ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ระเบิด 30 ล้านเมกกะตัน..คิดแล้วหยอง !!!​

​

ฮั้วโต๋ สมาชิก

..ที่ใดเกิดภัยจากมนุษย์ "พระธรรม"ช่วยบรรเทาได้ "พระธรรม"อยู่ที่ไหน?..พระธรรม อยู่ที่จิตประทับอยู่ในใจของแต่ละคนนั่นแหละ..

..ภัยจากมนุษย์เกิดจากอะไร..โลภ-โกรธ-ไม่พอใจ-ไม่ถูกใจ-อาฆาตพยาบาทนั่นแล..เป็นสาเหตุ..รวมถึงระเบิด 30 ล้านเมกกะตันด้วย..

เจริญในธรรม มีพระพุทธเจ้าในจิตให้มาก ๆ

26-10-2012, 05:12 AM

anirutpae สมาชิก

ผมกำลังคิดว่าภัยที่เกิดจากมนุษย์ ที่จะเกิดจากยักษ์นอกศาสนาที่จะห้ำหั่นกันปลายปีนี้ พวกเขาจะใช้ระเบิดถึง 30 ล้านเมกกะตันใส่กันหรือเปล่าครับ ??? ผมเดาเอานะครับ ก็เลยอยากให้อาจารย์อธิบายเพิ่มเติมอีกนิดครับ ขอบคุณครับ.

26-10-2012, 06:42 AM

ฮั้วโต๋ สมาชิก

..ไม่ต้องเดาละ เป๊ะเลย..แต่เป็นต้นปีหน้า(2556) ปลายปีนี้(2555) ยังไม่ยิง..หยั่งเชิงกันก่อน.คิดแล้วหยอง...ลูกเดียวก็ไม่อยากคิด แต่นี่ แหม ๆๆๆๆๆๆ..มาได้ไงตั้ง 5 ลูก..

เจริญในธรรม มีพระพุทธเจ้าในจิตให้มาก ๆ

26-10-2012, 07:05 AM

ที่มา http://palungjit.org/threads/สัญญาณฟ้าเตือนภัยพิบัติ.294356/page-417

 

ข้อนี้ไม่พลาดครับ..มีมติไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว !!!​

​

ฮั้วโต๋ สมาชิก

..ครับ.ค่ำคืนนี้(18 ม.ค.56) มีมติในเรื่องผู้รอดและปลอดภัย.."กรรมเทวราช" มิอาจปล่อยให้ผ่านไปในบางเรื่อง.ในสายตาของมนุษย์บางเรื่องคิดว่าเป็นเรื่องเล็ก.แต่ของสวรรค์ไม่ใช่เรื่องเล็ก.เป็นเรื่องใหญ่และยิ่งใหญ่มาก ๆ...ท่านกรรมเทวราช จัดสรรกรรมกำหนดดังนี้.

1.กรรมปรามาสพระธรรม.
2.กรรมปรามาสพระรัตนตรัย.
3.กรรมปรามาสพระอริยสงฆ์.
4.กรรมปรามาสพระสงฆ์.
5.กรรมอกตัญญูไม่รู้คุณ.
6.กรรมอนันตริยกรรม.
7.กรรมจากกรรมบถ 10 ด้วยเจตนา.รู้เท่าถึงการณ์.และไม่เจตนา รู้เท่าไม่ถึงการณ์.
8.กรรมมิจฉาทิจฐิ มิจฉาปฏิบัติ.คนทุศีล เดียรถีย์.
9.โลภ อาฆาต พยาบาท.โทสะ.
10.พุทธพานิชย์..แอบอ้าง แอบแฝงทุกรูปแบบ.

ใน 10 ประการที่กล่าวมา.อาจารย์ขอความเห็นจากผู้ที่ปฏิบัติทุก ๆ ท่าน.ว่า "เห็นด้วย"หรือไม่ ประการใด.มีเหตุผลที่สมเหตุสมผล.เพราะจะมีมติต่อไปในค่ำคืนนี้ครับ..ณ.เวลานี้ เบื้องบนมีมติที่สอดคล้อง.50-50 แล้วครับ.รอมนุษย์โลก.ว่ามีความเห็นเป็นประการใด.อาจารย์จะนำข้อคิดของแต่ละท่านเข้าที่ประชุมครับ..ในทั้ง 10 ประการนี้.บุคคลที่อยู่ในคุณลักษณะที่กล่าวมาทั้ง 10 ประการนี้ เก็บหมดครับ..

เจริญในธรรม มีพระพุทธเจ้าในจิตให้มาก ๆ

เกษม สมาชิก

ทำผิดไปโดย "ไม่เจตนา รู้เท่าไม่ถึงการณ์" ในอกุศลกรรมบท 10 นี้ควรได้รับการยกเว้นหรือไม่ ผมคิดว่าต้องดูว่าเป็นความผิดในข้อใดเรื่องใดด้วยนะครับ เพราะบางเรื่องถึงไม่เจตนา รู้เท่าไม่ถึงการณ์ ก็ไม่ควรได้รับการยกเว้น เช่นเรื่อง กรรมอกตัญญูไม่รู้คุณของพระอริยะสงฆ์บางองค์ ที่ท่านได้ออกมาเตือนเรื่องภัยพิบัติ แต่กลับได้รับการติเตียน ด่าว่าอย่างรุนแรง และพยายามชักชวนคนอื่นให้ร่วมกันดูหมิ่นเหยียดหยามด้วย จึงเป็นกรรมที่สมควรจะต้องถูกลงโทษให้เกิดความเข็ดหลาบกันด้วยครับ

ฮั้วโต๋ สมาชิก

..ครับ.ข้อนี้ไม่พลาดครับ.มีมติไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว.และเป็นเอกฉันท์ด้วยครับ..ข้อความของท่าน"เกษม"หลาย ๆ ท่านได้ข้อคิด ได้ปัญญานะครับ

เจริญในธรรม มีพระพุทธเจ้าในจิตให้มาก ๆ

ที่มา http://palungjit.org/threads/สัญญาณฟ้าเตือนภัยพิบัติ.294356/page-549

 

...........................................................................
กรรมสำเร็จที่เจตนา...หรือมิใช่?????????????????????????????
ท่านทั้งสองช่างสูงส่งมีสิทธิ์ตัดสินชะตากรรม....สัตว์โลก..........น่าอรรศจรรย์จริงๆๆๆๆๆๆๆ

 

ไฟถึงจะรู้หรือไม่รู้ ถ้าเอามือไปจับก็ร้อนทั้งนั้นแหละ
กฎแห่งกรรมนั้นเที่ยงตรงเสมอ และให้ผลไม่ผิดตัวด้วย

 

ใครอยากประชุมกับเทวดาที่ไหน หรือ จะทำนายอะไรปล่อยเขาเถอะครับ แต่ถ้ามีเรี่ยรายเงินเมื่อไหร่... อันนี้ต้องติดตามถามให้ละเอียด ว่าคุยกะเทพที่ไหน สวรรค์ชั้นอะไร ติดต่อกันได้ไง ขอคุยบ้างได้ไหม

 

