มีใครพูดถึงหนัง Cloud Atlas บ้างยังครับ

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย Army56, 13 มกราคม 2013.

  1. Army56

    Army56 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,098
    ค่าพลัง:
    +1,862
    ได้ดูกันบ้างมั๊ย

    สปอยล์ได้แล้วม้างง
     
  2. Fabreguz

    Fabreguz เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    645
    ค่าพลัง:
    +1,911
    ไม่ได้ดูครับ.. เมเจอร์เชียงรายไม่เอามาฉาย
     
  3. blackangel

    blackangel เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,750
    ค่าพลัง:
    +1,919
    ยังไม่มีครับ สปอยเลย ผมดูมาแล้ว 555+
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=j0sR9lSC0pw]Cloud Atlas - Theatrical ซับไทย - YouTube[/ame]
     
  4. blackangel

    blackangel เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,750
    ค่าพลัง:
    +1,919
    ส่วนนี่เพลงบรรเลงดนตรีประกอบ (โดยส่วนตัวคิดว่าเพราะดี)
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=17zgrCPEb78]Cloud Atlas Soundtrack - 23 Cloud Atlas End Title - YouTube[/ame]

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=rdiLxyGH8Lg]Cloud Atlas - Sextet (extended version) - YouTube[/ame]
     
  5. mobilelizard

    mobilelizard เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    558
    ค่าพลัง:
    +4,678
    ดูแล้วครับ หนังห่วย ในหนังสือมันไม่ได้เกี่ยวกับการเกิดใหม่ในอีกชาติหรอกครับ แต่คนทำหนังมันหาเรื่องให้เกี่ยว โดยเฉพาะ การไปเกิดใหม่และผลของการกระทำที่มีผลแก่ตนในอีกชาติ ไม่ได้โชว์เลยครับมันมั่วไปหมด ไม่ได้โชว์ว่าทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว แค่เรื่องของแต่ละยุคมันเกี่ยวข้องกันก็แค่นั้น แล้วจะทำเหมือนคนนี้ไปเกิดชาติใหม่เป็นอีกคนทำไมครับ

    เช่น ตัวละครบางตัวชั่วมาหลายชาติ อยู่ดีกลายเป็นคนดีชาติต่อไป คนทำก็คนทำ Matrix นั่นแหละครับ บ้าเซ็น ชอบศาสนาพุทธ พอเอาหนังมาทำก็ชอบเรื่องเวียนว่ายตายเกิดก็เอามาเน้นเป็น theme ของหนัง แต่ทำได้ห่วยแตกครับ ห่วยสุดยอด makeup ยิ่งเน่ามาก

    สไตล์ hollwood เอาเรื่องธรรมดาๆ มาทำ epic ให้มันดูยิ่งใหญ่บ้าบอ แล้วก็แถมฉากเอากับผู้หญิงเอเซีย ผู้หญิงฝรั่งไม่เห็นโดน พอผู้หญิงเอเซียไปเล่น Hollywood มันต้องโป๊เละเทะ ไม่งั้นก็มีฉากเอากัน มันหาเรื่องนะครับ

    และพอทีเถอะครับ Hollywood ที่นางเองเอเชีย พระเอกฝรั่งเนี่ย เอียนแล้วครับ ล้างสมองคนทั้งโลกพอแล้วนะครับ แต่มันกำลังพลิกกลับแล้วครับตอนนี้
     
  6. mobilelizard

    mobilelizard เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    558
    ค่าพลัง:
    +4,678
    ดู trailer ก็อย่าไปเชื่อมันครับ มันหลอกให้เราคิดไปว่าหนังเป็นอย่างหนึ่งทีคนส่วนมากจะชอบ ไปดูจริงๆ มันไม่ใช่อย่างนั้น...
     
  7. mobilelizard

    mobilelizard เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    558
    ค่าพลัง:
    +4,678
    แต่เพลงเพราะดีครับ
     
  8. blackangel

    blackangel เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,750
    ค่าพลัง:
    +1,919
    พอดีผมโหลดมาดู แบบซับไทย เปิดดูได้หลายๆรอบ 555+

    PANTIP.COM : A13020991
     
  9. thaiboy74

    thaiboy74 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    175
    ค่าพลัง:
    +207
    เอางี้ ผมว่าตามความเข้าใจของผมนะครับ เพราะหนังมันคือศิลปะอย่างหนึ่ง เมื่อมันออกฉายแลเว มันก็ไม่ใช่สมบัติของผู้กำกับอีกต่อไป แต่มันได้กลายเป็นของผู้ชม ซึ่งหมายความว่า ไม่ว่าจะชอบหรือไม่ชอบ มันขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของคนดูล้วน ๆ ต่อความเข้าใจในเรื่องภาษาภาพ แสง dialoque ซึ่งมักมีความหมายซ่อนเร้นเชิงสัญลักษณ์เสมอ โดยเฉพาะในหนังปรัชญาและหนังสายอาร์ต อีกอย่าง หนังที่ทำเงินอาจไม่ใช่หนังดี หนังดี อาจไม่ใช่หนังที่ดูง่าย

    ว่ากันที่พุทธศาสนาก่อน เราเชื่อเรื่องการเวียนว่ายตายเกิด ทุกสิ่งที่ทำ มันส่งผลต่ออีกสิ่งหนึ่งเสมอ แก่นตัวนี้ หนังเองก็พูดถึง และใน trailer เองก็บอก

    อย่างที่คุณข้างบนว่า ผมว่ามันก็ไม่แปลก ที่จะมีคนมองอย่างนั้น แต่สำหรับผมเอง ผมมองว่า การเวียนว่ายตายเกิด เมื่อเข้าสู่ภพภูมิใหม่ เราก็เป็นอีกคน ซึ่งในที่นี่ในชาติใหม่ไม่จำเป้นต้องมานั่งหาคำตอบว่า เพราะเราทำอะไรไว้ เราถึงเกิดมาเป็นแบบนี้ หนังเองก็ไม่ได้พูด พระพุทธเจ้าก็ไม่สอน ใครถามพระองค์ก็ไม่ตอบ เพราะมันเป็นอจิณไตย แต่ที่เราสามารถหาคำตอบได้แน่ ๆ คือ มันมีบางสิ่งบางอย่างที่ต่อเนื่องมา ซึ่งอาจจะเป็นกระแสของจิตที่เกิดดับมา

