ดาบวชิรพรหม วิชาสัตตะวชิระโลหะ มวลสารดาบฟ้าฟื้นลพ.ฤๅษีลิงดำ เพื่อ ๕ งานบุญ

update ในตารางลำดับที่ 162 ให้ด้วย โอนแล้วแต่ยังเป็นพื้นขาวอยู่ครับ
ขอบคุณครับ

 

อย่าเพิ่งตัดสิทธิ์ผมนะครับ หาโอกาสแว้บแม่บ้านไปโอนเงินยากเหลือหลายครับ

จะไปโอนวันพรุ่งนี้นะครับ

 

update ให้แล้วครับ
ขอบคุณครับ

 

ครับ โอนแล้วรบกวนแจ้งอีกทีนะครับ

 

ข้อมูลยันต์ต่างๆที่อยู่ในมีดหมอวชิรพรหม

ยันต์โสฬสมงคล ตอนที่ ๒ (สุดท้าย)
ข้อมูลจากคุณ shibby
​

มาเข้าวัดสะพานสูงกันเลยดีกว่าครับ (เล่นผมไปหลายชั่วโมงล่ะ )

การดัดแปลงยันต์โสฬสเดิมมาเป็นพระยันต์โสฬสมหามงคลวัดสะพานสูง
จะขอกล่าวถึงพระยันต์ที่เป็นพระยันต์หลักในการสร้างตะกรุดโสฬสมหามงคลแห่งวัดสะพานสูงกันครับ การเขียนพระยันต์นั้น จะสร้างเป็นรูปตารางมิติสี่เหลี่ยมซ้อนกันสามชั้น โดยชั้นนอกสุดถูกแบ่งออกเป็นสิบหกช่องเรียกว่า โสฬสมงคล รอบในชั้นต่อมาจะถูกแบ่งออกเป็นสิบสองช่องเรียกว่า ตรีนิสิงเห จากนั้นชั้นในสุดแบ่งออกเป็นเก้าช่องเรียกว่า จตุโร จากนั้นด้านนอกยันต์ตารางจะล้อมรอบด้วยพระคาถาเทพสัตราวุธ และ(หรือ)พระคาถาบารมีสามสิบทัศน์

ครั้นเมื่อหลวงปู่เอี่ยม ปฐมนาม เจ้าอาวาสวัดสะพานสูงได้นำพระยันต์ดังกล่าวมาเป็นพระยันต์หลักในการสร้างตะกรุดโสฬสมหามงคล หลวงปู่ฯได้ดัดแปลงพระยันต์หลักดังกล่าวเพิ่มเติมโดย

1. เพิ่มยันต์ประทับกลางภายในชุดจตุโร โดยได้ประทับพระปิดตา และอักขระ นะ โม พุท ธา ยะ คือพระเจ้าห้าพระองค์ พร้อมทั้งอุณาโลมและเลขยันต์ ๕

2. ด้านนอกพระยันต์โสฬสในแต่ละด้านประทับเลขกลยันต์ ๑๑๑ ยันต์ใบพัด พร้อมยันต์สี่เหลี่ยมซ้อนหรือยันต์แปดทิศและประทับอักขระ นะ มะ พะ ทะ เพื่อเรียกสูตรดินน้ำลมไฟหรือธาตุทั้งสี่นั่นเอง

3. พระยันต์ล้อมด้านนอกด้วย พุทโธอุด ธัมโมอุด สังโฆอุด สังฆังอุดอุดอุด อุดธังอุด มะปิดมะอุด นะอุดนะอุด พร้อมทั้ง อิติปารมิตตาตึงสา อิติสัพพัญญู มาคะตาอิติโพธิ มนุปัตโต อิติปิโส จะเนนะโม

มาดูลายยันต์กับลายมือหลวงตาวาสกันชัดๆครับ

ยันต์มหาโสฬสมงคล


ยันต์โสฬสมงคล​

จะมีพระยันต์อีกแบบหนึ่งที่ชื่อคล้ายกันอยู่ เลยนำมาฝาก กันหลงกัน รูปด้านล่างเลยครับ