กรรมที่ทำไปโดยไม่เจตนาและรู้เท่าไม่ถึงการณ์ !!!​

บุพกรรมของพระนางสามาวดี, ขุตฉุตตรา
โดย หลวงพ่อพระราชพรหมยาน

คนที่เกิดมาในโลกนี้ จะมีบุญวาสนาบารมีแบบไหนก็ตาม ต้องถูกกฎของกรรมเดิมลงโทษ ท่านจงอย่าคิดว่าเราเจริญกรรมฐานแล้ว เราให้ทานแล้ว จะเกิดมาใหม่ มีแต่ความสุข อันนี้ขอยืนยันว่า คนที่ถวายสังฆทานแล้วมาเกิดใหม่เป็นมหาเศรษฐีทุกคน ถ้าไม่เชื่อให้มาต่อว่าฉัน จะเอาสัญญา จะปรับไหม ยังไงก็ยอม แต่แกต้องตายไปก่อนเถอะ ตายไปแล้วไปเป็นเทวดาเป็นนางฟ้าที่ไหนก็ไปเถอะ แล้วกลับมาเป็นคนใหม่ ถ้าไม่เป็นมหาเศรษฐีแล้ว จะชำระหนี้ให้

จะยกตัวอย่างให้ฟัง ถึงแม้จะเป็นพระอริยเจ้าก็ไม่พ้นกฎของกรรม เอาเรื่องย่อ ๆ เวลามีนิดเดียว เรื่องของพระนางสามาวดี มีหญิงคนใช้คนหนึ่งเป็นหญิงหลังค่อม รูปร่างหน้าตาดี ๆ ใช้ออกจากวังไม่ได้ ก็ได้แต่หญิงค่อมคนเดียวใช้ไปซื้อดอกไม้ หญิงหลังค่อมคนนี้ชือว่า ขุตฉุตตรา แกก็เป็นคนฉลาด วันหนึ่งพระเจ้าอุเทนให้ค่าดอกไม้พระนางสามาวดีวันละ 8 ตำลึง แต่ว่าแม่ค่อมนี่ก็บอกแล้วว่าฉลาด ไม่ใช่คนโง่ แกก็เก็บไว้ 4 ตำลึง ซื้อ 4 ตำลึง ต่อมาวันสุดท้ายพระพุทธเจ้าเสด็จเมืองนั้น ก็พอดีนายมาลาการคนประจำสวนดอกไม้ของมหาเศรษฐี

ได้นิมนต์พระพุทธเจ้าพร้อมด้วยสาวก ว่าพรุ่งนี้ขอเลี้ยงพระ ขอถวายทานกับพระสงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นประธาน พระพุทธเจ้าก็ทรงรับ นางขุตฉุตตราก็เอาเงิน 8 ตำลึงไป อีก 4 ตำลึงยังไม่ได้เก็บ ไว้เก็บทีหลัง ไปถึงนายมาลาการก็บอกว่า เรื่องดอกไม้ไม่ใช่ของแปลก เตรียมไว้แล้ว แต่ว่าการถวายทานมีพระพุทธเจ้าเป็นประธาน มีพระอรหันต์สาวกหาไม่ได้ หายาก ช่วยกันถวายทานก่อน เสร็จแล้วจะจัดดอกไม้ให้ เธอก็ช่วย เมื่อพระพุทธเจ้าฉันเสร็จท่านก็เทศน์ คำว่าโมทนาก็คือเทศน์ โมทนาบอกถึงอานิสงส์ความดีที่ทำ ขุตฉุตตราฟังจบเดียวเป็นพระโสดาบัน ทำยังไง พระโสดาบันศีล 5 ต้องครบ วันนั้นเลยซื้อดอกไม้ 8 ตำลึง

พอมาถึงพระนางสามาวดีก็แปลกใจ ถามว่า ทำไมพระราชาให้ค่าดอกไม้มากกว่าวันก่อนรึ เธอก็บอกว่าให้เท่ากัน แต่ทว่าวันก่อนฉันแบ่งให้ 4 ตำลึง บอกตรงไปตรงมา พระโสดาบันนี่ไม่คดแล้ว คนที่พอจะเชื่อได้ทางคณะสงฆ์เขาถือว่าต้องเป็นพระโสดาบันที่จะเป็นพยานนะ พระนางสามาวดีก็เลยบอกว่าอีก 4 ตำลึงที่เธอเก็บแล้ว ให้เก็บไว้ได้ อนุญาต แค่ 4 ตำลึงก็พอ บอกไม่ได้ พระพุทธเจ้าเทศน์แล้ว บอกบาป ที่เอาไว้ก่อนคืนหรือเปล่าไม่ทราบ บาลีไม่ได้บอกนะ ก็เป็นอันว่าถามว่าทำไมจึงไม่เอา ก็บอกว่าวันนี้ไปซื้อของ ไปพบพระพุทธเจ้าพร้อมด้วยพระอรหันต์ เลี้ยงพระ พอเลี้ยงเสร็จเทศน์จบ ฉันเป็นพระโสดาบัน

หญิงทั้ง 500 มีพระนางสามาวดีเป็นประธาน ก็ขออยากจะฟังเทศน์บ้าง เธอก็บอกว่าฟังเทศน์น่ะฟังได้ แต่ต้องมีอาสนะสูงกว่า เวลาพระพุทธเจ้าเทศน์ต้องมีอาสนะสูงกว่าคนธรรมดา ประการที่ 2 ต้องแต่งตัวสวย ประการที่ 3 ต้องอาบน้ำก่อน เธอก็เอาน้ำหอมอาบ 16 หม้อ แต่งตัวสวย จัดธรรมาสน์ให้ เธอก็เทศน์ ความจริงเทศน์ดีมาก พระพุทธเจ้าทรงสรรเสริญภายหลัง ทรงยกย่องว่า เป็นผู้เลิศในการแสดงธรรมฝ่ายสตรี เธอก็เทศน์ในลีลาเช่นเดียวกับพระพุทธเจ้า ไม่ใช่เล่า ในใจความพระพุทธเจ้าพูดแบบไหนจำหมดทุกคำ ว่าเรื่อย ลีลาเหมือนกัน ผู้หญิงทุกคนฟังก็จับใจ พอเทศน์จบ อีก 500 คน เป็นพระโสดาบัน

เมื่อฟังเทศน์จบ ต่างคนต่างเป็นพระโสดาบัน ต่างคนต่างตั้งใจเคารพพระพุทธเจ้า เป็นอันว่าการเคารพของหญิง 500 กับ 1 คน คือหญิงเป็นบริวาร 500 คน แล้วพระนางสามาวดี 1 เป็น 500 กับ 1 คน เคารพในพระพุทธเจ้ามาก ทีนี้มีเมียมากอีกคนหนึ่ง ไม่ใช่เมียน้อย พระเจ้าอุเทน มีเมีย 3 คน มีพระนางวาสุนทัตรา เป็นคนแรก 2 ก็พระนางสามาวดี 3 พระนางมาคันธินยา เมียคนแรกไม่มีเรื่องยุ่ง