    ดังนั้น ถามว่า จิตดวงเดียวกันหรือเปล่าที่มาเกิด คำตอบคือไม่ใช่
    แล้วตกลงมันเป้นคนละดวงหรือเปล่า คำตอบก็คือไม่ใช่อีกนั่นแหละ
    ดังนั้น การเกิดมาใหม่ คุณจำเป็นต้องดูเหมือนเดิม นิสัย และการคิดเป็นแบบเดิมใหม คำตอบคือ ไม่เลย

    หนังเอง หรือในทางพุทธศาสนาเองก็มองว่า มันเป็นเรื่องของการเปลี่ยนผ่าน มันมีความต่อเนื่อง เหมือนตัวก้อนเมฆ ที่ไม่ว่าลอยไปใหน มันก็คือก้อนเดิม แต่ก้อนเมื่อ ไม่กี่นาทีที่ผ่านมา เราไม่สามารถบอกได้ว่า มันเหมือนกับก้อนที่เราเห็นตอนนี้ แต่ละวินาทีมันเปลี่ยนตลอด เหมือนกับจิตของเรา เกิดดับตลอด
    เลยทำให้เราไม่สามารถบอกได้ว่ามันเป็นอันเดียวกันหรือต่างกัน

    เรื่องproduction design และ makeup ผมว่า หนังเรื่องนี้เป็นตัวเก็งรางวัลใหญ่ ๆ สิ่งหนึ่งคือในสังคมฝรั่ง เขาชื่นชมการสร้างสรรค์ และในหนังเรื่องนี้ เกือบทุกอย่าง ออกมาจากจินตนาการ และทำได้เหมือนจนเราเชื่อ
     
  10. มีแปปเดียว

    มีแปปเดียว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2010
    โพสต์:
    889
    ค่าพลัง:
    +3,876
    เป็นหนังที่ดีมากครับ
    การเวียนว่ายตายเกิดนั้นคือการเรียนรู้
    ยิ่งเรียนรู้ก็จะยิ่งสามารถพัฒนาจิตไปได้ยิ่งๆขึ้นไป
    แท้ที่จริงอกุศกรรมที่ส่งผลอันเผ็ดร้อนนั้นก็คือสิ่งที่ย้ำเตือนให้เห็นภัยของการที่ต้องเวียนว่ายตายเกิดในภพน้อยใหญ่
    เมื่อเห็นภัย ก็เห็นธรรม
     
  11. มีแปปเดียว

    มีแปปเดียว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2010
    โพสต์:
    889
    ค่าพลัง:
    +3,876
    ทำดีไปนรก-ทำชั่วไปสวรรค์

    ปัญหา บุคคลกระทำบาปด้วยกาย วาจา ใจ แล้วจะได้ไปเกิดในสุคติเสมอไปหรือ ? และบุคคลกระทำบุญด้วย กาย วาจา ใจ ตายแล้วจะเข้าถึงทุคติสมอไปหรือ ? ถ้าไม่ เพราะเหตุไร?

    พุทธดำรัสตอบ “.....ดูก่อนอานนท์ เราไม่เห็นด้วยกับวาทะของสมณะ หรือพราหมณ์ที่กล่าวอย่างนี้ ท่านผู้เจริญเป็นอันว่า กรรมดีไม่มีวิบากของสุจริตไม่มี แต่วาทะของเขาที่กล่าวอย่างนี้ว่า ข้าพเจ้าได้เห็นบุคคลโน้นผู้เว้นขาดจากปาณาติบาต อทินนาทาน กาเมสุมิจฉาจาร มุสาวาท สุราเมรัย มีความเห็นชอบในโลกนี้ และผู้นั้นตายไปแล้ว เข้าพึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก ข้าพเจ้าก็เห็น นี้เราเห็นด้วย
    “ส่วนวาทะของเขาที่กล่าวอย่างนี้ว่า ท่านผู้เจริญ เป็นอันว่าผู้ใดเว้นขาดจากปาณาติบาต ฯลฯ มีความเห็นชอบ ผู้นั้นทุกคนตายไปแล้ว ย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก นี้เรายังไม่เห็นด้วย
    “แม้วาทะของเขาที่กล่าวอย่างนี้ว่า ชนเหล่าใดรู้อย่างนี้ ชนเหล่านั้นชื่อว่ารู้ชอบ ชนเหล่าใดรู้โดยประการอื่น ความรู้ของชนเหล่านั้นผิด นี้เราก็ยังไม่เห็นด้วย
    “แม้วาทะของเขาที่พูดปักลงไป ถึงเรื่องที่เขารู้เอง เห็นเอง ทราบเอง นั้นแหละ ในที่นั้นๆ ตามกำลังและความแน่ใจว่า นี้เท่านั้นจริง อื่นเปล่านี้เราก็ยังไม่เห็นด้วย......
    “.....ดูก่อนอานนท์ บุคคลที่เว้นขาดจากปาณาติบาต อทินนาทาน ฯลฯ มีความเห็นชอบในโลกนี้ ตายไปแล้ว เข้าถึงอุบาย ทุคติ วินิบาต นรก นี้เป็นเพราะว่า เขาทำกรรมชั่วที่ให้ผลเป็นทุกข์ไว้ในกาลก่อน ๆ หรือในกาลภายหลัง หรือว่าในเวลาจะตาย มีมิจฉาทิฐิพรั่งพร้อมสมาทานแล้ว เพราะฉะนั้น เขาตายไป จึงเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก......”

