พลาดแล้วหมดโอกาศ นี้หรือเมืองพุทธ

ผมเองเป็นผู้มีเชื้อ Hiv ละกินยาต้านมาได้ 4-5 ปีแล้ว ตอนนี้ผมอายุ 41 ปีรางกายปกติไม่เจ็บไม่ป่วยมีงานทำ พ่อแม่เสียหมดแล้วมีแต่พี่สาว 1 คน ตอนนี้ถือศิล 5 และอยู่คนเดียวกลับถืงบ้านก็เปิดเน็ตหาฟังธรรมมะไปเรื่อย เคยไปศึกษาการปฏิบัติธรรมที่วัดหลวงพ่อจรัญ เวลาผ่านไปหลายเดือน ก็ปฏิบัติธรรมอยู่ที่บ้าน เคยเป็นคนติดเกมส์ เทียว สูบบุหรี ก็เลิกหมด ก็มีเวลาอ่านหนังสือศึกษาคำสอนต่างๆจากพระหลางองค์ รวมทั่งของหลวงปู่มั้น ตอนนี้ผมมีศรัทธามาก อยากที่จะออกบวชศึกษาพระธรรมคำสอนและปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน เลยลองไปติดต่อหลายวัดเพื่อขอบวช แต่ละวัดก็ขอเอกสารใบรับรองแพทย์กันหมด ใบรับรองแพทย์ไม่ว่าขอใบรับรองตรวจเลือดอีก ไปวัดหนึ่งยังไม่ทันไรบอกถ้าจะบวชนานยังไม่รับ จริงๆแล้วจะบวชที่ไหนก็ได้ อยู่ที่ใจเราว่าจะปฏิบัติได้ขนาดไหน ส่วนตัวผมคิดว่าจะทำให้ดีที่สุด อย่างน้อยจะไม่ให้ใครมาว่าได้ ว่าขอข้าวคนกินไปวันๆ ผมเข้าใจว่าการปฏิบัติธรรมสามารถทำที่ไหนก็ได้ไม่ต้องบวชก็ทำได้ แต่ถ้าได้บวชได้จะทำได้ดีกว่ามาก เพราะมีเวลาทำ สถานที่ก็อื้ออำนวย ผมไม่รู้จะทำอย่างไร พอจะมีวัดไหนรับผมบวชได้บ้างครับ:'(

 

การปฏิบัติไม่จำเป็นต้องบวชครับ บวชจิตก็ได้ อยู่บ้านปฏิบัติธรรม ในกรณีของคุณผมแนะนำว่าอย่าบวชเลยครับ....

 

(ในกรณีของคุณผมแนะนำว่าอย่าบวชเลยครับ)
อยากทราบว่าเพราะอะไรครับ
ในความคิดผม ไม่อยากบวชตอนแก่ เพราะจะปฏิบัติได้ไม่ไหว
อย่างไรก็ดีผมไม่ยึดติดแล้วครับ แต่อยากทราบความคิดคนอื่นบ้าง
ขอบคุณมากครับ

 

ึนึกถึงพุทโธทุกขณะจิต ตัดขันธ์ 5 ได้ อยู่ที่ไหนก็สำเร็จได้

 

มันไม่ได้เกี่ยวกับพลาดหรอกครับ
โรคบางอย่างเป็นโรคต้องห้ามในการบวชนะครับ ซึ่งเป็นพระวินัยในตั้งแต่สมัยพุทธกาลนะครับ
แต่โรคที่ท่านเป็นนั้นยังไม่ได้มี บัญญัติเป็นพระวินัยเพราะสมัยนั้นไม่มีโรคนี้นะครับ อีกอย่างโรคนี้ถ้าอยู่ในระยะสุดท้ายแล้วมันจะลำบากในเพศนักบวชนะครับ(ไม่เอื้ออำนวย)
อีกอย่างการเป็นฆราวาสแบบท่าน ก็สามารถที่จะรักษาศีล ๕ ศีลอุโบสถได้นะครับ จะสะดวกกว่าบวชนะครับ และสามารถเป็นปัจจัยเกื้อหนุนให้ได้นิพพานสมบัติ ในอนาคตกาลได้นะครับ
ลองศึกษาชาดกพุทธประวัติของพระพุทธเจ้าดูนะครับ บางพระชาติไม่สามารถที่จะบวชได้ พระองค์ก็ทรงรักษาศีล ๕ ศีลอุโบสถ นะครับ
เป็นกำลังใจให้นะครับ

 

อย่าเอาอะไรจากศาสนาพุทธ มากไปกว่าธรรมะแก่นแท้ เลย...
หากไปบวชแล้ว ก่อนที่จะละร่างกายนี้ไป ก็ต้องแสดงอาการต่างๆ ออกมา จะเป็นที่ครหาโดยผู้ที่ไม่รู้ จะยิ่งทำให้ภาพลักษณ์ของศาสนาผิดเพี้ยนไปมากกว่าเดิม

ปฏิบัติธรรมตามแนวทางคำสอนของพระพุทธองค์ เพื่อเป็นพระ ที่ไม่ต้องห่มผ้าเหลือง ดีกว่าครับ

 

ขอขอบคุณทุกความเห็นครับ

 

ถ้าในทางวัดแถวต่างจังหวัดก็พอมีให้บวชได้บ้างเป็นบางพื้นที่ครับ
แต่ถ้าเป็นวัดใหญ่ ๆ ดัง ๆ จะต้องมีใบรับรองแพทย์ แล้วก็ผลตรวจเลือดครับ