ขอเล่าเรื่องลัด ๆ พระนางสามาวดีกับหญิง 500 ถูกพระนางมาคันธิยาให้น้าชายไปเผาปราสาท เอาน้ำมันไปบอกว่า เอาน้ำมันไปทาเสาทำให้มั่นคง เกรงปลวกจะกิน ปราสาทเป็นไม้ ขอบรรดาพระแม่เจ้าทั้งหลายจงอยู่ข้างใน เขาอยู่ข้างหน้าก็เอาตะปูตีหน้าต่างก็ไม่มี ประตูก็ออกไม่ได้ เขาก็เอาไฟจุด พอจุดไฟเสร็จ พระนางสามาวดีพอเห็นแสงไฟก็ประกาศว่า

“พวกเราจงอย่าโกรธในพระนางมาคันธิยา อย่าโกรธในน้าชายของพระนางมาคันธิยา พวกเราที่ถูกไฟไหม้ครั้งนี้ เพราะอาศัยมีกรรมเป็นเหตุ”

แต่ความจริงท่านเป็นพระอริยเจ้าหมดแล้ว คือ เป็นพระโสดาบัน อาศัยที่ไฟที่จะไหม้เข้ามา จิตก็นึกถึงความตายเป็นอารมณ์ นึกถึงพระพุทธเจ้า นึกว่าความตายจะเข้ามาถึง เราจะไม่มีชีวิตต่อไป จิตใจก็ละเอียด บางท่านก็เป็นสกิทาคามี บางท่านก็เป็นอนาคามี รวมความว่าเขาเผาพระอริยเจ้า 500 กับ 1 คน

ต่อมา องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าประทับอยู่ บรรดาพระสงฆ์ก็เข้าไปถามองค์สมเด็จพระบรมครู ถามว่า

“ภันเต ภควา ข้าแต่องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าผู้เจริญพระพุทธเจ้าข้า เพราะเหตุใด หญิง 500 มีพระนางสามาวดีเป็นประธาน เป็นพระอริยเจ้าด้วย เป็นคนดีมาก และมีความเลื่อมใสในองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้ามาก ทำไมถูกไฟเผา”

พระพุทธเจ้าก็ตรัสว่า “ภิกขเว ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย หญิง 500 นี้ สมัยชาติก่อน เป็นบริวารของพระราชาองค์หนึ่ง” ฟังแล้วก็นึกไปด้วยเป็นวิปัสสนาญาณ วิปัสสนาญาณ คือตัวปัญญา ให้รู้ว่าถ้ากลับมาเกิดอีกมันมีความทุกข์อย่างนี้ กฎของกรรมมันมีความทุกข์อย่างนี้ กฎของกรรมมันตามทัน ถ้าเราไม่มาเกิดมันตามไม่ทันหรอก เป็นเทวดาอยู่ก็ดี เป็นพรหมอยู่ก็ดี มันตามไม่ทัน ถ้าไปนิพพานเสียเลยยิ่งไม่ทันใหญ่

ท่านบอกว่า “ในสมัยนั้นพระราชมีความเคารพในพระปัจเจกพุทธเจ้าองค์หนึ่ง แต่บังเอิญพระปัจเจกพุทธเจ้าองค์นั้นหลังค่อม วันหนึ่งพระราชาจะไปสรงน้ำที่ชายทะเล ชายทะเลมันก็เป็นป่า เผอิญพระปัจเจกพุทธเจ้าองค์นั้นท่านเข้านิโรธสมาบัติ อยู่ที่ชายทะเลในพุ่มไม้มองไม่เห็นตัว เมื่ออาบน้ำเสร็จบรรดาชาววังทั้งหลายก็สุมไฟ เอาฟืนมากอง ๆ แล้วก็สุมไฟ เอาไปกองทับพระปัจเจกพุทธเจ้าเข้า มองไม่เห็นหรอก

พอไฟไหม้มอดลงไปแล้ว ก็เห็นพระปัจเจกพุทธเจ้านั่งดำอยู่ นึกในใจว่านี่เป็นพระผู้เป็นเจ้าที่พระราชาเรามีความเคารพ ถ้าพระราชาทรงทราบว่าเราเผาพระปัจเจกพุทธเจ้า เราต้องถูกประหารชีวิตแน่ อีตอนก่อนไม่ได้ตั้งใจ ท่านบอกว่าไม่บาป ไหน ๆ ท่านก็ตายแล้ว เผาให้หมดซากไปเลย เอาฟืนมาทับให้มาก เผาอีก คราวนี้บาปแน่ พอหลังจากนั้น 7 วัน พระปัจเจกพุทธเจ้าท่านก็ลุกเดินไปตามสบาย นิโรธสมาบัตินี่ทำอะไรไม่ได้นะ ขนก็ไม่ไหม้นะ ผมก็ไม่ไหม้ อาศัยที่หญิงทั้ง 500 ในตอนหลังมีเจตนาเผาพระปัจเจกพุทธเจ้า จึงถูกเผาในชาตินี้” นี่ถ้าเรากลับมาเกิดเป็นมนุษย์ เป็นอย่างนี้นะ

พระก็ถามต่อไปว่า ยังมีสาวใช้อยู่คนหนึ่งชื่อ ขุตฉุตตรา ทำไมจึงเป็นคนมีปัญญามาก

พระพุทธเจ้าก็บอกว่า “ในฐานะที่พระปัจเจกพุทธเจ้าพระองค์นั้น พระราชามีความเคารพ วันหนึ่งเมื่อเข้าไปในเมืองใหม่ ๆ มีคนเขาใส่ข้าวต้มร้อน ๆ ท่านก็เอามือซ้ายถือบ้าง มือขวาถือบ้าง ผลัดกันไปผลัดกันมา ขุตฉุตตราออกไปจากวังเห็นเข้า ก็ถอดกำไลมือถวายท่านเพื่อรองไม่ให้มือร้อน เมื่อถอดกำไลมือถวายท่าน ท่านก็มองหน้าเธอ ก็บอกว่าถวายเลยเจ้าค่ะ แล้วก็ขอพรว่า “ธรรมใดที่พระผู้เป็นเจ้าบรรลุแล้ว...

อย่าลืมนะ คำนี้สำคัญมากนะ ธรรมใดที่พระผู้เป็นเจ้าบรรลุแล้ว ขอฉันบรรลุธรรมนั้นด้วยเถิดเจ้าค่ะ” พระปัจเจกพุทธเจ้าก็ให้พรว่า เอวัง โหตุ ซึ่งแปลว่า เจ้าปรารถนาสิ่งใดขอให้ได้สิ่งนั้นสมความปรารถนา อันนี้เป็นปัจจัยให้นางขุตฉุตตราเกิดในชาติหลังเป็นหญิงที่มีปัญญามาก หญิงทั้ง 500 คน มีพระนางสามาวดีเป็นประธานต้องอาศัยคนนี้

พระก็ถามว่า “ในเมื่อขุตฉุตตราเป็นอย่างนั้นแล้ว ทำไมขุตฉุตตราจึงได้เป็นคนหลังค่อม”

