวงปู่เพิ่ม วัดกลางบางแก้วท่านเป็นพระสงฆ์ที่บริสุทธิ์ผุดผ่องด้วยศีล สมาธิ และปัญญาธรรม เปลี่ยมล้นไปด้วยเมตตาธรรม หมดสิ้นกิเลสทั้งปวง หลวงปู่ท่านเป็นพระที่พูดจาไพเราะอ่อนหวาน สำเนียงของท่านนั้นมีแววความเมตตาผสานเอาไว้ใครได้ฟังแล้วจะรู้สึกชุ่มชื่นใจ ใครๆ ได้สนทนากับท่านแล้วจะรู้สึกเคารพศรัทธาท่านทุกคนไป

    หลวงปู่เพิ่มท่านได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาส วัดกลางบางแก้วเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2481 ปีพ.ศ.2482 ได้รับแต่งตั้งเป็นพระอุปัชฌาย์ ปีพ.ศ.2483 ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะอำเภอนครชัยศรี ปีพ.ศ. 2489 ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ที่พระครู พุทธวิถีนายก ปีพ.ศ.2495 ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูชั้นเอกในราชทินนามเดิม ปีพ.ศ. 2503 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญมีราชทินนามว่า พระพุทธวิถีนายก หลวงปู่เพิ่ม วัดกลางบางแก้วท่านมรณภาพ ด้วยโรคชราด้วยอาการสงบ เมื่อวันที่ 6 มกราคม พ.ศ.2526 สิริอายุได้ 97 ปี พรรษาที่ 76

    การสร้างเบี้ยแก้หลวงปู่เพิ่ม

    หลวงปู่มักจะเป็นผู้ถ่อมตนในการสร้างวัตถุมงคลอยู่เสมอ ใครจะมาขอมงคลวัตถุจากท่านก็ตามท่านมักจะมอบให้แล้วบอกให้ผู้รับอย่าตั้ง อยู่ในความประมาท และเมื่อมีใครก็ตามถามหลวงปู่ว่าของหลวงปู่ดีอย่างไร ท่านก็จะบอกได้แต่เพียงว่าให้ไว้เป็นที่ระลึกถึงคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เพียงเท่านั้นเอง การสร้างมงคลวัตถุของหลวงปู่หากจะลำดับว่าท่านสร้างอะไรเป็นสิ่งแรก แล้วก็คงต้องบอกว่า “เบี้ยแก้” เพราะท่านสร้างมานานมาก หลังจากท่านครองเจ้าอาวาสวัดกลางบางแก้วได้ไม่กี่ปี ผู้เขียนเคยถามท่านว่า ท่านสร้างครั้งแรกเมื่อใด ท่านตอบว่าจำไม่ได้เสียแล้วรู้เพียงว่าเมื่อเป็นเจ้าอาวาสได้ไม่นาน ซึ่งก็คงจะราว ๆ ปี พ.ศ. 2485 เพราะท่านเป็นเจ้าอาวาสเมื่อปี พ.ศ. 2482 ท่านเล่าว่ามีญาติโยมเขามาขอให้ท่านทำให้ ท่านก็บอกปัดไปหลายครั้งหลายหน แต่ในที่สุดก็ทนโยมที่มาขอร้องอยู่เสมอไม่ได้จึงทำให้ไปตามความรู้ความ สามารถที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากหลวงปู่บุญและเมื่อทำไปแล้วก็มีคนมาขอให้ทำ ให้ต่อมาโดยมิขาด ในช่วงเวลาอันยาวนานถึง 40 ปี หลวงปู่สร้างเบี้ยแก้ให้บรรดาศิษย์ และผู้เคารพ
    นับถือท่านไม่น้อย ผู้ที่ได้ไปต่างก็หวงแหน เพราะเป็นของขลังประจำตัวมิได้ให้กันง่าย ๆ ส่วนใหญ่ก็มักจะให้ท่านทำให้ไว้คนละ 1 ตัวเท่านั้น หลวงปู่เป็นอุปัชฌาย์บวชให้กุลบุตรมาจำนวนนับพันคน ผู้ที่หลวงปู่บวชให้แต่ละคนส่วนมากก็จะมีเบี้ยแก้ของหลวงปู่เสมอไป เพราะระหว่างบวชอยู่ก็จัดเตรียมเครื่องทำเบี้ยแก้ไปถวายให้หลวงปู่ทำให้
    กรรมวิธีการทำเบี้ยแก้ของหลวงปู่เพิ่ม ผู้ที่ต้องการเบี้ยแก้จะต้องไปจัดหา หอยเบี้ย 1 ตัว ปรอทน้ำหนัก 1 บาท ชันนะโรงใต้ดินกลางแจ้ง 1 ก้อน แผ่นตะกั่วขนาด 4 x 5 นิ้ว 1 แผ่น เอาของทั้งหมดใส่ถาดพร้อมดอกไม้ธูปเทียนไปถวายหลวงปู่ท่านจะรับสิ่งของเอา ไว้ จากนั้นท่านจะเสกปรอทแล้วเทปรอทจากขวดใส่ฝ่ามือเรียกเอาปรอทใส่เบี้ย แล้วอุดด้วยชันนะโรงที่ปากหอย จากนั้นท่านจะส่งถาดคืนให้พร้อมหอยที่กรอก แล้วบางทีท่านจะบอกว่า “ไปขอให้ท่านสมุห์เจือเขาทำให้นะจ๊ะ” หมายถึงผู้ที่ทำเบี้ยแก้จะต้องเอาสิ่งของดังกล่าวไปหาพระสมุห์เจือกุฏิริม แม่น้ำนครชัยศรี สมุห์เจือก็จะเอาแผ่นตะกั่วมาห่อหุ้มหอยเบี้ยที่กรอกปรอทเอาไว้แล้วใช้ด้าม มีดเคาะจนแผ่นตะกั่วแนบสนิทกับตัวหอย ปฏิบัติการนี้นานประมาณ 30 นาที ถึง 1 ชั่วโมง จนกระทั่งแผ่นตะกั่วเรียบสนิทดี ฝีมือการเคาะนี้หากไม่มีความชำนาญ เบี้ยจะออกมาไม่สวย และเมื่อเอาให้หลวงปู่ลงจารอักขระจะจารยากมาก พระสมุห์เจือมีความชำนาญมาก ท่านเคาะเบี้ยแก้เป็นประจำมานานไม่น้อยกว่า 30 ปีแล้ว จนปัจจุบันท่านรับภาระทำเบี้ยแก้แทนหลวงปู่ได้ขลังและเป็นที่รู้จักกันดี ทั่วไป
    เมื่อหุ้มตะกั่วแล้วผู้ทำเบี้ยจะต้องนำเบี้ยแก้ที่หุ้ม นั้นไปหาหลวงปู่อีกครั้ง ถวายให้ท่านลงจารอักขระบนตะกั่วที่ห่อหุ้มเบี้ยเอาไว้ บางรายก็เอาผ้าแดงผืนเล็ก ๆ ให้หลวงปู่ลงยันต์ให้ด้วยก็มี พอท่านจารเสร็จก็จะปลุกเสกให้ บางทีท่านอาจให้มารับวันหลัง บางทีท่านก็จะปลุกเสกให้เดี๋ยวนั้น
    หลังจากหลวงปู่ปลุกเสกและจารอักขระให้เสร็จก็เป็นอันว่า เสร็จเรียบร้อย แต่ส่วนใหญ่จะนำเอาเบี้ยแก้ที่ปลุกเสกเสร็จแล้วกลับไปหา “สมุห์เจือ” อีกครั้งหนึ่งเพื่อขอให้ท่านถักเชือกหุ้มห่อหอยเบี้ยแก้ให้ ซึ่งพระสมุห์เจือมีฝีมือการถักเป็นเยี่ยมมาก