    มหากัมมวิภังคสูตร อุ. ม. (๖๑๑-๖๑๕)
    ตบ. ๑๔ : ๓๙๖-๓๙๘ ตท. ๑๔ : ๓๓๗-๓๓๙
    ตอ. MLS. III : ๒๖๐-๒๖๒
     
  12. มีแปปเดียว

    มีแปปเดียว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2010
    โพสต์:
    889
    ค่าพลัง:
    +3,876
    . มหากัมมวิภังคสูตร (๑๓๖)
    [๕๙๘] ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้-
    สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ที่พระวิหารเวฬุวัน อันเคยเป็น
    สถานที่พระราชทานเหยื่อแก่กระแต เขตพระนครราชคฤห์ สมัยนั้นแล ท่าน-
    *พระสมิทธิอยู่ในกระท่อมในป่า ครั้งนั้น ปริพาชกโปตลิบุตรเดินเล่นไปโดยลำดับ
    เข้าไปหาท่านพระสมิทธิยังที่อยู่แล้ว ได้ทักทายปราศรัยกับท่านพระสมิทธิ ครั้นผ่าน
    คำทักทายปราศรัยพอให้ระลึกถึงกันไปแล้ว จึงนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ฯ
    [๕๙๙] ปริพาชกโปตลิบุตร พอนั่งเรียบร้อยแล้ว ได้กล่าวกะท่าน
    พระสมิทธิดังนี้ว่า ดูกรท่านสมิทธิ ข้าพเจ้าได้สดับรับมาเฉพาะพระพักตร์พระ-
    *สมณโคดมดังนี้ว่า กายกรรมเป็นโมฆะ วจีกรรมเป็นโมฆะ มโนกรรมเท่านั้น จริง
    และว่าสมาบัติที่บุคคลเข้าแล้วไม่เสวยเวทนาอะไรๆ นั้น มีอยู่ ฯ
    ท่านพระสมิทธิกล่าวว่า ดูกรโปตลิบุตรผู้มีอายุ ท่านอย่ากล่าวอย่างนี้
    อย่ากล่าวตู่พระผู้มีพระภาค การกล่าวตู่พระผู้มีพระภาคไม่ดีเลย เพราะพระผู้มี-
    *พระภาคมิได้ตรัสอย่างนี้ว่า กายกรรมเป็นโมฆะ วจีกรรมเป็นโมฆะ มโนกรรม
    เท่านั้น จริง และว่าสมาบัติที่บุคคลเข้าแล้วไม่เสวยเวทนาอะไรๆ นั้น มีอยู่ ฯ
    ป. ดูกรท่านสมิทธิ ท่านบวชมานานเท่าไรแล้ว ฯ
    ส. ดูกรท่านผู้มีอายุ ไม่นาน เพียง ๓ พรรษา ฯ
    ป. ในเมื่อภิกษุใหม่เข้าใจการระแวดระวังศาสดาถึงอย่างนี้แล้ว คราวนี้
    พวกเราจักพูดอะไรกะภิกษุผู้เถระได้ ดูกรท่านสมิทธิ บุคคลทำกรรมชนิดที่ประกอบ
    ด้วยความจงใจแล้ว ด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ เขาจะเสวยอะไร ฯ
    ส. ดูกรโปตลิบุตรผู้มีอายุ เขาจะเสวยทุกข์ ฯ
    ลำดับนั้น ปริพาชกโปตลิบุตรไม่ยินดี ไม่คัดค้านภาษิตของท่านพระ
    สมิทธิ แล้วลุกจากอาสนะหลีกไป ฯ
    [๖๐๐] ครั้นปริพาชกโปตลิบุตรหลีกไปแล้วไม่นาน ท่านพระสมิทธิ
    เข้าไปหาท่านพระอานนท์ยังที่อยู่ แล้วได้ทักทายปราศรัยกับท่านพระอานนท์ ครั้น
    ผ่านคำทักทายปราศรัยพอให้ระลึกถึงกันไปแล้ว จึงนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง พอ
    นั่งเรียบร้อยแล้ว จึงบอกเรื่องเท่าที่ได้สนทนา กับปริพาชกโปตลิบุตรทั้งหมด แก่
    ท่านพระอานนท์ เมื่อท่านพระสมิทธิบอกแล้วอย่างนี้ ท่านพระอานนท์จึงได้กล่าว
    กะท่านพระสมิทธิดังนี้ว่า ดูกรท่านสมิทธิ เรื่องนี้มีเค้าพอจะเฝ้าพระผู้มีพระภาค
    ได้ มาเถิด เราทั้งสองพึงเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคยังที่ประทับ แล้วกราบทูล
    เรื่องนี้แด่พระผู้มีพระภาค พระผู้มีพระภาคทรงพยากรณ์แก่เราอย่างไร เราพึงทรง
    จำคำพยากรณ์นั้นไว้อย่างนั้น ท่านพระสมิทธิรับคำท่านพระอานนท์ว่า ชอบแล้ว
    ท่านผู้มีอายุ ฯ
    ต่อนั้น ท่านพระสมิทธิและท่านพระอานนท์ได้เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค
    ยังที่ประทับ แล้วถวายอภิวาทพระผู้มีพระภาค นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง พอนั่ง
    เรียบร้อยแล้ว ท่านพระอานนท์ได้กราบทูลเรื่องเท่าที่ท่านพระสมิทธิ ได้สนทนา
    กับปริพาชกโปตลิบุตรทั้งหมด แด่พระผู้มีพระภาค ฯ
    [๖๐๑] เมื่อท่านพระอานนท์กราบทูลแล้วอย่างนี้ พระผู้มีพระภาคได้ตรัส
    กะท่านพระอานนท์ดังนี้ว่า ดูกรอานนท์ แม้ความเห็นของปริพาชกโปตลิบุตร เรา
    ก็ไม่ทราบชัด ไฉนเล่า จะทราบชัดการสนทนากันเห็นปานนี้ได้ โมฆบุรุษสมิทธิ
    นี้แล ได้พยากรณ์ปัญหาที่ควรแยกแยะพยากรณ์ของปริพาชกโปตลิบุตรแต่แง่
    เดียว ฯ
    เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสแล้วอย่างนี้ ท่านพระอุทายีได้กราบทูลพระผู้มี-
    *พระภาคดังนี้ว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ก็ถ้าท่านพระสมิทธิกล่าวหมายทุกข์ดังนี้
    แล้ว ไม่ว่าการเสวยอารมณ์ใดๆ ต้องจัดเข้าในทุกข์ทั้งนั้น ฯ