เอาอีกแล้วพระก็แน่เหมือนกัน ไม่แน่เราก็ไม่รู้ ท่านสงสัย มีบุญมากนี่นะ พระพุทธเจ้าก็บอกว่า วันหนึ่งบรรดาสาวใช้ทั้งหลาย เวลาที่พระปัจเจกพุทธเจ้ามา ขุตฉุตตรานี่เป็นคนคล่องตัวมาก แต่หญิงสาวใช้คนอื่น ๆ ไม่เคยเห็นพระปัจเจกพุทธเจ้า ก็อยากจะทราบว่า พระปัจเจกพุทธเจ้ารูปร่างเป็นยังไง เธอก็ไม่พูดเฉย ๆ ไปหยิบผ้ามาสไบเฉียงเข้า เอาขันมาอุ้มเข้า ทำเดินหลังค่อม ๆ นี่พระผู้เป็นเจ้าที่พระราชาเคารพมีลักษณะเป็นอย่างนี้ เลยเกิดเป็นหญิงค่อม 500 ชาติ

ท่านก็ถามต่อไปอีกว่า ทำไมเป็นคนรับใช้ของพระราชา พระพุทธเจ้าก็บอกว่า ในสมัยหนึ่ง ขุตฉุตตราเป็นลูกสาวของมหาเศรษฐี จำให้ดีนะ กรรมเล็ก ๆ น้อย ๆ นี่ เวลานั้น มีพระพุทเจ้าเกิดขึ้นมาในโลก ก็มีนางภิกษุณีองค์หนึ่ง เพื่อนของนางขุตฉุตตราเป็นสาวรุ่นเดียวกัน เป็นพระอรหันต์ ตอนเย็นก็มาเยี่ยมที่บ้าน พอดีกระเช้าเครื่องแต่งตัวมันวางอยู่ นางภิกษุณีก็มานั่งคั่นกลางพอดี เธอก็ยกมือไหว้บอกว่า

ขอประทานอภัยพระแม่เจ้า ช่วยหยิบกระเช้าเครื่องแต่งตัวทีเถอะ แค่นี้เองนะ ขออภัยแล้วนะ พระอริยเจ้านี่อย่าลืมนะ ทำบุญนิดหนึ่งก็บุญมหาศาล มันมีค่าเท่ากัน ในเมื่อเธอพูดแบบนั้น นางภิกษุณีก็คิดว่าเราจะหยิบให้เธอดีหรือไม่หยิบดี ถ้าเราหยิบให้เธอ เธอตายจากความเป็นคนแล้วต้องเป็นทาสเขา 500 ชาติ ขนาดขออภัยแล้วนะ ถ้าเราไม่หยิบให้เธอ เธอโกรธในเรา เธอต้องลงนรก ฉะนั้น การเกิดเป็นคน เป็นทาสเขา ดีกว่าลงนรก จึงหยิบให้ เรียกว่าด้วยความเมตตา

ก็สรุปว่า ถ้าเรายังกลับมาเกิดเป็นบรรดาญาติโยมพุทธบริษัท ท่านทุกคนที่นั่งที่นี่ คิดว่าถวายสังฆทานกันแล้วทุกคน หรือว่าสตางค์ทุกบาทที่ญาติโยมเอามาถวาย ไม่ได้ถวายสังฆทานก็เป็นสังฆทาน อาตมาถือว่าเป็นสังฆทานหมด เป็นสังฆทานด้วย เป็นวิหารทานด้วย ก็ถือว่าทุกคนมีสังฆทานแล้ว มีวิหารทานแล้ว มีบุญมหาศาลแล้ว ถ้าเกิดมาใหม่ ยังไงก็ตามต้องเป็นมหาเศรษฐี ถ้ามาเกิดใหม่ก็ต้องถูกกฎของกรรม เพราะอะไรรู้ไหม เพราะทุกคนมีบาป ฉะนั้น เมื่อเราทำบุญ บุญพาไปสวรรค์ บุญพาไปพรหมโลก บุญพาไปนิพพาน ถ้าพาไปนิพพานไม่เป็นไร ถ้าไปอยู่แค่สวรรค์ก็ดี พรหมโลกก็ดี ถ้าหมดบุญวาสนาบารมี ก็ต้องมาโดนกรรมประเภทนั้นอีก

อย่างปาณาติบาต เป็นเหตุให้คนมีอายุสั้น ตายบ้าง มีโรคภัยไข้เจ็บบ้าง อทินนาทาน ไฟไหม้บ้านบ้าง ขโมยลักของหายบ้าง ลมพัดให้บ้านพัง น้ำท่วมบ้านบ้าง กาเมสุมิจฉาจาร คนในปกครองดื้อด้านว่ายากสอนยาก มุสาวาท จะพูดดีแสนจะดีเขาก็ไม่ยอมจะเชื่อ สุราเมรัย อย่างเบาเป็นคนปวดหัว ปวดหัวมาก ปวดหัวบ่อย ๆ อย่างกลางเป็นโรคเส้นประสาท อย่างด็อกเตอร์เป็นบ้า

รวมความว่า กรรมทุกอย่างมันติดตาม เมื่อเรามาเกิดเป็นมนุษย์ ฉะนั้น ขอบรรดาญาติโยมพุทธบริษัททุกคน ตัดสินใจเสียเวลานี้ จนกว่าจะถึงวันตาย เวลาทำความดีทุกอย่าง ไอ้มือ 10 นิ้วนี่มันไม่สึกเวลาไหว้พระ เวลาตื่นขึ้นมาตอนเช้ายังไม่มีเรื่องอะไร กราบพระที่หมอนก็ได้ ไม่ต้องลุกไปที่ห้องพระก็ได้ ใจนึกถึงพระที่ไหน พระถึงเราที่นั่น เคารพพระพุทธเจ้าด้วยความเคารพ ด้วยความจริงใจ แล้วตั้งใจอธิษฐานว่า “เวลานี้ พระพุทธเจ้าอยู่ที่ไหน ข้าพระพุทธเจ้าขอไปที่นั่น เวลาตายแล้ว” เอากันแค่นี้ เวลาใส่บาตร เวลาทำบุญ ทำทุกอย่าง ทำหวังนิพพานทั้งหมด ไม่ต้องการหวังผลตอบแทน ให้ข้าวกับคน จะทำงานตอบแทนหรือไม่ก็ช่างหัวมัน เราต้องการนิพพาน อะไรก็ตาม เราต้องการนิพพาน

เมื่อเป็นอย่างนี้ทุกคนตายแล้ว อย่างต่ำต้องเป็นเทวดาเป็นนางฟ้า ต้องเป็น เว้นไว้แต่คนดื้อ คนฉลาด เป็นคนฉลาดก็อย่างคนที่เอาพระห้อยคอแล้วอย่าโง่ อย่าห้อยแบบโง่ ห้อยแบบฉลาด ๆ พระห้อยคอตอนเช้าก่อนออกจากบ้านก็ยกมือ สาธุ ตั้งนโม 3 จบ แล้วก็นึกด้วยความเคารพว่าต้องการผลอะไรวันนี้ ตั้งใจยังไงก็ตามใจ ค้าขายหรือมีเมตตามหานิยมอะไรก็ว่ากันไปเถอะ ทุกอย่างบารมีพระพุทธเจ้าย่อมช่วยได้ถ้าไม่เกินวิสัย ถ้าทำอย่างนี้ทุกวันทุกคนมีพุทธานุสสติประจำใจเสมอ ถ้าเวลาจะตายลงไปปั๊บ ภาพพระจะปรากฎเบื้องหน้า อันดับแรก แหงนหน้าอยู่ไม่มองเห็น จะเห็นพระที่คอ ต่อไปพระก็จะกลายเป็นพระสงฆ์ หรือเป็นพระพุทธรูปก่อนก็ได้ แล้วกลายเป็นพระสงฆ์ ไม่ช้าถ้าเราตายในขณะนั้น อารมณ์เราอย่างต่ำเราก็ไปสวรรค์ เอากันแค่อย่างต่ำก่อน

ที่มา http://kaskaew.com/index.asp?catid=...C1%D2%C7%B4%D5%2C+%A2%D8%B5%A9%D8%B5%B5%C3%D2

 

สรุปผลการประชุมที่เทวสภา !!!​

​

ฮั้วโต๋ สมาชิก

..ครับ.มาแล้วครับ..อาจารย์เพิ่งกลับลงมาเมื่อสักครู่ เพราะเสร็จจากเทวสภาก็ต่อในที่ประชุมลับครับ..