​

จากหลักฐานบันทึกในสมัยรัชกาลที่ 4 , รัชกาลที่ 5 และรัชกาลที่ 6
พระชัยวัฒน์ประจำรัชกาลที่ 4, 5 และ 6 ประกอบด้วยยันต์ " ยันต์อริยสัจ" ที่ก้นของพระชัยวัฒน์ประจำรัชกาลที่ 4, 5 และ 6
ยันต์อริยสัจ ไม่ใช่ยันต์อริยสัจโสฬสมงคล คนเรียกยันตนี้ว่าห้ายอดก็มี แต่ที่แท้จริงเรียกว่า ยันต์อริยสัจ

เป็นยันต์แมตตา ที่มีคงกระพัน ป้องกันภัย สรรพอาวุธทั้งปวง และป้องกันภูติผีปีศาษ ยันตนี้มีอำนาจไล่ผีมารร้าย เพราะว่าคาถาตัวอักขระที่มีเขียนไว้ในยันต์เป็นธรรมะแท้ๆ เป็นสัจจธรรม อย่างเลิศ ที่ทำให้มารฟังแล้วต้องหนี เพราะมารก็จะกลัวยอมรับความจริงว่า อนิจจํ ทุกขํ และ อนัตตา

บทความของ คุณAtom ครับ

..ก่อนไปผมขอนำบทความดีๆบางส่วนจาก นสพ.คมชัดลึก มาให้อ่านกันนะครับ..

ตะกรุด แม้ว่าจะเป็นวัตถุมงคลที่รู้จักกันดีในหมู่ผู้นิยมพระเครื่องและเครื่องรางของขลัง โดยเฉพาะตะกรุดของหลวงปู่เอี่ยม วัดสะพานสูง หลวงปู่กลิ่น จนฺทรงฺสี วัดสะพานสูง หลวงพ่อคง ธมฺมฺโชโต วัดบางกะพร้อม หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า หลวงพ่อพิธ วัดฆะมัง จ.พิจิตร หลวงพ่อพอโม (โพธิ์) วัดวังหมาเน่า จ.พิจิตร ฯลฯ แต่จะมีใครสักกี่คนจะรู้ว่าตะกรุดแต่ละดอกของพระเกจิอาจารย์นั้น ได้ลงอักขระเลขยันต์อะไรไว้บ้าง

การสร้างตะกรุด ถือว่าเป็นภูมิปัญญาส่วนตัวของพระเกจิอาจารย์แต่ละท่าน การจารอักขระเลขยันต์ ลงแผ่นทองคำ เงิน นาก ตะกั่ว ดีบุก กระดูก เขา งา ไม้ไผ่ ไม้โพธิ์ ทุกตัวเลข ทุกอักขระ ทุกเส้นสายลายยันต์ ล้วนเป็นการจารด้วยมือ ไม่ได้ปั๊มทำแบบสุกเอาเผากินอย่างเช่นปัจจุบัน

ระหว่างการจารนั้น นอกจากท่องสูตรแล้วยังต้องกำหนดจิตด้วย แล้วจึงม้วน ระหว่างม้วนก็เช่นกัน มีการบริกรรมพระคาถา และเพื่อเพิ่มความเข้มขลัง พระเกจิอาจารย์บางรูปหลังถักตะกรุดด้วยสายสิญจน์ นอกจากนี้แล้วยังมีการจุ่มรักและพอกด้วยผงพุทธคุณ

ด้วยความเชื่อที่ว่า หากคลี่ตะกรุดออกมาจะให้อำนาจพุทธคุณนั้นเสื่อม จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ไม่มีใครกล้าที่จะคลี่ออกมาดูว่า พระเกจิอาจารย์แต่ละรูปนั้นท่านได้ลงยันต์อะไรไว้บ้าง

ความเชื่อเรื่องนี้เองทำนักสร้างวัตถุมงคลรุ่นใหม่ฉวยโอกาส นำแผ่นโลหะซึ่งไม่ได้มีการลงอักขระเลขยันต์ แล้วนำไปม้วนเป็นตะกรุดมาหลอกให้เช่าบูชา เมื่อใครเช่าไปก็ไม่กล้าที่จะคลี่ออกดู เพราะเกรงว่าอำนาจพุทธคุณในตะกรุดจะเสื่อม

