ผมภาวนา คาถาปัจเจกพระพุทธเจ้าบทต้น

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย tor19792522, 8 มกราคม 2013.

  1. tor19792522

    tor19792522 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    51
    ค่าพลัง:
    +311
    ผมภาวนา คาถาปัจเจกพระพุทธเจ้าบทต้น ภาวนามาได้พักหนึ่งจิตผมรวมเร็ว มาก แล้วการภาวนาแบบนี้มีผลดีผลเสียย่างไรบ้างครับ ผมว่า พุทธะมะอะอุ นะโมพุทธายะ ว่าแค่นี้ทังวัน เป็นการเจริญภาวนาได้ไหมครับ หรือสิ่งที่ผมทำเป็นสิ่งที่ผิด ขอความกรุณาท่านผู้รู้ช่วยตอบผมด้วยว่าผมควรทำต่อไปไหม ขอบพระคุณมาก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 9 มกราคม 2013
  2. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    ทำต่อไปครับ

    ขอมั่นคง กับสิ่งที่ ตนเองภาวนา
     
  3. tor19792522

    tor19792522 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    51
    ค่าพลัง:
    +311
    ผมทำถูกแล้วใช่ไหมครับ ขอบพระคุณมากครับ
     
  4. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
  5. tor19792522

    tor19792522 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    51
    ค่าพลัง:
    +311
    ผมภาวนาแบบนี้ทำไห้จิตผมเบาจนคคำภานานี้หายไป พุทธะมะอะอุ นะโมพุทธายะ แล้วผมก็ดูลมหายใจต่อผม แล้วอนิสงภาวนา พุทธะมะอะอุ นะโมพุทธายะ อนิสงค์คืออะไรหรอครับ
     
  6. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    อานิสงส์หลายอย่างครับ

    เมื่อ เป็นเหตุให้ สงบนิ่งแนบแน่น น้อมไปฝึก อภิญญาได้
    น้อมไปเพื่อเดินปัญญาเพื่อพ้นทุกข์ได้


    ฟังพระให้เข้าใจ
    บางจังหวะ ท่านจะอธิบายให้เราเข้าใจวิธี
    จะได้ไม่หลงทางครับ
     
  7. tor19792522

    tor19792522 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    51
    ค่าพลัง:
    +311
    ขอบพระคุณครับ
     
  8. firstini

    firstini เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,213
    ค่าพลัง:
    +3,770
    สิ่งหนึ่งที่ได้ก็คือ สมาธิครับ
     
  9. tokyoo2

    tokyoo2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2012
    โพสต์:
    561
    ค่าพลัง:
    +419
    เเนะนำว่าอย่าใช้คำว่าภาวนา กรณีนี้ เพราะการภาวนานั้นจะเกียวกับการ กระทำ การเจริญ โพธิปักขิยธรรมทั้ง38อย่าง หรือ อนุสสติภาวนา อานาปานสติภาวนา อย่างนั้น เพราะว่าในบุญกิริยาวัตถุ3 จะมีเรื่องการภาวนาถ้าเอาเรื่องนั้นมารวมกันจะเกิดความเข้าใจเคลื่อนไป กลายเป็นยิ่งสวดยิ่งได้บุญไป ส่วนเเบบนี้จะให้เรียกอะไรดีหล่ะ ใช่การบริกรรมมั้ย ไม่ใช่เเน่เพราะไม่มีสอนให้บริกรรม. เเล้วเเบบนี้ พุทโธ มีได้มั้ย พองยุบ? จะมีสอนได้ไง ใช่มั่ย หรือจะเรียกว่า สวดมนตร์. ตรงนี้ผมจะเห็นที่พระองค์ตรัสถึงพวกพรามหณ์ ว่าชอบสวดมนตร์ เเต่จะไม่รู้ใจความที่สวดว่าคืออะไร.ไม่รู้เหตุผลที่ระเอียดๆ ก็สวดไปสะเปะเรื่อยๆอ้อนวอลหรือทรงจำเเบบไม่คิดอะไร
    ตกลงเเล้วเรื่องนี้ จึงต้องเรียกว่า สาธยายธรรม ตามที่บัญญัติ เพราะจะตรัสถึงสาธยายธรรมที่ทำให้หลุดพ้นได้ ด้วยการสวดคำพระศาสดา อนิสงส์อื่นๆก็มีอีกมากมาย หรือที่พระสงฆ์ลงอุโบสถก็จะสวดคำพระศาสดา ทรงจำนำไปปฏิบัติได้ถูก 150 สู่อุเทสมุกกึ่งเดือร ไม่มีที่จะสวดเพื่อพ้นกรรม เพราะไม่งั้นก็จะไม่มีใครในโลกที่เสื่อมได้เลย เเล้วอีกอย่างพุทธกาลพระองค์ให้ปฏิบัติ16 ชั่วโมง ในพระสูตรตรัสไว้ สมัยนี้ต้องสวดวัตรเช้าเย็น ปฏิบัติไม่เเน่ใจ เเบบนี้ขัดกันอยู่ ถ้าให้เเน่ใจ จึงต้องสอบสวนว่าข้อวัตรไหนมีพระสูตรรองรับ เเละถ้าจะสวด อนิสงส์จะได้ต่อมื่อสวดคำพระศาสดาเท่านั้น เเก้ให้เป็นเปาะๆไป
     