ที่เทวสภามีมติเมื่อคืนนี้แล้วทั้ง 10 ประการ.คนที่ปฏิบัติได้จริง ๆ ก็รอดครับ.แต่เมื่อให้โอกาสแล้วทำได้ไม่จริงจังและจริงใจ.ก็จะค่อย ๆ ป่วยทางกายจนตายทั้งเป็น..หมดกำลังในกาย.สุดท้ายนอนแบ๋บอยู่กัยที่.จนยากเกินเยียวยารักษาได้.

..สังเกตุได้จากกำลังกายหดหายไปเรื่อย ๆ.เมื่อตื่นนอนมาใหม่ ๆ จะรู้สึกเพลีย.หรือมีอาการป่วยทางกาย ทางใจก็ไม่ผ่องใส อารมณ์ไม่ดี.ไม่กระปรี้กระเปร่า.หงุดหงิด. ใครมีอาการแบบนี้.พิจารณาตนเองด่วนเลย.

ตัวเองรู้ในตัวเองครับ.เริ่มตั้งแต่เที่ยงวันของวันนี้เป็นต้นไป.เพราะเป็นการดัดสันดานคนที่มักมีข้ออ้าง ข้อต่อรองและเงื่อนไข.อาจารย์ว่ายุติธรรมดีนะ.ใครทำไม่ได้ก็เป็นเอง ป่วยเอง.ไปรักษาที่ไหนก็ไม่หาย มีแต่ทรุดหนักลงไปเรื่อย ๆ...

..แต่คนที่ทำได้ก็อยู่ดีมีสุข สบายกาย สบายใจ.กินอิ่ม พุงปลิ้น นอนหลับสบาย ๆ .แถมผ่องใส สดชื่น มีกำลังมหาศาล.ไม่เจ็บไม่ป่วย.เป็นการพิสูจน์ ใครคนจริง และใครคนไม่จริง..

เจริญในธรรม มีพระพุทธเจ้าในจิตให้มาก ๆ

20-01-2013, 08:18 AM

ที่มา http://palungjit.org/threads/สัญญาณฟ้าเตือนภัยพิบัติ.294356/page-551

 

ศีลไม่ครบ..จบไม่สวย !!!​

​

ฮั้วโต๋ สมาชิก

ในความไม่รู้ และรู้เท่าไม่ถึงการณ์นั้น.ทำอย่างไรจึงจะรู้.และทำอย่างไรจึงจะรู้เท่าทันถึงการณ์ได้ พูดง่าย ๆ เปลี่ยนจากความไม่รู้ให้รู้ได้..ไม่งั้นก็ทำผิดไปได้เรื่อย ๆ.กำลังโหวตกันอยู่.ในข้อนี้.มีเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้นเยอะมาก ๆ.จนน่าวิตกทีเดียว..เมืองพุทธ ศีลไม่ครบ

เมืองพุทธแต่ไม่ศึกษาเรียนรู้ในพระธรรม.เมืองพุทธแต่มาตั้งวงก๊งเหล้า.เมืองพุทธอยู่แบบตัวใครตัวมัน ไม่รู้จักกัน.เมืองพุทธเห็นแก่ตัวเอาเปรียบและไม่มีน้ำใจให้กัน.เมืองพุทธคนส่วนมากไม่รู้และเข้าใจในพระธรรม.เมืองพุทธโกหกกันวันละหลาย ๆ ล้านๆๆๆๆๆคำ.เมืองพุทธฆ่ากัน ตีกัน ทะเลาะ ขัดแย้งกัน.ปล้นกัน.ข่มขืนกันทุก ๆ วัน.ขอแถมอีกนิด เมืองพุทธใส่ขาสั้นสายเดี่ยวกันเกลื่อนเมือง.เดินยั่วยุกำหนัดกันตรึม.

จากข้อที่..ศีลไม่ครบ..ไม่มีใครไม่รู้จักศีล 5 ข้อ.และศีล 5 ข้อมีอะไรบ้าง.ก็ทราบกันอยู่.สมเด็จทุก ๆ พระองค์ก็ช่วยแล้ว.ผู้ช่วยของสมเด็จก็เทศนาธรรมแล้ว.ศีล 5 ข้อในตำราก็มีจนเกลื่อนเมือง.

เป็นหน้าที่ของชาวพุทธแต่ละคนที่ต้องศึกษาเอง.ต้องช่วยเหลือตนเอง.ทีเรียนและศึกษาเรื่องอื่นยังทำได้ เสียเงินค่าเรียนเท่าไหร่ยังยอมจ่ายได้ง่าย ๆ .ทีเรียนเรื่องศีล 5 ข้อ มีอะไรบ้าง.ไม่เสียเงินสักบาทยังทำไม่ได้.ผู้สอนให้ความรู้มีเยอะแยะและไม่มีเงินเดือนอีกต่างหาก.ไม่เห็นวิ่งเข้าหา เพื่อไปเรียนศึกษาในพระธรรม..เป็นเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้น.ตนไม่ช่วยตน.หวังแต่ให้สมเด็จช่วยเพียงฝ่ายเดียวไม่มีทางสำเร็จ..ขนาดหนังสือแจกฟรี ยังไม่อยากรับด้วยซ้ำ.จริงมั้ย..

เจริญในธรรม มีพระพุทธเจ้าในจิตให้มาก ๆ

20-01-2013, 08:40 AM

ที่มา http://palungjit.org/threads/สัญญาณฟ้าเตือนภัยพิบัติ.294356/page-551

 

ในเดือน ก.พ.56 จะมีพายุคอสมิคพัดมายังโลกอีกรอบนึง !!!​

​

Nirvana สมาชิก

น้า Mythi เพิ่งกลับมาจากจักรวาลอื่น เพราะต้องไปช่วยที่นั่นซึ่งเจอปัญหาเดียวกับโลกของเรา (แต่ไม่ยักบอกว่าช่วยแล้วเป็นงัยมั่ง...ฮึ)

มีแฟนเพลงถามว่าขณะนี้มียานรูปปิระมิดมาให้เห็นบ่อยๆทั่วโลก....เกิดอะไรขึ้น น้าบอกว่าเป็นยานของพวก Atonian ซึ่งมาเฝ้าดูระดับความดันภายในโลกซึ่งกำลังถึงขีดสุดที่พื้นผิวโลกจะรับได้ อันอาจจะส่งผลให้มีการเคลื่อนไหวของเปลือกโลก..(จริงๆก็คือ แผ่นดินไหวนั่นแหละ...น้าก็พูดให้งงเล่นๆ...อิอิอิ)

แล้วจะตามมาด้วยว่า เดือนหน้าจะมีพายุคอสมิคมาอีกรอบนึง แต่พวก Pleiadeans จะเฝ้าระวังอยู่ ดังนั้นพวกชาวโลกที่เป็นอาสาสมัครให้เตรียมตัวเอาไว้ เพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ของท่าน

น้ายังบอกด้วยว่าตอนนี้ยังพูดอะไรไม่ได้มากเพราะ CG ขอร้องให้เบาๆหน่อย...อย่าเพิ่งเอ็ดไป เลยต้องหุบปากไว้ก่อนตามคำสั่ง สิ่งหนึ่งที่น่าสนใจติดตามเป็นอย่่างยิ่งก็คือ น้าแกว่าต่อไปดวงอาทิตย์จะไม่ขึ้นทางตะวันออกและตกทางทิศตะวันตก แต่จะตกทางทิศใต้......อ๊ะจ๊าก...

