ท่านใดมีประสบการณ์เฉียดตายและวิธีการตั้งกำลังใจแบบใดช่วยแชร์ธรรมทานด้วยค่ะ ^/\^

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย ฟาฟา, 10 มกราคม 2013.

  1. แพรแพร

    แพรแพร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    144
    ค่าพลัง:
    +638
    เคย จมน้ำจะตายอยู่สองสามครั้ง กำลังจะหมดลมก็มีคนมาช่วย เที่ยบกับความรูสึกกลัวตายยาวๆไม่ได้เลย คือโดนเพื่อนตื้อคะยั้นคะยอให้ไปส่งอยู่ที่ๆนึง เพื่อนบอกว่าไม่ไกลมากไปแป๊บเดียวก็กลับ เดี๋ยวจะมีเพื่อนอีกคนมารับเป็นผู้ชาย แต่เราไม่รู้จักหรอกคะเป็นเพื่อนของเพื่อนคนนี้อีกที ก็อัดมอไชด์ซ้อนสามไปกับเพื่อน คนขี่เป็นผู้ชาย เพื่อนนั่งกลางเรานั่งท้าย ตอนนั้นเย็นมากแล้วกำลังจะค่ำ มันบอกไม่ไกลๆ ที่ไหนได้ ไกลชิบหายเลย 555 พอเสร็จธุระก็มืด เอาละสิ เพราะทางเปลี่ยวมาก ยังกะเมืองผีเลยไม่มีรถสักคัน มีแต่ป่า กลับก็กลัวโดนฉุดข้างทาง จะทำไงห่วงพ่อกับแม่สุดชีวิตเลย คิดไปสาระพัด ถ้าเราตายพ่อแม่เราจะทำยังไง สงสารท่านมากๆ ก็เลยด่ามันเป็นชุดว่าไหนว่าไม่ไกลไง เพื่อนก็จ๋อย บอกไม่รู้ว่ามันจะไกลขนาดนี้ ตอนขากลับนี่สิ ทรมานสุดๆเพราะมันไกล แล้วคนขับมอไซด์ก็ขับไวมากกกกกกกกกก ซ้อนสามด้วย ก็คิดว่าไม่โดนฉุดตายก็รถคว่ำตาย ขี่เร็วแบบี้ ถ้าล้มก็ต้องตายลูกเดียว บอกเค้าขับช้าๆเค้าก็ไม่ฟัง จะโดดลงรถกลับคนเดียวก็กลัวโดนคนมาข่มขืนก็ต้องโดนฆ่าตายอยู่ดี ก็ไม่มีทางเลือกเลยต้องยอมซ้อนสามต่อ ระหว่างทางก็คิดถึงพระกับแม่สลับกันอย่างเดียวเลย ขอให้รอดเพราะตายไม่ได้ ห่วงแม่ห่วงพ่อ ชีวิตตัวเองก็ห่วงแต่ห่วงไม่เท่าแม่เลย ระหว่างทางรู้สึกยาวนานมากเลย คิดถึงแม่ว่าแม่จ๋าอย่าให้ลูกเป็นอะไรจะกลับไปอยู่กับแม่ อธิษฐานคุณพระพุทธสลับกันตลอดทาง กลับถึงบ้านปลอดภัยแล้วไม่ไม่ทำอะไรประมาทแบบนี้อีกเข็ดไปอีกนานเลยคะ
     
  2. NONGLLL

    NONGLLL เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2011
    โพสต์:
    90
    ค่าพลัง:
    +427
    เวลาออกจากบ้านไม่ว่าจะไปไหนจะไกล้หรือไกลผมจะภาวนา อิติปิโส หรือ ไม่ก็ มงกุฏพระพุทธเจ้าไว้ในใจตลอดเลยครับ ภาวนาแบบนี้ไปเลื่อยๆบ่อยๆ พอออกไปไหนเราไม่ต้องกำหนดเองเลยครับ จิตมันจะท้องขึ้นมาเองเลย เวลาท่องก็จะทำให้เราจิตใจเรา สงบ ไม่วุ้นวาย มีสติ อยู่กับตัวครับไม่ว่าเจอเรื่องอะไรในใจของเราก็ยังเกาะติดในธรรมตลอดครับผม
     