  10. tor19792522

    tor19792522 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    51
    ค่าพลัง:
    +311
    ขอบคุณครับ แต่ผมสวดบทนี้แล้วผมสงบนะครับ อนิสงค์ผมว่าเป็นแค่ผลพลอยได้ แต่ที่ผมวังคือสติ แต่ผมไม่รู้ว่าสิ่งที่ผมกระทำมันถูกมากน้อยแค่ไหน แต่ที่ผมสวดบทนี้ผมได้จิตที่รวมได้เร็วนะครับจิตไม่ซ่ายไปไหนอยู่แต่กับคำภาวนาคำนี้คำเดียวนะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 มกราคม 2013
  11. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    ทำไปเถิด การประกอบ สมาธิ เป็นเหตุนึง

    ที่รวมอยู่ ใน โพธิปักขิยธรรม 37 ประการ


    กิริยา ที่ จดจ่ออยู่ ในสิ่งใดสิ่งหนึ่ง จิตย่อม สงบลง
    ย่อมเป็นฐานพลัง เพื่อน้อมไป ในสติ สัมปชัญญะ

    จขกท. จะบริกรรมยาวสั้น ไม่ผิดแต่ประการใด

    เพียงแค่หมั่นประกอบเนืองๆในสิ่งที่ทำ ย่อมพัฒนาไปเพื่อ สติ สัมปชัญญะ

    ไม่ผิด ในโพธิปักขิยธรรม 37 ประการ

    มาดูว่า โพธิยปักขิยธรรม 37 ประการ มีอะไรบ้าง

    โพธิปักขิยธรรม หรือ โพธิปักขิยธรรม 37 เป็นธรรมอันเป็นฝักฝ่ายแห่งความตรัสรู้ คือ เกื้อกูลแก่การตรัสรู้ เกื้อหนุนแก่อริยมรรค มี 37 ประการคือ

    สติปัฏฐาน 4
    สัมมัปปธาน 4
    อิทธิบาท 4
    อินทรีย์ 5
    พละ 5
    โพชฌงค์ 7
    มรรคมีองค์ 8
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 8 มกราคม 2013
  12. tokyoo2

    tokyoo2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2012
    โพสต์:
    561
    ค่าพลัง:
    +419
    มันก็ใช่ที่ทำให้สงบได้บ้างเเต่ปัญญาในการเห็น หรือสัจจสัญญาที่ระเอียดก็จะได้เข้าไป เเล่นไปได้ช้ากว่าเก่า การที่ทำตามพระองค์สอนคือการสวดคำพระศาสดา ผมก็รู้อาจจะเข้าใจได้ยาก เเต่ถ้าเป็นคำที่ตรัสออกมานั้นเป็นประโยชน์หมด ถ้าผมจะสวดเเละใครครวญอย่างเดียวก็ต้องเเทงตลอดด้วยความเห็นด้วยไง ถ้าเเบบนั้นคุณไม่หาวิธีที่ง่ายกว่าละ เพียงรู้ลมก็ชื่อว่าอยู่กับกาย. กายคตาสตินี้เเละคือเสาหลีกของจิต. ถ้าคุณบอกว่าสวดอย่างเดียวสงบง่ายๆ. ผมคิดว่าไม่น่าง่ายอย่างที่คิด. การที่พระองค์ให้อยู่กับเสาหลักแห่งจิต เป็นเหตุที่สุด เพื่อความสงบยิ่งๆ เพื่อให้จิตมาเกาะไว้ที่รูป เเต่ถ้าเอาเเต่สวดเนี่ยเกิด-ดับ 100 ก็ยังไม่ทราบครับ ขนาดผู้ที่เข้าเนวสัญญานาสัญญายตนะ ขันธ์ทั้ง4 เกิดดับยังไม่รู้ นี้เล่นสวดกะให้สงบ มันไม่เหลือหรอกอครับ ปัญญาก็ได้ยากด้วย เอาตามนี้ง่ายสุดเเล้ว
     
