ใครศรัทธา หลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืด มาพูดคุยกันครับ

เล่าเรื่อง...จากหนังสือต่อค่ะ..:d

"บุญฤทธิ์"
หลวงพ่อแก้ว...

ตอน

ถ้ำมหาสมบัติ

หลังจากออกพรรษาแล้วท่านอาจารย์แก้ได้ออกากวัดบ้านเปี่ยน ธุดงค์ไปปักรดอยู่ที่ถ้ำขุนคลัง ซึ่งอยู่ในเขตติดต่อกัน ในถ้ำนี้มีการบอกเล่าต่อๆ กันมาว่า เป็นที่เก็บสมบัติของพญาขุนคลัง ภายในถ้ำเชื่อว่า เป็นที่ค้างศพคนสมัยโบราณ เพราะมีการพบหัวกระโหลกที่มีขนาดใตกว่าปกติมากมาย และมีสมบัติอยู่ในถ้ำมากมาย แต่ไม่ค่อยมีคนกล้าเข้าไปในถ้ำนี้ด้วยมีความน่ากลัวมากกว่าน่าเที่ยว ทั้ง ๆ ที่ภายในถ้ำมีหินงอก หินย้อน และธารน้ำไหลสวยงามมาก แต่หลังจากท่านอาจารย์แก้วบุกเบิกมาปฏิบัติธรรมในถ้ำนี้ทำให้ชาวบ้าน และนักท่องเที่ยวเริ่มเดินทางมาชมธรรมชาติที่นี่กัน

การอยู่ปฏิบัติธรรมของท่านอาจารย์ที่ถ้ำนี้ ได้พบกับความแปลกใหม่และมหัศจรรย์หลายเรื่องชาวบ้านที่ประสบเหตุการณ์ เล่าให้ผู้เขียนฟังว่า แม้จะเป็นเวลากลางวัน หากนั่งสนทนากับท่านอาจารย์ซึ่งปักกรดอยู่บริเวณปากถ้ำก็จะได้ยินเสียงจากภายในถ้ำที่ลึกเข้าไป เป็นเสียงพูด เสียงเด็กร้อง เสียงคนผ่าฟืน เสียงตำข้าว เสียงตะโกน ฯลฯ
คนที่ไปหลายๆ ครั้งก็ได้ยินเป็นประจำ วันหนึ่งท่านอาจารย์แก้วได้พิจารณาเห็นว่า ที่แง่หินผนังถ้ำมีสร้อยประดับเพชรพลอย ส่องแสงแวววาวแขวนอยู่ ท่านอาจารย์ได้เดินไปดูก็เห็นชัดเจน จึงได้เอาผ้าปิดทับไว้ ครั้นเมื่อชาวบ้านมาเยี่ยมท่าน ท่านอาจารย์จึงบอกให้ไปดูของที่ผนังถ้ำที่มีผ้าปิดไว้ แต่คนที่ไปดูบอกว่าไม่มีอะไร แต่เมื่อท่านอาจารย์ไปดูเองก็ปรากฎยังมีอยู่ ท่านอาจารย์จึงเฉยเสียมิได้หยิบฉวยมาเป็นประโยชน์แต่อย่างใด ในตอนเย็นวันนั้นได้เกิดเหตุการณ์ประหลาดคือ มีน้ำทะลักออกจากในถ้ำผ่านมาจากพื้นลานหน้าที่พักของท่านอาจารย์ ผู้อยู่ในเหตุการณ์เล่าว่าน้ำนั้นไหลอยู่ประมาณครึ่งชั่วโมงจึงแห้งหายไปทั้งๆ ที่ในวันนั้นฝนก็ไม่ได้ตกแต่อย่างใด

อีกเหตุการณ์หนึ่งที่แปลกใจแก่ผู้พบเห็นคือ ในตอนกลางวันซึ่งมีแขกอันเป็นญาติโยมที่ไปนมัสการอาจารย์ รวมถึงนักท่องเที่ยว ได้ทิ้งขยะและสิ่งปฏิกูลไว้เกลื่อนทั้งในถ้ำและหน้าถ้ำ แต่พอตอนเช้ามืดปรากฎว่าพื้ถ้ำได้ถูกปัดกวาดสิ่งปฏิกูลและขยะจนสะอาดเกลี้ยงเกลา และเป็นเช่นนี้อยู่โดยตลอด เรื่องนี้ท่านอาจารย์แก้วบอกว่า ที่ถ้ำขุนคลังมี "คนธรรพ์" ซึ่งเป็นพวกมีกายทิพย์ดูแลรักษาอยู่ เป็นเรื่องที่รู้เห็นกันได้เฉพาะตัว

วิโรจน์ เพียรเจริญ
17 พฤศจิกายน 2534
เผยแพร่เป็นธรรมทาน

 

