จิตพร้อม? รับภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ภูภู, 6 เมษายน 2012.

  1. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=Jyl7fbDQQ7g]สรุป ปฏิจจสมุปบาท - YouTube[/ame]​
    ปฏิจจสมุปบาท คือ การที่สิ่งนี้มี สิ่งนี้จึงมี อาศัยกันและกันเกิดขึ้น มี 12 อย่าง ดังนี้

    อวิชชา สังขาร วิญญาณ นามรูป สฬายตนะ ผัสสะ เวทนา ตัณหา อุปาทาน ภพ ชาติ ชรามรณะ

    หรือ * เพราะอวิชชามี สังขารจึงมี * เพราะสังขารมี วิญญาณจึงมี * เพราะวิญญาณมี นามรูปจึงมี * เพราะนามรูปมี สฬายตนะจึงมี * เพราะสฬายตนะมี ผัสสะจึงมี * เพราะผัสสะมี เวทนาจึงมี * เพราะเวทนามี ตัณหาจึงมี * เพราะตัณหามี อุปทานจึงมี * เพราะอุปทานมี ภพจึงมี * เพราะภพมี ชาติ (ความเกิด) จึงมี * เพราะชาติมี ชรามรณะจึงมี * เพราะชรามรณะมี ความโศก ความคร่ำครวญ ทุกข์ โทมนัส และความคับแค้นใจ ก็มีพร้อม

    ความเกิดขึ้นแห่งกองทุกข์ทั้งปวงนี้ จึงมี

    เครดิตคุณ PhramahaAnusak
     
  2. UncleGee

    UncleGee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2012
    โพสต์:
    4,106
    ค่าพลัง:
    +10,246
    จูฬสุญญตสูตร (ต่อ)

    [๓๓๔] พระผู้มีพระภาครับสั่งว่า ดูกรอานนท์ แน่นอน นั่นเธอสดับดี
    แล้ว รับมาดีแล้ว ใส่ใจดีแล้ว ทรงจำไว้ดีแล้ว ดูกรอานนท์ ทั้งเมื่อก่อนและ
    บัดนี้ เราอยู่มากด้วยสุญญตวิหารธรรม เปรียบเหมือนปราสาทของมิคารมารดา
    หลังนี้ ว่างเปล่าจากช้าง โค ม้า และลา ว่างเปล่าจากทองและเงิน ว่างจากการ
    ชุมนุมของสตรีและบุรุษ มีไม่ว่างอยู่ก็คือสิ่งเดียวเฉพาะภิกษุสงฆ์เท่านั้น ฉันใด

    ดูกรอานนท์ ภิกษุก็ฉันนั้นเหมือนกันแล ไม่ใส่ใจสัญญาว่าบ้าน ไม่ใส่ใจสัญญา
    ว่ามนุษย์ ใส่ใจแต่สิ่งเดียว เฉพาะสัญญาว่าป่า จิตของเธอย่อมแล่นไป เลื่อมใส
    ตั้งมั่น และนึกน้อมอยู่ในสัญญาว่าป่า เธอจึงรู้ชัดอย่างนี้ว่า ในสัญญาว่าป่านี้
    ไม่มีความกระวนกระวายชนิดที่อาศัยสัญญาว่าบ้าน และชนิดที่อาศัยสัญญาว่ามนุษย์
    เลย มีอยู่ก็แต่เพียงความกระวนกระวายคือภาวะเดียวเฉพาะสัญญาว่าป่าเท่านั้น

    เธอรู้ชัดว่า สัญญานี้ว่างจากสัญญาว่าบ้าน สัญญานี้ว่างจากสัญญาว่ามนุษย์ และ
    รู้ชัดว่ามีไม่ว่างอยู่ก็คือสิ่งเดียวเฉพาะสัญญาว่าป่าเท่านั้น ด้วยอาการนี้แหละ เธอ
    จึงพิจารณาเห็นความว่างนั้นด้วยสิ่งที่ไม่มีอยู่ในสัญญานั้นเลย และรู้ชัดสิ่งที่เหลือ
    อยู่ในสัญญานั้นอันยังมีอยู่ว่ามี ดูกรอานนท์ แม้อย่างนี้ ก็เป็นการก้าวลงสู่ความ
    ว่างตามความเป็นจริง ไม่เคลื่อนคลาด บริสุทธิ์ ของภิกษุนั้น ฯ
     
  3. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=7Bytk6UslaQ]สรุป วิสุทธิ 7 - YouTube[/ame]​

    วิสุทธิ คือ ความบริสุทธิ์ หมดจด หมายถึง การทำตนให้บริสุทธิ์ ด้วยการฝึกฝนตามลำดับ คือ
    1 ศีลวิสุทธิ
    2 จิตตวิสุทธิ
    3 ทิฏฐิวิสุทธิ
    4 กังขาวิตรณวิสุทธิ
    5 มัคคามัคคญาณวิสุทธิ
    6 ปฏิปทาญาณทัสสนวิสุทธิ
    7 ญาณทัสสนวิสุทธิ​

    เครดิตคุณ PhramahaAnusak​
     
  4. อุษาวดี

    อุษาวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2012
    โพสต์:
    531
    ค่าพลัง:
    +12,151
    ความสำคัญของปฐมเทศนา มัชฌิมเทศนา และปัจฉิมเทศนา

    พระธรรมเทศนาของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าใน 3 กาลมีความสำคัญยิ่ง อันพุทธบริษัทควรสนใจพิจารณาเป็นพิเศษ คือ