  13. tokyoo2

    tokyoo2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2012
    โพสต์:
    561
    ค่าพลัง:
    +419
    สติเนี่ย พระองค์ตรัสว่าไว้สำหรับระลึก ว่า กาย เวทนา จิต ธรรม มีอยู่. เเต่ในส่วนที่สำคัญเมื่อระลึกขึ้นมา เเล้ว อนุปัสสนา ตามเห็นความไม่เที่ยง เสื่อมไป วิปัสสนาเห็นเเจ้งครับว่ามันเป็นอย่างนั้น
    มันจะถอดถอนอัสมิมานะได้นะ เรื่องสติเนี่ยคุนไม่ต้องคิดมากหวังอะไรไปเเบบนั้น ถ้าคุณอยากให้มีสติเพื่อหลุดพ้น เพียงระลึกฐานทั่ง4นี่ก็พอเเล้ว. ถ้าเกิดระลึกดึงกลับมาที่กายบ่อยๆเช่นอานาปานสติ. ก็จะทำให้เกิดสมาธิได้ เเต่ถ้าให้ดีเห็นเกิดดับด้วยก็ได้ปัญญา เพราะพระองค์จะเน้นไว้อยู่ว่าสมถะวิปัสสนาต้องเคียงคู่กันไป
     
  14. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814

    :cool:จริงๆคุณทำได้ขนาดนี้ ก็รู้อยู่แล้ว คนที่เขาทำไม่ถึง เขาจะรู้ได้อย่างไร คุณขี้ตรงล่องแล้ว มีคนจำนวนมาก ที่ภาวนาแล้วจิตไม่สงบ เหมือนคุณ มันทำขนาดนี้ ไม่ได้ง่ายๆนักหรอก กรรมฐานทุกกอง ถ้าไม่ทำควบคู่ อนาปานัสติ จะเสื่อมง่าย และทำไม่ถึง ฌาณ ๔ ทำอนาปาควบคู้ จะทำให้เข้าถึง ฌาณ ๔ อารมย์ทรงตัว ถ้าได้ อนาปานุสติ จะรู้ วันตาย ของเราของคนอื่น


    เรื่องอานิสงฆ์ ไม่ขออธิบาย พรรณาไม่ไหวหรอก เมื่อทำถึง ที่สุดแล้ว ถอยหลังมาอยู่ อุปจารสมาธิ พิจรณา ปัญญาจะเกิดเร็วครับ และรู้เอง ถ้าไม่เข้าใจ ก็ไปหาผู้มีอารมย์ที่สูงกว่าครับ:cool:
     
  15. tor19792522

    tor19792522 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    51
    ค่าพลัง:
    +311
    ขอบพระคุณมากครับ
     
  16. degba4567

    degba4567 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    200
    ค่าพลัง:
    +348
    ทำดีแล้วให้พอใจอย่าไปเขว ไม่แน่ใจให้ฟังหลวงพ่อพุธครับ คุณเพิ่งเริ่มต้นอย่าไปเขวกับคำคนอื่นพูด เอาศีลเทียบเลยครับ ถ้าทำแล้วไม่ผิดสีลถือว่าไม่ผิดครับ ถ้าไม่แน่ใจให้ฟังเทศน์หลวงพ่อพุธนะครับ จะได้ชัดเจน
     
  17. tor19792522

    tor19792522 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    51
    ค่าพลัง:
    +311
    ขอบคุณครับ
     
  18. บุคคลทั่วไป 3 คน

    บุคคลทั่วไป 3 คน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,938
    ค่าพลัง:
    +1,253
    สังเกต สอง บรรทัด ที่คุณกล่าว พรรณาผลงานทางจิต ของคุณ สองท่อนนี้ไหม

