โหวต:: คุณคิดว่าสมควรไหม กับภาพที่ชื่อ ว่า "ภิกษุสันดานกา" และ

อยากจะสะท้อนอะไรก็ขอแบบสร้างสรรค์ ได้หรือไม่ และไม่ควรทำอะไรที่ดูหมิ่น ลบหลู่ทุก ๆ ศาสนา
ขอร้อง Dangcarry

 

ส่วนตัวไม่เห็นด้วยค่ะ
ในความเห็นส่วนตัวคนวาดคงไม่มีเจตนาดูหมิ่นพระที่เป็นพระทั้งกายและใจหรอกค่ะ เขาคงเสียดสีคนที่หากินกับผ้าเหลืองมากกว่า
แต่ก็ว่าใครไม่ได้นะ เพราะคนส่วนใหญ่เห็นอย่างไรก็คิดไปอย่างนั้นเลย
นานาจิตตัง

 

ไม่เห็นด้วย

เพิ่งเข้าเป็นสมาชิกครับ ฝากตัวด้วย ผมไม่เห็นด้วยกับการนำเสนอภาพวาดที่ดูแล้วหดหู่ ความหมายของผมคือไม่เจริญตาไม่เจริญใจ ก็ไม่รู้ว่าศิลปะในความหมายที่ควรเข้าใจเป็นอย่างไรเหมือนกัน แต่ที่รู้ก็คือความรับผิดชอบของศิลปะต่อสังคม เพราะใครล่ะเป็นผู้เสพศิลปะ ตามความเห็นของผมผมไม่ขอเรียกว่าศิลปะ เพราะมันไร้เหตุและผลเนื่องจากพุทธศาสนิกชนในไทยกว่า 90% ซึ่งนับถือเคารพบูชา ยึดเอาพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งทั้งชาตินี้และชาติหน้า ต้องถูกทำลายโดยคนที่บอกว่ามีศิลปะกลุ่มหนึ่ง เรายินดีประจาน เรียกร้องรูปภาพที่ชาวต่างชาตินำไปใช้อย่างไม่เหมาะสมมาแล้วนักต่อนัก แต่ก็ให้อภัยในความไม่รู้ของเขา แต่ที่น่าเสียดายก็คือคนวาดเป็นชาวพุทธด้วยกันนี่สิ ผมอยากฝากบอกผู้วาดนะว่ารางวัลที่เขาได้รับนั้นมันไร้ค่าเมือเทียบกับคุณธรรมที่เสียไป และมันทำให้หน่วยงาน กรรมการ ที่เกี่ยวข้องหม่นหมองครับ

 

มันสะท้อนถึงอะไรในใจเขานั่นแหล่ะ เขาวาดเพราะเขามองศาสนาพุทธในแบบสันดานกากับสันดานหมาในใจของเขาเอง เพราะสำหรับพระพุทธศาสนาในใจของพวกเรามันเป็นอะไรที่สว่าง สงบ สวยงาม และไม่มีภาพวาดใดๆบรรยายออกมาได้ นอกจากความสว่างสดใสในจิตใจที่เราสามารถมองเห็นจากการปฏิบัติตามคำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ส่วนผู้ที่ไม่มีธรรมะในจิตใจเขาจะมองเห็นแต่คูตรแต่มูตรจนเขาต้องวาดสื่อออกมาแบบนี้ .. พระพุทธศาสนาในใจของผมเป็นภาพที่สว่างไสวและสวยงามมาก และผมเชื่อว่าถ้าผู้ใดนำธรรมเข้ามาสู่จิตสู่ใจแล้ว จะไม่มองพระพุทธศาสนาในแบบเหยียบย่ำทำลายแบบนี้

 

ท่านว่าทำให้สงฆ์แตกแยกนั้นธรณีสูบ อันนี้ทำให้คนหมู่มากแตกแยก เพราะภาพที่เขาทำขึ้น ....นรกยินดีต้อนรับ

 