  3. marine24

    marine24 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    2,223
    ค่าพลัง:
    +15,632
    ผมเคยเป็นทหารประจำการชายแดนด้านเขมรและภาคใต้ ท่องคาถา "อิทธิฤทธิ์" ของหลวงปู่ปานวัดบางนมโค อยุธยา ท่องตลอดเวลาที่ออกทำงานลาดตระเวน กวาดล้างข้าศึก รอดจากการถูกดักซุ่มโจมตีและเหยียบกับระเบิดหลายครั้ง(เพราะแฟนบอกต้องกลับมาให้ได้ห้ามเป็นอะไรไป (one-eye)) บางครั้งเวียตนามวางดัก 4 ลูก ผมเดินข้ามไม่เหยียบสักลูกเลย แต่ที่รู้มีระเบิดดักอีก 3 ลูก เพราะทหารพรานเดินสวนกับผมไปเหยียบกับระเบิด ขาหัก พอตรวจค้นเจออีก 3 ลูกห่างกันแค่ 1เมตรกว่า หรือเดินข้ามกับระเบิดที่ผู้ก่อการร้ายวางดัก เมื่อเดินข้ามไปแล้ว สายไฟก็ดันใบไม้ที่เขาวางกลบกับระเบิดไว้โผล่ขึ้นมาให้เห็น ทหารแบกปืนกลM 60 เดินตามหลังผมเห็นจึงบอกให้ระวังกับระเบิด
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 มกราคม 2013
  4. ฟาฟา

    ฟาฟา ฟาฟา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    553
    ค่าพลัง:
    +2,617
    อนุโมทนาบุญด้วยค่ะ ถ้าจะกรุณาสงเคราะห์ บท "อิทธิฤทธิ์" ไว้ด้วยก็จะดีกับเหล่าสาธุชนทั้งหลายนะคะ สาธุด้วยเจ้าค่ะ ^/\^
     
  5. marine24

    marine24 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    2,223
    ค่าพลัง:
    +15,632
    คาถาอิทธิฤทธิ์ หลวงปู่ปาน วัดบางนมโค เสนา อยุธยา
    ตั้งนะโม 3 จบ
    "พุทโธ พุทธัง นะกันตัง อะระหังพุทโธ นะโมพุทธายะ" 3 จบ

    ถ้าขณะปะทะกับข้าศึกศัตรู ให้ท่องสั้นๆว่า " อุทธัง อัทโธ นะโมพุทธายะ"

    (ผมท่องไปยิงไป แต่ไม่ทราบว่ายิงถูกข้าศึกหรือไม่ แต่วางกับระเบิดดักข้าศึก เข้าใจว่ามีข้าศึก ทหารเวียตนาม โดนกับระเบิดที่ผมวางดักไปหลายคน ตอนนี้ใช้หนี้เศษกรรมอยู่ เพราะตอนนั่งสมาธิเขามาทวงหนี้หลายราย ทั้งบาดเจ็บ พิการ ตาย หลวงพ่อท่านหนึ่ง ผมหนักหน่อยกว่าจะสำเร็จได้ เพราะรบทัพจับศึกมามาก)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 มกราคม 2013
  6. makcloud

    makcloud เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2009
    โพสต์:
    424
    ค่าพลัง:
    +535
    ยากนะครับ ผมเคยรถล้ม จมน้ำ แต่ในวินาทีนั้น นึกไม่ออกหรอกครับ สมองเบลอ ตาเห็นแต่พื้นกับท้องฟ้า จมน้ำก็กวักน้ำอย่างเดียว นึกถึงใบหน้าพระพุทธเจ้าก็ไม่ทัน นึกถึงบทสวดก็ไม่ทัน หรือแม้แต่นึกถึงหลวงพ่อที่เคารพก็ไม่ทัน ได้แต่สวดมนต์ก่อนไปไหนมาไหนเท่านั้น แล้วก็อธิฐานให้การเดินทางปลอดภัย
     
  7. ฟาฟา

    ฟาฟา ฟาฟา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    553
    ค่าพลัง:
    +2,617
    อนุโมทนาค่ะ สาธุ ^/\^
     
  8. pinrat

    pinrat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    780
    ค่าพลัง:
    +1,235
    เคยไป แกะโฟม รูปนางอัปสร ครับ ที่ โรงละครแห่งนึง ตอนนี้ปิดตัวไปแล้ว
    กริยาที่ ลุ่มล่าม ไม่มีสัมมาคาระวะ สูบบุหรี่ แถม พูดจาทะลึ่งตึงตัง อยู่ดีๆ รู้สึก
    สังหรใจแปลกๆ ไม่รู้อีท่าไหน ขยับตัวดันหกล้ม ไปทับเหล็กแทงทะลุขา เดินไม่ได้อยู่
    3 เดือน แถมถูกพ้นสภาพจากการเป็นพนักงาน เพราะทำงานไม่ได้ ตอนนั้นเหมือนตายทั้งเป็นครับ เดินไม่ได้ ตกงาน:':)':)'(
     