    [๖๐๒] เมื่อท่านพระอุทายีกล่าวแล้วอย่างนี้ พระผู้มีพระภาคได้ตรัส
    กะท่านพระอานนท์ว่า ดูกรอานนท์ เธอจงเห็นความนอกลู่นอกทางของโมฆบุรุษ
    อุทายีนี้เถิด เรารู้แล้วละ เดี๋ยวนี้แหละ โมฆบุรุษอุทายีนี้โพล่งขึ้นโดยไม่แยบคาย
    ดูกรอานนท์ เบื้องต้นทีเดียว ปริพาชกโปตลิบุตรถามถึงเวทนา ๓ ถ้าโมฆบุรุษ
    สมิทธิผู้ถูกถามนี้ จะพึงพยากรณ์อย่างนี้ว่า ดูกรโปตลิบุตรผู้มีอายุ บุคคลทำกรรม
    ชนิดที่ประกอบด้วยความจงใจแล้ว ด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ อันให้ผลเป็น
    สุข เขาย่อมเสวยสุข บุคคลทำกรรมชนิดที่ประกอบด้วยความจงใจแล้ว ด้วยกาย
    ด้วยวาจา ด้วยใจ อันให้ผลเป็นทุกข์ เขาย่อมเสวยทุกข์ บุคคลทำกรรมชนิดที่
    ประกอบด้วยความจงใจแล้ว ด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ อันให้ผลไม่ทุกข์ไม่สุข
    เขาย่อมเสวยอทุกขมสุข ดูกรอานนท์ โมฆบุรุษสมิทธิเมื่อพยากรณ์อย่างนี้แล
    ชื่อว่าพยากรณ์โดยชอบแก่ปริพาชกโปตลิบุตร ก็แต่ว่าพวกปริพาชกผู้ถือลัทธิอื่น
    นั้น เป็นคนโง่ ไม่ฉลาด ใครเล่าจักรู้มหากัมมวิภังค์ของตถาคต ถ้าพวกเธอฟัง
    ตถาคตจำแนกมหากัมมวิภังค์อยู่ ฯ
    ท่านพระอานนท์กราบทูลว่า ข้าแต่พระผู้มีพระภาคผู้พระสุคต เป็นกาล
    สมควรแล้ว ที่พระผู้มีพระภาคจะทรงจำแนกมหากัมมวิภังค์ ภิกษุทั้งหลายสดับต่อ
    พระผู้มีพระภาคแล้วจักได้ทรงจำไว้ ฯ
    พ. ดูกรอานนท์ ถ้าเช่นนั้น เธอจงฟัง จงใส่ใจให้ดี เราจักกล่าว
    ต่อไป ท่านพระอานนท์ทูลรับพระผู้มีพระภาคว่า ชอบแล้ว พระพุทธเจ้าข้า ฯ
    [๖๐๓] พระผู้มีพระภาคจึงได้ตรัสดังนี้ว่า ดูกรอานนท์ บุคคล ๔ จำพวก
    นี้ มีปรากฏอยู่ในโลก ๔ จำพวกเหล่าไหน คือ
    (๑) บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้มักทำชีวิตสัตว์ให้ตกล่วง มักถือเอา
    สิ่งของที่เจ้าของมิได้ให้ มักประพฤติผิดในกาม มักพูดเท็จ มักพูดส่อเสียด
    มักพูดคำหยาบ มักเจรจาเพ้อเจ้อ มากด้วยอภิชฌา มีจิตพยาบาท มีความเห็นผิด
    อยู่ในโลกนี้ เขาตายไปแล้ว ย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก ก็มี ฯ
    (๒) บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้มักทำชีวิตสัตว์ให้ตกล่วง มักถือเอา
    สิ่งของที่เจ้าของมิได้ให้ มักประพฤติผิดในกาม มักพูดเท็จ มักพูดส่อเสียด
    มักพูดคำหยาบ มักเจรจาเพ้อเจ้อ มากด้วยอภิชฌา มีจิตพยาบาท มีความเห็น
    ผิดอยู่ในโลกนี้ เขาตายไปแล้วย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ ก็มี ฯ
    (๓) บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้เว้นขาดจากปาณาติบาต เว้นขาดจาก
    อทินนาทาน เว้นขาดจากกาเมสุมิจฉาจาร เว้นขาดจากมุสาวาท เว้นขาดจากพูด
    ส่อเสียด เว้นขาดจากพูดคำหยาบ เว้นขาดจากการเจรจาเพ้อเจ้อ ไม่มากด้วย
    อภิชฌา มีจิตไม่พยาบาท มีความเห็นชอบอยู่ในโลกนี้ เขาตายไปแล้ว ย่อม
    เข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ ก็มี ฯ
    (๔) บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้เว้นขาดจากปาณาติบาต เว้นขาดจาก
    อทินนาทาน เว้นขาดจากกาเมสุมิจฉาจาร เว้นขาดจากมุสาวาท เว้นขาดจากพูด
    ส่อเสียด เว้นขาดจากพูดคำหยาบ เว้นขาดจากการเจรจาเพ้อเจ้อ ไม่มากด้วย
    อภิชฌา มีจิตไม่พยาบาท มีความเห็นชอบอยู่ในโลกนี้ เขาตายไปแล้ว ย่อมเข้า
    ถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก ก็มี ฯ
    [๖๐๔] ดูกรอานนท์ สมณะหรือพราหมณ์บางคนในโลกนี้ อาศัยความ
    เพียรเครื่องเผากิเลส ความตั้งใจมั่น ความประกอบเนืองๆ ความไม่ประมาท
    ความใส่ใจโดยชอบ ย่อมถูกต้องเจโตสมาธิมีรูปทำนองที่เมื่อจิตตั้งมั่นแล้ว ย่อม
    เล็งเห็นบุคคลโน้น ผู้มักทำชีวิตสัตว์ให้ตกล่วง มักถือเอาสิ่งของที่เจ้าของมิได้ให้
    มักประพฤติผิดในกาม มักพูดเท็จ มักพูดส่อเสียด มักพูดคำหยาบ มักเจรจา
    เพ้อเจ้อ มากด้วยอภิชฌา มีจิตพยาบาท มีความเห็นผิดในโลกนี้ และเล็งเห็น
    ผู้นั้นตายไปแล้ว เข้าถึงอบาย ทุคติ วิบาต นรกได้ ด้วยจักษุเพียงดังทิพย์ อัน
    บริสุทธิ์ ล่วงจักษุของมนุษย์ สมณะหรือพราหมณ์นั้นจึงกล่าวอย่างนี้ว่า ท่านผู้-
    *เจริญ เป็นอันว่ากรรมชั่วมี วิบากของทุจริตมี ข้าพเจ้าได้เห็นบุคคลโน้น ผู้มัก