    ก. ปฐมโพธิกาล ได้ทรงแสดงธรรมแก่พระปัญจวัคคีย์ ที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน เมืองพาราณสี เป็นครั้งแรกเป็นปฐมเทศนา เรียกว่า ธรรมจักร เบื้องต้นทรงยกส่วนสุด 2 อย่างอันบรรพชิตไม่ควรเสพขึ้นมาแสดงว่า เทว เม ภิกฺขเว อนฺตา ปพฺพชิเตน น เสวิตพฺพา ภิกษุทั้งหลาย ส่วนที่สุด 2 อย่างอันบรรพชิตไม่พึงเสพ คือ กามสุขัลลิกา และอัตตกิลมถา อธิบายว่า กามสุขัลลิกา เป็นส่วนแห่งความรัก อัตตกิลมถา เป็นส่วนแห่งความชังทั้ง 2 ส่วนนี้เป็นตัวสมุทัย เมื่อผู้บำเพ็ญตบะธรรมทั้งหลายโดยอยู่ซึ่งส่วนทั้งสองนี้ ชื่อว่ายังไม่เข้าทางกลาง เพราะเมื่อบำเพ็ญเพียรพยายามทำสมาธิ จิตสงบสบายดีเต็มที่ก็ดีใจ ครั้นเมื่อจิตนึกคิดฟุ้งซ่านรำคาญก็เสียใจ ความดีใจนั้น คือ กามสุขัลลิกา ความเสียใจนั้นแล คือ อัตตกิลมถา ความดีใจก็เป็นราคะ ความเสียใจก็เป็นโทสะ ความไม่รู้เท่าในราคะ โทสะ ทั้งสองนี้เป็นโมหะ ฉะนั้น ผู้ที่พยายามประกอบความเพียรในเบื้องแรกต้องกระทบส่วนสุดทั้งสองนั้นแลก่อน ถ้าเมื่อกระทบส่วน 2 นั้นอยู่ ชื่อว่าผิดอยู่แต่เป็นธรรมดาแท้ทีเดียว ต้องผิดเสียก่อนจึงถูก แม้พระบรมศาสดาแต่ก่อนนั้นพระองค์ก็ผิดมาเต็มที่เหมือนกัน แม้พระอัครสาวกทั้งสอง ก็ซ้ำเป็นมิจฉาทิฐิมาก่อนแล้วทั้งสิ้น แม้สาวกทั้งหลายเหล่าอื่นๆ ก็ล้วนแต่ผิดมาแล้วทั้งนั้น
    ต่อเมื่อพระองค์มาดำเนินทางกลาง ทำจิตอยู่ภายใต้ร่มโพธิพฤกษ์ ได้ญาณ 2 ในสองยามเบื้องต้นในราตรี ได้ญาณที่ 3 กล่าวคืออาสวักขยญาณในยามใกล้รุ่ง จึงได้ถูกทางกลางอันแท้จริงทำจิตของพระองค์ให้พ้นจากความผิด กล่าวคือ...ส่วนสุดทั้งสองนั้น พ้นจากสมมติโคตร สมมติชาติ สมมติวาส สมมติวงศ์ และสมมติประเพณี ถึงความเป็นอริยโคตร อริยชาติ อริยวาส อริยวงศ์ และอริยประเพณี ส่วนอริยสาวกทั้งหลายนั้นเล่าก็มารู้ตามพระองค์ ทำให้ได้อาสวักขยญาณพ้นจากความผิดตามพระองค์ไป

    ส่วนเราผู้ปฏิบัติอยู่ในระยะแรกๆ ก็ต้องผิดเป็นธรรมดา แต่เมื่อผิดก็ต้องรู้เท่าแล้วทำให้ถูก เมื่อยังมีดีใจเสียใจในการบำเพ็ญบุญกุศลอยู่ ก็ตกอยู่ในโลกธรรม เมื่อตกอยู่ในโลกธรรม จึงเป็นผู้หวั่นไหวเพราะความดีใจเสียใจนั่นแหละ ชื่อว่าความหวั่นไหวไปมา อุปฺปนฺโน โข เม โลกธรรมจะเกิดที่ไหน เกิดที่เรา โลกธรรมมี 8 มรรคเครื่องแก้ก็มี 8 มรรค 8 เครื่องแก้โลกธรรม 8

    ฉะนั้น พระองค์จึงทรงแสดงมัชฌิมาปฏิปทาแก้ส่วน 2 เมื่อแก้ส่วน 2 ได้แล้วก็เข้าสู่อริยมรรค ตัดกระแสโลก ทำใจให้เป็นจาโค ปฏินิสฺสคฺโค มุตฺติ อนาลโย (สละสลัดตัดขาดวางใจหายห่วง) รวมความว่า เมื่อส่วน 2 ยังมีอยู่ในใจผู้ใดแล้ว ผู้นั้นก็ยังไม่ถูกทาง เมื่อผู้มีใจพ้นจากส่วนทั้ง 2 แล้ว ก็ไม่หวั่นไหว หมดธุลี เกษมจากโยคะ จึงว่าเนื้อความแห่งธรรมจักรสำคัญมาก พระองค์ทรงแสดงธรรมจักรนี้ยังโลกธาตุให้หวั่นไหว จะไม่หวั่นไหวอย่างไร เพราะมีใจความสำคัญอย่างนี้ โลกธาตุก็มิใช่อะไรอื่น คือตัวเรานี้เอง ตัวเราก็คือธาตุของโลก หวั่นไหวเพราะเห็นในของที่ไม่เคยเห็น เพราะจิตพ้นจากส่วน 2 ธาตุของโลกจึงหวั่นไหว หวั่นไหวเพราะจะไม่มาก่อธาตุของโลกอีกแล