  9. minitata

    minitata เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    41
    ค่าพลัง:
    +146
    สาธุอนุโมทนาบุญด้วยค่า _/\_ หนูผู้ซึ่งด้อยประสบการณ์ พอได้อ่านแล้วก็ทำให้เป็นสิ่งกระตุ้นเตือนใจอย่างที่พี่ว่า คนดี บุญรักษา ยิ่งเห็นเป็นตัวอย่างที่ดีแบบนี้แล้ว ยิ่งอยากทำบุญทำกุศลเยอะๆ ไม่ใช่ว่าหวังผลอะไร แต่มันก็ดีแก่ตัวเรา ใจก็เป็นสุข ขอบพระคุณที่คุณพี่ได้มาแชร์และเล่าสู่กันฟังนะคะ ><
     
  10. ศุภกร_ไชยนา

    ศุภกร_ไชยนา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    627
    ค่าพลัง:
    +1,122
    ผมเคย เหมือนโดนสัมพเวสีแกล้ง

    เดินทางจากเชียงรายกลับเชียงใหม่ ทางตรงๆ รถไม่ค่อยมีเพราะเช้ามืด มีสุนัขสีขาววิ่งข้ามถนน ข้ามจนพ้นแล้ว

    อยู่ๆพอรถจะผ่านไป มันกลับวิ่งตัดหน้ารถแบบ ตั้งใจมาชนรถเลย

    แฟนผมขับรถละเกิดตกใจคุมสติไม่อยู่ รถชนหมา แฟนเหยียบเบรก รถหมุน

    ผมรู้ตัวเลยว่าฝั่งผมคนนั่ง ต้องไปชนกับต้นมะขามแน่ๆ ละก็ชนจริง ผมรู้ว่าจะชนเลยเอียงตัวมาทางคนขับจึงไม่เป็นไรมาก

    แต่ที่แปลกคือ

    1. หาซากสุนัขไม่เจอ
    2. บริเวณที่สุนัขพุ่งออกมา เพิ่งมีคนเอารถไปชนละกำลังจะเผา
    3. ชาวบ้านแถวนั้นบอก เกิดเหตุบ่อย ที่นี้
    4. หลังจากรถชนต้นไม้ แฟนผมเห็นสุนัขตัวนั้นเดินมามอง ละเดินจากไป จากนั้นก็ไม่เห็นอีก

    ตั้งสติไม่ทันเลย หากตายตอนนั้นไม่รู้จะเป็นยังไง
     
  11. ...คนสู้กรรม...

    ...คนสู้กรรม... เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    360
    ค่าพลัง:
    +967
    เคยครั้งนึงครับ... (หมายถึงที่เฉียดตายนะครับ) ตอนนั้นเรียนอยู่ชั้น ปวส.1 ผมเรียนแผนกบัญชี ก็เรียนในวิทยาลัยเทคนิคแหละครับ ในห้องผมก็จะมีผู้หญิงซะส่วนมาก ผู้ชายมีทั้งหมดแค่ 6 คนเอง เลยต้องจับกลุ่มกันไว้ เวลาไปไหนมาไหนก็จะไป 6 คน ถ้าไม่มีใครติดธุระอะไรก็จะอยู่รวมกันเสมอ มีผู้หญิงในห้องอยู่ด้วยบางครั้ง ก็เป็นธรรมดาของผู้ชายที่เรียนพาณิชย์แหละครับ

    แต่ด้วยความที่เรียนเทคนิคนี่แหละ มันไม่มีได้มีแค่พาณิชย์อย่างเดียวครับ เพราะมีแผนกช่างอีก 6 แผนก (ก่อสร้าง ยนต์ กล เชื่อม ไฟฟ้า อิเล็กฯ) ก็เลยเป็นที่มาของเหตุการณ์เฉียดตาย (+ วันมหาซวย) ของผมแหละครับ

    วันนั้นผมกับเพื่อนก็นั่งคุยกันที่โต๊ะหินอ่อน หลังตึกแผนกกันตามปกติ เพราะเป็นเวลาพักเที่ยง กินข้าวเสร็จก็จะมานั่งทานน้ำหวาน ทานขนม ทานผลไม้กันตรงนี้ประจำ พอของกินหมด แต่คนบนโต๊ะยังไม่อิ่ม พวกผู้ชายก็จะมีหน้าที่ เดินไปซื้อจากข้างรั้ววิทยาลัยครับ ประจวบเหมาะ พวกสาวๆอยากกินผลไม้ดอง ผมกับเพื่อนอีกคนเลยต้องลุกไปซื้อมาให้ โดยคนอื่นก็นั่งอยู่บนโต๊ะ รอการประเคนผลไม้ดองจากผม