    ทำชีวิตสัตว์ให้ตกล่วง ฯลฯ มีความเห็นผิดในโลกนี้ และผู้นั้นตายไป เข้าถึงอบาย
    ทุคติ วินิบาต นรก ข้าพเจ้าก็เห็น แล้วกล่าวต่อไปอย่างนี้ว่า ท่านผู้เจริญ เป็น
    อันว่า ผู้ใดมักทำชีวิตสัตว์ให้ตกล่วง ฯลฯ มีความเห็นผิด ผู้นั้นทุกคนตายไปแล้ว
    ย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก ชนเหล่าใดรู้อย่างนี้ ชนเหล่านั้นชื่อว่ารู้ชอบ
    ชนเหล่าใดรู้โดยประการอื่น ความรู้ของชนเหล่านั้นผิด สมณะหรือพราหมณ์นั้น
    จะพูดปักลงไปถึงเรื่องที่เขารู้เอง เห็นเอง ทราบเอง โดยประการนั้นแหละ ใน
    ที่นั้นๆ ตามกำลังและความแน่ใจว่า นี้เท่านั้นจริง อื่นเปล่า ฯ
    [๖๐๕] ดูกรอานนท์ ส่วนสมณะหรือพราหมณ์บางคนในโลกนี้อาศัย
    ความเพียรเครื่องเผากิเลส ความตั้งใจมั่น ความประกอบเนืองๆ ความไม่ประมาท
    ความใส่ใจโดยชอบ ย่อมถูกต้องเจโตสมาธิมีรูปทำนองที่เมื่อจิตตั้งมั่นแล้ว ย่อม
    เล็งเห็นบุคคลโน้น ผู้มักทำชีวิตสัตว์ให้ตกล่วง ฯลฯ มีความเห็นผิดในโลกนี้ และ
    เล็งเห็นผู้นั้นตายไปแล้ว เข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ได้ ด้วยจักษุเพียงดังทิพย์ อัน
    บริสุทธิ์ ล่วงจักษุของมนุษย์ สมณะหรือพราหมณ์นั้นจึงกล่าวอย่างนี้ว่า ท่าน
    ผู้เจริญ เป็นอันว่ากรรมชั่วไม่มี วิบากของทุจริตไม่มี ข้าพเจ้าได้เห็นบุคคลโน้น
    ผู้มักทำชีวิตสัตว์ให้ตกล่วง ฯลฯ มีความเห็นผิดในโลกนี้ และผู้นั้นตายไป เข้าถึง
    สุคติโลกสวรรค์ ข้าพเจ้าก็เห็น แล้วกล่าวต่อไปอย่างนี้ว่า ท่านผู้เจริญ เป็นอันว่า
    ผู้ใดมักทำชีวิตสัตว์ให้ตกล่วง ฯลฯ มีความเห็นผิด ผู้นั้นทุกคนตายไปแล้ว ย่อม
    เข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ ชนเหล่าใดรู้อย่างนี้ ชนเหล่านั้นชื่อว่ารู้ชอบ ชนเหล่าใด
    รู้โดยประการอื่น ความรู้ของชนเหล่านั้นผิด สมณะหรือพราหมณ์นั้นจะพูดปักลงไป
    ถึงเรื่องที่เขารู้เอง เห็นเอง ทราบเอง โดยประการนั้นแหละ ในที่นั้นๆ ตาม
    กำลังและความแน่ใจว่า นี้เท่านั้นจริง อื่นเปล่า ฯ
    [๖๐๖] ดูกรอานนท์ สมณะหรือพราหมณ์บางคนในโลกนี้ อาศัยความ
    เพียรเครื่องเผากิเลส ความตั้งใจมั่น ความประกอบเนืองๆ ความไม่ประมาท
    ความใส่ใจโดยชอบ ย่อมถูกต้องเจโตสมาธิมีรูปทำนองที่เมื่อจิตตั้งมั่นแล้ว ย่อม
    เล็งเห็นบุคคลโน้น ผู้เว้นขาดจากปาณาติบาต เว้นขาดจากอทินนาทาน เว้นขาด
    จากกาเมสุมิจฉาจาร เว้นขาดจากมุสาวาท เว้นขาดจากพูดส่อเสียด เว้นขาดจาก
    พูดคำหยาบ เว้นขาดจากการเจรจาเพ้อเจ้อ ไม่มากด้วยอภิชฌา มีจิตไม่พยาบาท
    มีความเห็นชอบในโลกนี้ และเล็งเห็นผู้นั้นเมื่อตายไปแล้ว เข้าถึงสุคติโลกสวรรค์
    ได้ ด้วยจักษุเพียงดังทิพย์ อันบริสุทธิ์ ล่วงจักษุของมนุษย์ สมณะหรือพราหมณ์
    นั้นจึงกล่าวอย่างนี้ว่า ท่านผู้เจริญ เป็นอันว่า กรรมดีมี วิบากของสุจริตมี
    ข้าพเจ้าได้เห็นบุคคลโน้น ผู้เว้นขาดจากปาณาติบาต ฯลฯ มีความเห็นชอบในโลก
    นี้ และผู้นั้นตายไปแล้ว เข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ ข้าพเจ้าก็เห็น แล้วกล่าวต่อไป
    อย่างนี้ว่า ท่านผู้เจริญ เป็นอันว่า ผู้ใดเว้นขาดจากปาณาติบาต ฯลฯ มีความเห็น
    ชอบ ผู้นั้นทุกคนตายไปแล้ว ย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ ชนเหล่าใดรู้อย่างนี้
    ชนเหล่านั้นชื่อว่ารู้ชอบ ชนเหล่าใดรู้โดยประการอื่น ความรู้ของชนเหล่านั้นผิด
    สมณะหรือพราหมณ์นั้นจะพูดปักลงไปถึงเรื่องที่เขารู้เอง เห็นเอง ทราบเอง โดย
    ประการนั้นแหละ ในที่นั้นๆ ตามกำลังและความแน่ใจว่า นี้เท่านั้นจริง อื่นเปล่า ฯ
    [๖๐๗] ดูกรอานนท์ ส่วนสมณะหรือพราหมณ์บางคนในโลกนี้ อาศัย
    ความเพียรเครื่องเผากิเลส ความตั้งใจมั่น ความประกอบเนืองๆ ความไม่ประมาท
    ความใส่ใจโดยชอบ ย่อมถูกต้องเจโตสมาธิมีรูปทำนองที่เมื่อจิตตั้งมั่นแล้ว ย่อม
    เล็งเห็นบุคคลโน้น ผู้เว้นขาดจากปาณาติบาต ฯลฯ มีความเห็นชอบในโลกนี้ และ
    เล็งเห็นผู้นั้นตายไปแล้ว เข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรกได้ ด้วยจักษุเพียง
    ดังทิพย์ อันบริสุทธิ์ ล่วงจักษุของมนุษย์ สมณะหรือพราหมณ์นั้นจึงกล่าวอย่างนี้