เพราะโลกได้โคจรผ่านเส้นศูนย์สูตรของแกคซี่มาแล้ว และเป็นการถ่วงดุลย์จากดาวเคราะห์ดวงใหม่ที่ชื่อว่า Taus ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับโลกและดวงอาทิตย์ (ดวงนี้ Nirvana เคยแซวว่าน้าแกเอาไว้เล่น "กระดานหกอวกาศ..งัย")

ส่วนดวงดาวอื่นในสุริยะจักรวาลของเรา ก็ได้เปลี่ยนขั้วไปเรียบร้อยแล้ว แต่เรายังต้องระวังการเปลี่ยนแปลงของจิตใจมนุษย์ อันมีผลจากการเปลี่ยนตำแหน่งและจากรังสีคอสมิคที่กระหน่ำเข้ามามากในขณะนี้

เหล่าผู้นำในโลก ได้กระทำขัดต่อข้องตกลงที่ทำไว้กับพวก Pleiadeans ในเรื่องอาวุธนิวเคลียร์ ฉะนั้นต่อไปอาจจะต้องเจอมาตราการรุนแรงกันบ้าง โปรดติดตามชมต่อไป

สรุปก็คือ การเปลี่ยนยังคงมีอยู่ต่อไปก็โปรดติดตามชม ส่วนท่านที่ไม่เชื่อก็คงไม่เชื่อต่อไปอยู่นั่นแหละ.. เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้..

20-01-2013, 04:41 AM

ที่มา http://palungjit.org/threads/ดาวหาง-elenin-nibiru-planet-x-elenin-events.281795/page-79

 

มันเริ่มแล้วครับ​

โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
ขออนุญาตินำมาโพสครับ

​

 

อภิมหาโมทนาสาุธุ กับ ท่านเกษมที่ให้ความรู้ ขอบพระคุณมากค่ะ

 

"เสาดูดพลัง"​

ของเทวราชมาร ได้ติดตั้งเสร็จสมบูรณ์แล้ว !!!​

Pu_narak_ สมาชิก

ระวังเสาดูดพลัง คนกำลังจะคลาน อัมพาตกำลังจะมา

ฮั้วโต๋ สมาชิก

..ครับ..ใครจะคลานดูเอา..คลานแล้วพัฒนาเป็น"อัมพาต".ตายทั้งเป็น..

เจริญในธรรม มีพระพุทธเจ้าในจิตให้มาก ๆ

เกษม สมาชิก

ขอเรียนถามท่านอาจารย์ว่า "เสาดูดพลัง" คืออะไรครับ และจะทำให้คนต้องคลานเหมือนกันหมดทุกคน หรือว่าเป็นเฉพาะคนบางคนครับ

ฮั้วโต๋ สมาชิก

..ครับ.เสาดูดพลังเป็นเสาของเทวราชมารครับ.มีไว้เพื่อดูดพลังของคนปฏิบัติธรรม.รักษาศีลไม่ได้.ทำไม่จริงจังและจริงใจ.หรือลูบ ๆ คลำ ๆ.เมื่อถูกดูดพลังออกไป.ก็ทำให้คน ๆ นั้นหมดแรงอ่อนกำลัง ไม่มีแรงเดินก็ต้องคลาน.เมื่อคลานไม่ได้ก็เป็นอัมพาต ตายทั้งเป็นครับ..

..เป็นเฉพาะคนที่ทำไม่จริง.ปฏิบัติไม่ได้ ศีลไม่ดีพอครับ..เสานี้ตั้งเสร็จสมบูรณ์เมื่อเที่ยงคืนของวันพระ(19 ม.ค.56)ที่ผ่านมาครับ.พร้อมมติเป็นเอกฉันท์และใน 10 ข้อที่อาจารย์นำมาบรรยาย เพื่อให้แสดงความคิดเห็นนั่นแหละครับ..

..ครับ.ค่ำคืนนี้(18 ม.ค.56) มีมติในเรื่องผู้รอดและปลอดภัย.."กรรมเทวราช" มิอาจปล่อยให้ผ่านไปในบางเรื่อง.ในสายตาของมนุษย์บางเรื่องคิดว่าเป็นเรื่องเล็ก.แต่ของสวรรค์ไม่ใช่เรื่องเล็ก.เป็นเรื่องใหญ่และยิ่งใหญ่มาก ๆ...ท่านกรรมเทวราช จัดสรรกรรมกำหนดดังนี้.

1.กรรมปรามาสพระธรรม.
2.กรรมปรามาสพระรัตนตรัย.
3.กรรมปรามาสพระอริยสงฆ์.
4.กรรมปรามาสพระสงฆ์.
5.กรรมอกตัญญูไม่รู้คุณ.
6.กรรมอนันตริยกรรม.
7.กรรมจากกรรมบถ 10 ด้วยเจตนา.รู้เท่าถึงการณ์.และไม่เจตนา รู้เท่าไม่ถึงการณ์.
8.กรรมมิจฉาทิจฐิ มิจฉาปฏิบัติ.คนทุศีล เดียรถีย์.
9.โลภ อาฆาต พยาบาท.โทสะ.
10.พุทธพานิชย์..แอบอ้าง แอบแฝงทุกรูปแบบ.

เจริญในธรรม มีพระพุทธเจ้าในจิตให้มาก ๆ

ที่มา http://palungjit.org/threads/สัญญาณฟ้าเตือนภัยพิบัติ.294356/page-555

 

คุณเกษมอึดจริงๆ โพสท์ภัยพิบัติมาต่ิอเนื่อง 7-8 ปี ยังขยันไม่เลิก เจ้าภัยพิบัติมันก็ไม่มาซักกะที หรือว่ามันเลื่อนไปอีก 50 ปี คุณเกษมจะมีแรงโพสท์ไม๊ครับ

 

อย่าไปปรามาสคุณเกษมนะครับ เดี๋ยวตกนรกไม่รู้ด้วยน๊า

:'''(

 

อย่างช้าไม่น่าจะเกินใน 2 เดือนนี้ !!!​

​

Double Standard สมาชิก

เอาภาพให้ชมกันในยามเย็นของเมืองหลวง ก่อนหน้าซักไม่เกิน 1 นาทีท้องฟ้าเป็นสีแดงมากว่านี้แต่ถ่ายไว้ไม่ทัน ลองดูให้ดีๆจะเห็นว่ามีหมอกด้วย ซึ่งจริงๆหมอกเหล่านี้มีมาก่อนหน้านี้นานหลายเดือนแล้ว และไม่ใช่เป็นหมอกที่เย็น

ฮั้วโต๋ สมาชิก

ครับ.หมอกพิษ.และก็ให้ระวัง.อากาศรอบ ๆ ตัวด้วยครับ.เห็นพลังสีดำหนาแน่นและเข้มมากครับ..