เมื่อพูดถึงการคลี่ตะกรุดออกมาดูยันต์ภายใน ต้องยกความกล้าและอยากพิสูจน์ของ พยัพ คำพันธุ์ นายกสมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทย ผู้ซึ่งพิสมัยและหลงใหลในตะกรุดของหลวงปู่เอี่ยม วัดสะพานสูง เป็นชีวิตจิตใจ ซึ่งเขายืนยันว่า

"การม้วนตะกรุดนั้นเพียงเพื่อให้สะดวกต่อการพกพาและ เพื่อรักษาความคมชัดของ อักขระเลขยันต์ภายในเท่านั้น ดังนั้นการคลี่ออกมาดู จึงไม่ทำให้อำนาจพุทธคุณเสื่อมอย่างที่หลายคนเข้าใจกัน"

...ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมชม กรุณา..จ่าย..ค่าอ่านให้ผมด้วยรอยยิ้มที่เป็นมิตรไมตรี และเสริมข้อบกพร่องในส่วนของผมเพื่อเป็นความรู้ให้กับพี่ๆน้องๆชาวเวป pantown ห้องหลวงตาวาสด้วย โชค - ดี ครับ...( นอกจากเป็นคนมี โชค แล้วต้องเป็นคน ดี ด้วยนะครับ

มีน้องคนหนึ่งถามเกี่ยวกับยันต์และคาถาโสฬสมงคลสายวังหน้าไว้ ถามมาก็จัดไปครับ (^-^)

พระคาถาโสฬสนี้เป็นคาถาสายวังหน้าครับโดยต้นวิชาคาถานี้คือ พ่อสอน วังหน้าครับ หลายคนอาจจะ งง ว่าพอสอนวังหน้าเป็นใครพ่อสอนวังหน้านั้น ท่านเป็นเกจิฆารวาสรุ่นราวคราวเดียวกับหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่าครับเเละท่านเป็นสหธรรมมิกกับหลวงปู่ศุขด้วย ท่านจึงเเลกเปลี่ยนวิชากันอย่างสม่ำเสมอเเละท่านพ่อสอนเองก็เป็นอาจารย์ฆารวาสเพียงผู้เดียวของท่านพลเรือเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอพระองค์เจ้าอาภากรณ์เกียรติยวงศ์ หรือกรมหลวงชุมพรครับโดยที่พ่อสอน วังหน้าเป็นฆราวาสผู้เดียวที่กล้าท้าลองวิชากับกรมหลวงชุมพร ครับวิชาที่ท่านลองกับกรมหลวงชุมพรนั้นคือ( การทดลองวิชาน้ำมันลองหน้าพระนั่งซึง่เป็นตำราน้ำมันของเเม่ทัพนายกองในสมัยโบราณ ) โดยเชื่อกันว่าผู้ที่มีน้ำมันดังกล่าวสามารถใช้น้ำมันตัวนี้ทาบาดเเผลเเล้วเเผลจะหายในชั่วยาม โดยท่านได้ถ่ายทอดวิชานี้ให้เเก่ท่าน อ. อุไร มณตรีกุล ณ อยุธยาครับ ท่านอ.อุไร ท่านเป็นอาจารย์ของท่านอ.ประคอง รุ่นเจริญครับ

ในภาพคือท่านอ. อุไร มนตรีกุล ณ อยุยาครับในสายท่านพ่ออ.ประคอง


พระคาถาโสฬสของสายนี้​

ซึ่งหลายคนอาจจะสงสัยว่าทำไม่คาถาไม่เหมือนกับคาถาโสฬสที่เคยเห็นกันครับหลายคนอาจบอกว่าไม่เหมือนสายวัดสะพานสูง หรือ ที่อื่น ๆ เเต่อย่าลืมว่าสายวิชาใครสายวิชามัน ไม่มั่วกัน โดยคาถานี้มีบทย่อว่า " อะตึพะธึ " ใช้เสกข้าวรับประทานคงกระพันดีครับ หรือจะใช้ทำน้ำพระพุทธมนต์กำหราบปราบคุณไสยได้ครับ หรือจะสวดภาวนาก็ดีครับ เป็นมงคลเพราะคาถาโสฬสนั้นเป็นการอัญเชิญเเละบูชาทวยเทพเทวดาทั่วทั้งจักรวาลครับฉะนั้นเเล้วผมว่าเป็นคาถามงคลสูงสุด อีกบทหนึ่งครับ