    ข. มัชฌิมโพธิกาล ทรงแสดงโอวาทปาฏิโมกข์ในชุมชนพระอรหันต์ 1,250 องค์ ณ พระราชอุทยานเวฬุวันกลันทกนิวาปสถาน กรุงราชคฤห์ใจความสำคัญตอนหนึ่งว่า อธิจิตฺเต จ อาโยโค เอตํ พุทฺธาน สาสนํ พึงเป็นผู้ทำจิตให้ยิ่ง การที่จะทำจิตให้ยิ่งได้ต้องเป็นผู้สงบระงับ อิจฺฉา โลภสมาปนฺโน สมโณ กึ ภวิสฺสติ เมื่อประกอบด้วยความอยากดิ้นรนโลภหลงอยู่แล้วจักเป็นผู้สงระงับได้อย่างไร ต้องเป็นผู้ปฏิบัติคือปฏิบัติพระวินัยเป็นเบื้องต้น และเจริญกรรมฐานตั้งต้นแต่การเดินจงกรม นั่งสมาธิ ทำให้มาก เจริญให้มาก

    ในการพิจารณามหาสติปัฏฐาน มีกายนุปัสสนาสติปัฏฐาน เป็นเบื้องแรก พึงพิจารณาส่วนแห่งร่างกาย โดยอาการแห่งบริกรรมสวนะคือ พิจารณาโดยอาการคาดคะเน ว่าส่วนนั้นเป็นอย่างนั้นด้วยการมีสติสัมปชัญญะไปเสียก่อน เพราะเมื่อพิจารณาเช่นนี้ใจไม่ห่างจากกาย ทำให้รวมง่าย เมื่อทำให้มาก ในบริกรรมสวนะแล้ว จักเกิดขึ้นซึ่งอุคคหนิมิตให้ชำนาญในที่นั้นจนเป็นปฏิภาค ชำนาญในปฏิภาคโดยยิ่งแล้วจักเป็นวิปัสสนา เจริญวิปัสสนาจนเป็นวิปัสสนาอย่างอุกฤษฏ์ ทำจิตเข้าถึงฐีติภูตํ ดังกล่าวแล้วในอุบายแห่งวิปัสสนาชื่อว่าปฏิบัติ เมื่อปฏิบัติแล้ว โมกฺขํ จึงจะข้ามพ้น จึงพ้นจากโลกชื่อว่าโลกุตตรธรรม เขมํ จึงเกษมจากโยคะ (เครื่องร้อย) ฉะนั้น เนื้อความในมัชฌิมเทศนาจึงสำคัญเพราะเล็งถึงวิมุตติธรรมด้วยประการฉะนี้และฯ


    ค. ปัจฉิมโพธิกาล ทรงแสดงปัจฉิมเทศนาในที่ชุมชนพระอริยสาวก ณ พระราชอุทยานสาลวันของมัลลกษัตริย์กรุงกุสินารา ในเวลาจวนจะปรินิพพานว่า หนฺทานิ อามนฺตยามิ โว ภิกฺขเว ปฏิเวทยามิ โว ภิกฺขเว ขยวยธมฺมา สงฺขารา อปฺปมาเทน สมฺปาเทถ เราบอกท่านทั้งหลายว่าจงเป็นผู้ไม่ประมาท พิจารณาสังขารที่เกิดขึ้นแล้วเสื่อมไป เมื่อท่านทั้งหลายพิจารณาเช่นนั้นจักเป็นผู้แทงตลอด พระองค์ตรัสพระธรรมเทศนาเพียงเท่านี้ก็ปิดพระโอษฐ์มิได้ตรัสอะไรต่อไปอีกเลย จึงเรียกว่า ปัจฉิมเทศนา

    อธิบายความต่อไปว่า สังขารมันเกิดขึ้นที่ไหน อะไรเป็นสังขาร สังขารมันก็เกิดขึ้นที่จิตของเราเองเป็นอาการของจิตพาให้เกิดขึ้นซึ่งสมมติทั้งหลาย สังขารนี้แล เป็นตัวการสมมติบัญญัติสิ่งทั้งหลายในโลกความจริงในโลกทั้งหลายหรือธรรมธาตุทั้งหลายเขามีเขาเป็นอยู่อย่างนั้น แผ่นดิน ต้นไม้ ภูเขา ฟ้า แดด เขาไม่ได้ว่าเขาเป็นนั้นเป็นนี้เลย เจ้าสังขารตัวการนี้เข้าไปปรุงแต่งว่า เขาเป็นนั้นเป็นนี้จนหลงกันว่าเป็นจริง ถือเอาว่าเป็นตัวเรา เป็นของๆ เราเสียสิ้น จึงมี ราคะ โทสะ โมหะ เกิดขึ้นทำจิตดั้งเดิมให้หลงตามไป เกิด แก่ เจ็บ ตาย เวียนว่ายไปไม่มีที่สิ้นสุด เป็นอเนกภพ อเนกชาติ เพราะเจ้าตัวสังขารนั้นแลเป็นตัวเหตุ จึงทรงสอนให้พิจารณาสังขารว่า สพฺเพ สงฺขารา อนิจฺจา สพฺเพ สงฺขารา ทุกฺขา ให้เป็นปรีชาญาณชัดแจ้ง เกิดจากผลแห่งการเจริญปฏิภาคเป็นส่วนเบื้องต้น จนทำจิตให้เข้าภวังค์ เมื่อกระแสแห่งภวังค์หายไป มีญาณเกิดขึ้นว่า "นั้นเป็นอย่างนั้น เป็นสภาพไม่เที่ยง เป็นทุกข์" เกิดขึ้นในจิตจริงๆ จนชำนาญเห็นจริงแจ้งประจักษ์ ก็รู้เท่าสังขารได้ สังขารก็จะมาปรุงแต่งให้จิตกำเริบอีกไม่ได้ ได้ในคาถาว่า อกุปฺปํ สพฺพธมฺเมสุ เญยฺยธมฺมา ปเวสฺสนฺโต เมื่อสังขารปรุงแต่งจิตไม่ได้แล้ว ก็ไม่กำเริบรู้เท่าธรรมทั้งปวง สนฺโต ก็เป็นผู้สงบระงับถึงซึ่งวิมุตติธรรม ด้วยประการฉะนี้