..ภาพสัญญาณฟ้าเมื่อเย็นวันนี้..อาจารย์ยังอัพภาพไม่ได้.เป็นสัญญลักษณ์พลังทำลาย พลังพิษที่ทำให้เจ็บป่วยในทุกรูปแบบ.ส่งมาจากเสาดูดพลังโดยตรง.รวมกับบรรยากาศที่เป็นพิษสีดำจึงเพื่มพลังความรุนแรงเป็นหลายเท่า.ขอให้อยู่ในศีลกินในธรรมกันอย่างมั่นคง ปฏิบัติให้จริง ๆ จัง ๆ อย่าลูบ ๆ คลำ ๆ จะได้ปลอดภัยจากพลังพิษนี้กัน.เพราะเมื่อป่วยแล้ว มีแต่ทิพย์โอสถและบุญรักษา ธรรมะรักษา.ได้เท่านั้น.

เจริญในธรรม มีพระพุทธเจ้าในจิตให้มาก ๆ

Double Standard สมาชิก

พลังสีดำหนาแน่นและเข้มกระจายทั่วกรุงเทพมาได้ซักพักใหญ่ๆแล้ว เชื่อว่ามีหลายๆท่านรู้สึกได้ จิตใจคนเปลี่ยน โลกธาตุเปลี่ยน สมดุลเปลี่ยน จึงต้องมีการปรับสมดุล ผู้แข็งแกร่งเท่านั้นที่จะอยู่รอดพ้นจากการปรับสมดุลครั้งนี้ได้ ปรับได้คงอยู่ ปรับไม่ได้ก็ต้องตายจากไป เป็นไปตามไตรลักษณ์

ฮั้วโต๋ สมาชิก

..ครับ.เข้าใจถูกต้องแล้วครับ.เป็นกำลังใจให้กับทุก ๆ ท่านครับให้รอดและปลอดภัย.จากการปรับสมดุลย์ธาตุในครั้งนี้ครับ..

..การปรับสมดุลย์ธาตุ.ของทางตะวันออก.เริ่มใกล้ได้เวลาใกล้เข้าไปทุกที ๆ.น่าสงสารมากที่สุดคือ คนที่ไม่รู้ในเหตุ..คนที่รู้ในเหตุแต่ไม่สนใจ.ช่างมัน.กรรมจัดสรร.ปล่อยไปตามกรรมนั้น ๆ.เวลามีน้อยจนจะเตรียมตัวไม่ทันการเสียแล้ว..

..ส่วนทางตะวันตก.หลังเสร็จสิ้นทางฝั่งตะวันออก.ถ้าหากว่าเหตุของทางตะวันออก.เกิดขึ้นแล้ว คนยังคิดไม่ได้ คิดไม่ออก.บอกไม่ถูก.ตะวันตกอาจเป็นพื้นที่ต่อไป.หรือพร้อม ๆ กับทางภาคใต้.มาช่วยกันอย่าให้ได้เกิดในทางฝั่งตะวันตกและภาคใต้.และเกาะแห่งหนึ่ง.

เจริญในธรรม มีพระพุทธเจ้าในจิตให้มาก ๆ

pootthabud สมาชิก

กราบเรียนถามท่านอาจารย์ พอจะแจ้งเวลาเป็นช่วงที่กระชับขึ้นได้หรือเปล่าครับ

ฮั้วโต๋ สมาชิก

..ครับ.ถ้าเวลาที่เกิดทราบล่วงหน้าหลายวันก็แจ้งให้ทราบได้ทันการ.แต่ถ้าทราบล่วงหน้าไม่ถึงชั่วโมงเกรงจะแจ้งให้ทราบกันไม่ทัน.ส่วนใหญ่เหตุเกิดในเวลากลางคืนดึก ๆ.ช่วงเวลาที่คนหลับสบาย ๆ.ถ้าในช่วงกลางวันก็ที่ที่มีผู้คนพลุกพล่าน.

เท่าที่อาจารย์สัมผัสได้โดยส่วนตัวนะ.ไม่เกินใน 1 เดือนนี้อย่างเร็ว และอย่างช้าไม่น่าจะเกินใน 2 เดือนนี้.เพราะสัญญาณมาเร็ว ไปเร็วมาก ๆ.รู้สึกวูบแว๊บ.ประมาณนี้.แต่เมื่อใกล้เวลามากกว่านี้.อาจจะรับในสัญญาณนั้นว่าเมื่อใดก็ได้..แล้วอาจารย์จะบอกให้ทราบเป็นระยะ ๆ หากไม่เกินวิสัยครับ..

เจริญในธรรม มีพระพุทธเจ้าในจิตให้มาก ๆ

chunhapong สมาชิก

กราบเรียนถามอาจารย์ ความรุนแรงระดับ 5 นี้เคยเกิดขึ้นในเมืองไทยมั้ยครับ พอจะยกตัวอย่างได้มั้ยครับ จะได้ยกจิตขึ้นไปตั้งรับครับ ขอบคุณครับ

ฮั้วโต๋ สมาชิก

..ครับ.ความรุนแรงในระดับ 4.ในเมืองไทยเคยเกิดเมื่อสึนามิของไทยในครั้งแรก.และ ภัยจากคนก็สงครามโลกครั้งที่ 2.รองลงมาก็ 14 ตุลาครับ.ส่วนในระดับ 3 พายุเกย์ครับ.หรือนากิสต์ถล่มพม่า.สึนามิครั้งล่าสุดของไทยนั้นระดับ 3.ครับ...จากที่ถามมาถ้าในระดับ 5.ของไทยยังไม่เกิด.ของต่างประเทศเกิดขึ้นในหลาย ๆ ประเทศ.

เจริญในธรรม มีพระพุทธเจ้าในจิตให้มาก ๆ

chatmongkon สมาชิก

การปรับสมดุลย์ธรรมธาตุรอบนี้ มีทั้งการจัดสรรให้ทางอ้อม คือการปรับโดยมีธรรมชาติเป็นสิ่งกระทำ และทางตรง คือที่เกิดกับกายมนุษย์โดยตรงใช่ไหมครับ ถ้าอย่างนั้น ถึงแม้เราจะสามารถหลบหลีกการจัดสรรให้ของธรรมชาติ ไปอยู่ ณ ที่ที่ปลอดภัยได้ก็ตาม ไม่ว่าจะด้วยการช่วยเหลือจากผู้อื่น หรือตัดสินใจเอง แต่ก็ไม่แน่ว่าเราจะพ้นจากการปรับสมดุลย์ภายในร่างกายเราได้เสมอไป หมดดาบหนึ่ง ยังมีดาบสองรออยู่ ต่อไปก็คงเป็นดาบสาม ดาบสี่...ฯลฯ

ฮั้วโต๋ สมาชิก

..ครับ การปรับสมดุลย์ธรรมชาติเกิดขึ้นกับธรรมชาติโดยตรง.คือตรงจุดไหนเสียสมดุลย์ธรรมชาติมากที่สุด.ก็ปรับที่ธรรรมชาติตรงจุดนั้น. ผลกระทบจากการปรับสมดุลย์ก็ตกลงที่มนุษย์-สัตว์.ในบริเวณนั้น ๆ ครับ.ตรงนี้คือ การปรับสมดุลย์ธรรมชาติภายนอก..ส่วนของมนุษย์นั้นก็เสาดูดพลัง.