ผ้ายันต์โสรฬแปดทิศ ของ อ.สงวน ลูกศิษย์ อ.อุไร มนตรีกุล ณ อยุทธยา (ขอบคุณภาพสวยๆจาก คุณbusawan )

​

คราวนี้เรามาดู..เสาหลักเมือง..กันบ้าง หลายท่านอาจจะเริ่มสงสัย เล่าเกี่ยวกับยันต์โสฬสมงคลอยู่ดีๆ แล้วเสาหลักเมืองมาเกี่ยวอะไร มันบ้าหรือเปล่า (จริงๆแค่เพี้ยนครับ ไม่ถึงกับบ้า ว่าแล้วมาดูรูปศาลหลักเมืองกันก่อนดีกว่า

..ศาลหลักเมือง กรุงเทพฯ..
ในแต่ละจังหวัดของไทย ส่วนใหญ่เกือบทุกจังหวัดจะมีศาลหลักเมือง เป็นสถานที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของคนในจังหวัด เป็นที่สถิตของเหล่าเทพผู้รักษาเมืองนั้นๆ ศาลหลักเมืองกรุงเทพฯ นอกจากจะเป็นหลักเมืองประจำจังหวัดแล้ว ยังนับว่าเป็นหลักเมืองของประเทศอีกด้วย

เมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก รัชกาลที่ ๑ โปรดเกล้าฯ ใหมีพระราชพิธียกเสาหลักเมือง ตามโบราณราชประเพณีเพื่อเป็นนิมิตหมายหลักชัยสำคัญ ประจำพระมหานครราชธานี ณ วันอาทิตย์ขึ้น ๑๐ ค่ำ เดือน ๖ ปี ขาล จุลศักราช ๑๑๔๔ ฤกษ์เวลาย่ำรุ่งแล้ว ๕๔ นาที (เวลา ๐๖.๕๔ นาฬิกา ) ตรงกับสุรทิน ที่ ๒๑ เมษายน พุทธศักราช ๒๓๒๕ ได้ดวงชะตาของเมืองลงในแผ่นทองคำ ดังนี้ ลัคนาสถิตราศีเมษ กุมอาทิตย์ เกตุอังคารอยู่ราศรีพฤกษภ มฤตยูอยู่ราศีเมถุน จันทร์ราศีกรกฎ เสาร์และพฤหัสราศีธนู ราหูศุกร์ และพุธราศีมีน

เสาหลักเมืองเป็นไม้ชัยพฤกษ์มีไม้แก่นจันทร์ประทับนอก ขนาดยาว ๑๘๗ นิ้ว ลงรักปิดทอง มีเม็ดยอดสวมที่ปลายหลัก ภายในกลวงเป็นช่องสำหรับบรรจุดวงชาตาพระนคร

...มียันต์โสฬสมงคล ทำด้วยแผ่นศิลาสำหรับรองเสาหลักเมือง

...มียันต์พระไตรสรณคม ทำด้วยแผ่นเงิน ปิดที่ปลายเสาหลักเมือง

...และ ยันต์องครักษ์ธาตุทั้งสี่ ทำด้วยแผ่นเงิน เช่นกัน สำหรับปิดที่ต้นเสาหลักเมือง แล้วขุดดินในพระนครจากทิศทั้งสี่ ปั้นเป็นก้อน สมมติเป็น ดิน น้ำ ลม ไฟ ทำพิธีใส่ลงในหลุม สำหรับฝังเสาหลักเมือง แล้ววางแผ่นศิลาบนดินทั้งสี่ก้อน จากนั้นจึงเชิญ เสาหลักเมืองลงหลุมโดยวางบนแผ่นศิลา หลักเมืองในครั้งนั้น ไม่ได้มีสิ่งปลูกสร้างปกคลุม เหมือนปัจจุบัน มีเพียงศาลากันแดดกันฝนเท่านั้น ไม่มีเทพารักษ์รวมอยู่ด้วย