เฮ่อ....ของเค้าแรงจิงๆดั๊วะ

แต่วันนั้นดูรายการ "ตาสว่าง" ของเฮียดู๋ สัญญา เค้าก้อเอาอาจารย์เฉลิมชัยกะอ.อนุพงษ์มานั่งถกกันด้วย สรุปตามความคิดเห็นของท่านเกจิอาจารย์เฉลิมชัยท่านว่า...."ศิลปะไม่มีพรมแดน"
กล้า....อย่างที่ท่าน....เคยกล้าได้แป๊บเดียว....
เหอๆๆๆๆ....แล้วแต่จะพิณาก้อละกันเนอะ.....ท่านผู้มีวิจารณญาณทั้งหลาย

แต่ข้าพเจ้า....มีความคิดเห็นเหมือนท่าน อ. เฉลิมชัยเปี๊ยบเลย (ไม่ได้เอาตามท่านนะ แต่คิดมาตั้งกะคุณกนกเอามาอ่านข่าวแล้วด้วย)

 

---------------------------------------------

ภาพนี้เห็นแล้ว รู้สึกสงบสุข สบายใจดี อิ่มบุญ


ทำไมไม่เอาเรื่องบวกๆมาวาดหน๊อคนเรา

 

ก็คงเหมือนกับภาพอสุภะเหล่านี้ แหละครับ ถ้าคนมองว่าน่าเกลียด ขยะแขยง ก็ได้ แต่ถ้าคนมีปัญญา หรือคนจะลดราคะ เขามองแล้วช่วยให้คลายยึดติดในรูป ในตัวตน ว่านี่คือของจริงๆในตัวเรา จะมัวไปหลอกสร้างภาพกันทำไม ในตัวเราก็มีแบบนี้กันทั้งนั้น และเป็นหนึ่งในกรรมฐาน๔๐ ที่พระพุทธองค์ตรัสไว้ด้วย และคนที่มองภาพเหล่านี้เกดอกุศลก็มี ส่วนคนเกิดกุศลก็มี และบรรลุพระอรหันต์ไปมากต่อมากแล้วละครับ เพราะฉะนั้นภาพสวยๆจึงไม่จำเป็นต่อการปฏิบัติธรรมหรอกครับถ้าคนจะขัดเกลากิเลสจริง การโยนิโสมนสิการดีที่สุด ก็คงเหมือนกับคนวาดภาพภิกษุสันดานกา นั้นแหละครับ

 

คิดว่าบางทีเค้าอาจจะไม่ได้ตั้งใจจะลบหลู่ คือเค้าอาจจะไม่ได้คิดอะไรมาก

แต่..ก็นะ สำหรับชาวพุทธ ก็คงยากที่จะรับเหมือนกัน..(เข้าใจทั้ง 2 ฝ่ายค่ะ)

 

คุณเวปสโนว์รู้ไหมครับว่าเวปพลังจิต ที่เขียนว่าเป็นเวป พุทธศาสนาอันดับ1เนี่ย เดี่ยวนี้มีเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับพุทธเยอะแค่ไหน สมัยแรกๆเวปยังมีเนื้อหาลึกลับ ไสยศาสตร์ ไม่มากเท่าตอนนี้เลย

อยากจะบอกเพื่อนๆนะครับ เรื่องนี้มันมีสองด้านในตัวเอง คนที่แสดงความเห็นก็ไม่ต่างอะไรจากศิลปิน เพราะภาษาส่วนหนึ่งก็เป็นศิลปะ มันก็สะท้อนจากจิตความคิดเป็นคำพูดออกมาเป็นตัวอักษร ศิลปินมองศาสนาในแง่นั้นก็สะท้อนมาในแง่นั้น ก็ไม่ต่างกับแต่ละคนที่สะท้อนความคิดเห็นออกมาทางภาษา
ลองย้อนไปกลับอ่านความเห็นตัวเองดูสิครับว่าเราสะท้อนแบบไหนออกมาจากใจ คำตอบคุณสะท้อนด้านดี หรือไม่ดี ออกมาจากตัวคุณ