    ผมกับเพื่อนเดินไปที่ข้างกำแพง ก็เห็นกลุ่มเด็กช่าง (ไม่ทราบว่าแผนกอะไร) ยืนจับกลุ่มกันที่ริมกำแพง มองดูคร่าวๆก็น่าจะประมาณ 20-30 คนได้ ผมกับเพื่อนก็พยายามไม่สนใจ เพราะไม่ใช่เรื่องของเรา และเดาว่าน่าจะเป็นเรื่องทะเลาะวิวาทแน่ๆ เลยไม่ได้สนใจอะไร แต่ไม่นานก็มีเด็กช่างอีกกลุ่ม พากันขี่มอร์ไซต์มา พวกกลุ่มนี้ก็เดินปรี่เข้าไปหา แล้วก็ตามฟอร์มครับ... "มันตีกันอีกแล่ว..ว..ว"

    ผมกับเพื่อนอยู่ด้านในกำแพง จึงคิดว่าไม่น่าจะโดนลูกหลงได้ (กำแพงเป็นลักษณะเหล็กเชื่อม ฐานเป็นกำแพงอิฐฉาบปูน ความสูงฐานประมาณ 1 เมตร รวมเหล็กเชื่อมที่ยื่นออกมา จะสูงประมาณ 2 เมตร มีช่องมากมาย ส่วนมากเด็กที่อยู่ข้างใน จะซื้อของผ่านรั้วนี้ ซึ่งเป็นร้านรถเข็นมาจอดกำแพงด้านนอก คนในวิทยาลัยนี้ เรียกว่า "ร้านกรงแดง") ก็เลยยืนดูเหตุการณ์อย่างใจจดใจจ่อ ในขณะที่พวกแม่ค้าต่างก็ก้มหลบกันวุ่นวาย พวกนักศึกษานอกกำแพงพากันหาที่หลบ หรือไม่ก็เข้าเขตกำแพงด้านใน

    ดูไปซักพัก ผมก็ได้ยินเสียง "ปุ..." ดังอยู่ในหัว จำได้ว่าผมมึนตึบ ดวงตามันพร่าไปหมด มองอะไรก็มืดๆหม่นๆ หูเริ่มดับฟังอะไรไม่ค่อยได้ใจความ แล้วตัวผมก็ค่อยๆเอนลงไปนอนกับพื้น รู้สึกเหมือนตัวผมถูกลากถอยหลัง ในสภาพกึ่งนั่งกึ่งนอน ซึ่งมารู้ทีหลังตอนที่ได้สติแล้วว่า ผมโดน "อิฐมอญ" (อิฐสีส้มๆ แดงๆ) ที่ดูแล้วใหญ่และหนากว่าที่เคยเห็นทั่วไป ที่ลอยมาจากนอกกำแพงกระแทกหัวผมจังๆ บริเวณขมับด้านขวาเหนือใบหู เลือดอาบหัวผมและผมก็หน้ามืดไป เพื่อนต้องลากผมออกมา แล้วอุ้มไปห้องพยาบาลของวิทยาลัย อาจารย์ประจำห้องนั้นก็ออกรถ พาผมไปสั่งที่โรงพยาบาล เพราะตอนนั้นผมเสียเลือดมาก

    ผมคิดอะไรไม่ออก นอกจากนึกถึงพ่อและแม่ แต่พยายามกำหนดลมหายใจตลอดเวลา ทั้งๆที่ไม่รู้สึกอะไรแล้ว มันตื้อไปหมด มันหม่นไปหมด แต่ก็พยายามตั้งสติและหายใจไว้ตลอด แล้วเหมือนเป็นเวลาที่นานมาก ทั้งๆที่ตลอดการรักษา (เย็บแผล + รมแอมโมเนีย) ใช้เวลาไม่นาน แต่ผมรู้สึกเหมือนมันนานเป็นวัน จำได้ว่ารักษาเสร็จไม่นานผมก็หลับไป ย้ำว่าหลับ รู้ตัวเลยว่าหลับ อาจจะเพราะความอ่อนเพลียจากการเสียเลือดมากก็ได้