    ปัจฉิมเทศนานี้เป็นคำสำคัญแท้ ทำให้ผู้พิจารณารู้แจ้งถึงที่สุด พระองค์จึงได้ปิดพระโอษฐ์แต่เพียงนี้ พระธรรมเทศนาใน 3 กาลนี้ ย่อมมีความสำคัญเหนือความสำคัญในทุกๆ กาล ปฐมเทศนาก็เล็งถึงวิมุตติธรรม มัชฌิมเทศนาก็เล็งถึงวิมุตติธรรม ปัจฉิมเทศนาก็เล็งถึงวิมุตติธรรม รวมทั้ง 3 กาล ล้วนแต่เล็งถึงวิมุตติธรรมทั้งสิ้น ด้วยประการฉะนี้


    มุตโตทัย
    พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต
    ที่มา มุตโตทัย พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต
     
  5. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    https://www.youtube.com/watch?feature=endscreen&NR=1&v=qHRhnN4EGQg
    สมาธิ ประเภท สมถะ

    สติ คือ
    ธรรมชาติอย่างหนึ่ง ที่เกิดขึ้นพร้อมกับจิต อาศัยอารมณ์เดียวกับจิต ที่เรียกว่าเจตสิกนั่นเอง ทำหน้าที่ระลึกในอารมณ์

    สัมปชัญญะ คือ ความรู้ชัด หรือ ความรู้ที่ถูกต้อง

    ไตรลักษณ์
    เป็นลักษณะตามธรรมชาติ ของทุกสรรพสิ่ง
    อนิจจัง ความไหลเวียนเปลี่ยนแปลง
    ทุกขัง เพราะอาศัยเหตุปัจจัย จึงไม่อาจคงที่อยู่ได้ลักษณะ
    อนัตตา เพราะอาศัยเหตุปัจจัย จึงไม่ใช่ตัวตน

    ไตรลักษณ์
    รู้ความจริงในสภาวธรรมทั้งหมด ทำให้ลดอุปทาน ไม่ลุ่มหลง ไม่ยึดติด ไม่ถือติดกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่เป็นของเรา

    บทสรุป...ทุกอย่างที่เราเห็น ที่เป็นรูปธรรม ล้วนมีลักษณะแบบเดียวกัน คือ
    เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และแตกดับผุพังไป ในที่สุด

    เครดิตคุณ PhramahaAnusak
     
  6. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    จิตพี่ภู อยากจะกล่าวกับทุกท่านว่า...
    ให้รักกันนะ
    รักกันแบบเมตตา มหาเมตตาก็ยิ่งดีใหญ่
    ขอให้ทำเพื่อท่านพ่อหรือผู้อื่นมากกว่าตนเอง
    หรือไม่ต้องทำเพื่อตน เพราะไม่ต้องการสิ่งใด
    ขอให้เคารพพระรัตนตรัย และเคารพจิตของตนเอง

    ขอให้ทุกคนเกลียด-ชัง นินทา ด่าว่าหรือให้ร้ายกับข้าพเจ้าเพียงคนเดียวก็ได้
    แต่ถ้าหากทำให้ทุกคน โดยเฉพาะจิตบุญ กลับมารักกัน รวมตัวกัน
    เพื่อถวายงานท่านพ่อ มาช่วยกันทำภารกิจยกจิตลูกหลานของพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ หรือครูบาอาจารย์ทุกท่าน

    ขอให้ตัดเรื่องส่วนตัวออกให้หมดสิ้น เหลือแต่ชีวิตนี้ อยู่เพื่อ ทำเพื่อพระพุทธศาสนา

    ขอให้อยู่พร้อมหน้า พร้อมตากัน เพื่อถวายงานท่านพ่อ พระพุทธเจ้า หรือครูบาอาจารย์ของพวกเราทุกคน เป็นหลัก
    เพราะถ้าวันนั้นมาถึงกันจริงๆ พี่ภูจะขออยู่เบื้องหลังพี่ๆน้องๆชาวจิตเกาะพระ
    ขอให้กาลเวลาพิสูจน์กับทุกเรื่อง ทั้งตัวพี่ภูเองและจิตบุญทุกๆท่าน

    ทิ้งมันไปเห่อ ไอ้หน้าตาน่ะ ไอ้เกียรติน่ะ ไอ้คำว่าครูใหญ่ หรืออาจารย์ใหญ่
    หรือสารพัดที่เขายกย่อง ให้เกียรติ หรือที่เขาจะเรียกกันน่ะ

    ลืมคราบของความเป็นมนุษย์กันซะ...พวกเรา
    โดยเฉพาะจิตบุญ
     
  7. UncleGee

    UncleGee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2012
    โพสต์:
    4,106
    ค่าพลัง:
    +10,246
    จูฬสุญญตสูตร (ต่อ)