และต่อมาในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหามงกุฏพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ เมื่อเสด็จขึ้นครองราช ทรงตรวจดวงพระชาตาของพระองค์ ซึ่งสถิตอยู่ ณ ราศีกันย์ เป็นอริแก่ลัคณาดวงเมืองกรุงเทพมหานคร เห็นได้ชัดว่าดวงพระชาตาไม่กินกับดวงเมือง พระองค์จึงทรงแก้เคล็ดดวงเมือง โดยโปรดให้ขุดพระหลักเมืององค์เดิม ในการนี้พระองค์ได้โปรดให้ช่างแปลงรูปศาลเสียใหม่ จากรูปศาลาเป็นรูปปรางค์ และทรงบรรจุดวงเมืองเดิม ลงบนเสาพระหลักเมืองใหม่ ณ วันอาทิตย์ ขึ้น ๑๐ ค่ำ เดือนอ้าย จุลศักราช ๑๒๑๔ ตรงกับสุรทิน ที่ ๕ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๓๙๕ เวลา ๐๘.๔๘ นาฬิกา

องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก ซึ่งมีหน้าที่กำกับดูแลสำนักงานกิจการศาลหลักเมืองร่วมกับกรมศิลปากร พิจารณาเห็นว่า สมควรปฏิสังขรณ์ศาลให้สง่างามยิ่งขึ้น จึงได้เปลี่ยนแปลงลักษณะรูปศาล เป็นแบบจตุรมุขส่วนยอดปรางค์นั้น ให้คงไว้เช่นเดิม การปฏิสังขรณ์ครั้งนี้ได้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี และพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหา ภูมิพลอดุลยเดชฯ สยามินทราธิราช รัชกาลที่ ๙ ได้เสด็จพระราชดำเนินมาประกอบพิธีสังเวยสมโภช เมื่อวันจันทร์ที่ ๖ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๑๓ เวลา ๑๐.๓๐ นาฬิกา

นอกจากพระหลักเมือง ซึ่งเป็นเทพารักษ์สำคัญแล้ว ภายในศาลยังมีเทพารักษ์ผู้พิทักษ์ให้ความร่มเย็นแก่แผ่นดิน และประชาราษฎร์อีก ๕ องค์ ถือว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง คือ พระเสื้อเมือง พระทรงเมือง เจ้าพ่อเจตคุปต์ พระกาฬไชยศรี เจ้าพ่อหอกลอง

อ่านข้อมูลยันต์อื่นๆของมีดหมอวชิรพรหม
ยันต์เกราะเพชร
ยันต์พระเจ้าห้าพระองค์
ยันต์ทำน้ำมนต์
ยันต์ตรีนิสิงเห
ยันต์โสฬสมงคล ตอนที่ ๑
ยันต์โสฬสมงคล ตอนที่ ๒ (สุดท้าย)


ที่มา คุณ shibby

 

ชวัลลักษณ์ ขอจองแท่นมีด 1 อันคะ

 

ดีใจจังพรุ่งนี้ได้มีดหมอละรอคอยวันนี้มานานๆๆๆๆคะ

 

ไม่เห็นมีใครรับทราบการจองแท่นมีดหมอของหนูหลยคะ

 

รับทราบการจองแท่นครับ

 

คุณ Step&Time ฝากแจ้งว่า

ขอจองแท่นวางดาบวชิรพรหม จำนวน ๑ ชุด และไ้ด้ทำการโอนเงินให้เรียบร้อยแล้ว
วันนี้เวลา ๑๙:๑๑:๑๕ น. จำนวนเงิน ๕๐๐ บาทครับ และขอรับพร้อมกับดาบทั้ง ๓ เล่มครับ

ขอบพระคุณมากครับ

 

พรุ่งนี้แล้ววววววว รอมานานนนน

 

รับทราบการจอง 1 แท่นครับ

 

วันที่ 28 ธันวาคม 2555 พระอาจารย์และคณะนำสิ่งของไปบริจาคให้แก่มูลนิธิเด็ก 2 แห่งใน จ.กาญจนบุรี ซึ่งเป็นเด็กกำพร้าและเด็กด้อยโอกาส มีเลี้ยงไอศรีมด้วยค่ะ หรือใครมีของที่อยากบริจาค เช่น ของใช้จำเป็น นมกล่อง ขนม หรือเงินบริจาคก็นำมาร่วมทำบุญกันได้ค่ะ

วันที่ 29-31 ธันวาคม 2555 บวชเนกขัมมะ ที่สำนักสงฆ์เจโตวิมุตติ(วัดป่าเขาดิน) จ.กาญจนบุรี