    พอผมฟื้นอีกทีก็มานอนที่บ้านแล้ว ทราบข่าวว่าอาจารย์เป็นคนโทร แจ้งให้แม่ผมมารับกลับบ้าน เพราะสภาพนี้ไม่สามารถเข้าเรียนในคาบบ่ายได้แล้ว แม่มานั่งใกล้ๆผมที่ข้างเตียง คอยแกว่งยาดมที่จมูกผม พอผมฟื้นแม่ก็ถามว่า "เจ็บแผลมั๊ย... เดี๋ยวลุกมากินข้าวนะ จะได้กินยา" ผมปวดหัวเหมือนจะอ้วกอยู่ตลอดเวลา และเจ็บแผลมากๆ แม่บอกว่าโดนบริเวณเส้นเลือด เลยหายปวดช้าหน่อย และเริ่มมีการอักเสบของแผล พอผมพักฟื้นจนดีขึ้นแล้วผมก็ไปเรียน พร้อมกับผ้าปิดแผลที่มีเลือดซึมออกมา เพื่อนผมพาไปชี้จุดเกิดเหตุ เห็นอิฐเจ้ากรรมก้อนนั้นที่เพื่อนผมยืนยันว่า ก้อนนี้แหละที่ทำผมน็อคไป ที่พื้นยังมีคราบเลือดเป็นจุดๆอยู่เลย มันบอกว่าช่วงที่ข้างนอกเขามั่วกัน อิฐก้อนนี้มันโด่งข้ามกำแพงมา ไม่รู้ว่ามาจากใคร คงเป็นอาวุธของพวกข้างนอกที่หยิบมานั่นแหละ เพราะด้านนอกกำแพงมีการก่อสร้างตึก แต่มันคงปาพลาด หรือไม่ได้เล็งก็ไม่ทราบได้ หวยเลยมาถูกที่ผมคนเดียว...

    แล้วมันก็ติดตา และเป็นเรื่องฝังใจครับ เวลาเจอคนทะเลาะกัน หรือตีกัน ผมต้องถอยออกมาไกลๆ กลายเป็นคนกลัวลูกหลงไปโดยอัตโนมัติ จนถึงทุกวันนี้แหละครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 18 มกราคม 2013
  12. marine24

    marine24 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    2,223
    ค่าพลัง:
    +15,632
    พระและครูสอนสมาธิ ท่านให้กำหนดจิตทรงสมาธิตลอดเวลา แต่ถ้าหลงลืมไปชั่วขณะให้กำหนดจับลมหายใจ เข้า - ออก ตลอดเวลา และเมื่อจิตเข้าสู่ระดับฌาน ก็ให้อธิษฐานให้เป็นวสี (ให้เป็นอารมณ์เคยชินติดไว้ตลอด) และเมื่อใดที่นั่งสมาธิ หรือกำหนดอารณ์ ก็ขอให้เข้าสู่สภาวะธรรมที่เป็นวสี จะทำให้จิตเราเข้าสู่สมาธิอย่างรวดเร็ว ขณะขับรถ ผมจะเปิดเทปฟังบทสวดมนต์ หรือกำหนดทรงอารมณ์ตลอดเวลาขับรถ หรือเล่นกสิณลม(ใช้ในการเดินทางให้ทันกำหนดเวลา) อธิษฐานให้ไปถึงที่หมายตามกำหนดเวลาและแคล้วคลาดจากอันตรายทั้งปวง และขับรถจะทำให้เรามีความระมัดระวังตัวตลอดเวลา ไม่อยู่ในความประมาท ไม่หลับใน
    ก่อนขับรถไปที่ใด (นั่งรถโดยสาร เครื่องบิน ไปเรือ) ควรอธิษฐานจิต แผ่เมตตาให้เทวดา เปรต เจ้ากรรมนายเวร สรรพสัตว์ทั้งหลายเหล่าสัมภเวสี วิญญาณเร่ร่อน ตลอดเส้นทางที่เราผ่านไป ขอให้ได้บุญกุศลที่เราสร้างทำมา ขอให้เขามีความสุขและขอให้คุ้มครองเราตลอดเส้นทางที่ไป (เขาเรียกกันว่า การเบิกทาง)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 มกราคม 2013
  13. ฟาฟา

    ฟาฟา ฟาฟา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    553
    ค่าพลัง:
    +2,617
    อนุโมทนาค่ะ สาธุ ^/\^ นึกถึงตอนคุณแม่นั่งข้างๆเตียงแล้วน้ำตาจะไหลค่ะ คุณแม่คงห่วงคุณลูกมากๆ
     
  14. ฟาฟา

    ฟาฟา ฟาฟา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    553
    ค่าพลัง:
    +2,617
    สาธุค่ะ ^/\^
     