    [๓๓๕] ดูกรอานนท์ ประการอื่นยังมีอีก ภิกษุไม่ใส่ใจสัญญาว่ามนุษย์
    ไม่ใส่ใจสัญญาว่าป่า ใส่ใจแต่สิ่งเดียวเฉพาะสัญญาว่าแผ่นดิน จิตของเธอย่อม
    แล่นไป เลื่อมใส ตั้งมั่น และนึกน้อมอยู่ในสัญญาว่าแผ่นดิน เปรียบเหมือน
    หนังโคที่เขาขึงดีแล้วด้วยหลักตั้งร้อย เป็นของปราศจากรอยย่น ฉันใด ดูกร-
    *อานนท์ ภิกษุก็ฉันนั้นเหมือนกันแล ไม่ใส่ใจแผ่นดินนี้ ซึ่งจะมีชั้นเชิง มีแม่น้ำ
    ลำธาร มีที่เต็มด้วยตอหนาม มีภูเขาและพื้นที่ไม่สม่ำเสมอ ทั้งหมด ใส่ใจแต่
    สิ่งเดียวเฉพาะสัญญาว่า แผ่นดิน จิตของเธอย่อมแล่นไป เลื่อมใส ตั้งมั่น และ
    นึกน้อมอยู่ในสัญญาว่าแผ่นดิน เธอจึงรู้ชัดอย่างนี้ว่า ในสัญญาว่าแผ่นดินนี้ ไม่มี
    ความกระวนกระวายชนิดที่อาศัยสัญญาว่ามนุษย์ และชนิดที่อาศัยสัญญาว่าป่า มีอยู่
    ก็แต่เพียงความกระวนกระวาย คือภาวะเดียวเฉพาะสัญญาว่าแผ่นดินเท่านั้น

    เธอ
    รู้ชัดว่า สัญญานี้ว่างจากสัญญาว่ามนุษย์ สัญญานี้ว่างจากสัญญาว่าป่า และรู้ชัดว่า
    มีไม่ว่างอยู่ก็คือสิ่งเดียวเฉพาะสัญญาว่าแผ่นดินเท่านั้น ด้วยอาการนี้แหละเธอจึง
    พิจารณาเห็นความว่างนั้นด้วยสิ่งที่ไม่มีอยู่ในสัญญานั้นเลย และรู้ชัดสิ่งที่เหลืออยู่
    ในสัญญานั้นอันยังมีอยู่ว่ามี ดูกรอานนท์ แม้อย่างนี้ ก็เป็นการก้าวลงสู่ความว่าง
    ตามความเป็นจริง ไม่เคลื่อนคลาด บริสุทธิ์ ของภิกษุนั้น ฯ
     
  8. ◎

    เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2012
    โพสต์:
    428
    ค่าพลัง:
    +5,154
    ทางดำเนินต้องทำอย่างนั้นล่ะครับ
    เราเห็นนะ บางคนเขาสนทนากันในเวบบอร์ดหนึ่ง ถึงขนาดจะตรวจสอบเช็คไอพี เพื่อเอามาลงทัณฑ์
    ข้อความหมิ่นประมาทดิสเครดิต ผู้มีใจเป็นธรรม

    นั่นลักษณะ ของผู้มีใจเป็นธรรมแต่เอากฏหมาย มารองรับ เอามาเป็นกำแพงแก้ว แล้วมันจะใช่หรือ

    เพราะเราดูแล้ว คู่สนทนาเขาก็ไม่มีทีท่าจะไปดิสเครดิต ในลักษณะของการข่มขู่เอาเป็นเอาตาย อะไรเลยนี่

    หากใครออกมาในลักษณะแบบนั้นนะ แล้วใครล่ะจะอยากเสี่ยงด้วย เพราะขาดเสน่ห์
    นั่นถือว่า เป็นการขุดหลุมฝังกลบใจตนเอง เพราะใจไปจมอยู่กับโลก ไม่ได้มีอะไรที่ลึกซึ้งเลย

    เพราะนั่นเป็น สนามทดสอบกำลังใจล้วนๆ

    เราเห็นแล้ว โอ้..นี่มันอ่อนหัดมากเลย คนๆนั้น ไม่ได้อะไรเลยนี่
    นี่เฉพาะเพียงตัวอักษร นี่ยังไม่ได้ถึงขนาด ขงเบ้งด่าอองลอง ตกม้าตาย

    แต่เชื่อว่า คนในกระทู้นี้เวบนี้ไม่มีหรอก ที่จะเป็นไปในลักษณะอย่างนั้น
    มีสติ มีธรรม เป็นกำแพงแก้วที่ยิ่งกว่า หากทำได้นะ
    นั่นเพราะ มีกฏแห่งกรรมมารับรอง กับกรรมคือการกระทำ

    นี่หากใครทำได้อย่าง อ.ภู นะ เมื่อเดินไปให้ถึงที่สุดแล้ว นะ รับรองได้ มารนั่งเขี่ยดิน อาโนเนะ จุมปุ๊ก

    หากมองผม เป็นแนวรถถังฝั่งธน นี่จบเลย
    เป็นลักษณะจิตที่ติดโลก ทัสสนะไม่ตีตื้น ไม่ได้ช่วยอะไรได้เลย

    ก็อย่างที่ อ.ภู บอก ควรจะมองในส่วนดีของเขา หากใครเข้ามา

    แต่อย่าลืมพิจารณา ผมเข้าตี จนถึงใจกลางพื้นที่ ได้ตั้งนานแล้วล่ะครับ เรื่องจะยึก นี่สบายมาก

    สิ่งเหล่านี้ ผมเคยนำมาลงไว้ให้ได้พิจารณาแล้ว เกี่ยวกับ ท่านพระปุณณะเถระ
    ที่จะไปเผยแผ่ธรรม ให้กับชาวสุนาปรันตชนบท ซึ่งพระพุทธเจ้าท่านได้สอบถามในความมั่นคงกับท่านพระปุณณะ