อยู่กับสมบัติผี หนีเพราะสมบัติคน

การพำนักปฏิบัติธรรมของท่านอาจารย์แก้วที่ถ้ำขุนคลัง นับว่ามีความสงบเงียบและวิเวก เหมาะแก่การวิปัสนากรรมฐานยิ่ง เมื่ออยู่หลายๆ วันลูกศิษย์ลูกหาที่เคยรู้จักและรู้ข่าวจากท้องที่ต่างๆ ที่ท่านเคยผ่านมา ก็จะมากราบนมัสการและสนทนากับท่าน จนบางคนก็ขอพักแรมที่ถ้ำขุนคลังร่วมกับท่านอาจารย์ วันหนึ่งท่านอาจารย์ได้ปรารภกับญาติโยมที่เดินทางจากบ้านเขาปูน อำเภอพรหมคีรี จังหวัดนครศรีธรรมราชที่ได้ไปเยี่ยมว่า ที่ถ้ำนี้ตอนกลางคืนหากมีเครื่องไฟฟ้าสักเครื่องก็จะดี ญาติโยมที่มาพักจะได้สะดวกเพราะที่ถ้ำแสงสว่างไม่เพียงพอและกลางคืนก็มืดมาก ปรากฎว่าอีกหลายวันต่อมา ชาวบ้านเปี่ยนหลายคนได้ไปสนทนากับท่านอาจารย์จนเย็นและเตรียมกราบลา ท่านอาจารย์บอกว่า "อย่าเพิ่งกลับ วันนี้เขาจะเอาเครื่องไฟมาถวาย คอยรับกันก่อน" ชาวบ้านก็ไม่เชื่อเพราะยังไม่เคยได้ยินว่าใครจะมาบริจาคเครื่องไฟดังกล่าว แต่ก็รออยู่จนเย็นเพื่อพิสูจน์คำพูดของท่านอาจารย์ ก็ปรากฎว่าเย็นนั้นเองชาวบ้านเขาปูนได้นำเครื่องไฟฟ้าไปถวาย ทำเอาชาวบ้านเปลี่ยนเชื่อถือคำพูดของท่านอาจารย์แก้วว่า
วาจาสิทธิ์ ท่านพูดอะไรที่เป็นตัวเลขก็มักจะไปแก้เป็นหวยเบอร์เสียหมด ซ้ำบางคนก็มีโชคเสียด้วย จึงมีการกล่าวขวัญถึงท่านมากขึ้นเรื่อยๆ

การอยู่ที่ถ้ำขุนคลังของท่านอาจารย์แก้วชั่วระยะหนึ่ง และมีผู้คนมากมาย รวมทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจทหารเข้าไปในท้องที่นั้น จึงทำให้ขบวนการทำไม้เถื่อนซึ่งมีพื้นที่ป่าไม้กว่าห้าสิบไร่ ไม้มีค่า เช่น อินทนิล มูลค่าหลายล้านบาทเกิดการชงักงันทางธุรกิจ ขบวนการไม้เถื่อนที่ตัดไม้ไว้แล้วไม่สามารถขนออกมาจากป่าได้ จึงได้เริ่มวางแผนก่อกวนเพื่อให้ท่านอาจารย์ออกจากพื้นที่เสียโดยเร็ว เช่นมาบอกท่านอาจารย์ว่า "ท่านอยู่ที่นี่อยู่ได้ แต่ห้ามติดต่อกับบุคคลภายนอก " คนที่ตักบาตรก็ถูกห้ามมิให้ตักบาตร มิฉะนั้นจะมีอันตราย มีขบวนการก่อนกวนมาเอาของที่ชาวบ้านนำมาถวายท่านไว้ เช่น วิทยุ เครื่องใช้ไฟฟ้า โดยแบกหามไปต่อหน้าโดยมิได้เกรงใจ มีผู้ใกล้ชิดกับขบวนการเหล่านั้นกราบเรียนท่านอาจารย์ว่า หากท่านอาจารย์ไม่ออกจากถ้ำขุนคลังจะมีอันตรายถึงชีวิตด้วยอำนาจอิทธิพลของขบวนทำลายป่านี้รุนแรงขึ้นทุกวัน ลูกศิษย์ลูกหาที่ใกล้ชิด โดยเฉพาะชาวเขาปูนที่เดินทางไปเยี่ยมท่านอาจารย์ เห็นว่าหากท่านอาจารย์ยังจำวัดที่ถ้ำขุนคลังต่อไปน่าจะเป็นอันตรายได้ จึงอารธนานิมนต์ท่านอาจารย์ออกจากถ้ำขุนคลังในตอนเย็นวันหนึ่งเพื่อหาที่สงบวิเวกอื่นต่อไป

 

กราบหลวงปู่ทวดด้วยความเคารพครับ

 

สวัสดีครับทุกท่าน.............สวยมากครับ

 

กราบหลวงปู่ทวดครับ

พระพี่ช้างงามมากครับ
เรื่องราวพี่นวลก็น่าสนใจ
รอเสี่ยล้างใจมาโชร์หลวงปู่แบบเชิงลึก
และปิดท้ายด้วยอาจารย์จงอางกล่าวนำวนอีกรอบหนึ่ง ครับ 5555

สวัสดครับพี่พี่น้องๆเพื่อนๆทุกท่าน

 

กราบหลวงปู่่ทวดเหนือเศียรเกล้า

สอบถามครับ ว่าหลวงปู่่ทวดองค์นี้ของวัด หรือหลวงปู่่ไหนสร้างครับ

 

กราบหลวงปู่ทวดที่เคารพอย่างสูง
หวัดดีครับคุณนวลของที่ส่งไปให้ผมได้รับเรียบร้อยแล้วครับ
ขอบคุณมากสติ๊กเกอร์และผ้ายันต์สวยมากครับ

 

กราบหลวงพ่อทวดและพระศักดิ์สิทธิ์ทุกองค์
สวัสดีค่ะญาติธรรม...