  15. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,552
    ค่าพลัง:
    +18,998
    ไม่ถึงที่ตาย ไม่วายชีวาวาต...ผมเองถึงคาด หมดอายุขัย เพราะวิบากกรรมเก่าที่ทำมา สาหัสเกินไป...เมื่อครั้งมอเตอร์เวย์ใกล้จะเสร็จ ผมขับรถจากพัทยากลับกรุงเทพฯตอนตี4 ฝนตกพรำๆมาตลอดทาง อาการทางใจไม่ดีตั้งแต่ออกจากพัทยา เหมือนมีสิ่งดลใจไม่ให้เดินทาง ผมหลงทาง 3 ครั้ง นั่นเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์และครูบาอาจารย์ท่านเคยเตือนและช่วยเหลือ คนเมื่อมันต้องถึงที่ตาย ก็ต้องไปตายจนได้ ผมฝืนไป 3 ครั้ง ครั้งที่ 4 เมื่อผ่านด่านเก็บเงิน เจอรถสิบล้อรอกลับรถ หักหลบเปลี่ยนเลนมา เจอ เสาไฟฟ้าขวางถนนพร้อมปลอกท่อคอนกรีตปิดถนนในระยะกระชั้นชิด ไม่มีไฟแสงสว่างใดๆ ฝนพรำๆทำให้เบรคไม่อยู่ ต้องชนแล้ว...สติที่เคยฝึกมาทั้งหมดมารวมตัวกัน ณ ขณะนั้น ปล่อยเบรคแล้วกระชากเกียร์ต่ำ เบื่ยงรถเอามุมเข้าชน แต่ระยะมันกระชั้นเกินไปไม่ถึง20เมตร...ขณะที่ต้องตายแล้ว สิ่งที่นึกถึงได้คือ ความกตัญญูที่เรามีต่อบุพการี ณ ช่วงเวลาขณะจิตเดียวนั้น เห็น องค์สมเด็จ เสด็จมา เห็นหลวงพ่อฤษี หลวงพ่อปาน และสมาธิกรรมฐานที่ฝึกมาตลอด 20 กว่าปี แม้จะฝึกไม่ได้ดี และรู้สึกว่าเราทำไมมันแย่นัก ทั้งที่ตั้งใจฝึกอย่างยิ่งแล้ว ณ เวลาก่อนตาย จึงได้เห็นว่าความพยายามที่ผ่านมาไม่ได้สูญเปล่า เวลาใกล้ตายที่ว่ากรรมฐานทั้งหลายที่ฝึกจะมารวมตัวกันนั้น เป็นจริงดังครูบาอาจารย์กล่าวไว้จริงๆ ทั้งสมาธิ สติ สัมปชัญญะ ควบแน่นแขม็งเกลียวอย่างไม่เคยมีมาก่อน จิตที่ออกจากร่างไปแล้ว ความอาลัยใน ทรัพย์ ตำแหน่ง กิจการทั้งหลาย หมดไป ใจนึกถึงแต่พระนิพพานเป็นอย่างเดียว และเห็นองค์สมเด็จ หลวงพ่อฤษี หลวงพ่อปาน ชัดเจน... ฝึกมาทั้งชีวิต ขอใช้ครั้งเดียว..ขณะจิตเดียวนั้น นึกอธิษฐานว่า "หากข้าพเจ้าสิ้นบุญที่จะได้จรรโลงพระพุทธศาสนาแล้ว ก็ขอให้ตายไป...แต่หากชีวิตข้าพเจ้าจะพอมีประโยชน์ เพื่อจรรโลงพระพุทธศาสนาแล้ว ขอให้รอดปลอดภัย อย่ามีแม้บาดแผลใดๆ" เสียงล้อชนเสาไฟฟ้าคอนกรีตที่วางขวางอยู่ ปลอกท่อคอนกรีตล้มลงแล้วรถตีลังกาข้ามไป หงายท้อง อย่างเบาๆเหมือนมีใครคอยรับเอาไว้ รถลากมา...พร้อมแสดงความแปลกใจที่ไม่ตาย เพราะที่ผ่านมา กว่า 40 ราย ยังไม่เคยมีใครรอด บางรายบินไกล หาศพไม่เจอ บางทีต้องให้พวกหากบมาช่วยกันหาศพ สิ่งที่คนลากรถหาอย่างแรกคือ พระที่แขวนไว้กับรถ...แต่เราเก็บเอาไว้ก่อนแล้ว...เหตุการณ์ครั้งนั้น ทำให้เชื่อว่ากรรมฐานแม้ฝึกดีบ้างไม่ดีบ้าง ขอให้ฝึกสม่ำเสมอ ก่อนตายกรรมฐานที่ฝึกไว้จะมารวมตัวกันได้จริงๆ ณ.ชั่วขณะจิตสุดท้ายก่อนตาย จะได้เห็นจริงๆ ผมรอดมาได้ซึ่งคนลากรถบอกว่าโชคดี แต่เมื่อเห็นว่าผมไม่มีแม้บาดแผลแม้แต่รอยช้ำ เขาบอกว่ามหัศจรรย์ ผมเห็นคุณของพระรัตนตรัย ผมเห็นความชาญฉลาดของครูบาอาจารย์ คือ หลวงพ่อฤษี ที่ท่านผูกคำสมาทานพระกรรมฐานไว้ ผมเห็นค่าของการเจริญกรรมฐาน จากวันนั้น ชีวิตผมตายไปแล้ว ที่ยังมีลมหายใจอยู่ ก็คือร่างกายที่มีไว้เพื่อการเจริญภาวนา เพื่อจรรโลงพระศาสนา เป็นชีวิตของพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว ไม่ใช่ของผมอีกต่อไป ผมเลือกที่จะมอบกายถวายชีวิตนี้แต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า...และขอเป็นพยานให้กับพุทธศาสนิกชนที่รักการเจริญภาวนาว่า "กรรมฐานที่ท่านเพียรทำไว้นั้น ไม่สูญเปล่า เป็นของจริง และวิเศษกว่าสิ่งใดๆในสามโลก อย่าดูถูกตัวเองว่าทำได้ไม่ดี จงระลึกไว้ว่า เราจะเจริญกรรมฐานนี้ให้ยิ่งๆขึ้นไป ทำได้มากได้น้อยไม่เป็นไร แต่เราจะทำไม่เลิก ทำไปจนลมหายใจสุดท้าย" ผมเองก็รอดตายมา มาเพื่อเป็นพยานให้พวกท่านทั้งหลาย ได้ทำความเพียรให้ยิ่งๆขึ้นไป
     