    แต่อย่างว่าล่ะ เพราะท่านพระปุณณะ ท่านคือพระอริยเจ้า
    เปรียบเสมือนราวฟ้ากับเหว ดังนั้น หากจะตีตื้น ควรทำใจ ให้เป็นดั่ง เพราะนั่นคือมรรค

    ก็จะขอเสริม อ.ภู ให้ศิษย์ได้พิจารณาในแนวทาง ยิ่งๆขึ้นไป
    รับรอง ผมไม่ใช่รถถังฝั่งธนหรอกน่า ที่จะยิงใส่สุ่มสี่สุ่มห้า อย่างไร้กาลเทศะ
    เขาเรียกว่า แขกช่วยเกี่ยวข้าว ไม่งั้นคง ไม่ได้เป็นแขกประจำ หรอกครับ
    คงจะเป็นได้แค่ แขกบังรอนแรม ^^

    นี่คือมรรค..เป็นโอสถ เป็นเรื่องการกระทำ เฉพาะตนล้วนๆ...สาธุ

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 มกราคม 2013
  9. มณีตรี

    มณีตรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2013
    โพสต์:
    74
    ค่าพลัง:
    +1,201
    "ความสงบ "
    สิ่งที่ยากอย่างหนึ่งของ มนุษย์ คือการอยู่กับ ความสงบ เพราะ ความเคยชินของ เรา เรามักจะไม่รู้จักความสงบ จริงๆ
    เมื่อเจอความสงบจริง ๆ แล้ว ก็จะ ปล่อยทิ้งไป
    หาเวลา หาความสงบ ที่แท้จริงกันนะ ดูกาย ดูจิตกัน ไป ...

    เจริญพร ..พระ วิศิษ​
     
  10. มาลินี UK

    มาลินี UK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    807
    ค่าพลัง:
    +12,713

    สาธุ ขอร่วมกล่าวอนุโมทนากับท่านทั้งสองด้วยความปิติและดีใจค่ะ เพราะดิฉัน

    ได้รับธรรมะจากท่านทั้งสองและได้นำมาปฏิบัติทุกๆธรรมะที่ท่านนำมาเป็นธรรม

    ทานมีประโยชน์กับตัวเองมากเพราะได้นำเอาธรรมะของท่านมาปฏิบัติ

    และได้เกิดปัญญาถามและตอบตัวเองอยู่เสมอเมื่ออ่านธรรมะของแต่ละท่านค่ะ

    ขอน้อมรับค่ะ่สาธุ สาธุ อนุโมทามิ.
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 มกราคม 2013
  11. ◎

    เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2012
    โพสต์:
    428
    ค่าพลัง:
    +5,154
    นี่หากเป็นลุงใจดี อ่านและพิจารณาตามแล้วนี่ ยิ้มปริเลย เพื่อเฟ้นในประโยชน์

    แต่ยิ้มพร้อมกับมารไปก่อนนะ

    เนื่องจากในหน้ากระทู้ที่แล้ว ได้นำมุตโตทัยมาลง ในโพสที่ #11396

    ที่มีข้อความในนั้นว่า "โดยอธิบายว่า คำว่าไม้ซกงก 6,000 ง่า นั้นเมื่อตัดศูนย์ 3 ศูนย์ออกเสีย เหลือแค่ 6"

    ก็จะขอน้อมนำพระสูตรนี้มาลงอีกครั้งให้ได้พิจารณา ตามแนวทาง เพื่อพ้นจากบ่วงมาร

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 มกราคม 2013
  12. ◎

    เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2012
    โพสต์:
    428
    ค่าพลัง:
    +5,154


    เจริญในธรรมยิ่งขึ้นไป ให้ถึงซึ่งอายตนะนิพพาน

    สาธุเช่นกันครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 มกราคม 2013
  13. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,654
    ค่าพลัง:
    +20,365
    วรรคนี้ขอกล่าวถึง จิตอรหันต์ หรือจิตนิพพาน ตามพุทธวัจนะ กล่าวไว้ชัดเจนมาก มีสองประโยคคือ นิพพานัง ปรมังสุขัง และ นิพพานัง สุญญัง

    ทีนี้ขออธิบายขยายความเพียง นิพพานัง สุญญัง อย่างเดียวน่าจะครอบคลุมที่สุดคือ "นิพพานคือความว่างอย่างยิ่ง" ทีนี้ จากที่ศึกษามาแสดงว่า ความว่างนี้ ต้องมีลำดับขั้น ตั้งแต่ความว่างในสมาธิ ว่างในฌาณ ที่เป็นรูปฌาณ ความว่างที่เป็นอรูปฌาณ เช่น อากาสานัญจายตนะ วิญญานัญจายตนะ อากิญจัญญายตนะ และเนวสัญญานาสัญญายตนะ
    ไปจนถึงความว่างอย่างยิ่ง หรือที่สุดของความว่าง นั้นเอง หรือที่พระท่านกล่าวเป็นบาลีก็คือ ปรมานุตตรสุญญตา เป็นสภาวะที่ว่างอย่างยิ่ง ด้วยเหตุเพราะ จิตมีสภาพที่เป็นอิสระ ไม่รับไม่ปรุงแต่งอารมณ์ใดๆอีก จิตอยู่เหนือขันธ์5 จิตอยู่เหนือตันหาและราคะ อันความโลภ โกรธ หลง นี้ดับหมดแล้ว กิเลสทั้งหลายดับหมดแล้ว จิตไม่มีความยึดมั่นถือมั่นใดๆแล้ว แม้ความเป็นสภาวะนิพพานนี้ จิตก็ไม่ยึดมั่นถือมั่นเช่นกัน สภาวะเช่นนี้จึงเรียกว่า จิตนิพพาน คือไม่ยึดมั่นถือมั่น เมื่อไม่ยึดมั่นถือมั่นใดๆแล้ว จิตจึงมีสภาวะว่างเกิดขึ้นตามมาไม่มีสภาวะเป็นอย่างอื่นครับ สาธุ