    อานุภาพเบี้ยแก้

    - ป้องกันอัตวิบากกรรม แก้ภาพหลอน จิตรหลอน ภาพอุปทาน แก้อำนาจภูผีปีศาจ อาถรรพณ์เวททำให้
    มัวเมาขลาดกลัว ขนพองสยองเกล้า ลมเพลมพัด คุณไสย คุณผี คุณคนทั้งปวงอุบาทวเหตุ อุบาทวภัย
    ทั้งปวง มัวเมายาพิษ ยาสั่งทั้งหลาย ไข้ป่า ไข้ป้าง ไข่ผีป่า ผีโป่ง ผีปอบ ต้องกระทำจากภูตผี ผีพราย
    ผีตายโหง กองกอยวิกลจริต จิตวิกลวิกาล วิญญาณ อุปาทานวิกลเหมือนผีเข้าเจ้าสิงสู่ปราศจากสิ้นแล

    - ให้อธิษฐานเอาน้ำมนต์ เอาดอกพุทธรักษาดอกไม้ ดอกเข็มแดงหลากสี ตั้งขันธูปเทียน ขันห้า
    ข้าวตอก ดอกไม้แก้บาทวพิษ บาทยัก อัมพาต บาดแผล ฝีมะเร็ง ฝีคุณ หัวพิษ หัวกาฬ ทรางชัก
    รางขนพอง สันนิบาตลูกหมา ลูกนก หลังแอ่น คางแข็ง บ้าหมู ภายนอกภายใน อาบกินด้วย ตั้งจิตหน่วงลง
    ในคุณพระศรีรัตนตรัยใช้ได้แล

    - เมื่อเข้าศึกสงครามให้เอาไว้ด้านหน้าสารพัดศัตรู บีทาย่ำรุกไล่ให้เอาไว้ด้านหลัง หาเจ้าฟ้ามหากษัตริย์
    เจ้าขุนมูลนาย ให้เอาไว้ด้านข้างขวา เมื่อหาหญิง หานางพญาไว้ข้างซ้าย สารพัดศาสตรามิต้องข้างกายเลย
    ดุจฝนเสนห่า ข้าวปลาอาหารเป็นพิษ คางแข็ง เคี้ยวไม่กลืนเลยแล