  16. nichaojung

    nichaojung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    392
    ค่าพลัง:
    +8,247
    ขอบคุณสำหรับประสบการณ์ดีๆครับ อ่านแล้วขนลุก สุดยอดเลยน่ะครับ ที่ผ่านพ้นวันนั้นมาได้ :cool::cool:
     
  17. ฟาฟา

    ฟาฟา ฟาฟา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    553
    ค่าพลัง:
    +2,617
    สาธุค่ะ ช่างเป็นบุญนักค่ะที่มีโอกาสได้อ่านข้อความนี้ทำให้ผู้ที่พึ่งฝึกกรรมฐานอย่างดิฉันแบบที่ไม่เก่งเพิ่งเริ่มหัดมีกำลังใจนักค่ะ สาธุ สาธุ สาธุค่ะที่เสียสละเวลาและมีพระคุณยิ่งแล้วที่ช่วยเตือนสติค่ะ ^/\^
     
  18. mam7734

    mam7734 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    319
    ค่าพลัง:
    +349
    แชร์ประสบการณ์บ้างนะค่ะ..คือไปแรลลี่ที่เมืองกาญฯกับบริษัทรถคันที่เราไปมี 4 คนกลับเส้นทางเดิมเพื่อนหญิงขับรถร้อยกว่าสำหรับเราไม่เร็วเลยเรานั่งหน้าคู่กับเพื่อนมา มีพี่ๆอีกคนนั่งหลังเป็นผู้ชาย รถวิ่งผ่านทางแยกมาได้ไม่นาน เราเห็นรถข้างหน้าตรงเกาะกลางกำลังจะเลี้ยวออกเพื่อนเราขับเลนขวากดไฟขอทาง ซึ่งเขาก็มีทีท่าว่าจะไม่ออกแล้ว เพื่อนก็เลยเหยียบมิดเนื่องจากจะให้ผ่านไปโดยเร็ว เมื่อมาใกล้รถคันดังกล่าวไม่ถึงร้อยเมตร รถคันนั้นพุ่งออกมาจากเกาะกลาง เพื่อนเราพยายามหักพวงมาลัยหลบขณะนั้นเรามีสติตลอดเรารู้ว่าเพื่อนเอารถไม่อยู่แน่นอน เมื่อหักหลบแต่ความเร็วคงที่รถก็เสียหลักหมุนควงสว่านตั้งแต่เลนขวาเป็นสิบๆๆรอบเรานับได้จนมาสุดที่ขอบถนนหน้า ม.ราชภัฏกาญฯ ณ.ตอนนั้นมุมที่เรานั่งผสานงาเสาไฟฟ้าแน่นอน ส่วนเพื่อนไม่มีสติแล้วจากที่เราดู รถหมุนเข้าหาเสาไฟฟ้าตอนนี้เอง ในใจเราคิดว่าต้องตายแน่ๆแล้วสิ่งแรกที่คิดในตอนนั้น..แม่จ๋า..พ่อจ๋าลูกคงไม่ได้อยู่ดูแลแม่แล้ว แล้วรถก็พุ่งเข้าเสาไฟฟ้าและหยุดนิ่งก่อนถึงตัวเราแค่ฟุตเดียว ชาวบ้านออกมาดูกันมากเนื่องจากคิดว่าตายทั้งคัน เราเปิดประตูรถลงมาตัวสั่นทั้งตัว เราไม่สามารถคุมอาการสั่นนั้นได้ที่เขาว่าอะดรีนาลินพุ่งคือสารแห่งความกลัวนั้นเอง..คำแรกเราถามเพื่อนเป็นไรมากป่าว สรุปทุกคนบาดเจ็บเล็กน้อยแต่เราไม่เป็นรัยเลย ที่สำคัญเราบอกเพื่อนถึงเหตุการณ์ที่เกิดเพื่อนบอกไม่รู้สึกกลัวเลยแต่เขาไม่รู้ว่าลำดับเหตุการณ์เป็นยังงัยจนลงจากรถ ส่วนเรานับได้ทุกรอบที่รถหมุนจนจะชนเข้าเสาไฟฟ้า ที่แปลกคือจากการตรวจสอบดูรถเพลาหน้าหักกลางก่อนชนเสาไฟฟ้าแค่เมตรเดียว ถึงตอนนี้เราก็ไม่รู้ว่ารอดมาได้ยังไงแต่ก็ดีใจที่ยังอยู่ได้ดูแลแม่ต่อไป
     