เข้าใจในความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะบวชนะครับ แต่ทั้งนี้ก็ด้วยหลายเหตุปัจจัยที่ไม่เอื้ออำนวยน่ะครับ
และด้วยสภาพร่างกายที่หมดแรงนี้ ย่อมทำกิจของสงฆ์ไม่สะดวกหรือบกพร่องได้ครับ
เช่น การเดินบิณฑบาตรหลายๆ กิโล การนั่งสวดมนต์นานๆ การปัดกวาดวิหารลานวัดฯ

จริง ๆแล้วในสมัยพุทธกาลก็มีอยู่หลายท่านที่ไม่ได้บวช แต่ก็บรรลุโสดาปัตติผลได้นะครับ
ธรรมะมีอยู่ทุกที่ครับ คุณพี่บวชใจ ใจคุณพี่ก็บริสุทธิ์ รักษาศีล ปฏิบัติธรรมอยู่ที่บ้านก็ได้ครับ
ขอเป็นกำลังใจให้คุณพี่ และขออนุโมทนาด้วยนะครับ

 

มีนะที่พ่ออาจารย์สินธพ ดอยไซ

 

เคยฟังธรรมหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ท่านบอกข้างบนที่เป็นพระโสดาบันมีทั้งพระ ทั้งฆราวาสครับ

 

เชื่อเถอะครับ อย่าไปสนเรื่องว่าบวชหรือไม่ได้บวชเลยครับ
ศีล 5 รักษาให้บริสุทธิ์
ปฏิบัติเข้าไว้มาก ๆ
พยายามมองเห็นทุกข์ เข้าใจทุกข์ และละวางมันให้ได้นะครับ
ส่วนถ้าเราเองไม่ได้บวชก็พยายามไปเป็นเจ้าภาพบวชพระ สามเณร ที่ไหนเขามีบวชพราหมณ์ถ้ามีโอกาสก็ไปร่วม หรือไม่ก็ถ้าไม่ได้ไปก็ร่วมช่วยปัจจัยก็ได้ครับ
ไม่ต้องสนใจนะครับ อาจจะแค่เสียดาย แต่ไม่เป็นไรครับ คิดมากไปหม่นหมองเปล่า ๆ ครับ

 

พระวินัยบัญญัตินั้น หากล่วงเสียตั้งแต่แรกแล้ว ก็ไม่มีผลดีอะไรเพราะเป็น"โมฆะ"แต่แรกแล้ว....ทั้งผู้บวชให้ก็เป็นเพียงโมฆะบุรุษผู้ไม่นับถือหรือศรัทธาในพระพุทธเจ้า จึงไม่เห็นความสำคัญของพระวินัย..ไม่ควรเลย

หลายท่านตอบชัดเจนดีแล้ว ผู้ถามพึงพิจารณาด้วยดีครับ ขอให้เจริญในธรรมสามารถบรรลุถึงฝั่งพระนิพพานได้ด้วยความสะดวกราบรื่นรวดเร็วครับ..

ขออนุโมทนาสาธุการยิ่งในการตั้งใจประพฤติศีล

 

ลองไปหาอ่านดูเพิ่มเติมซิครับ ว่า คนที่ห้ามบวช มีอย่างไรมั้ง เหมือนห้ามคนที่เป็นโรคบวชนะครับ ที่ จขกท เป็น เหมือนจะเป็น โรคเรื้อรังที่รักษาไม่หาย
มีทางเดียวก็ต้องรักษาให้หายแล้วถึงไปบวชได้

 

ทำไมต้องไปบวชด้วย
ถ้าอยากบวชมากนัก
ก็ลองฝึกหัดความเป็นพระให้เกิดมีขึ้นในตนก่อนสิ
อยู่ที่บ้านก็ทำได้ ลองพิจารณาดูธรรมวินัยให้ดี
แล้วลองนำไปปฏิบัติดู อย่างนี้ไม่มีใครมาห้าม ไม่มีใครจะมาขัดขวางได้
พระพุทธท่านไม่เคยห้ามไม่ให้ใครปฏิบัติธรรมเพื่อมรรคผลเลย

 

ขอขอบคุณทุกท่านที่แนะนำและหวังดี ทั้งท่านที่เขาใจ hiv กับโรคเอดส์มันต่างกัน ก็คงจะเป็นเหมือนโรคมะเร็งแรกเริ่มกับมะเร็งระยะสุดท้าย นอกเสียจากจะทำให้เชื้อมันหายไป ถึงบวชได้ก่อน อายุ 60 หรือไม่งั้นก็รอชาติหน้า ผมยังคงพอมีเวลาอีกไม่เกิน 7 ชาติ ผมเชื่ออย่างนั้นจริง เพราะวัฏฏะนี้ผมพอแล้ว ขอให้ทุกท่านเจริญในธรรมครับ

 

บวชใจ เลยครับ หนับหนุนๆๆๆๆ
และก็ ขอส่งแรงใจเชียร์ ให้ วาง กายใจ ได้ไวที่สุดนะครับ
เอามันให้ได้ในชาตินี้เลย ให้ถึงที่สุดแห่งทุกข์เลย ^^!

 

ขอบคุณมากครับ ผมจะพยายามให้มากที่สุด ตอนนี้ทำได้คือ ถือศิล 5 ไปวัดทำบุญในโอกาสที่เอื้อเช่นวันพระตรงกับวันหยุด และปฏิบัติกรรมถาน แนวหลวงพ่อจรัญ สวดมนต์ก่อนนอนอยู่ที่ห้อง ตอนนี้ผมก็รู้สึกปล่อยว่างความอยากบวชแล้ว ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ขอให้ทุกท่านเจริญในธรรมครับ