    ว่า ท่านผู้เจริญ เป็นอันว่า กรรมดีไม่มี วิบากของสุจริตไม่มี ข้าพเจ้าได้เห็น
    บุคคลโน้น ผู้เว้นขาดจากปาณาติบาต ฯลฯ มีความเห็นชอบในโลกนี้ และผู้นั้น
    ตายไป เข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก ข้าพเจ้าก็เห็น แล้วกล่าวต่อไปอย่างนี้ว่า
    ท่านผู้เจริญ เป็นอันว่า ผู้ใดเว้นขาดจากปาณาติบาต ฯลฯ มีความเห็นชอบ ผู้นั้น
    ทุกคนตายไป ย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก ชนเหล่าใดรู้อย่างนี้ ชน
    เหล่านั้นชื่อว่ารู้ชอบ ชนเหล่าใดรู้โดยประการอื่น ความรู้ของชนเหล่านั้นผิด
    สมณะหรือพราหมณ์นั้นจะพูดปักลงไปถึงเรื่องที่เขารู้เอง เห็นเอง ทราบเอง โดย
    ประการนั้นแหละ ในที่นั้นๆ ตามกำลังและความแน่ใจว่า นี้เท่านั้นจริง อื่นเปล่า ฯ
    [๖๐๘] ดูกรอานนท์ ในสมณะหรือพราหมณ์ ๔ จำพวกนั้น เราอนุมัติ
    วาทะของสมณะหรือพราหมณ์ที่กล่าวอย่างนี้ว่า ท่านผู้เจริญ เป็นอันว่า กรรมชั่วมี
    วิบากของทุจริตมี แม้วาทะของเขาที่กล่าวอย่างนี้ว่า ข้าพเจ้าได้เห็นบุคคลโน้น ผู้
    มักทำชีวิตสัตว์ให้ตกล่วง ฯลฯ มีความเห็นผิดในโลกนี้ และผู้นั้นตายไปแล้ว เข้า
    ถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก ข้าพเจ้าก็เห็น นี้เราก็อนุมัติ ส่วนวาทะของเขาที่
    กล่าวอย่างนี้ว่า ท่านผู้เจริญ เป็นอันว่า ผู้ใดมักทำชีวิตสัตว์ให้ตกล่วง ฯลฯ มี
    ความเห็นผิด ผู้นั้นทุกคนตายไปแล้ว ย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก นี้เรา
    ยังไม่อนุมัติ แม้วาทะของเขาที่กล่าวอย่างนี้ว่า ชนเหล่าใดรู้อย่างนี้ ชนเหล่านั้น
    ชื่อว่ารู้ชอบ ชนเหล่าใดรู้โดยประการอื่น ความรู้ของชนเหล่านั้นผิด นี้เราก็ยังไม่
    อนุมัติ แม้วาทะของเขาที่พูดปักลงไปถึงเรื่องที่เขารู้เอง เห็นเอง ทราบเอง นั้น
    แหละในที่นั้นๆ ตามกำลังและความแน่ใจว่า นี้เท่านั้นจริง อื่นเปล่า นี้เราก็ยัง
    ไม่อนุมัติ นั่นเพราะเหตุไร ดูกรอานนท์ เพราะตถาคตมีญาณในมหากัมมวิภังค์
    เป็นอย่างอื่น ฯ
    [๖๐๙] ดูกรอานนท์ ในสมณะหรือพราหมณ์ ๔ จำพวกนั้น เราไม่อนุมัติ
    วาทะของสมณะหรือพราหมณ์ที่กล่าวอย่างนี้ว่า ท่านผู้เจริญ เป็นอันว่า กรรมชั่ว
    ไม่มี วิบากของทุจริตไม่มี แต่วาทะของเขาที่กล่าวอย่างนี้ว่า ข้าพเจ้าได้เห็นบุคคล
    โน้น ผู้มักทำชีวิตสัตว์ให้ตกล่วง ฯลฯ มีความเห็นผิดในโลกนี้ และผู้นั้นตายไป
    แล้ว เข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ ข้าพเจ้าก็เห็น นี้เราอนุมัติ ส่วนวาทะของเขาที่
    กล่าวอย่างนี้ว่า ท่านผู้เจริญ เป็นอันว่า ผู้ใดมักทำชีวิตสัตว์ให้ตกล่วง ฯลฯ มี
    ความเห็นผิด ผู้นั้นทุกคนตายไปแล้ว ย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ นี้เรายังไม่
    อนุมัติ แม้วาทะของเขาที่กล่าวอย่างนี้ว่า ชนเหล่าใดรู้อย่างนี้ ชนเหล่านั้นชื่อว่า
    รู้ชอบ ชนเหล่าใดรู้โดยประการอื่น ความรู้ของชนเหล่านั้นผิด นี้เราก็ยังไม่
    อนุมัติ แม้วาทะของเขาที่พูดปักลงไปถึงเรื่องที่เขารู้เอง เห็นเอง ทราบเองนั้น
    แหละ ในที่นั้นๆ ตามกำลังและความแน่ใจว่า นี้เท่านั้นจริง อื่นเปล่า นี้เราก็ยัง
    ไม่อนุมัติ นั่นเพราะเหตุไร ดูกรอานนท์ เพราะตถาคตมีญาณในมหากัมมวิภังค์
    เป็นอย่างอื่น ฯ
    [๖๑๐] ดูกรอานนท์ ในสมณะหรือพราหมณ์ ๔ จำพวกนั้น เราอนุมัติ
    วาทะของสมณะหรือพราหมณ์ที่กล่าวอย่างนี้ว่า ท่านผู้เจริญ เป็นอันว่า กรรมดีมี
    วิบากของสุจริตมี แม้วาทะของเขาที่กล่าวอย่างนี้ว่า ข้าพเจ้าเห็นบุคคลโน้น ผู้เว้น
    ขาดจากปาณาติบาต ฯลฯ มีความเห็นชอบในโลกนี้ และผู้นั้นตายไปแล้ว เข้าถึง
    สุคติโลกสวรรค์ ข้าพเจ้าก็เห็น นี้เราก็อนุมัติ ส่วนวาทะของเขาที่กล่าวอย่างนี้ว่า
    ท่านผู้เจริญ เป็นอันว่า ผู้ใดเว้นขาดจากปาณาติบาต ฯลฯ มีความเห็นชอบ ผู้นั้น
    ทุกคนตายไปแล้ว ย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ นี้เรายังไม่อนุมัติ แม้วาทะของเขา
    ที่กล่าวอย่างนี้ว่า ชนเหล่าใดรู้อย่างนี้ ชนเหล่านั้นชื่อว่ารู้ชอบ ชนเหล่าใดรู้โดย
    ประการอื่น ความรู้ของชนเหล่านั้นผิด นี้เราก็ยังไม่อนุมัติ แม้วาทะของเขาที่พูด
    ปักลงไปถึงเรื่องที่เขารู้เอง เห็นเอง ทราบเอง นั้นแหละในที่นั้นๆ ตามกำลังและ