    - ปลิงก็ดี ทากร้ายก็ดี มีในป่ามืด ในน้ำห้วยหนอง คลองบึง มันไม่เก่าะกินเลือดทั้งวัวทั้งควาย ช้างม้า
    ก็ดีแล แก้งูพิษ เขี้ยวขนอน แมวเซา เห่าแก้วก็ดีมิต้องกายมาขบกัดเลยแล

    สรุปบางส่วนจากหนังสือเบี้ยแก้...อิทฤทธิ์วิทยาคมแก่กล้า แห่งการปกป้อง คุ้มครอง แก้ไข้สิ่งเลวร้าย


    อ่านแล้วแจ่มเลย พอดีได้ตะกรุดหน้าผากเสือหลวงปู่บุญติดรางวัลมาแบบลงรักถักเชือก ส่องดูเกือบห้าวันเลยรู้แล้วว่ารักแห้งเป็นอย่างไร รักแดงเป็นอย่างไร (คือรักเก่าจะเป็นสีดำอมแดง)ก็เลยไปจัดหาเบี้ยแก้หลวงปู่เพิ่มหาแบบดูง่ายๆ ได้มาหนึ่งตัว สภาพใช้มาบ้างแต่ยังสวยดูง่ายครับ

    เบี้ยแก้ หลวงปู่เพิ่ม ยุคต้น รักแดงเชือกถักเส้นเล็ก

    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
     
  19. porpek

    porpek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,680
    ค่าพลัง:
    +4,273
    เบี้ยแก้หลวงปู่เพิ่มยุคต้นสามห่วง

    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
     
  20. porpek

    porpek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,680
    ค่าพลัง:
    +4,273
    เหรียญเสมาพระคันธราช ๒๔๗๒ หลวงปู่บุญ เป็นประธานในพิธี

    [​IMG]

    [​IMG]

    เหรียญหล่อ พระคันธราช เนื้อทองผสม เสมา จังหวัดนครปฐม จัดสร้างเมื่อครั้งปี พศ.2472 จัดสร้างโดยท่านเจ้าคุณโชติ หรือพระเทพสุธีหรือพระธรรมวโรดม (โชติ) อดีตเจ้าอาวาสวัดพระปฐมเจดีย์ ปี 2465 ถึง ปี 2497 พระเครื่องคันธาระ ถือได้ว่าเป็นเพชรน้ำเอกพระเครื่องเมืองนครปฐมอย่างแท้จริง ด้วยประวัติการสร้าง คณะพระเถระอาจารย์ที่เข้าร่วมพิธีปลุกเสก พร้อมทั้งวัตถุประสงค์การจัดสร้าง และอายุการสร้างแต่โบราณตั้งแต่ปี พ.ศ. 2472 พระเครื่องคันธาระจัดสร้างขึ้นเมื่อ ปี พ.ศ. 2472 เพราะเกิดฝนแห้งแล้งอย่างหนัก ประชาชนอดอยากเป็นอย่างยิ่ง ท่านเจ้าคุณปรารภถึงเหตุนี้แล้วจึงได้จัดทำพิธีหล่อขึ้นหน้าลานพระปฐมเจดีย์ ซึ่งได้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นองค์พระ ประธาน

    โดยโลหะที่ใช้หล่อผสมประกอบไปด้วย

    1. ชิ้นส่วนพระพุทธรูปสมัยทวารวดี
    2. ชิ้นส่วนขันลงหินจากชาวบ้าน
    3. แผ่นโลหะจารอักขระยันต์จากพระคณาจารย์ทั่วประเทศในสมัยนั้น
    4. แผ่นทองคำจารลงดวงประสูติ


    พระคณาจารย์ที่เข้าร่วมพิธีปลุกเสก อันได้แก่

    - หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้วเป็นประธานพิธี
    - หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค
    - หลวงพ่อโหน่ง วัดคลองมะดัน มีการบอกเล่าว่าตอนท่านเสกมีแสงออกจากปากมาคลุมวัตถุมงคลด้วย
    - หลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง
    - หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก
    - หลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา
    - หลวงพ่อยิ้ว วัดก๊ก
    - หลวงพ่อเปลี่ยน วัดใต้
    - หลวงพ่อสอน วัด ป่าเลไลย์
    - หลวงพ่อจันทร์ วัดบ้านยาง
    - หลวงพ่อชา วัดสามกระบือเผือก
    - หลวงพ่อสุข วัดห้วยจระเข้
    - หลวงพ่อน้อย วัดศรีษะทอง
    - หลวงพ่อวงศ์ วัดทุ่งผักกูด
    - หลวงพ่อมุ้ย วัดจอมทอง
    - หลวงพ่อรุ่ง วัดท่ากระบือ
    - หลวงพ่อพริ้ง วัดบางปะกอก
    - หลวงพ่อบ่าย วัดช่องลม
    - หลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม
    - หลวงพ่อทา วัดพะเนียงแตก
    - พระเทพสุธีหรือพระธรรมวโรดม (โชติ) เป็นต้น
     

แชร์หน้านี้

Loading...