    ลำดับถัดมา พิจารณา ว่า แล้วเหตุใดเล่า จิตจึงมีสภาวะอยูเหนือขันธ์5 ไม่รับไม่ปรุงแต่งธรรมารมณ์ใดๆ ได้ เหตุใดจิตจึงมีอิสระเหนือเครื่องปรุงแต่งยึดเหนี่ยวทุกๆประการได้

    จากตรงนี้ พิจารณาได้ว่า ก็เพราะ จิต อาศัยสติและปัญญา เป็นอาวุธเป็นเครื่องมือคอยรับมือกับกิเลสเครื่องปรุงแต่งเครื่องยึดมั่นถือมั่นทั้งหลายได้
    จิตพระอรหันต์ จึงเป็นจิตที่ถึงพร้อมด้วยมหาสติมหาปัญญา นั่นเอง ครับ
    ดังนั้นมาถึงตรงนี้จิตอรหันต์จึงเป็นจิตอาศัยอยู่ด้วยความว่าง เป็นจิตที่มีความสะอาดบริสุทธิ์ ประภัสสร เหมือนกับจิตเดิม
    แต่ต่างกันตรงที่ จิตเดิม ขาด สติ+สมาธิ+ฌาน+วิปัสสนา+ปัญญา จิตเดิมมันขาดสิ่งเหล่านี้ มันยังไม่มีภูมิต้านทาน มันยังไม่ได้ฉีดวรรคซีน มันยังไม่นำ เอา สติ+สมาธิ+ฌาน+วิปัสสนา+ปัญญามาสัมปยุตรวมกันกับจิต

    เช่นนี้จิตเดิมสะอาดบริสุทธิ์ประภัสสรก็จริง แต่ก็พร้อมที่จะรับเอาทุกอย่างเข้ามาแบกรับไว้ พร้อมที่จะไหลไปสู่อวิชชา แต่จิตอรหันต์นี่ เป็นจิตพุทธะ สติ สมาธิ ฌาน ปัญญาตื่นตัวเสมอ รวมอยู่ในจิต จึงเป็นจิตที่รู้ละปล่อยวาง เป็นธาตุธรรมชาติ บ้างก็เรียกว่าสุญญตธาตุ หรือนิโรธธาตุ หรือนิพพาน-ธาตุหรืออมตธาตุ อันเป็นธาตุที่
    มีความว่าง จากสิ่งทั้งหลายทั้งปวง ไม่ยึดมั่นถือมั่นใดๆแล้ว เป็นนิจนิรันดร์ไม่กลับไปสู่ที่เดิมอีกแล้ว จึงเป็นจิตที่หลุดพ้นแล้ว ไม่กลับมาเวียนว่ายอีกแล้ว ชั่วนิจนิรันดร์ครับ สาธุ ครับ

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 มกราคม 2013
  14. มณีตรี

    มณีตรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2013
    โพสต์:
    74
    ค่าพลัง:
    +1,201
    ชนเหล่าใดกล่าวถึงสิ่งใดว่า นี้ของเรา และกล่าวว่า นี้เป็นเรา
    ถ้าใจของท่านมีอยู่ในสิ่งนั้น ข้าแต่สมณะ ท่านก็จะไม่พ้น
    เราไปได้ ฯ

    [๔๗๔] พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า ชนเหล่าใดกล่าวถึงสิ่งใด สิ่งนั้น
    ไม่มีแก่เรา ชนเหล่าใดกล่าว ชนเหล่านั้นไม่ใช่เรา ดูกรมารผู้มีบาป ท่านจงรู้
    อย่างนี้ ท่านย่อมไม่เห็นแม้ทางของเรา ฯ


    โมทนาสาธุ..ด้วยเศียรเกล้าพระพุทธเจ้าค่ะ พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงเป็น ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ...หมดจดงดงามยิ่งนัก ควรที่เราจะน้อมนำมาปฏิบัติด้วยความเพียร สาธุ..ค่ะ
     
  15. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,654
    ค่าพลัง:
    +20,365
    =======

    สิ่งที่กล่าวมามันเป็นความเชื่อส่วนบุคคล อาศัยตำรา และคำสอนจากครูบาอาจารย์บ้าง ปฏิบัติบ้าง แต่เมื่อยังไปไม่ถึงที่สุดก็ควรฟังหูไว้หู วางความรู้อันนี้ลงก่อน สิ่งสำคัญคือการมุ่งไปสู่การปฏิบัติ ฌาณ วิปัสสนาเท่านั้นเป็นทางเอก เป็นเครื่องติดตามดูจิต หากเราทำให้มากเจริญให้มาก ความรู้จริงย่อมปรากฏแก่เรา ปัญญาอันสูงสุดย่อมเกิดแก่เรา ความว่างอย่างยิ่ง หรือ ปรมานุตตรสุญญตา ย่อมเกิดมีแก่จิตเราครับ สาธุครับ

     
  16. UncleGee

    UncleGee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2012
    โพสต์:
    4,106
    ค่าพลัง:
    +10,246
    จูฬสุญญตสูตร (ต่อ)