  19. StarHub

    StarHub เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2012
    โพสต์:
    25
    ค่าพลัง:
    +115
    คนเราถ้ายังมีบุญอยู่ ยังไม่หมดอายุขัย น่าจะมีชีวิตดำรงอยู่ต่อไปได้ จำได้ว่าในชีวิตมีนาทีที่เฉียดตายจริง ๆ ครั้งหนึ่ง เกิดขึ้นเมื่อ15 ปีมาแล้ว แต่ยังจำได้แม่นฝังใจมาก ตอนนั้นไปเที่ยวแถบยุโรป เช่ารถเบนส์ ขับ เพราะค่าเช่าไม่ถือว่าแพง และไปกัน4 คน มีสามี ดิฉัน ลูกสาว 3 ขวบ และแม่สามี สามีเป็นคนขับรถ ตอนที่เกิดเรื่องขึ้น อยู่ในบริเวณประเทศเบลเยี่ยม ตรงนั้นเป็นทางขึ้นเหมือนวงแหวนบ้านเรา โค้งด้วย ระหว่างที่ขับตามรถข้างหน้านานพอสมควร มีจังหวะเลยคิดว่าจะแซง ดิฉันนั่งหน้าคู่สามี แม่สามีและลูกสาวนั่งข้างหลัง โดยเด็กจะเช่าที่นั่งสำหรับเด็ก ดิฉันบอกสามีอย่าแซงเลย เราไม่รู้จะมีรถสวนหรือเปล่า ประเทศเค้าไม่เหมือนบ้านเรา เพราะขับมาทางขึ้นไม่มีรถสวนลงมาสักคัน จนสามีเหยียบคันเร่งแซง ทางขึ้นโค้ง จะมองไม่เห็นรถสวนเลย เลนส์เป็น2เลนส์แต่ไม่รู้ว่ารถจะสวนได้มั้ย ทันใดนั้นรถบรรทุกใหญ่(แบบในหนังเลย) ขับสวนลงมาอย่างเร็ว เพราะน้ำหนักรถก็หนักอยู่แล้ว ไม่รู้บรรทุกของอีกหรือเปล่าด้วย ตอนนั้นทำไรไม่ถูกแล้ว เร็วมาก ๆ เลย รู้แต่ว่าถูกเขาตะโกนด่า โชคยังดีที่สามีมีสติหักหลบเข้าเลนส์ทัน มือเท้าอ่อนไปหมดเลย หันไปมองหน้าแม่สามี (คิดว่าเขาไม่เห็น) หน้าซีดเลย คิดว่าไม่รอดซะแล้ว ตอนนั้นยังไม่พุทธะเท่าไร มาถึงตรงนี้ คิดย้อนกลับไปแล้วถ้าตายตอนนั้นแย่เลย ทำบุญก็จริง แต่บุญคงไม่เต็ม เพราะทำสักแต่ทำ คิดแค่ว่าทำแล้วสบายใจ ทำไปเราไม่เดือดร้อน ก็ทำ ปสก.ครั้งนี้สอนให้รู้ว่าการไม่ชำนาญเส้นทาง และจราจรของแต่ละประเทศไม่เหมือนกัน ประมาทไม่ได้ ทุกวันนี้ปฎิบัติแล้ว อยู่กับสติตลอด
     
  20. ฟาฟา

    ฟาฟา ฟาฟา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    553
    ค่าพลัง:
    +2,617
    สาธุค่ะ ใครยังไม่ได้อ่านประสบการณ์ในกระทู้กดอ่านทุกกระทู้นะคะคุ้มค่าแน่นอนค่ะ สาธุกับทุกท่านค่ะ ^/\^
     

แชร์หน้านี้

Loading...