ที่จริงมันเป็นเรื่องปกติของโลกมนุษย์นะ ที่คนส่วนใหญ่รู้เรื่องของคนอื่น แต่ไม่รู้เรื่องของตัวเอง ที่โพสความเห็นนี้ เพราะไม่ได้อยากให้หยุดความเข้าใจแค่ตรงนี้ ไม่อยากให้หยุดที่ชื่นชมศิลปินหรือโกรธเกลียดศิลปิน แต่อยากให้หลายๆคนที่ไม่มีโอกาสเรียนรู้กายใจตัวเอง ได้ถือโอกาสนี้มาทดลองเรียนรู้กายใจตัวเอง ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นในเข้าถึงแก่นธรรมที่พระองค์ได้ทึ้งคำสอนไว้ให้

ใครอยากทดสอบ ทดลอง ก็เชิญโหลดmp3 มาฟังกันดูนะครับ ฟังไม่เข้าใจก็ฟังบ่อยๆวนเวียนไปมา ก็จะภาวนาได้ถูกทางเอง เมื่อถูกทางแล้วก็จะเห็นผลในไม่กี่วัน ทุกวันนี้มีคนตื่นขึ้นมามากมายแล้ว


http://www.wimutti.net/pramote/index2.php

 

ตัวเรามีอะไรดี ศีลห้าข้อยังรักษาไม่ครบ
ดูแล้วทำให้เข้าถึงรสพระธรรมหรือ
ปฏิบัติบูชาดีกว่ามั้ยคะ

 

ภาพที่ออกมามันแรง และไม่เหมาะสมสำหรับชาวพุทธเรา แต่ถ้ามองในแง่ที่เขาต้องการสื่อมันก็น่าคิดว่ามันก็มีเยอะนะพวกอาศัยผ้าเหลืองหากิน อารมณ์ของศิลปะมันละเอียดอ่อน การสื่อออกมามันคือความเป็นจริงที่เกิดขึ้นในส้งคม แต่ภาพที่ออกมานั้นมันแรงจนทำให้หลายฝ่าย และชาวพุทธต่างร้อนกันไปหมด น่าจะหาวิธีการสื่อออกมาให้เหมาะสมกว่านี้

 

ผมก็ไม่อยากแสดงความเห็นในเรื่องนี้อะไรมากนัก แต่เมื่อพิจารณาคำสอนของพระพุทธเจ้าแล้ว เห็นว่า เราควรกับมาพิจารณาตัวเราก่อนๆ ที่เราจะไปตำหนิคนที่ว่าเรา เป็นจริงตามนั้นหรือไม่หากเป็นจริงก็แก้ไขให้ดีและถูกต้องเสีย เปรียบเหมือนมีเศษโครนติดที่ใบหน้าและมีคนบอกให้เช็ดออก แต่เรากับโกรธคนที่บอกยังงั้นหรือ และอีกข้อคือใครทำกรรมดีก็ได้รับผลของกรรมดี ใครที่ทำกรรมชั่วก็ได้รับผลของกรรมชั่วไป เรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อนมากไม่อาจบอกว่าใครผิดใครถูก ดังนั้น ่ผมขอวางอุเบขา[SIZE=-1]อยางมีสติดีกว่า[/SIZE]

 

ผมเห็นด้วยกับภาพวาดนี้

คนดูมันมีหลายอย่าง ปัญญาน้อยก็คิดว่าปรามาสพระรัตนไตย
ปัญญามาก ก็รู้ว่าเค้าไม่ได้สื่อถึงพระรัตนไตยเลย สื่อถึงพระสงฆ์จริงๆยังไม่มี ภาพมันสะท้อนถึงคนห่มผ้าเหลืองหากิน ไม่ได้ว่า พระสุปฎิบันโนเลย

หลวงพ่อฤาษีท่านยังพูดหลายครั้งเคย "ไม่ได้ว่าพระสงฆ์นะ แต่ว่าพวกห่มเหลืองหากิน ที่ไปเห็นอยู่ในนรก"