    [๓๓๖] ดูกรอานนท์ ประการอื่นยังมีอีก ภิกษุไม่ใส่ใจสัญญาว่าป่า
    ไม่ใส่ใจสัญญาว่าแผ่นดิน ใส่ใจแต่สิ่งเดียวเฉพาะอากาสานัญจายตนสัญญา
    จิตของเธอย่อมแล่นไป เลื่อมใส ตั้งมั่น และนึกน้อมอยู่ในอากาสานัญจายตน-
    *สัญญา

    เธอจึงรู้ชัดอย่างนี้ว่า ในอากาสานัญจายตนสัญญานี้ ไม่มีความกระวน-
    *กระวาย ชนิดที่อาศัยสัญญาว่าป่าและชนิดที่อาศัยสัญญาว่าแผ่นดิน มีอยู่ก็แต่
    เพียงความกระวนกระวาย คือภาวะเดียวเฉพาะอากาสานัญจายตนสัญญาเท่านั้น

    เธอรู้ชัดว่า สัญญานี้ว่างจากสัญญาว่าป่า สัญญานี้ว่างจากสัญญาว่าแผ่นดิน และรู้
    ชัดว่ามีไม่ว่างอยู่ก็คือสิ่งเดียวเฉพาะอากาสานัญจายตนสัญญาเท่านั้น ด้วยอาการ
    นี้แหละ เธอจึงพิจารณาเห็นความว่างนั้นด้วยสิ่งที่ไม่มีอยู่ในสัญญานั้นเลย และรู้
    ชัดสิ่งที่เหลืออยู่ในสัญญานั้นอันยังมีอยู่ว่ามี ดูกรอานนท์ แม้อย่างนี้ ก็เป็นการ
    ก้าวลงสู่ความว่าง ตามความเป็นจริง ไม่เคลื่อนคลาด บริสุทธิ์ ของภิกษุนั้น ฯ
     
  17. มาลินี UK

    มาลินี UK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    807
    ค่าพลัง:
    +12,713
    ธรรมะจากหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน.

    เราเป็นลูกชาวพุทธ เกิดมาให้มีศีลมีธรรมประจำตัว.

    วันหนึ่งๆให้ พุทโธ ธัมโม สังโฆ ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยนะ

    ที่ลากสัตว์ทั้งหลายให้ขึ้นมาจากนรก


    ไปสวรรค์นิพพาน มีน้อยเมื่อไรจึงไม่ควรประมาท.
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 มกราคม 2013
  18. เกิดมาลุย

    เกิดมาลุย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    49
    ค่าพลัง:
    +344
    สอนนิพพาน ในเน็ต...อ่านแล้วก็เหอะ ๆ คงจะไปกันถูกนะครับ.. เก่งทุกคนเลย เห็นแต่ละคำถาม และคำตอบ มันบอกถึงว่าข้าอ่านมาเยอะ ฝึกมาเยอะ ข้อมูลเก็บไว้เพียบ มันต้องใช่.. เอ็งมันด้อย อ่อนหัด ระดับไม่ถึง...
    ***ถ้าอยากเข้าถึงมรรคผลนิพพานจริง ผมว่าไปตามหาพระอาจารย์ท่านที่บรรลุธรรมพระนิพพานได้แล้วเถอะครับดีกว่า จะได้ไม่หลง อย่ามาอ่านหรือหาพระอรหันต์ในแถวนี้เลย,,, แต่ว่าจะหาได้ถูกคนจริงๆ หรือเปล่า และแล้วท่านจะสอนให้หรือเปล่า หรือสอนให้แล้วท่านจะเข้าถึงหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับบุญบารมีของแต่ละท่านแล้วนะครับ****
    แถวนี้พวกอัตตามันเยอะ... แต่ขอบคุณนะครับสำหรับผู้ที่เอาข้อมูลดี ๆ มาบอกกล่าวกันอ่านแล้วเพลินดี มีกำลังใจในการปฏิบัติดีครับ.... รักนะตัวเอง
     
  19. ◎

    เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2012
    โพสต์:
    428
    ค่าพลัง:
    +5,154
    บางคนอาจจะงงกับคำว่า "ปรมานุตตรสุญญตา" ไม่เคยได้ยิน

    หากเอาคำว่า "ปรมานุตตรสุญญตา" ที่คุณ tjs ไปเสริชหา ก็จะพบในเวบหนึ่งที่สนทนากัน

    และหากค้นหาในพระไตรปิฏกของเถรวาท แน่นอนว่าคงไม่เจอ

    แต่คงเคยผ่านตามาบ้างในคำครูบาอาจารย์ กับคำว่า "จิตหนึ่ง ปรมาณู" หรือ "เพิกรูปปรมาณูวิญญาณ"

    ก็คงจะชัดเข้ามาแบบลูกทุ่งๆ ให้ได้พิจารณาต่อไป เกี่ยวกับความว่าง ตามอินทรีย์บารมี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 มกราคม 2013
  20. ◎

    เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2012
    โพสต์:
    428
    ค่าพลัง:
    +5,154
    สงสัยคุณเกิดมาลุย จะได้ข้อมูลมาจาก "คิริมานนทสูตร" ในเรื่อง "ครูที่ดี"
    มาเตือนกันให้ต้องสำรวมเกินภูมิ

    ดังนั้น ก็ดีแล้ว ส่วนที่เตือนก็เป็นการเตือนกัน เพราะขมเป็นยารักษาใจ

    แต่ตรงนี้เป็นน้ำหวานบาดคอ ที่ว่า

    "แต่ขอบคุณนะครับสำหรับผู้ที่เอาข้อมูลดี ๆ
    มาบอกกล่าวกันอ่านแล้วเพลินดี มีกำลังใจในการปฏิบัติดีครับ"
     

แชร์หน้านี้

Loading...