    ความแน่ใจว่า นี้เท่านั้นจริง อื่นเปล่า นี้เราก็ยังไม่อนุมัติ นั่นเพราะเหตุไร ดูกร-
    *อานนท์ เพราะตถาคตมีญาณในมหากัมมวิภังค์เป็นอย่างอื่น ฯ
    [๖๑๑] ดูกรอานนท์ ในสมณะหรือพราหมณ์ ๔ จำพวกนั้น เราไม่
    อนุมัติวาทะของสมณะหรือพราหมณ์ที่กล่าวอย่างนี้ว่า ท่านผู้เจริญ เป็นอันว่า กรรมดี
    ไม่มี วิบากของสุจริตไม่มี แต่วาทะของเขาที่กล่าวอย่างนี้ว่า ข้าพเจ้าได้เห็นบุคคล
    โน้น ผู้เว้นขาดจากปาณาติบาต ฯลฯ มีความเห็นชอบในโลกนี้ และผู้นั้นตายไป
    แล้วเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก ข้าพเจ้าก็เห็น นี้เราอนุมัติ ส่วนวาทะ
    ของเขาที่กล่าวอย่างนี้ว่า ท่านผู้เจริญ เป็นอันว่า ผู้ใดเว้นขาดจากปาณาติบาต ฯลฯ
    มีความเห็นชอบ ผู้นั้นทุกคนตายไปแล้วย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก นี้
    เรายังไม่อนุมัติ แม้วาทะของเขาที่กล่าวอย่างนี้ว่า ชนเหล่าใดรู้อย่างนี้ ชนเหล่า
    นั้นชื่อว่ารู้ชอบ ชนเหล่าใดรู้โดยประการอื่น ความรู้ของชนเหล่านั้นผิด นี้เราก็
    ยังไม่อนุมัติ แม้วาทะของเขาที่พูดปักลงไปถึงเรื่องที่เขารู้เอง เห็นเอง ทราบเอง
    นั้นแหละ ในที่นั้นๆ ตามกำลังและความแน่ใจว่านี้เท่านั้นจริง อื่นเปล่า นี้เราก็
    ยังไม่อนุมัติ นั่นเพราะเหตุไร ดูกรอานนท์ เพราะตถาคตมีญาณในมหากัมมวิภังค์
    เป็นอย่างอื่น ฯ
    [๖๑๒] ดูกรอานนท์ ในบุคคล ๔ จำพวกนั้น บุคคลที่เป็นผู้มักทำชีวิต
    สัตว์ให้ตกล่วง ฯลฯ มีความเห็นผิดในโลกนี้ ตายไปแล้ว เข้าถึงอบาย ทุคติ
    วินิบาต นรก นี้ เป็นอันว่า เขาทำกรรมชั่วที่ให้ผลเป็นทุกข์ไว้ในกาลก่อน หรือ
    ในกาลภายหลัง หรือว่ามีมิจฉาทิฐิพรั่งพร้อม สมาทานแล้วในเวลาจะตาย เพราะ
    ฉะนั้น เขาตายไป จึงเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก ก็แหละบุคคลที่เป็นผู้
    มักทำชีวิตสัตว์ให้ตกล่วง ฯลฯ มีความเห็นผิดในโลกนี้นั้น เขาย่อมเสวยวิบาก
    ของกรรมนั้นในชาตินี้ หรือในชาติหน้า หรือในชาติต่อไป ฯ
    [๖๑๓] ดูกรอานนท์ ในบุคคล ๔ จำพวกนั้น บุคคลที่เป็นผู้มักทำชีวิต
    สัตว์ให้ตกล่วง ฯลฯ มีความเห็นผิดในโลกนี้ ตายไปแล้ว เข้าถึงสุคติโลกสวรรค์
    นี้ เป็นอันว่า เขาทำกรรมดีที่ให้ผลเป็นสุขไว้ในกาลก่อนๆ หรือในกาลภายหลัง
    หรือว่ามีสัมมาทิฐิพรั่งพร้อม สมาทานแล้วในเวลาจะตาย เพราะฉะนั้น เขาตาย
    ไปจึงเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ ก็แหละบุคคลที่เป็นผู้มักทำชีวิตสัตว์ให้ตกล่วง ฯลฯ
    มีความเห็นผิดในโลกนี้นั้น เขาย่อมเสวยวิบากของกรรมนั้นในชาตินี้ หรือในชาติ
    หน้า หรือในชาติต่อไป ฯ
    [๖๑๔] ดูกรอานนท์ ในบุคคล ๔ จำพวกนั้น บุคคลที่เว้นขาดจาก
    ปาณาติบาต ฯลฯ มีความเห็นชอบในโลกนี้ ตายไปแล้ว เข้าถึงสุคติโลกสวรรค์
    นี้ เป็นอันว่า เขาทำกรรมดีที่ให้ผลเป็นสุขไว้ในกาลก่อนๆ หรือในกาลภายหลัง
    หรือว่ามีสัมมาทิฐิพรั่งพร้อม สมาทานแล้วในเวลาจะตาย เพราะฉะนั้น เขาตาย
    ไป จึงเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ ก็แหละบุคคลที่เว้นขาดจากปาณาติบาต ฯลฯ มี
    ความเห็นชอบในโลกนี้นั้น เขาย่อมเสวยวิบากของกรรมนั้นในชาตินี้ หรือในชาติ
    หน้า หรือในชาติต่อไป ฯ
    [๖๑๕] ดูกรอานนท์ ในบุคคล ๔ จำพวกนั้น บุคคลที่เว้นขาดจาก
    ปาณาติบาต ฯลฯ มีความเห็นชอบในโลกนี้ ตายไปแล้ว เข้าถึงอบาย ทุคติ
    วินิบาต นรก นี้ เป็นอันว่า เขาทำกรรมชั่วที่ให้ผลเป็นทุกข์ไว้ในกาลก่อนๆ หรือ
    ในกาลภายหลัง หรือว่ามีมิจฉาทิฐิพรั่งพร้อม สมาทานแล้วในเวลาจะตาย เพราะ
    ฉะนั้น เขาตายไปจึงเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก ก็แหละบุคคลที่เว้นขาด
    จากปาณาติบาต ฯลฯ มีความเห็นชอบในโลกนี้นั้น เขาย่อมเสวยวิบาก ของกรรม
    นั้นในชาตินี้ หรือในชาติหน้า หรือในชาติต่อไป ฯ
    [๖๑๖] ดูกรอานนท์ ด้วยประการนี้แล กรรมไม่ควร ส่องให้เห็นว่า
    ไม่ควรก็มี ให้เห็นว่าควรก็มี และกรรมที่ควรแท้ๆ ส่องให้เห็นว่าควรก็มี ให้เห็น
    ว่าไม่ควรก็มี ฯ
    พระผู้มีพระภาคได้ตรัสพระภาษิตนี้แล้ว ท่านพระอานนท์จึงชื่นชมยินดี
    พระภาษิตของพระผู้มีพระภาคแล ฯ
    จบ มหากัมมวิภังคสูตร ที่ ๖
     