 

หลวงพ่อทวดเนื้อว่านด้านหลัง ๒๕๓๖...

 

งดงามครับคุณน้องนวล

 

เพิ่งได้มาใหม่ แท้มั้ยครับน้อง ภัทร


หลวงปู่ทวดกดมือเนื้อว่านยุคแรก พ่อท่านพลวัดนาประดู่ปัตตานี ยุคแรก เนื้อยังกับ 97 เลย

 

"บุญฤทธิ์"

หลวงพ่อแก้ว


นิมิตสร้างพระธาตุ

การเดินทางมายังวัดเขาปูนของท่านอาจารย์แก้ว ปุญญภาโค และพำนักอยู่ที่ศาลาบาตรอนุสรณ์ หนูชัยกุล ได้ถูกบอกกล่าวๆ ต่อ ๆ กันไปสู่คนที่รู้จักคุ้ยเคย หรือเคารพนับถือกันมาก่อนก็พากันมาเยี่ยม และยิ่งเพิ่มจำนวนมากขึ้นทุกวัน ลูกศิษย์บางคนเคยประสบเหตุการณ์อันเป็นบุญฤทธิ์ของท่านอาจารย์ถึงกับเลื่อมใส และยอมบวชอยู่กับท่านเพื่อแสวงหาหลักธรรม ก็ได้แวะเวียนมาดูสารทุกข์สุขดิบ คนที่เพิ่งรู้จักเมื่อสนทนาธรรมกับท่านก็เกิดควมเลื่อมใสศรัทธา ผู้ที่มาจากถิ่นไกลบางคนก็ถือโอกาสพักกับท่านอาจารย์ คนมาเยี่ยมท่านมีหลายกลุ่ม พ่อค้าก็มี ข้าราชการก็มี คหบดีก็มี ซึ่งล้วนแต่มีจิตกุศล ซึ่งมักนำสิ่งของเงินทองมาถวายมิได้ขาด แต่การอธิษฐานธุดงค์ของท่านอาจารย์ทำให้ท่านไม่ติดยึดในสถานที่หรือสะสมจตุปัจจัยใดๆ ดังนั้นท่านจึงนำสิ่งของและเงินทองเหล่านั้นบริจาคทำบุญตามเจตนารมณ์ของผู้ถวายโดยตลอด

การพักที่ศาลาบาตรอนุศรณ์ หนูชัยกุล เริ่มคับแคบและไม่เป็นสัดส่วนที่มีแขกมาเยี่ยมเยียน ท่านอาจารย์แก้วได้พิจารณาศาลาที่ประดิษฐานหลวงพ่อดำที่เชิงเขาปูน เห็นว่าสงบดี เหมาะแก่การปฏิบัติกรรมฐาน ท่านอาจารย์มีความพอใจ จึงดำริที่จะขึ้นไปพำนักบนศาลาหลังนี้ด้านหลังพระพุทธรูปเป็นการชั่วคราว แต่การขึ้นลงลำบาก ต่อมาลูกศิษย์ลูกหาที่ทราบความประสงค์ของท่านอาจารย์แก้ว ได้ปรึกษาหารือกันและร่วมสละเงินคนละเล็กละน้อย จัดซื้อวัสดุอุปกรณ์พวกปูน หิน ทราย อิฐ และลงมือก่อบันไดชั้นที่หนึ่ง ขั้นที่สอง ขั้นที่สาม และขั้นต่อๆไปรวม 63 ขั้น ใช้เวลาเพียงหกวัน บันไดขั้นสุดท้ายก็ถึงศาลาหลวงพ่อดำ เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2528 จากนั้นท่านอาจารย์แก้วจึงขึ้นไปจำวัดที่ศาลาหลวงพ่อดำ คืนแรกที่ท่านอาจารย์จำวัดที่ศาลาหลวงพ่อดำ ได้นิมิตว่า เทพองค์ขาว เทพองค์เขียว และพระอังคาร ได้มาบอกให้ขึ้นไปที่พระราชวังบนยอดเขาปูนเพื่อเอาเสาหลักชัยคู่บ้านคู่เมือง และสร้างพระธาตุบนยอดเขาปูน

 

ท่านพี่ล้างใจ ได้จากที่ไหนมา

หลวงพ่อทวดงดงามทุกองค์ค่ะ

 

ได้มาจากปัตตานี