ฝึกทำตนให้ดี ทำจิตให้ดี มันไม่สนใจเรื่องพวกนี้หรอก ไม่ออกมาโวยวายให้เรื่องมันวุ่นวายหรอก ทางสวรรค์ยังไม่ปิด ทางนรกก็ยังไม่เปิด อย่าคิดมาก

เรื่องมันวุ่นวายเพราะจิตคนอย่างคนมันทำให้วุ่นวาย จนกลายเป็นเรื่องโวยวายกันไปซะจนได้

 

ผมถามว่าใครจะย่ำยีใครกันแน่ ถ้าสิ่งเหล่านี้ไม่มีอยู่จริงในสังคม การที่คุณไปวัดบางแห่งแล้วเห็นภาพเหล่านี้จริงๆ เห็นคนห่มเหลืองผิดศีลจริงๆ ล่วงละเมิดศีลจริงๆ กับการเห็นภาพวาดที่สื่อออกมาจากความเป็นจริง คุณว่าสิ่งไหนที่เห็นแล้วเสื่อมศรัทธามากกว่ากัน ระหว่างภาพจริงๆที่ปรากฎต่อหน้าต่อตาคุณ กับ ภาพวาดที่สะท้อนสิ่งที่มีอยู่จริงในสังคม

แต่พวกคุณกลับไปด่าทอคนเขียนภาพวาด แต่ยังเมินเฉยต่อคนห่มเหลืองที่ทำตัว เป็นเหลือบ ริ้น ไร กา ไก่ คอยหากินกับผ้าเหลือง คุณคิดว่าทำถูกแล้วเหรอครับ

คนที่เห็นพวกขโมยกำลังขโมยของในหมู่บ้าน แล้วร้องบอกให้คนทั้งหลายมาช่วยกันจับขโมยแม้ว่าอาจจะตะโกนด้วยคำรุ่นแรง แต่เจตนาก็เพื่อให้ฉุกคิด และรีบตรวจสอบคนในหมู่บ้านว่าใครคือขโมย และขับไล่ขโมยออกไปจากหมู่บ้าน แต่กลับโดนด่า โดนว่า ว่าจะทำให้หมู่บ้านเดือดร้อน หมู่บ้านจะเสื่อมเสียชื่อเสียง โดยรีบชุมนุนออกมาด่าว่าขับไล่คนที่ร้องบอกว่ามีขโมยอยู่ในหมู่บ้าน แต่พวกขโมยตัวจริงกลับลอยนวล อาศัยลักขโมยหากินในหมู่บ้านอย่างสบายใจเฉิบ เมื่อไล่คนที่ออกมาร้องมาบอกแล้วคนในบ้านกลับภาคภูมิใจว่าหมู่บ้านเราสงบเพราะไม่มีคนมาเสนอหน้าร้องบอกว่ามีพวกขโมยอยู่ในหมู่บ้าน ผมว่าอีกไม่นานหรอกครับ ขโมยคงเต็มหมู่บ้าน ถ้ายังมีวิธีการแบบนี้

อีกหน่อยพวกเหลือบ ริ้น ไร กา ไก่ ที่คอยหากินกับผ้าเหลืองคงเต็มเมืองเพราะมาอยู่ในผ้าเหลืองแล้วปลอดภัย ใครว่า ใครตำหนิ ก็อ้างว่าบาปนะ ตกนรกนะ ตำหนิคนห่มเหลือง แต่ลืมไปว่า ธรรมวินัยที่พระพุทธเจ้าบัญญัติให้พระภิกษุไว้ ๒๒๗ข้อ มาจากโลกวัชชะคือ ชาวบ้านติเตียนว่าไม่เหมาะสมกับสมณะสารูป มิใช่พระพุทธเจ้าตั้งกฏบัญญัติขึ้นมาแต่อย่างใด

 

ฟังความเห็นคนนอกเว็บบ้างไหมครับ
http://www.thaimtb.com/cgi-bin/viewkatoo.pl?id=181418

 

ไม่สนอ่ะ ว่ามีจิงอ๊ะป่าว กาเกอไรเนี่ย
ตาไม่ชอบ ตาจะประท้วง พระต้องถูกเสมอ