  13. มีแปปเดียว

    มีแปปเดียว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2010
    โพสต์:
    889
    ค่าพลัง:
    +3,876
  14. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    แนวคิดดี พูดถึงชาติภพและการเวียนว่ายตายเกิดของคน การรุ่งเรืองถึงขีดของโลกแต่ละยุคสมัย แล้วล่มสลาย กลับสู่ความล้าหลังป่าเถื่อน แถมยังเชื่อมโยงไปดาวดวงอื่นอีก

    ส่วนการนำเสนอนี่ ดูรอบเดียวแล้วงง ต้องดูอีกซักรอบสองรอบ ที่ยอมรับคือ การแปลงโฉมนักแสดง

    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 มกราคม 2013
  15. k_g

    k_g เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    83
    ค่าพลัง:
    +170
    ดูแล้วค่ะ คิดว่าเป็นหนังที่ดีนะคะ
    หลายอย่างที่เป็นข้อคิด สอดคล้องกับหลักพุทธศาสนา แล้วก็ทฤษฎีวิทยาศาสตร์ต่างๆ เช่น ซูเปอร์สตริง บลาๆๆ
    ข้อคิดก็ ปัจจุบันของเรามันเกี่ยวข้องกับอดีตแล้วก็อนาคตทั้งของเรา แล้วก็ของคนอื่นด้วย
    ส่วนตัวดูแล้วไม่งงนะคะ คิดว่าเป็นหนังที่ดีเลย
    เขาตั้งใจตััดต่อให้ไม่ต่อกัน เพราะเราจะได้ใช้ความคิดด้วยตัวเอง เดี๋ยวนี้จะมีหนังสักกี่เรื่องที่กล้าทำแบบนี้ :)
     
  16. blackangel

    blackangel เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,750
    ค่าพลัง:
    +1,919
    ถ้าดูจากภาพ
    แล้วดันคิดไปว่า จากเนื้อเรื่องคนที่มีปานรูปดาวหางเป็นคนๆเดียวกัน ก็จะงงเลยยย
     
  17. LiFEillusion

    LiFEillusion สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    31
    ค่าพลัง:
    +14
    หนังสไตล์บริษัืทFOCUS นี่ ผมสัญญาว่าจะดูเรื่องนี้เป้ฯเรื่องสุดท้าย

    คือ ห่วยสุดๆครับ เอารางวัลการตัดต่อ(จนคนงง)อย่างเดียวเลย

    ตั้งแต่ มอนสเตอร์ บอล/ 21grams / Crash ดูแล้วงง เครียด กดดัน การตัดต่อสลับไปสลับมาแบบ ไม่เกี่ยว อะไรกันเลยพยายามโยง ชีวิต ของหลายๆคน มาสัมพันธ์กันที่จุดใดจุดหนึ่ง โอยยย เสียดายตังค์ครับ

    แต่ถ้าเอามาดูหลายๆครั้งอาจจะเข้าใจดี ดังนั้น เวลาเข้าโรงอย่าไปดู เพราะดูยาก ไปหาโหลดมาดีกว่าหนังแบบนี้ดูซ้ำๆได้หลายครั้งจะเข้าใจ แต่ผมขอบายล่ะ

    อ่อ รู้สึก หนังของ Focus จะมีเรื่องนึงที่ดีหน่อย ก็ the day the earth stood still อะไรนั่น ที่คีนูรีฟเล่น พอใช้ได้
     
  18. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    หนังบางเรื่อง ตัดหน้าหนังซะน่าดู แต่เนื้อในเกือบจะเป็นหนังคนละม้วน อย่างเรื่องนี้ ตัดต่อเรื่องราวของแต่ละตัวละคร ไขว้กันไปไขว้กันมา ไทม์ไลน์ค่อนข้างยุ่งเหยิง จับเหตุการณ์โน้นมาตัดสลับเหตุการณ์นี้ตลอดแทบทุกฉาก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 มกราคม 2013

แชร์หน้านี้

Loading...