วันที่ 29 ธันวาคม 2555 พระอาจารย์ทำบุญวันคล้ายวันเกิด ในวันนี้มีพิธีบวงสรวง หล่อพระเกศเพลิงจำนวน 10 องค์ พิธีมหาพุทธาภิเษกดาบวชิรพรหม ปล่อยปลา 1 ตันค่ะ

กำหนดการวันที่ 29 ธันวาคม 55
เวลา 8.00น. บวงสรวง
เวลา 9.30น. หล่อพระเกศเพลิง เนื้อสัมฤทธิ์ จำนวน 10 องค์ (พระเกศเพลิงขนาดพระหน้าตัก 4 ศอก)
เวลา 10.00น. พิธีมหาพุทธาภิเษกดาบวชิรพรหม
เวลา 11.00น. เลี้ยงเพลพระ ๑๐๘ รูป
เวลา 12.00น. ปล่อยปลา 1 ตัน

ท่านใดสนใจเป็นเจ้าภาพพระเกศเพลิงแจ้งไปที่คุณวรชัยได้ค่ะ เจ้าภาพพระเกศเพลิงองค์ละ 5,000 บาท ซึ่งตอนนี้คณะของคุณรุ่ง จากจุฬาฯ รับเป็นเจ้าภาพแล้ว 2 องค์

หรือสนใจร่วมทำบุญหล่อพระเกศเพลิงตามกำลังศรัทธา สามารถร่วมบุญได้ที่
ธนาคารกสิกรไทยออมทรัพย์ สาขากาญจนบุรี
ชื่อบัญชี พระครูวินัยธรยุคลธรณ์ ธัมมปุตโต (เพื่อวิหารทาน สำนักสงฆ์เจโตวิมุตติ)
เลขที่ 221-2-98790-8

วันที่ 30 ธันวาคม 2555 เวลา 7.49น. พิธีบวงสรวง ที่สำนักปฏิบัติธรรมปัญญาวิมุตติ ซ.จรัญสนิทวงศ์77 กรุงเทพฯ


วันที่ 31 ธันวาคม 2555 พิธีสะเดาะเคราะห์ต่อชะตา และสวดมนต์ข้ามปี ฉลองวันขึ้นปีใหม่

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ คุณวรชัย 081-190-1125 /คุณวา 081-5508655

 

ขอร่วมทำบุญด้วย 1 เล่มพร้อมที่วางดาบ รายละเอียดพีเอ็มไปแล้วครับ

 

ลำดับการจอง 156
โอนแล้ว
Transfer Slip เลขที่รายการ: 201212291333060001
วัน-เวลาที่หักบัญชี 29/12/2555 - 13:32:51
วันที่เงินเข้าบัญชี 29/12/2555
วิธีการโอนเงิน โอนแบบทันที
บัญชีรับเงิน
เลขที่บัญชี 6972075157
ธนาคารผู้รับโอน ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)
จำนวนเงินโอน 6,050.00 บาท
รายละเอียดทาง pm ครับ

 

รับทราบการจอง 1 เล่มพร้อมแท่นวางครับ

 

รับทราบการโอนเงินครับ
ขออนุโมทนาบุญด้วยครับ

 

เงียบเลยช่วงนี้ปี่ใหม่ ไม่มีคนมาพูดคุยเหมือนแต่ก่อนเลย ตั้งแต่วันเกิดพระอาจารย์

 

เรื่องส่งมีดหมอ จะดำเนินการได้เมื่อไหร่ ไม่มีใครออกมาพูดคุยเลย หรือว่าไปเที่ยวปีใหม่กันหมดคะ

 

สำหรับท่านเจ้าภาพที่ไม่สะดวกจะมารับดาบวชิรพรหมด้วยตนเอง ผมจะจัดส่งให้ทางพัสดุ ems โดยจะเริ่มทยอยส่งให้ตั้งแต่วันที่ ๕ มกราคม ๒๕๕๖ เป็นต้นไป

ส่วนเรื่องแท่นวางดาบฯ ผมต้องขออภัยล่วงหน้าที่ต้องจัดส่งให้ล่าช้าเนื่องจากขอช่างหยุดปีใหม่ทำให้ไม่ทัน จะขอจัดส่งตามไปให้ประมาณปลายเดือนมกราคมนะครับ