..งานในอริยกิจลับ..การไปบอกเหตุหรือเตือนภัย หรือฝึกสอนการปฏิบัติธรรม.ช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาของกลุ่ม อริยกิจลับและเทพ พรหม เทวดา.ที่จะต้องไปบอกกล่าวให้ทราบกันทาง "ฝันนิมิต"หรือ"นิมิตสมาธิ"..เมื่อท่านใดฝันแล้ว เข้าใจแล้ว จำความฝันนั้นได้แล้ว ให้ปฏิบัติตามเพื่อให้ตนรอดและปลอดภัยได้ทันที.

..อาจารย์เคยบรรยายที่หน้ากระทู้ไว้แล้วว่า ในหลาย ๆ เรื่อง ให้ฝันเอา..หรือแม้แต่การประชุมที่เทวสภาที่ผ่านมา.อาจารย์ก็บอกว่าให้ฝันเอา..เพราะฉะนั้นอย่าสงสัย อย่าลังเลเดี๋ยวเสียผลครับ...

เจริญในธรรม มีพระพุทธเจ้าในจิตให้มาก ๆ

ที่มา http://palungjit.org/threads/สัญญาณฟ้าเตือนภัยพิบัติ.294356/page-557

 

*** นิสัยสัตว์โลก ****

นิสัยของคนบางคน....
สามารถจุดชนวนสงครามได้
สามารถจุดชนวนศึกประลัยกัลป์ได้
เดือดร้อนกันไปทั่ว เพราะนิสัยสันดานสัตว์โลก

เพราะนิสัย ไม่ตัด ไม่ลด
สันดานจึงเป็นเช่นนี้ หาสัจจะอะไรไม่ได้
กรรมของสัตว์โลก ในยุคที่คนไม่เอาศาสนา
ถือแต่ปาก แต่ไม่มีการกระทำ

ตัวกระทำเกิดขึ้นมาแล้ว
ย่อมมีผลตอบแทนแน่นอน
ไม่ว่าจะเจตนา หรือไม่เจตนา
ก็มีผลตอบแทน เหตุผลคือ สัจจะธรรม
หลักเดียวที่มั่นคง

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

สังเกตเหมือนกันที่บ้านหันเกือบจะทิศตะวันตกพอดี ช่วงนี้ผ้าไม่โดนแดดบ่ายเลยแดดมันมาทางทิศตกเฉียงใต้ ยังไม่ใต้ตรงๆ ซึ่งทิศนั้นมีติดตึกบัง เลยว่าเมื่อก่อนเราไม่สังเกตหรือเปล่าว่าเดือนมกราคม แดดมาทางใต้ พอมาอ่าน ใช่เลย

 

ในช่วงฤดูหนาว ประมาณ ต.ค. ถึง มี.ค. ตะวันจะเอียงไปทางทิศใต้
ที่ชาวบ้านเรียกว่า ตะวันอ้อมข้าว ซึ่งจะเฉียงมากที่สุดในช่วง พ.ย. ถึง ม.ค.
พอในช่วง ก.พ. - ช่วงมี.ค. ตะวันก็จะเริ่มยกกลับคืนขึ้นเรื่อยๆ และ
เข้าสู่สภาวะปกติในช่วง เม.ย. ครับผม เป็นวัฏจักรอย่างงี้ทุก ๆ ปีครับ

ปล.แค่การสังเกตุอันสืบเนื่องจากการสงสัยส่วนตัว ไม่มีหลักวิชาการประกอบครับ

 

คุณเกษม จะโพสจนกว่าจะหมดลม

 

... ทำอะไรไม่ได้ ก็พุทโธ พุทโธ ติดลมหายใจเข้าออกใว้ก่อนล่ะ ...
เพราะก็เตรียมตัวดีที่สุดแล้วครับ ท่านที่เมตตาตักเตือนและบอกเล่า ผมจับเจตนาเป็นหลักนะ ถูกไม่ถูก"เฉพาะตัวผมเอง"ไม่ว่ากันสักนิด เพราะคิดเองไปตามประสาใจตัวว่าท่านคงเจตนาดี ... ก็อนุโมทนาในเจตนาดีเหล่านั้นครับ หากไม่เกินกฏแห่งกรรมนะ ...

ส่วนใครอยากด่าก็ด่าไป เพราะเป็นกรรมของคนด่า ก่อนด่าก็ต้องสรรหาคำที่จะเอามาด่าเอามาเสียดสีเขา ตอนด่าก็เอาคำที่สรรหามาแล้วนั้นกล่าวผ่านช่องปากออกมา ด่าแล้วเกิดสะใจ จิตหวั่นไหววูบวาบร้อนเนื้อร้อนตัวอย่างไร คนชอบด่ารึคนแอบด่าก็คงรู้ดีเองล่ะ ... ดูๆนี่จะเห็นกรรม จากกระบวนการจ้องจะด่า หรือด่าไปแล้วได้ชัดเจนนะ ว่าจิตใจเขาเศร้าหมองไปโดยตลอดกระบวนการด่า ไม่เห็นเจริญตรงไหนเลย ...

พิจารณากันเอา หากทำอะไรแล้วไม่เกินศีล ไม่ผิดธรรม จิตใจไม่เศร้าหมอง ไม่ต้องมานั่งเดือดเนื้อร้อนใจในภายหลัง และเป็นประโยชน์ไปในสาธารณะชน ก็ควรพิจารณาทำสิ่งต่างๆเหล่านั้นได้ครับ ...


ก็ยินดี และขอชื่นชมคนดี และขอบคุณคนชอบด่าทั้งคนแอบด่าทุกๆคนเชียว(สำหรับผม) ไม่ว่าอะไรกัน
และไม่มีปัญหาอะไรกัน ภัยจะเกิดหรือไม่ก็ท่านก็ต้องตายกันเรียบทุกคนแหล่ะครับ รวมทั้งตัวผมด้วยล่ะ
แต่ดีชั่วบุญบาปที่ทุกๆคนทำแล้วนั้นน่ะ มันไม่ตายไปกับท่านด้วยนะครับคิดเอา พิจารณาเอา ขบเอา น้อมนำมาดูเอา ใจจะได้ประเสริฐสมฐานะมนุษย์
อันนี้กล่าวเป็นกลางๆนะ ไม่ได้จะว่าใคร ใครท่านใดๆจิตใจหวั่นไหวไปมากมาย ก็ขออภัยนะ ... ท่านก็ไปพิจารณาปฏิบัติธรรมเพิ่มเติมกันเอาครับ

^_^
_/\_