    ว่ามัน ขัดแย้งกัน

    เนี่ยะ หากเป็นคนที่ มี อธิษฐานบารมี สัจจบารมี จะไม่กล่าวอะไร ขัดแย้งกัน
    เองแบบนี้

    ลมหายใจ ในหลักการแล้ว มันก็อันเดียวกัน กับคำ บริกรรม

    การที่คุณ ใช้คำบริกรรม " นะจ๊ะนะจ๊ะ " พอมาถึงจุดๆหนึ่ง เกิด ความแพศยา
    ละทิ้ง ธรรมสามี แล้วไป คว้าลูกเมียน้อยคือ "ลมหายใจ"

    การ อิ่มคำบริกรรมนั้น คุณจะต้อง นึกอะไรไม่ออก ไม่มีการนึกอะไรออก หาก
    นึกออกว่า เอ๋ ได้การละ จิตเราแน่นปึ๋งปั๋ง ละคำบริกรรมแล้วไป จับ ลมบริกรรม
    ดีกว่า จิตมันจงใจเจตนาเลือกกรรมมากระทำได้ อันนี้ เขาไม่เรียกว่า จิตรวม

    เขาเรียกว่า ยังคุ้นเคยต่อการ สำคัญว่าจิตเป็นตน แล้ว รวมจิต ดันเจตนา ทยาน
    อยากไปสู่ กิ่งไม้อันใหม่ ( อาการที่ เราคว้านั่น คว้านี่ มาสมสู่ อยู่งาน แบบ
    ไม่อิ่ม จะเรียกว่า จิตหญิงแพศยา ก็ได้ เรียก จิตเหมือนวานร ก็ได้ เรียก
    จิตเหมือน เถาวัลย์ก็ได้ ...... กรณีที่ คว้าแล้ว งง หมด ไม่รู้ว่า คว้าอะไร แล้ว
    ได้อะไร มีอานิสงค์อะไร อันนี้ ระเปรียบเป็น ขอดด้ายที่ขยุ่มกันอยู่ แกะไม่ออก )


    ซึ่ง เชื่อไหมว่า พฤติจิตของ คนที่ จับปูดำ ขยำปูนา จับปู้ม้า คว้าปูทะเล
    เนี่ยะ เขาเรียกว่า " ผู้ไม่เคยอบรมจิต "

    มันไม่ต่างกันกับ ผู้ทรงความยุติธรรม เป็นนายกองดีแอสไอ ทำงานคว้า
    เรื่องราว เล่นคำ เพียงแค่ ต้องการสร้างผลงานให้เข้าตาผู้นิยมให้คุณให้โทษ

    *****************

    ไปฝึกใหม่เลยครับ เอา คำบริกรรม ชุดเดียว ไม่ต้องมา จับลมหายใจ

    จิตคุณจะมาจับลมหายใจหรือไม่ ปล่อยให้มันเป็นเรื่องของจิต ที่หมด
    ทางไป ไม่มีทางจะไป เหมือนคนมาสุดตรงหน้าผาแล้ว ไม่มีถอยหลัง
    ยังก้าวเท้าลงไปในหน้าผานั้น โดยไม่ลังเลสงสัย

    หลังจาก ก้าวเท้าลงไปในหน้าผาแล้ว มีสติ มีสัปชัญญะ รู้ว่า ก้าวล่วง
    ข้ามเขตแดยแล้ว ก็ขันติให้มากๆ จนกว่า มันจะ หยิบลมหายใจขึ้น
    มาอีกครั้งด้วยตัวจิตเอง แล้ว การหยิบลมหายใจนั้น จะเป็น วิปัสสนา
    ทันที เพราะ " ลมคือกาย กายคือลม " การพิจารณากาย หรือ มารู้
    ลมนั้น จะต้องเป็นไปเพื่อการ ถอดถอน ขัดเกลา

    ไม่ใช่ มาจับลมเป็นวิหารธรรมซ้ำซ้อน กับ งานบริกรรมคำ

    อย่าปฏิบัติธรรมแบบ ทิ้งเมียหลวง คว้าเมียน้อย มันจะ งง ไม่เลิก
    ไม่รู้ว่า เป้าหมาย และ วัตถุประสงค์ของการ ภาวนา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 มกราคม 2013

แชร์หน้านี้

Loading...